ใบงานนักเรยี นกลมุ สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาการคาํ นวณ รหสั วชิ า ว14101 ระดับชัน้ ประถมศกึ ษาปท ่ี 4 ปก ารศกึ ษา 2564 หนวยการเรยี นรทู ่ี 1 การแกป ญ หา นายอัศมนิ ทร สาและ ครผู ูสอนโรงเรียนบา นกระเสาะ โรงเรียนบา นกระเสาะ สํานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาปต ตานี เขต 2 สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
ชน้ิ งานท่ี 1 เร่ือง การใชเหตุผลเชงิ ตรรกะในการเลนเกม OX ได.................คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน วันท่ี ................. เดอื น ............................. พ.ศ. ...................... ชอื่ .................................................................. เลขท่ี ........... ชัน้ ................. นักเรียนเลนเกม OX กับเพื่อน โดยคร้ังแรกใหเพ่ือนเร่ิมเลนกอน และคร้ังท่ี 2 นักเรียนเริ่มเลนกอน จากนัน้ ตอบคําถาม ครั้งท่ี 1 คร้งั ที่ 2 • ในการเลนเกม OX ฝายท่เี ลนกอ นหรือหลงั จะไดเ ปรยี บหรือเสยี เปรยี บอยา งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… • ในการเลนเกม OX เปนไปไดหรือไมทเี่ ขียนเต็มทุกชองแลวยงั ไมมีผชู นะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… • เกม OX สามารถเพ่ิมชองไดห รอื ไม และจะเพ่ิมอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ช้ินงานที่ 2 เรือ่ ง ขั้นตอนการแกปญหา ได.................คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน วันท่ี ................. เดอื น ............................. พ.ศ. ...................... ชอ่ื .................................................................. เลขที่ ........... ชนั้ ................. 1. นักเรียนแบงกลุมตามความเหมาะสม แตละกลุมรวมกันวิเคราะหและปฏิบัติกิจกรรมที่ 1.4 ลูกบาศก กําหนดลูกบาศก 4 ลูก แตละลูกมีสีตางกัน ถาตองการนําลูกบาศกมาเรียงตอกันจะมีวิธีเรียงไดก่ีแบบ จากนั้นแตละ กลุมรว มกนั เขยี นขัน้ ตอนการแกป ญ หาเปน ภาพความคดิ แลวตอบคาํ ถาม ดงั นี้ แดง เหลือง ฟา เขียว ขัน้ ตอนท่ี 1 ระบุปญหา เรียงลูกบาศก 4 ลกู ไดกีว่ ธิ ี ขั้นตอนที่ 2 รวบรวมขอมูล ลูกบาศก 4 ลูก แตล ะลูกมีสีแตกตางกัน ขน้ั ตอนท่ี 3 วางแผนการแกป ญหา ลําดับความคิดเปนขอ ความ ข้ันตอนที่ 4 แกปญ หา ทดลองวาดภาพและระบายสี แลว เรยี งลูกบาศกไมใ หซํ้ากนั ข้ันตอนที่ 5 ทดสอบและประเมนิ ผล พจิ ารณา และตรวจสอบคําตอบที่ได
นกั เรยี นสามารถเรยี งลูกบาศก 4 ลูกไดก่แี บบ (ตวั อยา งคําตอบ 24 แบบ) ถาลูกบาศกสแี ดงและสเี หลืองตองอยูติดกนั เสมอ จะเรยี งไดกี่แบบ (ตวั อยา งคําตอบ 12 แบบ) ถามลี ูกบาศก 3 ลกู จะเรยี งไดก ี่แบบ (ตัวอยางคําตอบ 6 แบบ) ถา มีลกู บาศก 5 ลกู จะเรียงไดก แ่ี บบ (ตัวอยางคําตอบ 120 แบบ)
2. นักเรียนรวมกันพิจารณาภาพสถานการณจากบัตรภาพท่ีกําหนด แลววิเคราะหวาภาพใดเปนปญหาและไมเปน ปญ หา แลวชวยกันตรวจสอบความถกู ตอง ดังนี้ 1 อา นหนังสือ 2 นกั เรียนทะเลาะวิวาทกัน 3 ปลกู ตนไม 4 หอ งเรยี นสกปรก 5 สอบไดค้ ะแนนนอ้ ย 6 ทาํ ความสะอาดบาน ภาพใดบางที่เปน ปญ หา (ภาพท่ี 2 , 4 และ 5)
3. นักเรียนออกเปน 3 กลุมเทา ๆ กัน ตัวแทนกลุมจับสลากเลือกปญหา ไดแกนักเรียนทะเลาะวิวาทกัน หองเรียน สกปรก และสอบไดคะแนนนอย จากน้ันแตละกลุมรวมกันวิเคราะหสาเหตุ และผลกระทบของปญหาดังกลาว เขียนเปนแผนภาพความคดิ แลวอภปิ รายรว มกนั ดังตัวอยางแบง กลมุ ไมช่ อบนิสยั เพอื น ชอบแกลงเพือ่ น เพอื นพูดไม่ไพเราะ นําของเพื่อนไปซอน เพอื นชอบนินทา ผลักเพื่อนใหล ม สาเหตุ ปญ หา ผลทเ่ี กิดขึ้น นักเรียนทะเลาะ ตางฝา ยตา งไดร ับบาดเจบ็ ววิ าทกนั ทั้งคู คุยกันดวยอารมณ ลอ ปมดอยของเพ่ือน แสดงสหี นาเวลาพดู กบั เพ่ือน เพอื่ นผมหยิก ใสอ ารมณขณะพูดกับเพ่อื น เพื่อนตวั เล็ก
ทงิ้ ขยะในหองเรียน อุปกรณทําความสะอาด มกั งาย ขีเ้ กียจทง้ิ ขยะ มีไมเ พียงพอ ไมถูพื้นมเี พยี ง 1 อัน ไมก วาดชํารุดท้ัง 3 อัน สาเหตุ ปญหา ผลทเ่ี กิดขึ้น หองเรยี นสกปรก บรรยากาศในหองเรยี น ไมนาเรยี น เศษขยะเต็มหอง ถงั ขยะมีไมเ พยี งพอ ไมทาํ ความสะอาด หอ งเรยี น มถี ังขยะใบเล็กเพียง 1 ใบ ถังขยะชํารุด เกี่ยงกันทาํ ความสะอาด เวรทําความสะอาดไมทาํ ไมอ านหนังสอื กอนสอบ ความรเู ดิมไมพอ ตดิ เกม ไมชอบทบทวนความรู ขีเ้ กียจอานหนงั สือ ไมช อบอานหนงั สือเรยี น สาเหตุ ปญหา ผลที่เกิดขึน้ สอบได ไมพอใจในคะแนนสอบ คะแนนนอย ไมม คี วามภาคภูมิใจในตนเอง ไมม ีหนงั สือเรยี น เรียนไมเ ขา ใจ ลมื นาํ หนังสือมาเรียน แอบหลับในหองเรียน หนังสือเรยี นหาย ไมฟงท่คี รูสอน
4. นักเรยี นรว มกันวเิ คราะหและแสดงความคิดเห็น โดยตอบคําถามกระตุนความคดิ ดงั น้ี การแกป ญหาตามข้นั ตอนการแกป ญหามีประโยชนอ ยา งไร (ตัวอยางคําตอบ ทําใหสามารถแกปญหาไดประสบความสําเร็จและมีประสิทธิภาพ ไดผลลัพธท่ีดี ใน การนาํ ไปใชแกป ญหาท่พี บในชวี ติ จริง) 5. นกั เรยี นรว มกนั สรุปความคิดรวบยอดเกย่ี วกับขั้นตอนการแกป ญหา ดงั นี้ - ข้ันตอนการแกป ญหา จะทาํ ใหการแกปญหามีประสิทธิภาพมากยงิ่ ขน้ึ นักเรียนฝกใชเหตุผลเชิงตรรกะในการแกปญหาจากปญหาท่ีไดพบ เขียนวิธีการแกปญหาตามข้ันตอนการ แกป ญหา เพ่อื แกปญหาดงั กลา วใหประสบผลสําเรจ็ เขยี นบนั ทกึ ลงในแบบบนั ทึก ดงั น้ี (ตวั อยา่ งคาํ ตอบ) แบบบนั ทึกการแกป ญหาท่ี 1 1. ปญหา คือ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. สาเหตุของปญหาที่เลอื ก คือ ………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. เปา หมายทตี่ องการในการแกปญหา คอื …………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. ทางเลอื กในการแกป ญหา ทางเลือกท่ี 1 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ทางเลือกที่ 2 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แกป ญ หาโดยใชท างเลือกใด เพราะเหตุใด ทางเลือกที่ 1 เพราะ …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ทางเลือกท่ี 2 เพราะ …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 6. วางแผนการแกปญหาอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 7. ทดสอบและประเมินผลอยา งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แบบบันทกึ การแก้ปัญหาที 1. ปญ หา คือ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. สาเหตุของปญหาทีเ่ ลอื ก คือ ………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. เปา หมายที่ตองการในการแกปญหา คอื …………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. ทางเลอื กในการแกป ญ หา ทางเลอื กที่ 1 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ทางเลือกท่ี 2 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. แกปญหาโดยใชท างเลอื กใด เพราะเหตุใด ทางเลอื กท่ี 1 เพราะ …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ทางเลือกท่ี 2 เพราะ …………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 6. วางแผนการแกปญหาอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 7. ทดสอบและประเมนิ ผลอยา งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. (ตวั อยา่ งคาํ ตอบ)
ชิ้นงานท่ี 3 เร่อื ง การเขียนโปรแกรมใหตัวละครส่อื สารระหวางกัน ได. ................คะแนน คะแนนเตม็ 10 คะแนน วนั ที่ ................. เดอื น ............................. พ.ศ. ...................... ช่อื .................................................................. เลขที่ ........... ช้นั ................. 1. นักเรียนนําโปรแกรมท่ีออกแบบมาเขียนโปรแกรมใหสําเร็จ แลวนําเสนอผลงาน จากน้ันประเมินตนเอง ตามความเปนจรงิ 1.1 นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมท่ี 3 สรางสรรคตัวละคร โดยเขียนโปรแกรมใหตัวละครส่ือสารระหวางกัน ใชเครื่องมือฝกเขยี นโปรแกรมผานเว็บไซต https://code.org ตามขั้นตอน ดังนี้ 1.1.1 เปดเว็บไซต https://code.org แลว เลือกภาษาทใ่ี ช 1.1.2 คลกิ เมาสเ ลือกหัวขอ นักเรยี น
1.1.3 คลิกเมาสเลือกคอรส 2 1.1.4 คลกิ เมาสเ ลือกบทเรยี นลาํ ดบั ที่ 17 Play Lab: Create a Story แลว คลกิ เมาสเ ลอื กขอ 1 จากนั้นหนา โปรแกรมจะแสดง ดงั ภาพ
1.1.5 เขยี นโปรแกรมใหตัวละครส่ือสาร โดยคลกิ เมาสล ากบลอ็ กคําสั่ง มาวางตรงพนื้ ที่ทาํ งาน 1.1.6 คลิกเมาสเ พือ่ แกไขขอความ แลว พิมพคาํ วา “สวสั ด”ี 1.1.7 เมือ่ คลิกเมาสที่ปุม เพอ่ื ใหโปรแกรมทํางาน ตวั ละครจะแสดงคาํ วา สวสั ดี
1.1.8 ลาํ ดับตอไปเปนโปรแกรมใหตัวละคร 2 ตัวส่ือสารระหวางกัน โดยแสดงหนาจอดังภาพ จะมีบล็อกคําส่ัง เพื่อสั่งใหตวั ละครแตล ะตัวพดู 1.1.9 เขียนโปรแกรมโดยคลิกเมาสลากบล็อกคําสั่ง มาวางแลวใหตัวละคร ตัวแรกพูดวา “สวัสดีครับ” จากน้ันคลิกเมาสลากบล็อกคําสั่ง ม า ว า ง ต อ แลวปรับตัวเลขใหเปน ตวั ละครตวั ท่ี 2 และพดู วา “สวสั ดีคะ ”
1.1.10 เมื่อคลิกเมาสท่ปี มุ เพ่ือใหโปรแกรมทํางาน จะพบวาตัวละครท้ัง 2 ตัวสื่อสารระหวางกัน โดยตวั ละครตวั แรกจะพดู กอ น 1.1.11 ลําดับตอไปเขียนโปรแกรมใหตัวละ ครสุนัขเคลื่อนท่ีเขาหาแมว ซึ่งหนาจอโปรแกรม จะแสดงผล ดังภาพ 1.1.12 คลิกเมาสล ากบลอ็ กคําสง่ั มาวาง แลวปรับระยะทาง เคลอ่ื นที่ใหเ หมาะสมตามตองการ จากน้ันทดสอบโปรแกรม
2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนและออกแบบโปรแกรมการแกปญหาตามข้ันตอนการแกปญหา เชน การ เ ขี ย น โ ป ร แ ก ร ม ใ ห ตั ว ล ะ ค ร 2 ตั ว สื่ อ ส า ร ร ะ ห ว า ง กั น จ า ก เ ว็ บ ไ ซ ต https://code.org โดยเขยี นบันทกึ ลงในแบบบนั ทึก ดงั ตวั อยา ง 3. นักเรียนนาํ โปรแกรมทอี่ อกแบบมาเขียนโปรแกรมใหสาํ เรจ็ ทดสอบโปรแกรมและประเมินผลตามความเปนจริง ลงในช้ินงานท่ี 3 เรือ่ ง การเขยี นโปรแกรมใหต วั ละครสื่อสารระหวา งกนั 4. นักเรยี นรว มกนั สรปุ สงิ่ ทเ่ี ขา ใจเปน ความรูรวมกัน ดงั นี้ การเขียนโปรแกรมเปนการสรางลําดับของคําสั่งใหคอมพิวเตอรทํางาน เพ่ือใหไดผลลัพธตามความตองการ หากมีขอผิดพลาดใหตรวจสอบการทํางานทีละคําส่ัง เม่ือพบจุดที่ทําใหผลลัพธไมถูกตอง ใหทําการแกไขจนกวาจะได ผลลัพธทถ่ี กู ตอ ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: