Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การตั้งชื่อนั้นสำคัญไฉน

การตั้งชื่อนั้นสำคัญไฉน

Published by Techasit Tadkhonburi, 2021-03-05 14:33:27

Description: จัดทำโดย
1.นายสุริยะ ส่งสกุลวงศ์ ม.5/8 เลขที่ 15
2.นายวชิรวิทย์ เกษตรบดี ม.5/8 เลขที่ 19
3.นายจิรพัส แสนเจ๊ก ม.5/8 เลขที่ 22
4.นายเตชสิทธิ ถาดครบุรี ม.5/8 เลขที่ 24
โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย

Keywords: การตั้งชื่อนั้นสำคัญไฉน

Search

Read the Text Version

1 กลุม่ ภาษาไทย เร่ือง การต้งั ช่ือน้นั สาคญั ไฉน จดั ทาโดย 1.นายสุริยะ ส่งสกลุ วงศ์ ม.5/8 เลขที่ 15 2.นายวชิรวิทย์ เกษตรบดี ม.5/8 เลขท่ี 19 3.นายจิรพสั แสนเจ๊ก ม.5/8 เลขท่ี 22 4.นายเตชสิทธิ ถาดครบรุ ี ม.5/8 เลขท่ี 24 เสนอ คุณครูสุภลกั ษณ์ พลเรือง รายงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวิชา วิชา ภาษาไทย ( ท32102 ) โรงเรียนราชสีมาวิทยาลยั ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2563

2 คานา รายงานเรื่อง การต้งั ชื่อน้นั สาคญั ไฉน เป็นส่วนหน่ึงของวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท32102 มีเน้ือหาเก่ียวกบั ความเป็นมาของการต้งั ชื่อคนไทย กฎหมาย ขอ้ บงั คบั เกี่ยวกบั การต้งั ช่ือ-นามสกุล หลกั เกณฑก์ ารต้งั ช่ือตวั และชื่อรอง หลกั เกณฑก์ ารต้งั นามสกลุ ศาสตร์แห่งการต้งั ช่ือ และหลกั การต้งั ช่ือเบ้ืองตน้ ขอขอบพระคุณ อาจารยส์ ุภลกั ษณ์ พลเรือง อาจารยป์ ระจาวิชา ภาษาไทย ท่ีให้คาแนะนา ในการจดั ทารายงานในคร้ังน้ีหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ รายงานฉบบั น้ี จะเป็นประโยชนก์ บั ผศู้ ึกษา และผทู้ ่ีสนใจ สามารถนาความรู้ไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งดี หากมีขอ้ แนะนาและผิดพลาดประการใดผจู้ ดั ทา ขอ้ นอ้ มรับและอภยั มา ณ ท่ีน้ีดว้ ย กลุ่มที่ 9 คณะผจู้ ดั ทา

สารบญั 3 บทนา ความเป็นมาของการต้งั ช่ือคนไทย 4 กฎหมาย ขอ้ บงั คบั เกี่ยวกบั การต้งั ช่ือ-นามสกลุ 6 หลกั เกณฑก์ ารต้งั ชื่อตวั และชื่อรอง 10 หลกั เกณฑก์ ารต้งั นามสกุล 10 ศาสตร์แห่งการต้งั ชื่อ 11 หลกั การต้งั ช่ือเบ้ืองตน้ 12 อา้ งอิง 14 16

4 บทนำ ครอบครัวแต่ละครอบครัวเมอ่ื มลี กู หลานเกิดมาลืมตาดูโลก พ่อแมญ่ าติพน่ี อ้ ง มีความจาาเป็นที่ จะตอ้ ง ต้งั ช่ือให้ ท้งั ช่ือท่ีเรียกแทนนามจริง และช่ือจริง เพอื่ ที่จะไดเ้ รียกถกู ตอ้ ง ชื่อน้นั กจ็ ะตอ้ งหาให้ เหมาะสม ท้งั ลูกผู้ หญิง ลกู ผชู้ าย ที่มีความไพเราะและความหมายดี ตรงกบั วนั เดือนปี เกิด ใหส้ มกบั ความรกั ความเอน็ ดูที่มตี ่อลูก หลานของตน ในการต้งั ชื่อแต่ละคนน้นั มวี ิธีการต้งั ชื่อที่แตกต่างกนั ไปตามสถานภาพ และฐานะของพอ่ แม่ เช่น ใหพ้ ระ หรือเจา้ อาวาสวดั ท่ีพอ่ แมน่ บั ถือต้งั ให้ ญาติผใู้ หญ่ที่นบั ถือต้งั ให้ เปิ ดตาาราการต้งั ชื่อ และขอ พระราชทานช่ือ เป็นตน้ การต้งั ช่ือ ชื่อน้นั สาาคญั จริงหรือ... (ศาสตร์แห่งการต้งั ช่ือ) ชื่อน้นั มคี วามสาาคญั มากเพราะเหตุวา่ ถา้ ใครไม่มชี ่ือก็ไมท่ ราบวา่ จะใชว้ ธิ ีอยา่ งไร จึงจะเขา้ ใจกนั ไดว้ ่าหมายถึงคนน้นั เพราะ คนเรามีมากมาย จึง จาาเป็นทจี่ ะตอ้ งมชี ื่อสาาหรับเรียกขานดว้ ยกนั ทกุ คน ชื่อน้นั มกั จะซ้าากนั แต่เพอ่ื ไมใ่ ห้ สบั สน พระบาทสมเด็จ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ไดท้ รงพระราชบญั ญตั ิ ขนานนามสกลุ ข้ึนใช้ เพ่อื ให้ คนไทยท้งั หลายมีนามสกุลใช้ เพอ่ื เป็นเครื่องแสดงใหม้ จี ิตใจรักพงศพ์ นั ธุ์ อนั สืบสายโลหิตของตน และเป็นการ ช้ีชดั ลงไป เพอื่ ความสะดวกแก่ประชาราษฎร เพราะว่าคนเราถึงช่ือจะซ้าา กนั แต่สาาหรับนามสกุลแลว้ ไมค่ ่อย จะซ้าากนั เพราะทางราชการพยายามตรวจตราก่อนท่ีจะอนุญาตให้ ใชไ้ ดน้ อกจากจะบงั เอิญตรวจตราไม่ทวั่ ถึงจึง ทาาใหซ้ ้าากนั ได้

5 ชื่อของคนเราน้นั ทางวชิ าโหราศาสตร์ ว่ามีความสาาคญั ถงึ แมว้ า่ จะเป็นนามสมมตุ ิ เพราะคนไทยเรา ยงั มี ความเชื่อถือเรื่องโชคลางกนั อยู่ บรรพบรุ ุษของไทยเราก็เคยเชื่อถอื เรื่องโชคลางและไสยศาสตร์ต่างๆ มาก่อนแลว้ เรื่องการถอื โชคลางน้ี เราถือกนั ต้งั แต่เรื่องเกิดจนถึงเรื่องตายทีเดียว อยา่ งเช่น เวลาเกิด ก็มกี าร จด วนั เดือน ปี เกิด และเวลาตกฟากไวใ้ หแ้ มน่ ยาาเพอ่ื จะไดน้ าาเอาไปผกู ดวง (ดวงชะตา) เพือ่ ตอ้ งการจะ ทราบ ว่า อนาคตจะดีร้ายอยา่ งไร และการต้งั ชื่อก็จะตอ้ งต้งั ใหเ้ ป็นมงคลแก่เจา้ ของดวงดว้ ย เพราะถือวา่ การต้งั ชื่อ เป็นเรื่องสาาคญั ท่ีสุดเรื่องหน่ึงของชีวติ เพราะการต้งั ช่ือน้นั ถา้ ไม่ตรวจตราดูใหถ้ กู ตอ้ งเสียก่อน ช่ือน้นั จะ เป็น “กาลกิณี” หรือ “กาลกรรณี” (เป็นเสนียด หรือนาาโชคร้ายมาสู่เจา้ ของช่ือ) ได้ จึงนิยมท่ีจะใหพ้ ระ ผู้ ทรงศีลหรือผใู้ หญ่ที่มีอาานาจวาสนาเป็นผตู้ ้งั ให้ เพอ่ื ความเป็นสิริมงคลแก่เดก็ ต่อไปในอนาคต และชื่อที่ต้งั น้นั กน็ ิยมใหม้ คี วามหมายไปในทางทด่ี ี เพราะถือวา่ ใครเรียกชื่อตนกเ็ ท่ากบั วา่ เป็นการเพมิ่ สิริมงคลใหแ้ ก่ เจา้ ของช่ือ ทุกคร้ังไป ทาานองเดียวกนั กบั ท่ีคนอนิ เดียนิยมใชช้ ื่อพระนามของพระเป็ นเจา้ คือ พระราม พระ นารายณ์ มาต้งั ชื่อ เม่อื เวลาที่ใครเรียกช่ือ สิริมงคลกจ็ ะตกแก่ผเู้ ป็นเจา้ ของช่ือและผเู้ รียกเพราะไดก้ ล่าวถึง พระนามของ พระ เป็นเจา้

6 ควำมเป็ นมำของกำรต้งั ช่ือคนไทย วถิ ชี ีวติ ของคนไทยมคี วามผกู พนั กบั การต้งั ชื่อมายาวนาน จากอดีตกาลจวบจนปัจจุบนั การต้งั ชื่อมี ความสาาคญั และจาาเป็นอยา่ งยง่ิ ในทนี่ ้ีขอเร่ิมตน้ ต้งั แต่สมยั สุโขทยั เน่ืองจากเป็นสมยั แรกที่คนไทยไดร้ วม ชาติ เป็นปึ กแผน่ และไดป้ รากฎหลกั ฐานท่ีเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรจนถึงสมยั รัตนโกสินทร์ในระบอบ ประชาธิปไตย ปัจจุบนั ดงั พอสรุปรายละเอยี ดไดด้ งั น้ี ชื่อในสมยั สุโขทยั ชื่อที่พบส่วนมากจะเป็นคาาพยางคเ์ ดียว ภาษาที่ใชใ้ นการต้งั ช่ือน้นั น่าจะเป็นภาษาไทยท้งั หมด โดย ความหมายของช่ือไดส้ ะทอ้ นถึงแนวความคิดของคนในยคุ น้นั คือ “ยคุ สร้างชาติแปลงเมอื ง” 2 ประการ คือ แนวคิดความเช่ือของการต้งั ชื่อในเรื่องความผกู พนั สมั พนั ฉนั ญาติ เช่น อา้ ย ยี่ ไส ฯลฯ และแนวคดิ ความเช่ือ ของการต้งั ชื่อในเร่ืองการมงุ่ เอาความปลอดภยั มนั่ คงและความเจริญของชุมชนเป็นหลกั ร่วมกนั เช่น คง จดิ จอด ผากอง ฯลฯ

7 ชื่อในสมยั อยธุ ยาและธนบุรี ชื่อที่พบมกั จะเป็นคาาพยางคเ์ ดยี วถึง 2 พยางค์ ภาษาท่ีใชใ้ นการต้งั ชื่อส่วนใหญ่เป็น ภาษาไทย นอกจากน้ีเป็นภาษาบาลี สนั สกฤต และภาษาบาลี สนั สกฤตผสมภาษาไทย โดยความหมายของชื่อ มกั แสดง เป็นรูปธรรมท่ีสมั พนั ธก์ บั ชีวติ ประจาาวนั เช่น จนั (ตน้ ไม)้ ทอง(ธาตุ) ฯลฯ หรือมคี วามหมายท่ีแสดงถึง กิริยาอาการทางเคลือ่ นไหวที่กระทาาอยอู่ ยา่ งปกติ เช่น มา พนู เลอ่ื น ฯลฯ ช่ือในสมยั รัตนโกสินทร์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ชื่อท่ีพบมกั จะเป็นคาาพยางคเ์ ดียวถงึ 2 พยางค์ ภาษาที่ใชใ้ นการต้งั ช่ือส่วนใหญ่เป็นภาษา ไทย นอกน้นั เป็นภาษาบาลสี นั สกฤต ภาษาบาลี สนั สกฤตผสมภาษาไทย และภาษาเขมร โดยความหมายของชื่อ สะทอ้ นคตินิยม และวถิ ที างในการดาาเนินชีวติ คลา้ ยคลึงกบั สมยั อยธุ ยาและธนบุรี

8 ช่ือในสมยั รัตนโกสินทร์ในระบอบประชาธิปไตยระยะตน้ ช่ือท่ีพบมกั จะเป็นคาาพยางคเ์ ดยี วถงึ 2 พยางค์ ภาษาที่ใชใ้ นการต้งั ช่ือส่วนใหญ่ยงั คงเป็นภาษาไทย แต่มปี ริมาณการใชล้ ดลง และเพ่ิมการใชภ้ าษาบาลี สนั สกฤต โดยความหมายของชื่อมี ลกั ษณะแตกต่างจาก คตินิยมเดิม คือ มีชื่อที่มคี วามหมายในเรื่องอาานาจ ชยั ชนะ และการสงครามเพ่ิมข้ึนมากเช่น เฉลมิ พล ณรงค์ ฯลฯ และมีช่ือท่ีแสดงความหมายเก่ียวกบั ความรู้ ความฉลาด การศกึ ษา ซ่ึงไม่ปรากฎเป็น ชื่อในสมยั ท่ีผา่ น มา เช่น โกวทิ ปรีชา สุธี ฯลฯ ช่ือในสมยั รัตนโกสินทร์ในระบอบประชาธิปไตยปัจจุบนั ชื่อท่ีพบส่วนใหญ่มกั จะเป็นคาา 2 พยางคข์ ้ึนไปภาษาที่ใชใ้ นการต้งั ช่ือนิยมใชภ้ าษาบาลี สนั สกฤต เป็นอยา่ งมาก นอกน้นั เป็นภาษาไทยและภาษาบาลี สนั สกฤตผสมภาษาไทย นอกจากน้ียงั นิยมสรรหาชื่อที่มี เอกลกั ษณไ์ มเ่ หมอื นคนอืน่ จึงปรากฎชื่อท่ีมีรูปลกั ษณ์ทางภาษาแปลก ๆ หรือมหี ลายพยางคม์ ากกวา่ สมยั ที่ ผา่ นมา โดยความหมายของช่ือจะลดความนิยม ชื่อท่ีมคี วามหมายเป็นรูปธรรม และมีความหมายเป็น นามธรรมมากข้ึน เช่น ชื่อที่มีความหมายแสดงอาานาจชยั ชนะ ความงาม ความเจริญ หรือศิริมงคล

9 การต้งั ช่ือของคนไทย ต้งั แต่สมยั สุโขทยั สมยั อยธุ ยาและธนบุรี สมยั รัตนโกสินทร์ใน ระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชยส์ มยั รัตนโกสินทร์ในระบอบประชาธิปไตยระยะตน้ ตลอดจนสมยั รัตนโกสินทร์ ใน ระบอบประชาธิปไตยปัจจุบนั แต่ละสมยั ช่ือของคนไทยมจี าานวนพยางคเ์ พ่ิมข้นึ หรือยาวข้ึน สาเหตุสาาคญั มา จากการขยายชุมชน เมื่อชุมชนใหญ่ข้ึน ประชาชนมากข้ึน ชื่อยอ่ มมโี อกาสซ้าากนั มาก และเน่ืองจากช่ือ เกิดข้ึน เพราะความจาาเป็นในการสื่อสารใหส้ ะดวกและถกู ตอ้ ง จึงตอ้ งมีชื่อที่บ่งบอกเฉพาะลงไป เพอ่ื กาา หนดการเรียก ขานตวั กนั อยา่ งชดั เจนไม่สบั สน การต้งั ช่ือใหย้ าวข้ึนจึงเป็นทางออกอีกวธิ ีหน่ึง นอกจากการ ต้งั ชื่อใหย้ าว ข้ึนแลว้ การต้งั ชื่อใหแ้ ปลกใหมก่ เ็ ป็นอีกวธิ ีหน่ึงเพื่อหลีกเลีย่ งการต้งั ชื่อซ้าา ซ่ึงพบมากข้ึน เร่ือยๆ ในปัจจุบนั ความสาาคญั ของการต้งั ชื่ออยทู่ ่ีจะแสดงลกั ษณะเด่นของผเู้ ป็นเจา้ ของชื่อใหเ้ ป็นที่รู้จกั จาา ไดง้ ่าย เช่น เสียงแปลก สะกดแปลก ฯลฯ ฉะน้นั ถงึ แมว้ า่ จะมีความหมายหรือไม่มีความหมาย จึงไมน่ ่าจะถอื ว่าเป็ นเรื่ องที่สาาคญั ปัจจุบนั ในการต้งั ช่ือ ผตู้ ้งั ชื่อมกั จะตอ้ งคาานึงถึงเง่ือนไขต่างๆ ก่อนท่ีจะต้งั ช่ือ ไดแ้ ก่ เพศของ ทารก วนั เวลาเกิด ความหมายของช่ือ ความไพเราะของชื่อ ความแปลกใหมข่ องชื่อ ความคลอ้ งจองชื่อของ บุคคล ในครอบครัวเดียวกนั นามสกุล การเลยี นแบบช่ือผอู้ นื่ และเสียงต่างๆในชื่อท่ีอาจเกิดปัญหา โดยส่วน ใหญ่ บิดามารดามกั นิยมต้งั ช่ือใหด้ ว้ ยตนเอง เพราะถอื ว่าเป็นบุคคลท่ีประเสริฐที่สุด และเลือกช่ือจากส่ือแนะนาา การต้งั ช่ือ

10 กฎหมำย ข้อบังคบั เกย่ี วกบั กำรต้งั ช่ือ-นำมสกลุ ตามพระราชบญั ญตั ิชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 ระบุไวว้ ่า บุคคลสญั ชาติไทยตอ้ งมีช่ือตวั และช่ือ สกุล และอาจมชี ื่อรองดว้ ยก็ได้ ท้งั น้ีไดอ้ ธิบายความหมายของชื่อตวั ชื่อสกลุ และช่ือรองไวด้ งั น้ี ช่ือตวั หมายความว่า ช่ือประจาาบุคคล ช่ือรอง หมายความว่า ช่ือประกอบถดั จากชื่อตวั ชื่อสกลุ หมายความว่า ช่ือประจาาวงศส์ กลุ หลักเกณฑ์กำรต้งั ช่ือตวั และชื่อรอง - ตอ้ งไมพ่ อ้ งหรือมงุ่ หมายใหค้ ลา้ ยกบั พระปรมาภิไธยหรือพระนามของพระราชินี หรือ ราชทินนาม - ตอ้ งไมเ่ ป็นคาาหยาบหรือมีความหมายหยาบคาย - ตอ้ งไม่มเี จตนาในทางทจุ ริต - ผทู้ ี่ไดร้ ับหรือเคยไดร้ ับพระราชทานบรรดาศกั ด์ิ โดยมไิ ดถ้ ูกถอด จะใชร้ าชทินนาม ตาม บรรดาศกั ด์ิ เป็น ชื่อตวั จริงหรือชื่อรองกไ็ ด้

11 หลกั เกณฑ์กำรต้งั นำมสกลุ - ไม่พอ้ งหรือม่งุ หมายใหค้ ลา้ ยกบั พระปรมาภิไธยหรือพระนามของพระราชนิ ี - ไม่พอ้ งหรือมงุ่ หมายใหค้ ลา้ ยกบั ราชทินนาม เวน้ แต่ราชทนิ นามของตน ของบุพการี หรือ ของผสู้ ืบสนั ดาน - ไม่ซ้าากบั ช่ือสกลุ ที่ไดร้ ับพระราชทานจากพระมหากษตั ริย์ หรือช่ือสกุลท่ีไดจ้ ดทะเบียนไวแ้ ลว้ - ไม่มีคาาหรือความหมายหยาบคาย - มพี ยญั ชนะไมเ่ กินกว่าสิบพยญั ชนะ เวน้ แตก่ รณีใชร้ าชทินนาม เป็นชื่อสกลุ

12 ศำสตร์แห่งกำรต้งั ชื่อ ชื่อเป็นส่ิงสาาคญั อยา่ งยง่ิ ต้งั แต่เกิด จนกระทง่ั ลาจากโลกน้ีไปแลว้ ช่ือของคนดกี ็ยงั จารึกไวใ้ นความ ทรงจาาของผคู้ นทว่ั ไป คณุ พอ่ คณุ แมจ่ ึงต่างจดั เตรียมช่ือใหก้ บั ลกู นอ้ ยของตนเองต้งั แต่ยงั ไมอ่ อกจากครรภ์ เลย ทีเดียว บา้ งกใ็ หพ้ ระท่านต้งั ให้ ท้งั ใหผ้ เู้ ฒ่าผแู้ ก่ในบา้ นต้งั ให้ และบา้ งกใ็ หญ้ าติผใู้ หญ่ที่เคารพนบั ถอื ต้งั ใหต้ าม ความเหมาะสม น้นั แสดงถงึ ความสาาคญั ของช่ือท่ตี ้งั ท่ีมีต่อคนเราเสมอมา ในการต้งั ชื่อในสมยั ก่อนจนถึงปัจจุบนั ไดม้ พี ฒั นาการอยา่ งต่อเนื่อง และมีรูปแบบท่ีหลากหลาย ซ่ึง ในแต่ละรูปแบบกม็ หี ลกั ยดึ ปฏบิ ตั ิที่แตกต่างกนั ตามถิน่ ฐานท่ีอยแู่ ละการดาาเนินชีวติ ตลอดจนความเช่ือ ปฏบิ ตั ิสืบต่อกนั มาโดยท้งั หมดต่างตอ้ งการใหเ้ กิดความเป็นสิริมงคงแก่ชวี ิต เป็นที่นิยมยกยอ่ งและความ เจริญรุ่งเรืองกบั ชีวิตของเจา้ ของชื่อเป็นหลกั ถงึ แมว้ ่าศาสตร์แห่งการต้งั ชื่อจะไดร้ ับการศกึ ษาและสง่ั สอน สืบทอดกนั มาแต่โบราณ หากแต่ไมม่ กี ารกาาหนดช่ือเรียกอยา่ งเป็นมาตรฐาน บา้ งเรียก “ศาสตร์แห่งการ ต้งั ช่ือ” บา้ งก็เรียก “วชิ านามลกั ษณ์” บา้ งกเ็ รียก “นามศาสตร์” แลว้ แต่ผศู้ ึกษาและไดร้ ับการประสิทธิ ประสาท วทิ ยา ในที่น้ีผเู้ ขียนขอเรียกว่า “ศาสตร์แห่งการต้งั ชื่อ”

13 บทความพิเศษที่ท่านผอู้ า่ น กาาลงั อา่ นอยู่ ผเู้ ขียนจะขอกลา่ วถงึ การต้งั ช่ือจากทกั ษะ ซ่ึงหมายถึง อฏั ฐเคราะห์ หรือ พระเคราะห์ ท้งั 8 ไดแ้ ก่ พระอาทิตย์ พระจนั ทร์ พระองั คาร พระพุธ พระเสาร์ พระ พฤหสั บดี พระราหู และพระศุกร์ ที่นบั วา่ เป็นสิริมงคล มีอยู่ 8 อยา่ งดว้ ยกนั คือ 1.บริวาร หมายถึง บุตร สามี ภรรยา ขา้ ทาสบริวารชายหญิง คนในบา้ น ผทู้ ี่อยใู่ นอุปการะ ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชารวมไปถึงเพ่ือนและมติ รสหายของตน 2.อายุ หมายถึง อายุ ความเป็นอยู่ การดาาเนินชีวติ ที่ตอ้ งการเพือ่ ใหม้ อี ายยุ นื ยาวหรือมีอายมุ นั่ ขวญั ยนื หากนาาอกั ษรท่ีมที กั ษาอายมุ าต้งั เช่ือกนั ว่ามอี ายยุ นื ยาว 3.เดช หมายถงึ อาานาจวาสนา บารมี เกียรติยศ และช่ือเสียงตาาแหน่งหนา้ ที่การงาน อานุภาพ อทิ ธิพลท่ีทาาใหค้ นเคารพยาาเกรง มีความสามารถในการควบคุม บงั คบั บญั ชาคนเหลา่ น้ี 4.ศรี หมายถงึ ส่ิงที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลกั ทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ท่ีทาาใหค้ นรักใคร่เมตตา และ ศรัทธาในตวั เรา 5.มลู ะ หมายถึง ทุนทรัพย์ หรือมรดก ราคาและคุณค่า ที่จะเพิ่มพูนใหก้ บั ตนเอง ในปัจจุบนั และภาย ภาคหนา้ 6.อตุ สาหะ หมายถึง ความขยนั หมน่ั เพียร การประกอบกิจการคา้ หรือการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ใหเ้ กิดผลสาาเร็จจากความมีมานะ อตุ สาหะ และความพยายามของตนเอง 7.มนตรี หมายถงึ ความเป็นใหญ่หรือประสบความสาาเร็จที่ไดร้ ับความอปุ ถมั ภค์ ้าาชู ไดร้ ับการ สงเคราะห์ เก้ือหนุนจากผใู้ หญ่ ไดร้ ับการส่งเสริมในการดาาเนินชีวติ และหนา้ ทีก่ ารงาน 8.กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อปั มงคล ความเป็นเสนียด ศตั รูคู่แข่ง อปุ สรรค ในการดาาเนินชีวติ

14 หลักกำรต้งั ช่ือเบื้องต้น การต้งั ชื่อน้นั หลายๆคนบอกวา่ ไมใ่ ช่เรื่องยาก ผเู้ ขียนมคี วามรู้สึกวา่ มนั ดูเหมือนง่ายก็จริง เพราะการ ท่ีจะต้งั ช่ือดีเพ่อื ใหช้ ีวิตคนดีข้นึ น้นั มนั ยากมากเลยทีเดียว ฉะน้นั ในการต้งั ชื่อแต่ละชื่อน้นั ควรที่จะต้งั ใจ ศึกษา ใหด้ ีก่อน อยา่ มองแต่ว่าเกิดวนั อะไร แลว้ ก็ใส่อกั ษร เดช/ศรี เขา้ ไปเลย อีกท้งั ตอ้ งดูความหมาย หลกั การต้งั ช่ือเบ้ืองตน้ ควรยดึ หลกั ปฏบิ ตั ิดงั น้ี 1. ตอ้ งยดึ หลกั ความถกู ตอ้ งของภาษา ตอ้ งเขยี นและสะกดใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั ภาษาไทย 2. ฟังดูแลว้ ไพเราะสละสวย ไมต่ ะกกุ ตะกกั ไม่ยดื ยาวหรือแปลกประหลาดมหศั จรรยจ์ นเกนิ ไป 3. เหมาะสมกบั เพศ-วยั และยคุ สมยั ช่ือท่ีดคี วรฟังดูแลว้ สอดคลอ้ งกบั บุคลกิ -วยั และบอกเพศได้ 4. มคี วามหมายเป็นมงคล ถา้ แปลแลว้ ไมเ่ ขา้ ท่ากไ็ ม่ควรนาามาต้งั เช่น “รัลลกุ า” แปลว่า ปลิง 5. ไม่ควรสูงเกินวาสนา เช่น คลอ้ งจองกบั ชื่อเทพเจา้ ลทั ธิต่างๆ หรือคลอ้ งจองกบั เจา้ ฟ้า เจา้ แผน่ ดนิ 6. ยดึ ความถกู ตอ้ งตามหลกั โหราศาสตร์ ช่วงประมาณ 40 ปี มาน้ี มีศาสตร์เกี่ยวกบั การต้งั ช่ือเกิดข้นึ มากมาย แต่ที่เป็นที่นิยมมากๆ เห็นจะมี 2-3 ศาสตร์น้ี

15 6.1 หลกั ของทกั ษาปกรณ์ศาสตร์น้ีถือวา่ เป็นแม่บทแห่งการต้งั ช่ือ มคี นใชก้ นั มายาวนานท่ีสุด และ ใชม้ ากท่ีสุด โดยจะเนน้ การต้งั ชื่อของบุคคลใหม้ ีอกั ษรเป็นวรรคเดช, วรรคศรี, วรรคมนตรี ไมใ่ หม้ ีอกั ษรที่ เป็ นกาลกิณีปะปนในชื่อ 6.2 หลกั โหราเลขศาสตร์ ถือว่าเป็นศาสตร์ที่ทรงอทิ ธิพลมากที่สุดเพราะไมไ่ ดใ้ ชแ้ ต่เฉพาะที่ ประเทศไทย แต่มใี ชเ้ ป็นสากลทวั่ โลก เพยี งแต่คาาพยากรณ์คงเขียนแตกต่างกนั ออกไปตามวฒั นธรรมแต่ละ เช้ือชาติ ศาสตร์น้ีกลา่ วถึงเร่ืองกาาลงั ของตวั เลข โดยจะตรวจอกั ษรทกุ ตวั ใหค้ วามสาาคญั ท้งั ชื่อตวั , ช่ือ กลาง. ชื่อนามสกุล เมื่อผอู้ ่านเขา้ ใจและทราบความหมายของหลกั การต้งั ช่ือเบ้อื งตน้ และวธิ ีการต้งั ช่ือใหเ้ ป็นมงคลนาม แลว้ กส็ ามารถนาาไปใชไ้ ดต้ ามความประสงคแ์ ละถกู ตอ้ งตามหลกั ของการต้งั ช่ือ แต่ ศาสตร์แห่งการต้งั ช่ือ ฉบบั น้ีท่ีข้นึ หวั เรื่องว่า “ช่ือน้นั สาาคญั จริงหรือ” มีต่อในฉบบั หนา้ ท่ีเก่ียวกบั หลกั การต้งั ช่ือตามแนวทางการ ต้งั ชื่อตาม วนั ที่เกิด และตวั อยา่ งหรือแนวทางการต้งั ชื่อพรอ้ มความหมายของชื่อเรียงตามตวั อกั ษร ฉบบั น้ี ขอฝากไว้ แค่น้ีก่อน

16 อา้ งอิง วิรัช ศิริวฒั นะนาวิน. (2544). กำรศึกษำกำรต้งั ชื่อของคนไทย. วทิ ยานิพนั ธป์ ริญญาอกั ษรศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าภาษาไทย บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. ศวิ รี วงนิตินนั ท์ .(ม.ป.ป.). ต้งั ช่ืออะไรด.ี 5/153 ประชานิเวศน์ 2 ระยะ 3 ซอย 5 อ.ปากเกร็ด นนทบุรี. สุภาพรรณ ณ บางชา้ ง. (2527). กำรใช้ภำษำในกำรตง้ั ช่ือของคนไทย. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . Nacaskul, K. (1987). The Phonology of Thai Petname. In I.H.C.S. Daridson (Ed.), LaiSu Thai, Essays in Honour of E.H.S. Sim monds, 41-51. School of Oriental and African Studies, University of London. อาจารยอ์ รุณวิทย์ วงศจ์ ตุพฒั น์. (2564). ชื่อน้ันสำคญั ไฉน?. สืบคน้ เมอื่ 5 มีนาคม 2564, จาก http://www.mahamongkol.com/content.php?id=54 อาจารยจ์ ุฑามาศ ณ สงขลา. (2560). ช่ือน้ันสำคญั ไฉน!!. สืบคน้ เมื่อ 5 มนี าคม 2564, จาก http://numerology.shopup2.com/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook