Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore laithai

laithai

Published by chonticha, 2016-09-23 01:22:39

Description: laithai

Search

Read the Text Version

ความรู้เบือ้ งต้นเกย่ี วกบั ลายไทยสาระสาคญั ลายไทยเป็นงานศลิ ปะทแ่ี สดงถงึ ความเป็นเอกลกั ษณ์ของไทย ทเ่ี ป็นมรดกสบื ทอดกนั มาตงั้ แต่โบราณ ซง่ึ ศลิ ปินไดร้ บั แรงบนั ดาลใจมาจากธรรมชาตแิ ลว้ ถา่ ยทอดออกมาในรปู แบบมโนคติผลการเรยี นร้ทู ่ีคาดหวงันกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเบอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั ลายไทยพน้ื ฐานจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายเกย่ี วกบั ความเป็นมาของลายไทยได้ ๒. อธบิ ายถงึ รูปแบบอนั เป็นเอกลกั ษณ์ของลายไทยได้ ๓. อธบิ ายประเภทของลายไทยพน้ื ฐานได้ ๓. อธบิ ายถงึ ประโยชน์ของลายชนดิ ตา่ งๆ ได้ ๔. บอกหลกั วธิ กี ารเขยี นลายไทยพน้ื ฐานได้ ความเป็ นมาของลายไทย ลายไทย นบั ไดว้ า่ เป็นศลิ ปะและวฒั นธรรมอนั มคี ่าของชาติ เป็นทเ่ี ชดิ หน้าชตู าและไดร้ บั คา ชน่ืชมจากนานาประเทศวา่ เป็นศลิ ปะทว่ี จิ ติ รสวยงามไม่แพช้ าตใิ ดในโลกาเนดิ ขน้ึ มาดว้ ยสตปิ ญั ญา ความคดิและฝีมอื ศลิ ปินไทยทค่ี ดิ ประดษิ ฐส์ รา้ งสรรคม์ าจากธรรมชาติ เชน่ ดอกบวั ใบไม้ เปลวไฟ ใหเ้ ป็นลวดลายต่างๆ จดั จงั หวะไดอ้ ย่างเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ยกลมกลนื กนั เป็นอย่างดี ซ่งึ ดอกไม้ ใบไม้ นบั วา่ เป็นตน้ แบบหน่งึ ของลายไทยเพราะทงั้ สองสนง่ิ ้เี ป็นทเ่ี คารพและชอบทส่ี ดุ ของคนไทย ดงั นนั้ เราจงึ เหน็ ไดว้ า่ ดอกไม้ ใบไม้จะไปปรากฏเป็นลวดลายต่างๆ ใบไมท้ พ่ี บบอ่ ยในลวดลายไทยไดแ้ ก่ ใบเทศ และใบพดุ ตาน สว่ นดอกไม้ไดแ้ ก่ ดอกบวั ทม่ี กั เขยี นเป็นรปู ดอกบวั ตมู กอ่ นทจ่ี ะพลกิ แพลงใหเ้ ป็นรปู พสิ ดารต่อไป ลายบวั ทป่ี รากฏนเห็ในงานศลิ ปะลายไทย เชน่ บวั คว่า บวั หงาย เพราะดอกบวั เป็นดอกไมพ้ เิ ศษเป็นพนั ธุท์ ม่ี สี กลุ คนไทยทวั่ ไปจงึ ถอื วา่ ดอกบวั เป็นดอกไมช้ นั้ สูง เป็นสญั ลกั ษณ์แหง่ ความสะอาด สาหรบั เปลวไฟกถ็ อื เป็นตน้ บญั ญตั ขิ องลายไทยเชน่ กนั ลกั ษณะของเปลวไฟนนั้ คดโคง้ ไปตามกาลงั ลม ดงั นนั้ ศนลิ เปกิ ดิ แรงบนั ดาลใจจงึ คดิ ดดั แปลงเป็นลายไทยทง่ี ดงามกลมกลนื ไปกบั สง่ิ ตา่ งๆ ไดห้ ลายรูปแบบ ซง่ึ เราสามารถเหน็ ไดจ้ ากลายกนกเปลวต่างๆนนั่ เอง

ที่มาของลายอนั เกิดจากรปู ทรงของดอกบวัดอกบวั หลวง ดอกบวั สตั ตบงกชทม่ี าของกระหนกสามตวั อกี แบบหน่งึ ลายบวั กระหนก ลายกรวยเชงิภาพจากหนงั สอื “ลายพน้ื ฐานสถาปตั ยกรรม” ของ วภิ าวี บรบิ ูรณ์. (๒๕๔๔)

ที่มาของลายอนั เกิดแรงบนั ดาลใจจากใบไม้ ดอกไม้ และเถา๑. ใบฝ้าย ๕. ตาออ้ ย ๙. ประจายามดอกมะลิ๒. ใบฝ้ายเทศ ๖. ดอกตาออ้ ย ๑๐. รปู ดอกบวั หลวง๓. ดอกใบเทศ ๗. ดอกกระหนก ๑๑. รปู ดอกบวั สตั ตบษุ ย์๔. กา้ นขดใบเทศ ๘. ดอกกระหนก ๑๒. ดอกชอ่ หางสงิ ห์ ๑๓. ประจายามตาออ้ ยภาพจากเอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ าศลิ ปะไทยเบ้อื งตน้ ของ สุรนิ ทร์ จฑุ างกรู โรงเรยี นเทอดไทยวทิ ยาคม จงั หวดั รอ้ ยเอด็ .(๒๕๔๙)เปลวไฟ ใบเทศ ตาออ้ ย ทมี่ าของลายทไี่ ดแ้ รงบนั ดาลใจมาจากเปลวไฟ ใบไม้ ตาออ้ ย ๒๓

๑๕ ๖วิวฒั นาการของกาบจากลาต้นไผม่ าเป็นลายประเภทกาบ ภาพประกอบจากหนงั สอื ของมานะ ทองสอดแสง (๒๕๒๒)ทีม่ าของลาย : หางปลาไหลเป็นยอดลายกระหนก

เปลวไฟ หางไหล หางไหล การนารปู ทรงลกั ษณะของเปลวไฟและหางไหลมาประดษิ ฐเ์ ขยี นเป็นยอดลายกระหนก รปู แบบอนั เป็นเอกลกั ษณ์ของลายไทย ลายไทย นบั เป็นผลงานศลิ ปะชนั้ เยย่ี มทแ่ี สดงถงึ ความเป็นเอกลกั ษณ์ของชนชาตไิ ทย ท่ีศลิ ปินรุ่นบรมครขู องไทยไดฝ้ ากผลงานเอาไวใ้ หเ้ ป็นมรดกตกทอดสบื ต่อกนั มาจนถงึ ปจั จบุ นั โดยไดร้ บัอทิ ธพิ ลหรอื แรงบนั ดาลใจมาจากธรรมชาติ แลว้ ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบมโนคติ เดมิ ทไี ทยไดร้ บัรูปแบบมาจากอนิ เดยี พอยุคต่อมาชา่ งไทยไดท้ ง้ิ รูปแบบของอนิ เดยี ออกไป แลว้ นารปู แบบของธรรมชาติมาประดษิ ฐแ์ ละปรบั ปรุงเปลย่ี นแปลงใหม้ รี ูปแบบเหนือธรรมชาติ จงึ ส่งผลใหร้ ปู แบบของลายไดร้ บั การพฒั นาสรา้ งสรรคจ์ นกลายเป็นรูปแบบอนั เป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะของไทยมาจนปจั จุบนั เน่อื งดว้ ยศลิ ปะลายไทยเป็นผลงานอนั ประณตี ทเ่ี กดิ จากการสรา้ งสรรคข์ องศลิ ปินชนั้ ครู ดงั นนั้ผฝู้ ึกเขยี นร่นุ ใหม่จงึ จาเป็นทจ่ี ะตอ้ งเขยี นใหไ้ ดต้ ามแบบผลงานชนั้ ครใู หม้ ากทส่ี ุด จงึ จะถอื ไดว้ า่ มีความสามารถในการเขยี นลายไทย ดงั นนั้ การฝึกเขยี นลายไทยสาหรบั ผฝู้ ึกเขยี นใหมๆ่ จงึ จาเป็นตอ้ งศกึ ษารูปแบบและฝึกเขยี นใหไ้ ดต้ ามแบบของครู ซ่งึ เป็นการฝึกเขยี นตามครนู นั่ เอง

ลกั ษณะอนั เป็นเอกลกั ษณ์ของลายไทยคือความวิจิตร ประณีตสวยงาม อ่อนช้อยภาพจากเอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ าศลิ ปะไทยเบอ้ื งตน้ ของ สรุ นิ ทร์ จุฑางกูร (๒๕๔๙) ประโยชน์ของลายไทย ประโยชน์ของศลิ ปะไทย สว่ นใหญ่จะเขา้ ไปมสี ่วนรว่ มในการรบั ใชส้ ถาบนั พทุ ธศาสนา และรบัใชส้ ถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ โดยนาไปใชป้ ระดบั ตกแต่งอาคารสถานทต่ี ่างๆ เชน่ โบสถ์วหิ าร ศาลา ประสาท พระราชวงั เคร่อื งนุ่งห่ม เครอ่ื งราชปู โภค สง่ิ ของเคร่อื งใช้ เครอ่ื งประดบั การนาลายไทยมาใช้กบั งานทางด้านประติมากรรมและสถาปัตยกรรมไทย

ประเภทลายบวั ต่างๆ บวั แบบต่างๆ ทีใ่ ช้กบั ยอดปราสาทภาพจากหนงั สอื “ศกึ ษาศลิ ปะไทย” ของ มานะ ทองสอดแสง.(๒๕๒๒) แบบคนั ทวยซงึ่ ประกอบเขา้ กบั เสา ลายทใ่ี ชป้ ระดบั สว่ นต่างๆ ของแท่นฐานซุม้ ประตู ภาพจากหนงั สอื “ศกึ ษาศลิ ปะไทย” ของ มานะ ทองสอดแสง.(๒๕๒๒) ประเภทของลายไทยพืน้ ฐาน จะเหน็ ไดว้ า่ ลวดลายไทยทน่ี ามาใชต้ กแตง่ ตามสถาปตั ยกรรม บา้ นเรอื นและสงิ่ ของเครอ่ื งใช้ มีหลายรูปแบบ หลายประเภท และถูกนาไปใชใ้ นโอกาสต่างๆ กนั ตามความเหมาะสมไดอ้ ย่างยอดเยย่ี มโดยเฉพาะลายไทยพน้ื ฐาน ซ่งึ ไดแ้ ก่ ลายกระจงั ลายประจายาม ลายดาว ลายพมุ่ ลายกระหนกสามตวั ซง่ึ ลายเหล่าน้เี รยี กกนั อกี อยา่ งวา่ “แมล่ าย” เพราะสามารถนามาประดษิ ฐใ์ หเ้ ป็นลวดลายตา่ งๆ ได้อกี มากมาย๑. แมล่ ายกระจงั ลกั ษณะของแมล่ ายกระจงั แมล่ ายกระจงั เป็นแม่ลายทไ่ี ดร้ บั แรงบนั ดาลมาจากฟนั ปลา ตาออ้ ย หรอื ดอกบวั เป็นแม่ลายทป่ี ระดษิ ฐห์ รอื เขยี นขน้ึ ภายในรปู สามเหลย่ี มดา้ นเท่า แม่ลายกระจงั น้เี ป็นลวดลายทแ่ี สดงแบบเฉพาะดา้ นหน้า ไมน่ ยิ มเขยี นหรอื ปนั้ ใหเ้ หน็ ดา้ นขา้ ง ลกั ษณะสว่ นใหญ่อยใู่ นรปู ทรงของกลบี บวั และเป็นลายตดิ ตอ่ ซา้ ยขวา เขยี นเดนิ ตามเสน้ ขอบลาย

ประเภทของแม่ลายกระจงั แมล่ ายกระจงั จาแนกออกเป็นประเภทต่างๆ ตามลกั ษณะของลาย ดงั น้ี (ศภุ สนิ สารพนั ธ.์๒๕๔๕ : ๘๓) ๑. กระจงั ฟนั ปลา ๒. กระจงั ตาออ้ ย ๓. กระจงั ใบเทศ ๔. กระจงั ปฏญิ าณ ๕. กระจงั เจมิ ๖. กระจงั รวน ๗. กระจงั คอเสอ้ื ประโยชน์ของแมล่ ายกระจงั แม่ลายกระจงั เป็นลวดลายทถ่ี กู นามาใชป้ ระโยชน์ ในการเขยี นเป็นลวดลายประกอบตามขอบลาย ถา้ เขยี นใหส้ ว่ นยอดตงั้ ขน้ึ เรยี กวา่ “บวั หงาย” ถา้ เขยี นใหส้ ่วนยอดลงดา้ นลา่ ง เรยี กวา่ “บวั คว่า”หากเขยี นใหย้ อดเอนเรยี กวา่ “บวั รวน” บวั ควา่ กระจงั รวน บวั หงาย

ภาพจากหนงั สอื ศลิ ปะไทย ของ ศภุ สนิ สารพนั ธ์ (๒๕๔๕) ๒. แม่ลายประจายาม ลกั ษณะของแม่ลายประจายาม สนั นิษฐานวา่ มที ม่ี าจากดอกจนั หรอื ลูกจนั ทผ่ี า่ เอาเน้อื ขา้ งในออกแลว้ เหลอื เพยี งเปลอื กนอก เป็นแมล่ ายทเ่ี ขยี นอยใู่ นรูปรา่ งสเ่ี หลย่ี มจตั รุ สั ตะแคง มลี กั ษณะคลา้ ยดอกไม้ มเี กสรเป็นรปูวงกลมอยตู่ รงกลาง มกี ลบี มนแหลมดลา้ ยกลบี บวั ลอ้ มอยู่โดยรอบ ๔ กลบี ดว้ ยกนั

แมล่ ายประจายามชนิดต่างๆ ประโยชน์ของแม่ลายประจายาม แมล่ ายประจายามใชเ้ ป็นทอ่ี อกลาย หรอื ใชเ้ ป็นทห่ี า้ มลายหรอื หยุดลาย สจงะั เกตเหน็ วา่ลายน้มี ปี ระดบั อยตู่ ามเสา ขอบประตู หน้าต่างของโบสถ์ วหิ าร เจดยี ์ ปราสาท หรอื ตดิ ประดบั กบั เสาบษุ บกทงั้ ๔ ดา้ น ตดิ ประดบั อยู่ทเ่ี คร่อื งสวมหวั ประจาอยูท่ งั้ ๔ ดา้ น เชน่ น้เี รยี กวา่ “ประจายาม ” เพราะเชอ่ื วา่ เป็นยามรกั ษาการณป์ ้องกนั ภยั แกผ่ คู้ ดิ มดิ มี ริ า้ ย ลายประจายามน้เี ม่อื นาไปใชก้ บั ลวดลายอ่นื ๆ มีชอ่ื เรยี กต่างกนั เชน่ ประจายามกา้ มปู ประจายามลูกฟกั กา้ มปู ราชวตั รประจายาม ประจายามกา้ นเกย้ี ว ลายซกี ดอกซ้อนประจายามกา้ มปู ประจายามลูกฟกั กา้ มปู ระดบั เคร่อื งสวมหวัประดบั บุษบก

การนาลายประจายามมาใช้ในโอกาสต่างๆ ภาพจากหนงั สอื ศลิ ปะไทย ของ ศภุ สนิ สารพนั ธ์ (๒๕๔๕) ๓. แม่ลายดาว ลกั ษณะของแมล่ ายดาว แมล่ ายดาวรูปรา่ งส่วนใหญ่จะอยใู่ นวงกลม มลี กั ษณะเหมอื นนาแม่ลายประจายามมาวางซ้อนสบั หวา่ งกนั ตงั้ แต่ ๒ ชนั้ ขน้ึ ไป บางแห่งมชี อ่ื เรยี กแตกต่างกนั ออกไป เชน่ แมล่ ายดอกจอก ลายดอกลอย ลายดาวรงั แตน แมล่ ายดาวสามารถประดษิ ฐต์ กแต่งใ หม้ รี ายละเอยี ดดว้ ยการ บาก แบ่ง สอดไส้ ใหเ้ ป็นลวดลายแบบต่างๆ ออกไปอกี ไดม้ ากมาย แต่ทงั้ น้ตี อ้ งมรี ปู ร่างอยู่ในพน้ื ทว่ี งกลมเสมอ ภาพแม่ลายดาวแบบตา่ งๆ ประโยชน์ของแมล่ ายดาว การนาแมล่ ายดาวไปใชไ้ ดถ้ กู ระบตุ าแหน่งไวอ้ ย่างชดั เจนวา่ อยตู่ รงส่วนทเ่ี ป็นฝ้าเพดานจองอาคารทางศาสนา เชน่ อุโบสถ์ วหิ าร ซุ้มพระปรางค์ ซุม้ สถปู เจดยี ์ เพดานธรรมมาสน์เพราะถอื วา่ สว่ นล่างของอาคารเป็นพน้ื ธรณี ส่วนทเ่ี ป็นเพดานเปรยี บเหมอื นทอ้ งฟ้าซง่ึ มดี าวประดบั อยู่หรอื หากนาแมล่ ายดาวมาเขยี นผสมกบั ลายอ่นื ๆ กจ็ ะทาใหไ้ ดล้ ายอกี หลายแบบหลายชนิด เชน่ ลายดาวลอ้ มเดอื น ลายราชวตั ร ซ่งึ ใชท้ าลายปนู ปนั้ แกะสลกั ไม้ ลายเพดาน ฝาผนงั อาคาร ลายผา้ ม่าน ผา้ นุ่งหรอื ลายเสอ้ื เป็นตน้

ตวั อยา่ งการนาแม่ลายดาวมาประดษิ ฐใ์ หเ้ ป็นลายดาวลอ้ มเดอื น๔. แม่ลายพ่มุ หรอื ลายหน้าขบ ลกั ษณะของแม่ลายพมุ่ หรือลายหน้าขบ แมล่ ายพุ่ม เป็นแม่ลายทเ่ี ขยี นขน้ึ เป็นแบบภายในรูปทรงพ่มุ ขา้ วบณิ ฑ์ ทม่ี รี ูปสเ่ี หลย่ี มขนมเปียกปนู บงั คบั รปู แบบของแมล่ ายพุ่มน้สี ว่ นทเ่ี ป็นไสม้ รี ปู เป็นพุ่มทรงขา้ วบณิ ฑอ์ ยตู่ รงกลาง และมีกลบี คลา้ ยๆ กบั กลบี ในแมล่ ายดอกสก่ี ลบี ลอั มอยู่โดยรอบ ๔ กลบี แม่ลายพุม่ ยงั สามารถเขยี นเป็นลายไดอ้ กี หลายชนดิ ซ่งึ เขยี นเป็นลายอย่างไรกเ็ รยี กอยา่ งนนั้ เชน่ ลายหน้าขบ ซ่งึ มที ม่ี าจากหน้าศตั รูทด่ี รุ า้ ยหรอื ประดษิ ฐม์ าจากหน้าสตั วห์ มิ พานตต์ ่างๆ ทใ่ี ชป้ าก ฟนั เขย้ี ว ขบกดั จงึ เรยี กวา่ “หน้าขบ” สว่ นประกอบของลายหน้าขบ ประกอบไปดว้ ย จมกู ฟนั ปาก เขย้ี ว ตา คว้ิ คาง แกม้หน้าผาก ถา้ เขยี นเป็นเทพนมกเ็ รยี กวา่ ลายพุม่ เทพนม หรอื ถา้ เขยี นรว่ มกบั ลายอ่นื ๆ กเ็ รยี กร่วมกนัเชน่ ลายพ่มุ ขา้ วบณิ ฑก์ า้ นแย่ง ลายพุ่มเทพนมกา้ นแย่ง เป็นตน้แบบตาออ้ ย แบบใบเทศ แบบเปลวตวั อย่างลายพมุ่ ทรงข้าวบิณฑแ์ บบต่างๆ

ตวั อย่างลายหน้าสิงหห์ รือหน้าขบแบบต่างๆ ประโยชน์ของแม่ลายพ่มุ แม่ลายพ่มุ จะเป็นลายสาหรบั ใชเ้ ป็นทอ่ี อกเถาลาย หรอื ใชเ้ ป็นภาพขบกดั ลายในบางตอน เพ่อื เพมิ่ ความรุนแรงอนั เป็นศลิ ปะเปรยี บเทยี บกบั ความออ่ นหวานของลวดลาย นอกจากน้ยี งั ใช้เป็นลายกนั้ กลางเพอ่ื หา้ มลายสองเถาไม่ใหม้ าชนกนั และใชเ้ ขยี นตกแตง่ ตามบานประตู หน้าต่าง เสาฝาผนงั ฯลฯ ตวั อยา่ งการใช้ลายหน้าขบเป็นทีอ่ อกลายเครอื เถา

๕. แมล่ ายกระหนก ลกั ษณะของแม่ลายกระหนก แมล่ ายกระหนก เป็นลายทม่ี รี ูปร่างอยู่ภายในรปู สามเหลย่ี มมุมฉากบงั คบั ลกั ษณะของลาย ถา้ เขยี นเป็นดวั ลายหน่งึ ตวั ขมวดปลายแหลม เรยี กวา่ “กระหนกหน่งึ ตวั หรอื กระหนกเดย่ี ว ”หากเขยี นประกอบขน้ึ ดว้ ยตวั ลายขมวดปลายแหลมซอ้ นกนั ๓ ตวั กจ็ ะเรยี กวา่ “กระหนกสามตวั ” หรอืเรยี กอกี อย่างหน่งึ วา่ “กระหนกนาง” ซง่ึ นบั เป็นแม่ลายทส่ี าคญั ในกระบวนการเขยี นลายไทย เพราะกระหนกสามดวั จะเป็นลายทบ่ี รรจทุ งั้ กา้ น เถา กาบใหญ่ กาบเลก็ กลบี เลย้ี ง ตวั กระหนกและยอดกระหนกไวอ้ ย่างครบถว้ น และสามารถประดษิ ฐต์ กแต่งดว้ ยการเขยี นแบง่ ชอ่ งไฟภายในตวั ลาย ใหถ้ แ่ี ละเพมิ่ เตมิ ตวั แทรกลงใหเ้ ป็นแบบต่างๆ กนั ออกไปไดไ้ มจ่ ากดั ขอ้ สาคญั ตอ้ งรกั ษารูปโครงสรา้ งส่วนรวมของแม่ลายไวใ้ หค้ งเดมิ ๓ ๑ ๒กระหนกเดยี่ ว กระหนกสามตวัประเภทของแม่ลายกระหนกสามตวั แม่ลายกระหนกสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามลกั ษณะของลายไดด้ งั น้ี ๑. กระหนกเปลว มที ม่ี าจากเปลวไฟ ๒. กระหนกใบเทศ มที ม่ี าจากใบเทศ (ใบฝ้าย) ๓. กระหนกผกั กูด มที ม่ี าจากผกั กูด ตวั กระหนกมกี ารเขยี นขมวด ขด และยอดพกลลกิบั ๔. กระหนกยอดนาค เป็นกระหนกทน่ี าเอาหวั นาคมาประกอบกบั ตวั ลาย

กระหนกเปลว กระหนกใบเทศ กระหนกผกั กูด ประโยชน์ของแมล่ ายกระหนก แมล่ ายกระหนกนนั้ เป็นแมล่ ายทส่ี าคญั ทส่ี ดุ ในกระบวนการเขยี นลายไทย นยิ มนาไปเขยี นปนั้ แกะสลกั ประดบั สงิ่ ก่อสรา้ ง เชน่ หน้าบนั โบสถ์ วหิ าร บานประตู หน้าต่าง ตูพ้ ระธรรม ฯลฯหรอื นาลวดลายไปเขยี นประดบั ตกแต่งบนเคร่อื งปนั้ ดนิ เผา เครอ่ื งถม เคร่อื งเงนิ เคร่อื งใชต้ า่ งๆ ได้มากมาย ลายบานประตูหน้าต่าง ลายหน้าบนั โบสถ์ วหิ าร ตวั อยา่ งการนาลายกระหนกไปใช้ประโยชน์

หลกั การเขียนลายไทย ในการเขยี นลายไทยนนั้ ถอื เป็นงานทป่ี ระณตี จงึ จาเป็นตอ้ งเขยี นและตดั เสน้ ลายดว้ ยความรอบคอบ ใจเยน็ ๆ คอ่ ยทาค่อยไป เพราะลายไทยมเี สน้ ทส่ี ลบั ซบั ซ้อนมาก มกั จะประกอบไปดว้ ยเสน้ โคง้ แทบทงั้ สน้ิ นอกจากเสน้ ขอบลายเทา่ นนั้ ทเ่ี ป็นเสน้ ตรง การขดของวงลายก็ ตอ้ งขดใหไ้ ด้วงจรงิ ๆ ดงั คาทบ่ี รมครูวา่ ไวว้ า่ “ขดใหไ้ ดว้ ง ตรงใหไ้ ดเ้ สน้ ” ดงั นนั้ การเขยี นลายไทยจะตอ้ งอาศยัหลกั การสงั เกตทล่ี ะเอยี ดถถ่ี ว้ นจงึ จะเขยี นผลงานไดด้ ี ในการฝึกเขยี นใหม่ๆ จาเป็นจะตอ้ งเขยี นลายแต่ละตวั อยา่ งซ้าๆ หลายหนจนจาไดข้ น้ึ ใจซ่งึ รวมทงั้ เสน้ ปลกี ย่อยท่ี ผสมอย่ใู นตวั ลายแต่ละตวั ดว้ ยฝึกเขยี นลายใหไ้ ดท้ งั้ ตวั ดา้ นซา้ ยและดา้ นขวา เขยี นเอายอดขน้ึ และเอายอดลงใหไ้ ด้ หรอื กล่าวอกีนยั หน่งึ วา่ จงฝึกเขยี นลายในทศิ ทางตา่ งๆ ใหไ้ ดโ้ ดยรอบ ผทู้ ม่ี ฝี ีมอื ในการเขยี นลายไทยย่อมยดึ หลกั 5 ประการ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ความอ่อนโยนของเสน้ ตวั ลาย 2. แบง่ ระยะตวั ลายใหพ้ อเหมาะกนั ทงั้ ภาพ 3. ชอ่ งไฟ พน้ื ทว่ี า่ ง มรี ะยะพอเหมาะกนั ทงั้ ภาพ 4. การใชเ้ ถาลายอ่อนชอ้ ยไดว้ งกา้ น รวมทงั้ การประดษิ ฐพ์ ลกิ แพลงตวั กนก กาบ นก คาบ หน้าขบ และยอดลายดแู ลว้ ยอดไมด่ ว้ น 5. การผกู ลายควรใหอ้ ยใู่ นหมเู่ ดยี วกนั เชน่ ลายกนกสามตวั ลายเปลว ลายใบเทศ ฯลฯ เป็นตน้ โดยจะยดึ หลกั 5 ประการน้ี นาไปพจิ ารณาลายทเ่ี ขยี นอยู่เสมอ และการผกู ลายกย็ ่อมจะตอ้ งถกู ตอ้ งและงดงาม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook