Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การงานอาชีพ ม.3 เรื่องการปลุกพืชไร้ดิน

การงานอาชีพ ม.3 เรื่องการปลุกพืชไร้ดิน

Published by tangmo_word, 2022-01-25 17:27:59

Description: การงานอาชีพ ม.3 เรื่องการปลุกพืชไร้ดิน

Search

Read the Text Version

ความหมายของการปลูก การปลูกพืชระบบไฮโดรพอนิกส์ พืชโดยไม่ใช้ดนิ การปลกู พชื(Hydroponics) ประโยชน์ของการปลูก พืชโดยไม่ใช้ดนิ วสั ดุและอุปกรณ์สาหรับการ โดยไม่ใช้ดิน ปลูกพืชระบบไฮโดรพอนิกส์ ความแตกต่างระหว่าง การปลูกพืชบนดนิ กบั (Hydroponics) การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ ข้อดแี ละข้อเสียของ การจดั การหลงั เกบ็ เกย่ี ว การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ ผลผลติ รูปแบบการปลูกพืชโดย การปลูกพืชผกั ระบบ ไม่ใช้ดนิ ไฮโดรพอนิกส์ ในกล่องโฟม การปลูกเมลอนญป่ี ่ ุนโดยไม่ใช้ ดนิ (Substrates Culture)

ความหมายของการปลูกพืช โดยไม่ใช้ดนิ

ความหมายของการปลกู พืชโดยไม่ใช้ดนิ Substrate Culture (ซับสเทรต คลั เจอร์) Hydroponics (ไฮโดรพอนิกส์ )

ความหมายของการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ Substrate Culture (ซับสเทรต คลั เจอร์) หมายถึง การปลูกพืชทไ่ี ม่มีการนาดนิ มาใช้ใน การเพาะปลกู แต่เปลยี่ นมาใช้วสั ดุอื่นเป็ นทย่ี ดึ เหน่ียว และกกั เกบ็ ธาตุอาหารสาหรับรากพืช แทนดิน ซ่ึงวสั ดุเหล่าน้นั มีท้งั อนินทรียสาร อินทรียสาร หรือวสั ดุสงั เคราะห์ โดยวสั ดุปลูก เหล่าน้นั ตอ้ งมีคุณสมบตั ิท่ีเหมาะสม ส่วนธาตุ อาหารท่ีจาเป็นแก่พชื จะไดร้ ับจากน้าผสมป๋ ุยท่ี มีธาตุอาหารต่าง ๆ ที่พชื ตอ้ งการ

• วสั ดุที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ วสั ดทุ เี่ ป็ น วสั ดเุ ป็ น • วสั ดุท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เช่นหินกรวด กรวดทราย อนนิ ทรีย อนิ ทรียสาร เช่น ขยุ มะพร้าว ฟางขา้ ว • วสั ดุที่ผา่ นกระบวนการ สาร • วสั ดุเหลือใชจ้ ากโรงงาน ใช้ อุตสาหกรรม เช่น ชานออ้ ย ความร้อน เช่น เมด็ ดินเผา วสั ดสุ ังเคราะห์ ขุยมะพร้าว ใยหิน • วสั ดุที่เหลือใชจ้ ากโรงงาน อุตสาหกรรม เช่น อิฐมอญ เคร่ืองป้ันดินเผา เพอร์ไลต์ • เมด็ โฟม ฟองน้า เส้นใยพลาสติก และ ฟองนา้ เพาะเมลด็ สารดูดความช้ืน

ความหมายของการปลกู พืชโดยไม่ใช้ดนิ Hydroponics หมายถึง การปลูกพืชในสารละลาย เป็นวิธีการ (ไฮโดรพอนิกส์ ) ปลูกพชื ไร้ดินอีกวิธีหน่ึง ซ่ึงเป็นวธิ ีการท่ีไม่ใช้ ดินในการปลูก แต่จะเป็นวธิ ีการปลูกพชื ที่ให้ รากพืชสัมผสั กบั สารละลายธาตุอาหารพืช โดยตรง การปลูกพืชแบบ การปลูกพืชใน ไฮโดรพอนิกส์ สารละลาย

ประโยชน์ของการปลูกพืชโดย ไม่ใช้ดนิ

สามารถปลูกไดใ้ นทุกสภาพพ้ืนท่ี ไม่มีขอบเขตจากดั สามารถปลูกระดบั อาคาร ๑. วธิ ีการปลูกไม่ยงุ่ ยาก ดูแลรักษา ๒. ง่าย เหมาะสาหรับการปลูกเพยี ง ๗.สถานที่ เพื่อใหเ้ กิดความร่มรื่น เลก็ นอ้ ย สวยงามได้ สามารถปลูกไดห้ ลากหลาย ๖.ช่วยลดการนาเขา้ พืชผกั เมือง ๓. ชนิด ผลผลิตท่ีเกบ็ เกี่ยว สะอาด และมีคุณคา่ ทาง หนาวจากตา่ งประเทศ โภชนาการสูง สามารถเปิ ดเป็นสถานที่ ๕. ๔. สามารถปลูกไดอ้ ยา่ งตอ่ เนื่อง ท่องเท่ียวเชิงเกษตรได้ ตลอดท้งั ปี ประโยชน์ของการปลูก พืชโดยไม่ใช้ดิน

ความแตกต่างระหว่างการปลูกพืช บนดนิ กบั การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ ๑. การปลูกพืชพืชทว่ั ไป ๒. การปลูกโดยไม่ใช้ดนิ

การปลกู พืชทว่ั ไป การปลูกพืชทว่ั ไปมีดินเป็ นปัจจยั ที่สาคญั ใน การเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากดินเป็ นแหล่งธาตุ อาหาร เป็ นท่ียึดเกาะ เป็ นแหล่งเก็บกกั อากาศและน้า ดิ น ที่ เ ห ม า ะ ส ม แ ก่ ก า ร ป ลู ก พื ช จึ ง ต้อ ง มี คุณสมบตั ิทางกายภาพท่ีดี และมีคุณสมบตั ิทางเคมี ท่ีเหมาะสม ดังน้ันการปลูกพืชท่ีใช้ดินในการปลูก ต้องมีกระบวนการและข้ันตอนในการปรับปรุ ง คุณสมบตั ิของดินท้งั ทางกายภาพและทางเคมี เพื่อให้ เหมาะแก่ความตอ้ งการของพชื แต่ละชนิด

การปลกู พืชโดยไม่ใช้ดนิ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน พืชจะได้รับ สารละลายธาตุอาหารที่จาเป็นครบถว้ นในปริมาณ ท่ีเหมาะสมตลอดเวลาจากการดูดซึมทางรากพืช และไดร้ ับธาตุอาหารรวดเร็วกว่าพืชที่ปลูกในดิน เพราะพืชสามารถดูดธาตุอาหารไปใชไ้ ดท้ นั ที จึง ทาให้พืชเจริญเติบโตงอกงามไดด้ ี ซ่ึงหารปลูกพืช โดยไม่ใชด้ ินจะไม่ตอ้ งมีข้ึนตอนการเตรียมดิน

การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ

ข้อดแี ละข้อเสียของการปลูก พืชโดยไม่ใช้ดนิ

๑. สามารถปลูกพชื ได้ในทุกสภาพพน้ื ที่ ๗. พชื เจริญเติบโตเร็วและใหผ้ ลผลิตท่ีมีคุณภาพ ๒. ใชพ้ น้ื ทป่ี ลูกนอ้ ย แต่ได้ผลผลติ ต่อเนอ่ื ง สม่าเสมอ ๘. ไม่เกิดปัญหาโรคและแมลงศตั รูพชื ในดิน ๓. ประหยดั ค่าขนส่ง ๙. ประหยดั น้าและสารละลายธาตุอาหารพืชไดม้ ากกวา่ ๔. ประหยดั เวลา แรงงาน และค่าใชจ้ า่ ย ๑๐. สามารถควบคุมสิ่งแวดลอ้ มได้ ๕. ใชแ้ รงงานนอ้ ยแต่มปี ระสทิ ธภิ าพสูง ๑๑. ผลผลิตที่ไดม้ ีความสะอาด ปราศจากเช้ือโรค ๖. สามารถปลูกพชื ได้ตลอดทง้ั ปี

๑. มีค่าใชส้ ูงในการซ้ืออุปกรณ์ต่าง เช่น โรงเรือน ระบบ ๔. ตอ้ งอาศยั พลงั งานไฟฟ้าสม่าเสมอขาดไม่ได้ รางปลูก ระบบไฟฟ้า ป๊ัมน้า ธาตุอาหารพชื ๕. ผปู้ ลูกตอ้ งคอยตรวจสอบและควบคุมปริมาณ ๒. ผปู้ ลูกจะตอ้ งมีความรู้ ความเขา้ ใจ เกี่ยวกบั การปลูก สารละลายธาตุอาหารพืชใหเ้ หมาะสมกบั พืชแตล่ ะ ชนิด เพราะอาจเป็นอนั ตรายต่อผบู้ ริโภคได้ พชื โดยไม่ใชด้ ิน ๖. วสั ดุปลูกที่เหลือใชอ้ าจเกิดปัญหาตอ่ สิ่งแวดลอ้ ม เช่น ๓. ผปู้ ลูกตอ้ งเอาใจใส่ หมนั่ ควบคุมดูแลอยา่ งใกลช้ ิด ถว้ ยพลาสติก โฟม ฟองน้า



รูปแบบการปลูกพืชโดย ไม่ใช้ดนิ

การจาแนกประเภทของปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ ตามวธิ ีการปลูก การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ ๑. การปลกู พืชระบบไฮโดรพอนิกส์ (Hydroponics) ตามวธิ ีการปลูก ๒. การปลูกพืชในวสั ดุปลูก (Substrate Culture) ๓. การปลูกพืชแอโรพอนิกส์ (Aeroponic Culture) แบ่งไดเ้ ป็น ๓ ประเภท ดงั น้ี

การจาแนกประเภทของปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ ตามวธิ ีการให้สารอาหารพืช การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ ๑. การให้สารอาหารแบบท่วมสลบั ระบายออก ตามวธิ ีการให้สารอาหาร ๒. การให้สารอาหารพืชแบบระบบนา้ หยด ๓. การให้สารอาหารพืชแบบดูดซึม พืช ๔. การให้สารอาหารพืชแบบปลูกในสารอาหารพืช แบ่งไดเ้ ป็น ๔ ประเภท ดงั น้ี

การจาแนกประเภทของปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ ตามระบบการใช้สารอาหาร การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ ๑. ระบบการนาอาหารพืชกลบั มาใช้ใหม่ ตามระบบการใช้ ๒. ระบบทไ่ี ม่นาสารอาหารพืชทใ่ี ช้แล้วกลบั มาใช้ใหม่ สารอาหาร แบ่งเป็น ๒ ประเภท ดงั น้ี

การจาแนกประเภทของปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ ตามการประยกุ ต์ใช้งาน ๑. การปลูกพืชแบบแขวน ๒. การปลกู พืชแบบกระถางปลกู แนวต้งั ตรง ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม ๓. การปลูกพืชแบบลาดเอยี ง กบั พืน้ ทไ่ี ด้หลายรูปแบบ ๔. การปลกู พืชแบบเล่นระดบั เป็ นช้ัน ๕. การปลูกพืชแบบกระถางแขวน เช่น ๖. การปลกู พืชกระถางสาเร็จรูป ๗. การปลกู พืชรูปแบบอื่น ๆ

การปลูกพืชระบบไฮโดรพอนิกส์ (Hydroponics)

การปลกู พืชแบบให้ การปลูกพืชแบบให้สารอาหารไหลผ่านรากพืช สารอาหารพืชท่วมสลบั ระบายออกอย่างต่อเนื่อง ๑. บาง ๆ ตลอดเวลา (Nutrient Film Technique, (Flood and Drain, FAD) NFT) การปลกู พืชแบบให้ สารอาหารไหลผ่าน รากพืชแบบแผ่นหนา ๕. การปลูกพืชแบบ ๒. อย่างต่อเน่ือง ไฮโดรพอนิกส์ (Nutrient Flow (Hydroponics) Technique, NFLT) การปลกู พืชแบบให้สารอาหาร จาแนกได้ ๕ แบบ การปลกู พืชแบบให้สารอาหาร พืชและอากาศไหลวนผ่านราก ไหลผ่านรากพืชบนภาชนะทมี่ ี พืชในระดบั นา้ ลกึ อย่างต่อเน่ือง ๔. ๓. ความลกึ (Deep Flow ในถาดปลกู (Dynamic Root Technique, DFT) Floating Technique, DRFT)

๑. การปลูกพืชแบบให้สารอาหารไหลผ่านรากพืชบาง ๆ ตลอดเวลา (Nutrient Film Technique, NFT) เป็นวธิ ีการใหส้ ารอาหารท่ีจาเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชทางรากแบบใหส้ ารอาหารไหลไป อยา่ งชา้ ๆบนรางปลูกลกั ษณะคลา้ ยฟิ ลม์ บาง ๆ ประมาณ ๑-๓ มิลลิเมตรท่ีอตั ราการไหลผา่ นประมาณ ๑-๒ ลิตรต่อนาทีต่อรางปลูก ความลาดเอียงของรางปลูก ๑-๒ % การปลูกพืชแบบน้ีมีขอ้ จากดั เรื่อง ระบบไฟฟ้าจะตอ้ งมีความต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะหากระบบไฟฟ้าขดั ขอ้ งเป็นเวลานานอาจเกิด ความเสียหายกบั พืชท่ีปลูกได้

๒. การปลกู พืชแบบให้สารอาหารไหลผ่านรากพืชแบบแผ่นหนาอย่างต่อเน่ือง (Nutrient Flow Technique, NFLT) เป็นการปลูกพชื ที่มีลกั ษณะเลียนแบบธรรมชาติอยา่ งเช่น พืชที่ลอยแช่น้าต้ืน ๆ ในลาธารเลก็ ๆ สารอาหารไหลผา่ นรากพืชท่ีความลึกมากกวา่ ระบบ Nutrient Film Technique (NFT) โดยมีความลึก ของสารอาหารที่ไหลประมาณ ๓-๑๕ มิลลิเมตรและมีอตั ราการไหลของสารอาหารและความลาดเอียง มากกวา่ แบบ Nutrient Film Technique (NFT)

๓. การปลูกพืชแบบให้สารอาหารไหลผ่านรากพืชบนภาชนะทมี่ คี วามลกึ (Deep Flow Technique, DFT) เป็นการปลูกพืชที่มีการพฒั นาและปรับปรุงจากระบบ Nutrient Film Technique (NFT) และ ระบบ Nutrient Flow Technique (NFLT) โดยพฒั นารางปลูกใหม้ ีรูปทรง มีความลึกพอที่จะทาให้ สารละลายธาตุอาหาiกกั เกบ็ ไวไ้ ดห้ ากระบบไฟฟ้าขดั ขอ้ ง การปลูกพชื แบบน้ีรากพืชสมั ผสั กบั น้าแค่ บางส่วนเท่าน้นั ดงั น้นั พืชจึงไดร้ ับท้งั สารอาหารและอากาศเพ่ือใชใ้ นการเจริญเติบโตจะมีลกั ษณะเหมือน การปลูกพืชแบบลอยน้าวธิ ีน้ีเหมาะกบั พ้นื ท่ีท่ีมีแดดจดั

๔. การปลกู พืชแบบให้สารอาหารพืชและอากาศไหลวนผ่านรากพืชในระดบั นา้ ลกึ อย่างต่อเน่ืองในถาดปลกู (Dynamic Root Floating Technique, DRFT) เป็นการปลูกพชื ที่ถูกพฒั นามาจากระบบ Deep Flow Technique โดยทาใหร้ ะบบการ ไหลเวียนของสารอาหารและอากาศดีข้ึน ถาดปลูกดา้ นบนทาจากแผน่ โฟมที่มีรูสาหรับปลูก ถาดปลูก ดา้ นล่างมีลกั ษณะเป็นร่องยาว และมีอุปกรณ์สาหรับปรับระดบั สารอาหารในถาดปลูกหรือที่เรียกวา่ สะดือน้า การไหลเวยี นของสารอาหารจะไหลลงสู่ถงั ใส่สารอาหารดา้ นล่างของชุดปลูกแลว้ ถูกส่งกลบั ข้ึนไปยงั ถาดปลูกท่ีดา้ นบนอีกคร้ังโดยป๊ัมน้าส่วนที่รับสารอาหารท่ีอยถู่ าดปลูกบนจะติดอุปกรณ์เพ่ิม อากาศใหส้ ารอาหารก่อนปลอ่ ยสารอาหารไหลเวียนผา่ นรากพืช

๕. การปลูกพืชแบบให้สารอาหารพืชท่วมสลบั ระบายออกอย่างต่อเน่ือง (Flood and Drain, FAD) เป็นการปลูกพืชท่ีทาใหส้ ารอาหารท่วมขงั รากพืชไดร้ ะยะเวลาหน่ึงแลว้ ค่อยระบาย สารอาหารออกหลงั จากน้นั กป็ ล่อยใหส้ ารอาหารท่วมขงั อีกคร้ังทาแบบน้ีสลบั กนั ไปเร่ือย ๆ การปลูก พชื วธิ ีน้ีจะประหยดั ค่าไฟฟ้าได้

วสั ดุและอปุ กรณ์สาหรับการปลูกพืช ระบบไฮโดรพอนิกส์ (Hydroponics) ๑. โรงเรือน ๕. ป๋ ุยหรือสารอาหารพืช ๒. ภาชนะทใี่ ช้ ๖. นา้ ในการปลกู ๓. วสั ดุปลูก ๗. เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบ สารอาหารพืช ๔. วสั ดุทใี่ ช้ใน ๘. ปั๊มนา้ การเพาะต้นกล้า

โรงเรือน โรงเรือนสาหรับปลูกพชื ในระบบ ไฮโดรพอนิกส์ส่วนใหญ่สร้างจากแบบโรงเรือน ท่ีมีลกั ษณะ ดงั น้ี • หลงั คาพลาสติก • ตวั โครงหลงั คาอาจใชไ้ มไ้ ผ่ ท่อน้า PVC หรือ เหลก็ ทา แตต่ อ้ งคานึงถึงความแขง็ แรง ทนทาน และราคาถูก • โรงเรือนตอ้ งสามารถควบคุมสภาพ ส่ิงแวดลอ้ มท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตของพชื โรงเรือนสาหรับปลูกพืชระบบไฮโดรพอนิกส์

ภาชนะทใ่ี ช้ในการปลูก ภาชนะทใ่ี ช้ปลกู แบบรางปลกู สาหรับภาชนะท่ีใชใ้ นการปลูกควรคานึงถึง รูปแบบชนิดรูปร่างและขนาดของภาชนะที่ใช้ ภาชนะทดี่ ี จะตอ้ งมีลกั ษณะ ดงั น้ี • ทาจากวสั ดุท่ีมีความคงทน แขง็ แรง • น้าหนกั เบา • สะอาดและทาความสะอาดไดง้ ่าย • ใชไ้ ดน้ าน ไม่ผกุ ร่อน • ไม่เป็นอนั ตรายแก่พืช • ไม่ควรใชภ้ าชนะท่ีทาจากโลหะท่ีเคลือบสังกะสี เพราะจะทาปฏิกิริยากบั สารอาหารพืชอาจเป็น พษิ ตอ่ รากพืชได้

วสั ดปุ ลูก สมบัติทาง คณุ สมบัติ วสั ดุปลูกที่ดีไม่ควรสลายตวั หรือ กายภาพ ทางชีวภาพ ผพุ งั ง่าย มีอตั ราส่วนของคาร์บอน วสั ดุปลูกควรมีความพรุนหรือ ต่อไนโตรเจน (C : N Ratio) มีช่องวา่ งอากาศเหมาะสม คณุ สมบตั ิทาง เหมาะสม ไม่เป็นแหล่งสะสมโรค อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก เคมี และสามารถอุม้ น้าไดด้ ี และแมลงศตั รูพืช วสั ดุปลูกควรมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ท่ีเหมาะสม ไม่เป็ นอุปสรรคต่อการดูดซึมสารอาหารของพืช

วสั ดทุ ใ่ี ช้ในการเพาะต้นกล้า วสั ดุที่นิยมใชใ้ นการเพาะตน้ กลา้ คือ ถว้ ยเพาะหรือถาดเพาะพลาสติกสาเร็จรูปที่มี หลุมสาหรับเพาะเมลด็ โดยเฉพาะโดยการนา วสั ดุปลูก เช่น เวอร์มิคูไลต์ เพอร์ไลต์ ฟองน้า อดั แท่ง แท่งใยหิน ทราย หรือกรวด ใส่ลงใน หลุมแลว้ นาเมลด็ วางลงตรงกลางเม่ือตน้ กลา้ โตจึงยา้ ยไปไวล้ งในภาชนะปลูกที่เตรียมไว้ เพอร์ไลต์

ป๋ ยุ หรือสารอาหารพืช ป๋ ุยหรือสารอาหารพืชเป็นปัจจยั หลกั ท่ีทาใหพ้ ืชเจริญเติบโต เน่ืองจากพชื ที่ปลูก ระบบน้ีไม่สามารถดูดหาสารอาหารพชื จาก ดินไดเ้ หมือนกบั การปลูกพชื ทวั่ ไปที่ปลูกบน ดิน ดงั น้นั ผปู้ ลูกจะตอ้ งเตรียมสารอาหารพืช ข้ึนเองโดยการนาป๋ ุยหรือสารอาหารพชื มาละลายน้าตามปริมาณและชนิดของ สารอาหารท่ีพืชตอ้ งการ

ป๋ ุยหรือสารอาหารพืช สารอาหารที่จาเป็นตอ่ การเจริญเติบโตของพืชมี ๑๖ ธาตุ ไดแ้ ก่ • ธาตุคาร์บอน (C) • ธาตุแคลเซียม (Ca) • ธาตุทองแดง (Cu) • ธาตุออกซิเจน (O) • ธาตุแมกนีเซียม (Mg) • ธาตุเหลก็ (Fe) • ธาตุไฮโดรเจน (H) • ธาตุกามะถนั (S) • ธาตุโบรอน (8) และ • ธาตุไนโตรเจน (N) • ธาตุแมงกานีส (Mn) • ธาตุฟอสฟอรัส (P) • ธาตุโมลิบดีนมั (Mo) • ธาตุคลอรีน (CI) • ธาตุโพแทสเซียม (K) • ธาตุสงั กะสี (Zn)

ป๋ ยุ หรือสารอาหารพืช ๑. ธาตุอาหารทพ่ี ืชต้องการในปริมาณมากแต่มีเพยี งพอและ ไม่ขาดธาตุอาหารประเภทนีจ้ ะเป็ นส่วนประกอบทสี่ าคญั ของโครงสร้างพืช ไดแ้ ก่ ธาตคุ ารบ์ อน (C) ธาตอุ อกซิเจน (O) และธาตไุ ฮโดรเจน (H) ซง่ึ พืชไดม้ า จากนา้ (������2O) และอากาศ (������������2) โดยพืชไดธ้ าตไุ ฮโดรเจน (H) และธาตุ ออกซเิ จน (0) จากนา้ ท่ีพชื ดดู เขา้ ไปทางรากสว่ นธาตคุ ารบ์ อน (c) ไดม้ าจาก การดดู ก๊าซ ������������2 เขา้ ไปทางใบ

เครื่องมือทีใ่ ช้ตรวจสอบสารอาหารพืช เคร่ืองมือวดั ความเป็ นกรด-ด่าง เคร่ืองมือที่ใชต้ รวจสอบสารอาหาร พืชเป็ นเครื่องมือท่ีใช้ตรวจสอบว่าป๋ ุยหรือ สารอาหารเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของ พื ช แ ต่ ล ะ ช นิ ด ด้ว ย ก า ร วัด ค่ า ร ะ ดับ ค ว า ม เขม้ ขน้ ของป๋ ุยหรือสารอาหารซ่ึงจะมีการวดั ค่าการนาไฟฟ้า (Electrical Conductivity. EC) ดว้ ยเคร่ืองมือที่เรียกว่า EC meter และมี การวดั ความเป็นกรดด่าง (pH) ดว้ ยเครื่องมือ ที่เรียกวา่ pH meter

ป๊ัมนา้ ปั๊มน้าใชส้ าหรับดูดน้าหรือ สารอาหารพืชเพอ่ื ใหส้ ารอาหารพชื ไหล หมุนเวียนในระบบอยา่ งทว่ั ถึงและเพียงพอ ตลอดเวลาปั๊มน้าที่เหมาะสมตอ้ งไม่เป็นสนิม ง่ายขนาดของป๊ัมน้าข้ึนกบั พ้นื ที่และขนาด ของระบบที่ใชป้ ลูก ป๊ัมนา้ ใช้สาหรับดูดนา้ หรือ สารอาหารพืชในโรงเรือนขนาดใหญ่

การจดั การหลงั เกบ็ เกย่ี วผลผลติ การจัดการดูแลหลงั เกบ็ เกยี่ วผลผลติ



การจดั การดูแลหลงั เกบ็ เกย่ี วผลผลติ ๑. การตดั แต่ง การตัดแต่งผลผลิต เป็นข้นั ตอนการตดั แต่งผลผลิตโดยใชม้ ีดคมๆ หรือกรรไกรปลิดใบส่วนล่างของพชื ผกั กินใบที่แก่ ไปและมีสีเหลืองออกหรือตดั ส่วนของผลผลิตท่ีมี ลกั ษณะผดิ ปกติหรือเน่าเสียออกเพ่ือใหผ้ ลผลิตมี คุณภาพดี

การจดั การดูแลหลงั เกบ็ เกย่ี วผลผลติ ๒. การลา้ งทาความสะอาด การล้างผลผลติ ด้วยนา้ สะอาด • การลา้ งทาความสะอาดผลผลิตควรเป็ นน้าท่ี สะอาดปราศจากสารพษิ ตกคา้ ง • อาจผสมน้ากบั ด่างทบั ทิมคลอรีนหรือผ่านแสง อลั ตราไวโอเลต • หลังจากล้างเสร็จควรนาผลผลิตมาผ่ึงลมให้ แหง้ • หลงั จากผ่งึ ลมแลว้ ใหน้ าไปบรรจุกล่องหรือเกบ็ ไวใ้ นตูเ้ ยน็ เพอื่ จาหน่ายต่อไป

การจัดการดูแลหลงั เกบ็ เกยี่ วผลผลติ ๓. การคดั คุณภาพผลผลิต โดยทวั่ ไปผลผลิตท่ีเกบ็ เกี่ยวไดจ้ ะมีขนาดที่แตกต่างกนั ดงั น้นั การตดั ขนาดของผลผลิตจึงเป็นส่ิงสาคญั ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพและคุณคา่ ของผลผลิตใหผ้ บู้ ริโภคหรือผซู้ ้ือสามารถที่จะเลือกซ้ือผลผลิตไดต้ ามความ ตอ้ งการการคดั เลือกผลผลิตสามารถทาไดต้ ามวธิ ีการต่อไปน้ี การสังเกต การใชเ้ คร่ืองมือ การชง่ั น้าหนกั การคดั ขนาดผลผลติ จากการสังเกต การคดั ขนาดผลผลติ โดยการใช้เครื่องมือ การคดั ขนาดผลผลติ โดยการชั่งนา้ หนัก

การจดั การดูแลหลงั เกบ็ เกยี่ วผลผลติ ๔. การบรรจุหีบห่อ การบรรจุหีบห่อ การบรรจุหีบห่อเป็ นการช่วยรักษาคุณภาพของ ผลผลิตใหม้ ีความสดใหม่ เกบ็ ไวไ้ ดน้ าน และเพือ่ ความสะดวกต่อการขนส่งผลผลิต และการจาหน่าย ภาชนะท่ีใชส้ าหรับบรรจุ เช่น ถุงผา้ ใบ ถุงตาข่าย กล่องกระดาษ พลาสติก ฟิ ลม์ หรืออาจใชภ้ าชนะที่ สามารถเกบ็ ความช้ืน และทาใหผ้ ลผลิตสดนานข้ึน เช่น พอลิเอทิลีน เซลโลเฟน เป็นตน้

การจดั การดูแลหลงั เกบ็ เกยี่ วผลผลติ ๕. การลดอุณหภูมิ การลดอุณหภูมเิ พื่อให้ผลผลติ สดใหม่ เป็นการทาใหผ้ ลผลิตมีความสดใหม่จนกระทง่ั ถึงมือผบู้ ริโภคโดยสามารถทาไดห้ ลายวธิ ี ไดแ้ ก่ • การใชน้ ้าเยน็ ผสมกบั สารป้องกนั เช้ือราเลก็ นอ้ ย ฉีดพน่ ที่ผลผลิต • การใชน้ ้าราดผลผลิตการแช่ผลผลิตในน้าเยน็ • การใชล้ มเยน็ เป่ าผลผลิตส่วนผลผลิตที่มี การบรรจุหีบห่อแลว้ ใหน้ าไปแช่ในตูเ้ ยน็

การจดั การดูแลหลงั เกบ็ เกย่ี วผลผลติ ๖. การขนส่งและจาหน่าย การขนส่ งผลผลติ • ควรคานึงถึงความรวดเร็วในการขนส่งเพื่อให้ ถึงผบู้ ริโภคหรือแหล่งจาหน่ายโดยใชเ้ วลาให้ นอ้ ยที่สุด • ระมดั ระวงั ไม่ใหเ้ กิดความเสียหายข้ึนกบั ผลผลิตระหวา่ งการขนส่ง • พิจารณาถึงลกั ษณะการจดั เกบ็ ผลผลิตให้ เหมาะสมกบั ผลผลิตแต่ละชนิด

การปลูกพืชระบบไฮโดรพอนิกส์ ในกล่อมโฟม



การปลูกเมลอนญป่ี ่ ุนโดยไม่ใช้ดนิ (Substrate Culture)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook