Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการเรียนรู้ วิชา เครื่องรับวิทยุ

แผนการเรียนรู้ วิชา เครื่องรับวิทยุ

Published by monthree2562, 2020-06-24 02:36:44

Description: วัตถุประสงค์ของการจัดการ E-Book online เพื่อใช้ปรกอบการเรียนการสอนออนไลน์ในรายวิชาเครื่องรับวิทยุ ประจำภาคเรียนที่ 1/2563 สาขาวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยการอาชีพนาแก

Keywords: การจัดการเรียนการสอนออนไลน์,Online Learning,Blended Learning

Search

Read the Text Version

2.2) เคร่ืองฉายภาพ 3) สื่อของจรงิ 3.1) หนงั สือเรยี นวิชาเครื่องรบั วิทยุ (พันธศ์ กั ดิ์ พฒุ มิ านิตพงศ์) 3.2) หอ้ งเรยี นแผนกอิเลก็ ทรอนิกส์

แผนการเรียนรู้ วิชา 2105 – 2009 วิชา เครอื่ งรับวิทยุ หน่วยกิต (ชวั่ โมง) 3 (5) เรอื่ ง เครือ่ งรบั วิทยุ FM สเตอรโิ อมัลตเิ พลก็ ซ์ เรอื่ ง เครือ่ งรับวิทยุ FM สเตอริโอมลั ติเพลก็ ซ์ จำนวนชัว่ โมงสอน 10 ชั่วโมง 8. บันทกึ หลงั การสอน 1) ขอ้ สรปุ หลงั การจดั การเรยี นรู้ .................................................................................................................................................... ...................................... ............................................................................................. ............................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ........................................................................................................................................................................... ............... ..................................................................................................................... ................... 2) ปญั หาที่พบ ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ................................................................................................................................................................................ .......... ............................................................................................................................... ............... 3) แนวทางแกป้ ัญหา ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ..............................................................................................................................................

แผนการเรยี นรู้ วิชา 20105 – 2009 วิชา เครอื่ งรับวิทยุ หน่วยกิต (ชั่วโมง) 3 (5) เร่ือง ภาคขยายเสียงของเคร่อื งรบั วทิ ยุ AM - FM เรอื่ ง ภาคขยายเสียงของเครอื่ งรบั วทิ ยุ AM - FM จำนวนชัว่ โมงสอน 10 ช่ัวโมง 1. สาระสำคัญ ภาคขยายเสียงจะเปน็ การเพ่ิมระดับความแรงของสัญญาณใหม้ ากข้ึนจนพอที่จะเปล่งเสยี งดังออกมาจากลำโพง ได้ตามความต้องการ ซึ่งนอกจากจะขยายสญั ญาณใหด้ ังแรงมากขึ้นแล้ว สัญญาณเสียงทถ่ี ูกขยายนนั้ จะต้องไม่ ผดิ เพยี้ นดว้ ย ซึง่ ก็ขนึ้ อยกู่ บั การจัดไบอัสที่ถูกต้องเหมาะสมของวงจรขยายเสียง 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ (มาตรฐานการเรียนร)ู้ 2.1 จุดประสงค์ท่ัวไป 1. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับ ภาคขยายเสียงของเคร่ืองรับวิทยุ AM - FM 2. เพอ่ื ใหม้ ีทักษะเกย่ี วกับภาคขยายเสยี งของเครอื่ งรบั วิทยุ AM - FM 3. เพอื่ ใหม้ ีเจตคตทิ ่ีดีต่อการเตรียมความพร้อมดา้ นการเตรียม วสั ดุ อปุ กรณ์ และการปฏิบัตงิ านอย่างถูกต้อง สำเร็จภายในเวลาท่ีกำหนด มีเหตุและผลตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2.2 จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 1. บอกคุณสมบตั ทิ ่ีสำคัญของภาคขยายเสียงสญั ญาณขนาดเล็กได้ 2. จำแนกการทำงานของวงจรขยายแบบหลายภาคได้ 3. วเิ คราะห์การคบั ปล้งิ สัญญาณเสยี งผ่านของวงจรขยายแบบแคสเคดได้ 4. อธบิ ายวงจรควบคมุ ความดงั ของภาคขยายได้ 5. ระบุการทำงานภาคขยายกำลงั ได้ 6. เปรยี บเทยี บวงจรขยายเสยี งใชท้ รานซิสเตอร์ตัวเดยี วได้ 7. บอกข้อแตกตา่ งของวงจรขยายเสยี งแบบพชุ -พลู ได้ 8. แสดงตวั อยา่ งของวงจรขยายเสยี งแบบพชุ – พูล ชนิดไมม่ เี อาท์พทุ ทรานสฟอรม์ เมอร์ได้ 9. ต่อวงจรขยายแบบแคสเคดได้ 10. เตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์สอดคล้องกับงานได้ 11. ปฏบิ ตั งิ านได้ และสำเรจ็ ภายใน เวลาที่ กำหนดอยา่ งมเี หตุและผลตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 3. สาระการเรียนรู้ 1. ภาคขยายเสียงสัญญาณขนาดเล็ก

แผนการเรยี นรู้ วิชา 20105 – 2009 วิชา เคร่อื งรบั วิทยุ หนว่ ยกติ (ชั่วโมง) 3 (5) เร่อื ง ภาคขยายเสียงของเครอ่ื งรับวิทยุ AM - FM เรื่อง ภาคขยายเสียงของเครอ่ื งรับวทิ ยุ AM - FM จำนวนชวั่ โมงสอน 10 ชั่วโมง เป็นวงจรขยายภาคแรก ๆ มคี วามแรงต่ำท่ีของจากภาคดีเทคเตอร์ของเครื่องรบั วทิ ยจุ ะพจิ ารณาคุณสมบตั ทิ ี่ สำคญั สามประการคือ - ระดบั สญั ญาณต่อสญั ญาณรบกวน - คา่ อมิ พแิ ดนซ์ทางอนิ พุทและเอาท์พุท - ความต้องการทางการตอบสนองความถ่ี 2. วงจรขยายแบบหลายภาค การขยายสัญญาณเสียงนั้นจะต้องมีวงจรขยายหลายภาคเพ่ือทำใหส้ ญั ญาณมีความแรงมากขึน้ การต่อ วงจรขยายจากภาคไปยงั อีกภาคหนง่ึ เรียกว่า การต่อขยายแบบแคสเคดสัญญาณเสรยงจะถกู เพ่มิ ความแรงมากข้ึนโดย ไมผ่ ดิ เพ้ยี น 3. การคบั ปลงิ้ สญั ญาณเสยี งผ่านของวงจรขยายแบบแคสเคด การสง่ ผ่านสัญญาณเสียงของวงจรขยายแบบแคสเคดจะตอ้ งมคี ับปลง้ิ สัญญาณเสียงขบั ผา่ นวงจรคับปลิง้ ที่นิยม ใชม้ ีอย่เู พียงสามแบบ คือ 1. ไดเรคคบั ปลง้ิ 2. RC คับปล้ิง 3.ทรานฟอร์เมอรค์ บั ปลิ้ง 4.วงจรควบคมุ ความดังของภาคขยาย ในการจดั วงจรควบคุมความดงั น้นั ไดก้ ำหนดความตอ้ งการไว้ดังน้ี 1. จะต้องไม่เกิดสัญญาณรบกวนหรือเกิดน้อยท่ีสุด ความต้องการนี้จะได้ผลจะต้องจัดวงจรควบคุมความดัง โดยหลีกเลย่ี งไม่ใหก้ ระแสไฟ DC จำนวนมากไหลผา่ นวงจรควบคุมความดงั 2. จะตอ้ งสามารถปรบั อัตราความแรงไดจ้ า่ ต่ำสุด(0) ถงึ คา่ สูงสุด 3. จะตอ้ งให้สญั ญาณตลอดย่านความถ่ีเสียงถูกลดทอนลงเทา่ กนั หมดทุก ๆ ตำแหน่งเมื่อปรับปุม่ ปรับความดัง 5.ภาคขยายกำลงั ภาคขยายกำลัง หรือภาคขายเสียงสัญญาณขนาดใหญ่เป็นภาคขยายที่เพ่ิมความแรงของสัญญาณเสียงให้มาก ขึ้นพอท่จี ะขบั ลำโพงให้เปลง่ เสยี งออกมาได้ ยนิ ชดั เจน แบง่ ออกได้เป็น 4 ชนิด 5.1 ขยายโดยใช้ทรานซลิ เตอร์ตัวเดียว 5.2 ขยายโดยใช้แบบพุช-พูล 5.3 ขยายโดยใชแ้ บบพชุ -พูล ชนดิ ไม่มเี อาทพ์ ุททรานฟอรเ์ มอร์ 5.4 ขยายโดยใช้การขยายแบบคอมพลเี มนตารี่ 6.วงจรขยายเสียงใช้ทรานซสิ เตอรต์ ัวเดียว วงจรเสยี งใช้ทรานซิลเตอรต์ วั เดียว ใช้ในกรณีทไ่ี มต่ อ้ งการอตั ราการขยายมากนัก การจดั วงจรไบอสั ใหก้ ับ

แผนการเรียนรู้ วชิ า 20105 – 2009 วิชา เครื่องรับวิทยุ หน่วยกติ (ช่ัวโมง) 3 (5) เร่อื ง ภาคขยายเสียงของเคร่ืองรบั วทิ ยุ AM - FM เรือ่ ง ภาคขยายเสียงของเคร่อื งรบั วทิ ยุ AM - FM จำนวนชวั่ โมงสอน 10 ชั่วโมง ทรานซิลเตอร์จะเป็นการจัดไบอัสคลาส A ซึ่งกค็ ือการจัดไบอัสให้วงจรขยายสัญญาณแบบไม่ผดิ เพยี้ น สัญญาณอินพุท กับสัญญาณจะเหมอื นกันจุดทำงานของทรานซลิ เตอรจ์ ะอยู่ครึง่ หน่ึงของแหลง่ จา่ ยไฟ DC ข้อดขี องวงจรขยายเสยี งแบบคลาส A คือ สญั ญาณที่ถกู ขยายออกเอาท์พทุ จะไม่ผดิ เพ้ยี น ข้อเสียวงจรขยายเสียงแบบคลาส A คือ อัตราขยายเสียงไม่สูงนัก มาสารถนำมาใช้ในวงจรขยายเสียงท่ี ต้องการ อัตราขยายสูงได้และทรานซิลเตอร์จะนำกระแสตลอดเวลาเป็นเหตุให้ทรานซิลเตอร์เกิดความร้อน อายุของท รานซิลเตอร์สนั้ ลง 7.วงจรขยายเสียงแบบพชุ -พูล วงจรขยายเสียงแบบพุช-พูล เป็นวงจรที่ขยายท่ีต้องการอัตราขยายที่สูง ๆ และสัญญาณเสียงต้องไม่ผิดเพ้ียน การจัดไบอัสให้วงจรขยายแบบน้ีจะเป็นการจัดไปอัสแบบ AB คือมีไบอัสตรงจ่ายให้ขา B ของทรานซิลเตอร์ พาวเวอร์ บ้างเล็กน้อย พอทำให้ทรานซลิ เตอร์พาวเวอร์นำกระแสบ้าง เมื่อมีสัญญาณเสียงปอ้ นเข้ามาจะขยายสัญญาณเสียงออก เอาท์พุทไมผ่ ดิ เพย้ี น 8.วงจรขยายเสยี งแบบพุช – พูล ชนดิ ไมม่ ีเอาทพ์ ทุ ทรานสฟอร์มเมอร์ วงจรขยายเสยี งแบบพชุ – พูล ชนดิ ไม่มีเอาท์พุททรานสฟอรม์ เมอร์ เป็นวงจรขยายเสียงอกี แบบหนึ่งท่ีนิยมใช้ งานโดยตดั เอาท์พทุ ทรานฟอร์เมอร์ท้งิ และคาปาซิลเตอร์ อันดบั กบั ลำโพงแทน ข้อดีของวงจรขยายเสยี งแบบนี้คือไม่ มที รานฟอร์เมอรก์ ั้นความถส่ี งู ออกเอาท์พุททำให้ความถีส่ ูงส่งออกมาไดม้ ากขึ้นและทำใหภ้ าคขยายเสยี งเล็กลงน้ำหนัก เบา 4. สือ่ การเรียนรู้ 1 ) สือ่ ส่งิ พิมพ์ 1.1) ใบความรู้ 1.2) แบบฝกึ หัด 1.4) แบบสังเกตพฤตกิ รรม 2 ) สอ่ื โสตทศั น์ 2.1) เครื่องฉายภาพ 2.2) อินเตอรเ์ นต็ 3) สอ่ื ของจรงิ 3.1) คอมพวิ เตอร์

แผนการเรยี นรู้ วิชา 20105 – 2009 วิชา เคร่ืองรบั วิทยุ หนว่ ยกติ (ชั่วโมง) 3 (5) เรือ่ ง ภาคขยายเสียงของเครื่องรับวทิ ยุ AM - FM เร่อื ง ภาคขยายเสียงของเครอ่ื งรบั วิทยุ AM - FM จำนวนชั่วโมงสอน 10 ชั่วโมง 5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ 1. ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. จัดเตรียมเอกสาร พร้อมกับแนะนำรายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียนเรื่อง ภาคขยายเสียงของ เคร่อื งรบั วิทยุ AM - FM 2. ผู้สอนแจ้งจดุ ประสงค์การเรียนของหน่วยเรียนที่ 7 และการใหค้ วามร่วมมือของนกั ศกึ ษาในการทำกิจกรรม 3. ผู้สอนให้ผูเ้ รยี นแสดงความรู้ โดยการสอบถามในเรอ่ื งภาคขยายเสียงของเครื่องรับวิทยุ AM – FM 4. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 7 เร่ืองภาคขยายเสียงของเครื่องรับวทิ ยุ AM - FM แล้ว ให้นักศึกษาสลับกนั ตรวจคำตอบ และให้คะแนน 2. ขัน้ ใหค้ วามรู้ 1.แจกใบความร้ใู ห้ผู้เรียนศกึ ษารายละเอยี ด 2.บรรยายให้ผู้เรียนทราบถึงภาคขยายเสียงของเครื่องรับวิทยุ AM - FM โดยใช้สื่อแผ่นใส, แผ่นภาพ ประกอบดว้ ยก็ได้ 3. ครูผสู้ อนสาธิตการปฏบิ ัตงิ านตามใบงานให้ผเู้ รียนทกุ คนดตู ามลำดับขัน้ ตอน 4. สรุปทบทวนเน้อื หาสาระสำคัญ เกี่ยวกับเครือ่ งรบั วิทยุ FM สเตอรโิ อมลั ติเพล็กซ์ โดยการซักถามให้ผู้เรียน ตอบเป็นรายบคุ คล 3. ขน้ั ประยกุ ตใ์ ช้ 1. แจกใบงานและแบบประเมินผลการเรียนรู้ให้ผู้เรียนศึกษารายละเอียดและฝึกตอบคำถามทบทวน ความ เขา้ ใจด้วยตนเองหลังเรียน 2. แบง่ กลุ่มผูเ้ รียนออกเป็นกลุ่มละ 3 คน เพอ่ื ฝกึ ปฏิบัติตามใบงานทไี่ ดม้ อบหมายใหแ้ ก่ผูเ้ รียน 3. ผู้สอนให้ผเู้ รียนสบื ค้นข้อมูลหรือหาความรู้เพ่มิ เติมจากอนิ เทอร์เนต็ 4. ข้ันสรปุ และประเมินผล 1. ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกันสรปุ เน้อื หาท่ไี ดเ้ รียนให้มีความเข้าใจในทิศทางเดียวกนั 2. ผ้สู อนให้ผเู้ รยี นทำแบบประเมนิ การเรยี นรู้ 3. แจกแบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยท่ี 7 เร่ือง ภาคขยายเสยี งของเคร่อื งรับวิทยุ AM - FM 4. ครตู รวจแบบทดสอบหลังเรยี นพร้อมกับบันทกึ คะแนน

แผนการเรียนรู้ วิชา 20105 – 2009 วิชา เคร่อื งรับวิทยุ หน่วยกติ (ชั่วโมง) 3 (5) เรือ่ ง ภาคขยายเสียงของเครื่องรบั วิทยุ AM - FM เรื่อง ภาคขยายเสียงของเครือ่ งรับวทิ ยุ AM - FM จำนวนช่วั โมงสอน 10 ช่ัวโมง 6. กระบวนการวัดผลและประเมินผล 1) วิธกี ารประเมิน - ประเมินองค์ความรู้ - ประเมนิ โดยการสงั เกตขณะเรียน และขณะปฏิบตั ิงาน 2) เคร่ืองมือประเมิน - แบบฝึกหดั - แบบสังเกตพฤติกรรม 3) เกณฑก์ ารประเมนิ 1) คะแนน 10 คะแนน จากการทำแบบฝึกหัด ถูกต้องครบถ้วน 2) คะแนนจิตพสิ ัย 1 คะแนน จากการสงั เกตพฤติกรรม 7. แหลง่ การเรยี นรู้ 1 ) สื่อสิ่งพิมพ์ 1.1) ใบความรู้ 1.2) แบบฝึกหัด 1.4) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 2 ) ส่ือโสตทศั น์ 2.1) แผ่นใส 2.2) เครือ่ งฉายภาพ 3) ส่อื ของจริง 3.1) หนังสือเรียนวิชาเคร่ืองรบั วทิ ยุ (พันธศ์ กั ด์ิ พฒุ มิ านติ พงศ์) 3.2) ห้องเรยี นแผนกอเิ ลก็ ทรอนิกส์

แผนการเรยี นรู้ วชิ า 20105 – 2009 วิชา เคร่ืองรับวิทยุ หนว่ ยกติ (ช่ัวโมง) 3 (5) เรอ่ื ง ภาคขยายเสียงของเครอื่ งรับวทิ ยุ AM - FM เรอ่ื ง ภาคขยายเสียงของเครอื่ งรบั วทิ ยุ AM - FM จำนวนช่ัวโมงสอน 10 ชั่วโมง 8. บนั ทกึ หลังการสอน 1) ขอ้ สรปุ หลังการจดั การเรียนรู้ .................................................................................................................................................... ...................................... ............................................................................................. ............................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ........................................................................................................................................................................... ............... ..................................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ........... 2) ปญั หาท่ีพบ ............................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ............................................................. ..................................................................................................................................... ......... 3) แนวทางแกป้ ญั หา ............................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ............................................................. ..................................................................................................................................... .........

แผนการเรียนรู้ วชิ า 20105 – 2009 วิชา เครอ่ื งรับวิทยุ หนว่ ยกติ (ช่ัวโมง) 3 (5) เรื่อง การปรบั แต่งเครื่องรบั วทิ ยุ AM - FM เรอ่ื ง การปรบั แตง่ เครือ่ งรับวทิ ยุ AM - FM จำนวนช่วั โมงสอน 10 ช่ัวโมง 1. สาระสำคัญ การปรับแต่งเคร่อื งรบั วิทยุ AM - FM ก็เพื่อให้เครื่องรบั มีความไว ( Sensitivity ) และรับไดห้ ลายสถานี สามารถแยกสถานที ี่มคี วามถ่ีใกล้เคียงกันโดยไมม่ ีเสยี งแทรกลำโพง ( Selectivity ) และสัญญาณท่ีรบั ไดต้ ้องมคี วาม ชดั เจนไม่ผดิ เพีย้ น 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ (มาตรฐานการเรียนรู้) 2.1 จดุ ประสงคท์ ่ัวไป 1. เพ่ือให้มีความรู้การปรับแตง่ เคร่ืองรับวิทยุ AM – FM 2. เพือ่ ใหม้ ที ักษะเกย่ี วกับ การปรบั แต่งเคร่ืองรบั วิทยุ AM – FM 3. เพือ่ ใหม้ เี จตคติทด่ี ีต่อการเตรยี มความพร้อมด้านการเตรียม วสั ดุ อปุ กรณ์ และการปฏิบตั ิงานอย่างถูกต้อง สำเร็จภายในเวลาทก่ี ำหนด มีเหตแุ ละผลตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธบิ ายผลของการปรับแต่งเคร่ืองรบั วทิ ยุ AM (MW) ได้ 2. วิเคราะหก์ ารปรับภาคขยาย IF ของเครื่องรบั วิทยุ AM แบบใชเ้ ครื่องมือได้ 3. จำแนกการปรับแต่งภาค IF ของเคร่ืองรับวิทยุ AM แบบใช้เคร่ืองมอื ได้ 4. เปรยี บเทยี บการปรบั ภาค IF ของเครอื่ งรับวิทยุ AM แบบไม่ใชเ้ ครอ่ื งมือได้ 5. ระบกุ ารปรับภาคคอนเวอรเ์ ตอร์เคร่ืองรบั วทิ ยุ AM แบบใชเ้ ครอื่ งมือได้ 6. สาธิตการปรับภาคคอนเวอร์เตอร์เคร่ืองรบั วิทยุ AM แบบไม่ใช้เคร่ืองมือได้ 7. อธิบายผลของการปรับแต่งเคร่ืองรบั วทิ ยุ FMได้ 8. บอกลำดบั ข้ันการปรับแตง่ ภาคฟร้อนเอนด์โดยไม่ต้องใชเ้ ครื่องมือได้ 9. เตรียมความพร้อมดา้ น วสั ดุ อุปกรณส์ อดคล้องกบั งานได้ 10. ปฏิบัตงิ านได้ และสำเร็จภายใน เวลาที่ กำหนดอย่างมเี หตุและผลตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3. สาระการเรยี นรู้ 1. การปรับแต่งเคร่ืองรบั วทิ ยุ AM (MW)ได้ เครื่องรับวิทยุย่านAM หรือ MW จะมีย่านความถ่ีที่รับได้ระหว่าง 535 KHz. ถึง 1,605 KHz. ซ่ึงถ้าตาม มาตรฐานของ FCC ซง่ึ ตามมาตรฐาน FCC1 สถานวี ิทยุ AM จะมแี บนด์วดิ ท์กว้าง 10 KHz. ถา้ คิดตามมาตรฐานFCC

แผนการเรียนรู้ วิชา 20105 – 2009 วิชา เครอ่ื งรบั วิทยุ หน่วยกติ (ช่ัวโมง) 3 (5) เรอ่ื ง การปรบั แตง่ เคร่ืองรับวทิ ยุ AM - FM เร่ือง การปรับแต่งเคร่อื งรบั วิทยุ AM - FM จำนวนช่ัวโมงสอน 10 ชั่วโมง แล้วจะสามารถบรรจุสถานีของวิทยุ AM ได้มากท่ีสุด 107 สถานี แต่ถ้าคิดตามระเบียบว่าด้วย วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทย 1 สถานีวิทยุ AM มีแบนด์วิดท์กว้างไม่เกิน 20 KHz. จะสามารถ บรรจุสถานีของวทิ ยุ AM ไดม้ ากทสี่ ุด 53 สถานี 2.การปรบั ภาคขยาย IF ของเครื่องรบั วทิ ยุ AM แบบใชเ้ ครื่องมือ ก่อนการปรับแต่งภาคขยาย IF ต้องมีการเตรียมเคร่ืองมือและอุปกรณ์ให้เสียก่อนส่ิงที่ต้องเตรียมมี3 อย่างคือ RF ซิกแนลเจนเนอเรเตอร์, AC โวลท์มเิ ตอร์, เคร่ืองรับวิทยุ AM 2.1.การเตรียม RF ซิกแนลเจนเนอเรเตอร์ 2.2.การเตรียมมลั ตเิ ตอร์ 2.3.การเตรยี มเครื่องรบั วิทยุ 3. การปรับแตง่ ภาค IF ของเครอ่ื งรับวิทยุ AM แบบใชเ้ คร่อื งมอื 3.1. นำคอยล์ที่ต่อกับ RF ซกิ แนลเจนเนอเรเตอร์ ท่ีทำหน้าที่เป็นสายอากาศแบบลูป มาวางใกล้สายอากาศ ของเคร่ืองรับวิทยุ AM ที่จะปรับแต่ง หาก IF ทรานสฟอร์ม ของเคร่ืองรับปรับแต่งไว้ไม่ผิดมากจะได้ยินความถ่ีเสียง 400 KHz. หรือ 1 KHz. ทีผ่ สม มาดังต้ดื ออกลำโพง 3.2. ปรับความแรงของสํญญาณที่ส่งออกมาจาก RF ซิกแนลเจนเนอเรเตอร์ให้เหมาะไม่ควรปรับแรงมาก เกินไป เพราะจะปรับ IF ทรานสฟอร์เมอร์ 3.3 ใชไ้ ขควงแบบชนิดที่ไม่ใชโ่ ลหะ ปรับ IF ทรานสฟอรเ์ มอร์ การปรับจะค่อย ๆปรับ 3.4. เลอื่ นไขควงมาปรบั IF ทรานสฟอรเ์ มอร์ T2 ให้สัญญาณเสียงต้ดื ดังออกลำโพงแรงข้นึ 3.5. เลอื่ นไขควงมาปรบั IF ทรานสฟอรเ์ มอร์ T1 ให้สญั ญาณเสียงตด้ื ดังออกลำโพงแรงข้นึ 3.6. ปรบั ทานซ้ำ IF ทรานสฟอรเ์ มอร์ เพ่ิใหแ้ นะใจว่าการปรับถกู ต้องและคุณภาพของเสียงดที ีส่ ุดแลว้ 4. การปรับภาค IF ของเครือ่ งรบั วทิ ยุ AM แบบไม่ใชเ้ ครอื่ งมือ หากไม่มี RF ซิกแนลเจนเนอเรเตอรก์ ็ไม่สามารถปรับขยาย IF ของเครื่องวิทยุ AM ได้เช่นกันโดยใช้มือง่าย ๆ คอื ใช้ไขควงชนดิ ทไ่ี มใ่ ชโ่ ลหะตวั เดียวชว่ ยก็ได้ ลำดับขั้นตอนการปรับมดี งั น้ี 4.1 เปิดเครื่องรบั วิทยุ AM ให้รับสถานีใดสถานีหน่ึงได้ 4.2 ใช้ไชควงแบบท่ีไม่ใช้โลหะปรับ IF ทรานสฟอร์เมอร์ T3 หมุนไปในทางท่ีมีเสียงออกลำโพลแรงท่ีสุดเสร็จ แล้วปรับ IF ทรานสฟอร์เมอร์ T2 ไปทางที่เสียงของสถานีดังแรงมากขึ้นเสรจ็ แลว้ ปรับ IF ทรานสฟอร์เมอร์ T1 ไปทาง ทเี่ สยี งของสถานดี งั แรงมากขึ้น 4.3 ลองปรับ IF ทรานสฟอร์เมอร์ T1 T2 T3 อีกครัง้ เพื่อรบั สญั ญาณได้ดีทสี่ ุด

แผนการเรยี นรู้ วชิ า 20105 – 2009 วิชา เครอื่ งรบั วิทยุ หน่วยกิต (ช่ัวโมง) 3 (5) เร่ือง การปรับแต่งเคร่ืองรบั วิทยุ AM - FM เร่ือง การปรับแต่งเคร่อื งรับวิทยุ AM - FM จำนวนช่ัวโมงสอน 10 ชั่วโมง 5.ภาคคอนเวอร์เตอร์เครอ่ื งรับวทิ ยุ AM แบบใชเ้ คร่ืองมอื ภาคคอลเวอร์เตอร์จะประกอบด้วย ภาคมิกเซอร์และภาคออสซิลเรเตอร์หรือในบางแบบอาจจะมีภาคขยาย RF ด้วยก็ได้ จุดประสงค์ของการปรับเพื่อให้ภาคคอลเวอร์เตอร์สามารถรับคล่นื จากสถานีได้ทุก ๆ สถานีตอลดหน้าปัด และมเี สียงดังออกลำโพงได้เทา่ ๆกันทกุ สถานี ลำดับข้นั ตอนการปรบั แตง่ ภาคคอลเวอรเ์ ตอร์ 5.1 ต้ัง RF ซิกแนลเจนเนอเรเตอร์ ทำทุกอย่างเหมือนกับการตั้งปรับภาค IF เว้นแต่ตั้งความถ่ี IF ความถี่ ประมาณ 530 KHz. 5.2 การเตรียมเคร่อื งตรวจรับเคร่ืองวิทยุ AM ทำทุกอย่างเหมือนการปรับภาค IF เว้นแต่ การหมุนวาริเอเปิล มาอย่ทู ี่ 530 KHz. 5.3 ใช้ไขควงแบนไมใ่ ชโ่ ลหะปรบั แกนของออสซิลเรเตอร์คอยล์ 5.4 ใช้ไขควงแบนท่ีไม่ใชโ่ ลหะมาปรับแต่งคอยอากาศ 6. ภาคคอนเวอรเ์ ตอรเ์ ครื่องรบั วิทยุ AM แบบไมใ่ ช้เครอ่ื งมอื การปรับแบบไม่ใช่เครื่องมือจะปรับเช่นเดียวกับการปรับภาค IF คือ ใช้สัญญาณจากสถานีส่งแทนสัญญาณที่ ไดจ้ าก RF ซิกแนลเจนเนอร์เรเตอร์ และต้องมเี คร่ืองรับวทิ ยุอกี เครอ่ื งหน่ึงท่ีปรับแล้วอยา่ งถูกต้อง มาเปน็ เครอื่ งช่วยใน การปรับ การปรับแตง่ เครอ่ื งรบั วิทยุ AM ทั้งหมดที่กลา่ วมาไม่ว่าจะเป็นรุน่ ใดยห่ี ่อใดใดคือวงจรจนู ด์ RF วงจรจูนด์ OSC หรอื วงจนู ด์ IF ซ่ึงถ้าแยกแต่ส่วนได้แล้วการปรบั แตง่ จะไม่ยาก 7.การปรบั แต่งเคร่ืองรบั วทิ ยุ FM ก่อนการปรับแต่งเคร่ืองรับ FM จะต้องทำให้เครื่องรับอยู่ในสภาพปกติพร้อมใช้งานไม่เสียไม่พร่องเม่ือแน่ใจ แลว้ จึ่งเรม่ิ การปรบั แต่งได้ ส่วนของวงจรทจี่ ะปรบั แต่งมีดังน้ี 1. ภาคดซี ดี เี ทคเตอร์ (RATIO DRTECTOR) 2. ภาคขยาย IF (IFAMP) 3. ภาคฟรอนดเ์ อนท์ (FRONT END ) 4. ส่ือการเรยี นรู้ 1 ) สื่อสิ่งพิมพ์ 1.1) ใบความรู้ 1.2) แบบฝกึ หัด

แผนการเรียนรู้ วชิ า 20105 – 2009 วิชา เครอื่ งรับวิทยุ หนว่ ยกติ (ชั่วโมง) 3 (5) เรื่อง การปรบั แตง่ เครอ่ื งรบั วิทยุ AM - FM เรื่อง การปรบั แต่งเครอ่ื งรับวทิ ยุ AM - FM จำนวนช่ัวโมงสอน 10 ชั่วโมง 1.4) แบบสังเกตพฤตกิ รรม 2 ) ส่อื โสตทัศน์ 2.1) เครือ่ งฉายภาพ 2.2) อินเตอรเ์ นต็ 3) ส่ือของจริง 3.1) คอมพวิ เตอร์ 5. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ 1. ข้ันนำเข้าสบู่ ทเรยี น 1. จัดเตรียมเอกสาร พร้อมกับแนะนำรายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียนการปรับแต่งเครื่องรับวิทยุ AM – FM 2. ผสู้ อนแจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นของหน่วยเรียนท่ี 8 และการให้ความร่วมมอื ของนักศึกษาในการทำกจิ กรรม 3. ผู้สอนให้ผู้เรียนแสดงความรู้ โดยการสอบถามในเร่ืองการปรับแต่งเครื่องรับวทิ ยุ AM – FM 4. ผู้สอนให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 8 เร่ืองการปรับแต่งเคร่ืองรับวิทยุ AM – FM แล้วให้ นกั ศึกษาสลับกันตรวจคำตอบ และให้คะแนน 2. ข้ันใหค้ วามรู้ 1.แจกใบความร้ใู หผ้ เู้ รียนศกึ ษารายละเอยี ด 2.บรรยายให้ผู้เรียนทราบถึงการปรบั แตง่ เคร่ืองรับวิทยุ AM – FM โดยใช้ส่อื แผ่นใส, แผน่ ภาพ ประกอบด้วยก็ ได้ 3. ครูผสู้ อนสาธิตการปฏบิ ัติงานตามใบงานใหผ้ ู้เรียนทุกคนดตู ามลำดับขัน้ ตอน 4. สรุปทบทวนเนื้อหาสาระสำคัญ เกี่ยวกับการปรับแต่งเคร่ืองรับวิทยุ AM – FM โดยการซักถามให้ผู้เรียน ตอบเปน็ รายบุคคล 3. ขั้นประยุกตใ์ ช้ 1. แจกใบงานและแบบประเมินผลการเรียนรู้ให้ผู้เรียนศึกษารายละเอียดและฝึกตอบคำถามทบทวน ความ เขา้ ใจดว้ ยตนเองหลังเรียน 2. แบง่ กลุม่ ผเู้ รียนออกเปน็ กลุม่ ละ 3 คน เพ่อื ฝึกปฏิบตั ิตามใบงานทีไ่ ด้มอบหมายให้แก่ผเู้ รียน 3. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรียนสบื ค้นข้อมลู หรือหาความรูเ้ พิม่ เติมจากอนิ เทอร์เนต็

แผนการเรยี นรู้ วชิ า 20105 – 2009 วิชา เครื่องรบั วิทยุ หนว่ ยกติ (ชั่วโมง) 3 (5) เร่ือง การปรบั แต่งเครอ่ื งรบั วทิ ยุ AM - FM เรือ่ ง การปรบั แต่งเคร่ืองรับวิทยุ AM - FM จำนวนชวั่ โมงสอน 10 ชั่วโมง 4. ขน้ั สรปุ และประเมนิ ผล 1. ผูส้ อนและผู้เรียนรว่ มกันสรุปเนื้อหาทีไ่ ดเ้ รยี นให้มคี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกนั 2. ผู้สอนให้ผเู้ รียนทำแบบประเมนิ การเรยี นรู้ 3. แจกแบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยท่ี 8 เรื่อง การปรบั แตง่ เครอื่ งรบั วิทยุ AM – FM 4. ครูตรวจแบบทดสอบหลังเรยี นพรอ้ มกบั บันทึกคะแนน 6. กระบวนการวดั ผลและประเมินผล 1) วิธีการประเมิน - ประเมินองคค์ วามรู้ - ประเมนิ โดยการสังเกตขณะเรยี น และขณะปฏบิ ัติงาน 2) เครือ่ งมือประเมิน - แบบฝกึ หดั - แบบสังเกตพฤติกรรม 3) เกณฑก์ ารประเมนิ 1) คะแนน 10 คะแนน จากการทำแบบฝึกหัด ถกู ต้องครบถ้วน 2) คะแนนจิตพิสัย 1 คะแนน จากการสงั เกตพฤติกรรม 7. แหล่งการเรียนรู้ 1 ) สื่อสงิ่ พิมพ์ 1.1) ใบความรู้ 1.2) แบบฝกึ หดั 1.4) แบบสังเกตพฤติกรรม 2 ) สอื่ โสตทศั น์ 2.1) แผน่ ใส 2.2) เครอื่ งฉายภาพ 3) สอื่ ของจรงิ 3.1) หนังสือเรยี นวชิ าเครอื่ งรบั วทิ ยุ (พันธศ์ กั ดิ์ พุฒิมานติ พงศ์) 3.2) ห้องเรยี นแผนกอเิ ล็กทรอนิกส์

แผนการเรียนรู้ วิชา 20105 – 2009 วิชา เครื่องรบั วิทยุ หนว่ ยกติ (ชั่วโมง) 3 (5) เรอ่ื ง การปรบั แตง่ เครอ่ื งรบั วทิ ยุ AM - FM เรือ่ ง การปรับแต่งเคร่ืองรับวทิ ยุ AM - FM จำนวนช่วั โมงสอน 10 ช่ัวโมง 8. บันทึกหลังการสอน 1) ข้อสรุปหลังการจัดการเรียนรู้ .................................................................................................................................................... ...................................... ............................................................................................. ............................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ........................................................................................................................................................................... ............... ..................................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ........... 2) ปัญหาท่ีพบ ............................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ............................................................. ..................................................................................................................................... ......... 3) แนวทางแกป้ ัญหา ............................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. .... ............................................................................................................................... ................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook