โครงการ เกษตร
สารบัญ -โครงการ ปลูกข้าวใน รัชการที่๙
คำนำ นับตังแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที๙) เสด็จขึนครองราชย์สมบัติ พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ตลอดระยะเวลาครองราชย์อันยาวนานของ พระองค์ นับเป็ นคุณประโยชน์อย่างยิงต่อประเทศชาติและการกินดีอยู่ดีของประชาชน และ เป็ น พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นทีพระองค์ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพือประโยชน์สุข ของ ประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง ในการศึกษาวิจัยเรือง การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ประจําตําบลสู่ความมันคงและยังยืน มีวัตถุประสงค์ เพือศึกษาการดําเนินงาน ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการดําเนินงาน และหาแนวทาง เสริมสร้าง ความเข้มแข็งให้กับศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ประ จําตําบล ให้เป็ นทีจัดการศึกษาและเป็ นแหล่งเรี ยนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เพือเกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ประเทศชาติและประชาชน โดยการน้อมนําศาสตร์พระราชาไปใช้เป็ นกลไกในการขับเคลือน ผู้ วิจัย ในฐานะเป็ นบุคลากรทีปฏิบัติงานในกองอํานวยการรักษาความมันคงภายในราชอาณาจักร ถือเป็ น เกียรติและความภาคภูมิใจอย่างยิง ทีได้มีโอกาสปฏิบัติงานตามรอยเบืองพระยุคลบาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที๙) โดยหวังว่างานวิจัยครังนีคงจะก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อ หน่วยงานส่วนราชการอืนๆ ทีเกียวข้องต่อไป การวิจัยครังนีสําเร็จลงได้เพราะได้รับความช่วยเหลือเป็ นอย่างดีจากอาจารย์ทีปรึกษา ซึงได้กรุณาให้ข้อคิด และข้อแนะนําต่างๆ ตลอดจนข้อแก้ไขในข้อบกพร่องทุกขันตอนเป็ นอ ย่างดียิง ผู้วิจัยใคร่ขอขอบพระคุณเป็ นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสน
แนวพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ คือ การที่ ทรงเน้นในเรื่องของ การค้นคว้า ทดลอง และวิจัยหาพันธุ์พืชต่าง ๆ ใหม่ ๆ ทั้งพืชเศรษฐกิจ เช่น หม่อนไหม ยางพารา ฯลฯ ทั้งพืชเพื่อการปรับปรุงบำรุงดิน และพืชสมุนไพร ตลอดจน การศึกษาเกี่ยว กับแมลงศัตรูพืช ทั้งนี้รวมทั้งพันธุ์สัตว์ต่างๆ ที่เหมาะสมเช่น โค กระบือ แพะ แกะ พันธุ์ปลา ฯลฯ และสัตว์ปีกทั้งหลายด้วย เพื่อแนะนำให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติได้ ราคาถูก และใช้เทคโนโลยีที่ง่าย และไม่สลับซับซ้อนซึ่งเกษตรกรจะสามารถรับไปดำเนินการเองได้ และที่สำคัญ คือพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ หรือเทคนิควิธีการดูแลต่าง ๆ นั้น จะต้อง เหมาะสมกับ สภาพสังคมและสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น นั้นๆ ด้วย อย่างไรก็ตามมีพระราชประสงค์เป็นประการแรก คือ การทำให้เกษตร กร สามารถพึ่งตนเอง ได้โดยเฉพาะในด้านอาหาร ก่อน เป็นอันดับแรก เช่น ข้าว พืชผัก ผลไม้ ฯลฯ แนวทางที่ สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การที่ทรงพยายาม เน้นมิให้ เกษตรกรพึ่งพาอยู่กับพืชเกษตรแต่ เพียงอย่างเดียว เพราะจะเกิดความเสียหายง่าย เนื่องจากความ แปรปรวนของตลาด และ ความไม่แน่ นอนของธรรมชาติทางออกก็คือเกษตรกรควรจะต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือ ไปจากภาคเกษตร เช่น การส่งเสริมอุตสาหกรรม ในครัวเรือนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ พิเศษ ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งดำเนินงานสนับสนุนงานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปัจจุบันสภาพของทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นป่า ไม้ ที่ดิน แหล่งน้ำ ฯลฯ ให้อยู่ในสภาพที่จะมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างมาก ที่สุด
จากแนวทางและเป้าหมายต่าง ๆ ดังกล่าว มีแนวพระราชดำริ ที่ ถือเป็นหลักเกณฑ์ หรือ เทคนิควิธีการ ที่จะบรรลุถึง เป้าหมายนั้น หลายประการ ประการแรก ทรงเห็นว่าการ พัฒนาการเกษตรที่ จะได้ผลจริงนั้น จะต้อง ลงมือทดลองค้นคว้า ต้องปฏิบัติอย่างค่อยเป็น ค่อยไป ดังพระราชดำรัส ว่า \"... เกษตรกรรมนี้ หรือ ความเป็นอยู่ของเกษตรนั้น ขอให้ปฏิบัติ ไม่ ใช่ ถือตำราเป็นสำคัญอย่างเดียว..\" สำหรับการค้นคว้าทดลองนั้น ได้ทรงเน้นให้มีทั้งก่อนการผลิต และหลังจากผลิตแล้ว คือ พิจารณาดูตั้งแต่เรื่องความเหมาะสม ของพืช ความ เหมาะสมของดิน พืชอย่างใดจะเหมาะ กับดินประเภทใด รวม ทั้งการค้นคว้า เกี่ยวกับความต้องการของตลาด คือ การปลูกพืชที่ ตลาดต้องการ ผลิตออกมาแล้วมีที่ขาย ส่วนการค้นคว้า วิจัยหลังการผลิต คือการดูเรื่อง ความสอดคล้องของตลาด เรื่องคุณภาพของผลผลิตหรือทำอย่างไรจึงจะ ให้เกษตรกรได้มี ความรู้เบื้องต้นในด้าน การบัญชีและธุรกิจ การเกษตรในลักษณะที่พอจะทำธุรกิจแบบพึ่ง ตนเองได้ สำหรับในเรื่องนี้ ทรงเห็นว่า การรวมกลุ่มกันของเกษตรกรเป็นปัจจัยสำคัญ ประการหนึ่งที่จะช่วยได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นั้น ทรงให้ความสำคัญ กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในระยะยาว พระราช ประสงค์ของพระองค์ ที่จะให้เกษตรกร ได้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมี สภาพชีวิตที่มีความสุข ไม่เคร่งเครียดกับการเร่งรัดให้เกิดความเจริญโดยรวดเร็ว นอกเหนือ จากเรื่องที่ทรงเน้น ในเรื่องการผลิตอาหารให้เพียงพอแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนจากพระราช ดำรัสที่ว่า \"...ไม่จำเป็นต้องส่งเสริมผลผลิตให้ ได้ปริมาณสูงสุดแต่เพียงอย่างเดียว เพราะ เป็นการสิ้นเปลืองค่าโสหุ้ย และทำลายคุณภาพดินแต่ควรศึกษาสภาวะตลาดการเกษตร ตลอดจนการควบคุมราคาผลิตผล ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน...\"
เทคนิควิธีการในการพัฒนาการเกษตรของพระองค์อีกประการหนึ่ง คือการที่ทรงใช้ประโยชน์ จากธรรมชาติให้มากที่สุด เช่น การใช้ที่ดินที่ทิ้งไว้เปล่าๆ ให้เป็นประโยชน์ หรือการ มองหา ประโยชน์จากธรรมชาติในสิ่งที่ผู้อื่นนึกไม่ถึง เช่น ครั้งหนึ่งทรงสนับสนุนให้มี การทำครั่งจาก ต้นจามจุรีที่ขึ้นอยู่ริมทางหลวงที่จะเสด็จฯ ไป พระราชวังไกลกังวล มีพระราชดำริว่า \"..เกิด จากความคิดที่จะเอาต้นก้ามปูมาทำให้ประชาชนมีงานทำแล้วร่วม เป็นกลุ่ม...\" การมุ่งใช้ ประโยชน์จากธรรมชาติ ยังมีลักษณะสอดคล้องกับวิธีการ ที่สำคัญของพระองค์อีกประการ หนึ่งคือ การประหยัด ทรงเน้น ความจำเป็นที่จะลด ค่าใช้จ่ายในการทำมาหากิน ของ เกษตรกรลงให้เหลือน้อยที่สุด โดยอาศัยพึ่งพิง ธรรมชาติ เป็นปัจจัยสำคัญ วิธีการของ พระองค์มีตั้งแต่การสนับสนุนให้เกษตรกร ใช้โคกระบือ ในการทำนามากกว่าให้ใช้เครื่องจักร ให้มีการปลูกพืชหมุนเวียน โดยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ย หรือกรณีที่ จำเป็นต้องใช้ปุ๋ย ก็ทรงสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยธรรมชาติแทนปุ๋ยเคมี ซึ่งมีราคาแพง และ มีผลกระทบต่อสภาพ และคุณภาพของดิน ในระยะยาว นั่นคือทรงสนับสนุนให้ทำ \"การเกษตร ยั่งยืน\" นอกจากนั้นยังทรง แนะนำในเรื่องการผลิตก๊าซชีวภาพ อันจะมีผลดีทั้งในด้านเชื้อ เพลิงและปุ๋ย รวมทั้งได้ทรงเน้นอยู่เสมอที่จะให้เกษตรกรมีรายได้เสริม หรือรายได้นอก การเกษตร จากการหาวัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น เช่น ไผ่ ย่านลิเพา ปาหนัน ฯลฯ มาใช้ให้เกิด ประโยชน์ในการจักสาน เพื่อเป็นอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ของตนเอง โครงการพัฒนาด้านการเกษตรอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น ประกอบด้วยงานหลาย ประเภท ซึ่งโดยทั่ว ๆ แล้วจะเป็นงานเกี่ยวกับการศึกษาค้นคว้า ทดลอง วิจัยหาพันธุ์พืช พันธุ์ สัตว์ต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ ดำเนินการอยู่ในศูนย์ศึกษาการ พัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และนำผลสำเร็จ จากการศึกษาทดลองไปถ่ายทอดสู่ ประชาชน ด้วยการฝึกอบรมให้เกษตรกรมีความรู้ ในวิชาการเกษตรแผนใหม่ นอกจากนั้นยัง ประกอบด้วยโครงการเพื่อการส่งเสริมการเกษตร เช่น โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวและทำ นาขั้นบันได อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส หรือโครงการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จ จังหวัด พระนครศรี อยุธยา เป็นต้น
โครงการอันเนื่ องมาจากพระราชดำริในด้ านการพัฒนาการเกษตรที่ กระจายอยู่ทั่วประเทศนั้น ได้ส่งผลโดยตรงต่อความกินดีอยู่ดีของเกษตรกรเป็นอย่างมาก เนื่องจาก เป็นโครงการที่มุ่ง แก้ปัญหาหลักด้านการพัฒนาการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้ เกษตรกรได้มีโอกาสมาก ขึ้น ในการเข้าถึงแหล่งความรู้ในด้านเทคนิค และวิชาการ เกษตรสมัยใหม่ ซึ่งแต่เดิม เกษตรกรไม่เคยมีโอกาสเช่นนี้มาก่อน รวมทั้งยังได้มีโอกาสเรียนรู้ และเห็นตัวอย่างของ ความสำเร็จของการผลิตในพื้นที่ต่าง ๆ และสามารถนำไปปรับใช้ในการเพาะปลูกของตนเอง อย่างได้ผล ความเจริญของเกษตรกร และภาคเกษตรกรรมนี้ มิใช่มีจุดหมายในตัวเอง เท่านั้น หากแต่ยังมีความหมาย ต่อความเจริญของภาคเศรษฐกิจแขนงอื่น และของประเทศ ชาติโดยส่วนรวมด้วย
จัดทำโดย ด.ช พฤกษกร ขอดจันทึก เลขที่25
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: