Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 016-ศราวุธ-รายงาน

016-ศราวุธ-รายงาน

Published by popo sadboy, 2023-06-19 06:53:46

Description: 016-ศราวุธ-รายงาน

Search

Read the Text Version

รายงาน วชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ (รหสั วิชา 20001–2001) เรื่อง ความรู้เบือ้ งตน้ เกี่ยวกับอนิ เทอรเ์ น็ต จดั ทาโดย 1. นายศราวุธ ปลอ้ งมะณี รหสั ประจาตัวนักเรียน(65201040019) ระดบั ชนั้ ปวช.2/1 สาขาชา่ งไฟฟา้ กาลัง เสนอ อาจารยน์ จิ ยา อินทรป์ ระสิทธ์ิ รายงานนเี้ ป็นส่วนหนง่ึ ของรายวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (รหสั วชิ า 20001-2001) หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2566 วิทยาลยั เทคนิคทา่ หลวง จงั หวัดลพบรุ ี

รายงาน วชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชพี (รหสั วิชา 20001–2001) เรื่อง ความรู้เบือ้ งตน้ เกี่ยวกับอนิ เทอรเ์ น็ต จดั ทาโดย 1. นายศราวุธ ปลอ้ งมะณี รหสั ประจาตัวนักเรียน(65201040019) ระดบั ชนั้ ปวช.2/1 สาขาชา่ งไฟฟา้ กาลัง เสนอ อาจารยน์ จิ ยา อินทรป์ ระสิทธิ์ รายงานนเี้ ป็นส่วนหนง่ึ ของรายวิชา คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (รหสั วชิ า 20001-2001) หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี (ปวช.) ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2566 วิทยาลยั เทคนิคทา่ หลวง จงั หวัดลพบรุ ี

ก คำนำ รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหนึ่งของวชิ า (20001-2001) การวัดประเมินการเรียนรู้และคุณภาพของผู้เรียน โดยมีจุดมุ่งหมายหลักวิชา คือ เข้าใจหลักการและกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือ งานอาชีพการใช้ระบบปฏิบัติการ โปรแกรมสาเร็จรูปและอินเทอร์เน็ตเพื่องานอาชีพ สามารถใช้ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสาเร็จรูปและเทคโนโลยีสารสนเทศตามษณะงานอาชีพ มีคุณะรรม จรยิ ธรรมและความรบั ผดิ ชอบในการใช้คอมพิวเตอร์และสารสนเทศในงานอาชีพ ผู้จัดทาขอขอบคุณ อาจารย์นิจยา อินทร์ประสิทธ์ิ อาจารย์ประจาวิชาผู้ให้ความรู้และแนวทาง การศึกษา ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานเล่มนี้จะประโยชน์ให้แก่ผู้ศึกษาและการต่อยอดให้ผู้ท่ีสนใจ สามารถนาไปศึกษาตอ่ ไดใ้ นอนาคต ผู้จัดทา นายศราวธุ ปลอ้ งมะณี

ข สำรบัญ หนา้ 1 เร่ือง 2 อนิ เทอรเ์ น็ตเบ้ืองตน้ 3 ความหมายของอนิ เทอรเ์ น็ต 4 ความเปน็ มาของอนิ เทอร์เนต็ 5 อนิ เทอรเ์ นต็ ประเทศไทย 7 องคป์ ระกอบและการทางานของอินเทอร์เน็ต 9 อุปกรณ์เครือข่ายและเทคโนโลยบี นอนิ เทอรเ์ นต็ ประโยชนข์ องเทคโนโลยคี อมพิวเตอรแ์ ละอนิ เทอร์เนต็



1 บทที1่ อินเทอร์เน็ตเบ้ืองต้น ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศ (information technology : IT) มีบทบาทกับชีวิตประจาวัน เป็นอย่างมากท้ังทางตรง และ ทางอ้อม เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ สามารถนาไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ท้ังการติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล การจัดเก็บ หรือ ประมวลผล ข้อมูล เทคโนโลยีท่ีในปัจจุบันประกอบไปด้วย เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (computer technology) และ เทคโนโลยีท่ีเก่ียวข้องกับการส่ือสารและการโทรคมนาคม (communication technology) คอมพิวเตอร์ (computer) เป็นเครอ่ื งคานวณอิเล็กทรอนกิ สท์ สี่ ามารถประมวลผลขอ้ มลู ในรปู แบบ ของไฟลด์ จิ ิตอล สามารถ ประยุกต์ใช้งานเพื่อให้เกิดประโยชน์ไดห้ ลากหลาย ตามพจนานุกรมฉบบั บณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ไดน้ ิยาไว้ วา่ “คอมพิวเตอร์คือ เครื่องคานวณอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมตั ิ ทาหน้าท่ีเสมือนสมองกล ใชส้ าหรับแก้ปญั หา ต่าง ๆ ทั้งท่ีง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์” องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์จะประกอบไปด้วย ฮาร์ดแวร์ (hardware) หมายถึง ส่วนท่ีสามารถ จับต้องได้และเห็นเป็นรูปธรรม เช่น คีย์บอร์ด เมาส์หน้าจอ ลาโพง เป็นต้น ซอฟตแ์ วร์ (software) หมายถึง คาสั่งหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ซ่ึงรวมไปถึงระบบปฏบิ ัตกิ าร (operating system : OS) และ โปรแกรมประยุกต์ (application software) นอกจากนั้นองค์ประกอบของ คอมพิวเตอร์ยังรวมไปถึงบุคคล หรือบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และ ข้อมูลสารสนเทศ (data information) ทปี่ ้อนให้กบั อปุ กรณ์ คอมพวิ เตอรเ์ พื่อใช้สาหรับการประมวลผล การเช่อื มตอ่ คอมพวิ เตอร์มากกวา่ หนึ่งเครื่องขน้ึ ไป เพ่อื ให้สามารถติดต่อส่ือสารหรอื แลกเปลีย่ น ข้อมูลระหวา่ ง กันไดเรียกว่า เครือข่าย (network) ซึ่งวัตถุประสงค์ในการเช่ือมต่อมีหลากหลายหลาย เช่น เพื่อการ แลกเปล่ียนข้อมูล รวมไปถึงการแบ่งปัน หรือ ใชท้ รัพยากรร่วมกัน เป็นตน้ ทาให้เกิดประโยชน์ สูงสุดในการใช้ งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เช่น การแบ่งปันนข้อมูลพนักงานในบริษัท ข้อมูลการลงทะเบียน ของนักศึกษา แบ่งปันพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์หรือ การแชร์ปรินท์เตอร์เป็นต้น เครือข่ายสามารถเชื่อมต่อและ กาหนดค่าการ เชื่อมต่อได้ผ่านอุปกรณ์เครือข่าย ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย เช่น โมเด็ม (modem) อุปกรณ์จัดเส้นทาง (router) ฮับ (hub) หรือ สวิตซ์ (switches) เป็นต้น ภาพท่ี 1.2 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ การเชื่อมต่อเครือข่าย คอมพวิ เตอร์ภายในองค์กร หนว่ ยงาน เรียกว่า เครอื ขา่ ยระยะใกล้ (local area network : LAN) หรือเรียกส้ัน ๆ ว่า “แลน” ในปัจจุบันมีท้ังการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบใช้สาย (wire network) และ การเชื่อมต่อเครือข่าย แบบไร้สาย (wireless network) เช่น ไวไฟ (wifi) บลูทูธ (bluetooth) เป็นต้น การเชื่อมต่อเครือข่าย คอมพิวเตอร์ภายนอกองค์กร หรือ การเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการสัญญาณ อินเทอร์เน็ต (internet service provider : ISP) เรียกว่า เครือข่ายระยะไกล (wide area network : WAN) เช่น สัญญาณอินเทอร์เน็ตจาก เครือข่ายโทรศัพท์เครือข่ายใยแก้วนาแสง (fiber optic) การเช่ือมต่อ ผ่านดาวเทียว (satellite) เป็นต้น การ เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์มากกว่าหนึ่งเครื่องขึ้นไปนี้เรียกว่า เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network) และ เม่ือเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายขนาดใหญ่เพ่ือให้สามารถ ติดต่อสื่อสารแลกเปล่ียน ขอ้ มลู ระหวา่ งเครอื ขา่ ยไดใ้ นระดบั สากล เรียกว่า “อินเทอร์เน็ต”

2 ความหมายของอนิ เทอรเ์ นต็ อินเทอร์เน็ต (internet) หมายถึง เครือข่ายในระดับสากล เป็นช่องทางสาหรับการเช่ือมต่อ คอมพิวเตอรท์ ่ัวโลก การเชอื่ มต่อเครอื ขา่ ยหลาย ๆ เครอื ข่ายเกดิ เป็นโครงข่ายขนาดใหญท่ เ่ี รียกว่า เครอื ขา่ ยใย แมงมุม (world wide web : www) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “เว็บ” ประโยชน์ในการเชอื่ มต่อใช้ งานอินเทอร์เน็ต มีมากมายหลากหลาย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้เช่ือมต่อใช้งาน (user) เช่น แสวงหา ความรู้ดูรายละเอียด สินค้า เช็คอเี มล ทาธุรกรรมบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ชาระค่าบริการ หรือ เพ่ือความ บนั เทิงในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น ดูหนงั ฟังเพลง เล่นเกมส์ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารมลั ติมเี ดีย เป็นต้น ภาพท่ี 1.3 เครือข่ายใยแมงมุม ท่ีมา : (eccitsolutions.com, 2559) ในยุคที่อินเทอร์เน็ตกาลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นท่ีนิยม และ มีผู้เชื่อมต่อใช้ งานจานวนมาก อินเทอร์เน็ตจึงก่อให้เกิดโอกาส และ บริการใหม่ๆ มากมาย เช่น การทาธุรกรรมผ่าน อินเทอร์เน็ต พบปะ สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูล เป็นต้น นอกจากน้ีอินเทอร์เน็ตยังเป็นสื่อที่นาเสนอความ บันเทิงท่ีรองรับ ส่ือมัลติมีเดีย (multimedia) ใรรูปแบบต่าง ๆ จานวนมหาศาล ทาให้ผู้ใช้งานเข้าถึงส่ือ เหล่าน้ันได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และ สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา อินเทอร์เน็ตยังเป็นพื้นท่ีเพื่อให้ผู้ใช้งาน สามารถ ประชาสัมพนั ธน์ าเสนอสนิ ค้า และ บรกิ ารในรปู แบบที่นา่ สนใจ เข้าถงึ กลุ่มลกู คา้ ได้อย่างทั่วถงึ แมน่ ยา มกี ารกลา่ ววา่ “ธรุ กิจใดไมส่ นใจโลกอินเทอร์เนต็ ธรุ กจิ น้ันกาลงปฏิบัตเิ สธอนาคตของตวั เอง”

3 ความเป็นมาของอนิ เทอรเ์ นต็ หากจะกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้ว คงเร่ิมต้นจากแนวความคิดเร่ือง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีต้องการให้ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ต่างระบบปฏิบัติการสามารถทาการเช่ือมต่อ ติดต่อสื่อสาร หรือ แลกเปล่ียนข้อมูลระหว่างกันได้จากอดีตจนถึงปัจจุบันมีการพัฒนาท้ังเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีการสื่อสารและการโทรคมนาคม แนวคิดแรกเกิดข้ึนในช่วงปีค.ศ.1950 และ เร่ิม ปฏิบัติจริงในช่วง ค.ศ.1960 ในยุคสงคราม นิวเคลียร์หรือ สงครามเย็น ท่ีเกิดข้ึนระหว่างสหรัฐอเมริกากับ สหภาพโซเวียต รวมไปถึงการแข่งขัน ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ ทาให้เกิดการตื่นตัวท่ีจะพัฒนาทางด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรัฐบาล สหรัฐอเมริกา โดยกระทรวงกลาโหมได้ก่อตั้งหน่วยงานวิจัยช้ันสูงชื่อว่า “อาร์พาเน็ต” (Advance Research Projects Agency Network : ARPANET) มีการสนับสนุนทุนสาหรับ โครงการวิจัย และ ริเริ่ม โครงการเกี่ยวกับระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ทางการทหาร ดว้ ยความเช่ือม่ันว่า การ กระจายเครือข่ายโดย ไม่มีศูนย์กลาง สามารถหลีกเล่ียงความเสียหายจากการสู้รบ และ หากถูกโจมตีด้วย ระเบิดนิวเคลียร์ เครือข่ายคอมพิวเตอรย์ ังสามารถเช่ือมต่อกัน และ รับส่งข้อมูลระหวา่ งกันไดโ้ ดยไม่ถูกตดั ขาด ภาพที่ 1.4 เครือข่ายการส่ือสารทางทหาร ท่ีมา : (วศิน เพิ่มทรัพย์, 2548) การเช่ือมโยงเครือข่ายของอาร์ พาเน็ตคร้ังแรก เป็นการเช่ือมโยงกันระหว่างมหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนียกับสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ในช่วงปี ค.ศ.1969 และ ไดเ้ ตบิ โตข้ึนอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันได้มี การพฒั นาอย่างต่อเน่ืองจนกลายเปน็ จุดเด่นของระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยใช้รูปแบบโครงสร้างการ ตดิ ตอ่ ส่ือสารแบบ “ทีซีพี/ไอพี” (Transmission Control Protocol/Internet Protocol : TCP/IP) ซึ่ง เป็นมาตรฐาน ข้อตกลง กฎ หรือ ระเบียบ ท่ีทาให้คอมพิวเตอร์ สามารถเชื่อมต่อ แลกเปล่ียนข้อมูลระหว่าง กันได้นอกจากน้ีทีซีพี/ไอพียังเป็นมาตรฐานท่ีว่าด้วยการกาหนด วิธกี ารตดิ ตอ่ ส่ือสารระหวา่ งคอมพวิ เตอร์

4 อินเทอร์เน็ตเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์มากข้ึน ทาให้มีการขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตออกไปท่ัว โลก ก่อให้เกิดรูปแบบการให้บริการต่าง ๆ มากมาย ปัจจุบัน มีผู้ใช้งาน (user) คอมพิวเตอร์ผู้ร้องขอบริการ (client) และ ผู้ให้บริการ (server) ทาการเช่ือมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหลายพนั ล้านเครื่อง ดงั ภาพ ที่ 1.5 ท่ีแสดงถึงสถิติการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตของประชากรทั่วโลกในช่วงปีค.ศ.1993 - 2013 ในช่วงปีค.ศ. 1995 มผี ้เู ชอ่ื มต่อใชง้ านเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ตน้อยกวา่ 1% ของประชากรทว่ั โลก ปีค.ศ.1999 ถึง ค.ศ.2013 มี ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ือง จนในปีค.ศ.2005 มีผู้ใช้งาน อินเทอร์เน็ตทั่วโลกมากถึงหน่ึงพันล้าน คน และ เพ่ิมขึ้นเป็นสองพันล้านคนในปีค.ศ.2010 ในปัจจุบัน ประชากรทั่วโลกประมาณ 40% สามารถ เชอ่ื มตอ่ กบั เครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ประเทศไทยเริ่มเช่ือมโยงระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตต้ังแต่กลางปีพ.ศ. 2530 โดยมหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ได้ทาการส่งอิเล็กทรอนิกส์เมล์กับประเทศออสเตรเลีย ทาให้มีระบบ อิเล็กทรอนิกส์เมล์ท่ีทา การเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกในประเทศไทย (สารานุกรมไทย สาหรับเยาวชน, 2554) ในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2535 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เช่าสายวงจรเช่ือมต่อ กับเครือข่าย อินเทอร์เน็ตเป็นคร้ังแรก ช่วงระยะเวลาเดียวกันน้ีกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดยศูนย์เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติได้ดาเนินโครงการเช่ือมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระหว่าง มหาวิทยาลัยภายในประเทศ และได้พัฒนาก้าวหน้าขึ้นเป็นลาดับจนทาให้มีกลุ่มสถาบันการศึกษาสามารถ เชื่อมต่อเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ กลุ่มแรก ได้แก่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบนั เทคโนโลยีแห่งเอเชีย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และ ศูนย์เทคโนโลยี อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์และคอมพิวเตอร์แหงชาติ

5 ในปีพ.ศ.2535 เครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัยเชื่อมโยงกันโดยมีศูนย์กลาง คือ ศูนย์เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติและ โดยใช้ชื่อเครือข่ายน้ีว่า “เครือข่ายไทยสาร” (THAI Social / Scientific, Academic and Research Network : THAISARN) ทาหน้าท่ีในการเช่ือมโยงภายในเครือข่าย คอมพิวเตอร์ภายในประเทศ ทาให้ทุกเครือข่ายย่อยสามารถเชื่อมโยงเป็นอินเทอร์เน็ตในระดับสากลได้ สัญญาณอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ สัญญาณ อินเทอร์เน็ตเชิง พาณิชย์ หรือ ผู้ให้บริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISP) สาหรับบริษัทท่ีเปิด ใหบ้ ริการเช่าสายสัญญาณเพื่อให้ผูใ้ ชง้ านเชื่อมต่อเครือขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ โดยท่วั ไป เช่น True TOT 3BB เปน็ ตน้ และ สัญญาณอินเทอร์เน็ตเพ่ือการศึกษาและการวิจัย เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการ จัดการศึกษาและการวิจัย ของประเทศ ระบบเป็นเครือข่ายแบบกระจายและทาการเชื่อมต่อโครงข่ายทั่ว ประเทศโดยใช้ใยแก้วนาแสง (fiber optic) ซ่ึงหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการศึกษาสามารถขอใช้บริการได้ฟรี ทั่วประเทศ โดยหน่วยงานที่ ผู้ รั บ ผิ ด ช อ บ คื อ ส า นั ก ง า น บ ริ ห า ร เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ เ พ่ื อ ก า ร ศึ ก ษ า ห รื อ UniNet (http://www.uni.net.th/) องค์ประกอบและการทางานของอินเทอร์เน็ต รูปแบบการทางานของอินเทอร์เน็ตประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ ดังน้ี 1. ผู้ร้องขอบริการ (Client) คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใชง้ าน หรือ เครื่องผู้ร้องขอบรกิ ารที่ มี อยู่บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซึ่งไม่จาเป็นต้องเป็นคอมพิวเตอร์เสมอไป อาจจะอยู่ในรูปแบบของแท็บเล็ต (tablet) สมาร์ทโฟน (smartphone) หรือ โน้ตบุ๊ก (notebook) ที่ทาการเช่ือมต่อระบบเครือข่าย และ ร้อง ขอข้อมูล หรือ บริการตา่ ง ๆ บนเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต ผ่านมาตรฐาน ข้อตกลง ข้อกาหนด หรือกฏ ระเบียบที่ ใช้ในการส่ือสารระหว่างเครื่องผู้ร้องขอบริการกับเคร่ืองผู้ให้บริการ เช่น เว็บไซต์ (website) อีเมล (email) การถ่ายโอนไฟล์ (file transfer) ฐานข้อมูล (database) โปรแกรมประยุกต์ (application) มัลติมีเดีย (multimedia) หรือ ไฟล์เอกสาร (document) เป็นต้น 2. ผู้ให้บริการ (Server) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ ข่ายท่ีเปิดให้บริการต่าง ๆ บนเครือข่าย อินเทอร์เน็ตเพ่ือรองรับการร้องขอจากผู้ร้องขอบริการ รูปแบบการ ให้บริการมีอยู่หลากหลาย เช่น web server, mail server, file server, database server, multimedia server หรือ application server เป็นต้น 3. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network) เป็นรูปแบบ เครือข่ายที่เช่ือมโยงระหว่างผู้ร้อง ขอบริการและผู้ให้บริการ รูปแบบของเครือข่าย หรือ การเช่ือมต่อมีอยู่ หลากหลาย มีทั้งที่เป็นการเชื่อมต่อ เครือข่ายแบบใช้สายและการเช่ือมตอ่ เครือข่ายแบบไร้สาย เช่น สัญญาณ ไวไฟ เครือขา่ ยโทรศัพทเ์ คล่อื นที่ หรือ การเชือ่ มตอ่ เครือข่ายภายในโดยใชส้ ายแลน เปน็ ต้น

6 การทางานของอินเทอร์เน็ตเร่ิมต้นจากผู้ใช้งานทาการเชื่อมต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์กับเครือข่าย อินเทอร์เน็ต เครื่องที่ร้องขอบริการอาจจะอยู่ในรูปแบบบของโน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ผู้ใช้งาน สามารถร้องขอบริการต่าง ๆ จากผู้ให้บริการที่มีอยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านโปรแกรม ประยุกต์เช่น โปรแกรมประยุกต์ที่อยู่ในกลุ่มของเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) เช่น Internet Explorer, Mozilla Firefox, Google Chrome เป็นต้น ใช้สาหรับเข้าถึงบริการในรูปแบบของเว็บไซต์ผู้ใช้งานจะต้องร้องขอ (request) ข้อมูล หรือ บริการไปยังเคร่ืองผู้ให้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยใช้ที่อยู่ (address) ของ เครื่องผู้ให้บริการในการอ้างอิงตาแหน่ง เช่น การระบุหมายเลขประจาเคร่ือง (IP address) หรือ ชื่อของ เว็บไซต์ (domain name) เป็นต้น ภาพที่ 1.6 องค์ประกอบของอินเทอร์เน็ต เม่ือมีการร้องขอบริการผู้ ให้บริการจะทาการค้นหาไฟล์เอกสารที่ผู้ร้องขอบริการตอ้ งการ หากค้นหา วา่ มีไฟล์เอกสารนั้นอยู่ ผู้ให้บริการ จะตอบสนองบริการโดยการส่งเอกสารท่ีผู้ใช้งานต้องการนั้นกลับไปยัง ผู้ร้องขอบริการ (respond) ผ่าน เครือข่ายอินเทอร์เน็ต หลังจากที่ผู้ร้องขอบริการได้รับไฟล์เอกสารท่ีเครื่อง ผู้ให้บริการส่งกลับมา เว็บ เบราว์เซอร์จะทาการแปลรหัส หรือ โค๊ดคาส่ัง ให้อยู่ในรูปแบบท่ีสามารถส่ือสาร ผู้ใช้งานได้เช่น หน้าเว็บเพจ รปู ภาพ ข้อความ เพลง วีดีโอหรือหนงั เป็นตน้ ความเร็วในการับส่งข้อมลู จากเคร่ืองผู้ร้องขอบรกิ ารกับเคร่ืองผู้ ให้บริการ ขึ้นอยู่กับความเร็วในการ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และ ขนาดของไฟล์เอกสารท่ีเครื่องผู้ให้บริการ ส่งกลับมา หน่วยท่ีใชใ้ นการวดั ความเร็วในการรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต คือ “บิตตอ่ วนิ าที” (bits per second : bps) เช่น อินเทอร์เน็ต 10Mbps หมายถึง ใน 1 วินาทีสามารถรับส่งข้อมูลได้จานวน 10,000,000 บิต ซ่ึงตัวเลข หรือ ตัวอักษรหนึ่งตัวจะเท่ากับ 1 ไบต์ (byte : B) โดยประกอบไปด้วยจานวนบิต ทั้งหมด 8 บติ เป็นต้น

7 อุปกรณ์เครือข่ายและเทคโนโลยีบนอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ท่ีใช้สาหรับเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมี ให้เลือกหลากหลาย ขึ้นอยู่กับขนาดของ เครือข่าย ความเร็วท่ีต้องการ และ รูปแบบการบริการภายใน เครือข่าย เช่น ต้องการเครือข่ายที่รองรับ จานวนลูกข่ายภายในเครือข่ายมากน้อยเพียงใด ความเร็วเท่าใด ตอ้ งการระบบภายในอะไรบ้างเพ่ือให้ รองรับการทางานของบคุ ลากรในองค์กร หรือ หน่วยงานนั้น ๆ ในหัวข้อ นี้ขอยกตัวอย่างอุปกรณ์เครือข่ายท่ี จาเป็นภายในบ้าน หรือ สานักงานขนาดเล็ก ให้นักศึกษาได้ศึกษาการ ทางานของอุปกรณเ์ ครือข่ายดังน้ี 1. โมเด็ม (modulate and demodulate : modem) ทาหน้าท่ีในการแปลงสัญญาณ อนาล็อก (analog signals) จากสายสัญญาณโทรศัพท์ให้กลายเป็นสัญญาณดจิ ิตอล (digital signals) เพ่ือให้สามารถใช้ งานในระบบประมวลผลข้อมูลของคอมพิวเตอร์ได้และ แปลงสัญญาณดิจิตอลจาก เครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็น สญั ญาณอนาล็อกเพอ่ื สง่ ไปบนคู่สายโทรศัพทเ์ พ่ือรอ้ งขอบริการจากผใู้ หบ้ รกิ าร ผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต 2. อปุ กรณ์จัดเส้นทาง (router) เป็นอปุ กรณ์ท่ีทา หน้าท่ีเชื่อมต่อเครือข่าย หรือ เลือกชอ่ งทางในการ ส่งผ่าน ข้อมูลที่ดีที่สุดในการเชื่อมต่อเครือข่าย ทาให้สามารถเช่ือมต่อ คอมพิวเตอร์ได้มากกว่าหน่ึงแครือข่าย ในเวลาเดียวกัน ใน ปัจจุบันอุปกรณ์จัดเส้นทางอาจถูกติดตั้งโมเด็ม อุปกรณ์รวม สายและ อุปกรณ์ปล่อย สัญญาณไร้สายมาด้วยในตวั เพือ่ ใหใ้ ช้ งานได้งา่ ยและสะดวกในการตดิ ต้ังอุปกรณ์ 3. การ์ดแลน (LAN card) หรือ อินเทอร์เน็ตการ์ด เป็นอุปกรณ์ท่ีทาหน้าท่ีในการรับส่งข้อมูลจาก เคร่ือง คอมพิวเตอร์จากเคร่ืองหน่ึงไปยังอีกเคร่ืองหนึ่ง หรือ เชื่อม ต่อไปยังอุปกรณ์รวมสาย ผ่านสายสัญญาณ ทใี่ ชส้ าหรบั เช่ือมต่อเครอื ข่าย ซ่ึงอาจติดต้ังมากับเมนบอร์ดของเคร่ือง คอมพวิ เตอรเ์ รียกว่า การ์ดแลนแบบออ นบอร์ด หรือ ติดต้ัง ภายนอก ซึ่งความเร็วในการเช่ือมต่อมีหลาหลาย เช่น 1000 Mbps ที่เรียกกันว่า กิกะบิต แลน (Gigabit LAN) 4. การ์ดไร้สาย (wireless card) เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าท่ีในการรับส่งข้อมูลจากเคร่ือง คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเคร่ืองหนึ่งในระบบเครือข่ายโดยใช้สัญญาณวิทยุซ่งึ เป็นการเชอื่ มตอ่ เครือข่าย แบบไร้สาย ทาให้ติดต้ังใช้งานได้ง่าย สะดวกต่อการเคล่ือนย้าย และ ใช้งาน แต่มีข้อจากัดเรื่อง ระยะทางใน การเชื่อมต่อ ซ่ึงจะต้องไม่อยู่ไกลจากอุปกรณ์ปล่อยสัญญาณไร้สายมากเกินไป เหมาะสาหรับ การรับส่งข้อมูล หรือ ใชง้ านไม่หนกั มากเกินไป เชน่ เวบ็ ไซต์เช็คอเี มล โซเชียลเน็ตเวิรค์ เป็นต้น โดยท่วั ไป การด์ ไรส้ ายจะติดต้ัง มากบั อปุ กรณ์เคล่ือนทอี่ ยแู่ ลว้ 5. สายยูทีพี (Unshield Twisted Pair : UTP) เป็นสายสัญญาณท่ีหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ เชื่อมต่อเครือข่ายระยใกล้หรือ ที่เรียกว่า “สายแลน” ซ่ึงการ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครือข่าย สายสัญญาณ จะต้องประกอบไป ด้วยสายยทู ีพแี ละ หัวท่ใี ชใ้ นการเชอื่ มต่อกับอปุ กรณ์ เครอื ขา่ ย ท่เี รียกวา่ “หัว RJ45”

8 6. ฮับ (hub) หรือ สวิตซ์ (switches) ทาหน้าท่ีเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ภายใน เครือข่าย หรือ เป็นอุปกรณ์รวมสาย และ กระจายสัญญาณข้อมูลไปยังเคร่ืองคอมพิวเตอร์ทั้งหมดภายใน เครือข่าย เพ่ือให้คอมพวิ เตอรส์ ามารถตดิ ต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนขอ้ มูลระหว่างกันได้สวิตซ์สามารถรับส่ง ข้อมูล ได้หลายเครื่องพร้อมกัน แต่ฮับจะส่งข้อมูลได้ทีละเครื่อง อุปกรณ์ทั้งสองจะมีหลายช่องสัญญาณ หรือ พอร์ท ผู้ใชง้ านจะตอ้ งเลอื กใชต้ ามจานวนลกู ขา่ ยทม่ี อี ยใู่ นเครอื ข่ายของผใู้ ช้งานเอง 7. อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณไร้สาย (wireless access point : wap) หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า “AP” เป็น อปุ กรณ์ท่ีทาหนา้ ที่ปล่อยสญั ญาณที่ใช้สาหรับ เช่อื มต่อเครอื ขา่ ยโดยใชค้ ลน่ื วิทยุการเชือ่ มต่อจะตอ้ ง ใชอ้ ุปกรณ์ เชื่อมต่อแบบไร้สาย เพื่อให้สามารถเช่ือมต่อ กับเครือข่าย ซ่ึงอาจถูกติดตั้งมากับอุปกรณ์จัดเส้นทาง หรือ สามารถติดต้ังภายนอก การเช่ือมต่ออินเทอร์เน็ต การติดต่อส่ือสารแลกเปลี่ยนข้อมูลจะต้องใช้มาตรฐานที่ว่าด้วยการกาหนดระเบียบ วิธีการในการ ติดต่อส่ือสารระหว่างคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นระเบียบวิธีการสื่อสารที่เป็นมาตรฐานในระดับสากล เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) โดยโพรโทคอลท่ีเป็นมาตรฐานหลักสาหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คือ ทีซี พี/ไอพี (Transmission Control Protocol/Internet Protocol : TCP/IP) ซึ่งอุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ท่เี ชอ่ื มตอ่ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะต้องมีหมายเลขประจาเครื่อง หรือ หมายเลขไอพีแอดเดรส สาหรับอ้างอิงในการ ตดิ ต่อสอื่ สารระหว่างเคร่อื งคอมพิวเตอรแ์ ละ อุปกรณ์อน่ื ๆ ภายในเครอื ขา่ ย ภายในเครือข่ายหมายเลขไอพีแอดเดรสของทุก ๆ อุปกรณ์ที่เช่ือมตอ่ กับระบบเครือข่าย คอมพวิ เตอร์ จะต้องเป็นหมายเลขที่ไมํ่ซ้ากันภายในเครือข่าย หรือ หากเป็นผู้ให้บริการในระดับสากล หมายเลขประจา เคร่ืองท่ีใช้สาหรับการอ้างอิงตาแหน่งจะต้องไมํ่ซ้ากันทั่วโลก ในการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงใน ปัจจุบัน ผู้ใช้งานจะต้องทาการเช่าสายสัญญาณจาก ผู้ให้บริการ (Internet Service Provider : ISP) และ จะต้องติดต้ังสายสัญญาณโทรศัพท์จากชุมสาย โทรศัพท์ที่ใกล้กับท่ีพักอาศัย กล่าวง่าย ๆ คือ ISP ทาหน้าท่ี เชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานกับเครือข่ายในระดับ สากล ทาให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ บนเครือข่าย อนิ เทอร์เน็ตได้ เช่น นักศึกษาสามารถดผู ลการเรียน ข้อมูลการลงทะเบียน ตารางเรียน โดยการเช่ือมต่อไปยัง เครื่องผู้ให้บริการของมหาวิทยาลัยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ นักศึกษาสามารถติดต่อกับอาจารย์ ผู้สอน พดู คยุ สนทนากับเพ่อื นท้ังท่อี ยใู่ นหรอื ตา่ งประเทศผา่ นผูใ้ ห้บรกิ ารดา้ นการติดต่อส่อื สาร เปน็ ต้น

9 ประโยชน์ของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีในปัจจุบันทาให้สามารถเข้าถึง ข้อมูล หรือ บริการต่าง ๆ ท่ัวโลกได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว หากรวมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีการ ส่ือสารการโทรคมนาคมในปัจจุบัน และ นาไปใช้งาน ในทางสร้างสรรค์อินเทอร์เน็ตจะเป็นช่องทางและเป็น ประโยชน์อยา่ งมหาศาลในหลาย ๆ ด้าน เชน่ 1. ด้านการติดต่อส่ือสาร อินเทอร์เน็ตทาให้ผู้ใช้งานท่ัวโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ ปราศจากข้อจากัดเดิม ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีรูปแบบการให้บริการด้านการติดต่อสื่อสารมากมาย เช่น อเี มล การรับส่งขอ้ ความ การสนทนาออนไลนเ์ ครือขา่ ยสังคมออนไลนห์ รอื โซเชียลมเี ดีย เปน็ ตน้ เทคโนโลยีการสื่อสารและการโทรคมนาคมในปัจจุบันทาให้อินเทอร์เน็ตมีความเร็วในการ ติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเคร่ืองคอมพิวเตอร์เพ่ิมขี้น ทาให้รองรับการรับส่งข้อมูลที่ หลากหลาย และ มีปริมาณมาก สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลสื่อมัลติมีเดียได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว รองรับการ สนทนาแบบ เวลาจริง (real time) สามารถสนทนาแบบเห็นหน้ากันในขณะน้ัน รองรับการประชุมทางไกล (teleconference) เปน็ ตน้ ซึ่งลดข้อจากัดทางด้านเวลา หรือ ระยะทางได้ การติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต ในปัจจุบันไม่ได้ข้ึนอยู่กับเคร่ืองคอมพิวเตอร์เสมอไป ผู้ใช้งานอาจ เข้าถึงการให้บริการต่าง ๆ บนเครือข่าย อินเทอร์เน็ตโดยใช้อุปกรณ์เคล่ือนที่ เช่น แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน เป็นต้น ทาให้ง่ายต่อการใช้งาน มีขนาดเล็ก พกพาไดง้ ่าย และ ยังสามารถใช้งานได้ทกุ ทที่ ุกเวลา 2. ด้านการศึกษา อินเทอร์เน็ตสามารถประยุกต์ใช้ทางด้านการศึกษา เพ่ืออานวยความสะดวกใน หลาย ๆ ด้าน เชน่ การบริหารการศกึ ษา การลงทะเบียนออนไลน์ตารางเรียนผ่านเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ ระบบ รายงานผลการเรียน เป็นต้น อินเทอร์เน็ตรองรับสื่อมัลติมีเดียท่ีหลากหลายรูปแบบทาให้สามารถ ประยุกต์ใช้ งานทางด้านการศึกษาได้มาก เช่น บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทา ให้ผู้เรียน สามารถเข้าเรียนเนื้อหา ทบทวน ฝึกปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการถ่ายทอดการเรียนการ สอนผ่าน เครือข่ายอินเทอร์เน็ต รองรับการศึกษาทางไกล รวมไปถึงกิจกรรมการเข้ากลุ่มสนทนาเนื้อหาการ เรียนการ สอน ทาให้เกดิ การเรียนรูอ้ ย่างสรา้ งสรรค์กับผเู้ รยี น ลดความเหลอ่ื มํล้าในสงั สังคม เปน็ ตน้ นอกจากน้ันอินเทอร์เน็ตยังเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าที่รวมรวบองค์ความรู้สาหรับผู้เรียน หรือ ผู้ใช้งาน ท่ัวไป ซ่ึงรองรับสื่อหลากหลายประเภท หลากหลายภาษา ส่งเสริมให้เกิดทักษะในการคิด วิเคราะห์ และ เกิด การเรียนรูจ้ ากแหล่งสบื คน้ ข้อมูลทม่ี ปี ระสิทธิภาพ

10 เครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตยังเป็นช่องทางใหผ้ ู้ใช้งานสามารถเข้าถึงผู้เชย่ี วชาญ เพ่ือขอคาแนะนาคาปรึกษา จากผู้ที่มีความรู้ในด้านท่ีผู้ใช้งานสนใจได้อย่างอิสระ ทวาให้เกิดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกันโดยไม่ จาเป็นต้อง อยู่แค่ในห้องเรียน ทาให้การเรียนรู้เปิดกว้างมากย่ิงข้ึน ในปัจจุบันมีเครือข่ายที่เก่ียวข้องกับ การศึกษา เพื่อ ถ่ายทอดความรู้เป็นแหล่งสืบค้นสารานุกรม หรือ ข้อมูลสาหรับอ้างอิงทางด้านการศึกษามากมาย เช่น เครือข่ายไทยสาร เครือข่ายคอมพิวเตอร์กาญจนาภิเษก เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพ่ือโรงเรียน ไทย เว็บบอร์ด หรือ แฟนเพจกล่มุ ทเี่ กีย่ วข้องกับการแลกเปลยี่ นความรบู้ นโซเชยี ลเน็ตเวิร์ค เป็นต้น 3. ดา้ นเศรษฐกิจ อินเทอรเ์ น็ตกอ่ ใหเ้ กิดรูปแบบการประกอบธุรกิจที่แตกต่างไปจากเดิม เจ้าของธุรกจิ ในปจั จุบนั ไม่จาเป็นต้องมีหน้าร้าน หรือ สต็อกสินค้าขนาดใหญ่แคม่ ีสินค้า หรือ บริการ เจ้าของธุรกิจ สามารถ ประชาสัมพันธ์สินค้า และ บริการของตัวเองได้ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) หรือ ผ่าน เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กาลังเป็นท่ีนิยมในปัจจุบัน ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างสะดวก เช่น สามารถเปรียบเทียบคุณสมบัติของ สินค้า เปรียบเทียบราคา สั่งสินค้า ชาระค่าบริการบนอินเทอร์เน็ตท่ี สะดวก และ ปลอดภัยมากข้ึน ทาให้ เจ้าของธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้โดยตรง และ ผู้บริโภค สามารถเข้าถึงสินค้าที่ตัวเองสนใจซึ่ง ไม่ได้จากัดแค่ภายในประเทศเท่านั้น ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลดีตอ่ ระบบเศรษฐกจิ ภายในประเทศ ทาให้เกิดเมด็ เงินหมนุ เวยี นภายในประเทศจานวนมหาศาล 4. ดา้ นสังคม อินเทอร์เน็ตก่อให้เกิดรูปแบบการใช้ชีวิตในสังคมแบบใหม่ ทาให้ลดความเหล่ือมํล้า ลด ช่องว่างระหว่างคนในสังคม และ ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่มีการแบ่งแยกเช้ือชาติ ศาสนา ฐานะ สามารถช่วยผู้ด้อยโอกาสทางสังคมให้สามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้อย่างทัดเทียม ปัจจุบันไดม้ ีการ พัฒนาเว็บไซต์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า “Web Accessibility” เพ่ือให้รองรับการ เข้าใช้งานของผู้ที มีความบกพร่องทางดา้ นร่างกาย ทีเ่ ป็นอุปสรรคตอ่ การเข้าถึงขอ้ มลู สนิ คา้ หรือบรกิ าร เชน่ ผ้บู กพร่องทางดา้ น สายตา ทางหูผู้สูงอายุ เป็นต้น เป็นเว็บไซต์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม โดยพัฒนาอ้างอิงตา มาตรฐานขององค์กร w3c (World Wide Web Consortium) ซง่ึ ไดม้ กี ารวางหลัก ในการออกแบบเมอ่ื ปีพ.ศ. 2548 โดยใชช้ อ่ื ว่า WCAG 2.0 (Web Content Accessibility Guidelines 2.0) เพอื่ ลดอปุ สรรคทางด้าความ บกพร่องของร่างกายในการเขา้ ถงึ ข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่าย อินเทอรเ์ นต็ 5. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ปจั จุบันมกี ารประยกุ ต์ใชเ้ ครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ตทางด้าน การแพทย์ เบ้อื งตน้ การใหร้ ายละเอยี ดเกีย่ วกับยาและวธิ กี ารรกั ษา ประวตั กิ ารรกั ษา เป็นต้น นอกจากนั้น ยังเป็นช่องทาง ในการศึกษา และ วิจัยทางการแพทย์ โดยปัจจุบันมีระบบการแพทย์ทางไกล (telemedicine) เพื่อใช้ในการ สนับสนุนและแลกเปล่ียนข้อมูลการรักษาของผู้ป่วย โดยการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ร่วมกับ เทคโนโลยีทางด้านการส่ือสารและการโทรคมนาคมในปัจจุบันที่ทันสมัย บุคลากรทางการแพทย์สามารถ แลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อประสิทธิภาพทางด้านการรักษาคนไข้ที่ดีมาก ยิ่งข้ึน และ ยังลดปัญหาการขาด แคลนบุคลากรทางการแพทยอ์ ีกดว้ ย

11 บรรณานุกรม http://www.academy.rbru.ac.th/uploadfiles/books/1-2016-11-24-11-51- 58.pdf สบื ค้น 19 มถิ ุนายน 2566


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook