งานเครื่องมือกลเบื้องต้น หน่วยที่ 1 เครื่องเลื่อยกลเเละ งานเลื่อยกล นาย ณัฐกิตติ์ เกิดด้วง 010 นาย วรพล ธนะชัย 021 นาย วชิรวิชญ์ เเก้วมณี 020
หน่วยท1ี่ เคร่อื งเลื่อยกลและงานเล่ือยกล หัวข้อเร่อื ง (Topics) 1. ความหมายของเครอื่ งเล่ือย 2. ชนดิ ของเคร่ืองเลื่อย 3. เคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบชกั 4. ใบเลอ่ื ย 5. หลักการทำงานดว้ ยเครื่องเล่อื ยกลแบบชกั 6. การเลื่อยชน้ิ งานด้วยเครอ่ื งเลือ่ ยกลแบบชกั 7. ขอ้ ควรระวังในการใชเ้ คร่ืองเลือ่ ยกลแบบชกั 8. ความปลอดภยั ในการใช้เครือ่ งเล่ือยกลแบบชัก 9. การบำรงุ รกั ษาเครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั แนวคิดสำคญั (Main Idea) ในการปฏิบตั งิ านด้วยเครื่องมือกล โดยทวั่ ไปจะมีการเลื่อยช้นิ งานเพ่ือตัดแยกวสั ดแุ ล้วนำไปใช้ ใน การแปรรปู หรอื เพ่ือใหส้ ามารถจดั เก็บวสั ดุไดง้ ่าย ดงั น้นั งานเลอื่ ยกลจึงมีความสำคญั มาก ผ้ปู ฏิบัติงาน จงึ ควรศกึ ษา เกี่ยวกับวิธีการใช้เครื่องเลื่อยกลให้มีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดีก่อน จึงจะปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องและ ปลอดภัย สมรรถนะยอ่ ย(Elementn of Competency) แสดงความรเู้ กี่ยวกบั เครื่องเลือ่ ยกลพ้นื ฐานและงานเลือ่ ยกลตามค่มู ือ จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม(Behavioral Objectives) 1. บอกควายหมายของการเลอ่ื ย 9. อธบิ ายการจบั ชิ้นงานตา่ งๆดว้ ยปากกาจบั ยดึ ของเลอ่ื ยกลแบบชัก 2. จำแนกชนิดของเครอื่ งเลื่อย 10. อธิบายการจบั ยึดงานรูปทรงตา่ งๆก่อนเลือ่ ย 3. ระบชุ นดิ ของเล่อื ย 11. อธิบายวธิ กี ารจับยดึ ใบเลื่อยเข้ากับโครงเลื่อยกลแบบชชัก 4. บอกชือ่ และหนา้ ท่ีของส่วนประกอบ 12. ระบุระยะของการยกโครงเลื่อยก่อนตัด ของเครอื่ งเลือ่ ยกลแบบชัก
5. อธิบายวธิ กี ำหนดความหยาบละเอียดของ 14. บอกความปลอดภัยในการใช้เลื่อยกลแบบชักแบบชกั ฟนั เลื่อย 6. อธบิ ายวิการเลือ่ ยใชใ้ บเล่อื ยกลแบบชักให้ 15. อธบิ ายวิธกี ารรกั ษาเครอ่ื งเล่ือยกลแบบชกั เหมาะสมกับชนดิ ของวัสดุทน่ี ำมาเลอ่ื ย กบั ชนดิ ของวัสดทุ น่ี ำมาเลอื่ ย 7. อธิบายหน้าทขี่ องมุมใบเลื่อยกลแบบชกั 8. อธิบายหน้าท่ีของคลองเล่ือย 1.1ความหมายของการเลอื่ ย การเลื่อยเป็นกรรมวิธีการตัดชิ้นงานโดยมีวัตถุประสงค์หลายอย่าง เช่นการตัดแยก การบาก และการ เซาะร่อง เปน็ ต้น รปู ที่1.1 ลักษณะของการเลือ่ ย การเลื่อยแบ่งออกเป็น2 ชนิด คือ การเลื่อยด้วยมือ(Hand Sawing) และการเลื่อยด้วยเครื่องเลื่อย (Sawing Maching) ซึ่งในหนว่ ยนจี้ ะกล่าวถึงเฉพาะการเล่ือยด้วยเครือ่ งเล่อื ยกลเทา่ นนั้ 1.2 ชนิดของเคร่ืองเลอื่ ยกล เครื่องเลื่อยกลที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมจำแนกเป็น4ชนดิ คือ เครื่องเลื่อยชัก(Power Hacksaw) เครื่อง เลื่อยสายพานนอน(Horizontal Band Saw) เครื่องเลื่อยแบบตั้ง(Vertical Band Saw) และเครื่องเลื่อยวง เดือน(Radius Saw Or Circuiar Saw)สำหรับในหน่วยนี้จะกล่าวถึงเครื่องเลื่อยชักเพื่อเป็นพื้นฐานในการใช้ งานเทา่ น้นั
(ก) เครอื่ งเลื่อยชกั (ข) เครอื่ งเล่อื ยวงเดอื น (ค) เครอื่ งเลอื่ ยสายพานตัง้ (ง) เคร่ืองเลอ่ื ยสายพานนอน รูปที่1.2 ชนดิ ของเคร่ืองเล่อื ยกล 1.3 เคร่อื งเล่อื ยกลแบบชกั เครื่องเลื่อยกลแบบชัก(Power Hack Saw) เป็นเครื่องเลอื่ ยกลทใี่ ช่งานในสถานศึกษาใชส่ ำหรับเล่ือย ชิ้นงาน และขณะโยกกลับจะยกใบเล่ือยข้ึนเลก็ น้อย ไม่มีการตัดเฉือนชิ้นงาน นอกจากนี้สามารถปรบั ระยะชกั ของ ใบเลือ่ ยลตั ง้ั ระยะการปิดเครื่องเม่ือตดั ชิ้นงานขาดได้ 1.3.1 โครงเลือ่ ย โครงเลื่อย(Saw Frame) ตามด้วยเหล็กหล่อและเหล็กเหนียวใช่สำหรับยึดใส่ใบเลื่อยมีลักษณะ เหมือนตวั ยคู ว่ำและจับเคล่ือยที่ไปมาในรอ่ งหา่ งเหยีย่ วโดยสง่ กำลงั จากล้อเฟืองดงั รูป1.3 1.3.2 ฐานเครอ่ื ง ฐานเครื่อง(Base) ทำจสกเหล็กหล่อหรือเหล็กเหนียว มีหน้าที่รองรับส่วนต่างๆของเครื่องเลื่อยกล แบบชกั ทงั้ หมด 1.3.3 ระบบสง่ กำลงั ระบบส่งกำลัง (Drive System) ของเครื่องเล่ือยกลแบบชักจะใช้มอเตอรโ์ ดยใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลต์ หรอื 380 โวลต์ 1.3.4 ชดุ ป้อนตัด ชุดป้องตัดของเครื่องเลื่อยกลแบบชักมี2ชนิด คือ ชนิดที่ใช้ลูกถ่วงน้ำหนักและชนิดที่ใช้ระบบ ไฮดรอลกิ
รปู ท่ี 1.3 ส่วนประกอบของเคร่ืองเล่ือยกลแบบชัก 1.3.5 ปากกาจบั ช้นิ งาน ปากกาจับชิ้นงาน (vise) ของเครื่องเลื่อยกลแบบชักแบ่งออกเป็น2ส่วน คือ ปากกาด้านคงที่ซึ่งไม่ สามารถเลื่อนไปมาได้ นอกจากนี้ปากกาของเครื่องเลื่อยกลแบบชักยังสามารถจับชิ้นงานเลื่อยตรงหรือ ปรับเอยี งเพอื่ ตดั เฉอื นมุมต่างๆได้ รปู ที่1.4สว่ นประกอบของเคร่ืองเล่อื ยชัก
1.4ใบเล่ือย ใบเลื่อยของเครื่องเลื่อยกลแบบชักทำหน้าที่ตัดเฉือนชิ้นงาน ส่วนมากโครงเลื่อยผลิตจากโลหะผสมสูง หรือเหล็กกล้ารอบสูง(High Speed Steel) ซึ่งมีความแข็งแต่เปราะ ดังนั้นการประกอบใบเลื่อยเข้ากับโครงเลื่อย จะตอ้ งประกอบให้ถกู วิธแี ละขันสกรูใหใ้ บเลื่อยตึงพอประมาณ เพือ่ ปอ้ งกนั ไม่ใหใ้ บเลอ่ื ยหัก 1.4.1ความหยาบละเอยี ดของงานใบเลอื่ ย ฟันของใบเลื่อยกลแบบชักมีลักษณะเรียงกันและมีความห่างระหว่างยอดฟันเรียกว่าระยะพิตช์ (Pitch) ซึ่งมี่ระยะพิตช์นี้จะกำหนดความหยาบหรือละเอียดของฟันเลื่อย โดยนับจำนวนฟันต่อความยาว 1 นิ้ว เช่น ใบ เลือ่ ย 10 ฟัน/นิว้ 14 ฟัน/น้วิ เป็นต้น รปู ที่1.5การกำหนดความหยาบความละเอยี ดของฟนั เลอื่ ย ในการเลอื กใช้ใบเลื่อย ผ้ปู ฏิบัตงิ านจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับวัสดชุ ้นิ งานดงั ตัวอยา่ งในตารางท่ี2.1 ตารางท2่ี .1 การเลอื กใชใ้ บเลื่อยให้เหมาะสมกบั วัสดชุ ้นิ งาน จำนวนฟัน/ วัสดทุ ่ีใช้เล่อื ย น้ิว 14, 16, 18 วัสดุออ่ น เช่นดบี กุ ทองแดง ตะกั่ว อะลูมเิ นียม พลาสตกิ เหลก็ เหนียว เปน็ ตน้ 22, 24 วัสดแุ ข็งปานกลาง เชน่ เหล็กหล่อ เหลก็ โครงสร้าง ทองเหลอื ง เป็นต้น 32 วสั ดุแข็งมาก เช่นเหลก็ ทำเคร่อื งมือ เหลก็ กล้าเจอื เปน็ ต้น 1.4.2 ความยาวของใบเล่ือย การกำหนดความยาวใบเล้ือยนี้ จะวัดระหว่างศูนย์กลางของรเู จาะที่ใช้สำหรับประกอบใบเล่ือยเข้ากบั โครงเลื่อย ความยาวทน่ี ิยมใช้ทว่ั ไป เช่น 450, 500, 600 มม. เปน็ ตน้
รูปที่1.6 การกำหนดความยาวของใบเล่ือย 1.4.3 การตดั เฉือนวัสดขุ องใบเล่ือย ในขณะทำการเลื้อยชิ้นงาน ฟันเลื้อยจะทำหน้าที่ตัดเฉือนวัสดุโดยอาศัยคานโยกเป็นกลไกการ ทำงานของเครื่องเล่ือยชัก เพื่อดันใบเล่ือยให้เคลื่อนที่ไปด้สนหน้าแล้วกดใบเลื่อยให้ตัดเฉือนชิ้นงานและขณะ โยกกลับกจ็ ะยกใบเล่ือยข้นึ เลก็ น้อย ไมม่ ีการตัดเฉอื นชื้นงาน รปู ท1่ี .7 หลกั ารทำงานของใบเลอ่ื ยกลแบบชกั 1.4.4 มมุ ของฟนั เล่ือย ในขณะเลื่อยช้ินงาน ฟันเลื่อยจะทำหน้าที่ตัดเฉือนและคายเศษวัสดุ โดยที่เศษวัสดุจะอยู่ในร่อง ฟนั เล่ือยและหลุดออกไปตามครองเลอ่ื ย ดงั น้นั ในการผลิตใบเล่อื ยจงึ ประกอบด้วยมุมต่างๆ ดงั นี้ รปู ท1่ี .8 มุมของใบเล่ือย
1. มุมลิ่ม( ) เป็นมุมที่ทำหน้าที่ขูดตัดและปะทะกับเนื้อชิ้นงานโดยตรง ถ้ามุมลิ่มมีมากจะทำให้ฟันใบเลื่อยมีความ แข็งแรง ดังนั้นจึงเหมาะสมสำหรับวัสดุชิ้นงานที่มีความแข็งแรง แต่ถ้ามุมลิ่มน้อยความแข็งแรงก็จะลดลงและ เหมาะสมสำหรับวสั ดชุ น้ิ งานท่อี อ่ น 2. มุมหลบหรือมุมฟรี ( ) เป็นมุมที่ช่วยให้ฟันเลื่อยลดการเสียดสีกับชิ้นงาน โดยให้คมฟันเลื่อยตัดชิ้นงานเพียงจุด เดียวและทำให้ส่วนอนื่ ๆ ของฟนั เลอ่ื ยไมเ่ สียดสกี ับผิวของชิ้นงาน 3. มุมคาย ( ) เป็นมมุ ท่ที ำหน้าท่ีคายเศษเละชว่ ยให้ใบเลอ่ื ยคายเศษออกได้งา่ ยข้ึน 4. มุมตัด () เปน็ การรวบรวมกันของมมุ หลบและมุมล่มิ () ซึ่งมุมนจ้ี ะทำใหใ้ บเลื่อยเกดิ การตดั เนอ้ื ชน้ิ งาน ในการเลือกใชม้ ุมของใบเลือ่ ยน้จี ะต้องให้เหมาะสมกับวัสดชุ น้ิ งานดงั ตัวอย่างในตารางท่ี2.2 ตารางที่2.2การเลอื กใช้มุมใบเล่ือยใหเ้ หมาะสมกบั วสั ดชุ ้นิ งาน 1.4.5 ครองเล่ือย ในขณะปฏบิ ัตงิ านเลอื่ ย ใบเล่อื ยที่ตดิ และอยู่ใน รอ่ งจะเกดิ การเสียดสกี ับผิวชิน้ งาน ในขณะเคลื่อนไป-กลับ ทำใหเ้ กดิ ความร้อน และอาจทำให้ใบเลือ่ ยหกั ได้ ดังน้ันใบเล่อื ยจงึ มีการจัดฟัน เพอ่ื ให้เกิด ครองเล่อื ยในขณะเลือ่ ยชิ้นงานอละลดแรงเสยี ดทานขณะเลอ่ื ยโดยเม่ือ รปู ท่ี1.9 การจัดฟันใบเลอ่ื ย จัดฟันและจะทำให้ฟันใบเลื่อยกว้างกว่าใบเลื่อย ซึ่งเรียกว่า ครองเลื่อย การจัดฟันเลื่อยมี 3 แบบ คือ แบบคลื่น แบบตรง และแบบสลบั โดยท่ีแบบสลันน้ีใช้สำหรับใบเลือ่ ยกลส่วนแบบคล่นื และแบบตรงจะใช้สำหรับใบเล่อื ยมือ 1.5หลักการทำงานโดยเครอ่ื งเลื่อยกลแบบชัก 1.5.1การจับยึดชิ้นงาน
1. การจับยึดชิน้ งานทม่ี รี ูปทรงแตกต่างกนั ชน้ิ งานทม่ี ีรปู ทรงแตกตา่ งกันจะมีวธิ ีการจับยึดแตกต่าง กัน ซึง่ การใชป้ ากกาจับชน้ิ งาน ผปู้ ฏบิ ัตงิ านตอ้ งคำนงึ ถงึ รูปร่างหน้าตดั ของช้ินงานที่จะตัดเพ่ือให้จับชนิ้ งานได้มั่นคง เพราะถ้าหากจับชิ้นงานไม่แน่นพอแล้ว ชิ้นงานจะหลุดหรือเคลื่อนที่เป็นสาเหตุให้เกิดอันตราย และทำให้ใบเล่ื อย หกั ได้ ตวั อย่างการจบั ชิ้นงานรปู ทรงต่างๆ แสดงไว้ในรปู ท่ี1.10 รูปที1่ .10 การจบั ช้ินงานรปู ทรงต่างๆ 2. การจับชิ้นงานที่สั้นกว่าปากของปากกา ในการจับชิ้นงานที่มีความยาวไม่เพียงพอกับปากกาจับ ชิ้นงาน ให้ใช้วัสดุท่ีมีความกว้างเท่ากับชิน้ งานเสริมเขา้ อีกด้านของปากกาจับชิ้นงาน ซึ่งจะทำให้จับชิน้ งานได้แน่น หนาและม่นั คง ดังรูปท่ี 1.11 รปู ท1่ี .11 การจบั ช้ินงานสัน้ โดยใช้วัสดเุ สริมอกี ดา้ นของปากกาจบั ช้นิ งาน
รปู ที่1.12 การจับชนิ้ งานสั้นโดยใชว้ ัสดเุ สรมิ อีกดา้ นของปากกาจับชน้ิ งาน 3. การตัดชิ้นงานทีม่ ีความยาวมากๆ ให้ใช้ขาตั้งรองรบั ชิ้นงานเพื่อให้ได้ระดับเดียวกับปากกาจับชิน้ งาน ของเครื่องเล่ือยกลแบบชกั รูปท่ี1.13 การเลอื กใชข้ าต้ังรองรับช้นิ งานทมี่ ีความยาวมาก 4. การเริ่มต้นการเลื่อยชิ้นงาน ให้ใช้บรรทัดเหล็กในการตัง้ ระยะของการตัด โดยวัดจากปลาย สดุ จากช้ินงานถงึ ใบเลื่อยของความยาวจะตอ้ งเพ่ือขนาดของคลองเลื่อย
รปู ท่ี1.14 การตง้ั ระยะก่อนตัดดว้ ยบรรทัดเหล็ก 5. การตัดชิน้ งานจำนวนมากๆมีความยาวเท่ากนั ให้ใชอ้ ปุ กรณต์ ั้งระยะการวัด โดยใช้ช้ินงานที่ได้ขนาด และตงั้ ระยะชิน้ งานให้ชนพอดกี บั ผวิ หน้าชน้ิ งานจากนัน้ ขนั สกรเู พื่อล็อกใหแ้ น่น รปู ท่ี1.15 การใชอ้ ปุ กรณต์ ้ังระยะสำหรับตัดชิน้ งานท่ีมีความยาวเทา่ กันเปน็ จำนวนมาก 1.5.2 การจบั ยึดใบเล่ือย การจับยึดใบเลื่อยเข้ากับโครงของเครื่องเลื่อยผู้ปฏิบัติงานจะต้องทราบทิศทางการตัดของ เครื่องเลื่อยกลแบบชักก่อน กล่าวคือ การจับใบเลื่อยที่ถูกต้องนั้นจะต้องให้ฟันเลื่อยให้ตัดเฉือนชิ้นงานหลังจาก ประกอบยดึ ใบเลื่อยใหข้ ันสกรูยึดใบเล่ือยตึงพอดีการตรวจสอบอาจกระทำได้โดยใชค้ ้อนเคาะทใ่ี บเล่อื ยเบาๆซ่ึงจะมี เสยี งกงั วาน
หมายเหตุ: ความคมของรูสลกั (pin hole) ของใบเลื่อยจะกัดสลักจนเกิดช่องวา่ งระหว่างสลักกับรูทำให้ มีระยะห่างมากขึ้นส่งผลให้เกิดการคลอน และอาจเป็นสาเหตุให้ใบเลื่อยหักได้ ดังนั้นจะต้องมีแผนประกบก่อนใส่ สลักในรใู บเลอื่ ย 1.6 การเล่ือยชิน้ งานดว้ ยเครอื่ งเลอื่ ยกลแบบชัก การใช้เครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั เพ่ือตัดชิ้นงานมขี ั้นตอนดังน้ี 1.6.1 ตรวจสอบความพรอ้ มของเครื่องเลอื่ ยกลแบบชักและอุปกรณ์ใหเ้ รียบรอ้ ย 1.6.2 ยกโครงเลอ่ื ยค้างไว้กอ่ นตัดช้ินงาน 1.6.3 จับยึดชิ้นงานด้วยปากกาจบั ช้ินงานให้ถูกต้องตามรูปทรงของชนิ้ งานโดยที่ยังไม่ขนั แน่นและใหส้ ามารถเลื่อย ไป-มาได้ 1.6.4 ปรับโครงเล่ือยลงใหฟ้ ันของใบเลื่อยอยเู่ หนืออชิน้ งานประมาณ25 มม. 1.6.5ปรับต้งั ระยะความยาวของชิน้ งานโดยใช้บรรทดั เหลก็ วัดขนาด 1.6.6 จับยดึ ช้ินงานด้วยปากกาจับชนิ้ งานใหแ้ น่นและมน่ั คง 1.6.7 ปรับขาตัง้ ระยะใหย้ าวเท่ากบั ความยาวของชิน้ งาน 1.6.8 เปดิ สวติ ช์เพอ่ื ให้เคร่อื งเล่ือยชกั ทำงาน 1.6.9 ปรบั ระบบปอ้ นตัดไฮดรอลิกให้โครงเลอ่ื ยเล่อื นลงชา้ ๆ 1.6.10 ปรบั ทอ่ นำ้ หลอ่ เย็นใหฉ้ ีดบริเวรคลองเล่ือยเพอ่ื ชว่ ยระบายความรอ้ น 1.6.11 รอจนกระท่งั เล่อื ยตัดช้นิ งานขาดออกจากกนั
1.6.12 เมอื่ ช้ินงานขาดออกจากกันแล้วยกโครงเล่ือยข้ึนดา้ นบน จากนนั้ ปิดสวติ ชแ์ ล้วทำความสะอาดเคร่ืองเล่ือย กลแบบชกั ใหส้ ะอาดเรยี บรอ้ ย รูปท่ี1.17 การปรบั ใบเล่อื ยให้ห่างจากชน้ิ งาน 25 มม. 1.7 ขอ้ ควรระวังในการใช้เครื่องเลอ่ื ยกลแบบชัก 1.7.1 การขนั ใบเล่ือยจะตอ้ งใหม้ คี วามตึงพอดแี ละให้ใชแ้ ผน่ ประกบใบเลอ่ื ยกอ่ นขับสลกั ด้วย 1.7.2 จับยึดชน้ิ งานกับปากกาจบั ชิ้นงานใหแ้ นน่ และมัน่ คงกอ่ นเปิดสวิตช์เครื่องทำงาน 1.7.3 การป้อนลึกเพื่อตัดเลื่อยชิน้ งานครั้งแรกใหป้ ้อนช้าๆจนกระทั่งใบเลื่อยตัดเฉือนชิ้นงานเต็มหน้าช้ินงานแล้ว จึงป้อนลกึ ตามอัตราปอ้ นท่แี นะนำของใบเล่อื ย 1.7.4 หยดุ เครื่องทกุ ครั้งทีว่ ัดหรือปรับเปลี่ยนชนิ้ งาน 1.7.5 ห้ามจับชิ้นงานเลื่อยที่มีความยาวงานน้อยกว่าความยาวของปากปกากาแต่ถ้าจำเป็นจะต้องใช้วัสดุเสริมที่ ปากของปากกาจับงานอกี ด้าน 1.7.6 หลอ่ เย็นชิน้ งานตามชนดิ ของวัสดุทน่ี ำมาเลือ่ ย 1.8 ความปลอดภัยในการใช้เคร่ืองเลอ่ื ยกลแบบชัก เพอื่ ความปลอดภัยในการใชเ้ ครือ่ งเล่ือยกลแบบชัก ผปู้ ฎบิ ตั ิงานควรยดึ ถือปฎิบัติดังนี้ 1.8.1 กอ่ นใชเ้ คร่ืองควรตรวจสภาพความพร้อมของเครือ่ งเลื่อยกลแบบชกั ทุกครั้ง 1.8.2 การจดั ช้นิ งานใหถ้ ูกต้องและม่นั คงกอ่ นเลอื่ ย 1.8.3 ก่อนเปิดสวิตชเ์ ดนิ เคร่อื งจะต้องยกใบเล่ือยใหอ้ ยูเ่ หนอื ช้ินงานประมาณ 25 มม. ก่อนทกุ คร้ัง
1.8.4 การปอ้ นตดั ด้วยระบบไฮดรอลิกใกเกนิ ไปอาจทำให้ใบเล่ือยหกั ดังนน้ั จงึ ตอ้ งระมัดระวงั 1.8.5 วัสดชุ ้ินงานประเหล็กหล่อ ทองเหลือง ทองแดง และอลมู เิ นียม ควรหล่อเย็นใหถ้ ูกต้อง 1.8.6 ขนาดเครอื่ งเลอื่ ยกลแบบชักกำลังตดั ชิ้นงาน ห้ามหมุนถอยปากกาจบั ออกโดยเด็ดขาด 1.9 การบำรงุ รักษาเครอื่ งเลือ่ ยกลแบบชัก 1.9.1 หลังเลิกใช้งานใหท้ ำความสะอาดและชโลมน้ำมนั บางๆ ตามช้นิ งานทีเ่ ป็นเหล็กเพือ่ ปอ้ งกนั สนมิ 1.9.2 ควรเปล่ยี นถา่ ยน้ำมันหลอ่ เยน็ ทกุ สปั ดาห์ 1.9.3 หม่นั ตรวจสภาพช้นิ ส่วนของเครอื่ งเล่ือยกลแบบชกั และหยดน้ำมนั ตามจดุ ตา่ งๆ ท่มี ีการเคล่ือนทีข่ องช้นิ ส่วน เหลา่ นัน้ คำสัง่ จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1.จงบอกช่อื และหน้าท่ีของเครอื่ งเล่ือยกลแบบชักตามหมายเลขท่ีกำหนดให้ต่อไปนี้ (5คะแนน) ช่ือ หนา้ ท่ี หมายเลข1 ………………………………………… ……………………………………………………………………… หมายเลข2 ………………………………………… ……………………………………………………………………… หมายเลข3 ………………………………………… ………………………………………………………………………
หมายเลข4 ………………………………………… ……………………………………………………………………… หมายเลข5 ………………………………………… ……………………………………………………………………… 2.จดุ มงุ่ หมายในการเลอื่ ยคอื อะไร (2คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3.เครื่องเลอ่ื ยกลทใ่ี ชใ่ นงานอตุ สาหกรรมจำแนกออกได้กช่ี นดิ และมีอะไรบ้าง (4คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จงอธิบายวธิ กี ารกำหนดความหยาบละเอียดของฟันเลอ่ื ย (2 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๕. จงบอกชือ่ และหน้าทขี่ องมุมของฟันเลื่อยท่ีกำหนดให้ติอไปน้ี (4คะแนน) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยท่ี 1 เครอ่ื งเลือ่ ยกลและงานเลื่อยกล คำสงั่ จงเลอื กคำตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุด 1. ขอ้ ใดคอื ลกั ษณะของงานเลือ่ ย ก. การขดู ชิ้นงานใหข้ าดจากกนั ข. การถากผวิ ชิ้นงานให้ราบเรียบ ค. การปรบั ผวิ งานใหร้ าบเรียบ ง. ตัดแบง่ แยกชินงาน 2. วตั ถุประสงคข์ องการจดั ฟันใบเลอ่ื ยคอื ข้อใด ก. ลดแรงเสยี ดทานขณะเล่อื ย ข. ความสวยงาม ค. ลดการสกึ หรอของใบเล่ือย ง.ทำใหฟ้ นั เลื่อยแข็งแรงมากขน้ึ 3. ขนาดความยาวของใบเล่ือยมีวิธีการตรวจสอบอยา่ งไร ก. วัดจากจุดศนู ยก์ ลางรูใบเลอื่ ยด้านหนึ่งถงึ อีกด้านหนึ่ง ข. วดั จากปลายสุดของใบเลื่อยดา้ นหนง่ึ ไปยงั รูใบเล่อื ยในดา้ นตรงกนั ข้าม ค. วัดจากฟันเลื่อยฟันแรกถงึ ฟันเลอ่ื ยฟนั สดุ ทา้ ย ง. วดั ระหว่างปลายใบเลื่อยท้งั สองด้าน 4 ความหยาบละเอยี ดของฟนั เลอื่ ยมีวธิ ีกำหนดอย่างไร ก. จำนวนฟนั เล่ือยต่อความยาวใบเลื่อย ข. จำนวนฟันเล่อื ยต่อความยาวหน่งึ นิว้ ค. จำนวนฟันเลือ่ ยตอ่ ขนาดใบเล่ือย ง. จำนวนฟนั เลอื่ ยต่อความกวา้ งของใบเล่ือย
5. เครอื่ งเลื่อยกลชนิดใดทน่ี ิยมใช้ตามโรงงานทั่วไป ก.เครอ่ื งเล่อื ยกลแบบชัก ข.เครอ่ื งเลอ่ื ยกลแบบสายพานนอน ค.เครอื่ งเลือ่ ยกลแบบสายพานต้งั ง.เครือ่ งเลอื่ ยกลแบบวงเดอื น 6.การตัดชนิ้ งานดว้ ยเคร่ืองเลอื่ ยกลแบบชกั ควรใช้เคร่ืองมือวัดชนดิ ใด ก. เวอรเ์ นียร์คาลปิ เปอร์ ข.บรรทัดเหลก็ คไมโครมิเตอร์ ง.ตลับเมตร 7.เครื่องเลอ่ื ยกลทีใ่ ชร้ ะบบปอ้ นตดั แบบไฮดรอลิก ใชช้ ิ้นสว่ นใดเป็นตวั ป้อนตดั ก. นำ้ มัน ข. เฟอื ง ค. ลม ง. ลูกตมุ้ 8. สว่ นประกอบใดของเครอ่ื งเลือ่ ยกลแบบซกั ท่ีใช้จบั ยดึ ใบเล่ือย ก. แท่นรองรับช้นิ งาน ข. ปากกาจบั ชิน้ งาน ค. แขนตัง้ ระยะการตดั ง. โครงเล่อื ย 9. ข้อใดคอื ลกั ษณะการทำงานของเครื่องเลอ่ื ยกลแบบชกั ก. การตดั ชน้ิ งานต่อเน่ือง ข. เลอ่ื ยชน้ิ งาน 2 จังหวะ ค. จงั หวะเลื่อยชนิ้ งานเป็นวงกลม ง. เลื่อยชน้ิ งานจงั หวะเดียว
10. ส่วนใดของเคร่อื งเลอ่ื ยกลแบบชกั ที่รับน้ำหนักทั้งหมดของเคร่ือง ก. โครงเล่อื ย ข. แขนตั้งระยะการตดั ค. ฐานเครือ่ ง ง.ปากกาจับชน้ิ งาน 11. ฐานเครอ่ื งเลื่อยกลแบบชักทำจากวสั ดชุ นิดใด ก. อะลูมิเนียม ข.เหลก็ กล้าผสม ค. เหลก็ เหนยี ว ง. เหลก็ หล่อ 12. เพราะเหตุใดจงึ ต้องยกใบเลอ่ื ยใหห้ า่ งจากชิน้ งานประมาณ 25 มม. กอ่ นเปิดสวติ ชเ์ ครอ่ื งทำงาน ก. เพอื่ ให้เคร่ืองเดินฟรี ข. เพ่ือให้มีชอ่ งวา่ งในการปรบั ปอ้ นตัดชน้ิ งาน ค. เพื่อป้องกนั การกระแทกของใบเลอื่ ย ง. เพื่อเปดิ น้ำหลอ่ เย็น 13. การเล่ือยชิน้ งานท่ีมคี วามยาวเทา่ ๆ กันหลายชน้ิ ควรใช้อปุ กรณ์ข้อใดช่วยในการเลอ่ื ยชนิ้ งาน ก. ฐานเครือ่ ง ข.แขนต้ังระยะ ค. ปากกาจบั ชิ้นงาน ง. โครงเล่อื ย 14. ชิ้นสว่ นใดของเคร่ืองเล่อื ยกลแบบซักทส่ี ามารถปรบั เอียงเปน็ มุมได้ ก. แขนตงั้ ระยะการตดั ข.ฐานเครื่อง ค. ปากกาจบั ชนิ้ งาน ง. โครงเลื่อย 15. ชิ้นสว่ นใดของเครื่องเลือ่ ยชกั ท่ใี ชเ้ ปน็ ตน้ กำลัง ก. โครงเลื่อย ข. แขนต้ังระยะ ค. มอเตอร์ ง. ฐานเครอ่ื ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: