Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพูดและเทคนิคการนำเสนอ30-31-10-64

การพูดและเทคนิคการนำเสนอ30-31-10-64

Published by อริษา ทองศรี, 2022-01-20 09:38:14

Description: การพูดและเทคนิคการนำเสนอ30-31-10-64

Search

Read the Text Version

การพดู และเทคนิคการนาเสนอ วิชาการทาง ใหน้ ่าสนใจ ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ณชั ชา ศริ นิ ธนาธร อาจารยป์ ระจาหลกั สตู รนเิ ทศศาสตร์ คณะวิทยาการจดั การ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม

จดุ มงุ่ หมายของการบรรยาย การพดู การวเิ คราะหผ์ ฟู้ ัง และการเตรยี มตวั กอ่ นการพูด การมที ศั นคตทิ ด่ี ี มองโลกในดา้ นบวก การปรบั อารมณแ์ ละความรูส้ กึ ภายใน เพื่อสรา้ งพลงั ตอ่ การนาเสนอ การปรบั กรอบความคดิ ใหส้ อดคลอ้ งตอ่ การนาเสนอ ทกั ษะการนาเสนอ เตรยี มพรอ้ มการนาเสนอ

จดุ มงุ่ หมายของการบรรยาย การพฒั นาบุคลิกภาพตอ่ การนาเสนอ กรยิ าทา่ ทางทว่ งทา่ ตา่ ง ๆ การยนื การเดนิ การนง่ั สหี นา้ แววตา ทา่ ทางประกอบ นา้ เสยี ง การพฒั นาบุคลกิ ภาพสาหรบั การพูด ----------------------Workshop------------------------

จดุ มงุ่ หมายของการบรรยาย https://www.youtube.com/watch?v=ZePuR2W4IR8 วชิ าการ“นาเสนอทาง ใหน้ ่าสนใจ” W S---------------------- ork hop------------------------ https://www.youtube.com/watch?v=XghyJyEBBTk “วธิ ีการตอบคาถามทต่ี อบไมไ่ ด”้

บคุ ลกิ ของผูพ้ ดู บุคลกิ คลกิ ความสาเร็จ

Speech and Presentation Techniques การพดู การพูด เป็ นพฤติกรรมการสื่อสารโดยการ ถ่ายทอดความคิดความรู้ ความรูส้ ึก และความ ตอ้ งการจากผูพ้ ูดไปสู่ผูฟ้ ัง โดยอาศัย ถ้อยคา นา้ เสียง และกริยาท่าทางต่าง ๆ เพ่ือใหผ้ ูฟ้ ังรบั รู้ และเขา้ ใจวตั ถุประสงคข์ องผูพ้ ูด รวมทง้ั มีปฏิกิริยา ตอบสนองตามวตั ถุประสงคท์ ก่ี าหนดไว้

Speech and Presentation Techniques การพูดมีความสาคญั ต่อชีวิตมนุษยเ์ ป็ นอนั มาก ไม่วา่ จะอยู่ ณ ทใ่ี ด การพูดมีความสาคญั ทง้ั ตอ่ การดาเนินชวี ติ ประจาวนั การสรา้ งและ รกั ษาความสมั พนั ธ์ระหว่างบุคคล การประกอบอาชีพ และการบริหาร จดั การองคก์ ร จงึ มกั พบวา่ ผทู้ ีป่ ระสบความสาเร็จในกิจธุระการงาน การคบหา สมาคมกบั ผอู้ นื่ การทาประโยชนแ์ กส่ งั คมลว้ นแตเ่ ป็ นคนทม่ี ีประสทิ ธิภาพ ในการพูดทง้ั ส้นิ

Speech and Presentation Techniques การพูดเป็ น \" ศาสตร\"์ มีหลกั การ และกฎเกณฑเ์ พ่ือใหผ้ ูเ้ รียน มีทกั ษะ ถึงขน้ั เป็ นท่ีพอใจอีกส่วนหนึ่งเป็ นความสารถพิเศษหรือศิลปะ เฉพาะตวั ของผูพ้ ูดแตล่ ะบุคคล บางคนมีความสามารถท่จี ะตรึงผูฟ้ ังใหน้ ่ิง จดจอ่ อยกู่ บั การฟังเรอ่ื งทพี่ ดู ผูพ้ ูดบางคนสามารถพูดใหค้ นฟังหวั เราะไดต้ ลอดเวลา ศิลปะ เฉพาะตวั น้ีเป็ นสิ่งที่ลอกเลียนกนั ไดย้ าก แต่อาจพฒั นาข้ึนไดใ้ นแต่ละ บุคคล โดยการสงั เกตวธิ กี ารทด่ี แี ละมโี อกาสฝึ กฝน

การสงั เกตวิธีการที่ดีและมีโอกาสฝึ กฝน ปรบั จติ การมีทศั นคติที่ดี มองโลกในดา้ นบวก การปรบั อารมณแ์ ละ ความรูส้ ึกภายใน เพ่ือสรา้ งพลงั ต่อการพูดและการนาเสนอ การปรบั กรอบความคดิ ใหส้ อดคลอ้ งตอ่ การนาเสนอ

ทกุ ขน้ั ตอนของการใชภ้ าษามนษุ ยต์ อ้ งใชค้ วามคิดควบคไู่ ปดว้ ยตลอดเวลา มีผรู้ กู้ ลา่ วไวว้ ่า การคิดนนั้ แทจ้ รงิ ก็คือ “การสือ่ สารกบั ตนเอง” ความสมั พนั ธข์ องภาษากบั ความคดิ การคดิ ของมนุษยม์ ีกระบวนการทเ่ี กิดข้ึนในสมอง ระบบการทางานของสมอง จะเชอ่ื มโยงขอ้ มูลและประสบการณใ์ หมผ่ า่ นประสาทสมั ผสั และการรบั รูด้ ว้ ย จติ ใจกบั ประสบการณท์ ส่ี ะสมในสว่ นของสมอง เกิดเป็นความรูใ้ หมท่ เี่ ป็น มโนภาพในสมอง

ทกั ษะการนาเสนอ ชว่ ยใหเ้ รอื่ งยากกลายเป็นเรอ่ื งง่ายยง่ิ ข้ึน เพิ่มความหลากหลายของสาระและวธิ กี าร เป็นสว่ นเสรมิ จากการบรรยาย ทาประเดน็ ทเี่ สนอใหก้ ระจา่ งชดั เจน รน่ ระยะเวลาในการอธิบายเรอ่ื งยากๆ ใหเ้ ขา้ ใจไดภ้ ายในเวลาอนั สน้ั ลง เพิ่มความสนใจและการตดิ ตามของผชู้ ม-ผฟู้ ัง ลดความตึงเครยี ดของผพู้ ดู (วทิ ยากร) และผชู้ ม-ผฟู้ ัง

พดูองคป์ ระกอบของการ ผพู้ ูดหรอื ผสู้ ง่ สาร ผลตอบ เครอ่ื งมือ (Sender or สนอง หรอื สอื่ Speaker) คาพดู (Channel) เน้อื หาสาระ หรอื เรอื่ งที่จะ ผฟู้ ัง หรอื ผรู้ บั สาร (Receiver or Listener) พูด (Message)

เทคนิคการนาเสนอ 1. ควรเรม่ิ ดว้ ยการทกั ทาย 2. รูปภาพทใี่ ชส้ อ่ื ทเ่ี ห็นแลว้ 3. การใชอ้ วจั นะภาษา เขา้ ใจไดอ้ ยา่ งชดั เจน - สรา้ งความคนุ้ เคยกนั ก่อน -พูดใหน้ ้อยที่สุด และใชส้ ื่อ - จงมองไปยงั ผูช้ ม-ผูฟ้ ัง - เป็นการสอ่ื สารสองทาง แทนคาพดู มิใช่เอาแต่หันหน้าจอ้ ง -บทนาครองใจ - รูปภาพ แผนภมู ิ หวั ขอ้ ตา่ ง มองแตส่ อ่ื ๆ จะตอ้ งใหญเ่ พียงพอ และ - ใชท้ า่ ทางประกอบอย่าง อา่ นง่าย ใชส้ อื่ ประเภทตา่ ง ๆ เหมาะสม กราฟ VDO

วิธีการพดู ➢ ตกาอ่ รสพง่ิ บูดนัโดทยกึ กภาารพอ่ากนาจราพกูดขเพอ้ ค่ือวเปาิมดพที่ิธเตี –รียปมิดไพวิธ้ เีชน่ การพูดต่อหนา้ ส่ือมวลชน ➢ การพูดจากความจา เป็ นเร่ืองที่ผูพ้ ูดมีความชานาญ มีประสบการณ์ดว้ ย ตนเอง ➢ การพดู โดยการเตรยี มการก่อน วธิ นี ้ีนิยมกนั ใชก้ นั มากในการพูดทกุ รูปแบบ ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งมีการทาแผนการพูดกอ่ นอย่างชดั เจน กลา่ วโดยสรุป การพูด คอื การสอื่ สารของผพู้ ูด เพ่ือใหผ้ ฟู้ ังรบั รูส้ ารตามความ บุคลิกประสงคข์ องตน ซง่ึ ตอ้ งประกอบดว้ ย กริ ยิ าทา่ ทางทชี่ วนฟังและชวน ติดตาม

เทคนิคการนาเสนอ 3 ต. “การนาเสนออยา่ งมอื อาชพี ”

ต. ที่ 1 เตรยี มกายและใจ ผนู้ าเสนอมีการเตรยี มความพรอ้ มทง้ั กายและใจกอ่ นทจ่ี ะนาเสนองาน การเตรยี มกาย เป็นการการใชเ้ สยี ง และภาษากายในการนาเสนองาน การเตรียมใจ การไดร้ บั มอบหมายใหน้ าเสนองาน บ่อยครง้ั สรา้ ง ความวติ กกงั วลใหก้ บั ผูพ้ ูด ส่งผลใหข้ าดความเช่ือมนั่ และความมนั่ ใจใน การนาเสนองานเพิ่มมากข้ึน การเตรียมใจดว้ ยการคิดบวก (Positive Thinking)

ต. ที่ 2 เตรียมเนอื้ หา เนอ้ื หาเป็ นส่ิงสาคญั ท่ีสดุ ในการนาเสนอ ตอ้ งกาหนดว่าเนอ้ื หาทน่ี าเสนอมปี ระเด็นใดบา้ ง โดยแบง่ เป็ น หวั ขอ้ เพ่อื จดจางา่ ย ควรมกี ารจดั ลาดบั เนอ้ื หาอย่างไร ผนู้ าเสนอจะตอ้ งมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเนอื้ หาที่ตน นาเสนอเป็ นอย่างดี เรียกว่า รลู้ กึ รจู้ ริงในสิง่ ท่ีพดู “เมอื่ เรารแู้ ละเขา้ ใจในสง่ิ ที่เรานาเสนอ จะทาใหเ้ รา สามารถถ่ายทอดขอ้ มลู ใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจไดง้ า่ ยขน้ึ ”

การจดั ลาดบั เน้ือหา บทนา คือ การดึงดดู ความสนใจจากผฟู้ ังและทาใหผ้ ฟู้ ัง สนใจติดตามเน้ือหา เน้ือหา การนาเสนอรายละเอียด สรปุ สรา้ งความจดจาและความประทบั ใจใหเ้ กิดข้ึนกบั ผฟู้ ัง ผนู้ าเสนอจาเป็ นตอ้ งวางแผนการพดู ควรกลา่ วยา้ และทบทวนถึงวตั ถปุ ระสงคใ์ นการนาเสนอและสรปุ ประเด็นท่ีสาคญั

ต. ที่ 3 เตรียมสอื่ ความยากของเนอื้ หาที่นาเสนอหรือ ความสามารถในการอธิบายของผนู้ าเสนอ ไมด่ พี อ ดงั นนั้ การแกไ้ ขปัญหาดว้ ยการใชส้ ื่อ ประกอบในการนาเสนอ เชน่ ภาพถ่าย แผนภมู ิ แผนภาพ คลิปภาพ คลปิ เสียง ฯลฯ

บคุ ลกิ ภาพสาหรบั การพดู ที่ดี • นา้ เสียงมีพลงั • แสดงสหี นา้ ทส่ี อดคลอ้ งกบั เรอ่ื งทนี่ าเสนอ • ทา่ ทางตอ้ งเป็นธรรมชาติ • ใชภ้ าษาฟังง่าย เป็นกนั เองกบั ผฟู้ ัง • แสดงความรูส้ ึกออกมาทางสหี นา้ และสายตา • ใหเ้ สียงของเราชว่ ยเนน้ ความรูส้ กึ • จะคดิ ไปพดู ไปก็ไดแ้ ตอ่ ยา่ พดู ไปอา่ นไป ใหพ้ ูดในสาระประการเดยี ว

ทกั ษะการนาเสนอ “การที่ผูน้ าเสนอไดส้ อ่ื ความกบั ผูฟ้ ังการนาเสนอ โดยการพดู ถงึ เรอื่ งใดเรอื่ งหนง่ึ เพอื่ ใหผ้ ูฟ้ ังการนาเสนอ ไดร้ บั ทราบไดพ้ จิ ารณาหรอื วิเคราะหป์ ัญหา และตดั สนิ ใจไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง”

ลกั ษณะสาคญั ของการนาเสนอ •เป็ นเรอ่ื งของการติดต่อสอ่ื สาร •เกยี่ วขอ้ งกบั งานท่ีทง้ั 2 ฝ่ ายเกยี่ วขอ้ ง •มีเป้ าหมายใหผ้ ูร้ บั ฟังการนาเสนอเห็นดว้ ย/สนบั สนนุ เพอ่ื ผลสาเรจ็ ของผูน้ าเสนอ •ผูร้ บั ฟังการนาเสนออยู่ในฐานะเหนือกว่าผูน้ าเสนอ

ภาระหนา้ ที่ของผูน้ าเสนองาน ตอ้ งสามารถทาใหผ้ ูร้ บั การเสนองาน (ผูฟ้ ัง)……. - สนใจเรอื่ ง ตดิ ตามฟัง - จบั ประเดน็ ไดค้ รบถว้ น - ซกั ถามและร่วมแสดงความคิดเห็น - เหน็ ชอบ / อนุมตั ติ ามที่เสนอ - สนบั สนุนการปฏบิ ตั ติ ามขอ้ เสนอจนสาเรจ็

ประเภทของการนาเสนอ ประเภท ลกั ษณะสาคญั /เป้ าหมาย การบรรยายสรปุ •อธิบายสถานการณ์ ขอ้ เท็จจรงิ รายงานผลการวิเคราะห์ (Briefing) •ผูฟ้ ัง เขา้ ใจ ชน่ื ชม และสนบั สนุน การนาเสนอขอ้ มูล •ขายความคดิ แผนงาน โครงการ ขออนุมตั ิ (Proposal) •ผูฟ้ ัง เห็นดว้ ย อนุมตั ิ และดาเนนิ การตามที่ถูกขอ •เพม่ิ พนู ความรู้ ความเขา้ ใจ ปรบั ปรงุ ทกั ษะ และ การฝึ กอบรม เสรมิ สรา้ งทศั นคตใิ หม่ (Training) •เปลย่ี นแปลงพฤติกรรมของผูฟ้ ัง

เราใช้ “ทกั ษะ” อะไรบา้ งในการเสนองาน 1.ทกั ษะในการ “คิด”และ การ “ขาย” ความคดิ การพฒั นา ขอ้ เสนอ 2.ทกั ษะในการวางแผน&จดั รปู แบบการนาเสนอ การเตรยี มตวั “Planning & Organizing” Skill นาเสนอ 3.ทกั ษะในการสอ่ื สาร การนาเสนอ “Communications” Skill

การนาเสนองานท่ีดี ตอ้ งทาอยา่ งไร  แสดงถงึ ความพรอ้ มของผูน้ าเสนอ  แจง้ ใหท้ ราบเรอื่ งทจ่ี ะนาเสนอ เหตุผลทตี่ อ้ งนาเสนอ  นาเสนอทีละประเดน็ ตามลาดบั ใชข้ อ้ มูลและเหตุผล ประกอบ  ตอบคาถามใหก้ ระจา่ ง  สรปุ จดุ สาคญั และเรอื่ งที่ตอ้ งการใหผ้ ูร้ บั การเสนองาน ตดั สนิ ใจ

Presentation Flow กิจกรรมนาเสนอ รายละเอียด เวลา/สื่อ เทคนิค เตรยี มผฟู้ งั กระตุน้ ความสนใจ แจง้ วตั ถุประสงค์ 10% เสนอเนอ้ื หา นาเสนอเน้ือหา ตอบคาถาม ตวั อยา่ ง 80% ตอบคาถาม สรปุ สรุปเน้ือหา 10%

โครงสรา้ งของการนาเสนอ 1) หวั ขอ้ นาเสนอ-ทมี่ า 4) จดุ มุง่ หมาย ความตอ้ งการ 2) สถานการณป์ ัจจบุ นั 5) ขอ้ เสนอ 3) ขอ้ วพิ ากษว์ จิ ารณส์ าหรบั 6) ประโยชนท์ จ่ี ะไดร้ บั สถานการณป์ ัจจบุ นั 7) คาขอ ขอ้ ชกั ชวน 8) คาสรุปจบ

12 พดูบนั ได ขน้ั สกู่ าร ท่ีประสบความสาเรจ็

12 พดูบนั ได ขน้ั สกู่ าร ท่ีประสบความสาเรจ็ 1. เตรยี มใหพ้ รอ้ ม 7. เรอื่ งราวใหก้ ระชบั 2. ซอ้ มใหด้ ี 3. ทา่ ทสี ง่า 8. ตาจบั ทผี่ ฟู้ ัง 4. หนา้ ตาใหส้ ุขุม 5. ทกั ทปี่ ระชมุ ไมว่ กวน 9. เสยี งดงั แตพ่ อดี 6. เรม่ิ ตน้ ใหโ้ นม้ นา้ ว 10. อยา่ ใหม้ ีเออ้ อา้ 11. ดเู วลาใหพ้ บครบ 12. สรุปจบใหจ้ บั ใจ

กจิ กรรมการพดู การแนะนาตนเอง….. ปฏิสนั ถาร/การทกั ทาย….………………………. บทนา…………………………………………… เน้ือเรอื่ ง………………………………………… สรุป……………………………………………..

การนาเสนอผลงานวิจยั อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ บทนา โครงการวจิ ยั เป็ นงานท่ีมีเป้ าหมายเพื่อการสรา้ งองคค์ วามรูพ้ ฒั นาศาสตร์ ตา่ ง ๆ ในศาสตรท์ างการศึกษาก็เชน่ เดียวกบั วทิ ยาศาสตร์ นกั วจิ ยั ย่อมปรารถนาที่ จะเผยแพร่การคน้ พบส่ิงท่ีตนศึกษา โดยเฉพาะการนาเสนอบนเวทีระดบั นานาชาติ หรือระดบั ชาติ ซึ่งเป็ นวิธีท่ีเผยแพร่ผลการวิจยั ที่เร็วที่สุด นกั วจิ ยั มือใหม่อาจจดๆ จอ้ งๆ ชงั่ ใจตนเองจนกวา่ จะมีความมน่ั ใจระดบั หน่ึง แต่สาหรบั มือเก่า ผูเ้ ชี่ยวชาญ งานวิจยั และชานาญการนาเสนอมกั จะเตรียมการใหพ้ รอ้ มเสมอ ความจริงการ เขผอยงแนพิทรรผ่รศลงกาานรว(จิ pยั oมsีไtดeห้rลpายreทsาeงnเtชaน่ tioกnาร)ต.พี ในิมโพอใ์กนาวสาตรา่สงาๆร การนาเสนอในรูปแบบ แตก่ ารนาเสนอบนเวที เป็ นรูปแบบท่ีนกั วจิ ยั จะแสดงตวั บางครง้ั จะไดพ้ บผูส้ นใจแสดงตวั ดว้ ย การโตต้ อบ แลกเปล่ียนความคดิ เป็นการสรา้ งชมุ ชนของการเรยี นรูท้ ด่ี ใี นวงวชิ าการ

การนาเสนอผลงานวิจยั อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ สาหรบั นกั วิจยั มือใหม่ หรือมือเก่าท่ีไม่นิยมการแสดงตวั ก็เป็ นสถานการณ์ท่ีตอ้ งการ เวลาเพ่ือความพรอ้ มบางประการ แตอ่ ย่างไรก็ตาม บรรยากาศทางวชิ าการของสงั คมไทยปัจจบุ นั ท่ีมี ระเบียบการเลื่อนขน้ั เล่ือนตาแหน่งทางวิชาการดว้ ยหลกั ฐานการนาผลการวิจยั ออกเผยแพร่ต่อ สาธารณชนเป็ นตวั เร่งรดั ใหน้ กั วจิ ยั ตอ้ งเสาะหาโอกาสเปิ ดตวั เก็บหลกั ฐานอย่างคึกคัก ในชว่ งสิบปี นบั จากการปฏิรูปการศึกษา จานวนนกั วจิ ยั ส่งผลงานมายงั เวทีระดบั ทอ้ งถิ่น และระดบั ชาติมีมากข้ึน จากจานวนแตล่ ะสาขาทมี่ ีนบั สบิ เป็ นจานวนนบั รอ้ ย บางเวทมี ากข้ึนเป็ นจานวนหลายๆ รอ้ ย ดงั เชน่ เวทีของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ งานวจิ ยั สาขาศึกษาเพิ่มข้ึนอยา่ งรวดเร็ว โดยเฉพาะในสว่ นที่เป็ น งานวจิ ยั ในชน้ั เรียนของครู งานวจิ ยั ของอาจารย์ และงานวทิ ยานิพนธ์ นกั วจิ ยั เกือบทุกรายตอ้ งการ หลกั ฐานเพื่อประกอบการขอเล่ือนวิทยฐานะ สาหรบั นิสิตเป็ นเง่ือนไขของการสาเร็จหลกั สูตรทงั้ ปริญญาโทและปริญญาเอก แต่โอกาสท่ีเปิ ดนน้ั ก็มิไดม้ ีมากสาหรบั ทุกคน จึงมีการคดั สรรดว้ ย เกณฑ์คุณภาพ จึงพบวา่ ขณะน้ี ผูผ้ ่านการพิจารณาใหข้ ้ึนเวทีต่างๆ จึงเป็ นผู้มีผลงานที่ไดร้ บั การ พิจารณาตามเกณฑค์ ุณภาพของกรรมการเฉพาะกิจต่าง ๆ มีความเขม้ งวดมากนอ้ ยแตกต่างกัน ตามนโยบายและวตั ถุประสงคข์ องการจดั ของแตล่ ะเวที

1. การเตรยี มการนาเสนอ สถานการณใ์ นหอ้ งของการนาเสนอผลงานวจิ ยั เสมือนการประชมุ ทผ่ี เู้ ขา้ ประชมุ มาดว้ ยความตงั้ ใจ (นอกจากนิสติ นกั ศึกษาบางคนทถ่ี กู สง่ั ใหม้ าฟัง) เขามาเพื่อฟัง ฟังในเรอื่ งทต่ี ดิ ประกาศ ฟังในเวลาทก่ี าหนด ดงั นนั้ ผนู้ าเสนอจาเป็นตอ้ งเตรยี มใหพ้ รอ้ ม ไมใ่ หผ้ ฟู้ ังผดิ หวงั นนั่ หมายถึง ผูร้ ายงานเองจะไดร้ บั เกียรตแิ ละ สมหวงั การเตรยี มตวั จงึ ควรเตรยี มอยา่ งมขี น้ั ตอนดงั น้ี (1) วางแผนการนาเสนอ - ทบทวนงานวจิ ยั ทจี่ ะนาเสนออยา่ งเขา้ ใจ - หาขอ้ มูลเกี่ยวกบั ผฟู้ ัง สว่ นใหญเ่ ป็นใคร น่าจะประมาณไดจ้ ากเหตกุ ารณท์ เ่ี คยจดั มา เพื่อใหต้ นเองประมาณ บรรยากาศในหอ้ ง - เวลาทก่ี าหนดใหน้ าเสนอ 20 นาที หรอื 25 นาที - การจดั การทผี่ เู้ สนอตอ้ งรูแ้ ละดาเนินการใหแ้ ลว้ เสรจ็ ตามกาหนด เชน่ การแสดงความจานง การสง่ เอกสาร ตา่ งๆ ตลอดจน การอานวยความสะดวกในวนั ทนี่ าเสนอ

(2) เตรยี มการพดู กลา่ วนา - แนะนาตวั ถา้ หากในการนาเสนอมีประธานหรือพิธีกรแนะนานกั วจิ ยั แลว้ ก็ไมต่ อ้ งแนะนาตนเองซา้ - กลา่ วแนะนาโครงการวจิ ยั ใหม้ ีสาระเพียงพอทจี่ ะใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจวา่ โครงการ ทนี่ าเสนอ คอื เรอื่ งทอ่ี ะไร เกี่ยวกบั อะไร มีความสาคญั อยา่ งไรทท่ี าให้ นกั วจิ ยั ทาวจิ ยั เรอื่ งน้ี คาถามวจิ ยั ทต่ี อ้ งการหาคาตอบคอื อะไร นกั วจิ ยั คาดหวงั จะนาคาตอบหรอื ผลการวจิ ยั ไปทาใหเ้ กิดประโยชนอ์ ยา่ งไร

(3) เตรยี มเน้ือหาของการนาเสนอ : เป็นเน้ือหาหลกั ของการนาเสนอ - วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั มีอะไรบา้ ง ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั คาถามวจิ ยั ท่กี ลา่ วนาไป - กรอบความคดิ เชงิ ทฤษฎีของปฏิบตั กิ ารเพ่ือตอบคาถามวจิ ยั เป็ นอยา่ งไร สรุปการคน้ ควา้ อา้ งองิ หลกั การหรอื ทฤษฎที คี่ ดั สรร อยา่ งสมเหตุสมผล - รูปแบบการปฏิบตั กิ าร (วจิ ยั ปฏิบตั กิ ารในชนั้ เรยี น หรอื วจิ ยั ปฏิบตั กิ ารของผูบ้ รหิ าร) หรอื รูปแบบการพฒั นาสอ่ื หรอื นวตั กรรมเป็ นอยา่ งไร มีสาระสาคญั ครบ กระชบั - ถา้ มีคาศพั ทเ์ ฉาพะทต่ี อ้ งทาความเขา้ ใจกบั ผูฟ้ ัง ตอ้ งมีคาอธิบายท่ีชดั และแสดงใหเ้ ห็นการปฏิบตั ิใน ความหมายนนั้ - กระบวนการวจิ ยั ในการหาคาตอบทาอยา่ งไร แสดงใหผ้ ูฟ้ ังเขา้ ใจวา่ นกั วจิ ยั ออกแบบการวจิ ยั ที่ สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคอ์ ยา่ งไร ไดข้ อ้ มลู อยา่ งไร - การจดั กระทาขอ้ มูลมีวธิ ีการอยา่ งไรทจี่ ะตอบคาถามวจิ ยั ขอ้ ตอ่ ขอ้ ไดผ้ ลการสรุปการวเิ คราะห์ อยา่ งไร

(4) เตรยี มรายงานถึงสรุปผลการวจิ ยั - สรุปผลการวจิ ยั เป็ นขอ้ ความทต่ี อบคาถามวจิ ยั ขอ้ ตอ่ ขอ้ อยา่ งสอดคลอ้ งชดั เจน โดยมี ผลการวเิ คราะหเ์ ป็ นหลกั ฐานของการลงขอ้ สรุป ขอ้ ควรระวงั คอื การสรุปผลวจิ ยั เป็ นองค์ ความรูท้ ไี่ ดจ้ ากการใชข้ อ้ มูลมาอธบิ าย หรอื เป็ นหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ - เสนอความเชอ่ื มโยงระหวา่ งผลการวจิ ยั กบั วตั ถุประสงค์ หรอื สมมุตฐิ านของการวจิ ยั (ถา้ ม)ี - ช้ปี ระเดน็ ใหเ้ ห็นประโยชนท์ น่ี ่าจะไดจ้ ากผลการวจิ ยั - เสนอแนวทางการคน้ หาความรูท้ ย่ี งั ขาด เพ่ือเตมิ เตม็ ความรูแ้ ละประโยชน์ เป็ น แนวทางการวจิ ยั ครง้ั ตอ่ ไปอยา่ งเหมาะสม และเป็ นไปได้ ทงั้ น้ีควรมีความเชอื่ มโยงกบั หลกั การหรอื ทฤษฎี และความคาดหวงั ทไี่ ดก้ ลา่ วมาแลว้

(5) เตรียมการตงั้ คาถาม หรือ เชญิ ชวนใหผ้ ฟู้ ังตงั้ คาถาม - ปกตกิ ารรายงานวจิ ยั มกั ใหซ้ กั ถามบา้ ง ถึงแมจ้ ะใชเ้ วลานอ้ ยๆ แตจ่ าเป็ นทจี่ ะใหผ้ ูฟ้ ังไดเ้ สนอ คาถามหรอื แลกเปลี่ยนความคดิ และเป็ นโอกาสทไ่ี ดช้ ้แี จงกบั ผูฟ้ ังในประเด็นทผี่ เู้ สนอมองขา้ มไป - ผเู้ สนอรายงานจาเป็ นตอ้ งมแี ผนจดั การกบั เวลาทกี่ าหนด จงึ จะมีโอกาสใหต้ ง้ั คาถามได้ (6) การเตรยี มสอื่ การนาเสนอ - สอื่ ทน่ี กั วจิ ยั ใชม้ ีหลายชนิด เชน่ เครอ่ื งฉายขา้ มศีรษะ สไลด-์ คอมพิวเตอร์ วดิ โี อ อุปกรณ์ และ เอกสารสรุปยอ่ เป็ นตน้ ทงั้ น้ี ผวู้ จิ ยั ตอ้ งเลอื กใหเ้ หมาะสมกบั ความถนดั ของตน และ สามารถ จดั หาไดใ้ นเวลาทน่ี าเสนอ โดยมีหลกั วา่ เรยี บงา่ ย ชดั เจน และเหมาะสม - นกั วจิ ยั ตอ้ งซอ้ มจนคลอ่ ง ตอ้ งมน่ั ใจวา่ เวลานาเสนอ สามารถจดั การหากมปี ัญหาตอ้ งสามารถ แกไ้ ขได้

2. การนาเสนอ (1) ควบคมุ สติ มีความเชอื่ มนั่ ไมป่ ระหมา่ ทงั้ น้ี เป็นภาวะทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ผลการฝึ กซอ้ มมาก บางคนทรี่ ูต้ วั วา่ มกั ขาดความเชอื่ มนั่ เม่ือมผี ฟู้ ังจานวนมาก ก็จาเป็นตอ้ งฝึ กซอ้ มกบั สถานการณท์ คี่ ลา้ ยคลึงกนั หรอื หาประสบการณ์ จากการเขา้ ประชุมหลายที่ ผูเ้ ขยี นรูจ้ กั นกั วจิ ยั ทมี่ ีประสบการณก์ ารนาเสนอหลายเวที พบวา่ เขามคี วามเชอ่ื มนั่ มาก และมที กั ษะมาก (2) วางตวั วางทา่ ทาง โดยเฉพาะการวางมือ เชน่ เดยี วกนั บุคลกิ ภาพทสี่ ง่ายอมเกิดจากความเชอ่ื มน่ั ในตนเอง ดงั นนั้ การฝึ กซอ้ มทม่ี ากพอ จะสรา้ งบุคลกิ ภาพทสี่ ง่าได้ (3) การแตง่ ตวั เป็นเรอื่ งทม่ี กั ละไวใ้ นฐานทเ่ี ขา้ ใจวา่ นกั วจิ ยั รูเ้ รอ่ื งน้ีแลว้ ไมจ่ าเป็ นตอ้ งกลา่ วถึง แตห่ ลายครง้ั ท่ี ผูเ้ ขียน พบวา่ การทผ่ี ูน้ าเสนอไมไ่ ดใ้ หค้ วามสาคญั กบั การแตง่ ตวั ก็ลดทอนความสงา่ ได้ นอกจากน้ี มีกรณีทพ่ี บวา่ ความไมพ่ ิถีพิถนั และรอบคอบอาจทาใหก้ ระทบกบั ความเชอื่ มน่ั ได้ (4) การควบคมุ เวลา ถึงแมน้ กั วจิ ยั จะเตรยี มการในขนั้ วางแผน 6 ขน้ั อยา่ งดแี ลว้ ก็ตาม ในสถานการณจ์ รงิ ของการ นาเสนอ นกั วจิ ยั จาเป็นตอ้ งควบคมุ เวลา ใหส้ ามารถพูดในสาระสาคญั ไดค้ รบถว้ น ดงั เชน่ ใชเ้ วลาแตล่ ะหวั ขอ้ ประมาณ 3-4 นาที หวั ขอ้ (1) ความเป็นมาของการวจิ ยั และวตั ถปุ ระสงค/์ คาถามวจิ ยั (2) ทฤษฎหี รอื แนวความคดิ ที่ ใชใ้ นการสรา้ งกจิ กรรมการพฒั นาผูเ้ รยี นหรอื นวตั กรรม หรอื สอ่ื (3) การปฏิบตั กิ ารกบั กลุม่ เป้ าหมาย หรอื การ ปฏิบตั กิ ารพฒั นาสอ่ื หรอื นวตั กรรม (4) วธิ วี จิ ยั (กระบวนการเก็บขอ้ มูลและตอบคาถามวจิ ยั ) (5) ขอ้ คน้ พบและ อภิปราย

3. การประเมินเพื่อพฒั นาการนาเสนออยา่ งมีประสิทธิภาพ ขั้นตอนน้ี นักวิจยั มักจะประเมินดว้ ยการสังเกตตนเอง และ ปฏิกริยาของผูฟ้ ัง และบรรยากาศโดยรอบในหอ้ งประชุม แต่การประเมิน โดยฝ่ ายจดั การมกั มีการประเมินอยา่ งเป็ นระบบ เพ่ือประโยชนต์ อ่ ผูน้ าเสนอ ฝ่ ายจดั การควรออกแบบการประเมินท่ีจะไดส้ ารสนเทศสนองต่อนกั วจิ ยั ท่ี จะนาไปพิจารณาปรบั ปรุงการนาเสนอครงั้ ตอ่ ไป การออกแบบการประเมิน ทเ่ี หมาะสม จะไมข่ อกลา่ วในทน่ี ้ี

บทสรปุ ขอ้ เสนอขอ้ สงั เกตทฝี่ ากถึงนกั วจิ ยั ผเู้ สนอรายงานบนเวที ในหวั ขอ้ “ขอ้ พึงปฏิบตั แิ ละไม่ควรปฏิบตั ”ิ ในการนาเสนอ การนาเสนอทมี่ ีเวลาจากดั เพียง 20-25 นาที นกั วจิ ยั จาเป็นตอ้ ง เตรียมตวั ใหพ้ รอ้ ม และตอ้ งนาเสนอดว้ ยความมนั่ ใจ ขอ้ พึงปฏิบตั ิและไม่ ควรปฏิบตั ิต่อไปน้ี รวบรวมจากประสบการณต์ รงของผูเ้ ขียนและจากการ แลกเปล่ียนความรูจ้ ากเพ่ือนอาจารยต์ ลอดจนอ่านพบในบทความต่าง ๆ มดี งั น้ี

สิง่ พึงปฏิบตั ิ * ควรวางแผน กาหนดโครงสรา้ งสาระทน่ี าเสนออยา่ งรอบคอบ มลี าดบั และความสอดคลอ้ งตลอด เรอื่ งทน่ี าเสนอ * วางแผนเวลาทใ่ี ชใ้ นการเสนอแตล่ ะหวั ขอ้ ประมาณ 3-4 นาที * มกี ารเตรยี มการนาเสนออยา่ งจรงิ จงั ฝึกฝนการพูดใหก้ ระชบั ชดั เจน ซอ้ มพูดและจบั เวลาทกุ หวั ขอ้ ปรบั สาระและการพูดใหต้ รงประเด็น กระชบั * วางแผนการใชส้ อ่ื เชน่ สไลด์ PowerPoint ใหพ้ อเหมาะกบั สาระ ทง้ั ดา้ นจานวน และเวลาการฉาย * เน้ือหาในสอ่ื ตรงประเดน็ กระชบั ขนาดและสตี วั อกั ษรอา่ นงา่ ย ควรคานึงถึงคนฟังทน่ี งั่ แถว หลงั ๆ ดว้ ย * การพูด ออกเสยี งชดั เจน จงั หวะเหมาะสม ไมร่ บี รอ้ นเกินไป * ควรช้แี จงถึงจดุ หมายของการนาเสนอ อธบิ ายถงึ เหตุผลของการวจิ ยั อยา่ งชดั เจน * การนาเสนอควรเนน้ การสรา้ งความเขา้ ใจใหแ้ กผ่ ูฟ้ ัง มวี ธิ ที ใ่ี หผ้ ูฟ้ ังเขา้ ใจเรอ่ื งทีซ่ บั ซอ้ น เชน่ วธิ ีการทางสถิติ และการสรุปผลการวจิ ยั

คาถามขอบคณุ สาหรบั …..


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook