Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore noey

noey

Published by changloa11, 2017-07-18 05:03:10

Description: noey

Search

Read the Text Version

การละเล่นพ้นื บา้ น

การละเล่นพนื้ บ้านภาคต่าง ๆ ของไทยบทนาช่ือ ตะกร้อภาค ภาคกลางจังหวดั กรุงเทพมหานครอุปกรณ์และวธิ ีการเล่นตะกร้อ เป็นลูกกลมสานดว้ ยหวายเป็นตา ๆ สาหรับเตะ สานดว้ ยหวายระหวา่ ง ๖ ถึง ๑๐ เส้น(ปัจจุบนั หวายเร่ิมหายากจึงไดค้ ิดทาตะกร้อดว้ ยพลาสติก แตย่ งั คงลกั ษณะเดิมท่ีเป็นหวายไว)้ขนาด เส้นรอบวง ต้งั แต่ ๓๘ เซนติเมตร ถึง ๔๒ เซนติเมตรน้าหนกั อยา่ งต่า ๑๒๐ กรัม ไม่เกิน ๒๐๐ กรัม (เซปัคตะกร้อน้าหนกั ไมเ่ กิน ๔๐๐ กรัม)การเล่นตะกร้อ คนเล่นไมจ่ ากดั จานวน เล่นเป็นหมู่หรือเด่ียวกไ็ ด้ ตามลานท่ีกวา้ งพอสมควรวธิ ีการเล่นการเล่นหมู่ ผเู้ ล่นจะลอ้ มเป็นวงผเู้ ริ่มตน้ จะใชเ้ ทา้ เตะลูกตะกร้อไปใหอ้ ีกผหู้ น่ึงรับ ผรู้ ับจะตอ้ งมีความวอ่ งไวในการใชเ้ ทา้ รับและเตะส่งไปยงั อีกผหู้ น่ึง จึงเรียกวา่ วธิ ีเล่นน้ีวา่ เตะตะกร้อ ความสนุกอยทู่ ี่การหลอกล่อที่จะเตะไปยงั ผใู้ ด ถา้ ผเู้ ล่นท้งั วงมีความสามารถเสมอกนั จะโยนและรับไม่ให้ตะกร้อตกถึงพ้นื ไดเ้ ป็นเวลานานมาก แตผ่ เู้ ล่นยงั ไมช่ านาญก็โยนรับไมก่ ่ีคร้ังลูกตะกร้อก็ตกถึงพ้นืในปัจจุบนั กีฬาตะกร้อท่ีแข่งขนั กนั สาหรับคนไทย คือ ตะกร้อลอดบ่วงส่วนท่ีมีการแข่งขนั ถึงระดบันานานาชาติ คือ ตะกร้อขา้ มตาข่าย ซ่ึงเปลี่ยนชื่อเรียกตามกติกากีฬาแหลมทองท่ีเรียกวา่ เซปัคตะกร้อตะกร้อลอดบว่ ง กีฬาประเภทหน่ึงท่ีมีบ่วงอยเู่ บ้ืองสูง ผเู้ ล่นจะเตะตะกร้อให้โด่งเขา้ ไปในบว่ งสนามท่ีใชใ้ นการแข่งขนั เป็ นพ้ืนราบกวา้ ง ๑๘ เมตร เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง ๑๖ เมตร อยกู่ ลางแจง้ จะแขวนห่วงชยั (ประกอบดว้ ยวงกลม ๓ ห่วง ขนาดเท่ากนั เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง ๔๐ เซนติเมตร แขวนให้สูงจากพ้นื ๕.๗๕ เมตร)มีผเู้ ล่น ๑ ชุดไมเ่ กิน ๗ คน แขง่ ชุดละ ๔๐ นาที การเตะให้ลูกเขา้ ห่วงชยั ซ่ึงใชท้ า่ เตะ ๓๐ ทา่ แตล่ ะท่ามีคะแนนมากนอ้ ยตามความยากง่ายของทา่ เตะเซปัคตะกร้อ สนามเป็นรูปสี่เหล่ียมผนื ผา้ ยาว ๑๓.๔๒ กวา้ ง ๖.๑๐ เมตร อยใู่ นร่มหรือกลางแจง้ กไ็ ด้

มีตาขา่ ยขึงตรงกลาง กวา้ ง ๐.๗๖ เมตร ถึง ๑.๒๒ เมตร สูงจากพ้นื ดิน ๑.๕๒ เมตร กลางสนามท้งั๒ ดา้ นจะมีวงกลมเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง ๓๐ เซนติเมตร สาหรับยนื ส่งลูกมีผเู้ ล่นเป็น ๒ ฝ่ าย ๆ ละ ๓ คน แตล่ ะเกมส์มี ๑๕ คะแนน แข่งขนั กนั ๒ เกมส์ ถา้ เสมอกนั ใหแ้ ข่งอีก ๑ เกมส์ ใครชนะถือวา่ เป็ นสิ้นสุดโอกาสหรือเวลาท่ีเล่นตะกร้อ เป็นการละเล่นอยา่ งหน่ึงสาหรับผชู้ าย ซ่ึงถือไดว้ า่ เป็นการออกกาลงั ในชีวติ ประจาวนัมกั จะติดวงเล่นกนั ตามลานบา้ นหรือลานวดั แต่ในปัจจุบนั จดั เป็นกีฬาประเภทออกกาลงั กาย เพราะมีการแข่งขนั กนั ท้งั ระดบั ชาติและระดบั นานาประเทศคุณคา่ /แนวคิด/สาระการเตะตะกร้อเป็นการเล่นที่ผเู้ ล่นไดอ้ อกกาลงั กายทุกสดั ส่วนฝึกความวอ่ งไว ความสังเกต มีไหวพริบ ทาใหม้ ีบุคลิกภาพดี มีความสง่างามและการเล่นตะกร้อนบั ไดว้ า่ เป็ นเอกลกั ษณ์ของไทยอยา่ งหน่ึงชื่อ ต่ีจบัภาค ภาคกลางจังหวดั กรุงเทพมหานครอุปกรณ์และวธิ ีการเล่นการเล่นต่ีจบั ตอ้ งแบง่ ผเู้ ล่นออกเป็นสองฝ่ าย ฝ่ ายละเท่า ๆ กนั มีเส้นแบง่ เขตตรงกลาง ตอ้ งตกลงกนัวา่ ฝ่ ายใดจะเป็นฝ่ ายรุกไปก่อน คนหน่ึงที่เป็ นฝ่ ายรุกจะเร่ิมขา้ มเขต พอเขา้ เขตฝ่ ายตรงขา้ มกต็ อ้ งร้อง\"ต่ี\" ไมใ่ หข้ าดเสียง แลว้ วงิ่ เอามือแตะตวั คนใดคนหน่ึงในฝ่ ายรับ แต่จะหยดุ หายใจไม่ได้ ในขณะท่ีร้อง \"ตี่\" น้นั ฝ่ ายรับก็จะพยายามจบั คนที่ร้อง \"ตี่\" ไว้ ถา้ คนร้อง \"ต่ี\" เห็นวา่ จะสู้ไม่ไดห้ รือจะตอ้ งถอนหายใจ ตอ้ งรีบถอยมาใหพ้ น้ เส้นแบ่งเขต ถา้ ถอยไมท่ นั ผรู้ ้อง \"ต่ี\" หยดุ ถอนหายใจกจ็ ะตอ้ งถูกจบั ตวั ไวเ้ ป็ นเชลย แตถ่ า้ คนท่ีร้อง \"ตี่\" แตะตวั ฝ่ ายรับได้ คนที่ถูกแตะกเ็ ป็นเชลยฝ่ ายน้ี ฝ่ ายที่ไดเ้ ชลยกจ็ ะส่งคนร้อง \"ต่ี\" ไปแตะคนท่ีอยฝู่ ่ ายตรงขา้ มอีก ถา้ ยงั จบั ไม่ไดก้ ็ผลดั กนั รุกคนละคร้ัง จนกวา่ จะกวาดเชลยไดห้ มดกข็ ้ึนตาใหม่โอกาสหรือเวลาที่เล่นมกั จะเล่นในเวลาวา่ งจากภารกิจท้งั ปวง เช่น เวลาพกั หลงั เลิกเรียน หรือภายหลงั จากทางานบา้ นเสร็จเรียบร้อยแลว้

คุณค่า/แนวคิด/สาระการเล่นตี่จบั เป็นการฝึกการใชก้ าลงั ฝึกความวอ่ งไว และความอดทน นอกเหนือไปจากความสนุกสนานเพลิดเพลินชื่อ หมากเกบ็ภาค ภาคกลางจังหวดั กรุงเทพมหานครอุปกรณ์และวธิ ีการเล่นอุปกรณ์สาหรับเล่น คือ กอ้ นหิน หรือกอ้ นกรวดที่มีลกั ษณะกลม ๆวธิ ีการเล่นใชส้ ิ่งสมมติเป็นหมาก ๕ กอ้ น เริ่มตน้ ดว้ ยการทอด คือ การเทปล่อยใหห้ มากท้งั ๕ กระจายไปบนพ้ืนกระดาน ถา้ กอ้ นไหนอยหู่ ่างถือเป็นตวั นาและข้ึนตน้ ดว้ ยหมากหน่ึง คือ หยบิ นาลูกไวต้ า่ งหากโยนข้ึนไป แลว้ ปล่อย ๔ ลูกกระจายบนพ้นื ทีละลูก และรับลูกท่ีโยนใหไ้ ดใ้ นขณะเดียวกนั ถา้ เกบ็ไดห้ มดก็ต่อหมาก ๒ หมาก ๓ หมาก ๔ ต่อไป ดว้ ยวธิ ีเล่นแบบเดียวกนั แต่ถา้ เกบ็ ลูก ๓ ลูกพร้อมกนั เรียกวา่ หมาก ๓ แลว้ จึงเกบ็ อีก ๑ ลูก ถา้ รวมหมดเรียกวา่ หมาก ๔ และลูกโยนน้นั จะตกไม่ได้ถา้ ตกนบั เป็นตาย ตอ้ งใหค้ นอ่ืนเล่นตอ่ ไป หมากเกบ็ น้ีมีวิธีเล่นพลิกแพลงหลายอยา่ ง เช่น การใชม้ ือซา้ ยป้ องและเข่ียหรือเกบ็ หมากใหเ้ ขา้ ในมือทีละลูก ทีละ ๒ ๓ ๔ ตามลาดบั เรียกวา่ \"อีกาเขา้ รัง\" ถา้เขี่ยไม่เขา้ กน็ บั เป็นตาย ยงั มี \"อีกาออกรัง\" \"รูปู\" ซ่ึงใชม้ ือซา้ ยรูปตา่ ง ๆ ถา้ ใชน้ ิ้วกลางและหวั แม่มือยนื พ้ืน นิ้วอ่ืนปล่อยเป็นรูปเหมือนซุม้ ประตู ก็เรียกวา่ \"อีกาออกรัง\" ถา้ ใชน้ ิ้วกลางกบั นิ้วแมม่ ือขดเป็นวงกลมนิ้วช้ีช้ีตรง นิ้วนอกน้นั ยนั พ้ืนเป็นรูปเหมือนรูปู กเ็ รียก \"รูปู\" ผเู้ ล่นตอ้ งเกบ็ หมากลงในรูปู หรือเขี่ยออกนอกรังในขณะที่รับลูกโยนใหไ้ ดพ้ ร้อมกนั การละเล่นชนิดน้ีตอ้ งอาศยั การคาดคะเนใหด้ ี ในขณะโยนลูกวา่ ควรจะสูงต่าเพียงใด ในการโปรยลูกวา่ ถึงกาหนดตอ้ งเกบ็ เท่าไร จะไดโ้ ปรยใหห้ มากเหล่าน้นั อยชู่ ิดหรือห่างกนั อยา่ งไร เพราะถา้ มือท่ีเก็บไปถูกหมากอีกลูกหน่ึง ซ่ึงไม่ไดอ้ ยู่ในแมท่ ่ีกาหนดไวก้ ถ็ ือเป็นตายเหมือนกนั เช่น หมากหน่ึง ถา้ ไมโ่ ปรยใหห้ ่างกนั เกิดมีหมาก ๒ ลูกไปชิดกนั เขา้ กต็ อ้ งพยายามเก็บลูกหมากลูกน้นั ไม่ใหก้ ระเทือนถึงอีกลูกหน่ึง ถา้ ถูกอีกลูกหน่ึงกถ็ ือวา่ เป็น หรือถา้ เกบ็ หมาก ๒ เกิดไปชิดกนั ๓ ลูก กเ็ ก็บลาบาก ความสนุกอยตู่ รงคอยจอ้ งจบั วา่ ใครจะตาย

โอกาสหรือเวลาท่ีเล่นการเล่นหมากเกบ็ ไม่ไดจ้ ากดั โอกาสและเวลา จะเล่นเมื่อใดก็ได้ ท่ีวา่ งเวน้ จากภารกิจประจาวนั เพื่อความเพลิดเพลินและสนุกสนานคุณคา่ /แนวคิด/สาระช่วยส่งเสริมพฒั นาการของเด็ก ฝึกความวอ่ งไว ไหวพริบ ความระมดั ระวงั และฝึกสายตาอีกดว้ ยชื่อ ขว้างราวภาค ภาคใต้จังหวดั กระบ่ีอุปกรณ์และวธิ ีเล่นขวา้ งราว เป็นการเล่นที่นิยมของเด็กในจงั หวดั กระบี่ กล่าวคือ นาไมไ้ ผม่ าผา่ เกลาให้ มีขนาดกวา้ ง๑ นิ้ว ยาว ๓๐ เซนติเมตร ทาเป็นราวการเล่นไมจ่ ากดั จานวนผเู้ ล่นส่วนใหญ่ประมาณ ๓-๕ คน นาราวมาต้งั โดยมีหินรองปลายราวท้งั ๒ขา้ งใหส้ ูงจากพ้นื ดินประมาณ ๓ นิ้ว แลว้ ขีดเส้นเป็นเขตสาหรับยนื ขวา้ งใหห้ ่างจากราวประมาณ ๕เมตร หลงั จากน้นั กน็ าเมลด็ มะม่วงหิมพานตไ์ ปวางบนราวตามท่ีไดต้ กลงกนั วา่ วางคนละกี่เมลด็จากน้นั ก็เร่ิมขวา้ ง ถา้ คนแรกขวา้ งถูกและควา่ หมดถือวา่ จบเกมส์คนขวา้ งจะไดเ้ มลด็ มะมว่ งหิมพานตท์ ้งั หมด ผเู้ ล่นแต่ละคนตอ้ งนาเมล็ดมะมว่ งหิมพานตไ์ ปวางบนราวใหม่ แต่ถา้ ขวา้ งไมถ่ ูกหรือควา่ ไม่หมดคนที่สองกข็ วา้ งตอ่ จนกระทงั่ ควา่ หมดจึงเร่ิมเล่นใหม่โอกาสและเวลาที่เล่นการเล่นขวา้ งราว นิยมเล่นกนั ในช่วงฤดูท่ีมะม่วงหิมพานตอ์ อกผล ไม่จากดั เวลาในการเล่นคุณค่าและแนวคิดการเล่นขวา้ งราวเป็ นการฝึกสมาธิ ความแม่นยาและความสัมพนั ธ์กนั ระหวา่ งสายตากบั มือ และก่อใหเ้ กิดความสามคั คีกนั ในหมูค่ ณะอฉี ุดภาค ภาคใต้

จังหวดั กระบ่ีวธิ ีการเล่นผเู้ ล่นตกลงกนั วา่ ใครจะเป็นผเู้ ล่นก่อนหลงั โดยผเู้ ล่นมีลูกเกยคนละลูก หลงั จากน้นั ก็ขีดตารางเป็ นช่องส่ีเหล่ียมจานวน ๖ ช่อง หรือเรียกวา่ ๖ เมือง โดยแบง่ เป็นซีกซา้ ย ๓ เมือง ซีกขวา ๓ เมืองการเริ่มเล่น ผเู้ ล่นคนท่ี ๑ เริ่มเล่นโดยการทอยลูกเกยลงไปในเขตเมืองท่ี ๑ แลว้ กระโดดยนื เทา้ เดียวในเมืองที่ ๑ หลงั จากน้นั ใชป้ ลายเทา้ ฉุดลูกเกยใหผ้ า่ นไปในเขตเมืองที่ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ตามลาดบั แลว้ก็ฉุดลูกเกยออกจากเขตเมืองท่ี ๖ ตอ่ ไปผเู้ ล่นคนเดิม ตอ้ งทอยลูกเกยลงในเมืองท่ี ๒ แลว้ กระโดดยนื เทา้ เดียวในเมืองท่ี ๑ กระโดดตอ่ ไปในเมืองท่ี ๒ หลงั จากน้นั กเ็ ล่นเหมือนเดิมไปเร่ือยๆทุกเมืองจนถึงเมืองที่ ๖ เมื่อทอยลูกเกยและฉุดไดค้ รบท้งั ๖ เมืองแลว้ ใหผ้ เู้ ล่นกระโดดดว้ ยเทา้ ขา้ งเดียวจงั หวะเดียวลงบนเมืองท่ี ๑ ถึง เมืองที่ ๖ ตามลาดบั หา้ มกระโดดหลายคร้ังมิฉะน้นั ถือวา่ ตาย ตอ้ งใหค้ นอ่ืนๆเล่นต่อ ถา้ เล่นครบท่าน้ีแลว้ ไม่ตาย ใหเ้ ล่นในท่าตอ่ ไป คือ เอาลูกเกยวางบนหลงั เทา้ แลว้สาวเทา้ ลงในเมืองท้งั ๖ เมือง ตามลาดบั แต่เทา้ หน่ึงลงในเมืองหน่ึงไดเ้ พยี งคร้ังเดียว เช่น เทา้ ซา้ ยเหยยี บลงในเมืองท่ี ๑ เทา้ ขวาเหยยี บลงในเมืองที่ ๒ เทา้ ซา้ ยเหยยี บลงในเมืองท่ี ๓ สลบั กนั ไปเช่นน้ีจนกวา่ จะครบทุกเมือง ลูกเกยน้นั ตอ้ งไมต่ กจากหลงั เทา้ และเทา้ น้นั ตอ้ งไมเ่ หยยี บเส้น ท่าต่อไปน้นั ใหผ้ เู้ ล่นปิ ดตา เดินท่ีละกา้ วโดยไมต่ อ้ งวางลูกเกยบนหลงั เทา้ ขณะเดินขณะที่กา้ วเทา้ ลงในแต่ละเมืองผเู้ ล่นน้นั ตอ้ งถามวา่ \"อู่ บอ\" หมายความวา่ เหยยี บเส้นหรือไม่ ถา้ ไมเ่ หยยี บผเู้ ล่นคนอ่ืนๆจะตอบวา่ \"บอ\" ถา้ เหยยี บเส้นตอบวา่ \"อู\"่ เมื่อผเู้ ล่นท่ีปิ ดตาเหยยี บเส้นถือวา่ ตาย ตอ้ งเปล่ียนใหค้ นอ่ืนๆเล่นต่อไป ถา้ เล่นยงั ไม่ตายผเู้ ล่นน้นั มีสิทธ์ิในการจองเมือง โดยผเู้ ล่นน้นั ตอ้ งเดินเฉียงไปแบบสลบั ฟันปลาไปตามช่องตา่ งๆ ใหล้ งเทา้ ไดเ้ พียงเทา้ เดียว เช่น ลงเทา้ ซา้ ยในเมืองท่ี ๑ ลงเทา้ ขวาในเมือ งที่ ๓ และลงเทา้ ซา้ ยในเมืองท่ี ๕ แลว้ กระโดดสองเทา้ ลงในหวั กระโหลก กระโดดเทา้พร้อมกบั หนั หลงั และผเู้ ล่นกโ็ ยนลูกเกยขา้ มศีรษะของตนเองถา้ ลูกเกยไปตกอยใู่ นเมืองใดเมืองหน่ึง เมืองน้นั จะเป็ นของผเู้ ล่นทนั ที ดงั น้นั ผเู้ ล่นมีสิทธ์ิยนื สองเทา้ ในเมืองน้นั ได้ เมื่อไดเ้ มืองแลว้ ก็ใหเ้ ล่นอยา่ งน้นั ตอ่ ไป จนกวา่ จะตายจึงจะตอ้ งเปล่ียนใหผ้ อู้ ่ืนเล่นตอ่โอกาสหรือเวลาที่เล่นในการเล่นอีฉุดน้นั ไม่มีการกาหนดโอกาสและเวลาท่ีเล่น เพราะสามารถเล่นไดใ้ นทุกโอกาสและการเล่นอีฉุดน้นั เป็นการเล่นของเด็กท่ีนิยมกนั มากในทอ้ งถิ่นจงั หวดั กระบ่ีคุณค่าและแนวคิด

ในการเล่นอีฉุดน้นั ก่อใหเ้ กิดความสามคั คี ความรักความผกู พนั ธ์กนั ในหมคู่ ณะและเป็นการฝึกความสัมพนั ธ์ของร่างกายในส่วนต่างๆ ท้งั มือ เทา้ และสมอง ไดเ้ ป็นอยา่ งดี

ชื่อ ราตงภาค ภาคกลางจังหวดั กาญจนบุรีประวตั ิความเป็นมา\"ราตง\" เป็นการละเล่นของชาวกะเหรี่ยงที่อาศยั อยใู่ น อาเภอสงั ขละบุรี อาเภอทองผาภูมิและอาเภอศรีสวสั ด์ิ จงั หวดั กาญจนบุรี\"ตง\" เป็นการออกเสียงตามภาษาไทยชาวกะเหร่ียงจะออกเสียงวา่ \"โตว\" คาวา่ ตง หรือ โตว น้ี คงจะมาจากเครื่องดนตรีท่ีใช้ ประกอบการแสดง ซ่ึงทาดว้ ยไมไ้ ผย่ าว ๑ ปลอ้ ง เจาะเป็นช่องตรงกลางเพ่อื ใหเ้ กิดเสียงดงั กงั วานลกั ษณะการเล่นการแสดงราตง เป็นการร้องและราท่ีใชเ้ สียงดนตรีประกอบในการแสดง ผแู้ สดงเป็นหญิงหรือชายก็ได้ โดยทว่ั ไปนิยมใชผ้ แู้ สดงหญิงสาวท่ียงั ไมแ่ ตง่ งานจานวน ๑๒-๑๖ คน หรืออาจมากกวา่ ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั สถานท่ีแสดง ซ่ึงอาจเป็นเวทีในร่ม หรือสนามหญา้ การแสดงมีการต้งั แถวผแู้ สดงเป็นแถวลึกประมาณ ๕-๖ แถวและยนื ห่างกนั ประมาณ ๑ ช่วงแขน ชุดที่ใชใ้ นการแสดงราตงเป็นชุดกระโปรงปักดว้ ยดา้ ยสีสด คาดเขม็ ขดั เงินที่เอว เครื่องดนตรีที่ใชป้ ระกอบการแสดง คือ กลองสองหนา้ ระนาด ฆอ้ งวง พิณหรือปี่ ฉิ่ง ตง ( ไมไ้ ผย่ าวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร เซาะเป็นร่องใชไ้ มต้ ีให้จงั หวะ) เน้ือร้องของเพลงราตงมีเน้ือหาเก่ียวกบั ความเป็นมาของกะเหร่ียง การอบรมใหเ้ ป็นคนดีและเก่ียวกบั พทุ ธศาสนา เป็นตน้ ท่าทางท่ีราคลา้ ยกบั ฟ้ อนพม่าโอกาสที่เล่นการแสดงราตงเป็นการละเล่นท่ีสนุกสนานในงานพิธีสาคญั ๆ เช่น งานศพ งานบุญขา้ วใหม่ งานสงกรานต์ เป็นตน้คุณค่าผเู้ ล่นไดร้ ับความสนุกสนาน แสดงใหเ้ ห็นถึงเอกลกั ษณ์ทอ้ งถ่ิน

ชอ่ื โปงลางภาค ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอืจงั หวดั กาฬสนิ ธุ์โปงลางหรอื บางแหง่ เรยี กว่า หมากกลง้ิ กล่อม หมากเดอะเดนิ เป็ นเครอ่ื งดนตรที พ่ี ฒั นามาจาก \"เกราะลอ\" หรอื\"ขอลอ\" มเี รอื่ งเลา่ ตอ่ กันมาวา่ เดมิ ทที า้ วพรมโคตรไดอ้ พยพมาจากประเทศลาวเขา้ มาอยู่ฝ่ังไทยไดค้ ดิ ทาเกราะลอโดยคดิ เลยี นแบบจากเกราะทใี่ ชต้ ตี ามหมบู่ า้ น เมอื่ ผใู ้ หญบ่ า้ นตอ้ งการเรยี กลกู บา้ นมาประชมุ แจง้ เหตุต่างๆ โดยนาเกราะลอทท่ี าจากไมเ้ หลอื้ มมัดเรยี งกนั ดว้ ยเถาวลั ย์ มอี ยู่ ๖ ลกู ๕ เสยี ง มเี สยี ง ซอล ลา โด เร มี (ซอลสงู ) เพอ่ื ตไี ล่ฝงู นกกาทม่ี ากนิ ขา้ วในไรน่ า ตอ่ มาทา้ วพรมโคตรไดย้ า้ ยมาอยบู่ า้ นกลางหมนื่ อาเภอเมอื ง จังหวดั กาฬสนิ ธุ์ ได ้ถา่ ยทอดการตเี กราะลอใหแ้ กน่ ายปาน ตอ่ มานายปานเสยี ชวี ติ ลง นายขาน ผเู ้ ป็ นนอ้ งชายไดส้ บื ตอ่ การตเี กราะลอมาและไดถ้ า่ ยทอดให ้ นายเปลอื้ ง ฉายรศั มี ซง่ึ ไดท้ าการปรับปรงุ การทาเกราะลอ โดยใชไ้ มห้ มากหาด(มะหาด) ซงึ่ เป็ นไมเ้ นอ้ื แข็ง เวลาตแี ลว้ ไมบ่ วมง่าย มเี สยี งดังกังวาน มกี ารเพมิ่ ลกู จาก๙ ลกู เป็ น ๑๒ ลกู และ ๑๓ ลกู เพมิ่ จาก ๕ เสยี ง เป็ น ๖ เสยี ง พรอ้ มกับคดิ ลายใหมๆ่ เพมิ่ ขนึ้ คอื ลายอา่ นหนังสอืใหญ่ ลายอา่ นหนังสอื นอ้ ย ลายสดุ สะแนน ลายสรอ้ ยและลายเซ และไดเ้ ปลย่ี นชอ่ื จากเกราะลอมาเป็ น \"โปงลาง\"อปุ กรณ์การเลน่ โปงลางตอ้ งประกอบไปดว้ ยดนตรพี นื้ บา้ น ไดแ้ ก่ แคน ซอ พณิ หมากก๊บั แกบ้ กลอง ไห นอกจากนป้ี ัจจบุ นั ได ้พฒั นาขนึ้ โดยมนี ักรอ้ งและผรู ้ า่ ยราประกอบเสยี งดนตรใี นวงโปงลางอกี ดว้ ยวธิ กี ารเลน่ทานองลายโปงลางทบ่ี รรเลงนัน้ ไดจ้ ากการเลยี นเสยี งธรรมชาตแิ ละวถิ ชี วี ติ ความเป็ นอยขู่ องชาวอสี าน เชน่๑. ลายลมพดั พรา้ ว ลลี าของเพลงแสดงถงึ เสยี งลมทพี่ ดั มาถกู ใบมะพรา้ วจะแกวง่ สะบัดตามแรงลมกลายเป็ นเสยี งและลลี าทนี่ ่าฟังยงิ่๒. ลายโปงลาง ลลี าของเพลงนจ้ี ะทาใหผ้ ฟู ้ ังนกึ ถงึ เสยี งกระดงิ่ ผกู คอววั ทด่ี ังอยไู่ มข่ าดระยะมองเห็นวัวเดนิ ตามกันเป็ นทวิ แถวขา้ มทงุ่๓. ลายชา้ งขนึ้ ภู ลลี าของเพลงจะมคี วามเนบิ ชา้ สงา่ งาม เหมอื นลลี าการเดนิ ของชา้ งทกี่ าลงั เดนิ ขน้ึ ภเู ขาสงู๔. ลายแมงภตู่ อมดอกไม ้ลลี าของเพลงจะทาใหม้ องเห็นภาพของแมลงภู่ ทบ่ี นิ วนเวยี นดดู น้าหวานจากเกสรดอกไม ้เป็ นหมๆู่ พรอ้ มกับสง่ เสยี งรอ้ งดว้ ยความสดชน่ื รน่ื เรงิ๕. ลายนกไซบนิ ขา้ มทงุ่ ลลี าของเพลงบรรยายถงึ ลลี าของนกทบ่ี นิ เป็ นหมขู่ า้ มทอ้ งทงุ่ อันเขยี วขจดี ว้ ยนาขา้ ว๖. ลายแมฮ่ า้ งกลอ่ มลกู ลลี าของเพลงสะทอ้ นใหเ้ ห็นถงึ ความอา้ งวา้ งวา้ เหวข่ องหญงิ ทถี่ กู สามที อดทง้ิ ตอ้ งกลอ่ มลกูอยเู่ ดยี วดายตามลาพัง๗. ลายภไู ทยเลาะตบู ลลี าของเพลงแสดงถงึ ภาพชวี ติ ของหนุ่มชาวภไู ททม่ี กั จะแวะเวยี นไปพดู กับหญงิ สาวตามบา้ นตา่ งๆ ในเวลาค่านอกจากนัน้ ยงั มลี าย \"กาเตน้ กอ้ น\" จะใชเ้ ทยี บเสยี งโปงลางแตล่ ะลกู หลงั จากทาเสร็จเรยี บรอ้ ย ซง่ึ ถอื เป็ นลายครขู องโปงลาง และลายอน่ื ๆ อกี ซง่ึ ถอื เป็ นลายหลกั คอื ลายอา่ นหนังสอื ใหญ่ อา่ นหนังสอื นอ้ ย สดุ สะแนน ลายสรอ้ ย และลายเซ ซง่ึ เพยี งฟังจากชอ่ื ก็จะรับรถู ้ งึ ทว่ งทานองของเพลงทกี่ ลัน่ กรองมาจากชวี ติ พน้ื บา้ น และธรรมชาตริ อบขา้ งสาระ\"โปงลาง\" เป็ นเครอื่ งดนตรพี น้ื เมอื งของอสี านชนดิ หนง่ึ ทถี่ อื กาเนดิ ทจี่ ังหวัดกาฬสนิ ธุ์ จงึ ถอื เป็ นสัญลกั ษณข์ องจังหวัดกาฬสนิ ธมุ์ ปี ระวตั คิ วามเป็ นมาทนี่ ่าสนใจ โดยเฉพาะผสู ้ บื ทอด และอนุรกั ษ์ไว ้ คอื นายเปลอ้ื ง ฉายรัศมี ศลิ ปินแหง่ ชาติ\"โปงลาง\" จงึ ควรแกก่ ารอนุรักษ์และถา่ ยทอดใหเ้ ยาวชนรนุ่ หลงั ไดท้ ราบ และตระหนักถงึ คณุ คา่ ของศลิ ปวัฒนธรรมทด่ี ีงามและคณุ ความดขี องบคุ คลทนี่ ่ายดึ ถอื เป็ นแบบอยา่ งสบื ทอดไวต้ ราบชว่ั กาลนาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook