การจดั เก็บและการคน้ คนื สารสนเทศ 421-321 อาจารย์ ดร.นวพล แกว้ สุวรรณ สาขาการจัดการสารสนเทศ ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนเิ ทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์
จุดมงุ่ หมายรายวิชา • เพอ่ื ให้นกั ศกึ ษามีความรู้ ความเขา้ ใจ ความหมาย ความสาคัญ บทบาทของสารสนเทศ • เพ่ือให้นกั ศกึ ษาตระหนักถงึ ความสาคญั ของการศึกษาค้นคว้า เพือ่ การศึกษาใน ระดบั อดุ มศกึ ษา • เพอ่ื ให้นกั ศกึ ษามีความรู้ ความเขา้ ใจในระบบการจดั เกบ็ และการใช้ทรพั ยากรสารสนเทศ • เพอ่ื ใหน้ กั ศกึ ษามที กั ษะในการสบื คน้ สารสนเทศดว้ ยเทคโนโลยี
การประเมนิ ผลการเรยี น • ประเมินผลจากพฤตกิ รรมการเข้าหอ้ งเรียน • ประเมินผลการร่วมกจิ กรรมในชนั้ เรยี น • ประเมนิ ผลจากการสง่ งานท่ีได้รบั มอบหมายตรงตามเวลา
บทที่ 3 ทรพั ยากรสารสนเทศ
ทรัพยากรสารสนเทศ คอื สง่ิ หรอื วัสดทุ ช่ี าสาหรับการจัดเกบ็ หรือบนั ทึก สารสนเทศ โดยวัสดุท่ีใชจ้ ดั เก็บหรือบันทกึ จะมหี ลากหลายรูปแบบขน้ึ อยู่กับประเภทของ สารสนเทศ ประเภทของทรัพยากรสารสนเทศ สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ประเภท คือ • วสั ดุตพี มิ พ์ (Printed Materials) • วัสดุไมต่ ีพมิ พ์ (Non-Printed Materials) • วสั ดุอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic Materials)
วสั ดุตพี ิมพ์ (Printed Materials) วสั ดปุ ระเภทน้ี เปน็ วสั ดทุ ีม่ ีการจดั เป็นพมิ พ์เปน็ ลายลกั ษณ์ อักษร อยา่ งชดั เจน โดย สามารถทาการอา่ นไดโ้ ดยไม่จาเป็นต้องใช้สือ่ เปน็ ตวั กลาง อาทิ วารสาร จลุ สาร หนังสือพิมพ์ ตาราเรยี น เอกสารวชิ าการ บทความ เป็นตน้ สามารถแบง่ ย่อยออกเปน็ 5 ประเภท คอื 1. หนงั สือ (Book) เปน็ สง่ิ พมิ พ์ท่ีเกดิ จากการนาความรู้มารวบรวม พร้อมกบั ประสบการณ์ และสติปญั ญา ของผ้แู ต่ง แบ่งตามลักษณะได้ คอื 1.1 หนังสือท่ัวไป (General Book) ผูอ้ ่านสามารถยมื ได้ โดยจดั เรียงตามช้นั 1.2 หนงั สอื จอง หรือสารอง (Reserved Book) เป็นหนังสือที่ประกอบการจัดการเรียนการ สอนในรายวิชาหนึ่ง แต่มีจานวนจากดั จงึ สามารถยืมได้ในระยะเวลาสนั้
1.3 หนงั สืออา้ งอิง (Reference Book) ใชส้ าหรบั การอ่านในเนือ้ หาโดยเฉพาะ เพอ่ื ทาการอ้างอิง โดยหนงั สอื ประเภทนีจ้ ะมีจานวนคอ่ นข้างนอ้ ย เนอื่ งจากมรี าคาแพง จงึ ไม่ อนุญาตให้ทาการยืม หรอื จอง อาทิ พจนานุกรม สารานุกรม หนังสือรายปี ชีวประวัติบุคคล สาคญั เปน็ ตน้ 2. วารสาร (Periodicals) เป็นสิ่งพมิ พท์ ี่มกี าหนดการพมิ พต์ ามวนั เวลา ท่แี นน่ อน และต่อเนอ่ื งสมา่ เสมอ โดยผใู้ ช้ ตอ้ งทาการสมคั รสมาชิกเป็นรายเดอื น หรอื รายปี ซง่ึ ภายในนั้นจะระบบุ ทความเร่อื งราวที่น่าสนใจ หรอื มขี อบเขตของเร่อื งราวตามวตั ถปุ ระสงค์ของเล่มน้ันๆ โดยคาวา่ วารสาร และคาว่านิตยสารน้ัน มคี วามหมายแตกต่างกัน คาว่าวารสาร จะเปน็ ส่ิงพมิ พท์ ีเ่ น้นทางดา้ นวชิ าการ ศาสตรส์ าขาเฉพาะทาง อาทิ วารสารหอ้ งสมุด วารสาร สงั คมศาสตร์ ปรทิ รรศน์ เป็นต้น โดยสามารถแบง่ ออกเป็น 4 ประเภท คือ
2.1 วารสารวิชาการ (Journal) เป็นวารสารทีม่ งุ่ สร้าง และเสนอความรู้ แนวคิด ทฤษฏี ท่นี ักวิชาการคน้ พบจากการทาวิจัย หรอื รีววิ ทฤษฏีกอ่ นที่จะทาการตีพมิ พ์ อาทิ วารสารพระจอม เกลา้ ลาดกระบัง วารสารสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น วารสารธรรมศาสตร์ เป็นต้น 2.2 วารสารทว่ั ไป (Magazine) เปน็ วารสารที่ไมเ่ นน้ วชิ าการ แต่ในทางตรงกนั ข้าวจะ เปน็ การเน้นเพอื่ ให้ความรทู้ างด้านความบันเทิง แฟชน่ั สารคดี แล้วแตฉ่ บับ 2.3 วารสารก่ึงวชิ าการ เป็นวารสารท่มี กี ารนาเสนอดว้ ยภาษาท่อี ่านแลว้ สามารถทา ความเขา้ ใจได้งา่ ย หรือมกี ารเสนอความรูเ้ พ่อื แก้ปัญหาให้กบั เกษตร กลุ่มชนรากหญ้า อาทิ หมอ ชาวบ้าน เกษตรชาวบ้าน เทคโนโลยีการผลิต เกษตรบนแผน่ กระดาษ เปน็ ต้น 2.4 วารสารบันเทิง เป็นวารสารที่เนน้ เฉพาะเนื้อหาบันเทิงแกผ่ อู้ ่านโดยเฉพาะ อาทิ แพรว ขวัญเรือน อ.ส.ท. เป็นตน้
3. จุลสาร (Pamphlets) เป็นส่งิ ทีต่ พี ิมพ์มีจานวนหนา้ ไม่มาก ปกตไิ มต่ า่ กวา่ 5 หนา้ แตไ่ มเ่ กดิ 60 หน้า มเี น้ือหาสมบรู ณ์ภายใน เล่ม มีเน้ือหาท่ีเขา้ ใจงา่ ย และมีความทันสมยั โดยปกตทิ าการเขา้ เล่มโดยใช้ปกอ่อน เนื่องจากมีจานวนหนา้ ที่น้อย อาทิ คมู่ อื เกษตร วธิ ีการเลยี้ งสตั ว์เศรษฐกจิ เปน็ ต้น 4. หนังสอื พมิ พร์ ายวนั (Dairy Newspapers) เป็นสงิ่ พมิ พ์ทีม่ กี าหนดการออกฉบบั ทีแ่ น่นอน อาจจะเป็น รายวนั รายสปั ดาห์ โดยเนื้อหาจะเสนอข่าวสาร กจิ กรรม ที่กาลงั เปน็ ประเดน็ น่าสนใจในขณะน้นั หรือมกี ารเสนอขา่ วภายใน หรอื ภายนอกประเทศ อาหาร วิทยาการสมัยใหม่ เทคโนโลยี ความบนั เทงิ วิธกี ารเขา้ เลม่ อาจจะมที ้งั เย็บและไมเ่ ย็บเล่ม โดยสามารถจาแนกยอ่ ยเป็น 2 ประเภท คอื 4.1 หนงั สือพิมพ์มุ่งเสนอขา่ วการเมือง เศรษฐกจิ สงั คม อาทิ สยามรัฐ เนชนั่ บางกอกโพสต์ ฐานเศรษฐกิจ 4.2 หนงั สือพิมพ์ท่ีมุงเสนอข่าวอาชญากรรม สังคมชาวบา้ น เนื้อหารอ้ นแรง ต่ืนเต้น อาทิ ไทยรัฐ เดลนิ ิวส์ ข่าวสด เปน็ ตน้
5. กฤตภาค (Clippings) เป็นการตัดแต่งข้อความที่คดั สรรเฉพาะประเด็น หรือเน้ือหาทม่ี ีความสาคัญ เพอื่ ทาการศึกษาคน้ ควา้ ต่อไป อาจจะเป็นข่าวสารการเมือง การศึกษา ชวี ประวัติ ท่ีไมอ่ าจหาไดใ้ น หอสมดุ โดยขนาดของข้อความทต่ี ัดจะต้องมขี นาด 8 1 นิ้ว × ������������ ������ หรอื ขนาดเท่ากระดาษ 2 ������ โรเนยี ว (กระดาษขอ้ สอบ) พรอ้ มทาการระบุหัวเรื่อง แหลง่ ทม่ี าอย่างชัดเจน ทาการจดั เกบ็ โดย การเขา้ แฟม้ แยกเปน็ หมวดเร่อื ง และเรียงตามหัวเร่อื ง
วสั ดุไม่ตพี มิ พ์ (Non-Printed Materials) เป็นวสั ดทุ ่ีไม่ได้จัดการพมิ พอ์ อกเป็นรปู เล่ม โดยทั่วไปหมายถงึ โสตทัศนปู กรณ์ และ วสั ดุอเิ ล็กทรอนิกส์ อาศัยการใชภ้ าพ และ/หรือ เสียงประกอบเป็นหลักสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คอื วสั ดทุ ี่ใช้สาหรบั ดู 1. วสั ดุทีใ่ หภ้ าพน่ิง 1.1 รูปภาพ (Picture) อาจเปน็ ภาพถ่าย ภาพวาด หรอื เป็นภาพใชร้ ว่ มกับ โปรแกรมโปรเจคเตอร์ เครื่องฉายภาพทบึ แสง (Opaque Projector) เพื่อขยายภาพให้มคี วาม ชัดเจนมาย่ิงข้นึ
1.2 ภาพนง่ิ หรือสไลด์ (Slide) เป็นภาพท่ีทาการบันทึกลงบนแผ่นภาพ หรือ แผ่นฟลิ ์ม และนามาเข้ากรอบ สามารถมีไดท้ ้งั ภาพขาวดา และภาพสี โดยขนาดทเี่ ปน็ ท่นี ยิ มคอื 3 1 ×4 หรอื ขนาด 2×2 โดยผ้ใู ชส้ ามารถจดั เรยี งลาดับไดต้ ามความต้องการ 4 1.3 ภาพเลอื่ น หรือฟลิ ม์ สตรปิ (Filmstrip) เปน็ ภาพน่ิงที่ทาการบรรจุลงใน ฟลิ ม์ ทม่ี ขี นาด 35 มม. ถา่ ยตามลาดับและมคี วามตอ่ เนื่องกัน โดยทวั่ ไปจานวนภาพจะมปี รมิ าณ อยู่ที่ 20 – 50 ภาพ ในรูปแบบภาพสีและภาพขาวดา ทาการแสดงโดยใช้เคร่อื งฟิลม์ สตริป หรอื เคร่ืองฉายสไลด์ 1.4 ภาพโปรง่ ใส หรอื แผน่ โปรง่ ใส (Overhead Transparency) เปน็ การ เสนอเน้ือหาหรือขอ้ ความโดยการทาการเขียนลงบนแผ่นโปรง่ ใส เพอ่ื ทาการนาเสนอกบั เครื่อง ฉายขา้ มศรีษะ มีทงั้ ประเภททีเ่ ขยี นถาวรและลบได้ ปกติมีขนาด 7X7 น้ิว และ 10X10 นิ้ว
2. แผนท่ี และลกู โลก (Map and Globes) เปน็ วสั ดทุ ี่ใช้ในทางภมู ิศาสตร์เกย่ี วกับขอบเขต และอาณาบรเิ วณของประเทศนั้น หรือ จงั หวดั น้นั สามารถบอกพิกัดความสงู ตา่ ของพ้นื ท่ี ทรัพยากร แมน่ า้ ทะเลสาบ มหาสมุทร เมืองสาคัญที่ระบุไวต้ ามการสารวจของหน่วยงานกรมทรัพยากร โดยแผนที่จะทาการจัดเก็บไว้ ในช้ันวางหรอื ในตู้ สว่ นลูกโลกจะทาการต้ังไวใ้ นบริเวณหอ้ งสมุด 3. วัสดุกราฟฟคิ (Graphic materials) เป็นวัสดุท่ีใช้ภาพสญั ลักษณ์ ตัวเลข ตัวหนังสอื รว่ มกัน เพือ่ ทาการอธิบายเรือ่ งราว หรือเหตุการณใ์ หเ้ กิดความเข้าใจมากย่ิงขึน้ สามารถแบ่งยอ่ ยได้ ดังนี้ 3.1 แผนภูมิ (Charts) ใชอ้ ธิบายข้อเท็จจรงิ ของโครงสร้างอยา่ งชดั เจน สามารถเห็นถึงปริมาณการเพิ่ม ลด เพ่ือแสดงข้อเปรยี บเทียบไดอ้ ยา่ งง่ายอาจใช้ได้ทั้งแผนภูมิ แนวตัง้ หรอื แนวนอน
3.2 แผนภาพ (Diagrams) ใช้สาหรับแสดงโครงสร้างทตี่ อ้ งการอธิบายประกอบ อาจเป็นในรปู แบบของสัญญาลกั ษณ์ ภาพลายเสน้ แผนภาพพมิ พ์ แผนภาพโครงสร้าง แผนภาพ แสดงความสัมพนั ธ์ เป็นตน้ 3.3 แผนสถิติ หรือ กราฟสถติ ิ (Graphs) ใช้ข้อมูลเชงิ ตัวเลข หรือเชงิ สถิตเิ ปน็ หลกั ในการอธิบายเพ่อื ใหเ้ กิดความเขา้ ใจ เป็นการเปรยี บเทยี บเชงิ ขอ้ มูลท่ีเกิดการเปลี่ยนแปลง ในทางปริมาณ อาจใช้ แผนสถิติ แบบเสน้ แบบแท่ง แบบวงกลม ในการทาการอธบิ ายได้ 4. วัสดุย่อสว่ น (Microform) เกิดจากการยอ่ หนา้ หนังสือ และภาพให้มีขนาดเล็กลง เพื่อประหยดั เน้ือที่ในการจัดเก็บ สามารถแยกยอ่ ยออกเป็น 4 ประเภท คือ 4.1 ไมโครฟลิ ์ม (Micro Film) เป็นฟลิ ์มที่บรรจุภาพจากขนาดเดิม 15:1 ถงึ 40: 1 สามารถบรรจุขอ้ ความหรือภาพได้มว้ นละ 1,200-1,500 หนา้
4.2 ไมโครฟซิ (Microfiche) เป็นฟิลม์ ท่ีบรรจภุ าพจากขนาดเดมิ 15:1 ถงึ 40: 1 สามารถบรรจุ ข้อความหรอื ภาพไดม้ ้วนละ 30-100 หนา้ และสามารถทาการอา่ นไดด้ ว้ ยสายตาเปล่าได้ ใหร้ ายละเอียด ทางบรรณานกุ รมในสว่ นของ ช่อื เรื่อง หวั เร่อื ง สานกั พมิ พไ์ ด้ 4.3 อตุ ราฟซิ (Ultra fiche) เป็นไมโครฟลิ ม์ ทีม่ ีขนาดเล็กมากขนาด 4X6 อัตราย่อส่วน 90:1 ถึง 500:1 สามารถบรรจุสว่ นยอ่ ไดป้ ระมาณ 2,000-4,000 หนา้ 4.4 ไมโครโอเปค เปน็ การยอ่ สว่ นในสว่ นกระดาที่ทบึ แสง สามารถแบง่ ยอ่ ยออกเปน็ 2 ชนิด คือ 4.4.1 ไมโครคารด์ (Micro card) เป็นบัตรกระดาษทีใ่ ช้อัตราสว่ น 20:1 บรรจุข้อความ ไดป้ ระมาณ 40 หน้า 4.4.2 ไมโครพริน้ (Micro Print) มีลกั ษณะเหมอื นไมโครคาร์ด แตม่ ขี นาดท่ีใหญก่ ว่า คือ ขนาด 6 X 9 นิว้ บรรจุข้อความไดป้ ระมาณ 100 หนา้
5. ของจรงิ (Realia) สามารถทาการสมั ผสั ได้ดว้ ยประสาททัง้ 5 (หู ตา จมูก สมั ผัส ปาก) รกั ษาเอกลกั ษณ์ ไว้ไดค้ งเดมิ ตามธรรมชาติ อาทิ สตั ว์สตาร์ฟ ประตมิ ากรรม โบราณวัตถุ เปน็ ตน้ 6. ของตวั อยา่ ง (Specimens) เป็นสว่ นใดสว่ นหน่งึ จากของจริง เนอื่ งจากของจรงิ อาจมขี นาดโตมาก หรือมีราคาแพง จึงต้องนามาแสดงเพียงสว่ นใดส่วนหนึง่ เท่านน้ั อาทิ ตวั อย่างผา้ โบราณ ตัวอยา่ งแร่ธาตตุ ่างๆ เป็นตน้ 7. หนุ่ จาลอง (Models) เป็นวัสดุทถี่ ูกสรา้ งให้มลี กั ษณะเหมือนของจริงมากทส่ี ุด ทัง้ ในดา้ นของขนาด สี เพือ่ ประกอบการศึกษาคน้ คว้า อาทิ ชิน้ ส่วนอวยั วะ หุ่นจาลองรา่ งกาย เป็นต้น
วสั ดทุ ีใ่ ช้สาหรับฟงั 1. เทปบันทกึ เสยี ง หรอื แถบบันทึกเสียง (Sound Tapes) เป็นอปุ กรณ์ทมี่ ีทง้ั เป็นตลับมว้ น (Cassette Tape) และเทปกล่อง ใช้สาหรบั การฟัง เสยี งจากเครอ่ื งเล่น โดยทาการเปล่ยี นเสยี งเป็นแมเ่ หล็กไฟฟา้ ไปดนั ลาโพงกลายเปน็ คล่นื เสยี ง อาทิ เทปการบรรยายทางวิชาการ การอภิปลายการบรรเลงดนตรี การอ่านทานองต่างๆ วิธีการ จดั เก็บจะทาการแยกเปน็ หมวดเฉพาะตโู้ ดยเฉพาะ 2. แผ่นเสยี ง (Disc) แผน่ เสยี งที่มีหลายขนาดโดยใชว้ ธิ ีการวัดจากเสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง คือ 7,10,12 และ 16 อัตราการเลน่ ใชก้ ารนบั จากรอบทหี่ มุน มี 33 รอบตอ่ นาที และ 45 รอบต่อนาที โดนแผน่ เสียง จะให้คุณภาพของเสยี ง และปริมาณในการบนั ทกึ ดกี วา่ เทปบันทกึ เสียง
วสั ดุท่ีใช้สาหรับดูและฟงั 1. ฟิล์มภาพยนตร์ (Motion Picture Films) เป็นภาพยนตร์ทเ่ี ป็นชดุ ตอ่ เน่ือง มกี ารเคลือ่ นไหวของภาพ พร้อมทงั้ มเี สียงประกอบลง ในขณะทาการบันทึก โดยมีขนาดตงั้ แต่ 8 มม. 16 มม. และ 35 มม โดยหอ้ งสมุดจะทาการ นยิ มจดั เก็บไว้ให้ผ้ใู ชบ้ รกิ ารในห้องสารคดี หอื หมวดฟลิ ์มโดยเฉพาะ 2. เทปบันทึกภาพ หรือเทปโทรทศั น์ (Video Tapes) เป็นวสั ดทุ มี่ ที งั้ ชนิดมว้ น ตลับ และกลอ่ ง มีการทางานท่มี กี ารบนั ทึกภาพและเสยี งไวใ้ น แถบแม่เหล็ก และทาการเลน่ ออกมาในคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ ทาการตอ่ เข้ากับเครื่องโทรทศั น์ หรือ เครอ่ื งเล่นสื่อ โดยห้องสมุดจะทาการจัดหมวดหม่เู กบ็ ไวอ้ ยา่ งเปน็ ระบบให้แก่ผตู้ ้องการใช้
วัสดุอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic Materials) เปน็ วสั ดุที่จดั เก็บสารสนเทศไวใ้ นรูปอักษร ภาพ และเสยี งไว้โดยการแปลงสารสนเทศ ให้เป็นสัญญาณอิเลก็ ทรอนิกส์ โดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทมี่ กี ารแปลงสัญญาณใหเ้ ป็นภาพและเสยี ง แสดงออกมา อีกครัง้ หน่ึง อาทิ 1. เทปแม่เหลก็ (Magnetic Tape) มีลกั ษณะคลา้ ยเทปบันทึกเสียงความยาวปกตอิ ย่ทู ่ี 2,400 ฟุต กว้าง 0.5 น้วิ ทาด้วย พลาสติก เคลือบด้วยสารไอออนออกไซด์ (Iron oxide) ชว่ ยใหม้ ีความคงทนและล่ืนในการ บันทึกและขณะเล่น และสร้างความเป็นแม่เหลก็ ขอ้ มลู ท่ีบันทกึ จะมีความยาว 100 ลา้ น ตวั อกั ษร สามารถทาการบนั ทึกซ้า (Reversed) และลบขอ้ มูลได้
2. จานแมเ่ หล็ก (Disked) เป็นแผ่นใสที่ทาการบันทึกได้ตามปริมาณของแต่ละแผน่ (ปจั จุบนั ไมค่ อ่ ยมีการนยิ มใช้) 3.แผ่นจานเสยี ง (Optical Disc) ใช้สาหรบั การบันทกึ และอ่านสารสนเทศด้วยระบบแสงเลเซอร์ แตจ่ ะตอ้ งมีเคร่อื งบนั ทึก และอา่ นโดยเฉพาะ เน่อื งจากมีลกั ษณะโดยเฉพาะทีเ่ บา และมีโลหะผสมอยู่ อาทิ ซีดี-รอม (CD ROM : Compact Disc Read Only Memory) ไมส่ ามารถแกไ้ ข หรอื ลบได้ มีขนาดในการบรรจอุ ยู่ ที่ 275,000 หน้ากระดาษ เทา่ กับหนังสือขนาดหน้า 1 เล่ม หรอื หากเทียบเป็นตวั อักษรจะได้ จานวน 600 ล้านตวั อกั ษร ซงึ่ ปจั จบุ ันได้พัฒนาข้ึนในรปู แบบทส่ี ามารถบนั ทึกในรูปของ มลั ตมิ ีเดยี (ภาพ เสยี ง กราฟฟคิ เคล่ือนไหว)
4.ทรัพยากรอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เป็นวสั ดุทีจ่ ัดเกบ็ สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เพอื่ ประโยชน์ในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน หรอื การฝึกอบรม การคา้ ความบันเทงิ อาทิ E-Book , E-Thesis , E-Learning , E-Training , E-Magazine , E-Commerce , E-Library เปน็ ต้น
Q&A
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: