หน่วยท่ี 3 วตั ถุดบิ อาหารสัตว์1. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมนกั ศึกษาสามารถ 1.1 บอกความหมายของวตั ถุดิบอาหารสัตวไ์ ด้ 1.2 สามารถจาแนกประเภทวตั ถุดิบอาหารสตั วไ์ ด้ 1.3 บอกคุณคา่ ทางโภชนะ ขอ้ ดีขอ้ เสียและการใชว้ ตั ถุดิบในอาหารสัตวไ์ ด้2. ความหมายของวตั ถุดิบอาหารสัตว์ หมายถึงวตั ถุใดๆ กต็ ามท่ีสตั วก์ ินเขา้ ไปแลว้ สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในร่างกายไดโ้ ดยไม่เกิดโทษอาจเป็นวตั ถุที่ไดจ้ ากธรรมชาติหรือไดจ้ ากการสงั เคราะห์กไ็ ด้ วตั ถุดิบท่ีนามาใชเ้ ล้ียงสตั วม์ ีอยหู่ ลายชนิด ท้งั ที่มีอยตู่ ามธรรมชาติ หรือมนุษยส์ ร้างสังเคราะห์ข้ึนมาวตั ถุดิบ แตล่ ะชนิดมีคุณคา่ แตกต่างกนั นอกจากน้นั ยงั พบวา่ แมก้ ระทง่ั วตั ถุดิบชนิดเดียวกนั กม็ ีคุณคา่ ท่ีแตกตา่ งกนั ได้ เพราะวา่ ความอุดมสมบูรณ์ของดินท่ีปลูก แหล่งผลิต วธิ ีการเกบ็ รักษา การแปรรูปมีผลต่อคุณคา่ ของอาหาร เราสามารถจาแนกวตั ถุดิบอาหารสัตว์ออกเป็นจาพวกไดด้ งั ต่อไปน้ี 1. จาแนกตามแหล่งทมี่ า (Feed Source) 1.1 วตั ถุดิบจากพชื เช่น ขา้ วโพด ปลายขา้ ว ราละเอียด มนั เส้น กากถวั่ เหลือง กากถว่ั ลิสง และกากมะพร้าว เป็นตน้ 1.2 วตั ถุดิบจากสตั ว์ เช่น ปลาป่ น เน้ือกระดูกป่ น เลือดแหง้ ป่ น ขนไก่ป่ น เปลือกหอยป่ น แกลบกุง้ป่ น เป็นตน้ 1.3 สารสงั เคราะห์ เช่น แคลเซียมไดฟอสเฟต แร่ธาตุ วติ ามินสงั เคราะห์ สารเสริมอาหาร 2. จาแนกตามลกั ษณะของอาหาร (Feed Characteristic) 2.1 อาหารหยาบ ไดแ้ ก่หญา้ ขน หญา้ เนเปี ยร์ตน้ ถว่ั ต่าง ๆ ในบทน้ี จะไม่นามากล่าวไว้ เพราะวา่นกั ศึกษาจะไดเ้ รียนโดยละเอียดในรายวชิ าทุง่ หญา้ อาหารสัตว์ 2.2 อาหารขน้ 3. จาแนกตามองค์ประกอบทมี่ อี ยู่ในอาหาร (Feed Composition) 3.1วตั ถุดิบอาหารสตั วเ์ สริมพลงั งาน เช่น ขา้ วโพด มนั เส้น ไขมนั กากน้าตาล 3.2วตั ถุดิบอาหารสัตวเ์ สริมโปรตีน เช่น ปลาป่ น กากถว่ั เหลือง ขนไก่ป่ น
3.3วตั ถุดิบอาหารสัตวเ์ สริมวติ ามิน เช่น ส่าเหลา้ ยสี ต์ วติ ามินสังเคราะห์ 3.4วตั ถุดิบอาหารสัตวเ์ สริมแร่ธาตุ เช่น เปลือกหอยป่ น หินปนู ป่ นวตั ถุดบิ อาหารและสารเสริมในอาหารสัตว์ วตั ถุดิบอาหารสตั วเ์ ป็นแหล่งใหส้ ารอาหารหรือโภชนะท้งั 6 ประเภท โดยวตั ถุดิบอาหารแตล่ ะชนิดจะมีปริมาณสารอาหารชนิดต่าง ๆ แตกต่างกนั หากจะเเบง่ วตั ถุดิบ อาหารตามปริมาณสารอาหารท่ีมีอยอู่ าจแบ่งออกไดเ้ ป็น 4 ประเภท คือ 1. แหล่งพลงั งาน 2. แหล่งโปรตีน 3. แหล่งไวตามิน และแร่ธาตุ 4. แหล่งสารเสริมอาหาร1. แหล่งพลงั งาน วตั ถุดิบประเภทน้ีแบง่ ยอ่ ยได้ 2 ประเภทคือ 1.1 แหล่งพลงั งานประเภทแป้ งหรือน้าตาล 1.2 แหล่งพลงั งานประเภทเขม้ ขน้ 1.1 แหล่งพลงั งานประเภทแป้ งหรือนา้ ตาล วตั ถุดิบประเภทน้ีจะใชป้ ริมาณมากที่สุดในสูตรอาหารถึง 70-80% โดยมีระดบั โปรตีนคอ่ นขา้ งต่ากวา่ 16% เยอ่ื ใยต่า (ต่ากวา่ 18 %) มีพลงั งานสูง ส่วนใหญ่เป็นเมล็ดธญั พชื และพชื หวั ไดแ้ ก่ 1. ข้าวโพด (corn) ขา้ วโพดเป็นวตั ถุดิบที่เหมาะแก่การเล้ียงสุกรท้งั น้ีเพราะขา้ วโพดมีปริมาณมาก และราคาถูก มีคาร์โบไฮเดรตถึง 68% มีโปรตีน 8% และเป็นโปรตีนคุณภาพต่าเพราะขาดกรดอะมิโนไลซีน และทริปโตเฟน แตป่ ัจจุบนั น้ีมีขา้ วโพดพนั ธ์โอเพก 2 (Oppaque-2) ซ่ึงมีไลซีนและทริปโตเฟนสูงกวา่ ขา้ วโพดธรรมดาเกือบ 2 เทา่ นอกจากน้ีขา้ วโพดจะพบปัญหาเรื่องเช้ือราแอสเปอจิลลสัฟลาวสั (Aspergillus flavus) ซ่ึงสร้างสารพิษอะฟลาทอ็ กซิน (Aflatoxin) ซ่ึงจะทาใหส้ ุกรมีอตั ราการเจริญเติบโตและประสิทธิภาพการใชอ้ าหารลดลง สุกรอาจแทง้ ลูก ขา้ วโพดท่ีจะใชเ้ ล้ียงสุกรตอ้ งสะอาดปราศจากสิ่งแปลกปลอม หรือเช้ือรา และตอ้ งนามาบดใหล้ ะเอียดก่อนใชเ้ ล้ียงสตั ว์ ขา้ วโพดถือวา่ มีคุณค่าทางพลงั งานเป็นมาตรฐานคือ 100 เนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตสูงและระดบั เยอื่ ใยต่า ข้าวโพดเมลด็ บด (Ground Corn) เป็นวตั ถุดิบอาหารสตั วท์ ่ีมีคุณภาพดี รสดี ยอ่ ยไดง้ ่าย ควรเลือกใชเ้ มลด็ ขา้ วโพดท่ีสะอาด ไมม่ ีมอดเจาะ ไม่มีสิ่งเจือปน ปราศจากเช้ือราโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ Aspergillusflavus ซ่ึงผลิตสารพิษอะฟ ลาทอกซิน (Aflatoxin) มีผลเสียตอ่ สุขภาพสตั ว์ คือ ที่ระดบั 0.03 พีพีเอม (ppm:part per million) ทาใหต้ บั พิการในลูกเป็ด ลูกเป็ดตาย ระดบั 0.61 พพี ีเอม ลูกไก่ตายมาก ระดบั 1.83 พพี เี อม
ในไก่ไข่ ไขล่ ด อตั ราการเจริญเติบโตต่า หากผา่ ซากตรวจพบ ตบั ขยายใหญ่ มีจุดเน้ือต าย อวยั วะภายในมีสีเหลือง ขา้ วโพดท่ีนามาเก็บรักษาควรมีความช้ืนไมเ่ กินกวา่ 13 ถึง 14 เปอร์เซ็นต์ สาหรับวธิ ีการเกบ็ รักษาในปัจจุบนั นิยมนาเมลด็ ขา้ วโพดคลุกดว้ ย แคลเซียมโพรพโิ อเนต (Calcium Propionate) 0.5 ถึง 1.0 เปอร์เซ็นต์ต่อตนั เพ่อื ยบั ย้งั การเจริญของเช้ือรา ขา้ วโพดมีปริมาณกรดอะมิโนไลซีนต่า ขา้ วโพดและปลายขา้ วสามารถใชท้ ดแทนกนั ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ขา้ วโพดมีโปรตีนอยปู่ ระมาณ 8.9 เปอร์เซ็นต์ 2. ปลายข้าว (broken rice) เป็นวตั ถุดิบที่สามารถใชเ้ ป็นอาหารไดเ้ ลยไม่ตอ้ งนามาบดใหล้ ะเอียดก่อน มีคุณคา่ ทางอาหารใกลเ้ คียงกบั ขา้ วโพด ยอ่ ยง่าย เก็บไวไ้ ดน้ าน ปลายขา้ วเหนียวมีคุณคา่ ทางอาหารใกลเ้ คียงกบั ขา้ วเจา้ แตป่ ลายขา้ วเหนียวอาจทาใหท้ อ้ งผกู ได้ ปลายขา้ วน่ึงจะยอ่ ยไดง้ ่ายกวา่ ปลายขา้ วธรรมดา 3. ราข้าวละเอยี ด (rice polish) ราหยาบ (rice bran) ราขา้ วเป็นผลพลอยไดจ้ ากโรงสีเช่นเดียวกบั ปลายขา้ ว รามีโปรตีนประมาณ 11-13 % ราละเอียดจะมีไวตามิน บี 1 มากกวา่ ราหยาบ ราสกดั น้ามนั (rice polish, solvent extracted) จะมีโปรตีนประมาณ 14 % ราขา้ วมีเยอ่ื ใยสูง ฟ่ าม ไขมนัสูง หืนง่าย ราขา้ วนาปรังมีความช้ืนสูงและมียาฆ่าแมลงปะปนมามาก ราสกดั น้ามนั แลว้ มีไขมนั นอ้ ย เกบ็ไดน้ าน ยาฆา่ แมลงลดปริมาณลง แต่ระดบั พลงั งานอาจจะต่า ในกรณีท่ีมีแกลบปะปนมากจะมีสารเยอื่ ใยสูงมีธาตุซิลิกามาก ทาใหส้ ัตวไ์ ดร้ ับอนั ตรายเกิดการอกั เสบของลาไส้ ไตผดิ ปกติ ถา้ หา กผสมลงในอาหารสัตวป์ ริมาณมาก ส่งผลใหอ้ าหารมีลกั ษณะฟ่ าม มีพลงั งานต่า และทาใหส้ ตั วท์ อ้ งร่วงได้ ขอ้ เสียของราขา้ ว 1) ระดบั เยอ่ื ใยค่อนขา้ งสูง ถา้ ใชม้ ากเกินไปอาจทาใหก้ ารยอ่ ยไดข้ องสัตวล์ ดลง 2) มีปริมาณไขมนั สูงทาใหเ้ หมน็ หืนไดง้ ่ายดงั น้นั ไมค่ วรเก็บไวน้ านเกินกวา่ 2 สัปดาห์ 3) ปัญหาสารพิษตกคา้ งเช่นยาฆา่ แมลงมกั พบในราขา้ วนาปรังซ่ึงอาจเป็นอนั ตรายตอ่ สตั ว์ 4) รามีลกั ษณะฟ่ ามเบาถา้ ใชม้ ากสตั วจ์ ะกินอาหารลดลง 5) รามีคุณสมบตั ิช่วยระบายถา้ ใชม้ ากอาจทาใหส้ ตั วท์ อ้ งเสียได้ระดบั การใช้ อุทยั (2529) ไดแ้ นะนาระดบั การใชร้ าขา้ วในสูตรอาหารสัตวต์ า่ งๆ ดงั น้ี 1) ในอาหารสุกร สุกรเล็ก ไม่เกิน 20% ในสูตรอาหาร สุกรรุ่น, ขนุ ไมเ่ กิน 30% ในสูตรอาหาร สุกรพนั ธุ์ ไมเ่ กิน 30% ในสูตรอาหาร 2) ในอาหารสัตว์ปี ก ไก่กระทง 0 - 4 สปั ดาห์ ไม่เกิน 10% ในสูตรอาหาร ไก่ไข่ 5 - 8 สัปดาห์ ไม่เกิน 10% ในสูตรอาหาร ไก่ไข่เล็ก 1 - 8 สปั ดาห์ ไมเ่ กิน 10% ในสูตรอาหาร ไก่ไขร่ ุ่น-สาว 9 - 20 สัปดาห์ ไมเ่ กิน 20% ในสูตรอาหาร
ไก่ไข่ระยะไข่ ไม่เกิน 30% ในสูตรอาหาร 4. ราสกดั นา้ มนั (Rice bran oil meal) ไดจ้ ากการสกดั ไขมนั ออกไปเหลือไขมนั ในปริมาณนอ้ ยมากใชท้ ดแทนราละเอียดไดแ้ ตใ่ หพ้ ลงั งานต่ากวา่ และขาดกรดไขมนั ท่ีจาเป็น 5. ข้าวเปลอื กบด ใหพ้ ลงั งานต่ากวา่ ปลายขา้ วมากเพราะมีส่วนของแกลบซ่ึงยอ่ ยไม่ไดก้ วา่ 20% มี โปรตีน 6% เยอื่ ใย9% ในช่วงที่ขา้ วเปลือกมีราคาตกต่าสามารถนามาใชเ้ ป็นแหล่งพลงั งานในอาหารสุกรและสัตวป์ ี กได้โดยเฉพาะอาหารเป็ ดเน้ือและเป็ ดไข่ 6. ราหยาบ เป็นส่วนประกอบของราละเอียดปลายขา้ วและส่วนของแกลบใหพ้ ลงั งานต่าไมถ่ ึง 50% ของราละเอียด มีโปรตีน 6% เยอ่ื ใยสูงมากถึง 28% นิยมใชใ้ นสูตรอาหารของเป็ดเน้ือและเป็ดไขใ่ นระดบั ประมาณ20% ในสูตรอาหาร ไม่เหมาะที่จะใชใ้ นสูตรอาหารสุกร, ไก่เน้ือ และไก่ไข่ เพราะยอ่ ยยากและมีสาร Phytateสูงซ่ึงจะจบั กบั ธาตุสงั กะสี ทาใหเ้ กิดโรค Parakeratosis ไดง้ ่าย 7. ข้าวฟ่ าง (sorghum Grain) มีโปรตีน 11 % สูงกวา่ ขา้ วโพด แตเ่ ป็นโปรตีนคุณภาพต่าไม่เป็นประโยชนต์ ่อสตั วก์ ระเพาะเด่ียวนกั ในขา้ วฟ่ างมีสารแทนนิน (tannin) ทาใหร้ สขมและทาให้ประสิทธิภาพการเจริญเติบโตลดลง ขา้ วฟ่ างเมลด็ ขาวและเมล็ดเหลืองจะมีปริมาณสารแทนนินนอ้ ยกวา่ ขา้ วฟ่ างเมล็ดแดง ขา้ วฟ่ างอ่อนมีแทนนินมากกวา่ ขา้ วฟ่ างแก่ 8. มันสาปะหลงั (cassava หรือ Manihot) มีคุณคา่ ทางอาหารต่า มีโปรตีน 1.5-2 % มนัสาปะหลงั สดมีสารพิษกรดไฮโดรไซยานิค (hydrocyanic acid) (หรือ prussic acid) สูง จึงไม่ควรใชม้ นัสาปะหลงั สดเล้ียงสัตว์ เพาะสารน้ีจะไปรวมกบั เมด็ เลือดแดง เมด็ เลือดแดงไม่สามารถนาออกซิเจนไปใชไ้ ด้ ทาใหส้ ัตวต์ ายได้ หวั มนั นามาหน่ั ตากแดดใหแ้ หง้ เป็นมนั เส้น สารพษิ จะถูกทาลายไปหมด หรือเหลืออยเู่ พียงเลก็ นอ้ ย นาไปแปรรูปเป็นมนั อดั เมด็ เพ่ือลดความเป็นฝ่ นุ หากตากแดดไม่แหง้ มนั เส้นจะมีกลิ่นเหมน็ เปร้ียว มีการปลอมปนดว้ ยทรายไดง้ ่าย มนั สาปะหลงั มีรสชาติไม่ดี หากใชม้ ากในสูตรอาหารสัตวก์ ินอาหารลดลง เนื่องจากมีโปรตีนต่าจึงจาเป็นตอ้ งเสริมดว้ ยกากถวั่ เหลืองหรือปลาป่ นระดบั สูง หากใชม้ นั เส้น87 เปอร์เซ็นต์ ผสมกั บกากถวั่ เหลือง 13 เปอร์เซ็นต์ หรือ มนั เส้น 90 เปอร์เซ็นต์ ผสมกบั ปลาป่ น 10เปอร์เซ็นต์ มีคุณคา่ เทียบเท่ากบั ขา้ วโพด สรุปคุณคา่ ทางโภชนะของมนั สาปะหลงั
1) เป็นแหล่งพลงั งานที่ดีใหพ้ ลงั งานที่ใชป้ ระโยชนไ์ ดท้ ดั เทียมกบั ขา้ วโพดหรือปลายขา้ ว 2) มีไขมนั ต่าและขาดกรดไขมนั ท่ีสาคญั ดงั น้นั ในอาหารสูตรมนั สาปะหลงั ตอ้ งมีการเติมแหล่งไขมนั เช่น ราขา้ ว น้ามนั ถวั่ เหลืองใหเ้ พียงพอ 3) มีโปรตีนต่าเพียง 2.5% และขาดกรดอะมิโนที่จาเป็นดงั น้นั การใชจ้ ะตอ้ งเติมแหล่งโปรตีนคุณภาพดี เช่น ปลาป่ น กากถว่ั เหลืองใหเ้ พียงพอหรือมีการเสริมกรดอะมิโนสงั เคราะห์บางชนิด 4) มนั สาปะหลงั มีลกั ษณะฟ่ ามเบากวา่ ขา้ วโพดหรือปลายขา้ ว โดยมนั สาปะหลงั หนกั 450 – 550กรัม/ลิตร เปรียบเทียบกบั ขา้ วโพดหนกั 680 - 700 กรัม/ลิตรดงั น้นั ในการใชใ้ นอาหารสุกรและสตั วป์ ี กซ่ึงจาเป็นตอ้ งบดเสียก่อนกจ็ ะยงิ่ ทาใหอ้ าหารสูตรมนั สาปะหลงั มีลกั ษณะฟ่ าม เบาสตั วก์ ินอาหารไดน้ อ้ ยลงซ่ึงแกไ้ ขไดโ้ ดยการอดั เมด็ อาหาร 5) ปัญหาเร่ืองฝ่ นุ มกั มีปัญหาตอ่ การกินไดข้ องสตั วอ์ าจแกไ้ ขโดยการเติมไขมนั เพ่ือช่วยลดฝ่ นุ ในอาหารหรือโดยการอดั เมด็ 6) มนั สาปะหลงั ขาดสารสี (Pigment)เช่น Xanthophyllเป็นปัญหาสาคญั ประการหน่ึงในอาหารของไก่เน้ือ, ไก่ไข่ ซ่ึงเคยไดร้ ับสารดงั กล่าวจากขา้ วโพด แกไ้ ขโดยการเติมใบกระถิน, ใบมนั สาปะหลงั ตากแหง้ , กลีบดอกดาวเรือง หรือสารสีสังเคราะห์ลงไปในอาหาร 7) มนั สาปะหลงั มีรสชาติหรือความน่ากินต่า(Palatability)ทาใหส้ ัตวก์ ินอาหารไดน้ อ้ ยลงโดยเฉพาะในอาหารสุกร อาจแกไ้ ขโดยการเติมส่าเหล่า กากน้าตาลหรือโดยการอดั เมด็ อาหาร การใชม้ นั สาปะหลงั ทดแทนธญั พชื 1) การใชม้ นั สาปะหลงั ทดแทนขา้ วโพดและปลายขา้ วทาไดโ้ ดยใชม้ นั เส้น 85 กก.ผสมกบั กากถวั่เหลือง 15 กก.หรือใชม้ นั เส้น 89 กก.ผสมกบั ปลาป่ นคุณภาพดี (โปรตีน 60%) 11 กก.จะทาใหค้ ุณค่าทางอาหารของวตั ถุดิบผสมมีคุณค่าทางอาหารใกลเ้ คียงกบั ปลายขา้ วหรือขา้ วโพดตารางท่ี 1 แสดงคุณค่าทางอาหารของมนั สาปะหลงั ผสมกบั แหล่งโปรตีน กบั ขา้ วโพดคุณคา่ ทางอาหาร ขา้ วโพด มนั เส้น 85 + มนั เส้น 89 + กากถวั่ เหลือง 15 ปลาป่ น 111. โปรตีน % 8.5 8.6 8.72. ไขมนั % 3.8 0.4 1.33. ME Kcal/kg 3168 3100 31004. Lysine 0.25 0.47 0.75ทม่ี า : อุทยั , 2529.
จากตารางจะเห็นวา่ คุณค่าทางอาหารส่วนใหญ่จะใกลเ้ คียงกนั ยกเวน้ ไขมนั ซ่ึงไดค้ อ่ นขา้ งต่าดงั น้นัถา้ มีการใชม้ นั สาปะหลงั ในสูตรอาหารในระดบั สูงกวา่ 20% ข้ึนไปควรเสริมไขมนั 1- 2% ในสูตรอาหารเพ่อืเป็นแหล่งไขมนั และช่วยลดฝ่ นุ ในอาหารดว้ ยในอาหารไก่ไขห่ รือไก่เน้ืออาหารสูตรสาปะหลงั มกั จะมีปัญหาการขาดสารสี (Pigment) คือ Xanthophyll ซ่ึงไมม่ ีในมนั สาปะหลงั เช่นที่พบในเมลด็ ขา้ วโพดซ่ึงจะทาใหม้ ีปัญหาต่อสีของไขแ่ ดงและสีผวิ ของไก่กระทงไดด้ งั น้นั จึงจาเป็นตอ้ งเติมแหล่งของ Xanthophyll ลงในสูตรอาหารดว้ ยเช่นการใชก้ ลีบดอกดาวเรืองในอตั รา 1 กก./ตนั หรือCarophyll red ในอตั รา 2 - 8 กรัม/ตนั ระดบั การใช้มันสาปะหลงั ในอาหารสัตว์ ประเทศไทยไดม้ ีการวจิ ยั เกี่ยวกบั การใชม้ นั สาปะหลงั เป็นอาหารสัตวต์ ่างๆเป็นเวลานานกวา่ 20 ปีโดยหน่วยงานหรือมหาวทิ ยาลยั ต่างๆ จนเป็นท่ีแน่ใจไดว้ า่ การใชม้ นั สาปะหลงั สามารถที่จ ะนาไปใชไ้ ดใ้ นอาหารสตั วท์ ุกชนิดโดยไม่ก่อใหเ้ กิดผลเสียตอ่ ประสิทธิภาพในการเจริญเติบโต การใหผ้ ลผลิตของสตั วห์ รือต่อคุณภาพของผลผลิตเช่นคุณภาพซากของสตั วอ์ ยา่ งแน่นอนแต่การใชม้ นั สาปะหลงั จะตอ้ งมีการปรับสูตรอาหารสัตวใ์ หเ้ หมาะสมหรือไดร้ ับคาแนะนาจากผเู้ ช่ียวชาญทางดา้ นอาหารสตั วเ์ สียก่อน ส่วนระดบั การใช้ในสัตวช์ นิดตา่ งๆจะแตกต่างกนั ออกไปข้ึนอยกู่ บั ชนิดของสตั ว์ ช่วงอายหุ รือช่วงการเจริญเติบโตของสตั ว์ตารางที่ 2 แสดงระดบั การใชม้ นั สาปะหลงั ในสูตรอาหาร ชนิดของสัตว์ ระดบั การใชใ้ นสูตรอาหาร1. โคเน้ือ, โคนม, กระบือ 60 - 70%2. สุกรเลก็ (15 - 30 กก.) 20%3. สุกรรุ่น (30 - 60 กก.) 30%4. สุกรขนุ (60 - 100 กก.) 50 - 70%5. สุกรแม่พนั ธุ์, พอ่ พนั ธุ์ 50%6. ไก่กระทง 30%7. ไก่ไข่เล็ก 30%8. ไก่ไขร่ ะยะไข่ 50%9. ไก่สาว 8 - 20 สัปดาห์ 50%ทม่ี า: อุทยั , 2529. วกิ ฤติการณ์ราคาธญั พืชกบั การใชม้ นั สาปะหลงั ต้งั แต่ปี 2539 เป็นตน้ มาไดเ้ กิดวกิ ฤติการณ์ดา้ นราคาของธญั พชื มีราคาสูงข้ึนกวา่ ในอดีตที่ผา่ นมาอยา่ งมากไม่วา่ จะเป็นขา้ วโพดหรือปลายขา้ วเช่นราคาขา้ วโพดเดิมราคา 3.50 -4 บาท/กก. เพมิ่ เป็น 5.50 บาท/กก. ปลายขา้ วจาก 5.00 บาท/กก.เพ่ิมเป็น 6.50 - 6.80 บาท/กก.ซ่ึงสูงข้ึนกวา่ เดิม 30 -40% ทาใหต้ น้ ทุนค่าอาหารสตั วส์ ูงข้ึนตามไปดว้ ยจนผเู้ ล้ียงประสบปัญหาการขาดทุนดงั น้นั การใชม้ นั สาปะหลงั เขา้ มาทดแทนปลายขา้ วหรือขา้ วโพดบางส่วนหรือท้งั หมดน่าจะเป็นทางออกที่ดี
ของผเู้ ล้ียงสตั วอ์ ยา่ งไรก็ตามการใชม้ นั สาปะหลงั จะกระทาไดห้ รือไมก่ ข็ ้ึนอยกู่ บั ราคามนั สาปะหลงั และราคาของกากถวั่ เหลืองหรือราคาของปลาป่ นท่ีจะนามาใชป้ รับคุณคา่ ทางอาหารของมนั สาปะหลงั ดงั น้ี 1) กรณีใชท้ ดแทนขา้ วโพดหรือปลายขา้ วโดยใชก้ ากถวั่ เหลืองปรับคุณภาพจะสามารถใชม้ นัสาปะหลงั ทดแทนไดเ้ ม่ือ สูตร (ราคามนั เส้น x 0.85) + (ราคากากถวั่ เหลือง x 0.15) มีราคาต่ากวา่ ราคาขา้ วโพดหรือปลายขา้ วเช่น ถา้ มนั เส้นราคา 3.50 บาท/กก., กากถว่ั เหลืองราคา 12 บาท/กก.ขา้ วโพดราคา 5.50 บาท/กก. และปลายขา้ วราคา 6.50 บาท/กก.แทนคา่ ในสูตร(3.50 x 0.85) + (12 x 0.15) ต่ากวา่ 5.50 บาท/กก.2.98 + 1.80 < 5.50 “4.78 < 5.50 “ดงั น้นั มนั สาปะหลงั ปรับปรุงคุณภาพใหท้ ดั เทียมขา้ วโพดแลว้ จะมีราคาต่ากวา่ ขา้ วโพดพอสมควรจะสามารถช่วยลดตน้ ทุนคา่ อาหารสตั วไ์ ดเ้ ป็นอยา่ งดี2) กรณีท่ีใชป้ ลาป่ นปรับปรุงคุณภาพจะใชม้ นั สาปะหลงั ไดเ้ ม่ือ(ราคามนั เส้น x 0.89) + (ราคาปลาป่ น x 0.11) ต่ากวา่ ราคาขา้ วโพดแทนค่า (3.50 x 0.89) + (30 x 0.11) < 5.50 บาท/กก. 3.11 + 3.3 < 5.50 “ 6.41 สูงกวา่ 5.50 “ดงั น้นั จะเห็นวา่ ถา้ มนั สาปะหลงั ราคา 3.50 บาท และใชป้ ลาป่ นเกรด A ราคา 30 บาท/กก.มาปรับคุณภาพจะทาใหร้ าคามนั สาปะหลงั ปรับคุณภาพแลว้ มีราคาสูงกวา่ ราคาข้ าวโพดก็ไมส่ ามารถจะใชม้ นัสาปะหลงั ในสูตรอาหารได้ 1.2 แหล่งพลงั งานประเภทเข้มข้น 1.2 ไขมนั (fat , oil) ใชผ้ สมในอาหารสตั วเ์ พอื่ ยกระดบั พลงั งาน เป็นวตั ถุดิบอาหารท่ีจาเป็นสาหรับสุกร มีพลงั งานสูงกวา่ แป้ ง 2.5 เทา่ ช่วยลดการเป็นฝ่ นุ ในอาหาร ทาใหอ้ าหารอดั เมด็ ง่าย เพ่มิความน่ากิน เพ่ิมปริมาณกรดไขมนั ที่จาเป็น แต่มีปัญหาคือทาใหอ้ าหารหืนง่าย และถา้ สุกรไดร้ ับเกิน 5-7% ของสูตรอาหารอาจทาใหล้ กั ษณะไขมนั ของซากมีปัญหา เช่น เกิดไขมนั มีลกั ษณะแขง็ ถา้ อาหารมี
ไขมนั วัว น้ามนั หมู น้ามนั มะพร้าว น้ามนั ปาลม์ มาก ไขมนั มีลกั ษณะเหลว ถา้ มีน้ามนั ราขา้ ว น้ามนัขา้ วโพด น้ามนั ถว่ั ชนิดต่าง ๆ มาก 2. นา้ ตาลทราย (sugar cane) เป็นวตั ถุดิบที่ใหพ้ ลงั งานไดใ้ กลเ้ คียงกบั ปลายขา้ วหรือขา้ วโพดไม่นิยมใชเ้ ป็นแหล่งพลงั งานโดยตรงแตม่ กั ใช้เพื่อเพม่ิ รสชาติความน่ากินของอาหารใหด้ ีข้ึนเช่นในอาหารของลูกสุกรหยา่ นม (5 - 20 กก.)จะทาใหม้ ีรสหวานชวนกินช่วยกระตุน้ การกินอาหารของสุกรไดด้ ีมากส่วนในสตั วท์ ี่โตแลว้ ไม่จาเป็นตอ้ งเติมน้าตาลทรายในอาหาร 3. กากนา้ ตาล (molasses) เป็นผลพลอยไดจ้ ากการผลิตน้าตาลจา กออ้ ย มีสีน้าตาลปนดา มีโปรตีน 4 % มีพลงั งานใชป้ ระโยชน์ไดใ้ นสุกรเพยี ง 2,100 กิโลแคลอรี /กก. แคลเซียมสูงใชเ้ พิม่ รสชาติในอาหารในระดบั 1-3% ในสูตรอาหารที่มีความน่ากินต่าเช่น สูตรมนั สาปะหลงั โดยเฉพาะในสูตรอาหารของสุกรและโค ในโคขนุ ใชเ้ สริมใหก้ ินในช่วงทา้ ยของการขนุ โดยใหเ้ ลียกินอยา่ งอิสระเพ่อื เพ่มิ การสะสมไขมนั ในร่างกายและไขมนั แทรกในกลา้ มเน้ือ (Marbling)ซ่ึงต่ากวา่ ปลายขา้ วและขา้ วโพด จึงไมเ่ หมาะท่ีจะใชเ้ ป็นแหล่งพลงั งาน การใชใ้ นอาหารจึงเพอื่ เพ่ิมความน่ากินในกรณีที่สูตรอาหารประกอบ ดว้ ยวตั ถุดิบที่มีความน่ากินต่าอยสู่ ูง และลดการเป็นฝ่ นุ ทาใหอ้ ดั เมด็ ไดง้ ่าย แตอ่ าหารจะเก็บไวไ้ ดไ้ ม่นานเพราะจะเกิดเช้ือราและเหมน็ เปร้ียว ในอาหารสุกรสามารถใชไ้ ด้ 5-7 % ของสูตรอาหาร2. แหล่งโปรตนี เป็นวตั ถุดิบอาหารท่ีใชน้ อ้ ยในสูตรอาหาร (20-30 %) มีระดบั โปรตีนสูงกวา่ 16 % อีกท้งั ยงั เป็นโปรตีนคุณภาพดี มีเยอ่ื ใยต่า (ต่ากวา่ 18 %) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามแหล่งกาเนิด คือ 2.1โปรตีนจากสัตว์ 2.2 โปรตีนจากพืช 2.1 แหล่งโปรตนี จากสัตว์ วตั ถุดิบโปรตีนจากสัตวเ์ ป็นผลพลอยไดจ้ ากอุตสาหกรรมเช่น ปลาป่ น เน้ือป่ น เน้ือและกระดูกป่ นขนไก่ป่ น นมและผลิตภณั ฑ์ วตั ถุดิบโปรตีนจากสัตวม์ ีคุณภาพสูง เพราะมีกรดอะมิโนท่ีจาเป็นปริมาณมากและสมดุลกวา่ แหล่งโปรตีนจากพชื 1. ปลาป่ น (fish meal) มีโปรตีนสูงประมาณ 50-60 % มีกรดอะมิโนไลซีน และเมทไธโอนีนสูง มีแร่ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง มีราคาแพง จึงมกั ถูกปลอมปนดว้ ยทรายละเอียด ยเู รีย ขนไก่ป่ นและมกั มีปัญหาเรื่องความเคม็ ซ่ึงสามารถทาใหส้ ุกรข้ีไหลได้ ปลาป่ นที่ทาจากปลาเน่ากจ็ ะทาใหส้ ุกรทอ้ งร่วงเช่นเดียวกนั การใชป้ ลาป่ นในสุกรเกิน 10-15 % จะทาใหส้ ุกรกินอาหารลดลง เน้ือสุกรจะมีกล่ินคาวปลา 1) ระดบั การใชใ้ นอาหารสตั วป์ ี กและสุกร ไก่กระทง 0 - 8 สัปดาห์ ไม่เกิน 10 - 15% ในสูตรอาหาร ไก่ไข่ 0 - 20 สปั ดาห์ ไม่เกิน 8% ในสูตรอาหาร
ไก่ไข่ ระยะไข่ ประมาณ 5 - 6% ในสูตรอาหาร สุกรขนุ 15 - 30 กก. ประมาณ 6 - 7% ในสูตรอาหาร 30 - 60 กก. ประมาณ 5 - 6% ในสูตรอาหาร 60 - 100 กก. ประมาณ 3 - 4% ในสูตรอาหาร ส่วนในอาหารโคเน้ือและโคนมไมน่ ิยมใชเ้ พราะมีราคาแพงเกินไปยกเวน้ ในโคนมที่ให้น้านมสูงอาจใชป้ ลาป่ นแตไ่ มค่ วรเกิน 10% ในสูตรอาหารเพราะจะทาใหน้ ้านมมีกล่ินได้ 2) ปัญหาการใชป้ ลาป่ นเป็นอาหารสตั ว์ 1. มีราคาแพงเพราะไทยผลิตไดไ้ ม่เพียงพอ ปี 2535ผลิตได้ 4 แสนตนั แต่ตอ้ งนาเขา้ จากต่างประเทศเช่น ชิลีและเปรู ทาใหต้ น้ ทุนคา่ อาหารสตั วส์ ูงข้ึนมากดงั น้นั การใชต้ อ้ งใชใ้ นระดบั ท่ีเหมาะสม 2. ปัญหาการปลอมปนปลาป่ นดว้ ยวตั ถุชนิดอ่ืนเช่น กงุ้ ป่ น ปปู ่ น เปลือกหอยป่ น ยเู รีย ทาใหค้ ุณภาพของโปรตีนต่าลงเป็นผลเสียต่อการเจริญเติบโตและการใหผ้ ลผลิตของสตั ว์ 3. ปัญหากลิ่นของปลาป่ นในผลิตภณั ฑเ์ ช่นเน้ือสุกร ไก่ อาจมีปัญหาไดถ้ า้ ใชเ้ กิน 15% ในสูตรอาหาร 4. ปัญหาปริมาณเกลือแกง(NaCl)สูงเกินไปอาจพบไดใ้ นปลาป่ นเกรดต่าๆซ่ึงอาจทาใหเ้ ป็นพิษหรื ออนั ตรายต่อสตั วไ์ ด้ 2. เนือ้ ป่ น (Meat meal) มีโปรตีน 60-70% การยอ่ ยได้ 80-90% มีกรดอะมิโน lysine, Methionine, Tryptophane สูง ความสมดุลยข์ องกรดอะมิโนคอ่ นขา้ งดีมีแคลเซียม 7% ฟอสฟอรัส 4% ขอ้ เสียของเน้ือป่ นคือมีความแปรปรวนของโภชนะคอ่ นขา้ งสูงข้ึนอยกู่ บั ปริมาณของกระดูกท่ีปนมาจึงไม่ควรใชเ้ ป็นแหล่งโปรตีนหลกั ในสูตรอาหารระดบั การใชใ้ นอาหารสุกรและสตั วป์ ี กไม่เกิน 10 %ในสูตรอาหาร เน้ือป่ นส่วนใหญ่นาเขา้ จากตา่ งประเทศ เช่น อิตาลีเป็นตน้ 2. เนือ้ ป่ น เนือ้ และกระดูกป่ น (meat meal , meat and bone meal) ไดจ้ ากเศษเน้ือ ขน เอน็พงั ผดื เลือดและเคร่ืองในสตั ว์ มีโปรตีนประมาณ 45-50 % มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสอยสู่ ูง จึงควรใช้ในอาหารสุกรไม่เกิน 10 % ในอาหารสตั วป์ ี กไมค่ วรใชม้ ากเกินกวา่ 7 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะจะทาใหค้ ่าฟอสฟอรัสสูงเกินไป 3. หางนมและหางเนย (skim milk , whey) มีโปรตีนสูง ยอ่ ยไดเ้ กือบ 100 % มีความสมดุลย์ของกรดอะมิโน ไวตามินและแร่ธาตุที่ใกลเ้ คียงกบั ความตอ้ งการของสัตว์ มีไขมนั ต่าหรือแทบไมม่ ีไขมนัและวติ ามินที่ละลาย ในไขมนั มีโปรตีนประมาณ 30 % หางนมคือน้านมส่วนท่ีผา่ นขบวนการเหวยี่ งแยกครีมออกไปแลว้ มาทาใหแ้ หง้ หางเนยคือน้านมส่วนที่เหลือหลงั จากการตกตะกอนเอาเนยออกในขบวนการ
ทาเนยหางเนยมีน้าตาลแลคโตสประมาณ 65-70 % นิยมใชเ้ ล้ียงลูกสุกรอ่อน ไม่เกิน 25 % เนื่องจากมีราคาแพง และตอ้ งสงั่ จากต่างประเทศ 4. ขนไก่ป่ น (feather meal) มีโปรตีนสูงประมาณ 85-87 % แตส่ ัตวไ์ มส่ ามารถยอ่ ยไดง้ ่าย ๆเนื่องจากเป็นโปรตีนประเภทเคอราติน (keratin) ฉะน้นั ก่อนนาไปใชจ้ าเป็นตอ้ งนาไปผา่ นขบวนการยอ่ ยสลายโปรตีนก่อน โดยการน่ึงท่ีอุณหภูมิ 130 องศาเซลเซียส นาน 3 ชว่ั โมง 30 นาที หรือตม้ ดว้ ยสารละลายโซเดียมซลั ไฟดแ์ ละแอลกอฮอลล์ ซ่ึงสามารถเพิม่ คา่ ความยอ่ ยไดใ้ นสัตวไ์ ดถ้ ึง 75 % ปัจจุบนักฎหมายควบคุมใหใ้ ชข้ นไก่ผา่ นกรรมวธิ ีเหล่าน้ีแลว้ เทา่ น้นั ในการใชป้ ระกอบอาหารสตั ว์ เน่ืองจากคุณภาพโปรตีนต่าและกรดอะมิโนที่สาคญั หลายตวั นอ้ ยจึงแนะนาใหใ้ ชไ้ ม่เกิน 5 % ในสูตรอาหาร 5. แกลบกุ้ง (shrimp meal) ประกอบดว้ ยหวั กุง้ และเปลือกกงุ้ เป็นส่วนใหญ่ มีโปรตีนในช่วง30-50 % มีโปรตีนคุณภาพต่า มีเกลือสูง และมีธาตุแคลเซียมสูงเกินไปและมีธาตุฟอสฟอรัสท่ีใช้ประโยชน์ไดต้ ่า ถา้ ใชใ้ นปริมาณมากในสุกรอาจทาใหส้ ุกรไมส่ ามารถใชป้ ระโยชน์จากแคลเซียมและฟอสฟอรัส ทาใหแ้ สดงอาการขาดแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีอาการข้ีเร้ือน (parakeratosis) ได้ ฉะน้นั ไม่ควรใชเ้ กิน 10 % ในสูตรอาหาร เป็นแหล่งสารสีสาหรับไก่ไขไ่ ด้ แนะนาใหใ้ ชร้ ะ ดบั 5 เปอร์เซ็นตใ์ นอาหารไก่ 6. เลอื ดป่ น (blood meal) ไดจ้ ากการเอาเลือดซ่ึงเป็นเศษเหลืออีกชนิดหน่ึงจากโรงฆา่ สัตว์ มาน่ึงจากน้นั จึงอบใหแ้ หง้ แลว้ ป่ นละเอียดพร้อมจะใชเ้ ป็นวตั ถุดิบอาหารสัตว์ มีโปรตีนประมาณ 85-90 % แต่เป็นโปรตีนไมม่ ีคุณภาพ มีไลซีนและทริปโตเฟนสูง แตม่ ีเมทไธโอนีนและไอโซลูซีนต่ามาก จึงแนะนาให้ใชใ้ นสูตรอาหารสุกรและสัตวป์ ี กเพยี ง 5 % ของสูตรอาหาร การใชเ้ ลือดป่ นในสตั วร์ ะดบั สูงเกินไปยงั ทาใหส้ ัตวท์ อ้ งเสียได้ 2.2 แหล่งโปรตีนจากพชื ส่วนใหญ่เป็นผลพลอยไดจ้ ากเมล็ดพืชน้ามนั เช่น ถวั่ เหลือง ถว่ั ลิสง ทานตะวนั ซ่ึงสามารถผลิตไดใ้ นประเทศเป็นส่วนใหญ่ ยกเวน้ ถวั่ เหลืองท่ียงั ตอ้ งนาเขา้ จากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เพราะความตอ้ งการใชภ้ ายในประเทศมีมาก 1. ถั่วเหลอื งและกากถว่ั เหลอื ง (soybean , soybean meal) เป็นวตั ถุดิบท่ีสาคญั ในอาหารสตั ว์ถวั่ เหลืองท้งั เมล็ดมีโปรตีนประมาณ 38 % แตเ่ มล็ดถวั่ เหลืองดิบไมเ่ หมาะท่ีจะนาไปใชเ้ ล้ียงสตั วเ์ พราะมีสารพษิ (Trypsin inhibitor) ขดั ขวางน้ายอ่ ยโปรตีนในลาใส้เลก็ ไมใ่ หส้ ามารถยอ่ ยกรดอะมิโนทริปซิน มาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ถวั่ เหลืองดิบท่ีเกบ็ ไวน้ านจะมี เอนไซมย์ รู ีเอส (Urease) คอยยอ่ ยทาลายโปรตีนในถว่ัเหลืองไปเรื่อย ๆ ฉะน้นั การนาถวั่ เหลืองมาใชเ้ ล้ียงสัตวค์ วรทาใหส้ ุกก่อน เช่น การตม้ การน่ึง การควั่และการอดั น้ามนั แตห่ ากเมลด็ ถว่ั เหลืองไดร้ ับความร้อนมากเกินไปจะมีผลทาใหก้ รดอะมิโนไลซีนรวมตวักบั น้าตาล ซ่ึงไม่สามารถใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ถวั่ เหลืองท่ีผา่ นขบวนการตา่ ง ๆ มีคุณคา่ ทางอาหารสูงใกลเ้ คียงกบั หางนมผง การอดั น้ามนั และการสกดั น้ามนั ดว้ ยสารเคมีทาใหป้ ริมาณสารพิษลดลง ปริมาณน้ามนั
เหลืออยนู่ อ้ ย มีโปรตีนเฉล่ีย 44-50 % แตก่ ารสกดั น้ามนั ทาใหไ้ ดก้ ากถวั่ เหลืองที่ มีน้ามนั เหลืออยนู่ อ้ ยกวา่ปริมาณสารพษิ นอ้ ยกวา่ กากถว่ั ชนิดอดั น้ามนั ทาใหเ้ ก็บไวไ้ ดน้ านกวา่ เนื่องจากกากถวั่ เหลืองใชม้ ากในอาหารสัตวค์ วรระวงั เรื่องปริมาณกรดอะมิโนที่จาเป็นบางตวั อยตู่ ลอดเวลา ถา้ พบการขาดกรดอะมิโนแกไ้ ขโดยการเติมกรดอะมิโนสังเคราะห์ตามความจาเ ป็นและควรระมดั ระวงั การขาดไวตามินบีรวมดว้ ย ในสัตว์เค้ียวเอ้ืองสามารถใชป้ ระโยชน์จากถว่ั เหลืองดิบหรือถวั่ เหลืองผา่ นกรรมวธิ ีท่ีคุณภาพต่าไดเ้ พราะข้นั ตอนการยอ่ ยสลายโปรตีนมีหลายรูปแบบและโปรตีนอยใู่ นระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานานกวา่ การใชก้ ากถว่ัเป็นแหล่งโปรตีนในอาหารไก่และสุกรสามารถใชไ้ ดถ้ ึง 25 % ของสูตรอาหาร 2. กากเมลด็ ยางพารา (pararubber seed meal) เมล็ดยางพาราประกอบดว้ ยเปลือก 37-40 %และส่วนเน้ือในเมล็ด 60-63 % ซ่ึงเป็นส่วนท่ีมีน้ามนั อยปู่ ระมาณ 50 % หรือประมาณ 25 % ของท้งัเมล็ด ถา้ ไม่กะเทาะเปลือปกากเมล็ดยางพาราจะมีโปรตีนเพยี ง 16 % จึงควรท่ีควรจะนาไปกะเทาะเปลือกก่อนใชเ้ ล้ียงสัตวเ์ พื่อเพมื่ ความน่ากิน และลดอนั ตรายจากเปลือก หลงั กะเทาะเปลือกแลว้ จะมีโปรตีนประมาณ 28-30 %กากเมลด็ ยางพารามีกรดอะมิโนไลซีนและทริปโตเฟนอยใู่ นระดบั สูง และกากเมลด็ยางพารามีสารพิษไฮโดรไซยานิค (hydrocyanic acid) สูง สามารถลดปริมาณสารพิษเหล่าน้ีได้ 90 %โดยการเกบ็ เมล็ดยางไวเ้ ฉย ๆ 1 เดือน การตม้ -แช่น้าไว้ 12 ชวั่ โมง –อบดว้ ยอุณหภมู ิ 350 องศาเซลเซียสนาน 15 นาที สามารถลดพิษไดท้ ้งั หมด กากยางพาราชนิดกะเทา ะเปลือกใชไ้ ดถ้ ึง 50 % และใชไ้ ด้ 20-25 % ในสูตรอาหารสุกรทวั่ ไป แตร่ ะดบั ดีอยทู่ ่ี 10 % ในอาหารไก่ไข่และไก่กระทงใชไ้ ด้ 20 % ของสูตรอาหาร 3. กากปาล์มนา้ มัน (oil palm meal) เป็นผลพลอยไดจ้ ากขบวนการผลิตน้ามนั ปาลม์ กากปาลม์ที่ผลิตไดม้ ี 2 ชนิด คือ กากเมลด็ ปาล์มนา้ มนั (oil palm seed meal) เป็นส่วนท่ีเหลือจากการบีบเมล็ดปาลม์ ท้งั ผล แต่ไม่รวมส่วนเปลือกหุม้ เมล็ดซ่ึงมีเยอ่ื ใยสูงมาก มีคุณคา่ ทางอาหารต่า กากที่ไดจ้ ะมีโปรตีน 12 % กากปาลม์ชนิดน้ีใชเ้ ป็นอาหารไก่ไดไ้ มเ่ กิน 20 % กากเนือ้ ในเมลด็ ปาล์มนา้ มนั (oil palm kernel meal) เป็นส่วนที่ไดจ้ ากการกะเทาะเอาเปลือกหุม้เมล็ดท้งั 2 ช้นั ออกหมดแลว้ จึงนาส่วนเน้ือในท่ีเหลือมาบีบน้ามนั กากชนิดน้ีจึงมีคุณค่าอาหารสูงประมาณ 16-18 % แต่ยงั มีเยอ่ื ใยอยสู่ ูงถึงถึง 14-15 % จึงไมค่ วรใชเ้ ล้ียงสุกรเกิน 30 % ของสูตรอาหาร 4. กากมะพร้าว (coconut meal) เป็นผลไดจ้ ากการอดั น้ามนั มะพร้าว มีโปรตีนประมาณ 20 - 25% มีไขมนั ประมาณ 6 % ซ่ึงอยใู่ นระดบั สูง ทาใหเ้ หมน็ หืนง่าย หากไม่เติมสารกนั หืน จะหืนภายใน 6-8สปั ดาห์ ไขมนั ในกากมะพร้าวเป็นชนิดอิ่มตวั ซ่ึงทาใหไ้ ขมนั ในซากสุกรเป็นชนิดมนั แขง็ โปรตีนในกากมะพร้าวมีระดบั กรดอะมิโนไลซีนต่า มีเยอื่ ใยคอ่ นขา้ งสูง มีลกั ษณะฟ่ าม สตั วก์ ินไดน้ อ้ ย จึงควรใชไ้ มเ่ กิน20 % ในสุกร และไม่เกิน 15 % ในไก่ 5. กากถัว่ ลสิ ง (peanut meal) เป็นผลพลอยไดจ้ ากการสกดั น้ามนั ถวั่ ลิสง มีระดบั โปรตีนสูงถึง45-50 % แตม่ ีระดบั กรดอะมิโนไลซีนและเมทไธโอนีนต่าและมีกรดอะมิโนอาร์จินีนสูงมาก ถว่ั ลิสงมี
ปัญหาเรื่องเช้ือรา Aspergillus flavus ซ่ึงจะสร้างสารพิษ Aflatoxin พบในถวั่ เหลืองท่ีมีความช้ื นสูง ในสุกรสารพษิ น้ีจะทาใหส้ ุกรโตชา้ สุกรทอ้ งอาจแทง้ ลูก ลูกสุกรออ่ นท่ีดูดนมแมท่ ี่ไดร้ ับสารอะฟลาทอ็ กซินสูง ๆ อาจทาใหล้ ูกสุกรข้ีไหลได้ สารยบั ย้งั ทริปซินยงั มีปัญหาในถวั่ ลิสงดิบ หรือถวั่ ลิสงท่ีผา่ นความร้อนไมเ่ พยี งพอเช่นกนั กากถวั่ ลิสงอดั น้ามนั มกั มีไขมนั ตกคา้ งประมาณ 6 % ทาใหเ้ กิดการหืนง่าย กากถว่ั ลิสงจึงไดร้ ับความนิยมนอ้ ยกวา่ กากถวั่ เหลือง สามารถใชร้ ่วมกบั กากถว่ั เหลือง 50:50 โดยน้าหนกั และควรใช้เมื่อกากถว่ั ลิสงมีราคาถูกกวา่ กากถว่ั เหลืองมาก ๆ เพื่อความประหยดั หากใชร้ ่วมกบั กากเมลด็ ฝ้ ายตอ้ งเสริมกรดอะมิโนเมทไธโอนีนและไลซีน หากอาหารมีความช้ึนเกิน 16 % ควรเติมสารแคลเซียมโปรพิโอเนตลงในอาหารเพอ่ื ยบั ย้งั การเกิดเช้ือรา 6. กากเมลด็ ฝ้ าย (cotton seed meal) เป็นผลพลอยไดจ้ ากการสกดั น้ามนั เมลด็ ฝ้ าย มีโปรตีนสูงประมาณ 30-36 % มีกรดอะมิโนทริปโตเฟน สูงแต่มีกรดอะมิโนไลซีนต่า นอกจากน้ีกากเมลด็ ฝ้ ายมีสารพษิ กอสซิปอล (gossypol) ซ่ึงจะเป็นอนั ตราย ถา้ มีสารน้ีในรูปอิสระ (free gossypol) มากกวา่ 0.01% ในอาหาร ทาใหก้ ารเจริญเติบโตลดลง สัตวอ์ าจทอ้ งผกู ในไก่ไขจ่ ะทาใหไ้ ขแ่ ดงออกสีเขียวและไข่ขาวออกสีชมพู สารพิษน้ีจะลดลงไดโ้ ดยการนาเมล็ดฝ้ ายแช่ในสารละลายเฟอรัสซลั เฟต ประมาณ 10 ชวั่ โมงหรืออาจแกไ้ ขโดยการเติมสารเฟอรัสซลั เฟตลงในกากเมล็ดฝ้ ายท่ีผสมในอาหารสตั ว์ สารกอสซิปอลอิสระเมื่อถูกทาใหร้ ้อนจากขบวนการอดั น้ามนั จะไปรวมตวั กบั ไลซีนทาใหป้ ริมาณกอสซิปอลที่จะเกิด พิษได้ลดลง ในทานองเดียวกนั ขบวนการน้ีกท็ าใหป้ ริมาณไลซีนที่เป็นประโยชนไ์ ดก้ จ็ ะลดลง จาเป็นตอ้ งเสริมกรดอะมิโนในอาหารท่ีใชก้ ากเมลด็ ฝ้ ายอดั น้ามนั เล้ียงสัตว์ ปกติกากเมล็ดฝ้ ายสามารถใชแ้ ทนโปรตีนจากกากถวั่ เหลืองไดถ้ ึง 75 % สามารถใชก้ ากฝ้ ายในสูตรอาหารสุกรรุ่น สุกรขนุ สุกรพนั ธุ์ และอาหารไก่เกือบ 50 % ของโปรตีนในสูตรอาหาร แตใ่ นอาหารแม่สุกรใหน้ มไม่ควรใหเ้ กิน 25 % ของโปรตีนในอาหารและไม่ควรใชใ้ นอาหารสุกรอ่อน ส่วนสัตวเ์ ค้ียวเอ้ืองสามารถใชไ้ ดท้ ้งั เมลด็ โดยใชเ้ ป็นท้งั แหล่งโปรตีนและพลงั งาน โดยการบดแลว้ โรยบนพืชหมกั ในอตั รา 2-4 กก./ตวั /วนั 7. กากเมลด็ ทานตะวนั (sunflower seed meal) เป็นผลพลอยไดจ้ ากการสกดั น้ามนั ถา้ ไมป่ นเปลือกมีโปรตีนประมาณ 37 % ถา้ ปนเปลือกมีโปรตีน 25 % ไม่พบสารพษิ ใด ๆ ในเมลด็ มีปริมาณกรดอะมิโนไลซีนต่าแตม่ ีเมทไธโอนีนสูง และสูงกวา่ กากถวั่ เหลืองถึง 2 เท่า อยา่ งไรก็ตามไมค่ วรใชเ้ กิน25 % ในพอ่ แมพ่ นั ธุ์สุกร ในสุกรรุ่น-ขนุ ไมเ่ กิน 15 % ไม่ควรใชเ้ ป็นอาหารแทนนม (creep หรือ starterfeed) ควรตรวจสอบไลซีนในสูตรอาหารดว้ ย 8. กากงา (sesame meal) ไดจ้ ากเศษเหลือจากการสกดั น้ามั นงา มีโปรตีนระหวา่ ง 42-46 %แปรปรวนมากแลว้ แตส่ ายพนั ธุ์ของงา การกะเทาะเปลือกกท็ าไดย้ าก ในสุกรหยา่ นมไม่ควรใชเ้ กิน 5 %เพราะเยอื่ ใยมาก ความน่ากินต่า แคลเซียมฟอสฟอรัสต่า ไลซีนต่า สุกรรุ่น -ขนุ ใชไ้ ด้ 15 % แตใ่ หร้ ะวงัระดบั แคลเซียมและฟอสฟอรัส 9. กากนุ่น (kapok meal) เป็นผลิตภณั ฑท์ ่ีไดจ้ ากการสกดั น้ามนั นุ่นเพือ่ ทาสบู่ มีโปรตีนต้งั แต่22-29 % ในกากนุ่นจะมีสาร ไซโคลโพรพินอยด์ (Cyclopropenoid) สูง จะทาใหไ้ ขมนั ในซากสัตวแ์ ขง็
และเป็นพษิ ต่อสตั ว์ ถา้ เกบ็ ไวท้ ่ีอุณหภมู ิหอ้ ง 4-5 เดือน สามารถนาไปเล้ียงไก่กระทงไดถ้ ึง 15 % ของสูตรอาหาร แต่ถา้ หากทิ้งไวเ้ พยี ง 1 สัปดาห์ ท่ีระดบั 7.5 % ของสูตรอาหาร สตั วจ์ ะแสดงอาการเป็นพษิเช่น สารจากไขแ่ ดงหลุดสู่ไขข่ าว ไข่ขาวเป็นสีชมพู และสตั วอ์ าจแสดงการขาดธาตุเหลก็10. กากเรปซีด (Rape See meal)เรียกอีกช่ือหน่ึงวา่ กากแคนโนล่า (Canola seed meal)ไดจ้ ากการสกดั น้ามนั จากเมล็ดพชื Brassicanapusในปี 2535 มีการนาเขา้ จากประเทศจีนและอินเดีย ใชเ้ ป็นอาหารสตั วถ์ ึง 1 แสนตนั กากเรปซีดมีโปรตีน 35-40% ไขมนั 3% เยอื่ ใย 16% มีกรดอะมิโนคอ่ นขา้ ง สมดุลเม่ือเทียบกบั กากถว่ั เหลืองยกเวน้ lysine ค่อนขา้ งต่ากวา่ เล็กนอ้ ยสามารถใชท้ ดแทนกากถวั่ เหลืองในอาหารไก่เน้ือ ไก่ไข่ไดถ้ ึง 50%หรือระดบั 10 -20% ในสูตรอาหารแตส่ิงที่พึงระวงั คือกากเรปซีดจะมีสารท่ียบั ย้งั การทางานของฮอร์โมนThyroxin ซ่ึงจะมีผลเสียตอ่ การเจริญเติบโตของสตั วไ์ ด้11. ใบกระถนิ (leucaena leaf meal) เป็นวตั ถุดิบท่ีวางจาหน่ายทวั่ ไปในร้านจาหน่ายวตั ถุดิบมีโปรตีนประมาณ 20 % และอาจสูงถึง 30 % ถา้ เป็นใบกระถินแหง้ ลว้ น ๆ ใบกระถินมีสารเบตา้ -แคโรทีนสูงซ่ึงเป็นแหล่งของไวตามินเอ และมีสารแซน โทฟิ ลซ่ึงเป็นสารใหส้ ีสาหรับไข่แดง และทาใหข้ าและหนงั ไก่มีสีเหลือง แตใ่ บกระถินสดมีสารพษิ ไมโมซิน (mimosine) ซ่ึงถา้ หากสุกรไดร้ ับในปริมาณมากการเจริญเติบโตจะลดลง สุกรเพศผจู้ ะสร้างน้าเช้ือลดลง สุกรเพศเมียการเป็นสดั ชา้ และการผสมติดต่า และสุดทา้ ยจะเป็นหมนั ได้ ไก่ไข่จะวางไขช่ า้ และไข่ลด ใบกระถินท่ีดีตอ้ งมีกล่ินหอม สีออกเขียว มีกิ่งกา้ นปนนอ้ ย เดิมแนะนาใหใ้ ชไ้ มเ่ กิน 4 % ในสูตรอาหาร จากการศึกษาต่อมาพบวา่ ใบกระถินยกั ษม์ ีระดบัสารพษิ นอ้ ยกวา่ ใบกระถินพ้นื เมืองประมาณคร่ึงหน่ึงจึงสามารถใชไ้ ด้ 2 เท่าของกระถิน พ้นื เมือง และกระถินพ้ืนเมืองสามารถชไ้ ดใ้ นอาหารสุกรถึง 15 % แตจ่ าเป็นตอ้ งเสริมสารเฟอรัสซลั เฟตจานวน 0.2 %ลงไปในสูตรอาหาร แตถ่ า้ นาใบกระถินพ้ืนเมืองมาสับใหล้ ะเอียดแลว้ แช่น้านาน 12-24 ชวั่ โมง จึงทาให้เเหง้ สามารถใชใ้ นอาหารสุกรเพิ่มข้ึนไดถ้ ึง 25 % เพยี งแต่ตอ้ งปรับระดบั พลงั งานใหส้ ูงข้ึน สารเบตา้ -แคโรทีนถูกทาลายระหวา่ งแช่น้าแต่สารแซนโทฟิ ลไมถ่ ูกทาลาย อยา่ งไรก็ตามไมแ่ นะนาใหใ้ ชก้ ระถินในระดบั สูง ๆ ในสัตวก์ ระเพาะเดี่ยว ยกเวน้ ในสตั วเ์ ค้ียวเอ้ืองสามารถใชไ้ ดเ้ ตม็ ที่12. กากวุ้นเส้น (กากถ่ัวเขยี ว - Mung bean meal)มีวตั ถุแหง้ 90%, โปรตีน 18% เยอื่ ใย 8 -20% ซ่ึงค่อนขา้ งสูงคุณภาพโปรตีนค่อนขา้ งต่าแต่มี lysineสูงใชไ้ ดป้ ระมาณ 10%ในสูตรอาหารสุกรรุ่น ขนุ และสุกรพอ่ แม่พนั ธุ์13. ราถ่วั เขียวผ่านการเอ๊กทรูดราถวั่ เขียวเป็นผลพลอยไดจ้ ากการสีเมลด็ ถว่ั เขียวประกอบดว้ ยเปลือกถวั่ เป็นส่วนใหญ่แต่ยงั ไม่เหมาะที่จะนาไปใชเ้ ป็นอาหารสตั วเ์ พราะอาจมีปัญหาเร่ืองสารพิษ Trypsin Intibitor เช่นเดียวกบั ที่พบในกาก
ถว่ั เหลืองดิบ และยงั มีกลิ่นเหมน็ เขียว ซ่ึงทาใหค้ วามน่ากินของอาหารต่าอีกดว้ ยขบวนการ เอก๊ ทรูดจะทาให้ราถวั่ เขียวสุกและกาจดั กล่ินเหมน็ เขียวไดค้ ุณคา่ ทางอาหารของราถวั่ เขียวเอก๊ ทรูดมีโปรตีน 26.11% ไขมนั10.72% เยอ่ื ใย 20% พลงั งานใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 2500 Kcal/kg คุณภาพของโปรตีนอยใู่ นเกณฑด์ ีในอาหารสุกรจากการทดสอบพบวา่ สามารถใชใ้ นอาหารสุก รไดถ้ ึง 30% โดยไม่ทาใหก้ ารเจริญเติบโตประสิทธิภาพการใชอ้ าหารลดลงและลกั ษณะซากลดต่าลงนอกจากน้ียงั สามารถใชท้ ดแทนราละเอียดไดเ้ ป็นอยา่ งดีโดยเฉพาะในช่วงที่รามีราคาแพงและขาดแคลนเพราะราถว่ั เขียวเอก๊ ทรูดมีราคาถูกกวา่ มาก ปี 2538 มีราคา 2 - 2.50บาท/กก.แนะนาใหใ้ ชร้ ่วมกบั ปลายขา้ ว 14. กากเบยี ร์ (Brewers Dries grains) เป็นผลพลอยไดท้ ี่ไดจ้ ากส่วนที่เหลือจากการสกดั เพอื่ นาแป้ งและน้าตาลส่วนใหญ่ ออกจากขา้ วมอลทโ์ ดยขบวนการที่ทาใหธ้ ญั พชื เร่ิมงอกแลว้ ค่อยเติมเอนไซดเ์ พื่อไปยอ่ ยแป้ งใหเ้ ป็นน้าตาล (Maltingprocess)ส่วนท่ีเหลือยงั คงมีโปรตีนค่อนขา้ งสูงประมาณ 25% แต่มีเยอื่ ใยคอ่ นขา้ งสูงเพราะในการผลิตจะใช้ขา้ วมอลทท์ ้งั เปลือกทาใหร้ ะดบั พลงั งานคอ่ นขา้ งต่าอยา่ งไรกต็ ามกากเบียร์นบั เป็นวตั ถุดิบโปรตีนที่มีราคาถูกแต่มีคุณภาพดีพอสมควรจากการวจิ ยั พบวา่ โปรตีนที่ยอ่ ยไดใ้ นสุกรจะสูงกวา่ ราละเอียดและปริมาณข องกากเบียร์กม็ ีเป็นจานวนมากจึงควรนามาใชเ้ ป็นวตั ถุดิบอาหารสตั วไ์ ดเ้ ช่นเกษตรกรในจงั หวดั นครราชสีมาและใกลเ้ คียงใชก้ ากเบียร์เป็นอาหารของโคนม สุกรและปลาไดเ้ ป็นอยา่ งดี 15. ส่าเหล้า (distilled dry yeast) เป็นผลพลอยไดจ้ ากการผลิตสุราและเบียร์มีหลายชนิดคุณภาพอาจแปรปรวนตามขบวนการผลิต โดยทวั่ ไปมีโปรตีนประมาณ 20-25 % แต่เป็นโปรตีนคุณภาพต่า จึงไม่ใชเ้ ป็นแหล่งโปรตีนหลกั จุดประสงคใ์ นการใชส้ ่าเหลา้ ประกอบสูตรอาหารจึงใชเ้ พ่ือเป็นแหล่งไวตามินบีรวม เป็นแหล่งแร่ธาตุต่าง ๆ และเพมิ่ ความน่ากินเทา่ น้นั และลดความเครียดในสัตวไ์ ด้ ไมค่ วรใชเ้ กิน 15% ในสูตรอาหารสุกร และ 20 % ในสูตรอาหารสัตวป์ ี ก3. วตั ถุดบิ ประเภทไขมนั จุดประสงคใ์ นการใชไ้ ขมนั ในสูตรอาหารสตั ว์ คือ 1) เพ่ือเพมิ่ ระดบั พลงั งานในอาหารใหส้ ูงข้ึน 2) ช่วยลดฝ่ นุ ในอาหาร 3) เพิ่มความน่ากินของอาหารใหส้ ูงข้ึน 4) เป็นแหล่งของกรดไขมนั ที่จาเป็น 5) ช่วยในการอดั เมด็ อาหารสตั ว์ ชนิดของไขมนั ท่ีใชใ้ นอาหารสตั ว์ 1)ไขมนั จากสัตว์
ไดแ้ ก่ไขววั น้ามนั หมู ไขมนั ประเภทน้ีประกอบไปดว้ ยกรดไขมนั ที่อิ่มตวั สูงจึงมีกรดไขมันท่ีจาเป็นอยนู่ อ้ ย 2)ไขมนั จากพชื ไดแ้ ก่น้ามนั ถวั่ เหลืองเป็นตน้ ประกอบไปดว้ ยกรดไขมนั ที่ไม่อ่ิมตวั สูงถึง 85% ยกเวน้ น้ามนัมะพร้าว, น้ามนั ปาลม์ ซ่ึงมีกรดไขมนั ที่อ่ิมตวั สูงการใชน้ ้ามนั ถวั่ เหลืองในอาหารสุกรขนุ จะทาใหไ้ ขมนั ในซากสุกรเป็นไขมนั เหลว ซ่ึงแกไ้ ขไดโ้ ดยใชไ้ ขมนั จากน้ามนั ปาลม์ ไขววั หรือน้ามนั หมูแทนระดบั การใช้ไขมนั ในอาหารสุกรและสตั วพ์ ชื ไม่ควรเกิน 5-7% ในสูตรอาหารถา้ ใชส้ ูงกวา่ น้ีจะทาใหอ้ าหารมีลกั ษณะเป็นมนั มากทาใหส้ ตั วก์ ินอาหารลดลงนอกจากน้นั การเติมน้ามนั ถวั่ เหลืองในระดบั สูงจะทาใหเ้ หมน็ หืนไดง้ ่ายตอ้ งเติมสารกนั หืนลงไปดว้ ยและไม่ควรเกบ็ ไวน้ านเกิน 1 สปั ดาห์4. แหล่งไวตามนิ ในวตั ถุดิบอาหารทว่ั ๆ ไปจะมีท้งั ไวตามินและแร่ธาตุชนิดตา่ ง ๆ อยแู่ ลว้ ตามธรรมชาติ แตม่ กั จะมีในปริมาณที่นอ้ ยกวา่ ความตอ้ งการของสัตว์ หรืออยใู่ นรูปที่สัตวไ์ มส่ ามารถใชป้ ระโยชนไ์ ด้ นอกจากน้ีขบวนการแปรรูปวตั ถุดิบเหล่าน้ี มกั จะมีขบวนการท่ีทาลายหรือการเปล่ียนรูปของไวตามินและแร่ธาตุไปเพ่อื เป็นการลดความเสี่ยงท่ีสัตวจ์ ะขาดท้งั ไวตามินและแร่ธาตุ จึงมกั จะไมค่ านึงถึงปริมาณของท้งั แร่ธาตุและไวตามินที่มีอยใู่ นวตั ถุดิบอาหาร ยกเวน้ ปริมาณแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่จะเ ติมเฉพาะส่วนท่ีขาดวตั ถุดิบที่เป็นแหล่งไวตามินและแร่ธาตุมีดงั น้ี วตั ถุดิบอาหารสัตว์เสริมวติ ามิน 1. นา้ มันตบั ปลา (Cod Liver Oil) เป็นแหล่งที่ดีของวติ ามิน เอ และ ดี แตเ่ น่ืองจากเหมน็ หืนง่ายจากปฏิกิริยาออกซิเดชนั ส่งผลใหว้ ติ ามินถูกทาลายมีคุณค่าลดลง 2. ยสี ต์แห้ง (Dried Yeast) เป็นแหล่งที่ดีของวติ ามิน บีรวม ยกเวน้ วติ ามิน บี-12 3. ใบพชื สีเขียว (Green Feed) มีสารตน้ กาเนิดวติ ามิน เอมาก คือ บีตา -แคโรทินเมื่อสัตวก์ ินเขา้ ไปจะถูกยอ่ ยกลายเป็นวติ ามิน เอ ที่ลาไส้ 4. วติ ามนิ สังเคราะห์ มีคุณสมบตั ิไม่แตกต่างจากวติ ามินท่ีมีอยตู่ ามธรรมชาติในวตั ถุดิบอาหารสตั ว์ร่างกายสตั วส์ ามารถนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดเ้ ช่นเดียวกนั5. วตั ถุดิบอาหารสัตว์เสริมแร่ธาตุ 1. กระดูกป่ น (bone meal) เป็นวตั ถุดิบอาหารท่ีใหท้ ้งั ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส เป็นผลพลอยไดจ้ ากโรงฆา่ สตั วโ์ ดยนากระดูกมาตม้ หรือน่ึงเพื่อฆา่ เช้ือโรครวมท้งั เป็นการทาใหไ้ ขมนั ส่วนใหญ่ที่กระดูกละลายออกมา จากน้นั จึงอบหรือผ่งึ กระดูกใหแ้ หง้ แลว้ จึงนามาบด มีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสเป็นส่วนประ กอบอยปู่ ระมาณ 24 และ 12 % ตามลาดบั สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ไดท้ ้งั หมดนอกจากน้ีกระดูกยงั มีโปรตีนเป็นองคป์ ระกอบอยู่ 13 % แตเ่ ป็นโปรตีนคุณภาพต่า
2. ไดแคลเซียมฟอสเฟต (dicalcium phosphate) เป็นวตั ถุดิบอาหารที่ใหท้ ้งั แคลเซียมและฟอสฟอรัส โดยมาแหล่งที่ มา คือ กระดูกสัตว์ และ หิน ท้งั สองชนิดมีธาตุแคลเซียม 24 % และฟอสฟอรัส 18 % มีลกั ษณะเป็นเมด็ เลก็ ๆ กลม ขาว แขง็ คลา้ ยกรวด ไม่ละลายน้า ละลายในกรดเกลือหรือกรดไนตริคเจือจาง ไดแคลเซียมฟอสเฟตที่ทาจากหิน และปราศจากธาตุฟลูออรีน สามารถใชเ้ ป็นอาหารสัตวไ์ ดด้ ีพอ ๆ กบั แหล่งที่ทาจากกระดูก และราคากถ็ ูกกวา่ การใชไ้ ดแคลเซียมฟอสเฟตควรระวงัการปลอมปนดว้ ยเปลือกหอยป่ นหรือหินฝ่ นุ ซ่ึงใหเ้ พียงธาตุแคลเซียมเทา่ น้นั 3. เปลอื กหอยป่ น หนิ ปูน (oyster shell , lime stone) เป็นวตั ถุดิบท่ีให้เฉพาะธาตุแคลเซียมแต่เพยี งอยา่ งเดียว ในระดบั 38-40 % จาเป็นสาหรับไก่ไข่ เพื่อการสร้างเปลือกไข่ หินปูนยอ่ ยสลายใหธ้ าตุแคลเซียมเร็วกวา่ เปลือกหอย ฉน้นั ในไก่ไขค่ วรใชเ้ ปลือกหอยเป็นแหล่งแคลเซียมเพอื่ ใหแ้ น่ใจวา่ ไก่จะไม่ขาดแคลเซียม หินปนู สาหรับอาหารไก่ไข่ไม่ ควรบดละเอียดจนเกินไปเพราะจะยอ่ ยง่ายและอาจถูกขบั ทิ้งจากร่างกายทางปัสสาวะไวจนเกินไป อาจทาใหไ้ ก่ขาดแคลเซียมเปลือกไข่จะบางได้ เปลือกหอยท่ีบดขายตามทอ้ งตลาดอาจปลอมปนดว้ ยหินฝ่ นุ 4. เกลอื แกง (salt , NaCl) เป็นวตั ถุดิบอาหารท่ีใหธ้ าตุโซเดียมและคลอรีน ซ่ึงจาเป็ นตอ่ การดารงชีพและการเจริญเติบโต การเติมเกลือแกงลงในสูตรอาหารควรระวงั ถึงวตั ถุดิบอาหารสตั วบ์ างชนิด เช่นปลาป่ น แกลบกุง้ ซ่ึงมกั จะมีเกลือปนมาแลว้ ในระดบั สูง จึงควรลดเกลือแกงใหน้ อ้ ยลงในสูตรอาหาร สุกรสามารถใชเ้ กลือไมเ่ กิน 0.35 % สัตวป์ ี กใชเ้ กลือไม่เกิน 0.5 % ของสูตรอาหาร สามารถใชเ้ กลือผสมไอโอดีนเล้ียงสัตวไ์ ด้ สาหรับไก่หากใชเ้ กลือแกงมากจะทาใหส้ ตั วด์ ่ืมน้ามาก มูลเละ อาจใชโ้ ซเดียมในรูปอ่ืนเช่นโซเดียมไบคาร์บอเนตแทนบางส่วนกไ็ ด้ 5. เปลอื กไข่ป่ น (Egg Shell) เป็นผลพลอยไดจ้ ากโรงงานไข่ผงและโรงฟักไข่ ใชเ้ ป็นแหล่งของธาตุแคลเซียม 6. จุนสี (Copper Sulfate) เป็นแหล่งของธาตุทองแดง 7. แร่ธาตุก้อน (Block Salt , Lick Salt) ประกอบข้ึนจากธาตุไดห้ ลายชนิด องคป์ ระกอบหลกั คือเกลือแกง ใชใ้ หว้ วั ควาย เลียกินอยา่ งอิสระ ระวงั มิใหถ้ ูกฝน 8. อเิ ลก็ โตรไลท์ (Electrolyte) ประกอบข้ึนจากธาตุหลายชนิดท่ีทาหนา้ ท่ีควบคุมความสมดุลของของเหลวในร่างกายสตั ว์ นิยมนาไปละลายในน้าใหส้ ัตวก์ ิน 9. แร่ธาตุสังเคราะห์ เช่น สงั กะสีซลั เฟต (ZnSO4) เหล็กซลั เฟต (FeSO4) แมงกานีสซลั เฟต(MnSO4) โพแทสเซียมไอโอได (KI) โคบอลซลั เฟต (CoSO4) เป็นตน้ 5. ฟรีมิกซ์ (premix) หรือหวั ไวตามินและแร่ธาตุ เน่ืองจากสุกรมีความตอ้ งการไวตามินและแร่ธาตุชนิดตา่ ง ๆ ในจานวนเพียงเล็กนอ้ ย แตม่ ีความสาคญั ตอ่ การเจริญเติบโตจึงไม่สะดวกในการที่จะนามาผสมกบั อาหารผสม แตป่ ัจจุบนั ไดม้ ีผผู้ ลิตและจาหน่ายตามทอ้ งตลาด ซ่ึงมีท้งั ไวตามินและ แร่ธาตุ เรียกรวมกนั วา่ ฟรีมิกซ์ (premix) แต่จากการที่นาแร่ธาตุและไวตามินมาผสมรวมกนั ทาใหไ้ วตามินบางชนิดมีการเส่ือมสลายไปบางส่วน ฉะน้นั ฟรีมิกซ์จึงไมส่ ามารถเก็บไวไ้ ดน้ าน นอกจากน้ีฟรีมิกซ์จะถูกทาลายได้
ง่ายดว้ ยความร้อน ความช้ืนและแสงสวา่ ง การอดั เมด็ อาหารกเ็ ป็นอีกขบวนการหน่ึงท่ีทาใหฟ้ รีมิกซ์เส่ือมสลาย ฉะน้นั ควรเติมฟรีมิกซ์ใหส้ ูงข้ึนอีก 10-15 % ในสูตรอาหารแหล่งสารเสริมในอาหาร (feed additive) หมายถึง สารใดๆก็ตามท่ีเติมลงไปในอาหารเพ่ือวตั ถุประสงคเ์ ฉพาะอยา่ งท่ีไม่ใช่การใหโ้ ภชนะในอาหารจุดประสงค์ในการใช้สารเสริมอาหาร 3.1 เพอ่ื กระตุน้ การเจริญเติบโตของสตั วใ์ หด้ ีข้ึน 3.2 เพื่อเพม่ิ ประสิทธิภาพการใชอ้ าหารสัตวใ์ หส้ ูงข้ึน 3.3 เพ่ือป้ องกนั และควบคุมเช้ือโรคในร่างกาย ทาใหส้ ตั วม์ ีสุขภาพแขง็ แรงและสมบูรณ์ 3.4 เพอื่ เพมิ่ รสชาติและความน่ากินของอาหาร 3.5 เพอื่ รักษาคุณภาพของอาหารใหย้ าวนาน 3.6 เพอ่ื เพิ่มสีในผลิตภณั ฑ์ เช่น สีในไขแ่ ดง 3.7 เพอ่ื เพมิ่ การยอ่ ยไดข้ องอาหารใหส้ ูงข้ึน 3.8 เพื่อดูดซบั สารพษิ จากเช้ือรา สารเสริมในอาหารเป็นสารท่ีเติมเพ่อื ยบั ย้งั การเจริญเติบโตหรือทาลายจุลินทรียท์ ่ีเป็นโทษ ซ่ึงทาให้สตั วม์ ีอตั ราการเจริญเติบโตและประสิทธิภาพการใชอ้ าหารดีข้ึน นอกจากน้ียงั มีสารกนั หืน ฮอร์โมนชนิดต่าง ๆ ไดแ้ ก่ 1. ยาปฏชิ ีวนะ (antibiotic) จะยบั ย้งั การเจริญเติบโตหรือทาลายจุลินทรียท์ ่ีเป็นโทษ ซ่ึงจะเป็นการเพ่มิ ปริมาณจุลินทรียท์ ี่ก่อประโยชน์ในทาง เดินอาหาร การใชย้ าปฎิชีวนะจะไดผ้ ลดีในสภาพการสุขาภิบาลท่ีเลว ในสุกรและไก่จะเพิม่ การเจริญเติบโตถึง 5-10 % เพิม่ ประสิทธิภาพการใชอ้ าหาร 1-5 %ส่วนแมส่ ุกรจะเพ่ิมขนาดครอก อตั ราการรอดชีวติ น้าหนกั แรกคลอดและน้าหนกั หยา่ นมลูกสุกร การใช้ยาปฎิชีวนะในอาหารสัตวข์ ้ึนอยกู่ บั ชนิดยา อายขุ องสัตว์ ในสัตวอ์ ายนุ อ้ ยจะมีประสิทธิภาพสูงกวา่ สตั วอ์ ายุมาก สัตวใ์ นภาวะเครียดจะตอบสนองตอ่ ยาปฏิชีวนะดีกวา่ สัตวป์ กติ ไม่ควรเสริมยาชนิดใดชนิดหน่ึงในสัตวต์ วั หน่ึงติดตอ่ กนั เป็นเวลานาน ก่อนส่งโรงฆ่าสัตวใ์ หง้ ดใชย้ าระยะหน่ึง สตั วร์ ะยะ ขนุ ซ่ึงแขง็ แรงอยู่แลว้ จะตอบสนองตอ่ ยาประเภทน้ีนอ้ ยมาก ควรใชย้ าในปริมาณกาหนดตาม วตั ถุประสงคเ์ ช่นเพ่ือกระตุน้การเจริญเติบโตใชอ้ อกซีเตตร้าซยั คลินใชข้ นาด 7.5-50 กรัม/ตนั อาหาร สเตรปโตมยั ซิน 27.5 กรัม/ตนัอาหาร สารหนู (Arsenical) 50-99 กรัม/ตนั อาหาร รักษาโรคลาไส้อกั เสบ เนื่องจากเช้ือแบคทีเรีย ใชย้ าซลั ฟาควนิ ็อกซาลีน (Sulphaquinoxalene) ในระดบั 0.25-0.50 % ของสูตรอาหารนาน 2-5 วนั และสามารถใชร้ ่วมกบั ยาปฏิชีวนะอ่ืน ๆ ฯลฯ ชนิดของยาปฏิชีวนะที่ใชใ้ นอาหารสัตว์
ยาปฏิชีวนะท่ีใชใ้ นอาหารสัตวม์ ีกวา่ 10 ชนิด เช่น เพนนิซิลิน สเตรปโตมยั ซิน ไทโลซินแบซิตราซิน เวอจิเนียมยั ซิน ออ๊ กซีเตทตร้าไซคลิน และอิริทโทรมยั ซิน เป็นตน้ ระดบั การใชย้ าปฏิชีวนะ การใชย้ าปฏิชีวนะควรใชใ้ นระดบั ที่ปลอดภยั ตามขอ้ กาหนดของกฎหมายและควรมีระยะเวลางดใช้ยาก่อนส่งโรงฆ่าอยา่ งนอ้ ย 7 วนั 1) ระดบั การใชย้ าปฏิชีวนะในอาหารสาเร็จรูปสาหรับไก่กระทง แรกเกิด - 6 สปั ดาห์ ไก่ไข่แรกเกิด- 16 สปั ดาห์ เป็ดเน้ือไมเ่ กิน 8 สปั ดาห์ และเป็ดไข่ไมเ่ กิน 20 สัปดาห์ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงวนั ที่ 26 เมษายน 2539 มีดงั น้ี Chlortetracycline ไมเ่ กิน 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Lincomycin ไม่เกิน 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Oxytetracycline ไมเ่ กิน 55 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Tylosin ไมเ่ กิน 22 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Virginiamycin ไมเ่ กิน 15 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Spiramycin ไมเ่ กิน 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Zinc Bacitracin ไมเ่ กิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม 2) ระดบั การใชย้ าปฏิชีวะในอาหารสาเร็จรูปสาหรับสุกรระยะตา่ ง ๆ ตามประกาศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวนั ที่ 26 เมษายน 2539 มีดงั น้ี ก. สุกรแรกเกิด - 60 กิโลกรัม Chlortetracycline ไมเ่ กิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Enramycin ไมเ่ กิน 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Flovophospholipol ไม่เกิน 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Tylosin ไมเ่ กิน 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Virginiamycin ไม่เกิน 25 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Spiramycin ไมเ่ กิน 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม Zine Bacitracin ไมเ่ กิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ข. สุกร 5 - 15 กิโลกรัม Oxytetracycline ไมเ่ กิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ค. สุกร 15 - 60 กิโลกรัม Oxytetracycline ไมเ่ กิน 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม 2. ฮอร์โมน (hormone) ฮอร์โมนที่นิยมใชใ้ นอาหาร เช่น ไทโรโปรตีน (Thyroprotein) หรือProtamone มีคุณสมบตั ิเหมือนฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ช่วยในการเพิ่มอตั ราการเจริญเติบโตและความ
สมบูรณ์พนั ธุ์ของโคนม ไก่และสุกร การเสริมดว้ ยฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือ ไดเอทธิลสติลเบสโตรล (Diethylstilbestrol) ซ่ึงเป็นฮอร์โมนเพศเมียใชฝ้ ังใตผ้ วิ หนงั โคเพศผู้ ไก่ เพศผจู้ ะมีผลทาใหไ้ ก่สะสมไขมนั ใตผ้ วิ หนงั มากข้ึน3. สารกนั หนื (Antioxidant) การหืน (Rancidity) เกิดจากการทาปฏิกิริยาของไขมนั กบั อากาศแสง ความร้อน ปกติแลว้ ไวตามินอีจะมีฤทธ์ิเป็นสารกนั หืนตามธรรมชาติ (Natural Antioxidant) อยแู่ ลว้แต่บางคร้ังอาจจะไมเ่ พียงพอจึงมกั จะเติมสารกนั หืนเพ่ิมเติมในอาหารท่ีมีระดบั ไขมนั สูง เพ่อื รักษาคุณภาพและความน่ากินของอาหาร เช่น BHT (Butylated Hydroxy Toluence) , BHA (Butylated HydroxyAnisole) ในระดบั 125 กรัม/ตนั อาหาร4. สารกนั บิด (Coccidiostat) เพ่อื ใชป้ ้ องกนั โรคบิดในฝงู สตั วป์ ี ก เช่น Amprolium , Monensin ,Sulfaquinoxaline5. สารป้ องกนั เชื้อรา (Antifugals) ไดแ้ ก่ จุนสี ปฏิชีวนะสารบางตวั เช่น Nystatin เกลือของกรดอินทรีย์ เช่น แคลเซียมโพรพิโอเนต โซเดียมโพรพโิ อเนต รวมถึง โพรพิโอนิกแอซิด6. สารเพม่ิ รสอาหาร (Flavoring Agent) ช่วยปรับรสและกล่ินอาหารช่วยใหส้ ัตวก์ ินอาหารไดม้ ากเช่น Aspartam , Sodium Saccharinate7. เอน็ ไซม์ต่าง ๆ (Enzyme , Co-enzyme) ลูกสัตวอ์ ายนุ อ้ ยยงั มีระบบการยอ่ ยอาหารไมพ่ ฒั นาเพยี งพอ อาจเสริมเอน็ ไซมเ์ พ่ือช่วยใหก้ ารยอ่ ยอาหารดีข้ึน แต่อยา่ งไรก็ตามถา้ วตั ถุดิบอาหารไดร้ ับการเตรียมมาอยา่ งถูกวธิ ีมีอตั ราการยอ่ ยไดส้ ูงการเติมสารช่วยยอ่ ยเหล่าน้ีก็ไม่จาเป็น8. ยาถ่ายพยาธิ (Anthelmintic)เป็นสารเสริมในอาหารสัตวช์ นิดหน่ึงเพือ่ ขจดั พยาธิภายในระบบทางเดินอาหาร เช่น เปปเปอร์ราซีน (Piperazine) ไธอาเบนดาโซล (Thiabendazole) ฯลฯ9. จุนสี (Copper Sulphate) เป็นสารประกอบจาพวกทองแดงชนิดหน่ึง ใชเ้ พ่ือเร่งการเจริญเติบโตและเพิม่ ประสิทธิภาพในการใชอ้ าหารของสุกร แตไ่ ม่เหมาะที่จะเติมลงในอาหารของแกะ10. สารให้สี (Pigment) ในการเล้ียงไก่เน้ือ ไก่ ไขแ่ ละเป็ดไข่ ผบู้ ริโภคตอ้ งการใหผ้ ลผลิตมีสีตามตอ้ งการเพือ่ ความน่ากิน ใบกระถิน ใบมนั สาปะหลงั ดอกดาวเรือง ขา้ วโพด แกลบกงุ้ มกั มีสารแซนโทฟิ ล (Xanthophyll) เป็นองคป์ ระกอบอยสู่ ูง จดั เป็นสารใหส้ ีตามธรรมชาติ ถา้ ผลผลิตยงั ไมม่ ีสีตามท่ีตอ้ งการผเู้ ล้ียงสัตวอ์ าจเติมสารสังเคราะห์ ไดแ้ ก่ สารแคนตา้ แซนติน (Canthaxanthin) สารซิตร้านาแซนติน (Citranaxanthin) หรือสารแคโรทิโนอิค แอซิด (Carotinoic acid) อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง หรือหลายอยา่ งรวมกนั ในอตั รา 2-8 กรัม/ตนั อาหารระดบั การใชใ้ นอาหารสัตวป์ ี ก Carophyll Red, Yellow 2 - 8 กรัม/ตนั Carotenoic acid 2 - 8 กรัม/ตนั กลีบดอกดาวเรือง 2 ก ก./ตนั
11. สารลดความเครียด (Transquilizing Drug) ใชล้ ดความกระวนกระวาย ทาใหส้ ตั วส์ งบ เช่นReserpine , Hydroxyzine 12. สารปรุงแต่งกลนิ่ และรสชาตขิ องอาหาร (Feed flavor) เป็นสารสังเคราะห์ท่ีมกั เติมลงไปในอาหารเพื่อใหม้ ีกล่ินและรสชาติที่ชวนกิน แต่การใชค้ วรคานึงถึงช่วงอายขุ องสตั วช์ นิดและประเภทของสตั วด์ ว้ ย เช่น สตั วท์ ี่เจริญเติบโตเตม็ ท่ีแลว้ จะสามาร ถกินอาหารไดด้ ีกไ็ ม่จาเป็นตอ้ งเติมลงไป เพราะวตั ถุดิบทว่ั ไป เช่น ปลายขา้ ว ขา้ วโพด ราละเอียด กากถวั่ เหลืองปลาป่ น กม็ ีความน่ากินเพียงพออยแู่ ลว้ ในสตั วป์ ี กเป็นสัตวท์ ี่มีประสาทรับความรู้สึกเก่ียวกบั รส กล่ินนอ้ ยมาก ยกเวน้ ในสุกรและโค ดงั น้นั การใชส้ ารปรุงแตง่ กล่ินและรสชาติของอาหารมกั จะใชใ้ นอาหารของลูกสุกร โค หรือในสูตรอาหารที่ใชว้ ตั ถุดิบที่มีรสชาติและความน่ากินต่า เช่น ในสูตรอาหารมนั สาปะหลงั สูตรที่ใชพ้ วกเมลด็ ปาลม์ เป็นตน้ ชนิดของสารปรุงแต่งกล่ินและรสชาติ 1) สารสังเคราะห์ เช่น สารท่ีใหก้ ล่ินและรสของน้านม 2) สารท่ีไดจ้ ากวตั ถุดิบธรรมชาติ เช่น กากน้าตาล ส่าเหลา้ 13. สารดูดซับสารพษิ (Toxin binder) ในอาหารสัตวท์ ว่ั ไป มกั จะพบปัญหาสารพิษจากเช้ือรา ( Mycotoxin ) ปะปนมากบั วตั ถุดิบอาหารสัตวโ์ ดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สารพิษ Aflatoxin ซ่ึงเป็นสารพิษท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตและการใหผ้ ลผลิตของสตั วล์ ดลง ประสิทธิภาพการใชอ้ าหารสัตวล์ ดลง เช่น ในอาหารสุกรที่ Aflatoxin ระดบั 150 ppb จะทาให้ประสิทธิภาพการใชอ้ าหารต่าลง 10 - 15% นอกจากน้นั ยงั ก่อใหเ้ กิดปัญหาการแทง้ ในแม่สุกร ทาใหส้ ตั ว์ออ่ นแอ การสร้างภูมิคุม้ กนั ต่าลงและก่อใหเ้ กิดมะเร็งในตบั ทาใหส้ ัตวถ์ ึงตายได้ เป็นเรื่องยากที่จะทาให้อาหารหรือวตั ถุดิบอาหารสัตวป์ ราศจากสารพษิ เหล่าน้ีโด ยสิ้นเชิง ดงั น้นั การใชส้ ารดูดซบั สารพษิ เอาไว้ไมใ่ หด้ ูดซึมเขา้ สู่ร่างกายจึงเป็นวธิ ีการหน่ึงที่คอ่ นขา้ งใหม่ สารท่ีนามาใชใ้ นการดูดซึมสารพิษ Aflatoxin มีหลายชนิด เช่น - Zeolite 1 - 3% ในสูตรอาหารโดยเฉพาะสูตรอาหารที่ใชข้ า้ วโพด - Bentonite -MSCAS (Hydrated Sodium Calcium aluminosilicates) 14. สารเคมเี สริมอาหารทถี่ ูกห้ามใช้ในอาหารสัตว์ มีสารเคมีเสริมอาหารซ่ึงเดิมเคยใชใ้ นอาหารสตั วม์ าเป็นเวลานานและสารบางชนิดที่ใ นต่างประเทศหา้ มใชใ้ นอาหารสัตว์ แตม่ ีการใชใ้ นประเทศไทย ซ่ึงต่อมาทางราชการเห็นวา่ เป็นสารที่ก่อใหเ้ กิดอนั ตรายต่อสุขภาพร่างกายของผบู้ ริโภค จึงไดม้ ีการประกาศหา้ มใชส้ ารดงั ตอ่ ไปน้ีในอาหารสตั ว์ 15. สารฟิ วราโซลโิ ดน (Furazolidone หรือ NF 180)
เดิมเป็นสารกระตุน้ การเจริญเติบโตและเพิม่ ประสิทธิภาพการใชอ้ าหารในสุกร และใชค้ วบคุมโรคบิดในไก่กระทง ไก่ไข่ ระยะไก่เล็ก ไก่รุ่น ตอ่ มาไดม้ ีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวนั ท่ี 6พฤษภาคม 2541 หา้ มใชใ้ นอาหารสตั ว์ 16. สารเบต้าอะโกนีสท์ (β - Agronist) เป็นสารเร่งการเจริญเติบโต กระตุน้ การสร้างเน้ือแดง สัตวท์ ่ีไดร้ ับสารน้ีจะมีไขมนั สนั หลงั บางมากแตใ่ หเ้ น้ือแดงมากและ เน้ือจะมีสีแดงเขม้ เซลเน้ือคอ่ นขา้ งหยาบ พบวา่ มีการตกคา้ งของสารในกลุ่ม β -Agronist ซ่ึงอาจก่อใหเ้ กิดมะเร็งได้ ชนิดที่นิยมใชไ้ ดแ้ ก่ clenbuteral และ Salbutamal ซ่ึงไดม้ ีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หา้ มใชส้ ารดงั กล่าวมาต้งั แต่วนั ที่ 25 ธนั วาคม 2535 ผฝู้ ่ าฝืนตอ้ งไดร้ ับโทษจาคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไมเ่ กินหน่ึงหม่ืนบาทหรือท้งั จาท้งั ปรับ แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามยงั มีการลกั ลอบใชส้ ารดงั กล่าวอยอู่ ยา่ งแพร่หลาย ซ่ึงเป็นอนั ตรายตอ่ ผบู้ ริโภคและเป็นอุปสรรคสาคญั ตอ่ การส่งออกสุกรไปจาหน่ายยงั ต่างประเทศจึงไดม้ ีการประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หา้ มใชส้ ารดงั กล่าวดงั น้ี 17. คลอแรมเฟนิคอล (chloramphenical) ไดม้ ีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงวนั ที่ 20 พฤศจิกายน 2539 ไมอ่ นุญาตใหน้ าเขา้ เพือ่ ขายซ่ึงอาหารสตั วท์ ุกประเภท ท่ีมีสารคลอแรมเฟนนิคอล ผสมอยสู่ าหรับสตั วท์ ่ีนามาใชเ้ พื่อบริโภคเป็นอาหารและหา้ มใชเ้ ป็นวตั ถุที่เติมในอาหารสัตวท์ ่ีผลิตเพ่อื ขายสาหรับสัตวท์ ่ีนามาใชบ้ ริโภคเป็นอาหารเนื่องจากผลตกคา้ งในเน้ือสตั วแ์ ละผลิตภณั ฑอ์ าจมีผลไปกดไขกระดูก ก่อใหเ้ กิดโรคโลหิตจาง(Aplastic anemia) ได้ 18. อะโวพาร์ซิน (Avoparcin) ไดม้ ีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงวนั ท่ี 10 กรกฎาคม 2540 ไม่อนุญาตใหน้ าเขา้ เพอ่ื ขายซ่ึงอาหารสตั วท์ ุกประเภทท่ีมีสารเคมีภณั ฑอ์ ะโวพาร์ซินเป็นส่วนผสมในอาหารและหา้ มใชเ้ ป็นวตั ถุเติมในอาหารสตั วใ์ นการผลิตอาหารสตั วเ์ พอื่ ขาย เพราะเชื่อวา่ เป็นสาเหตุที่ก่อใหเ้ กิดการด้ือยา Vancomycin ของเช้ือ Enterococcus ในคน เน่ืองจากมีการตรวจพบเช้ือดงั กล่าวในไก่แช่แขง็ ท่ีมีการใชอ้ ะโวพาร์ซินในอาหารเพือ่ เร่งการเจริญเติบโต 19. ไนโตรฟูราโซน (Nitrofurazone) ไดม้ ีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงวนั ท่ี 3 สิงหาคม 2541 ไมอ่ นุญาตใหน้ าเขา้ อาหารสัตว์ทุกประเภทท่ีมีสารไนโตรฟรู าโซนเป็นส่วนผสมและหา้ มใชเ้ ป็นวตั ถุเติมในอาหารในการผลิตอาหารสตั ว์เพื่อขาย เพราะเป็นสารท่ีก่อใหเ้ กิดมะเร็งได้ 20. สารอน่ื ๆ เช่น สารหล่อลื่นและการเกาะตวั ของอาหารอดั เมด็ (Humectant) สารกาจดั กลิ่นในคอก (Deodorizer) สารเร่งการเจริญเติบโต (UGF : Unidentified Growth Factor) สาร อีเอม (EM : EffectiveMicro-organism)
ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่ือง กาหนดชื่อ ประเภท ชนิดหรือลกั ษณะของอาหารสตั วท์ ี่ไม่อนุญาตใหน้ าเขา้ เพอื่ ขาย และ กาหนดช่ือ ประเภท ชนิด หรือลกั ษณะของวตั ถุท่ีเติมในอาหารสตั ว์ ท่ีหา้ มใชเ้ ป็น ส่วนผสมในการผลิตอาหารสตั วเ์ พอ่ื ขาย --------------------- ดว้ ยขณะน้ีธุรกิจเก่ียวกบั อุตสาหกรรมการเล้ียงสัตว์ มีการลกั ลอบใชส้ ารเคมีภณั ฑ์ กลุ่มเบตา้ อะโกนิสท์ (β -agonist) ผสมในอาหารสุกรเพอ่ื ประโย ชน์ของคุณภาพซากสัตว์ ตามความนิยมของผบู้ ริโภคซ่ึงอาจทาใหผ้ บู้ ริโภคผลิตภณั ฑส์ ตั วน์ ้นั ไดร้ ับอนั ตรายได้ เพ่อื ป้ องกนั อนั ตราย อนั อาจเกิดจากการบริโภคผลิตภณั ฑส์ ตั ว์ ที่มีสารเคมีภณั ฑก์ ลุ่มเบตา้ อะโกนิสท์ (β -agonist) ตกคา้ งในผลิตภณั ฑส์ ัตวน์ ้นั อาศยั อานาจตามมาตรา 6 (3) และ (5) แห่งพระราชบญั ญตั ิควบคุมคุณภาพอาหารสตั ว์ พ.ศ. 2525 รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกประกาศไว้ดงั ต่อไปน้ี ขอ้ 1 ไมอ่ นุญาตใหน้ าเขา้ เพอื่ ขายซ่ึงอาหารสตั วท์ ุกประเภทท่ีมีสารเคมีภณั ฑ์ กลุ่มเบตา้ อะโกนิสท์(β -agonist) เป็นส่วนผสมในอาหารสัตวน์ ้นั ขอ้ 2 หา้ มใชส้ ารเคมีภณั ฑ์ กลุ่มเบตา้ อะโกนิสท์ (β -agonist) ทุกชนิดเป็นวตั ถุที่เติมในอาหารสตั ว์ในการผลิตอาหารสัตวเ์ พือ่ ขาย ประกาศฉบบั น้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แตว่ นั ถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ที่ 3 ธนั วาคม พ.ศ. 2535 (นายนิพนธ์ พร้อมพนั ธุ์) รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109 ตอนที่ 162 ลงวนั ท่ี 24 ธนั วาคม 2535)
ความผดิ ปกตทิ มี่ สี าเหตุมาจากอาหารสัตว์ ความผดิ ปกติจากอาหารสัตวบ์ างสาเหตุสามารถแยกแยะไดช้ ดั เจนแตบ่ างสาเหตุแยกแยะไดล้ าบากมาก สาเหตุความผดิ ปกติจากอาหารสตั วส์ ามารถแยกออกไดเ้ ป็น 2 สาเหตุ ไดแ้ ก่ 1. ความผดิ ปกติที่มีสาเหตุจากการขาดสารอาหาร หรือไดร้ ับสารอาหารบางตวั สูงเกินไป 2. ความผดิ ปกติที่มาจากการไดร้ ับสารพิษก. ความผดิ ปกติท่ีมีสาเหตุมาจากการขาดสารอาหารหรือไดร้ ับสารอาหารบางชนิดมากเกินไป 1. การขาดน้า สตั วจ์ ะทอ้ งผกู ผลผลิตลด ช็อค 2. น้าไมส่ ะอาด การกินน้ามากเกินไป จะทาใหส้ ตั วท์ อ้ งร่วง 3. สุกรที่ขาดกรดไขมนั ที่จาเป็นจะมีแผลที่ผวิ หนงั โตช้ า การสืบพนั ธุ์ลม้ เหลว ในไก่พบวา่ โตชา้ ขนงอกชา้ และมีจุดเลือดใตผ้ วิ หนงั 4. อาหารที่มีปลาป่ นเคม็ มาก ทาใหส้ ุกรกินน้ามาก ข้ีไหล 5. สุกรและโคมีไขมนั แขง็ เนื่องจากไดร้ ับกรดไขมนั ชนิดอ่ิมตวั มาก (ส่วนใหญเ่ ป็นไขมนั จากสัตว)์ 6. สตั วท์ ี่กรดอะมิโนไม่สมดุลจะทาใหส้ ตั วไ์ ม่เจริญเติบโต ผลผลิตลด ความสมบรู ณ์พนั ธุ์ลดท้งั เพศผู้เพศเมีย 7. การขาดไวตามินเอ ทาใหม้ องไม่เห็นในท่ีสลวั (Night blindness) ไก่จะเบ่ืออาหาร น้าหนกั ลด 8. การขาดไวตามมินดี ทาใหล้ ูกสัตวอ์ อ่ นเป็นโรคกระดูกออ่ น (Ricket) และสัตวอ์ ายมุ ากเป็นโร คกระดูกผุ (Osteomalacia) โคเป็นโรคไขน้ ม (Milk Fever) เน่ืองจากจะมีผลจากระดบั แคลเซียมในเลือดต่าลงดว้ ย 9. การขาดไวตามินอี อาจเป็นสาเหตุของโรคโลหิตจางได้ ทาใหส้ ตั วเ์ ป็นหมนั ไก่จะไวตอ่ การขาดไวตามินอีท่ีสุด 10. การขาดไวตามินเค ทาใหเ้ ลือดแขง็ ตวั ชา้ 11. การขาดไวตามินบี 1 ทาใหส้ ตั วม์ ีอาการเหน็บชา 12. การขาดเเคลเซียม ทาใหเ้ ปลือกไขบ่ าง กระดูกสัตวไ์ มแ่ ขง็ แรง 13. การขาดธาตุเหล็ก ทาใหล้ ูกสุกรเป็นโรคโลหิตจาง เบื่ออาหาร ความตา้ นทานโรคต่า 14. สุกรข้ีไหลเพราะขาดธาตุทองแดงและเหลก็ 15. การขาดกามะถนั ทาใหข้ าดกรดอะมิโนบางตวั ดว้ ย ทาใหไ้ ก่โตชา้ ขน เลบ็ งอกชา้ 16. การขาดธาตุสงั กะสี ทาใหส้ ุกรเป็นโรคข้ีเร้ือนชนิดไม่มีตวั โคจะมีอาการขนร่วงอยา่ งรุนแรงข. ความผดิ ปกติท่ีมีสาเหตุมาจากสารพษิ ในอาหาร 1. ทอ้ งอืด (Bloat) จากการกินอาหารท่ีมีใบอ่อนหรือพชื ตระกลู ถวั่ มากเกินไป 2. สุกรไดร้ ับใบกระถินมากเกินไป ทาใหเ้ ป็นหมนั การสืบพนั ธุ์ต่า ในไก่ไข่จะไขช่ า้ ไข่ลด 3. สารพิษ Aflatoxin ทาใหส้ ุกรโตชา้ สุกรทอ้ งอาจแทง้ ลูก
4. สารซีราลิโนน (จากเช้ือราในอาหารสัตว)์ สารน้ีมีฤทธ์ิคลา้ ยฮอร์โมนเพศเมีย (Estrogen)ถา้ เกินระดบั150 พีพบี ี. สารจะไปกระตุน้ การเติบโตของท่อนาไข่ ทาใหเ้ ป็ดกน้ ทะลกั ทาใหส้ ูญเสียทางเศรษฐกิจ 5. ลูกสุกรกินนมแม่ท่ีไดร้ ับ Aflatoxin สูงก็จะข้ีไหล 6. สัตวท์ ี่ไดร้ ับกากมะพร้าวในอาหารสูงไขมนั ซากจะแขง็ 7. ถวั่ เหลืองดิบสัตวช์ ะงกั การเติบโต การเจริญเติบโตต่า 8. สุกรไดร้ ับแกลบกงุ้ มากทาใหส้ มดุลแคลเซียม ฟอสฟอรัสเสีย อาจเกิดโรค Parakeratosis (ข้ีเร้ือนในสุกร) 9. สุกรไดร้ ับปลาป่ นเน่ามากเกินไปทาใหข้ ้ีไหล จากผลของแบคทีเรีย
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: