11 1.4 กิตติกรรมประกาศ (acknowledgement) • พิมพค์ ําวา่ กติ ติกรรมประกาศ กลางหนา้ กระดาษ ด้วยตัวอักษรหนาขนาด 22 จดุ • เว้น 1 บรรทดั พิมพเ์ นอ้ื ความ ความยาวไม่เกินหนง่ึ หน้ากระดาษ ตัวอกั ษรปกตขิ นาด 16 จุด • กรณีเป็นผู้ทําโครงงานคนเดียว ให้เว้น 2 บรรทัด แล้วพิมพ์ช่ือและชื่อสกุลของผู้ทําโครงงานห่าง จากบรรทดั สุดท้ายของขอ้ ความ เย้อื งไปทางด้านขวาโดยไมต่ ้องระบุวันท่ี กรณที าํ หลายคน ไมต่ อ้ งลงช่ือ 1.5 สารบัญ (table of contents) • พิมพค์ ําว่า สารบญั กลางหน้ากระดาษ ด้วยตวั อักษรหนาขนาด 22 จุด • เว้น 1 บรรทัด พิมพค์ าํ วา่ หน้า ชิดรมิ ดา้ นขวาของกระดาษ และเวน้ 1 บรรทัด เพือ่ พมิ พร์ ายการแรก • แสดงบัญชีการแบ่งเน้ือเร่ืองออกเป็นบท โดยระบุเลขที่บทและช่ือบทพร้อมหมายเลขหน้าตามที่ ปรากฏในรายงานและส่วนอ่ืนๆ ยกเว้นหน้าปกในและหน้าสารบัญ โดยพิมพ์คําว่า บทที่ เอกสารอ้างอิง ภาคผนวก ชิดขอบด้านซ้าย ชื่อบทอยู่ห่างจากหมายเลขบทสองช่วงตัวอักษร หากต้องการแสดงรายการหัวข้อ ภายในบทใหพ้ มิ พร์ ายการหวั ข้อตรงกับช่อื บท โดยไมต่ อ้ งใสเ่ ครื่องหมาย – ข้างหน้า การแสดงรายการภาคผนวก ใหป้ ฏิบัตเิ ชน่ เดียวกนั ใช้ตวั อกั ษรปกตขิ นาด 16 จดุ สารบัญตาราง (list of tables) • พิมพค์ ําวา่ สารบัญตาราง กลางหน้ากระดาษ ดว้ ยตัวอกั ษรหนาขนาด 22 จุด • เว้น 1 บรรทัด แล้วพมิ พ์คําว่า ตาราง ห่างจากริมขอบกระดาษซ้ายมือหนึ่งนิ้วคร่ึง แล้วพิมพ์คําว่า หน้า ในแนวเดียวกัน หา่ งจากขอบกระดาษขวามอื หนงึ่ น้วิ และเว้น 1 บรรทดั เพอ่ื พมิ พร์ ายการแรก • แสดงบัญชีตารางโดยระบุหมายเลขลําดับตารางอยู่ตรงกลางของคําว่าตารางข้างบน เว้นระยะ พมิ พส์ องช่วงตัวอกั ษร แล้วพมิ พ์ช่อื ตาราง หรือคาํ อธบิ ายตาราง พมิ พห์ มายเลขหนา้ ให้ตรงกบั คําว่า หน้า การให้หมายเลขตาราง อาจเรียงหมายเลขลําดับตาราง ต้ังแต่ตารางแรกจนถึงตารางสุดท้ายใน รายงาน หรอื เรียงหมายเลขลําดับตารางแยกออกเปน็ บทๆ ไป การพิมพใ์ ชต้ ัวอกั ษรปกตขิ นาด 16 จดุ สารบัญภาพ (list of figures) • พมิ พ์คาํ ว่า สารบัญภาพ กลางหนา้ กระดาษ ด้วยตัวอกั ษรหนาขนาด 22 จดุ • เว้น 1 บรรทัด แล้วพิมพ์คําว่าภาพท่ี ห่างจากริมขอบกระดาษซ้ายมือหน่ึงน้ิวครึ่ง แล้วพิมพ์คําว่า หน้า ในแนวเดยี วกันหา่ งจากรมิ ขอบกระดาษขวามอื หน่ึงนวิ้ และเวน้ 1 บรรทัด เพอ่ื พิมพร์ ายการแรก • แสดงบัญชีภาพประกอบโดยระบุหมายเลขลําดับภาพ ชื่อภาพหรือคําอธิบายภาพและหมายเลข หน้า ตามที่ปรากฏในโครงงานให้หมายเลขลําดับภาพอยู่ตรงกลางของคําว่า ภาพ หมายเลขหน้าตรงกับคําว่า หน้า ใชต้ ัวอกั ษรปกติขนาด 16 จดุ การให้หมายเลขภาพ อาจเรียงหมายเลขลําดับภาพ ตั้งแต่ภาพแรกจนถึงภาพสุดท้ายในรายงาน หรือ เรยี งหมายเลขลําดบั ภาพแยกออกเป็นบทๆ ไป 1.6 อกั ษรย่อและสัญลักษณ์ (abbreviations and symbols) ถ้ามี • พิมพ์คําว่า อักษรย่อ หรือสัญลักษณ์ หรืออักษรย่อและสัญลักษณ์แล้วแต่กรณีไว้กลาง หน้ากระดาษ ดว้ ยตัวอกั ษรหนาขนาด 22 จดุ • เว้น 1 บรรทัด พิมพ์ข้อความบรรทัดแรกของอารัมภบท (ถ้ามี) ถ้าไม่มีอารัมภบทให้พิมพ์คําว่า สัญญลกั ษณไ์ ว้ชดิ ริมซ้ายมอื และพิมพค์ าํ วา่ คาํ อธิบาย ไวใ้ นแนวเดยี วกนั ในระยะหา่ งทเี่ หมาะสม • เว้น 1 บรรทดั แสดงบัญชีอักษรย่อและสัญลกั ษณ์พร้อมคําอธบิ าย ใชต้ วั อักษรปกติขนาด 16 จุด
12 2. สว่ นเนอื้ ความ (text) 2.1 การแบ่งเนือ้ เรอื่ ง (sections and subsections) • การแบ่งบท ควรแบ่งเน้ือเรื่องออกเป็นบทหรือตอน และเม่ือเริ่มบทใหม่หรือตอนใหม่ต้องข้ึนหน้า ใหมเ่ สมอ • ให้พิมพ์คําว่า “บทท่ี” กลางหน้ากระดาษ และมีเลขประจําบทเป็นเลขไทยหรือเลขอารบิกสําหรับ รายงานภาษาไทย และเลขโรมันใหญ่ สําหรับรายงานภาษาอังกฤษ ช่ือบทให้พิมพ์ไว้กลางหน้ากระดาษใน บรรทัดตอ่ จากบทที่ ชอื่ บทภาษาองั กฤษให้ใชต้ ัวพมิ พ์ใหญ่ทุกตัวอกั ษร ใชต้ ัวอกั ษรตัวหนาขนาด 22 จุด • เวน้ 1 บรรทดั ก่อนเริ่มพมิ พ์เนือ้ ความของแต่ละบท 2.2 ตาราง (tables) • การนาํ เสนอตารางทําไดส้ ามวธิ ี ใหเ้ ลอื กวธิ ีใดวิธหี นง่ึ คือ 1) นําเสนอตารางต่อจากข้อความท่ีกล่าวถึงตารางนั้น โดยบรรยายผลการดําเนินงานท่ีได้ให้ ครบถ้วน แล้วจึงเขียน คําว่า ดังตารางที่... หากมีเน้ือที่ไม่เพียงพอท่ีจะเสนอตารางในหน้าเดียวกันกับข้อความ ให้พิมพ์ข้อความอื่นต่อจนหมดหน้ากระดาษแล้วจึงเร่ิมพิมพ์ตารางในหน้าถัดไป โดยก่อนพิมพ์ตาราง ให้พิมพ์ ขอ้ ความชิดดา้ นซา้ ยของกระดาษวา่ ตารางท่ี ... .................................... (ใสช่ อื่ ตาราง) 2) นําเสนอตารางท้ังหมดไวด้ ้วยกันในทหี่ น่งึ ทีใ่ ดตามความเหมาะสม 3) นาํ เสนอตารางเปน็ ตอนๆ แยกจากข้อความตามความเหมาะสม • ขนาดของตารางไม่ควรเกินกรอบหน้ากระดาษ สําหรบั ตารางที่มขี นาดใหญ่ให้ลดขนาดลงด้วยการ ใชเ้ คร่ืองถา่ ยสาํ เนาหรอื วธิ ีการอื่นๆ โดยใหค้ งความชัดเจนไว้ • หากตารางยังมีความกว้างเกินกรอบหน้ากระดาษให้พิมพ์ตารางตามแนวนอนของหน้า กระดาษ โดยหมุนส่วนบนของตารางเขา้ หาขอบซา้ ยของหนา้ กระดาษ และพิมพ์ไว้หน้าหนึ่งต่างหาก ไม่พิมพ์ข้อความอื่น ไวใ้ นหนา้ เดยี วกัน การพมิ พ์หมายเลขหน้าจะต้องทําเชน่ เดียวกับหน้าอนื่ ๆ • หากจําเป็นต้องต่อตารางข้ามหน้า ให้พิมพ์คําว่า ตารางและพิมพ์หมายเลขตารางแล้วพิมพ์คําว่า (ตอ่ ) ไวใ้ นวงเลบ็ • สาํ หรับตารางท่ีมีหัวเร่ืองควบสดมภ์ (boxhead) มากๆ ให้ซอยตารางออกได้ • คาํ อธบิ ายตาราง ประกอบดว้ ยหมายเลขตารางและชื่อตาราง ทง้ั นี้ 1) อาจเรียงหมายเลขลําดับตาราง ต้ังแต่ตารางแรกจนถึงตารางสุดท้ายในรายงาน หรือเรียง หมายเลขลําดับตารางแยกออกเป็นบทๆ เช่น ตารางที่ 1.1 (อยู่ในบทท่ี 1) ตารางที่ 2.1 (อยู่ในบทที่ 2) ตาราง ท่ี ก.1 (อยู่ในภาคผนวก ก) เป็นตน้ 2) พมิ พ์คําว่า ตารางที่ และหมายเลขลําดับตารางด้วยตัวอักษรตัวหนาขนาด 16 จุด จากน้ันเว้น ระยะสองช่วงตวั อักษร แลว้ จงึ พิมพ์ช่ือตารางท่ีเป็นข้อความกะทัดรัดและสื่อความหมายชัดเจน 3) กรณีช่ือตารางยาวเกิน 1 บรรทัด ให้พิมพ์ตัวอักษรตัวแรกของบรรทัดถัดไป ตรงกับอักษรตัว แรกของชอ่ื ตาราง
13 2.3 ภาพ (figures) • การนาํ เสนอภาพประกอบทาํ ไดส้ องวิธี ให้เลือกใชแ้ บบใดแบบหนงึ่ ตลอดทงั้ เลม่ คือ 1) นําเสนอภาพต่อจากข้อความท่ีกล่าวถึงภาพน้ัน โดยบรรยายผลการดําเนินงานที่ได้ให้ ครบถ้วน แล้วจึงเขียน คําว่า ดังภาพท่ี... หากมีเนื้อที่ไม่พอท่ีจะเสนอภาพประกอบไว้ในหน้าเดียวกันกับ ข้อความ ให้พิมพข์ ้อความอ่นื ตอ่ ใหห้ มดหน้ากระดาษ แล้วจงึ เสนอภาพประกอบหนา้ ถดั ไป หรือ 2) นําเสนอภาพประกอบทัง้ หมดไว้ดว้ ยกนั ในท่ีหน่ึงท่ใี ดตามความเหมาะสม • ภาพประกอบท่ีมีขนาดใหญ่เกินหน้ากระดาษ ให้ลดขนาดลงด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งที่เหมาะสม หากวางภาพในกรอบของหน้ากระดาษตามปกติไม่ได้ให้วางภาพตามแนวนอน โดยหันด้านบนของ ภาพประกอบชิดขอบซา้ ยมอื ของรายงาน • การผนึกภาพให้ใช้กาวอย่างดีและผนึกอย่างประณีต เรียบร้อย เหมาะสม และสวยงาม ทั้งน้ี จะวางตามแนวตงั้ หรือแนวนอนของหน้ากระดาษก็ได้ • คําอธบิ ายภาพ ประกอบดว้ ยหมายเลขลาํ ดบั ภาพและชอ่ื ภาพ ท้ังน้ี 1) อาจเรียงหมายเลขลําดับภาพตั้งแต่ภาพแรกจนถึงภาพสุดท้าย หรือเรียงหมายเลขลําดับภาพ แยกออกเป็นบทๆ เช่น ภาพท่ี 1.1 (อยใู่ นบทที่ 1) ภาพท่ี 2.1 (อย่ใู นบทท่ี 2) ภาพท่ี ก.1 (อยู่ในภาคผนวก ก) 2) พิมพ์คําว่า ภาพที่ และหมายเลขลําดับภาพด้วยตัวอักษรตัวหนาขนาด 16 จุด จากนั้นเว้น ระยะสองชว่ งตัวอกั ษร แลว้ จงึ พมิ พช์ อ่ื ภาพท่เี ป็นข้อความกะทัดรดั และส่อื ความหมายชดั เจน ด้วยตวั ปกติ 3) พิมพค์ าํ อธบิ ายภาพประกอบไว้ใต้ภาพ กลางหน้ากระดาษ 3. บรรณานุกรม (bibliography) และ เอกสารอ้างองิ (references) • พิมพ์คาํ ว่า บรรณานกุ รม หรือ เอกสารอ้างอิง ไวก้ ลางหน้ากระดาษ ดว้ ยตวั อกั ษรหนาขนาด 22 จุด • เว้น 1 บรรทัด แล้วจึงพิมพ์รายการแรก หากรายการท่ีพิมพ์ยาวเกินหนึ่งบรรทัด ให้ตัดไปพิมพ์ใน บรรทดั ถัดไปโดยย่อหน้าเขา้ ไปแปดชว่ งตวั อกั ษรพมิ พ์ ใช้ตวั อักษรปกติขนาด 16 จุด • ให้พิมพร์ ายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม ท่เี ป็นภาษาไทยกอ่ นภาษาต่างประเทศ • เรยี งแต่ละรายการตามลาํ ดบั อักษรของคาํ แรกของแต่ละรายการตามพจนานุกรม 4. ภาคผนวก (appendix) • ข้ึนหน้าใหม่ พิมพ์คําว่า ภาคผนวก ก่ึงกลางหน้ากระดาษ ด้วยตัวอักษรตัวหนาขนาด 22 จุด โดย ไม่ตอ้ งพิมพเ์ ลขหนา้ แต่นบั หน้า • กรณีมีหลายภาคผนวก ให้ขึ้นหน้าใหม่และพิมพ์เลขหน้า และพิมพ์เรียงลําดับเป็น ภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ภาคผนวก ค ฯลฯ โดยไม่ใส่เครื่องหมายมหัพภาค (.) หลังตัวอักษรลําดับภาคผนวก แลว้ พิมพ์ช่อื ภาคผนวกในบรรทดั ถัดไป โดยใชต้ วั อักษรตัวหนาขนาด 22 จุด • เวน้ 1 บรรทัด กอ่ นพิมพ์ข้อความบรรทัดแรก • สําหรับจดหมาย แบบสอบถาม (questionnaires) แบบตรวจสอบ (check list) แบบสํารวจ (inventory) ฯลฯ ทใ่ี ช้ในการเก็บข้อมูล หากมีขนาดใหญ่กว่ากระดาษท่ีใช้พิมพ์รายงานให้ลดขนาดลง โดยการ ถา่ ยสําเนาเอกสาร หรือพมิ พใ์ หม่ในกระดาษทใี่ ช้พมิ พร์ ายงาน • ภาคผนวกท่ีเป็นอภิธานศัพท์ (glossary) หากไม่ได้นําเสนอไว้ในบทนํา ให้เรียงศัพท์ตามลําดับอักษร โดยพิมพ์อักษรตัวแรกของศัพท์แต่ละคําห่างจากริมขอบกระดาษด้านซ้ายมือหน่ึงนิ้วครึ่ง เว้นระยะสองช่วง
14 ตัวอักษร แล้วจึงพิมพ์คําอธิบาย หากคําอธิบายศัพท์ยาวเกินหนึ่งบรรทัด ให้พิมพ์บรรทัดต่อไปโดยย่อหน้าเข้า ไปแปดชว่ งตวั อกั ษร การพมิ พ์หัวข้อย่อย การพิมพ์หัวข้อย่อยอาจใช้ตัวอักษรกํากับหน้าหัวข้อสลับกับตัวเลข หรือใช้ตัวเลขอย่างเดียวดังตัวอย่าง ต่อไปน้ี โดยกาํ หนดให้ ** หมายถึง เว้น 2 ช่วงตวั อักษร แบบที่ 1 ใช้ตัวอักษรกาํ กบั สลับกับตวั เลข ประเทศไทย (หวั ข้อหลัก) ก** ลักษณะภมู ิประเทศ (หัวขอ้ ย่อย) 1** ภาคเหนือ ก** ภาคเหนอื ตอนบน ข** ภาคเหนอื ตอนลา่ ง 2** ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื แบบท่ี 2 ใชต้ ัวเลขกาํ กบั อย่างเดยี ว ประเทศไทย (หัวข้อหลกั ) 1** ลักษณะภูมปิ ระเทศ (หัวข้อยอ่ ย) 1.1** ภาคเหนอื 1.1.1** ภาคเหนือตอนบน 1.1.2** ภาคเหนือตอนลา่ ง 1.2** ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื การพิมพ์หวั ข้อยอ่ ยให้พมิ พย์ ่อหน้าโดยเว้นระยะให้ตรงกับตัวอักษรตวั แรกของชอื่ ขอ้ ความของหัวข้อสําคัญนั้น การใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน การเขยี นรายการอา้ งองิ มีการใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอนตา่ งๆ ชว่ ยแบ่งขอ้ ความดังน้ี เคร่ืองหมายมหัพภาค (. point) ใช้ในกรณีตอ่ ไปน้ี - เมอ่ื เขยี นยอ่ ช่ือแรกหรอื ชื่อกลางของผ้แู ตง่ ชาวต่างประเทศ เช่น Hodgkiss, A. G. - ไวท้ า้ ยคาํ ทยี่ ่อ เช่น ed. - เมือ่ จบแตล่ ะขอ้ ความ (เช่น ผูแ้ ต่ง ปีพมิ พ์ ชือ่ เรอ่ื ง ฯลฯ) ในรายการอา้ งอิงน้นั เช่น Hodgkiss, A. G. (1981). Understanding maps. Dawson, Folkestone, UK. เคร่อื งหมายจลุ ภาค (, comma) ใช้ในกรณีต่อไปนี้ - ใช้ค่ันระหว่างช่ือและบรรดาศักดข์ิ องผแู้ ต่งชาวไทยหรอื ช่ือสกุลและชอื่ ตัวของ ผูแ้ ต่งชาว ตา่ งประเทศ เชน่ Renolds, F. F. ธรรมศักด์มิ นตร,ี เจา้ พระยา. - ใชค้ ่ันระหว่าง ช่ือผู้แตง่ เมอ่ื มผี ้แู ต่งมากกว่า 1 คน เช่น สุธรรม พงศส์ ําราญ, วริ ชั ณ สงขลา และพงึ ใจ พึ่งพานิช. Hanson, H., Borlaug, N. E., and Anderson, R. G.
15 - ใช้ค่ันระหวา่ งสํานกั พิมพ์และปพี ิมพ์ ถ้าเขยี นรายการอา้ งองิ ตามแบบที่ 1 เช่น สาํ นกั พมิ พ์จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย, 2539. Wiley, 1965. เครอื่ งหมายอฒั ภาค (; semi-colon) - ใช้เมื่อในขอ้ ความสว่ นนนั้ ได้ใช้เคร่ืองหมายจุลภาค (,) แลว้ เช่น เม่อื เขยี นช่ือผู้แต่งชาวตา่ งประเทศ เป็นภาษาไทยหลายๆ คน เชน่ แนช้ , จอรช์ ; วอลดอรฟ์ , แดน; และ ไรซ,์ โรเบิร์ต อ.ี มหาวิทยาลยั กบั ชมุ ชนเมือง. แปลโดย อปั สร ทรัยอนั และคนอ่ืนๆ . กรงุ เทพมหานคร : สํานักพิมพแ์ พรพ่ ทิ ยา, 2518. เคร่ืองหมายมหัพภาคคู่ (: colons) - ใช้คน่ั ระหว่างสถานทีพ่ ิมพ์ (ชื่อเมอื ง ชื่อรฐั ) และช่ือสํานักพมิ พ์ เชน่ New York: Wiley St. Louis, MO: Mosby - ใชค้ ัน่ ระหว่าง ปีท่ี หรือ เลม่ ที่ ของวารสาร หนังสอื พมิ พ์ สารานกุ รม และเลขหน้า เช่น 16 (เมษายน 2519): 231-254. 37 (1979): 1239-1248. (แบบที่ 1) 37 : 1239-1248. (แบบที่ 2) การอา้ งองิ (reference citation) ระบบการอ้างอิงในการเขียนรายงานโครงงาน แนะนําให้ใช้แบบนาม-ปี หรือแบบตัวเลข ทั้งการ เขียนอ้างอิงในส่วนเน้ือหา (บทที่ 1 2 และ 5) และการเขียนเอกสารอ้างอิง และ/หรือ บรรณานุกรม โดยการ ลงรายการอ้างอิงในเอกสารอ้างอิงให้พิมพ์เฉพาะเอกสารทุกรายการท่ีมีการอ้างอิงในเน้ือหาของโครงงาน เท่านั้น ถ้ามีเอกสารอ่ืนที่เก่ียวข้องแต่ไม่ได้นํามาอ้างอิง และผู้เขียนประสงค์นํามารวมด้วย ให้พิมพ์ต่อจาก เอกสารอา้ งองิ โดยข้นึ หน้าใหม่และใช้คาํ ว่าบรรณานุกรม 1. การเขียนอ้างองิ ในสว่ นเนือ้ หา 1.1 การอ้างอิงแบบตัวเลข (the numerical arrangement system) การอ้างอิงแบบนี้เป็นการระบุแหล่งข้อมูลท่ีใช้อ้างอิงในเนื้อหาโครงงานเป็นหมายเลขเรียงลําดับ ตอ่ เนอื่ งกนั ตลอดท้ังเลม่ โดยมีวิธีการดังนี้ 1) ใส่หมายเลขไว้ท้ายข้อความหรือช่ือบุคคลท่ีอ้างอิง โดยใส่ไว้ในวงเล็บ ( ) หรือ [ ] ให้ตัวเลข อยู่ในบรรทัดเดียวกับเนื้อหา หรือยกลอยข้ึนเหนือแนวบรรทัด เพื่อให้เด่นชัดต่างไปจากการใส่เลขประจํา หวั ข้อย่อยอ่ืนๆ และพิมพด์ ว้ ยตวั หนา หรอื ตวั เอน ท้งั น้ี ต้องใชใ้ หเ้ หมอื นกันตลอดรายงาน 2) ใหใ้ ส่ตวั เลขอา้ งองิ เรยี งลาํ ดบั ตั้งแตเ่ ลข 1 เป็นต้นไปตอ่ เนือ่ งกนั ทกุ บทจนจบเล่ม 3) ในกรณที ี่มีการอ้างอิงซาํ้ เรื่องเดมิ ให้ใชต้ ัวเลขเดิมทเ่ี คยใช้อา้ งมาก่อนแลว้ 4) แหล่งอ้างอิงท้ังหมดท่ีใช้ ต้องนําไปเขียนไว้ในเอกสารอ้างอิงท้ายเล่ม โดยใส่รายการเรียงตาม ลาํ ดบั หมายเลข และพิมพห์ มายเลขอยใู่ นเครอื่ งหมายวงเล็บ ( ) หรือ [ ]
16 1.2 การอ้างองิ แบบนาม-ปี (the author-date system) การอ้างอิงแบบนาม-ปี เป็นการระบุแหล่งอ้างอิงท่ีใช้อ้างอิงในเนื้อหาโครงงานโดยระบุช่ือผู้แต่ง และปีท่ีพิมพ์ ไว้ในวงเล็บ กรณีอ้างเน้ือหาหรือแนวคิดหรือคัดลอกข้อความบางส่วนมาโดยตรง ต้องระบุ เลขหนา้ ไว้ทา้ ยปที ีพ่ ิมพ์ ค่นั ดว้ ยเครื่องหมาย : โดยรูปแบบวิธีการเขยี นอา้ งอิงแบบนาม-ปี เปน็ ดงั น้ี 1) การเขียนปี พ.ศ. หรือ ค.ศ. ทเ่ี อกสารได้รบั การตีพมิ พ์ มแี นวการเขียนดังนี้ ภาษาที่ใชท้ ํารายงาน เอกสารที่ใชอ้ ้างอิง ใหพ้ ิมพป์ แี บบ ภาษาไทย ภาษาไทย พ.ศ. ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ค.ศ. ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ค.ศ. โดยแปลเป็นภาษาองั กฤษทัง้ หมด 2) การเขียนนามผูแ้ ตง่ • นามผู้แต่งชาวไทย แม้จะเขียนด้วยภาษาอังกฤษก็ให้เขียนท้ังช่ือและนามสกุล โดยเขียนช่ือ กอ่ น ถา้ เป็นชาวตา่ งชาติ ใส่เฉพาะนามสกุล กรณีผแู้ ต่งใชน้ ามแฝง ให้เขียนตามท่ีปรากฎ • ไม่ต้องใส่ยศทางทหาร ตํารวจ หรือตําแหน่งทางวิชาการ เช่น ศ. รศ. ผศ. หรือคําเรียกทาง วิชาชีพ เช่น นพ. ทพญ. เภสัชกร เว้นแต่จะเป็นผู้มีฐานันดรศักดิ์ บรรดาศักด์ิ หรือสมณศักด์ิ เท่าน้ัน เช่น กรมหมื่น พระยา สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาน ม.ล. • การเขียนในเนื้อหาอาจเขียนโดย แบบ ชื่อ นามสกุล (ปีท่ีพิมพ์) …เน้ือหาท่ีอ้างอิง… หรือ แบบ …เนื้อหาท่ีอา้ งองิ ... (ชอ่ื นามสกลุ , ปที ี่พิมพ์) • กรณผี ู้แต่งเปน็ คนไทยคนเดยี ว สามารถเขียนไดด้ ังน้ี (ตวั อยา่ ง 1) พรชัย อินทรฉ์ าย (2549) ศกึ ษาว่า… / พบวา่ … / รายงานว่า … (ตัวอยา่ ง 2) ……..(เนือ้ หาท่อี ้างองิ )…….(พรชัย อินทรฉ์ าย, 2549) ในกรณีทีอ่ า้ งถงึ งานนน้ั ซ้ําอกี คร้ัง หลังจากเพิง่ กลา่ วถึงมาไมน่ าน สามารถเขยี นได้ดังน้ี (ตัวอย่าง 3) พรชัย อินทร์ฉาย (2549) ศึกษา…….. สุวิมล จรูญโสตร์ (2552) อธิบายถึง ……… ซึ่งจากงานวจิ ัยของ พรชัย อินทรฉ์ าย และ สุวมิ ล จรูญโสตร์ ตา่ งสรปุ ตรงกนั ว่า … • กรณีผู้แต่งเป็นคนต่างชาติคนเดียว สามารถเขียนได้ 2 วิธี คือ ระบุช่ือเป็นภาษาต่างประเทศ ในเนื้อความ และระบุปีท่ีพิมพ์ในวงเล็บ หรือ ระบุชื่อเป็นภาษาไทยในเนื้อความก่อน แล้ววงเล็บชื่อ ภาษาต่างประเทศและปที พ่ี ิมพ์ (ตวั อย่าง 4) John (2002 a: 4-5) เตรียมสารสกัดหยาบ ….ด้วยวิธกี าร…. (ตัวอยา่ ง 5) รชิ ารด์ (Richard, 2003: 134) ให้ความเห็นวา่ ……(เนอ้ื หาท่ีอา้ งอิง)…….. • กรณีผแู้ ต่งคนเดียว เขียนเอกสารเร่ืองเดียวแตม่ ีหลายเล่มใหร้ ะบหุ มายเลขเล่มท่ีอา้ งถงึ ด้วย (ตวั อยา่ ง 6) ……(เน้ือหาท่อี า้ งอิง)….(สุภาพร สกุ สีเหลือง, 2547, เล่ม 2) (ตวั อยา่ ง 7) ……(เนื้อหาท่ีอ้างอิง)….(David, 2004, vol.3)
17 • กรณีผู้แตง่ 2 คน ตอ้ งระบชุ ่อื ผู้แต่งทุกคน โดยใช้คาํ และ หรอื and เชอ่ื มนามผูแ้ ตง่ ดงั นี้ (ตัวอย่าง 8) พรชยั อินทรฉ์ าย และ สุวิมล จรูญโสตร์ (2549) ศึกษา … พบว่า… Rose และ Katy (2001) แสดงให้เหน็ วา่ … (ตวั อยา่ ง 9) จากการศึกษาสมบตั ขิ องสารสกัด…. พบวา่ …….(John amd David, 2549) • กรณีผู้แตง่ 3 คน ครัง้ แรกทอ่ี ้างถงึ ต้องระบุชื่อผูแ้ ตง่ ทุกคน อ้างครัง้ ต่อไปใหร้ ะบุเฉพาะ คนแรก ตามดว้ ยคาํ ว่า และคณะ หรือ และคนอนื่ ๆ สําหรบั เอกสารภาษาไทย สว่ นเอกสารภาษาองั กฤษ ให้ตามด้วย et al. หรือ and others ยกเว้น ถ้าเอกสารสองเรือ่ งทีอ่ ้างครั้งตอ่ มา เมอื่ เขียนย่อแล้วเหมือนกบั รายการอา้ งอิงอื่น ทาํ ให้สับสน ให้เขยี นเตม็ ดงั ตัวอย่างท่ี 12 (ตัวอย่าง 10) พรชยั อินทรฉ์ าย และคณะ (2549) ศกึ ษา … พบวา่ … หรือ …..เน้อื หาอ้างอิง….. (พรชยั อนิ ทรฉ์ าย และคณะ, 2549) (ตัวอยา่ ง 11) …..เนอื้ หาอา้ งองิ ….. (John, et al., 2001) (ตวั อย่าง 12) John, Kane, and Susan (2001)… เขยี นยอ่ ได้เป็น (John, et al., 2001) John, Arter, and Wiley (2001)… เขียนย่อไดเ้ ป็น (John, et al., 2001) • กรณีผู้แต่งมากกว่า 3 คน การอ้างถึงทุกคร้ังให้ระบุเฉพาะชื่อผู้แต่งคนแรก ตามด้วยคําว่า และคณะ หรือ และคนอ่ืนๆ สําหรับเอกสารภาษาไทย ส่วนเอกสารภาษาอังกฤษ ให้ตามด้วย et al. หรือ and others ยกเว้น ถ้าเอกสารสองเร่ืองที่อ้าง เมื่อเขียนย่อแล้วเหมือนหรือคล้ายกับรายการอ้างอิงอื่น ดงั นน้ั ใหร้ ะบุผู้แตง่ คนอ่ืนเรียงมาจนกว่าจะมชี ่ือผ้แู ตง่ ท่ีไม่ซา้ํ กัน เช่น John, Kane, Susan, Arter, Wiley, Sony, and Kino (2004) และ John, Kane, Susan, Arter, Nisson, and Toyo (2004) ใหเ้ ขียนอา้ งในเน้ือความดงั น้ี John, Kane, Susan, Arter, Wiley, et al. (2004) ………………………… และ John, Kane, Susan, Arter, Nisson, et al., (2004) ……………………….. • กรณีผู้แต่งเป็นสถาบัน ท่ีมีช่ือย่อเป็นทางการ ให้ระบุช่ือย่อไว้ในวงเล็บ [ ] ซ่ึงเม่ืออ้างซ้ํา ให้ใช้ชื่อย่อได้ แต่ถ้าไม่มีช่ือย่อ การอ้างครั้งต่อๆ มาให้ระบุชื่อสถาบันเต็มทุกครั้ง และในการอ้างต้องมิให้ ผู้อ่านสับสนระหว่างสถาบันท่ีอ้างถึงกับสถาบันอ่ืนๆ โดยลําดับในการอ้างถึงหน่วยงานรัฐบาล ต้องอ้างตาม เป็นลาํ ดบั ตามระดบั ชนั้ ของหน่วยงาน เช่น กระทรวง กรม คณะ สาํ นกั เป็นต้น การอา้ งครัง้ แรก การอา้ งครัง้ ต่อมา (สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี [สสวท.], 2550: 30) (สสวท., 2550: 30) (Asian Institute of Technology [AIT], 2003: 20) (AIT, 2003: 20) • กรณีอ้างถึงเอกสารหลายเรื่องที่มีผู้แต่งคนเดียวกัน แต่พิมพ์ในปีต่างๆ กัน ให้ระบุช่ือผู้แต่ง คร้งั เดียวแลว้ ระบปุ ีทีพ่ มิ พต์ ามลําดบั โดยคน่ั ระหว่างปีด้วยเครอ่ื งหมายจลุ ภาค ( , ) เชน่ (พรชัย อนิ ทรฉ์ าย, 2516: 54-70, 2520: 18-30, 2549: 16-28) (Busy and Gena, 1980: 56, 2001: 156)
18 ถ้าอ้างเอกสารหลายเร่ือง ท่ีเขียนโดยคนเดียวกัน แต่ปีท่ีพิมพ์ซ้ํากัน ให้ใช้ a b c d ตามหลังปที ี่พมิ พ์สาํ หรับเอกสารภาษาตา่ งประเทศ และใช้ ก ข ค ง สําหรับเอกสารภาษาไทย (พรชัย อินทร์ฉาย, 2549ก: 54) (สวุ ิมล จรญู โสตร์, 2550ก: 3-30, 2550ข: 65) (Susan et al., 1980a: 4, 1980b: 4, 1980b: 10, 1980c: 18) • กรณีอ้างเอกสารหลายเร่ืองโดยผู้แต่งหลายคน มีวิธีเขียน 2 วิธี เลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งให้ เหมอื นกนั ตลอดท้ังเล่ม ดงั น้ี 1) ให้ระบุช่ือผู้แต่งโดยเรียงลําดับตามตัวอักษร ตามด้วย ปีท่ีพิมพ์ และใส่เคร่ืองหมาย อัฒภาค (;) คั่นเอกสารแตล่ ะเรอื่ ง 2) ให้เรียงปีที่พิมพ์จากน้อยไปหามาก และให้เครื่องหมายอัฒภาค (;) ค่ันเอกสาร แตล่ ะเรอื่ ง เพือ่ แสดงววิ ฒั นาการของเรอื่ งทีศ่ ึกษา กรณีท่ีอ้างเอกสารหลายช่ือเร่ือง ท่ีมีผู้แต่งเป็นภาษาไทยและภาษาต่างประเทศให้อ้างชื่อผู้ที่ แตง่ เปน็ ภาษาไทยจนครบกอ่ น จึงตามดว้ ยชือ่ ผทู้ ี่แตง่ เปน็ ภาษาตา่ งประเทศ • การอา้ งเอกสารท่ีไมป่ รากฏนามผแู้ ต่ง 1) ให้ลงชือ่ เรอื่ งไดเ้ ลย เชน่ วารสารวทิ ยาศาสตร์ โรงเรียน… (2552: 25) … 2) หากมผี ้เู ปน็ บรรณาธิการหรือผ้รู วบรวม ใหล้ งชื่อบรรณาธิการหรือผูร้ วบรวม เชน่ …(สวุ มิ ล จรญู โสตร,์ ผู้รวบรวม, 2552: 52-70) …(Anderson, ed., 1980) …(Wonder, comp., 2001: 30) • การอ้างหนงั สอื แปล ให้ระบผุ เู้ ขียนท่เี ป็นเจา้ ของเร่อื ง ถา้ ไมท่ ราบจงึ ระบุชือ่ ผู้แปล เชน่ …(สวุ ิมล จรูญโสตร์, ผู้แปล, 2552: 52-70) • การอ้างอิงที่ไม่ได้อ้างจากต้นฉบับ แต่เป็นการอ้างต่อ ให้ระบุนามผู้แต่งของเอกสารท้ังสอง รายการ โดยระบุนามผู้แต่งและปีท่ีพิมพ์ของเอกสารอันดับแรก ตามด้วยคําว่า อ้างถึงใน หรือ cited in แลว้ ระบุนามผแู้ ต่งเอกสารอันดบั รองและปีท่ีพมิ พ์ ….(พรชัย อนิ ทรฉ์ าย, 2549: 20 อ้างถึงใน คงนิตา เคยนิยม, 2552: 50) …… ถา้ เอกสารอันดบั รองไม่ไดร้ ะบปุ ที ่ีพมิ พข์ องเอกสารอนั ดบั แรก ให้เขียนวา่ ….(พรชัย อนิ ทร์ฉาย อา้ งถึงใน คงนติ า เคยนยิ ม, 2552: 50) …… ….(Kate, cited in Charley, 2005: 50) …… ถ้ากล่าวถึงนามผู้แต่งเอกสารอันดับแรกในเน้ือหาอยู่แล้วก็ลงแต่ปีที่พิมพ์และเลขหน้า (ถ้ามี) ของเอกสารอันดบั แรก และใสช่ อื่ เอกสารอันดับรองไว้ในวงเลบ็ ( ) เช่น พรชยั อนิ ทรฉ์ าย ได้กลา่ วถงึ … (2549: 20 อา้ งถงึ ใน คงนิตา เคยนยิ ม, 2552: 50) … เรือ่ ง The Journals of Science, 2003-2005 (Lily, 2009: 50) ไดศ้ กึ ษาแลว้ พบว่า…
19 3) การอา้ งทมี่ าของตารางและภาพ การเขียนชอ่ื ผู้แตง่ ให้ใช้หลกั การเดยี วกับการเขียนอ้างแบบตามทา้ ยข้อความในเนื้อเร่อื ง ตาม ดว้ ยวงเล็บปีที่พมิ พ์ เชน่ ตารางที่ 1 ......................................................................ทมี่ า: Rosy และคณะ (2003) 4) การอ้างที่มาของภาพ ภาพที่ 1 ........................................................ ทมี่ า: Nileson และ Willma (2006) 2. การเขียนเอกสารอา้ งองิ และ/หรือ บรรณานุกรม การพิมพ์รายการอ้างอิงในเอกสารอา้ งองิ และ/ หรอื บรรณานกุ รม ไม่วา่ จะใช้การอา้ งอิงแบบนาม-ปี หรอื แบบตัวเลข ใหใ้ ชร้ ปู แบบการพิมพ์แบบเดียวกนั ตลอดเล่ม โดยเลือกใชแ้ บบใดแบบหนงึ่ จาก 2 แบบ น้ี แบบท่ี 1 ปีทพี่ มิ พ์อยทู่ า้ ยรายการ แบบที่ 2 ปที พี่ ิมพ์อยู่หลังชือ่ ผู้แต่ง (ใส่วงเลบ็ หรอื ไม่ใสก่ ไ็ ด)้ ในทีน่ ้ีได้ให้ตวั อยา่ งรูปแบบการพมิ พ์รายการอ้างอิงและตัวอย่างการพิมพ์รายการอา้ งองิ เฉพาะแบบท่ี 1 สว่ นผทู้ ี่ประสงค์จะใชแ้ บบท่ี 2 ก็ใหใ้ ช้แบบเดยี วกัน เพียงแตย่ า้ ยปีทพ่ี ิมพ์ มาไวห้ ลังช่อื ผแู้ ต่งเทา่ นนั้
20 ภาษาไทย (หนังสอื ) ผแู้ ตง่ .\\\\ ชอ่ื หนังสอื .\\\\ เล่มทห่ี รอื จํานวนเลม่ (ถ้ามี).\\\\ คร้งั ทพ่ี ิมพ์ (ถา้ ม)ี .\\\\ช่ือชุดหนังสอื และลาํ ดบั ที(่ ถา้ มี). \\\\สถานทพี่ ิมพ์ :\\สาํ นกั พิมพ,์ \\ปีพิมพ.์ (หนงั สอื ทพี่ มิ พใ์ นโอกาสพเิ ศษต่างๆ) ผู้แต่ง.\\\\ ชอ่ื หนังสือ.\\\\ เล่มทีห่ รอื จาํ นวนเล่ม (ถ้ามี).\\\\ คร้ังทีพ่ มิ พ์ (ถ้ามี).\\\\ชอ่ื ชุดหนังสอื และลําดับที่(ถา้ มี). \\\\สถานที่ พมิ พ์ :\\สํานักพมิ พ,์ \\ปพี มิ พ์.\\\\ (รายละเอยี ดในการจัดพิมพห์ นังสือ). (หนงั สอื แปล) ผแู้ ต่ง.\\\\ ชอื่ หนังสอื หรือชื่อเรื่อง.\\\\แปลโดย ช่อื ผแู้ ปล.\\\\สถานทีพ่ ิมพ์ :\\สํานักพิมพ,์ \\ปพี ิมพ์. (วิทยานพิ นธ)์ ผ้เู ขียนวทิ ยานพิ นธ์.\\\\ ช่อื วทิ ยานพิ นธ.์ \\\\ ระดับปริญญา.\\\\ ชื่อสาขาวิชาหรือภาควิชา คณะ ชอื่ มหาวิทยาลยั ,\\ปีพิมพ.์ (บทความในหนังสือ) ผเู้ ขียนบทความ.\\\\ ช่ือบทความ.\\\\ใน\\ชอ่ื บรรณาธกิ าร(ถา้ มี), \\ชอ่ื เรอื่ ง,\\เลขหน้า.\\\\สถานที่พมิ พ์ \\:\\ สํานักพมิ พ,์ \\ปีพมิ พ์. (บทความในวารสาร) ผู้เขียนบทความ.\\\\ ช่ือบทความ.\\\\ ช่อื วารสาร\\ ปีที่หรอื เลม่ ที่ \\(เดือน ปี)\\ :\\เลขหน้า. (บทความในหนงั สือพิมพ)์ ผู้เขียนบทความ(ถ้ามี).\\\\ ชื่อบทความ.\\\\ ช่ือหนังสือพิมพ\\์ (วัน เดือน ป)ี \\:\\เลขหน้า. (บทความในสารานุกรม) ผู้เขียนบทความ.\\\\ ชือ่ บทความ.\\\\ ช่อื สารานกุ รม\\ เลม่ ท่ี \\(ปพี มิ พ์)\\ :\\เลขหน้า. (บทวจิ ารณห์ นงั สอื ในวารสาร) ผูเ้ ขยี นบทวจิ ารณ์.\\\\วจิ ารณเ์ รอื่ ง\\ ชอ่ื หนงั สอื ท่ีวิจารณ์.\\\\โดย\\ ช่ือผแู้ ต่งหนังสอื .\\\\ ชอื่ วารสาร\\ :\\เลขหน้า. ปที ห่ี รือเลม่ ท\\ี่ (เดือน ป)ี (วารสารสาระสงั เขปของวิทยานพิ นธ)์ ผเู้ ขียนวทิ ยานิพนธ์.\\\\ ช่ือวิทยานิพนธ์.\\\\ ระดับปรญิ ญา.\\\\ ชอ่ื สาขาวิชาหรือภาควิชา คณะ ชือ่ มหาวทิ ยาลัย,\\ปพี มิ พ.์ \\\\ชื่อแหล่งท่ีมาของสาระสังเขป. (วารสารสาระสังเขปของบทความ) ผู้เขยี นบทความ.\\\\ ช่อื บทความ.\\\\ ชื่อวารสาร\\ ปที ่ีหรอื เลม่ ที่ \\(เดือน ปี)\\ :\\เลขหนา้ .\\\\ช่ือแหล่งท่ีมาของ สาระสงั เขป. (รายงานการประชมุ ทางวชิ าการ) ผูเ้ ขียนบทความ.\\\\ ช่อื บทความ.\\\\ใน\\ช่อื บรรณาธกิ ารหรอื ช่อื ผู้รวบรวม(ถา้ ม)ี , \\ชือ่ รายงานการประชุมทาง วิชาการ,\\เลขหน้า.\\\\สถานทพี่ มิ พ์ :\\สาํ นกั พมิ พ์,\\ปีพิมพ.์ (เอกสารอัดสาํ เนา จุลสาร เอกสารที่ไม่ไดต้ พี มิ พ์) ผแู้ ตง่ .\\\\ ชอ่ื เรอื่ ง.\\\\สถานท่พี มิ พ์\\:\\หน่วยงานที่รบั ผิดชอบ,\\ปีพิมพ์.\\\\ (เอกสารอดั สําเนา หรือเอกสารไมต่ พี ิมพ)์ (เอกสารท่ีอ้างถงึ ในเอกสารอนื่ ) ผู้แต่ง.\\\\ ชอ่ื เร่ืองเอกสารอันดบั แรก.\\\\สถานทพ่ี มิ พ์\\:\\สํานักพมิ พ,์ \\ปีพมิ พ์.\\\\อา้ งถึงใน ผู้แต่ง.\\\\ ชือ่ เรอ่ื ง เอกสารอนั ดับรอง.\\\\สถานทพี่ ิมพ์\\:\\สาํ นักพิมพ์,\\ปพี มิ พ์.\\\\เลขหน้า.
21 (การสัมภาษณ)์ ผู้ให้สมั ภาษณ.์ \\\\ ตําแหน่ง (ถา้ ม)ี .\\\\ สมั ภาษณ์,\\วัน เดอื น ปี. (โสตทศั นวสั ด)ุ ช่อื ผ้จู ดั ทาํ .\\\\(หน้าท่ีทรี่ ับผดิ ชอบ-ถา้ มี).\\\\ชอื่ เรือ่ ง\\ [ลกั ษณะของโสตทัศนวสั ด]ุ .\\\\ สถานทีผ่ ลิต\\:\\หน่วยงาน ทเ่ี ผยแพร,่ \\ปีที่เผยแพร่. (ส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส)์ ชือ่ ผ้รู ับผดิ ชอบหลัก.\\\\ ช่ือแฟ้มขอ้ มลู (หรอื ชื่อโปรแกรม) [ประเภทของส่ือ].\\\\ สถานท่ผี ลติ \\:\\ช่อื ผู้ผลิต หรอื ผเู้ ผยแพร,่ \\ปที จี่ ัดทํา.\\\\แหลง่ ท่มี า\\:\\ชื่อของแหล่งที่มา\\ชื่อแหล่งย่อย[วนั เดือน ปีทเ่ี ขา้ ถึงขอ้ มูล]. ภาษาองั กฤษ (หนังสอื ) ผู้แตง่ .\\\\ ช่อื หนงั สือ.\\\\ เล่มทหี่ รือจํานวนเล่ม (ถ้าม)ี .\\\\ คร้งั ท่พี ิมพ์ (ถ้ามี).\\\\ชื่อชุดหนังสือและลาํ ดับที่ (ถ้ามี).\\\\สถานทพ่ี ิมพ์ :\\สาํ นักพมิ พ,์ \\ปพี มิ พ์. (หนงั สือทพ่ี ิมพใ์ นโอกาสพเิ ศษตา่ งๆ) ผู้แต่ง.\\\\ ชอ่ื หนงั สอื .\\\\ เลม่ ท่ีหรือจาํ นวนเล่ม (ถา้ ม)ี .\\\\ คร้งั ท่พี มิ พ์ (ถ้าม)ี .\\\\ชอ่ื ชดุ หนังสอื และลาํ ดับท(ี่ ถา้ ม)ี .สถานท่ีพมิ พ์ :\\สํานกั พมิ พ,์ \\ปีพิมพ์.\\\\ (รายละเอียดในการจัดพิมพห์ นงั สอื ). (หนงั สือแปล) ผ้แู ตง่ .\\\\ ช่อื หนังสือหรือช่ือเร่ือง.\\\\แปลโดย ชือ่ ผู้แปล.\\\\สถานทพ่ี ิมพ์ :\\สํานกั พมิ พ,์ \\ปีพิมพ.์ (วทิ ยานพิ นธ)์ ผู้เขียนวทิ ยานิพนธ์.\\\\ ช่ือวิทยานพิ นธ์.\\\\ ระดบั ปริญญา.\\\\ ช่ือสาขาวิชาหรอื ภาควชิ า คณะ ชอื่ มหาวิทยาลัย,\\ปีพมิ พ์. หมายเหตุ 1. เครื่องหมาย \\ แตล่ ะขดี หมายถงึ ให้เว้นระยะพิมพ์ 1 ตวั อักษร (1 เคาะ) 2. ถ้าอา้ งองิ แบบตวั เลขใหพ้ มิ พต์ วั เลข อยใู่ น ( ) หรอื [ ] หนา้ รายการ เรียงตามลาํ ดบั ตวั เลขทอ่ี ้างอิง โดยไม่ตอ้ งแยกรายการเป็นภาษาไทย กับ ภาษาองั กฤษ
ตัวอย่าง การพิมพร์ ายงานโครงงาน วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และคอมพิวเตอร์
ระยะหา่ ง 1.5 นิ้ว ภาพ ตราโรงเรียน (TH Sarabun ขนาด 22 จดุ ขนาด (เวน้ 1 บรรทดั ขนาด 16 จดุ ) ตัวดํา หนา) (1.5 น้วิ x 1.5 นว้ิ ) โครงงานวทิ ยาศาสตร์ / คณติ ศาสตร/์ คอมพิวเตอร์ เร่อื ง ............................. โดย (ขนาด 18 จดุ ตัวปกต)ิ ……...................................……....... ……………………………………….. ……………………………………….. รายงานนเ้ี ป็นส่วนหนง่ึ ของรายวชิ า……….(*)……. (ขนาด 18 จุด ตามหลักสูตรหอ้ งเรยี นพิเศษวิทยาศาสตรข์ อง สสวท. ตัวปกติ) โรงเรียน ..................................................... ภาคเรยี นที่ ........ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ........ ปกี ารศึกษา ....... หมายเหตุ (*) ให้เขียนระบชุ อื่ รายวิชา ว 30291 โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 2 หรอื ค 30299 โครงงานคณติ ศาสตร์ 2 หรือ ง 30299 โครงงานคอมพวิ เตอร์ 2
ระยะห่าง 1.5 น้ิว ภาพ ตราโรงเรยี น (TH Sarabun ขนาด 22 จดุ ขนาด (เว้น 1 บรรทัด ขนาด 16 จดุ ) ตวั ดาํ หนา) (1.5 นว้ิ x 1.5 น้ิว) โครงงานวทิ ยาศาสตร์ / คณิตศาสตร/์ คอมพิวเตอร์ เรอื่ ง ............................. โดย (ขนาด 18 จุด ตัวปกติ) ……...................................……....... ……...................................……....... ……...................................……....... ครทู ี่ปรกึ ษา (ขนาด 18 จุด ตัวปกต)ิ ……...................................……....... ……...................................……....... อาจารยท์ ป่ี รกึ ษาจากมหาวิทยาลยั / หนว่ ยงาน / ทป่ี รกึ ษาพเิ ศษ (ขนาด 18 จุด ศ./ รศ./ ผศ......................................................... ตัวปกติ) รายงานนเ้ี ป็นสว่ นหนึง่ ของรายวชิ า……….(*)……. (ขนาด 18 จุด ตามหลักสูตรหอ้ งเรยี นพเิ ศษวิทยาศาสตร์ของ สสวท. ตัวปกติ) โรงเรียน ..................................................... ภาคเรยี นที่ ........ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ........ ปีการศึกษา ....... หมายเหตุ (*) ใหเ้ ขยี นระบชุ อ่ื รายวิชา ว 30291 โครงงานวิทยาศาสตร์ 2 หรือ ค 30299 โครงงานคณติ ศาสตร์ 2 หรอื ง 30299 โครงงานคอมพวิ เตอร์ 2
ระยะห่าง 1.5 นว้ิ ก บทคัดยอ่ (TH Sarabun 22 จดุ ตวั หนา) ระยะห่าง 1 บรรทดั 16 จดุ จากการสกดั สารและแยกแบคทเี รียบริสทุ ธจ์ิ ากสิ่งมีชวี ติ ในทะเล 7 ชนดิ ได้แก่ ฟองน้าํ ทะเล (ไฟลมั เพอรเิ ฟอรา) 5 ชนิด เพรียงหวั หอม (ไฟลัมคารด์ าตา) 1 ชนิด สาหร่ายทะเล 1 ชนดิ (ดิวชิ นั โรโดไฟตา) และจากน้าํ ทะเล บรเิ วณแพเลย้ี งหอยแมลงภู่ หน้าสถานีวิจัยประมงศรรี าชา จ.ชลบุรี พบว่าสารสกดั จากส่ิงมีชวี ิตในทะเลไมแ่ สดงผลการยบั ยัง้ จุลชีพ ในขณะที่แบคทเี รียซ่ึง แยกได้จากสิง่ มีชวี ิตในทะเล จํานวน 55 isolates สรา้ งสารทมี่ ีฤทธิ์ยับยงั้ จลุ ชีพจาํ นวน 12 isolates (ซึ่งทงั้ หมดเป็นแบคทเี รยี แกรมบวก) คดิ เป็นร้อยละ 21.82 โดยสามารถยับย้งั เชือ้ จุลชีพในคน คือ Bacillus subtilis และ Staphylococcus aureus ในพชื คอื Xanthomonas campestris และยังสามารถยับยัง้ แบคทีเรีย Vibrio chlolerae ทท่ี ําใหเ้ กิดโรคในกงุ้ ไดใ้ นระดบั ท่คี ่อนขา้ งดี ซึ่ง จากการตรวจเอกลกั ษณ์ของสารสกดั จากแบคทีเรยี ท่มี ฤี ทธ์ยิ บั ย้งั จุลชีพ พบว่าทง้ั หมดมอี งคป์ ระกอบ เป็นฮาโลเจนและแอนโทรน นอกจากน้ียงั พบสารอลั คาลอยดเ์ ป็นส่วนใหญ่ ทําใหเ้ หน็ แนวทางในการ พัฒนายาปฏิชีวนะเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และแสดงให้เหน็ ถงึ ความเปน็ ไปได้ในการนํา สง่ิ มชี ีวิตท่ีมีแบคทเี รยี ท่สี ร้างสารยบั ยงั้ จุลชพี ท่ที าํ ใหเ้ กดิ โรคในก้งุ ไปเลย้ี งรว่ มกบั กงุ้ เพ่ือปอ้ งกนั การเกิด โรคในกงุ้ ต่อไป ทาํ ใหเ้ กดิ เปน็ ระบบการเลี้ยงกุ้งแบบใหมข่ ้นึ ได้
ระยะหา่ ง 1.5 น้ิว ข กิตตกิ รรมประกาศ (TH Sarabun 22 จดุ ตัวหนา) ระยะห่าง 1 บรรทัด 16 จุด โครงงานเรือ่ งนีป้ ระกอบดว้ ยการดําเนนิ งานหลายขั้นตอน นบั ตัง้ แตก่ ารศกึ ษาหาขอ้ มูล การทดลอง การวเิ คราะหผ์ ลการทดลอง การจัดทาํ โครงงานเปน็ รปู เล่ม จนกระท่ังโครงงานนี้สาํ เร็จ ลุล่วงไปได้ดว้ ยดี ตลอดระยะเวลาดงั กล่าวคณะผู้จดั ทาํ โครงงานได้รบั ความช่วยเหลอื และคําแนะนาํ ในด้านตา่ งๆ ตลอดจนได้รบั กําลังใจจากบุคคลหลายทา่ น คณะผูจ้ ัดทาํ ตระหนักและซาบซงึ้ ในความ กรณุ าจากทุกๆทา่ นเปน็ อย่างยง่ิ ณ โอกาสนี้ ขอขอบคณุ ทกุ ๆ ท่าน ดังน้ี กราบขอบพระคณุ อาจารย์พนั ธุ์ทิพย์ วิเศษพงศ์พันธุ์ อาจารย์ท่ีปรกึ ษาพเิ ศษจากภาควชิ า วิทยาศาสตรท์ างทะเล คณะประมง มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ใหค้ ําแนะนาํ และได้เมตตา ให้ความช่วยในทกุ ๆ ด้าน ตลอดจนเอือ้ เฟื้อหอ้ งปฏิบัติการและเคร่อื งมอื ต่างๆในการทาํ โครงงานนี้ จนประสบความสําเร็จ กราบขอบพระคณุ นายฤทธริ งค์ พรหมมาศ นิสิตปรญิ ญาโท ภาควิชาวทิ ยาศาสตรท์ างทะเล คณะประมง มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ผู้ใหค้ วามรู้ คําแนะนาํ คอยดูแลในด้านตา่ งๆ และสละเวลา มาช่วยฝกึ ฝนเทคนิคในการทาํ โครงงานครั้งน้ี พร้อมทง้ั เป็นกําลังใจใหเ้ สมอมา กราบขอบพระคุณ ผู้อาํ นวยการโรงเรยี นศรบี ณุ ยานนท์ นายเฉลมิ กลนิ่ กุล ที่ให้ความ อนุเคราะห์ และให้ความช่วยเหลอื ในดา้ นต่างๆ อาจารยเ์ สาวลักษณ์ ประพฤตดิ ี และอาจารย์สมพร อคั รธรี านนท์ อาจารยท์ ่ีปรึกษา และอาจารย์ในหมวดวชิ าวิทยาศาสตรโ์ รงเรยี นศรีบุณยานนท์ทุกคน ทคี่ อยดแู ลเอาใจใสแ่ ละให้คาํ ปรกึ ษาอยา่ งดี ขอขอบพระคุณโครงการพัฒนาและสง่ เสริมผ้มู คี วามสามารถพิเศษทางวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี (พสวท.) ทใ่ี ห้เงนิ ทุนสาํ หรบั สนบั สนนุ การทาํ โครงงานในครั้งนี้ ขอขอบคณุ เพอ่ื นๆ ทีไ่ ดใ้ ห้ความช่วยเหลอื ในการทาํ โครงงาน ทา้ ยทีส่ ดุ ขอกราบขอบพระคุณ คุณพอ่ และคณุ แม่ ผู้เปน็ ที่รกั ผ้ใู หก้ ําลังใจและให้โอกาส การศกึ ษาอนั มคี า่ ย่ิง มณฑ์นภา นาคะศิริ
ระยะห่าง 1.5 น้ิว ค สารบญั (TH Sarabun 22 จดุ ตัวหนา) ระยะหา่ ง 1 บรรทดั 16 จุด หน้า ระยะห่าง 1 บรรทดั 16 จดุ บทคัดย่อ ก กติ ติกรรมประกาศ ข สารบัญ ค สารบญั ตาราง ง สารบญั ภาพ จ คาํ อธิบายสญั ลักษณ์ ฉ บทท่ี 1 บทนาํ 1 ท่ีมาและความสาํ คัญ 1 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1 ขอบเขตของโครงงาน 1 สมมติฐาน 2 ตวั แปรท่ศี ึกษา 2 นิยามเชงิ ปฏบิ ัติการ 4 10 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง 16 บทที่ 3 วิธดี ําเนินการทดลอง 38 บทที่ 4 ผลการทดลอง 40 บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ เอกสารอ้างองิ 46 ภาคผนวก 48 ก การเตรียมอาหารเลย้ี งเซลลแ์ บคทเี รยี ข เทคนคิ การวเิ คราะหท์ างชวี วิธี
ระยะห่าง 1.5 น้ิว ง สารบญั ตาราง (TH Sarabun 22 จดุ ตัวหนา) ตารางที่ ระยะหา่ ง 1 บรรทดั 16 จดุ หน้า ระยะห่าง 1 บรรทัด 16 จดุ 5 7 ตารางที่ 1 แหล่งทอ่ี ยู่อาศยั ของจุลินทรยี ใ์ นทะเล 10 13 ตารางท่ี 2 รูปร่าง ลกั ษณะ และแหล่งอาศยั ของส่งิ มีชีวิตท่ีนาํ มาศึกษาสง่ิ มีชีวติ 15 ตารางท่ี 3 เช้ือจลุ ชีพหรือเชือ้ จลุ ินทรยี ม์ าตรฐานทนี่ าํ มาทดสอบ 19 20 ตารางที่ 4 ผลการยบั ย้ังเชอื้ แบคทีเรียและเชอ้ื รามาตรฐานดว้ ยสารสกัดจากสิ่งมชี ีวิตในทะเล ตารางที่ 5 ผลการยบั ยง้ั เชอื้ แบคทเี รยี และเช้อื ราสายพนั ธมุ์ าตรฐานดว้ ยแบคทเี รยี ท่ีอาศัย อยรู่ ว่ มกบั สง่ิ มีชีวิตในทะเล ตารางท่ี 6 ลกั ษณะและรปู ร่างของแบคทเี รยี ท่ีมีฤทธ์ยิ ับยงั้ จุลชพี ตารางท่ี 7 เอกลักษณข์ องสารทีส่ กดั ได้จากแบคทีเรียทม่ี ฤี ทธย์ิ ับยั้งจลุ ชีพ (หนา้ นี้ แสดงตัวอย่างสารบัญตารางแบบนบั เลขลาํ ดับทต่ี อ่ เน่ือง)
ระยะหา่ ง 1.5 น้ิว ง สารบญั ตาราง (TH Sarabun 22 จดุ ตวั หนา) ตารางท่ี ระยะหา่ ง 1 บรรทัด 16 จุด หนา้ ระยะห่าง 1 บรรทัด 16 จุด ตารางที่ 1.1 แหล่งทอี่ ยอู่ าศยั ของจุลนิ ทรยี ใ์ นทะเล 5 ตารางท่ี 3.1 รูปรา่ ง ลักษณะ และแหล่งอาศัยของสงิ่ มีชวี ติ ที่นาํ มาศกึ ษาส่งิ มชี วี ติ 7 ตารางท่ี 3.2 เช้ือจลุ ชพี หรือเชอ้ื จุลนิ ทรยี ม์ าตรฐานทนี่ าํ มาทดสอบ 10 ตารางที่ 4.1 ผลการยบั ยั้งเช้อื แบคทีเรยี และเชอื้ รามาตรฐานดว้ ยสารสกดั จากสง่ิ มีชีวิตในทะเล 13 ตารางที่ 4.2 ผลการยับยั้งเช้อื แบคทเี รยี และเชอื้ ราสายพนั ธุม์ าตรฐานดว้ ยแบคทเี รยี ทอี่ าศัย อยรู่ ่วมกบั สง่ิ มชี วี ิตในทะเล 15 ตารางท่ี 4.3 ลักษณะและรปู ร่างของแบคทเี รียทม่ี ีฤทธยิ์ ับยง้ั จลุ ชพี 19 ตารางที่ 4.4 เอกลักษณ์ของสารท่ีสกดั ได้จากแบคทีเรียทมี่ ฤี ทธยิ์ บั ยัง้ จุลชีพ 20 (หนา้ นี้ แสดงตวั อย่างสารบัญตารางแบบนับเลขลาํ ดับท่ีแยกแตล่ ะบท)
ระยะห่าง 1.5 น้ิว จ สารบัญภาพ (TH Sarabun 22 จุด ตัวหนา) หน้า ระยะห่าง 1 บรรทดั 16 จุด 2 11 ภาพท่ี 16 17 ระยะห่าง 1 บรรทัด 16 จุด 18 24 ภาพที่ 1 ส่ิงมชี ีวติ ในทะเลทีใ่ ช้ศึกษา 26 ภาพที่ 2 สารสกัดหยาบทีไ่ ด้จากสิ่งมีชีวติ ในทะเลทงั้ 6 ชนดิ 30 ภาพที่ 3 การทดสอบฤทธ์ิยบั ยั้งจุลชพี ของสารสกดั 32 ภาพท่ี 4 แผนภมู ิแสดงจาํ นวนชนิดของแบคทีเรียทแ่ี ยกได้จากส่งิ มีชีวิตในทะเล 33 ภาพที่ 5 แผนภมู ิแสดงจาํ นวนเช้อื แบคทเี รียที่มีฤทธยิ์ บั ยัง้ จุลชพี ที่นาํ มาทดสอบ 34 ภาพที่ 6 วธิ ีการแยกเชอื้ ดว้ ยเทคนคิ cross streak 35 ภาพท่ี 7 ลกั ษณะ รปู รา่ งและการเรียงตวั ของเซลล์แบคทเี รียที่แยกได้ ภาพท่ี 8 ข้ันตอนการหยดสารสกดั จากสงิ่ มีชีวิตในทะเลลงบน filter paper disc ภาพที่ 9 ผลการทดสอบฤทธิ์ยับยั้งของสารสกัด ภาพท่ี 10 ลักษณะของจานเพาะเช้ือทีท่ ดสอบฤทธิ์ยบั ย้ังจลุ ชีพ ภาพที่ 11 ผลการทดสอบฤทธยิ์ บั ยงั้ จลุ ชพี ของแบคทเี รยี ภาพที่ 12 ขน้ั ตอนการแยกสารสกดั จากแบคทีเรียดว้ ยกรวยแยก (หน้าน้ี แสดงตัวอยา่ งสารบญั ภาพแบบนบั เลขลาํ ดบั ท่ตี อ่ เน่ือง)
ระยะหา่ ง 1.5 นิ้ว จ สารบญั ภาพ (TH Sarabun 22 จดุ ตัวหนา) หน้า ระยะหา่ ง 1 บรรทัด 16 จุด 2 11 ภาพที่ 16 17 ระยะห่าง 1 บรรทัด 16 จดุ 18 24 ภาพท่ี 1.1 สิ่งมชี ีวิตในทะเลทใ่ี ชศ้ ึกษา 26 ภาพที่ 3.1 สารสกดั หยาบที่ได้จากส่งิ มีชวี ิตในทะเลทั้ง 6 ชนิด 30 ภาพที่ 4.1 การทดสอบฤทธยิ์ บั ยง้ั จลุ ชีพของสารสกัด 32 ภาพท่ี 4.2 แผนภมู แิ สดงจํานวนชนดิ ของแบคทีเรียทแ่ี ยกได้จากส่งิ มชี วี ิตในทะเล 33 ภาพที่ 4.3 แผนภูมิแสดงจาํ นวนเช้อื แบคทีเรียท่มี ีฤทธิย์ บั ยงั้ จุลชีพทีน่ ํามาทดสอบ 34 ภาพท่ี 4.4 วธิ ีการแยกเช้ือด้วยเทคนิค cross streak 35 ภาพที่ 4.5 ลักษณะ รปู ร่างและการเรียงตวั ของเซลล์แบคทีเรียทแ่ี ยกได้ ภาพท่ี 4.6 ขน้ั ตอนการหยดสารสกดั จากสิ่งมชี วี ิตในทะเลลงบน filter paper disc ภาพท่ี 4.7 ผลการทดสอบฤทธ์ยิ ับยั้งของสารสกดั ภาพที่ 4.8 ลกั ษณะของจานเพาะเช้ือทท่ี ดสอบฤทธิ์ยับยัง้ จลุ ชีพ ภาพที่ 4.9 ผลการทดสอบฤทธิ์ยับยงั้ จุลชีพของแบคทีเรยี ภาพที่ 4.10 ขั้นตอนการแยกสารสกดั จากแบคทีเรียด้วยกรวยแยก (หนา้ นี้ แสดงตัวอยา่ งสารบญั ภาพแบบนับเลขลําดับทแี่ ยกแตล่ ะบท)
ระยะหา่ ง 1.5 นิ้ว ฉ คาํ อธบิ ายสัญลกั ษณ์ (TH Sarabun 22 จดุ ตัวหนา) ระยะหา่ ง 1 บรรทัด 16 จดุ สญั ลกั ษณ์ คําอธบิ าย ระยะหา่ ง 1 บรรทดั 16 จดุ BS Bacillus subtilis SA Staphylococcus aureus ST Salmonella typhimurium XC Xanthomonas campestris VCB Vibrio chlolerae CA Candida albicans MG Microsporum gypseum – ไม่เกิด inhibition zone + เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางของ inhibition zone 6.1-9 mm ++ เส้นผ่านศูนยก์ ลางของ inhibition zone 9.1-12 mm +++ เส้นผ่านศูนยก์ ลางของ inhibition zone 12.1-15mm ++++ เส้นผ่านศนู ยก์ ลางของ inhibition zone มากกว่า 15 mm
บทท่ี 1 บทนาํ 1.1 ทมี่ าและความสาํ คญั (ขนาดอกั ษร 18 จุด ตัวหนา) ระยะห่าง 1 บรรทดั พมิ พ์ 16 จดุ พน้ื ผิวโลกของเรานน้ั มากกว่าร้อยละ 70 ปกคลุมไปด้วยทะเลและมหาสมทุ ร ดังนัน้ สิ่งมชี ีวิต ในทะเลจงึ มีการพฒั นาลกั ษณะเฉพาะทางสรรี วิทยา รวมทงั้ การสรา้ งสารทีแ่ ตกตา่ งจากส่ิงมีชวี ติ ที่ อาศยั อยูบ่ นบก ซงึ่ สารต่างๆ ทสี่ ร้างข้นึ มาน้ีเรยี กวา่ สารทตุ ิยภูมิ ...................โดยนาํ สารทไ่ี ด้นัน้ มาทาํ การศึกษาฤทธ์ใิ นการยบ้ั ยงั้ แบคทีเรยี และเชอื้ ราท่ที าํ ใหเ้ กิดโรคเพ่อื เป็นแนวทางในการพัฒนา ยาปฏิชีวนะจากผลติ ภัณฑธ์ รรมชาตทิ างทะเลตอ่ ไป (ขนาดอกั ษร 16 จุด ตัวปกต)ิ 1.2 วัตถุประสงค์ ระยะห่าง 1 บรรทดั พิมพ์ 16 จดุ 1.2.1 เพือ่ ศกึ ษาสารที่สกัดไดจ้ ากสงิ่ มีชวี ติ ในทะเล ท่มี ฤี ทธย์ิ ับยง้ั แบคทเี รียและเช้ือราทท่ี ํา ใหเ้ กดิ โรค 1.2.2 เพอื่ คดั เลือกแบคทีเรียทอี่ าศยั อยรู่ ว่ มกบั สิ่งมชี วี ติ ทส่ี ามารถผลิตสารทม่ี ฤี ทธิย์ บั ยั้ง แบคทเี รยี และเชอื้ ราที่ทาํ ใหเ้ กดิ โรค 1.2.3 เพอ่ื ศกึ ษารูปร่างและลกั ษณะที่สาํ คญั ของแบคทเี รียทีอ่ าศยั อย่รู ว่ มกับสิง่ มชี วี ิตใน ทะเล ที่สามารถผลิตสารที่มฤี ทธิ์ยับยง้ั แบคทเี รียและเชอ้ื ราที่ทาํ ให้เกิดโรคได้ 1.2.4 เพอ่ื ศกึ ษาสารสกัดจากแบคทเี รยี ทม่ี ฤี ทธ์ใิ นการยับย้งั แบคทเี รยี และเชอื้ ราทท่ี าํ ให้ เกดิ โรค 1.2.5 เพอื่ ศึกษาแนวโน้มในการพฒั นายาปฏิชีวนะจากสงิ่ มชี วี ิตในทะเล และแบคทีเรียท่ี อาศัยอยู่รว่ มกบั ส่งิ มีชวี ิตในทะเล 1.3 ขอบเขตของการศึกษา ระยะหา่ ง 1 บรรทัดพิมพ์ 16 จุด ส่งิ มชี วี ติ ในทะเลทนี่ าํ มาศกึ ษา คือ ฟองนํา้ ทะเล 5 ชนดิ สาหรา่ ยทะเล 1 ชนิด เพรียงหัว หอม 1 ชนดิ โดยทําการเก็บตัวอย่างมาจากหนา้ สถานีวจิ ัยประมงศรีราชา จ.ชลบรุ ี บรเิ วณแพ เลี้ยงหอยแมลงภู่ 1.4 สมมตฐิ าน ระยะหา่ ง 1 บรรทดั พมิ พ์ 16 จุด สารท่ีสกดั จากแบคทีเรยี ท่ีอาศยั ร่วมกบั สิ่งมชี ีวิตในทะเลมคี วามสามารถในการยับยั้งจลุ ินทรยี ์ ท่ีทําใหเ้ กดิ โรคได้
1.5 ตวั แปรท่ศี ึกษา ระยะหา่ ง 1 บรรทดั พมิ พ์ 16 จดุ ตัวแปรตน้ สิง่ มชี วี ติ ในทะเล ไดแ้ ก่ ฟองนา้ํ ทะเล สาหรา่ ยทะเล และเพรียงหัวหอม ตัวแปรตาม ชนิดของแบคทเี รยี ท่แี ยกไดจ้ ากส่งิ มชี ีวิตในทะเล และความสามารถในการ ยบั ยั้งการเจริญเตบิ โตจุลินทรยี ์ที่ทําให้เกิดโรค ตัวแปรควบคมุ ไดแ้ กจ่ ลุ ินทรยี ส์ ายพนั ธมุ์ าตรฐานทที่ าํ ใหเ้ กดิ โรค และอุณหภมู ขิ ณะบม่ เชื้อ 1.6 นยิ ามเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร ระยะหา่ ง 1 บรรทัดพิมพ์ 16 จุด จุลชีพ หรือ จลุ ินทรีย์สายพนั ธ์มุ าตรฐาน หมายถึง สง่ิ มชี วี ติ ขนาดเล็กๆท่มี ีโครงสร้างภายใน ไมซ่ ับซอ้ น เชน่ แบคทเี รียและราทท่ี ําให้เกิดโรคต่างๆ เช่น Bacillus subtilis ทําให้เกิดโรค ทางเดนิ อาหารในคน เป็นต้น สารสกัดจากสงิ่ มีชีวติ ในทะเล หมายถึง สารทส่ี ิ่งมชี ีวิตในทะเลสรา้ งขน้ึ และนํามาสกดั ด้วยสารอนิ ทรีย์ เพอ่ื ศึกษาผลการยับย้ังแบคทเี รยี หรือเชอ้ื ราทีท่ าํ ใหเ้ กิดโรค สารยับยัง้ จุลชีพจากแบคทีเรยี หมายถึง สารทแ่ี บคทีเรยี สร้างขน้ึ และนํามาสกัดดว้ ย สารอินทรยี ์ เพ่ือศึกษาผลการยับย้งั แบคทีเรียและเชือ้ ราท่ีทาํ ใหเ้ กิดโรค การยับยง้ั จลุ ชีพ คือ การทแี่ บคทีเรียหรือสารท่สี กัดได้จากสงิ่ มีชีวิต สรา้ งสารตา้ นการ เจริญของแบคทเี รยี หรือเชือ้ ราทท่ี าํ ใหเ้ กิดโรค Clear zone หรือ inhibition zone หมายถงึ บริเวณทมี่ ลี กั ษณะใสรอบๆ บริเวณเชอ้ื ท่ี นาํ มาทดสอบ ซง่ึ สามารถบอกถงึ ความสามารถในการยับย้งั จลุ นิ ทรียส์ ายพันธมุ์ าตรฐานทีท่ าํ ให้ เกดิ โรคได้
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง (เวน้ ระยะห่าง 1 บรรทดั พิมพ์ ขนาด 16 จดุ ) ควรมีข้อความเกรน่ิ นาํ เพือ่ นําไปส่ทู ่ีมาและความสาํ คัญของเรื่องทีศ่ ึกษา................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.1 ความสาํ คญั ของผลติ ภัณฑธ์ รรมชาตทิ างทะเล ระยะหา่ ง 1 บรรทดั พมิ พ์ 16 จดุ 2.1.1 การผลิตสารทมี่ ฤี ทธทิ์ างชวี ภาพ สารทุตยิ ภูมิทมี่ ีความสาํ คัญทางนเิ วศวิทยาสําหรับฟองนํ้าไดถ้ ูกพัฒนานํามาใช้ประโยชน์ใน รปู ของยาจากผลิตภัณฑธ์ รรมชาติ ซึ่งฟองนาํ้ แตล่ ะชนดิ ผลติ สารทตุ ิยภมู อิ อกมาแตกตา่ งกนั ไป โดยสารเหลา่ นอ้ี าจเปน็ สารท่มี ีโครงสรา้ งใหมๆ่ หรอื เป็นสารทม่ี ีโครงสรา้ งทางเคมที ซ่ี ับซ้อน นับวา่ ฟองน้ําเปน็ ส่ิงมีชวี ติ ที่เปน็ แหลง่ ผลติ สารท่มี ฤี ทธ์ิทางชวี ภาพท่ีนา่ สนใจและมจี าํ นวนมากทีส่ ุด เมอ่ื เปรียบเทยี บกบั สงิ่ มีชีวิตในทะเลทงั้ หมด ทาํ ให้ฟองนํ้าจัดเป็นสงิ่ มชี ีวิตทค่ี วรแกก่ ารศึกษาทาง เภสัชกรรมและทางดา้ นเคมี (Ireland et al., 1993; Andersen and Williams, 2000; Lei and Zhou, 2002) 2.1.1.1 ชื่อหวั ขอ้ ยอ่ ยของ 2.1.1 1) ชื่อหวั ขอ้ ยอ่ ยของ 2.1.1.1
บทท่ี 3 วธิ ีดาํ เนินการทดลอง (เว้นระยะห่าง 1 บรรทดั พิมพ์ ขนาด 16 จุด) ควรมขี อ้ ความเกรน่ิ นํา กอ่ นขึ้นหวั ข้อต่างๆ ........................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3.1 วัสดุอปุ กรณ์และเครอ่ื งมอื พิเศษ (18 จุด ตวั หนา) ระยะหา่ ง 1 บรรทดั พิมพ์ 16 จดุ 3.1.1 วสั ดุอุปกรณ์ (รายชอ่ื วัสดอุ ุปกรณ์ พิมพ์เรียงตามลําดบั ตวั อักษร) (เวน้ ระยะหา่ ง 1 บรรทัดพมิ พ์ ขนาด 16 จุด) ชนดิ ของวสั ดอุ ุปกรณ์ บริษทั ผผู้ ลติ กระดาษกรอง (Electroph wick) PHARMACIA BIOTECH กระดาษไนโตรเซลลูโลส Hoefer Phamacia Biotech Inc. (Nitrocell 33 CMX3M ROLL) Sanfancisco, California, U.S.A. เข็มฉีดยาพร้อมกระบอกสบู ขนาด 1 มลิ ลลิ ติ ร TERUMO® (Syringe with needle U-100 insulin) ขวดเลย้ี งเซลลข์ นาด 50 และ 250 มลิ ลลิ ติ ร NUNCLON™ ∆ DELTA (50 ml and 250 ml Tissue Culture Flask) ถาด ELISA NUNCLON™ ∆ DELTA (Nunc-Immuno Plate MexiSorp®) ปเิ ปตชนิดปรบั คา่ อัตโนมตั ิ BIOHIT OY. FINLAND (BIOHIT PROLINE Pipette) ปเิ ปตชนิดหลายชอ่ ง BIOHIT OY. FINLAND (BIOHIT PROLINE Multichannel Pipette) ปเิ ปตบอย INTEGRA BIOSCIENCES S.A. (PIPETBOY) หลอดเก็บเซลลแ์ ช่แข็ง NALGENE® U.S.A. (Cryotube) หลอดปนั่ เหว่ยี งตกตะกอนใสขนาด 50 มลิ ลลิ ติ ร NALGENE® U.S.A.
3.1.2 เคร่ืองมือพเิ ศษ (รายชื่อเครอ่ื งมือพมิ พเ์ รียงตามลาํ ดับตวั อกั ษร) (เวน้ ระยะห่าง 1 บรรทดั พมิ พ์ ขนาด 16 จุด) ชนดิ เคร่อื งมอื บริษัทผผู้ ลิต กล้องจุลทรรศน์ NIKON, JAPAN (Light microscope) เครอื่ งเขย่าผสมสาร SCIENTIFIC INDUSTRIES, INC., (Vertex mixer) BOHEMIA N.Y. 11716 U.S.A เครอ่ื งชง่ั 3 ตาํ แหน่ง SARTORIUS LABORATRY เครื่องนึ่งความดันฆ่าเชื้อจลุ ลนิ ทรยี ์ HIRAYAMA, JAPAN (Autoclave) เครื่องปนั่ เหวยี่ งตกตะกอนขนาดเลก็ SHELTON SCIENTIFIC (Mini Centrifuge VSMC-B) 3.2 สารเคมี (รายชอ่ื สารเคมี พิมพเ์ รียงตามลําดบั ตัวอกั ษร) ระยะหา่ ง 1 บรรทัดพิมพ์ 16 จุด ชือ่ สารเคมี บรษิ ัทผผู้ ลติ Acetic acid (glacial) (CH3COOH) MERCK, 64271 Darmstadt , Germany Calcium chloride (CaCl2) BDH Chemicals Ltd. Poole England Cupric sulfate pentahydrate (CuSO4.5H2O) Fluka. Chemie AG,CH-9470 Buchs Switzerland Potassium dihydrogen phosphate (KH2PO4) Fluka. Chemie AG,CH-9470 Buchs Switzerland Potassium chloride (KCl) BDH Chemicals Ltd. Poole England Streptomycin M&H Manufacturing CO., LTD Sodium acetate (C2H3O2Na) Fluka. Chemie AG,CH-9470 Buchs Switzerland Sodium carbonate (Na2CO3) Fluka. Chemie AG,CH-9470 Buchs Switzerland Sodium chloride (NaCl) Fluka. Chemie AG,CH-9471 Buchs Switzerland Sodium hydroxide (NaOH) Eka Nobel AB,S-445 80 Buhus Sweden 3.3 ส่งิ มีชวี ติ (ถา้ มี) ระยะหา่ ง 1 บรรทดั พมิ พ์ 16 จดุ ฟองนํา้ SP1 ฟองนํา้ SP2
ฟองน้าํ SP3 ฟองนา้ํ SP4 สาหร่ายทะเล AG 3.4 ขน้ั ตอนการดําเนนิ งาน ระยะหา่ ง 1 บรรทัดพิมพ์ 16 จดุ 3.4.1 การทดสอบฤทธ์ยิ ับยง้ั จลุ ชีพดว้ ยสารสกัดหยาบจากส่งิ มีชวี ิตในทะเลทง้ั 6 ชนดิ 3.4.1.1 ความสามารถในการยบั ยงั้ เช้อื แบคทีเรยี 3.4.1.2 ความสามารถในการยบั ยั้งเชอ้ื รา 3.4.2 การทดสอบฤทธิย์ ับย้งั จลุ ชีพของแบคทีเรียทีอ่ าศัยอยรู่ ่วมกบั ส่ิงมีชีวติ ในทะเล 3.4.2.1 ............................................................
บทท่ี 4 ผลการทดลอง (เว้นระยะห่าง 1 บรรทัด ขนาด 16 จุด) ควรเขยี นบรรยายความเกร่นิ นํากอ่ นแสดงผลการทดลอง ………………..……………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.1 ทดสอบฤทธิ์ยบั ย้ังจุลชพี จากสารทส่ี กดั ได้จากสิง่ มชี วี ิตในทะเล เว้น ระยะห่าง 1 บรรทัดพิมพ์ 16 จดุ เมื่อทดลองสกัดสารจากสงิ่ มีชีวติ ในทะเล 6 ชนดิ คือ ฟองนาํ้ 5 ชนดิ และสาหร่ายทะเล 1 ชนดิ ดว้ ยสารละลายผสมระหว่างโทลอู นี และเมทานอล ในอตั ราสว่ น 3:1 ได้สารสกัด 6 ตัวอย่าง เมือ่ นําสารสกดั ท่ไี ด้ไปทดสอบการยบั ยง้ั จุลชพี 6 ชนิด พบวา่ สารสกัดหยาบจากส่งิ มีชีวติ ในทะเล ทง้ั 6 ชนดิ ไมม่ ฤี ทธใิ์ นการยบั ยั้งจุลชพี 4.2 (ผลการทดลองหวั ขอ้ ตอ่ ไปซ่ึงเรียงลาํ ดับสอดคล้องกบั วิธีการทดลอง) เวน้ ระยะหา่ ง 1 บรรทดั พิมพ์ 16 จุด ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. ตารางท่ี 4.1 ผลการยบั ยง้ั เชื้อแบคทเี รยี และเช้อื รามาตรฐานดว้ ยสารสกัดจากสิ่งมชี วี ิตในทะเล เช้อื จลุ นิ ทรีย์ ท่ที ดสอบ VCB XC ST BS SA CA MG สิง่ มชี วี ิต SP1 - - - - - - - SP2 - - - - - - - SP3 - - - - - - - SP4 - - - - - - - SP5 - - - - - - - AG - - - - - - - หมายเหตุ 1. BS = Bacillus subtilis, SA = Staphylococcus aureus, ST = Salmonella typhimurium, XC = Xanthomonas campestris, VCB = Vibrio chlolerae , CA = Candida albicans MG = Microsporum gypseum 2. สญั ลักษณ์ – หมายถึงไมพ่ บ inhibition zone เกิดข้นึ ในชดุ ทดลอง
ภาพท่ี 4.1 สารสกดั หยาบท่ไี ดจ้ ากส่งิ มีชวี ติ ในทะเลทั้ง 6 ชนดิ
บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ (เวน้ ระยะหา่ ง 1 บรรทดั ขนาด 16 จุด) จากการสกดั สารจากฟองนํา้ ทะเล 5 ชนดิ และสาหรา่ ยทะเล 1 ชนิด พบว่าไม่มสี ารสกดั จาก สงิ่ มชี วี ิตชนดิ ใดท่ีสามารถยับยั้งเช้ือจลุ ชีพทดสอบได้ อาจเป็นเพราะว่าความเข้มขน้ ของสารสกดั ตํ่าเกนิ ไป เน่ืองจากมีตัวอย่างสง่ิ มชี ีวติ ไมเ่ พยี งพอต่อการสกัด หรอื เปน็ เพราะในสารสกัดจาก สงิ่ มชี ีวติ ในทะเลไม่มีสารท่ีมีฤทธิใ์ นการยับยง้ั เช้ือจลุ ชีพอยู่ ............................................................ 5.1 สรุปผล ระยะห่าง 1 บรรทดั พิมพ์ 16 จดุ 5.1.1 แบคทเี รียทีแ่ ยกได้จากฟองนํา้ 5 ชนิด เพรียงหวั หอม 1 ชนิด สาหร่ายทะเล 1 ชนดิ และน้าํ ทะเล 1 ตวั อยา่ ง บริเวณแพเลีย้ งหอยแมลงภู่ หนา้ สถานวี จิ ัยประมงศรีราชา จ.ชลบรุ ี มที ัง้ สิน้ 55 isolates ประมาณรอ้ ยละ 21.82 สามารถผลติ สารยบั ยัง้ จุลชพี ได้ 5.1.2 (ขอ้ สรปุ ตอ่ ไป โดยเรียงลาํ ดบั ใหส้ อดคลอ้ งกับวธิ ีการทดลอง) 5.2 อภปิ รายผล ระยะห่าง 1 บรรทดั พิมพ์ 16 จดุ 5.2.1 การศึกษาคัดเลอื กเช้อื แบคทีเรยี จากฟองนํ้า 5 ชนดิ เพรยี งหัวหอม 1 ชนิด สาหรา่ ยทะเล 1 ชนิด และจากนํา้ ทะเล สามารถแยกเช้ือแบคทเี รีย บรสิ ุทธิไ์ ด้จากฟองนา้ํ SP5 มากที่สดุ คือ 10 isolates และจากนาํ้ ทะเลไดน้ อ้ ยที่สุด คอื 2 isolates ซ่งึ เมอ่ื พจิ ารณาจากลกั ษณะรปู ร่างของ ฟองนํา้ SP5 พบวา่ มลี ักษณะเคลอื บแขง็ ซึ่งแตกตา่ งจากฟองน้ําชนดิ อืน่ ๆที่พบ เพราะว่าฟองนํ้า โดยทว่ั ไปที่มีรพู รุนและมสี ปคิ ลู อยู่ เป็นการป้องกนั ตวั เองจากอันตรายต่างๆ ทําให้ฟองนํา้ ที่มี ลกั ษณะเคลอื บแขง็ เช่น SP5 สรา้ งสารบางอย่างข้ึนมาพัฒนาระบบการปอ้ งกนั ตวั เอง ซ่ึงสาร ดงั กลา่ วน่าจะอย่ใู นแบคทีเรยี ที่อาศัยอยู่รว่ มกบั ฟองนํ้า 5.2.2 (อภิปรายตอ่ ไป โดยเรยี งลําดบั ใหส้ อดคล้องกบั วิธีการทดลอง) 5.3 ข้อเสนอแนะ ระยะห่าง 1 บรรทัดพมิ พ์ 16 จดุ 5.3.1 ....................................................................... 5.3.2 .......................................................................
เอกสารอ้างอิง (เวน้ ระยะหา่ ง 1 บรรทัด ขนาด 16 จุด) กรมควบคุมมลพิษ. (2542). สารเคมีอนั ตราย (ออนไลน์). สืบค้นจาก : http:/www. Thaiclinic.com/ medbible/bonetumor.html [21 พฤศจิกายน 2543] คณาจารยภ์ าควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ 2543. ปฏิบตกิ ารเคมี อินทรีย.์ โรงพมิ พ์ โอ. เอส. พริน้ ต้งิ เฮ้าส,์ กรงุ เทพมหานคร. (เยือ้ งเขา้ มา 1.5 cm) จันท์จรี ทพิ ย์ทองเรือง. (2536). การพัฒนากระบวนการผลิตสารธรรมชาต.ิ วทิ ยานิพนธ์วทิ ยา ศาสตรมหาบัณฑติ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. นงลักษณ์ สวุ รรณพินิจ และปรีชา สวุ รรณพินิจ. 2544. จลุ ชวี วทิ ยาท่ัวไป.สาํ นกั พิมพแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , กรุงเทพมหานคร. บพธิ จารุพนั ธุ์ และนนั ทพร จารพุ นั ธุ.์ (2545). สัตวไ์ ม่มกี ระดกู สนั หลงั 1 โพรโทซัว ถงึ ทาร์ดิก ราดา.สาํ นักพิมพม์ หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์, กรงุ เทพมหานคร. ภาควชิ าจลุ ชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร.์ 2542. จลุ ชีววทิ ยา ปฏบิ ัติการ. บริษทั เจ้าพระยาระบบการพมิ พ์ จาํ กดั , กรงุ เทพมหานคร. แมน้ อมรสทิ ธ.์ิ (2539). หลกั การและเทคนคิ การวเิ คราะห์เชิงเคร่อื งมือ. โรงพมิ พช์ วนพมิ พ์, กรงุ เทพมหานคร. ราชบณั ฑติ ยสถาน. (2536). ศพั ทว์ ทิ ยาศาสตร์ ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน. พิมพค์ รั้งที่ 4. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ราชบัณฑิตยสถาน. วรวิชญ์ ร่งุ รตั น์, ปรีชา วดศี ิรศิ ักด์ิ, นันทกร บุญเกิด, วทิ ยา ธนานสุ นธิ์, และเยน็ ใจ วสุวตั . (2527). ศกึ ษาปรมิ าณเช้อื ไรโซเบยี มทเ่ี หมาะสมในการคลกุ เมลด็ พนั ธถุ์ วั่ ลิสงพันธ์ุไทยนาน. รายงานการสมั มนาเชิงปฏิบัติการงานวจิ ัยถัว่ ลสิ ง ครั้งที่ 3 ณ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน. 12-21 เมษายน 2537. หนา้ 172-179. วัลลภ สันติประชา และชศู ักดิ์ ณรงค์เดช. (2535). คณุ ภาพเมล็ดพนั ธ์ถุ ว่ั เขยี วทีผ่ ลติ ในภาคใต้. ว.เกษตรศาสตร์ (วทิ ย์.) 26: 119-125. วิศษิ ฐ์ วังวญิ ญ,ู (2526). ความตา่ งและความคล้ายระหว่างหมู่บ้านเล็กและซมั เมอรฮ์ ลิ . ใน ชีวิต จริงทห่ี มบู่ า้ นเล็ก. (พภิ พ ธงไชย, บรรณาธกิ าร).หน้า 51-59. กรุงเทพฯ : มูลนธิ เิ ด็ก. สมถวิล กลุ ทววี ฒั นา. (2544). หลักการและเทคนิคการตรวจสอบทางชวี วิธี. ใน หลกั สตู รการ อบรมเชิงปฏบิ ัตกิ าร เรือ่ ง เทคนิคทางจลุ ชวี วทิ ยาในการตรวจสอบสารปนเปื้อน วันท่ี 5 – 9 มีนาคม พ.ศ. 2543 (หน้า 1 – 35). กรงุ เทพฯ : ศนู ย์พฒั นาผลติ ภณั ฑ์อุตสาหกรรม เกษตรประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สทิ ธิเกียรติ พรมสทุ ธามาศ. (2546). การผลติ สารออกฤทธ์ทิ างชีวภาพจากสัตวท์ ะเล. รายงาน การวจิ ยั โปรแกรมวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีชวี ภาพ คณะวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี สถาบนั ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. สรุ พล อปุ ดสิ สกลุ . (2521). สถติ ิ: การวางแผนการทดลองเบื้องตน้ .กรุงเทพฯ: ภาควชิ าพชื ไรน่ า คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.
Bewley, J.D., and Black, M. (1982). Physiology and Biochemistry of Seeds in Relation to Germination. Vol. II. New York: Springer-Verlag. อาหารและสุขภาพ (ออนไลน)์ . (2542). สืบค้นจาก : http://www.khonthai.com/Vitithai/food.html [21 [21 พฤศจกิ ายน 2543] ทา่ เรอื นาํ้ ลึกสงขลา (ออนไลน)์ . (2542). สืบค้นจาก : http://www.motc.go.th/stats5.html [21 พฤศจกิ ายน 2543] Adam, M. R. and Michaela, M. O. (2000). Marine Microbiology. 2nd ed. Cambridge : Royal Society Brooks, J.R. and Griffin, V.K. (1987). Liquefaction of rice starch from milled rice flour using heat-stable alpha-amylase. J. Food sci. 52: 712-717 Department of the Environment and Heritage. (1999). Guide to Department and Agency Libraries (Online). Available : http://www.erin.gov.au/library/guide.html[2000, November 17] Fenical, W. and P.R. Jensen. (1993). Marine microorganisms:a new biomedical resource, pp. 419- 458. In H. Attaway and O.R. Zaborsky, eds. Marine Biotechnology Volume.I : Pharmaceutical and Bioactive Natural Product. Plenum Press, New York. Harrington, J. F. (1972). Seed Storage and Longevity. In Seed Biology (ed. T. T. Kozlowski) Vol. II. Pp. 145-245. New York: Academic Press. Hill, M. J., Archer, K.A. and Hutchinson, K.J. (1989). Towards developing a model of per sistence and production for white clover. Proceedings of the XIII International Grassland Congress Nice, France, 4-11 October 1989. pp. 1043-1044. Ireland, C.M., B.R. Copp, M.P. Foster, L.A. McDonald, D.C. Radisky and J.C. Swersey. (1993). Biomedical potential of marine natural products, pp. 1-43. In H. Attaway and O.R. Zaborsky, eds. Marine Biotechnology Volume.I : Pharmaceutical and Bioactive Natural Product. Plenum Press, New York. Kelecom, A. (2002). Secondary metabolites from marine microorganism. An. Acad. Bras. Cienc. 74: 151-170. Lei J. and J. Zhou. (2002). A marine natural product database. J. Chem. Inf. Comput. Sci. 42: 742-748. Phillips, O.C., Jr. (1962). The Indfluence of Ovidd on Lucan’s Bellum Civil. Ph.D. Dissertation, University of Chicago. Rahart, J. (1999). Preserving harvested mushrooms. MycoWest News [Online]. Available http:/swcp.com/mycowest/books/p-9903jr.html.
ภาคผนวก (เว้นระยะห่าง 1 บรรทดั ขนาด 16 จุด) ภาคผนวกท่ี 1 : อาหารเล้ียงเซลลแ์ บคทีเรยี (ขนาดอักษร 18 จดุ ตวั หนา) 1.1 สตู รอาหาร TSA (Tryptic Soy Agar) (ใช้ตัวอกั ษรหนา ขนาด 16 จดุ ) Enzymatic Digest of Casein 17.0 กรมั Enzymatic Digest of Soybean Meal 3.0 กรมั Sodium Chloride 5.0 กรัม Dextrose 2.5 กรมั Dipotassium Phosphate (K2HPO4) 2.5 กรัม ผงวุ้น (agar) 15.0 กรัม นํ้ากลัน่ 1000 มิลลลิ ิตร นําส่วนผสมขา้ งตน้ ละลายในน้ํากล่ัน 1000 มลิ ลลิ ิตร ปรบั pH 7.3 เติมผงวนุ้ แล้วนําไปต้ม จนวนุ้ ละลายหมด หลังจากนนั้ นาํ ไปนึ่งฆ่าเช้ือด้วยหมอ้ นึง่ ความดันไอนํ้า ทคี่ วามดัน 15 ปอนด์ต่อ ตารางน้วิ อุณหภูมิ 121 องศาเซลเซยี ส เปน็ เวลานาน 15 นาที 1.2 PDA (Potato Dextrose Agar) มันฝรง่ั 200.0 กรัม Dextrose 20.0 กรัม ผงวุ้น (agar) 15.0 กรมั น้าํ กลัน่ 1000 มิลลลิ ิตร ปอกเปลอื กมนั ฝรง่ั แลว้ หน่ั เปน็ ชน้ิ สี่เหลย่ี มลกู เตา๋ นํ าไปช่งั จนครบ 200 กรัม แลว้ นาํ มาต้ม กับน้าํ กล่นั ประมาณ 500 มลิ ลลิ ิตร นาน 15-20 นาที กรองเอาสว่ นท่เี ป็นกากออก เตมิ นํ้าตาล Dextrose คนจนน้าํ ตาลละลายหมดเติมน้ํากลั่นใหไ้ ด้ 1000 มลิ ลลิ ติ ร ปรบั pH 5.6 ใสผ่ งว้นุ นาํ ไปตม้ จนว้นุ ละลายหมด หลงั จากน้นั นําไปนึ่งฆา่ เชอื้ ด้วยหม้อนึง่ ความดนั ไอนาํ้ ท่คี วามดัน 15 ปอนดต์ อ่ ตารางนวิ้ อณุ หภูมิ 121 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 15 นาที
Search