ศาสนาน่ารู้หนา้ ทพ่ี ลเมอื งและศลี ธรรม รหสั วชิ า 2000-1501
ใบความรู้ หน่วยที่ 1 ศาสนาน่ารู้ความหมายของศาสนา (จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อ 1) ในโลกของเรา หากจะกล่าวถึงส่ิงที่ดารงอยู่คู่กับมนุษย์เรื่อยมาอย่างมั่นคงและมีพัฒนาการแล้ว คงสามารถกล่าวถึงได้เพียงไม่กี่อย่าง เช่น ภาษา การแต่งกาย ดนตรี เป็นต้น เพราะสิ่งอ่ืนๆนอกเหนือจากที่ยกตัวอย่างข้างตน้ ล้วนมีอายุขัย การสิ้นสุดลงไปเป็นธรรมดาตาม “สังสารวัฏ” แต่กย็ ังมีอีกส่งิ หนึ่งที่ดาเนินมาอยดู่ ้วยเช่นกนั นั่นคือ “ศาสนา” ประเภทของกลุม่ คนแต่ละกลุ่มทม่ี คี วามเชื่อ ความศรทั ธาและแนวทางปฏิบัติทค่ี ล้ายคลงึ กัน เห็นทิศทางการดาเนินชวี ิตไปในแนวทางเดยี วกัน แต่หากจะใหแ้ ปลตรงตัวตามความหมายของพจนานุกรมแล้วนั้น “ศาสนา” หมายถึง ลัทธิความเช่ือถือของมนุษย์อนั มีหลัก คือ แสดงกาเนิดและความสน้ิ สดุ ของโลก เป็นตน้ อนั เป็นไปในฝ่ายปรมัตถ์ประการหนึ่ง แสดงหลักธรรมเกย่ี วกับบุญ บาป อันเป็นไปในฝ่ายศีลธรรมประการหน่ึงพร้อมทั้งลัทธิพิธีท่ีกระทาตามความเห็นหรือตามคาส่ังสอนในความเชื่อถือนนั้ ๆ (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2542)พฒั นาการของศาสนา (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมข้อ 2) มีความเช่ือว่าศาสนานั้นเกิดมาจากความต้องการเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ นับแต่อดีตมนุษย์จะสงสัยว่าสิ่งต่างๆเกิดข้ึนมาได้อย่างไร ทาไมต้องเกิดข้ึน จะเปล่ียนแปลงได้หรือไม่ เปลี่ยนแปลงแล้วจะเกิดผลอะไรต่อมาอีก จนนามาสู่การค้นหาแนวทางต่างๆเพื่อตอบปัญหาเหล่านี้ จนนามาเป็นความเช่ือและเลื่อมใสตัวอย่างเช่นศาสนาพุทธ เกดิ จากเจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นความทุกข์ จึงทรงหาแนวทางให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ด้วยวิธกี ารตา่ งๆ จนทรงค้นพบอริยสัจ 4 ด้วยวิธีท่ี เป็นการฝกึ จติ ดว้ ยสติจนถึงซึ่งความรู้แจ้ง ในสรรพส่ิงและความดับความทุกข์ ทรงตรัสร้เู ป็นพระสัมมาสัมพุทธเจา้ ดับสิ้นซึ่งกิเลส ทรงสอนให้มนุษย์ ให้ทาบุญ รักษาศีล และภาวนา เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการพ้นทุกข์ของมหาชน อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาในปัจจุบันคาอธิบายของการเกิดข้นึ และพฒั นาการของศาสนา สามารถแบ่งได้เป็นสก่ี ลุม่ 1. ศาสนาเปน็ ส่ิงที่มนุษย์สรา้ งขึ้นจากความกลวั ในธรรมชาตทิ ต่ี นเองไม่รู้ จนตอ้ งวงิ วอนและรอ้ งขอในสิง่ ท่ี อยากได้ 2. ศาสนาเกิดจากความไม่รู้สงสัย ในอภิปรชั ญาว่าโลกและเกดิ ข้ึนมาไดอ้ ยา่ งไร จะเปน็ เชน่ ไรต่อไป 3. ศาสนาเกดิ จากความต้องการที่จะสร้างความเช่ือข้ึนมา เพือ่ ช่วยควบคุมความประพฤติของคนในสังคม ให้สงั คมสงบสุข 4. ศาสนาเกิดจากความต้องการทจี่ ะพ้นจากความทกุ ข์
องค์ประกอบของศาสนา
สาระนา่ รู้เก่ยี วกบั สญั ลักษณท์ างศาสนา วงล้อแห่งชีวิต หรือ ธรรมจักร ในศาสนาพุทธและฮินดู เป็นสัญลักษณ์แทน วัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด หรือวงเวียนแห่งการ ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของพระพุทธองค์ ลักษณะของ ธรรมจักรดง้ั เดิมมีสองรูปแบบ คอื มี หกซี่ หรือบางครงั้ ห้าซี่ และรูปแบบ ที่กาเนิดในพุทธศาสนาคอื แปดซ่ี สอดคลอ้ งกบั มรรคแปด หรอื รูปพระ หัตถ์ สัญลักษณ์คันด้า เป็นเคร่ืองหมายเกียรติยศของชาวซิกข์ สัญลักษณ์นี้ประกอบด้วยกีรปานสองด้าม (ดาบของชาวซิกข์) คันด้าหน่ึง อัน(ดาบลักษณะสองคม) และวงจักรหรือห่วงกลมภายในหนง่ึ อัน ชาวซกิ ข์ ได้ยอมรับเคร่ืองหมายน้ีเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศแห่งศาสนาของตน ดาบท้ังสองด้ามแสดงถึงความมีอานาจอธิปไตยท้ังทางโลกและทางธรรม อย่างสมบูรณ์ วงจักรแสดงถึงความเป็นอมตะหนึ่งเดียวของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสร้างและให้กาเนิดทุกสรรพส่ิง ดาบสองคมแสดงถึงความ เป็นผู้ริเรม่ิ อกั ขระ โอม เกิดจากการเรียกพระนามของพระตรีมรู ตทิ งั้ 3 รวมกนั เป็นคาเดียว ซึ่งแยกไดด้ ังน้ี อะ - มาจากเสยี งสุดทา้ ยของคาว่า พระศิวะ (อะ) อุ - มาจากเสียงสุดทา้ ยของคาวา่ พระวิษณุ (อุ) มะ - มาจากเสยี งสุดท้ายของคาวา่ พระพรหมมะ (มะ) มีแมท่ ัพอยู่คนหนง่ึ ใหต้ ัวอกั ษรภาษาอฺรบั วา่ \" \" ن อกั ษรนนู ซงึ่ หมายถงึ รศั มี คาเต็มคอื \" \" نورอา่ นวา่ นรู ,ฺ โดยถือเป็นคา ยอ่ ของ \" \" نوراللهอ่านวา่ นรู ลุ ลอฮ์ แปลวา่ รัศมีของอลั ลอฮ์, ภายหลังที่ ใชต้ ัวอักษรอาหรับว่า \" \" نภายหลงั จากนน้ั มสุ ลิมหลายคนพากนั พจิ ารณาคาวา่ \" \" نซง่ึ เสน้ โคง้ ของตวั อกั ษร \"นนู \"คลา้ ยกับจนั ทรเ์ สยี้ ว และจุดทอ่ี ยตู่ รงกลางคลา้ ยกบั ดวงดาว มสุ ลิมในร่นุ หลังๆ กอ็ อกแบบจาก ตัวอกั ษรนูนให้กลายมาเป็นดวงดาวท่ถี กู วางไวช้ ว่ งสว่ นโคง้ ของจนั ทรเ์ สีย้ ว ตราบจนปจั จุบันน้ี
ไม้กางเขน เป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่คริสเตียน ทั่วโลกให้ ความสาคัญเปน็ อยา่ งมาก และเปน็ เหมือนสัญลกั ษณ์สาคัญ ทางศาสนา คริสต์อีกด้วย กางเขนเป็น สิ่งหนึ่งที่เป็น ความทรงจา เป็นตัวแทนความ ทรงจาอันยิ่งใหญ่ ของมนุษยชาติ ถึงการตายขององค์พระเยซู ท่ีตายไถ่ โทษความผิดบาป ใหแ้ กม่ นษุ ย์ทกุ คนบนโลกใบนี้ประเภทของศาสนา (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมขอ้ 3) ศาสนาหลักๆ ที่มอี ยู่ถ้ามองตามเปา้ หมายในเร่ืององค์สูงสดุ จะแบง่ ได้เปน็ 2 กล่มุ หลักๆคือ 1) ศาสนาที่ยึดถือองคส์ ูงสุดเป็นเปา้ หมาย (เทวนยิ ม) 2) ศาสนาที่ไมย่ ึดถอื องค์สงู สุดเป็นเปา้ หมาย (อเทวนิยม) ทง้ั สองกลุ่มมีความเชื่อที่ไม่เหมอื นกันคือกลมุ่ แรกยอมรับวา่ องคส์ ูงสุดมีอยู่จริง เช่นศาสนาคริสต์และอิสลามเรยี กองค์สูงสุดว่าพระเจ้า ผู้นับถือมเี ป้าหมายเพอ่ื การเขา้ ไปรวมอยู่ในอาณาจกั รของพระเจ้า สว่ นกลุ่มหลังเช่นศาสนาพุทธเป็นศาสนาท่ีไม่ยอมรับการมีอยู่ของพระเจ้าหรอื องค์สูงสุด แตเ่ ชอื่ ในการมอี ยขู่ องเทพเจ้า(เหลา่ พรหมา)ซง่ึ เป็นเทวดาชั้นสูงสุดเรยี กว่าพรหม แต่ตา่ งกันตรงที่ผู้ทีน่ ับถอื ศาสนาศาสนาพุทธไมม่ ีเป้าหมายเพ่ือการไปรวมอยู่กับพรหม แต่สามารถไปเกิดเป็นพรหมได้ เพราะการรวมอยู่หรอื ไปเกิดเป็นพรหม เมือ่ หมดเหตปุ ัจจยั ก็ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ อันมีต่าสดุ คอื นรก สงู สุดคือพรหม อยา่ งไมม่ ีท่ีสน้ิ สดุ ทางทจี่ ะหลุดพน้ จากสังสารวัฏได้จึงมีทางเดียวเท่าน้ันคือ นิพพาน แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีเกณฑ์ในการแบ่งประเภทของศาสนาอีกมากมายหลายรูปแบบ ได้แก่ 1.การแบง่ ประเภทของศาสนาโดยยึดตามแหล่งผนู้ บั ถือเป็นเกณฑ์ ไดแ้ ก่ ศาสนาประจาถิน่ /ศาสนา ประจาชาติ และศาสนาสากล 2.การแบ่งประเภทของศาสนาโดยยดึ ผู้นบั ถอื ในปจั จุบันเปน็ เกณฑ์ ไดแ้ ก่ ศาสนาที่ตายไปแล้ (เคย รงุ่ เรอื งในอดตี แต่ปจั จุบันไม่มผี ู้นบั ถือหลงเหลอื อยู่แล้ว) กับศาสนาที่ยังมีชีวิตอยคู่ อื มีผนู้ บั ถอื ใน ปจั จุบนั เปน็ ต้นศาสนาต่างๆในโลก (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมขอ้ 4) 1.ศาสนายดู าย ศาสนายูดาห์หรือศาสนายวิ เกิดก่อนคริสต์ศาสนาท่ีดินแดนปาเลสไตน์ในประเทศอิสราเอล เป็นหนึ่งในศาสนาท่ีเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงดารงอยู่จนถึงทุกวันน้ี มีพระเจ้าองค์เดียวกับศาสนาคริสต์และศาสนาอสิ ลาม คอื พระยาห์เวห์หรอื อัลลอฮ์ มีศาสดาคอื โมเสส และมพี ระคัมภีร์ทางศาสนาคือพระคมั ภรี ์ โตราห์ อันเป็นพระคัมภรี ์ 5 เล่มแรกในคัมภีรไ์ บเบลิ ภาคพันธสญั ญาเดมิ อันเปน็ พระคัมภีร์ที่ชาวยิวใชเ้ ปน็ หลักในการยึดเหน่ียวจิตวิญญาณด้ังเดิมของตนไว้ ซ่ึงรวบรวมบทพระบัญญัติท่ีพระเจ้าได้ทรงประทานให้แก่โมเสสซึ่งเป็นผู้เผยพระวจนะคนแรกของชาวยิวและชาวคริสต์ ได้แก่ คัมภีร์ปฐมกาล อพยพ กนั ดารวถิ ี เลวีนิติ และเฉลยธรรมบัญญตั ิ และมีคัมภีร์ทางศาสนาที่เป็นอธิกธรรมไว้ตอบข้อสงสัยในศาสนาคอื คมั ภีร์ทาลมุด อันเป็นคัมภีร์ที่รวบรวมบทนิพนธ์ของบรรดารับไบ ธรรมาจารยช์ าวยิวในยุคหลงั จากการถูกขบั ไล่ออกจากแผ่นดินอิสราเอลไปอยู่ในทวีปยุโรปแล้วของชาวยิวในหลังคริสต์ศักราช 73 ซ่ึงได้แต่งไว้เพื่ออธิบายข้อพระคัมภีร์โตราห์ และบอกหลกั การปฏิบัติตนของชาวยิวในตา่ งแดน รวมถึงชแ้ี จงข้อสงสยั ตา่ งๆในกรณอี นื่ ๆ อกี ด้วย
2.ศาสนาซิกข์ ศาสนาซิกข์ หรือ ศาสนาสกิ ข์ เป็นศาสนาที่ถอื กาเนิดขึ้นในราวคริสตศ์ ตวรรษท่ี 16 ในตอนเหนือของอินเดีย จากคาสอนของ นานัก และคุรุผู้สืบทอดอีก 9 องค์ หลักปรัชญาของศาสนาซิกข์และการปฏิบัติตามหลกั ศาสนา นยิ มเรียกว่า \"ครุ มตั \" (ความหมายโดยพยัญชนะ หมายถงึ \"คาสอนของครุ \"ุ หรอื \"ธรรมของซิกข\"์ ) 3.ศาสนาบาไฮ ศาสนาบาไฮ เป็นศาสนาก่อต้ังใน ค.ศ. 1844 ในอาณาจักรเปอร์เซีย(ปัจจุบันอยู่ในอาณาเขตของประเทศอิหรา่ น) มีศาสดาชื่อ พระบาฮาอุลลาห์ ศนู ย์กลางบาไฮโลกอย่ทู ่ีเมอื งไฮฟา มีสถานท่ีศักดิ์สิทธ์ิท่ีสุด 2แหง่ คือ พระสถูปของพระบาฮาอลุ ลาหอ์ ยทู่ ่เี มืองอคั คา และ พระสถปู ของพระบ๊อบอย่ทู เี่ มอื งไฮฟา ในประเทศอสิ ราเอล ปจั จบุ ันเผยแผไ่ ปกว่า 190 ประเทศ 4.ศาสนาโซโรอสั เตอร์ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ไดช้ ื่อนามศาสดาผู้ใหก้ าเนิด ซ่ึงเรยี กอีกอย่างหนงึ่ วา่ ซาราธุสตรา (Zarathustra)ศาสนาสามารถเรยี กไดอ้ ีกอย่างว่า ศาสนาปาร์ซเี พราะเกิดข้ึนในเปอร์เซีย (อิหรา่ นในปจั จุบนั ) เม่ือประมาณหกศตวรรษก่อนคริสตกาล ศาสนานเ้ี รียกอีกอย่างหน่ึงว่า ลัทธิมาสดา ซ่ึงมีความหมายว่าลัทธิบูชาพระเจ้าอาหุรมาสดา (Ahura Mazda)ไดแ้ ก่ พระเจ้าผู้เป็นจอมอสรู และอาศยั เหตุท่วี า่ โซโรอัสเตอร์ประกาศว่า พระเจ้าอาหุรมาสดาเป็นพระเจ้าแห่งความดีและแสงสว่าง ผู้ที่นับถือใช้แสงประทีปเปน็ เคร่ืองหมายแห่งการบูชา จึงเรยี กว่าศาสนาบูชาไฟ (Religion of Fire Worshipper) ศาสนาทุกศาสนาแม้จะมีเกิดข้ึนมากมายหลายศาสนาในโลกแตส่ งิ หน่ึงทีท่ ุกศาสนาสอนเหมอื นกันคือสอนให้คนเข้าถงึ หลกั ธรรมที่วางไว้ของแต่ละศาสนา คือใหเ้ ป็นคนดี เปน็ มนษุ ย์ที่สมบูรณ์ มคี วามเมตตาและพร้อมช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากกว่าเรา คือ มีความรัก ความเมตตา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
บรรณานกุ รมพสิ ฐิ พงศ์ สีดาว. หน้าทีพ่ ลเมอื งและศลี ธรรม. สานักพมิ พ์ศูนยส์ ง่ เสรมิ อาชวี ะ, 2560
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: