Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเลี้ยงดูลูก ตั้งเเต่เเรกเกิดจนถึง 6 ปี

คู่มือการเลี้ยงดูลูก ตั้งเเต่เเรกเกิดจนถึง 6 ปี

Published by prom.natta, 2018-11-28 22:16:41

Description: เป็นคู่มือสำหรับคุณพ่อ คุณเเม่ มือใหม่เพื่อการเลี้ยงลูกเเละส่งเสริมพัฒนาการลูกตามวัย โดย กลุ่มภารกิจด้านพัฒนการการเเพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ประกอบด้วย
1. คำเเนะนำการเลี้ยงลูกด้วยนมเเม่
2. คำเเนะนำการดูเเม่คุณเเม่หลังคลอด
3. คำเเนะนำการเป็นคุณพ่อ คุณเเม่
4. คำเเนะนำการส่งเสริมพัฒนาการลูกรัก

Search

Read the Text Version

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ การตีลูกให้ถูกวิธี หมายถึง การตีอย่างมีสติ โดยวัตถุประสงค์เพื่อ สรา้ งนสิ ยั ทดี่ ี ไมใ่ ชก่ ารระบายอารมณโ์ กรธของพอ่ แม่ จะตลี กู ทัง้ ทมี าตกี นั ให้ถูกวิธีจะดีกว่า สิ่งที่พ่อแม่ต้องคำ�นึงถึงก่อนจะตีลูกมี ดังนี้ 1. อยา่ ตตี อนทีพ่ อ่ แมก่ �ำ ลงั โมโห รอใหพ้ อ่ แมส่ งบอารมณล์ งบา้ งแลว้ จึงค่อยตี 2. อธิบายเหตุผลสั้นๆ ก่อนจะตีลูก ว่าเพราะอะไรลูกจึงต้องถูกตี 3. รอดูจังหวะ อย่าตีลูกตอนที่ลูกกำ�ลังโมโห เพราะเท่ากับเป็นการ ราดนํ้ามันลงบนกองไฟ ลูกอาจจะแสดงอาการก้าวร้าว เพราะ ลูกกำ�ลังควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ 4. อย่าตีแรงเกินไป 5. ควรตีบริเวณก้น หรือฝ่ามือ ระมัดระวังการตีที่บริเวณนอกร่มผ้า เช่น ที่แขน ขา 6. ไม่ควรตีลูกต่อหน้าคนอื่น หรือในที่สาธารณะ 7. ไม่ควรตบหน้าลูกอย่างเด็ดขาด ทสี่ �ำ คญั ทสี่ ดุ คอื ตเี ฉพาะเมอื่ จ�ำ เปน็ จรงิ ๆ และอยา่ ใชอ้ ารมณใ์ นการตี ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว จะอบรมเลี้ยงดูอย่างไร โดยไม่ต้องตี ไม่ต้องขู่ 1. ใช้การสอนแทนการลงโทษด้วยการตี บอกให้ลูกรู้ว่าสิ่งที่เข้าทำ� ไม่ถูกต้องอย่างไร ควรพูดด้วยนํ้าเสียงที่เรียบ หนักแน่น ไม่ควร ขู่ ตะคอกเด็ก 2. หากเด็กไม่เชื่อฟัง หรือไม่ทำ�ตามกฎ ควรให้เด็กได้รับรู้ถึงผลที่จะ เกิดขึ้น เช่น เล่นนํ้าเปียกพื้น เด็กจะถูกงดออกไปวิ่งเล่นที่สนาม แต่ต้องมาช่วยแม่ทำ�ความสะอาดพื้นแทน 50 คมู่ ือดูแลลูกรัก วยั แรกเกิดจนถงึ อายุ 6 ปี

3. หากจำ�เป็นต้องลงโทษ ให้ใช้การตัดสิทธิ เช่น งดการออกไปซื้อ ขนม หรือแยกเด็กออกไปอยู่มุมสงบ อาจใช้มุมห้องที่เงียบ ไม่มี ของเล่น และไม่ควรแยกเด็กไว้ในห้องมืด 4. เดก็ วยั ทารก หรอื ในชว่ ง 2-3 ปี ค�ำ สงั่ หา้ มไมใ่ หท้ �ำ ควรสนั้ ชดั เจน แล้วใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจหลักการพื้นฐานข้อที่ 8เลี้ยงลูกให้มีความมั่นใจในตัวเองและมีทัศนคติเชิงบวก การเลยี้ งลกู ใหม้ คี วามมนั่ ใจในตวั เองและมที ศั นคตเิ ชงิ บวกนนั้ ยงิ่ เรมิ่เรว็ เทา่ ไหรย่ ิง่ ดี โดยเฉพาะในชว่ ง 2-3 ปแี รก ซึง่ เปน็ ชว่ งวยั ทีม่ กี ารพฒั นาของสมองได้มากและเร็วที่สุดในชีวิต พ่อแม่จึงควรตั้งใจปลูกฝังลูกให้มีทศั นคตเิ ชิงบวกหรือการมองโลกในแงด่ ี มคี วามสขุ กบั การมชี วี ิตอยู่ตัง้ แต่ 51หลกั การพ้ืนฐานการเป็น คุณพอ่ คณุ แม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ ลกู ยงั เลก็ ๆ พอ่ แมจ่ ะเปน็ ผทู้ ที่ �ำ ใหล้ กู รสู้ กึ ไดว้ ่าโลกใบนมี้ สี งิ่ ดๆี ทนี่ า่ เรยี นรู้ และน่าค้นหาอีกมากมาย ในทางตรงกันข้าม พ่อแม่เองก็อาจจะเป็นผู้ที่ ทำ�ให้ลูกรู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างน่ากลัว โหดร้าย และไม่น่าอยู่ได้โดยไม่รู้ตัว ข้อแนะนำ�ในการสร้างความมั่นใจในตนเองให้แก่ลูก 1. ไมค่ วรเลีย้ งลกู แบบทะนถุ นอมเกนิ ไป บทบาทของพ่อแม่ในชว่ งนี้ คอื การสนบั สนนุ ลกู ใหม้ โี อกาสทดสอบความสามารถของตนเอง และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างกล้าหาญ ให้ลูกได้สัมผัสกับโลกที่ไม่ คุ้นเคยด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเล็กๆ การพูดว่า “ไม่” และห้ามลูกไปซะทุกอย่าง ก็เป็นสิ่งที่ทำ�ลาย พัฒนาการและความมั่นใจของลูก ทำ�ให้เด็กเป็นคนขี้กลัว และมี ความรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เด็กจะสูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง ในที่สุดเด็กจะขาดความ เชื่อมั่น รู้สึกตนเองไร้ประสิทธิภาพและต้องพึ่งพาผู้อื่นอยู่เสมอ 2. ระมัดระวังการแสดงออกของพ่อแม่ เช่น การเป็นคนขี้กังวล ขี้กลัว การไม่กล้าริเริ่มทำ�อะไรใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้จะทำ�ให้ลูกซึมซับ ความวิตกกังวล รวมถึง ระมัดระวังการเป็นคนขี้บ่น ช่างตำ�หนิ จบั ผดิ คนรอบขา้ งบอ่ ยๆ สิง่ เหล่านี้ จะท�ำ ใหล้ กู รูส้ กึ โลกนีไ้ มน่ ่าอยู่ เต็มไปด้วยปัญหา และไม่มีอะไรดี 3. คน้ หาวา่ ลกู สนใจอะไรและเกง่ ด้านไหน แลว้ ชมเชยลกู ในเรือ่ งนัน้ เพื่อเสริมสร้างให้ลูกมีความมั่นใจในตนเอง 4. สร้างโอกาสให้ลูกได้แสดงความคิดเห็นบ่อยๆ สิ่งสำ�คัญอย่างหนึ่งของการมีชีวิตอยู่อย่างเท่าเทียมกับคนอื่นในโลก ใบนี้ คือ การได้แสดงความคิดเห็นของตนเองอย่างตรงไปตรงมา พ่อ แม่ควรสอนลูกให้กล้าแสดงความคิดเห็น โดยไม่ต้องอายว่าตนเองรู้สึก อย่างไร แม้จะอยู่ต่อหน้าคนที่มีความคิดเห็นต่างกันก็ตาม 52 คู่มอื ดแู ลลกู รกั วัยแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี

หลักพื้นฐานข้อที่ 9เลี้ยงลูกไม่ให้เบี่ยงเบน สิ่งที่สำ�คัญที่สุดคือ “กันก่อนแก้” 1. ในระยะ 2-3 ขวบ ควรสอนใหเ้ รยี กและเรยี นรลู้ กั ษณะทางรา่ งกาย ที่แตกต่างทั้ง 2 เพศ 2. ตงั้ ชอื่ และเลยี้ งดเู ดก็ ใหเ้ หมาะสมกบั เพศของเดก็ เพอื่ ใหเ้ ดก็ เรยี นรู้ “บทบาททางเพศ” ที่เหมาะสม เช่น ผู้ชายต้องช่วยเหลือผู้หญิง ไม่แต่งหน้า ไม่นุ่งกระโปรง 3. เด็กอนุบาล วัย 3-5 ขวบ เป็นวัยที่มีการพัฒนาตามธรรมชาติ ที่อยากรู้อยากเห็นอวัยวะเพศ เต้านม แต่ไม่ใช่ในแง่กามอารมณ์ แบบผู้ใหญ่ วัยนี้จะมีความรัก ผูกพัน หวงแหน เรียกร้องความ สนใจจากพ่อแม่ที่มีเพศตรงข้ามกับตัวเข้า และกีดกันพ่อหรือแม่ เพศเดียวกันกับเขา ให้ออกห่าง พ่อแม่ควรแสดงความเป็นมิตร ตอ่ ลกู ลกู จะหนั มาเลยี นแบบพอ่ หรอื แมเ่ พสเดยี วกบั ตนเอง และ ปรับตัวได้ดีกับพ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่ายในที่สุด 4. ส่งเสริมให้ลูกทำ�กิจกรรมร่วมกลุ่ม กับเพศเดียวกัน เช่น พ่อเล่นกีฬา กับลูกชาย แม่ สอนลูกสาว ทำ�อาหาร 53หลักการพนื้ ฐานการเปน็ คุณพอ่ คณุ แม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ 5. ฝกึ และสร้างทกั ษะหลายดา้ นตัง้ แตย่ งั เด็ก เช่น การออกก�ำ ลังกาย เล่นกีฬา ไม่เน้นการเรียนรอย่างเดียว เพื่อทำ�ให้เด็กมีบุคลิกภาพ ที่ดี มีจุดเด่นในตนเอง 6. ไมล่ อ้ เลยี นหรอื สง่ เสรมิ พฤตกิ รรมผดิ เพศ เชน่ ใหล้ กุ ชายแตง่ หน้า ทาปาก ใส่กระโปรง 7. พ่อแม่ไม่ควรตกใจ ตำ�หนิ หรือลงโทษหากลูกถามเรื่องเพศ ควรสอนเพศศึกษาตามระดับอายุเด็ก และชื่นชมพฤติกรรมที่ เหมาะสมกับเพศ หลักการพื้นฐานข้อที่ 10 การรบั มอื กบั เกมส์ทวี ีอนิ เตอรเ์ นตและสอ่ื อเิ ลค็ โทรนคิ สต์ า่ งๆ 1. หลีกเลี่ยงการให้เด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบ ดูโทรทัศน์ วีดีโอ เล่นเกมส์จากคอมพิวเตอร์ วัยนี้ลูกต้องการแม่แบบที่ดีและ การเรียน 54 คู่มอื ดูแลลกู รัก วัยแรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

2. มีกฎในการดูทีวี และเล่นเกมส์ เช่น ดูไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง พยายามเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมตามวัยและส่งเสริมการเรียนรู้ หลีกเลี่ยงรายการหรือเกมส์ที่มีเนื้อหารุนแรงหรือยุยงเรื่องเพศ 3. พยายามดูทีวีหรือเล่นเกมส์ไปกับลูก พูดคุยพอสมควรเกี่ยวกับ เนื้อหาที่ดู สอดแทรกค่านิยมที่ดีอย่างแนบเนียน 4. ไม่ให้ทีวีหรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกชนิด อยู่ในห้องของเด็ก 5. หากิจกรรมอื่นๆ ให้ลูกทำ� เช่น อ่านหนังสือ เล่นกีฬา เพื่อพาลูก ออกจากหน้าจอต่างทีวีและคอมพิวเตอร์ 55หลกั การพืน้ ฐานการเป็น คณุ พ่อคุณแม่

เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีพัฒนาการ ด้านสติปัญญาที่ดี (IQ)และมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ�เพื่อเสริมสร้างไอคิวอีคิวเด็กวิธีเสริมสร้างไอคิวอีคิวที่เหมาะสมในแต่ละวัย แรกเกิด – 6 เดือน อายุ 6 เดือน – 1 ปี อายุ 1 ปี – 3 ปี อายุ 3 – 6 ปี

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ การ เลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนที่ประสบความสำ�เร็จ และมีชีวิต ที่เป็นสุขนั้น พ่อแม่ต้องอาศัยหลักการพื้นฐานในการเลี้ยงลูก ดังที่กล่าว มาแลว้ 10 ประการรว่ มกบั การเสรมิ สรา้ งไอควิ อคี วิ เพือ่ ใหล้ กู นอ้ ยเตบิ โต ขนึ้ มามคี วามสามารถทางเชาวนป์ ญั ญา (ไอควิ ) ทดี่ ี ควบคไู่ ปกบั การพฒั นา ความฉลาดทางอารมณ์ (อคี วิ ) ทดี่ ี เดก็ ทมี่ ไี อควิ ดี คอื เดก็ ทมี่ คี วามสามารถ ในการเรียนรู้ การจำ� ความคิดอย่างมีเหตุผล การตัดสินใจ ความสามารถ ทางการสื่อสารดี ไอคิวเป็นสิ่งทีต่ ิดตวั มาแต่ก�ำ เนดิ และสามารถพัฒนาให้ ดีขึ้นได้ ส่วนเด็กที่มีอีคิวดีนั้น คือ คนที่รู้จักอารมณ์ มีนํ้าใจ รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก กระตือรือร้น สนใจใฝ่รู้ ปรับตัวได้ดี กล้าพูดกล้าบอก มีความ พอใจ อบอุ่นใจ และสนุกสนานร่าเริง หากเราพัฒนาทั้งไอคิวและอีคิว ของเด็กตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของชีวิต เด็กย่อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น และสามารถใช้ความสามารถทางสติ ปัญญาของตนเองได้อย่างเต็มที่ 58 คมู่ ือดูแลลูกรกั วัยแรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

สง่ิ ทค่ี ณุ พอ่ คณุ แมค่ วรท�ำ เพอ่ื เสรมิ สรา้ งไอควิ อคี วิ เดก็ โดยสรปุมดี งั น้ีสิ่งที่ควรทำ� การเสริมสร้างไอคิว การเสริมสร้างอีคิวใหอ้ าหารทเี่ หมาะสม ช่วยพฒั นาเครือขา่ ย การให้ลกู หัดทานอาหารได้และเพยี งพอตอ่ ความ เสน้ ใยสมองให้พรอ้ ม เอง จะชว่ ยสร้างความมนั่ ใจต้องการตามวยั ทจี่ ะเรียนรูส้ ง่ิ ตา่ งๆ และความรสู้ ึกภาคภมู ิใจทท่ี ำ�การสัมผสั โอบกอด อะไรได้สำ�เรจ็ ด้วยตนเองชมเชยเด็กอยเู่ สมอ กระตนุ้ ใหเ้ สน้ ใยสมอง ท�ำ ให้เด็กรู้สึกวา่ ตนเองเป็น เช่ือมโยงกนั เด็กจะ ที่รักและมคี วามสำ�คัญสรา้ งพดู คยุ เลา่ นทิ าน ฉลาด ใหเ้ กิดความรสู้ กึ มคี ณุ คา่ ในรอ้ งเพลง เหก่ ลอ่ ม ตนเองรอ้ งเพลงตามความ สมองจะพฒั นาดา้ น ช่วยเสรมิ สร้างพฒั นาการชอบและอสิ ระ ภาษาอย่างเตม็ ที่ ด้านอารมณ์ ประสบการณ์ รวมท้ังเสริมสรา้ ง ท่ไี ด้สามารถน�ำ ไปใช้ในชีวิตการเล่น เลน่ ดนตรี จนิ ตนาการและความ ประจำ�วนั เชน่ การปลูกฝงักีฬา การออกกำ�ลัง คิดสรา้ งสรรค ์ ด้านจรยิ ธรรมและการแก้กาย ไดท้ �ำ กจิ กรรม ปญั หาจากนิทานกลุม่ เล่นร่วมกบั เดก็ ชว่ ยให้สมองตน่ื ตัว ชว่ ยในการระบายอารมณ์อ่ืนๆ เตรยี มพรอ้ มท่ีจะ ทำ�ให้เด็กเกดิ ความภาคภมู ใิ จ เรยี นรสู้ ่งิ ใหมๆ่ เปน็ ช่วยพฒั นาทกั ษะทางสังคม ช่องทางการเรียนรู้ เรียนรบู้ ทบาทการเป็นผใู้ หญ่ ทด่ี ที สี่ ุด เรยี นรู้กติกา ร้จู กั แพช้ นะ และใหอ้ ภัย รวมทง้ั การให้ ความรว่ มมอื กับผอู้ ื่น 59เลยี้ งลกู อย่างไรใหม้ พี ัฒนาการด้าน IQ และ EQ

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ วธิ เี สรมิ สรา้ งไอควิ อคี วิ ทเ่ี หมาะสมในแตล่ ะวยั แรกเกดิ – 6 เดอื น อาหารการกิน นมแมเ่ ป็นอาหารทีด่ ที ี่สดุ มีงานวิจัยบง่ ชี้ว่า ทารกที่ดืม่ นมแม่มไี อคิว สูงกว่าทารกที่ดื่มนมขวดโดยเฉลี่ย 3 - 5 จุด ยิ่งทารกดื่มนมแม่เป็นเวลา นานเท่าไหร่ ก็มีโอกาสจะพัฒนาไอคิวได้มากขึ้นเท่านั้น การเลี้ยงลูก ด้วยนมแม่มีประโยชน์ต่อทั้งแม่และทารก ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ สารอาหารและภูมิต้านทานต่างๆ จะถูกส่งผ่านไปยังทารก เด็กจะมี ภูมิคุ้มกันโรคได้หลายชนิด ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่เด็กจะได้รับจากการ ดื่มนมแม่ก็คือ สายสัมพันธ์ระหว่างทารกและแม่จะแนบแน่นมากขึ้น ในระหว่างการให้ลูกดื่มนมแม่ นอกจากนี้ การให้ลูกดื่มนมยังช่วยให้ ลูกรู้สึกใกล้ชิดกับแม่ ซึ่งจะก่อให้เกิดความอบอุ่นใจและทำ�ให้ลูกรู้สึก ปลอดภัยอีกด้วย และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังเป็นการเรียนรู้ระหว่าง แม่กับลูก แม่ต้องเรียนรู้ที่จะให้นมลูกได้อยา่ งถูกต้องเพื่อให้ลูกได้นมแม่ อยา่ งเพยี งพอ ลกู จะต้องเรียนรูว้ ิธกี ารดูดนมแมใ่ ห้ถูกตอ้ งเพื่อใหไ้ ดน้ ํา้ นม อย่างเพียงพอ กอดกันสักหน่อย การกอดนั้นสำ�คัญไฉน เมื่อกอดลูกจะรู้สึกได้ถึงความรักความอบอุ่น เมื่ออุ้มอย่างนุ่มนวล และโอบกอดแนบอก ลูบหลังเบาๆ จะให้ลูกรู้สึก ปลอดภัยและเป็นสุข การกอดจะทำ�ให้ลูกได้รับความผูกพันและการตอบสนองจากพ่อแม่ ส่งผลให้เด็กมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น เมื่อเติบโตขึ้นจะเป็นผู้ที่ สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มเพื่อนใหม่และคนแปลกหน้าได้ 60 คู่มอื ดแู ลลูกรกั วัยแรกเกิดจนถงึ อายุ 6 ปี

ในขณะที่ทารกที่ถูกทอดทิ้งไม่เคยถูกอุ้ม ยิ้มด้วย หรือพูดด้วย จะมีความผิดปกติที่เรียกว่า “อาการโดดเดี่ยวทางสังคม” ชอบแยกตัวอยู่คนเดียว โยกตัวเอง ไม่สนใจที่จะเล่นหรือพูดคุยกับคนอื่น ทารกที่ได้รับการตอบสนองที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม หรือทารกที่ขาดความรักความผูกพัน จะส่งผลให้เป็นคนที่ไม่ไว้วางใจผู้อื่น มองโลกในแง่ร้าย และสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นได้ยากเล่าให้ลูกฟัง เด็กเรียนรู้ได้ตั้งแต่ออกจากท้องแม่ จะมีความสนใจสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ชอบมองของที่มีสีสันสวยงาม มีความไวต่อการสัมผัสทางกายสามารถรบั ฟงั เสยี งไดต้ ัง้ แตอ่ อกจากทอ้ งแมท่ นั ที และชอบฟงั เสยี งทีท่ อดยาวไปนานๆ ราว 10 วินาที จะไม่ชอบเสียงที่สะดุด เสียงที่พูดเพียง1-2 วินาทีแล้วหายไป คุณพ่อคุณแม่ควรอุ้มลูกไว้ที่ตักพูดคุยกับลูก หรือร้องเพลงเห่กล่อมเวลานอน เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นเริ่มเล่านิทานให้ลูกฟังเพื่อเสริมสร้างการรักการอ่าน ภาพในนิทานควรเป็นภาพเหมือนจริง มีสีสันสวยงาม ชัดเจน เป็นภาพเดี่ยว เช่น รูปสัตว์ ผัก ผลไม้ สิ่งของต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำ�วัน นิทานที่เหมาะสมสำ�หรับลูกวัยนี้คือ หนังสือนิทาน 61เลีย้ งลูกอย่างไรใหม้ พี ัฒนาการด้าน IQ และ EQ

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ ลอยนํา้ หนงั สอื นทิ านผา้ นอกจากลกู จะเพลดิ เพลนิ กบั ภาพในหนงั สอื แลว้ ยังได้จับผิวสัมผัสที่อ่อนนุ่มช่วยกระตุ้นการรับรู้ ชวนลูกเล่น คุณพ่อคุณแม่ควรพยายามหาเวลาเล่นกับลูกทุกวัน เช่น หยอกล้อ พูดคุย ทำ�ให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องเสียงและสนุกสนาน การอุ้มและโยกตัวไป มา เขี่ยที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า กระตุ้นความรู้สึกและการรับรู้ เด็กทารกชอบเล่น ชอบสัมผัส และชอบหยิบจับ ของเลน่ ทีเ่ หมาะสมกบั ลกู วยั นีค้ อื โมบาย กระจกส�ำ หรบั ตดิ ข้างเตยี ง เด็กเล็ก ตุ๊กตาผ้า อายุ 6 เดอื น – 1 ปี อาหารการกิน ลกู ในวยั นีเ้ ริม่ กนิ อาหารไดห้ ลากหลาย ในขณะเดยี วกนั กเ็ ริม่ ทีจ่ ะท�ำ อะไรด้วยตนเอง ถ้าลูกอยากจะทำ�อะไรด้วยตัวเอง เช่น จับขวดนมเอง หยิบของใส่ปาก ใช้หลอดดูดนํ้า ดื่มนมจากแก้วหรือนั่งดื่มจากขัน ปล่อย ให้ลูกทำ�ดู ลองผิดลองถูกบ้าง ฝึกให้กินอาหารเป็นที่เป็นทาง ไม่เดินไป ป้อน/กินไป ฝึกกินเป็นเวลา กินพร้อมพี่น้องหรือเพื่อน ไม่ควรมีกิจกรรม อื่นดึงความสนใจขณะกิน เช่น ดูโทรทัศน์ ถ้าลูกหิว สอนให้ลูกรู้จักรอคอย อดทน อดกลั้น ด้วยวิธีพูดคุย หรือ ส่งเสียงให้ลูกรู้ว่า พ่อแม่อยู่ใกล้ๆ และกำ�ลังทำ�อะไรอยู่ เขาก็จะเรียนรู้ ว่าอีกชั่วประเดี๋ยวก็จะได้กิน รออีกสักพักแม่ก็จะมาหา อาหารการกินสำ�หรับลูกวัยนี้เริ่มต้นให้อาหารทีละอย่าง เว้นระยะ ประมาณ 3 - 4 วัน เพื่อสังเกตว่าลูกแพ้อาหารชนิดนั้นหรือไม่ บดอาหาร ละเอียดในช่วงแรก เมื่อมีฟันจึงให้อาหารที่หยาบขึ้น เลือกอาหารสด ปรุงใหม่ๆ ผัก ผลไม้สดจะได้คุณค่าสูงสุด ให้อาหารที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น 62 คู่มอื ดแู ลลูกรกั วัยแรกเกิดจนถงึ อายุ 6 ปี

ที่มีในครัว หลีกเลี่ยงอาหารสำ�เร็จรูป ฝึกให้กินอาหารรสธรรมชาติหลีกเลี่ยงการปรุงอาหาร ลูกจะชอบหยิบของเข้าปาก ควรยอมให้ลูกหยิบอาหารเข้าปากเองได้ แต่ไม่ควรให้อาหารที่เป็นเมล็ดเพราะอาจติดคอหรือสำ�ลักได้ เด็กยังต้องกินนมแม่ (หากเป็นไปได้) และเริ่มให้อาหารอื่นควบคู่ไปด้วย อายุ 6-8 เดือน ดูดนมแม่เต็มอิ่ม วันละ 5 - 6 ครั้ง และอาหารอื่นเสริม 1 มื้อ อายุ 9 - 10 เดือน ดูดนมแม่เต็มอิ่ม วันละ 4-5 ครั้ง และอาหารอื่นเสริม 2 มื้อ อายุ 11 - 12 เดือน ดูดนมแม่เต็มอิ่ม วันละ 3-4 ครั้ง และอาหารอื่นเสริม 3 มื้อ อาหารทีเ่ หมาะสมกบั วัยที่จะช่วยเสริมสรา้ งไอคิวและอีคิว เช่น ข้าวไข่ เนื้อสัตว์ เนื้อปลา ตับ ผักสุก ผลไม้สุก ใช้นํ้ามันพืชปรุงอาหารได้ประมาณ 1 ช้อนชา 63เล้ียงลกู อย่างไรใหม้ พี ัฒนาการด้าน IQ และ EQ

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ กอดกันสักหน่อย การโอบกอดและปลอบใจยังคงมีความสำ�คัญกับลูกวัยนี้ เมื่อลูก ร้องไห้ตกใจ หรือกลัวคนแปลกหน้า เนื่องจากช่วงนี้ ลูกจะจำ�หน้าแม่ได้ ให้อุ้มหรือดึงมากอดไว้ ตบหลังเบาๆ พร้อมกับปลอบใจ แล้วค่อยๆ หัน หน้าเด็กออกให้เห็นจริง ๆ ว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เล่าให้ลูกฟัง เด็กในวัยนี้จะมองหนังสือภาพเหมือนเป็นของเล่น ซึ่งมีภาพติดอยู่ และเปิดได้ เด็กจะรู้สึกสนุกกับการค้นหา เมื่อเปิดหนังสือแล้วพบสิ่งของ ที่รู้จัก เช่น แมว หมา ซึ่งประสบการณ์นี้ จะเป็นจุดชักจูงให้เด็กมีความ สนใจหนงั สอื ท�ำ ใหห้ นงั สอื เปน็ สว่ นหนงึ่ ของชวี ติ ประจ�ำ วนั หนงั สอื นทิ าน สำ�หรับเด็กวัยนี้ ยังควรเป็นภาพเหมือนจริง มีสีสันสวยงาม ชัดเจน เป็น ภาพเดยี่ ว เชน่ รปู สตั ว์ ผกั ผลไม้ สงิ่ ของตา่ งๆ ทใี่ ชใ้ นชวี ติ ประจ�ำ วนั หนงั สอื นิทานควรเป็นกระดาษแข็งเพื่อลูกจะได้มีส่วนช่วยพ่อแม่ในการพลิกหน้า หนังสือ นอกจากจะเกิดความเพลิดเพลินกับหนังสือนิทานหน้าต่อไปแล้ว หนูๆ ยังได้ฝึกการทำ�งานเล็กๆน้อยๆ ร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย ชวนลูกเล่น การเล่นและพูดคุยกับลูกบ่อยๆ ตบมือ สอนลูกร้องเพลงง่ายๆ เล่น จ๊ะเอ๋ เล่นจับปูดำ� ขยำ�ปูนา จะช่วยฝึกการได้ยิน การรับรู้ของลูก และ ทำ�ให้ลูกอารมณ์ดี สนุกสนาน และเจริญเติบโตเร็วขึ้น ให้อิสระในการคลาน นั่งทรงตัวเอง เล่นจ๊ะเอ๋ เล่นตบมือตามจังหวะ เพลง โบกมือบ๊าย บาย เล่นจับปูดำ� จํ้าจี้ ซ่อนหาผ้าคลุมหัว ร้องเพลงพูด คุยอย่างสมํ่าเสมอ ของเล่นที่เหมาะสมกับลูกวัยนี้ คือ ของเล่นสำ�หรับบีบ ลูกบอลนุ่ม ยางกัด ของเล่นผิวสัมผัสต่าง ๆ หนังสือภาพ หนังสือมีเสียง 64 คู่มอื ดูแลลูกรัก วยั แรกเกดิ จนถึงอายุ 6 ปี

อายุ 1 ปี – 3 ปีอาหารการกิน ลูกวัยนี้ สามารถกินอาหารหลักได้ 3 มื้อ อาหารที่เหมาะสมกับลูกเชน่ ขา้ วหงุ นิม่ ๆ ไขท่ ัง้ ฟอง เนือ้ สตั ว์ (หมู ไก่ เนือ้ ววั ) หรอื เนือ้ ปลาและตบัใช้นํ้ามันพืชปรุงอาหาร ได้ประมาณ 2 - 3 ช้อนชา ผักสุก และผลไม้สุกถ้ากินไม่หมด แบ่งอาหารให้เป็น 4 มื้อได้ แต่ไม่ควรมากกว่า 4 มื้อ วัยนี้ควรฝึกให้เด็กกินอาหารแปลกใหม่ เช่น ผัก มะเขือเทศ ไม่ควรบังคับเด็ก ถ้าเด็กไม่ยอมกิน เพราะทำ�ให้เด็กไม่ชอบอาหารชนิดนั้น แต่ใช้วิธีดัดแปลงวิธีการปรุงและรสชาติให้เด็กจนเด็กยอมรับ ลักษณะอาหารควรน่ากิน มีสีสัน น่ารับประทานอาหารต้องรสชาติไม่จัด ไม่เค็มหวาน เปรี้ยว มีขนาดชิ้นเล็กอ่อนนุ่ม เคี้ยวง่ายกอดกันสักหน่อย เมื่อลูกโผเข้ามาหา พ่อแม่ต้องโอบกอด สัมผัสลูก และทุกครั้งที่ลูกรู้สึกกลัว ตกใจ กังวล สับสน เมื่อลูกสงบลงต้องให้ลูกเห็นว่าสิ่งที่กลัวนั้นไม่น่ากลัว ไม่มีอันตราย หรือถ้าน่ากลัวก็มีพ่อแม่คอยช่วยเหลือจุดเริม่ ตน้ ของความผกู พนั ระหว่างพ่อแม่และลูกวยั นี้ก็คอื การตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกายและจิตใจอย่างนุ่มนวล ทะนุถนอมเล่าให้ลูกฟัง ลูกอยู่ในวัยที่อยากเรียนรู้สิ่งต่างๆ โดยจะตั้งคำ�ถามบ่อยๆ สนใจค้นหาหรือสำ�รวจสิ่งต่างๆ เริ่มมีสมาธิ มีพัฒนาการทางภาษาที่รวดเร็ว 65เลี้ยงลกู อย่างไรให้มีพัฒนาการดา้ น IQ และ EQ

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ ชอบดูหนังสือภาพ เลียนเสียงสิ่งแวดล้อม ฟังบทกลอน ชอบให้เล่าซํ้าๆ โดยไมร่ ูจ้ กั เบือ่ เรมิ่ สนใจเลน่ รวมกบั เดก็ อืน่ ๆ เริม่ เลน่ แบบจนิ ตนาการและ สมมติ เมื่อได้รับฟังนิทานทุกวัน เด็กจะจำ�ได้ทุกถ้อยคำ� หรือทุกตัวอักษร ประสบการณ์ทางภาษาที่ดีเป็นพื้นฐานในการสร้างนิสัยรักการอ่านของ เดก็ ในอนาคต หนงั สอื นทิ านส�ำ หรบั ลกู วยั นี้ ควรเปน็ หนงั สอื ภาพเกีย่ วกบั ชีวิตประจำ�วัน หนังสือภาพและสิ่งของ หนังสือกาพย์ กลอน สำ�หรับเด็ก ที่มีภาพประกอบ หนังสือภาพที่มีบทกวี ชวนลูกเล่น พอ่ แมค่ วรเลน่ และพดู คยุ กบั ลกู เชน่ ใชร้ ปู ภาพในการเลน่ นทิ าน ชวน พูดคุยถึงสิ่งต่างๆ รอบตัวที่พบเห็น เพื่อสร้างประสบการณ์ ยกตัวอย่าง สัตว์ ต้นไม้ สำ�ธาร ท้องฟ้า เมฆ หมู่ดาว ฯลฯ ถ้ามีโอกาส พ่อแม่ควรพาลูกไปเที่ยว เพื่อได้พบเห็นสิ่งต่างๆ มากขึ้น และไมร่ ูส้ กึ กลวั ในสิง่ แปลกใหม่ เปดิ โอกาสใหล้ กู เลน่ ตามความสนใจ เพือ่ 66 คู่มอื ดูแลลูกรัก วัยแรกเกิดจนถงึ อายุ 6 ปี

ให้ลูกมีอิสระ เกิดความคิดสร้างสรรค์ และมั่นใจในตัวเอง เช่น ลูกอาจใช้กล่องกระดาษมาลากเป็นรถ ขยำ�กระดาษใช้ปาแทนลูกบอล เป็นต้น ช่วงนี้ ลูกจะเริ่มพูด บอกความต้องการได้ พ่อแม่ควรแสดงท่าทีสนใจ พยายามพดู คยุ กบั ลกู มากๆ การเลน่ และการพดู คยุ กบั ลกู พอ่ แมค่ วรคล้อยตาม และร่วมความรู้สึกนึกคิดของลูกอย่าเห็นเป็นเรื่องเพ้อฝันไม่ควรล้อเลียนหรือเห็นเป็นเรื่องขบขันหรือไร้สาระ ของเล่นที่เหมาะกับวัย 1 - 2 ปี ได้แก่ กระดานค้อนตอกช่วยให้เด็กได้ฝึกการใช้มือให้ประสานกับสายตา ฝึกทักษะการลงนํ้าหนักมือหรือการควบคุมความเร็วในการตอก กล่องหยอดรูปทรงให้เด็กเลือกหยิบบล๊อกรูปทรงหย่อนลงรู หีบหรือกล่องที่สามารถวางซ้อนเป็นชั้นได้ ช่วยให้เด็กฝึกการวางแผนและเรียนรู้มิติสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับความสูงตํ่า นิทานและรปู ภาพประกอบท�ำ ใหเ้ ดก็ มที กั ษะการสงั เกต การดู การฟงั สรา้ งจนิ ตนาการและทักษะการเรียงลำ�ดับเหตุการณ์ เทปเพลงสนุกๆ ของเล่นสมมติ เช่นตุ๊กตา พร้อมเครื่องแต่งตัว เครื่องมือตักทราย วัสดุอุปกรณ์ขีดเขียน เช่นปากกา กระดาษหรือริบบิ้นชนิดต่างๆ สามารถฝึกการใช้กรรไกรสำ�หรับเดก็ ในการตดั แตง่ วสั ดุ ภายใตก้ ารดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ ของผใู้ หญ่ ตกุ๊ ตาหมอนหรือผ้านุ่มๆ สำ�หรับเป็นเพื่อนหรือช่วยปลอบประโลมเด็ก สว่ นลกู ในวยั 2-3ปีจะเรยี นรผู้ า่ นการส�ำ รวจจะเลน่ อยา่ งมคี วามหมายมากขึ้น ของเล่นที่เหมาะกับวัยนี้ ได้แก่ จิ๊กซอว์ขนาดใหญ่ เริ่มจาก 2 ไป4 ไป 9 ชิ้น แล้วค่อยๆ เพิ่มชิ้นไปเรื่อยๆ เด็กๆ จะได้ฝึกสมาธิ ฝึกการสังเกต ฝึกการแก้ปัญหา ฝึกการประสานงานระหว่างตาและมือ และฝึกความจำ�เป็นการสร้างความภูมิใจความเชื่อมั่นเมื่อทำ�ได้สำ�เร็จ..กระดาษและดินสอสำ�หรับขีดเขียน ลูกบอลลูกโตๆ เพื่อให้เด็กได้ออกแรงเตะขว้างกะระยะ จักรยาน 3 ล้อ เด็กจะได้พัฒนากล้ามมัดเนื้อใหญ่ คือ แขนขา ฝึกการทรงตัว การบังคับทิศทางเคลื่อนไหว ดินนํ้ามัน แป้งโดว์ ช่วยฝึกสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ 67เลีย้ งลกู อย่างไรใหม้ พี ฒั นาการด้าน IQ และ EQ

ช0่ว-งอ6าปยี ุ อ ายุ 3 – 6 ปี อาหารการกิน คุณพ่อคุณแม่หาโอกาสรับประทานอาหารพร้อมกับลูก ให้อาหาร ทีม่ ปี รมิ าณและคณุ คา่ พอเพยี งกบั ความตอ้ งการของเดก็ สรา้ งบรรยากาศ การกินอาหารที่ดี ไม่เครียด ไม่ดุบ่นว่า ไม่ทะเลาะ เบาะแว้ง ระหว่าง รับประทานอาหาร ไม่นำ�อาหารที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ หรืออาหารเหลือค้าง มาให้เด็กรับประทาน ไม่ควรให้เด็กดื่มเครื่องดื่มบางชนิด เช่น นํ้าอัดลม นํ้าชา กาแฟ ไม่ควรให้เด็กกิน ขนมกรุบกรอบ ขนมหวานจัด และท๊อฟฟี่ ตัวอย่างรายการอาหารที่เหมาะสมในแต่ละมื้อสำ�หรับลูก 3-5 ปี • แกงจืดแตงกวาสอดไส้ กล้วยบวชชี • แกงจืดเต้าหู้อ่อนหมูสับ ฟักทองแกงบวช • แกงจืดกะหลํ่าปลี และปลาทูทอด ขนมฟักทองนึ่งจิ้มมะพร้าว • ข้าวผัดหมูกับไข่ สับปะรด 6 ชิ้น กอดกันสักหน่อย พ่อแม่ควรมีเวลาใกล้ชิดกับลูก อย่างน้อยวันละ 15 นาทีก่อนลูกเข้า นอนแสดงความรัก การแสดงออกถึงความรักเป็นการแสดงความสนใจ เอาใจใส่ต่อลูกด้วยการสัมผัส โอบกอด ช่วยให้ลูกรู้สึกได้ถึงความรัก ความสุข สามารถรับและให้ความรู้สึกที่ดีแก่ผู้อื่นได้ต่อไป จะช่วยให้ลูก เกิดความผูกพันที่ลึกซึ้งและมั่นคงกับพ่อแม่ นอกจากการโอบกอดแล้วพ่อแม่ควรแสดงความชื่นชมลูก ลูกจะมี ความพงึ พอใจเมือ่ ไดร้ บั ค�ำ ชมจากพอ่ แม่ ควรชมลกู เมือ่ ลกู มพี ฤตกิ รรมทีด่ ี ดว้ ยค�ำ พดู ทวั่ ไป เชน่ ยอดเลยลกู เยยี่ มมาก พอ่ กบั แมช่ อบมาก เปน็ ตน้ หรอื 68 คู่มอื ดูแลลกู รัก วยั แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี

บอกถงึ สงิ่ ทคี่ ณุ พอ่ คณุ แมพ่ อใจอยา่ งชดั เจน เชน่ แมพ่ อใจมากทลี่ กู ชว่ ยกนัเก็บของหลังจากเล่นเสร็จแล้ว เป็นต้น การบอกที่เฉพาะเจาะจงจะให้ผลดีกว่าคำ�ชมทั่วไป เพราะช่วยให้เด็กเข้าใจว่าพฤติกรรมใดที่เขาทำ�แล้วได้รับคำ�ชมและทำ�ให้เด็กอยากทำ�พฤติกรรมนั้นซํ้า นอกจากนี้ ควรใหค้ วามสนใจลกู การแสดงความสนใจลกู ท�ำ ไดห้ ลายวิธีตั้งแต่ยิ้ม สบตา อุ้มลูกนั่งบนตัก ลูบแก้ม ตบบ่า กอด หรือนั่งอยู่กับลูก การแสดงความสนใจเหล่านี้ สามารถกระตุ้นให้ลูกมีพฤติกรรมที่ดีต่อเนื่องเล่าให้ลูกฟัง ลูกในวัย 3 - 4 ปี จะมีพัฒนาการทางภาษาที่รวดเร็วอย่างน่าทึ่ง มีจนิ ตนาการสรา้ งสรรค์ และมคี วามอยากรูอ้ ยากเหน็ มาก สามารถตดิ ตามและเข้าใจเรื่องเล่าง่ายๆ ได้แล้ว เด็กวัยนี้ชอบเรื่องซํ้าไปซํ้ามา และเรื่องไหนที่ชอบมากเด็กจะให้อ่านซํ้าแล้วซํ้าอีก ไม่รู้จักเบื่อทั้งๆ ที่จำ�เรื่องได้หมดทกุ ตวั อกั ษรตงั้ แตต่ น้ จนจบ นทิ านกอ่ นนอนทีม่ เี นือ้ เรือ่ งเดมิ ๆ ซํา้ แลว้ 69เลี้ยงลูกอยา่ งไรให้มพี ัฒนาการดา้ น IQ และ EQ

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ ซํ้าอีกของทุกๆ คืน และคืนละหลายๆ ครั้ง โดยเนื้อหาจะคงเดิมเพียงแต่ เพิ่มรายละเอียดเล็กๆ น้อย เพื่อให้เรื่องสนุกตามสถานการณ์แต่ละวัน โตขึ้นมาอีกนิดในวัย 4 - 6 ปี เด็กวัยนี้จะสามารถแต่งประโยคได้โดย ใช้คำ� 5 - 6 คำ� ชอบตั้งคำ�ถาม ทำ�ไม เมื่อไร อย่างไร มีจินตนาการ เป็นวัย ชา่ งฟงั ชา่ งสงั เกต ชอบเลน่ บทบาทสมมตุ ิ รูจ้ กั เลา่ เรือ่ งราวตา่ งๆ ทีค่ ดิ ขึน้ ดว้ ยตวั เอง ชอบสมั ผสั สงิ่ ใหมๆ่ ชอบอยเู่ ปน็ กลมุ่ สามารถเขา้ ใจความหมาย ที่เชื่อมโยงสอดคล้องกัน ควรเล่านิทานด้วยหนังสือภาพที่มีเรื่องราว ประสานกลมกลืนกัน เนื้อเรื่องสนุกตลกขบขัน ใช้ภาษาแปลกๆ มี รายละเอียดของภาพมากขึ้น เพื่อให้เด็กได้ใช้จินตนาการได้เต็มที่ รูปภาพ มีความจำ�เป็นน้อยลงไม่เน้นสีสัน ชวนลูกเล่น พ่อแม่ควรให้เวลากับลูก เด็กจะรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ที่พ่อแม่มี ต่อตัวลูก การให้เวลากับลูกแม้ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ถ้าพ่อแม่ให้เวลาอย่าง สมํ่าเสมอทำ�กิจกรรมที่ลูกสนใจอย่างมีความสุขร่วมกัน จะมีค่าต่อความ รู้สึกของลูกเป็นอย่างมาก เวลาที่พิเศษสุดสำ�หรับเด็ก คือ เวลาที่ลูกเดิน เข้ามาหาพ่อแม่ เพื่อพูดหรือบอกอะไรบางอย่าง หรือเพื่อขอให้พ่อแม่มา ร่วมทำ�กิจกรรมอะไรบางอย่างกับลูก และพ่อแม่ตอบสนองต่อลูกด้วย การหยุดสิ่งที่พ่อแม่กำ�ลังทำ�อยู่ การสร้างกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยให้ ลูกก็เป็นสิ่งที่สำ�คัญ การที่พ่อแม่ช่วยให้ลูกมีกิจกรรมที่สามารถเล่นได้ ตามลำ�พัง และพัฒนาการเล่นได้ด้วยตัวเองตามวัยภายใต้สิ่งแวดล้อม ที่ปลอดภัย มีสิ่งที่น่าสนใจหลากหลาย ที่เด็กจะค้นคว้าเรียนรู้เป็นการ กระตุ้นพัฒนาการตามวัย เด็กจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับกิจกรรมเหล่านี้ ไม่จำ�เป็นต้องมีราคาแพง แต่ต้องเป็นสิ่งที่ลูกมีความสนใจ ระยะนี้ลูกจะมีจินตนาการสูง เริ่มรู้จักเล่นกับคนอื่นได้บ้าง หัดให้ ยอมรับบางครั้งเป็นผู้นำ� บางครั้งเป็นผู้ตาม ควรหัดให้พูดคุยกับผู้ใหญ่ 70 คู่มอื ดแู ลลกู รัก วัยแรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

เช่น เวลามีแขกมาเยี่ยมบ้าน เมื่อโตขึ้น เล่นบทบาทสมมุติ เช่น เป็นหมอเป็นพยาบาล เป็นครู เป็นนักบิน พ่อแม่ ฯลฯ เด็กวัยอนุบาลชอบเล่นเป็นงานเป็นการเล่นสร้างสรรค์ เล่นนํ้า เล่นทราย เพราะไดต้ กั ไดข้ ดุ ดกู ารเปลีย่ นแปลงของรปู รา่ ง ของนํา้ ของทรายการเลื่อนไหล สัมผัสที่เด็กได้รับจะพัฒนาเด็กทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจอารมณ์ สังคมและสติปัญญา ของเล่นที่เหมาะกับลูกวัยนี้ ได้แก่ ม้าโยกเกมโยนห่วง เกมจับคู่สี/รูปทรง ลูกเต๋า รูปสัตว์ เมืองของเล่น โดมิโนรูป/ภาพ/บล็อกรูปทรงและสีสันต่างๆ จิ๊กซอว์ ชุดก่อสร้าง บ้านตุ๊กตา เกมเกี่ยวกับจำ�นวน หุ่นมือ หนังสือนิทานเป็นเรื่องราว บล็อกขนาดและรูปทรงต่างๆ การสร้างให้ลูกน้อยเป็นเด็กที่มีไอคิวดี อีคิวเด่น นั้นไม่ใช่เรื่องยากพ่อแม่ทุกๆ คนก็สามารถทำ�ได้ และสามารถเริ่มทำ�ได้ตั้งแต่ลูกยังเล็กๆถ้าทราบอย่างนี้แล้ว อย่ามัวเสียเวลา มาเสริมสร้างไอคิวอีคิวให้ลูกเถอะ 71เล้ียงลกู อย่างไรใหม้ พี ฒั นาการดา้ น IQ และ EQ

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ สมาธ.ิ ..สรา้ งคณุ ภาพ...ลกู นอ้ ย ความหวังของพ่อแม่ทุกคนย่อมปรารถนาให้ลูกเติบโตมีคุณภาพชีวิต ที่ดี ซึ่งการที่ลูกน้อยมีคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น ย่อมหมายถึงลูกน้อยต้องมี ความฉลาดทั้งด้านสติปัญญา IQ และ EQ ควบคู่กันไป สมาธิช่วยได้อย่างไร มีผลงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า สมาธิมีความ สัมพันธ์กับสมองของลูกน้อย เพราะเวลาที่ลูกน้อยอยู่นิ่งๆ ระยะหนึ่งนั้น สมองส่วนหน้าจะสร้างคลื่นสมองอย่างหนึ่งชื่อว่า อัลฟา (Alpha) ทำ�ให้ การรับและการเก็บข้อมูลในเรื่องของการเรียนรู้ และการเข้าใจสิ่งต่างๆ และการจดจำ�ได้เพิ่มขึ้น นอกจากการพัฒนาสมองแล้ว สมาธิยังมีผล ทำ�ให้หัวใจของลูกน้อยเต้นช้าลง ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะมากขึ้น ร่างกายเผาผลาญออกซิเจนน้อยลง กล้ามเนื้อของลูกน้อยผ่อนคลาย ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น อีกทั้งร่างกายของลูกน้อยก็จะหลั่ง สารแห่งความสุขออกมา ซึ่งย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ของลูกน้อย เริ่มฝึก…ช่วงไหนดี เซลล์สมองของลูกน้อยเริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่อยู่ใน ครรภ์ของมารดาเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 8 สัปดาห์ ซึ่งจะสร้างทั้งจำ�นวน และขนาดเกิดเป็นเนื้อสมอง และเส้นใยประสาทที่เชื่อมโยงกันเป็นข่าย อย่างมากและรวดเร็วเรื่อยไปจนถึงคลอด สมองของลูกน้อยจะมีความ ไวต่อสิ่งต่าง ๆ มากกว่าผู้ใหญ่สองเท่า ดังนั้น การสร้างสมาธิเพื่อพัฒนา สมองของลูกน้อยจึงเป็นช่วงเวลาที่สำ�คัญ สร้างสมาธิ...แรกเกิด - 1 ปี สามารถสร้างได้ด้วยวิธีง่ายๆ โดยการ อุม้ ลกู นอ้ ยไวแ้ นบอก หรอื ขณะทีใ่ หน้ มลกู การพดู คยุ มองหนา้ และสบตา กับลูกน้อย จะทำ�ให้ลูกน้อยได้จดจ่อและสงบนิ่ง ซึ่งก็เป็นการฝึกสมาธิ 72 ดแู ลลกู รกั ของคณุ วยั แรกเกิดจนถงึ อายุ 5 ปี

ได้แล้ว ในช่วงนี้ลูกน้อยเริ่มมีพัฒนาการด้านการมองเห็นและการได้ยินการแขวนโมบายให้ลูกน้อย ได้มองจดจ่อก็จะเป็นการฝึกสมาธิได้เช่นกันนอกจากสมาธิแล้วยังเป็นการกระตุ้นระบบประสาทการมองและพัฒนาสมองของลูกน้อยไปพร้อมกัน ในช่วงนี้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ก็เริ่มพัฒนาการลูกน้อยสามารถที่จะคลานไปหาของเล่นได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ลูกบอลที่มีสีและเสียง มาใช้ในการฝึกสมาธิให้ลูกน้อยได้เช่นกัน สร้างสมาธิ...ช่วง 1- 6 ปี มีหลักอยู่ว่าทำ�อย่างไรให้ลูกน้อยสามารถใส่ใจต่อการทำ�กิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลานานพอจนกิจกรรมสำ�เร็จลุล่วงไปด้วยดี การสร้างสมาธิให้กับลูกน้อย คงไม่จำ�เป็นต้องให้ฝึกจิตให้สงบด้วยการนั่งสมาธิ เอามือประสานกันวางไว้ที่ตักแล้วท่องภาวนา ยุบหนอ พองหนอ เพราะวิธีนี้อาจใช้ไม่ได้สำ�หรับเด็กบางคนเนื่องจากเขาอาจรู้สึกอึดอัด การทำ�สมาธิสำ�หรับเด็กสามารถทำ�ได้ง่ายๆ เช่น การที่ลูกได้พักสงบกับตนเอง บางครั้งการที่เด็กได้นอนหนุนตักคุณพ่อคุณแม่ใต้ต้นไม้อย่างเงียบสงบ ในเวลาประมาณ 15 นาที ก็เป็นการฝึกสมาธิ 73สมาธ.ิ ..สรา้ งคุณภาพ...ลูกนอ้ ย

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ ได้แล้ว ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในช่วงวัยนี้การสร้างสมาธิให้กับลูกน้อยนั้น คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้เลี้ยงดูมีบทบาทสำ�คัญทีเดียว เคลด็ ลบั ...การสรา้ ง...สมาธใิ หล้ กู นอ้ ย สถาบนั สขุ ภาพจติ เดก็ และวยั รุ่นราชนครินทร์ ได้แนะนำ� เคล็ดลับการสร้างสมาธิให้กับลูกน้อย สรุปได้ ดังนี้ 1) การมอบความรัก เข้าใจธรรมชาติและพัฒนาการของลูกจะช่วย ให้ลกู พฒั นาการเรยี นรู้ และอารมณ์อยา่ งสอดคล้องกับวยั 2) จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเกิดสมาธิ เช่น การจัดบ้านให้เป็น ระเบยี บ มมี มุ สงบทลี่ กู นอ้ ยสามารถเลน่ ล�ำ พงั คนเดยี ว ไมม่ เี สยี งดงั รบกวน 3) ควรให้ลูกได้รับสารอาหารและการออกกำ�ลังกายเหมาะสมตาม ช่วงวัย 4) ฟังเพลงคลาสสิค หรือเพลงบรรเลงที่มีจังหวะช้าๆ สมํ่าเสมอ 5) ส่งเสริมด้านศิลปะ เช่น การวาดรูป พับกระดาษ งานปั้น งานฝีมือ เป็นต้น 6) เลือกของเล่นที่เหมาะกับลูกรักในแต่ละช่วงวัย 7) อ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง 8) ฝกึ วนิ ยั และ วางระเบยี บในการด�ำ เนนิ ชวี ติ เชน่ จดั ตารางกจิ วตั ร ในบ้านให้ชัดเจน 9) ฝึกเพิ่มสมาธิอย่างเป็นระบบให้ลูกทำ�สิ่งต่างๆ ให้นานขึ้นตาม ลำ�ดับ เช่น เริ่มจากการติดกระดุมจากครั้งแรกได้เม็ดเดียว ก็ค่อย เพิ่มเป็น 5 เม็ด การค่อยๆ เพิ่มงานที่ยากขึ้น หรือต้องใช้เวลาทำ� นานขึ้น 10) สนับสนุนสิ่งที่ลูกชอบ เช่น การสะสมไดโนเสาร์ เป็นต้น 74 ดแู ลลูกรกั ของคุณ วัยแรกเกดิ จนถึงอายุ 5 ปี

นอกจากเคล็ดลับดังกล่าวแล้ว การปลูกฝังให้ลูกน้อยได้เข้าร่วมศาสนะสถานของแต่ละศาสนาเช่นการพาลูกน้อยไปทำ�บุญ ไหว้พระการไปโบสถ์เป็นประจำ� อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการสง่ เสรมิ การฝกึ สมาธใิ หก้ บั ลกู นอ้ ย นอกจากสรา้ งสมาธแิ ลว้ ยงั เปน็การปลกู ฝงั ทศั นะคตทิ ดี่ งี าม ซงึ่ จะชว่ ยพฒั นาใหก้ บั ลกู นอ้ ย ทงั้ ดา้ นรา่ งกายจิตใจ และจิตวิญญาณให้โตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพที่ดีต่อไปในอนาคต 75สมาธิ...สร้างคุณภาพ...ลกู น้อย

ทคำ�งณาะนสนบั สนนุ นโยบาย EWEC (Every Woman Every Child)เพอ่ื จดั การองคค์ วามรดู้ า้ น Parenting Education1. นายแพทย์จักรกฤษณ์ ภมู ิสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ท่ีปรกึ ษา2. นายแพทยธ์ วชั ชยั กมลธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ทีป่ รึกษา3. นายแพทยท์ รงยศ ชัยชนะ ผตู้ รวจราชการกระทรวงสาธารณสขุ ท่ปี รกึ ษา4. นายแพทย์ธำ�รงค์ สมบญุ ตนนท ์ สาธารณสุขนิเทศก์ ทป่ี รึกษา5. นายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสขุ ประธานคณะท�ำ งาน หัวหน้ากล่มุ ภารกจิ ด้านพฒั นา การแพทย ์6. นายแพทย์ประพนธ์ ตง้ั ศรีเกียรตกิ ุล รองอธบิ ดีกรมการแพทย ์ คณะทำ�งาน7. นายแพทย์ทวี ตงั้ เสร ี รองอธิบดีกรมสุขภาพจติ คณะทำ�งาน8. นายแพทย์ประภัสสร เจียมบุญศร ี รองอธิบดกี รมพฒั นาการแพทย์ คณะท�ำ งาน แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก 9. แพทยห์ ญิงศิราภรณ์ สวัสดวิ ร สถาบันสุขภาพเดก็ แหง่ ชาตมิ หาราชินี คณะท�ำ งาน กรมการแพทย ์10. แพทยห์ ญงิ รตั โนทัย พลับรกู้ าร สถาบนั สขุ ภาพเดก็ แห่งชาตมิ หาราชนิ ี คณะท�ำ งาน กรมการแพทย์ 11. แพทยห์ ญงิ พรรณพมิ ล วปิ ุลากร สถาบนั ราชานุกลู กรมสุขภาพจติ คณะทำ�งาน12. แพทย์หญงิ ชดาพมิ พ์ เผ่าสวสั ดิ ์ สถาบันราชานกุ ูล กรมสุขภาพจิต คณะทำ�งาน13. นายแพทย์ทวีศิลป์ วษิ ณโุ ยธิน สถาบันสขุ ภาพจิตเด็กและวยั รุน่ คณะท�ำ งาน ราชนครนิ ทร์ กรมสุขภาพจติ 14. แพทย์หญิงวมิ ลรัตน์ วันเพ็ญ สถาบันสขุ ภาพจติ เด็กและวยั รุ่น คณะท�ำ งาน ราชนครินทรก์ รมสขุ ภาพจิต

15. นายแพทยป์ ราโมทย์ เสถยี รรัตน ์ สถาบนั การแพทย์แผนไทย คณะท�ำ งาน กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทย และการแพทย์ทางเลอื ก 16. นายแพทย์เทวญั ธานรี ัตน ์ สำ�นักการแพทย์ทางเลือก คณะท�ำ งาน กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลอื ก 17. นางวารณุ ี วชั รเสวี สถาบันสขุ ภาพเด็กแห่งชาตมิ หาราชินี คณะท�ำ งาน กรมการแพทย์ 18. นางสาวภัคนพนิ กิตตริ ักษนนท์ สำ�นักพฒั นาสขุ ภาพจิต คณะทำ�งาน กรมสุขภาพจติ 19. นางสาวสตรีรตั น์ รุจริ ะชาคร ส�ำ นักพฒั นาสขุ ภาพจิต คณะทำ�งาน กรมสุขภาพจติ 20. นางอัมพร จนั ทวิบูลย ์ กลมุ่ พฒั นาระบบบริหาร คณะท�ำ งาน กรมสขุ ภาพจิต 21. นางสไี พร พลอยทรัพย์ สำ�นักการแพทยท์ างเลอื ก คณะท�ำ งาน กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทย และการแพทยท์ างเลอื ก 22. นางนงรตั น์ จันที สถาบันสขุ ภาพเดก็ แห่งชาตมิ หาราชนิ ี คณะทำ�งาน กรมการแพทย์23. นางสาวบงั อร บุญรกั ษาสตั ย ์ กลุ่มพฒั นาระบบบริหาร คณะทำ�งาน กรมการแพทย ์ และเลขานุการ24. นางสาวปวีณา ธารสนธยา กลมุ่ พฒั นาระบบบรหิ าร คณะท�ำ งาน กรมการแพทย ์ และผเู้ ลขานุการ25. นายบรรพต ต่วนภูษา กลุม่ พฒั นาระบบบรหิ าร คณะท�ำ งาน กรมการแพทย์ และผเู้ ลขานกุ าร26. นายเจษฎา แสงชโู ต กล่มุ พัฒนาระบบบรหิ าร คณะทำ�งาน กรมการแพทย์ และผเู้ ลขานกุ าร

กลมุ่ ภารกจิ ดา้ นพฒั นาการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ กรมการแพทย์ กรมสขุ ภาพจติกรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทย และการแพทยท์ างเลอื ก






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook