ใบความรู้ กิจกรมที่ ๑ กิจกรรมรจู้ กั พชื สมุนไพรเบอ้ื งต้น เร่ืองท่ี ๑ ความหมาย ความเปน็ มาของพชื สมนุ ไพร คำว่ำ “สมุนไพร” หมำยควำมว่ำ ยำท่ีได้มำจำกพืช สัตว์ แร่ธำตุจำกธรรมชำติท่ีไม่มีกำรเปล่ียนแปลง สภำพโครงสร้ำงภำยใน สำมำรถนำมำใช้เป็นยำรักษำโรคต่ำงๆ และบำรุงร่ำงกำยได้ ประเภทของสมุนไพร สมุนไพรที่ได้จำกส่วนของพืชโดยตรง (พืชวัตถุ) โดยส่วนต่ำงๆ ที่นำมำน้ันมีสำรท่ีสำมำรถใช้เป็นยำได้ ได้แก่ ใบ ดอก ผล เปลอื กผล เมลด็ เปลือกเมล็ด รำกหรือหวั ตน้ แกน่ กระพ้ี เน้ือไม้ เปลอื กไม้ สมุนไพรทีไ่ ด้จำกอวัยวะของ สัตว์ (สัตวว์ ตั ถุ) ได้แก่ ตับ ดี นอ เขำ เอ็น เลอื ด น้ำมัน มูล ฯลฯ เช่น ขี้ผ้ึง รังนก น้ำมันตับปลำ สมุนไพรท่ีได้จำก แร่โดยธรรมชำติหรือส่ิงท่ีประกอบข้ึนจำกแร่ธำตุต่ำงๆ ตำมกรรมวิธี (ธำตุวัตถุ) นำมำใช้เป็นยำ เช่น เกลือ กำมะถัน น้ำประสำนทอง ดีเกลือ สำรสม้ ความเปน็ มาและความเชอื่ เกยี่ วกบั สมุนไพร ควำมเช่อื และกำรใช้สมนุ ไพรน้นั มีมำต้งั แตส่ มัยโบรำณ ควำมร้เู กีย่ วกับสมุนไพรมใี นตำรำแพทย์ตั้งแต่สมัย กรกี อินเดีย จีน และโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรแพทย์ไทยแผนโบรำณ นอกจำกนี้ก็มีกำรศึกษำค้นคว้ำต่อเนื่องจนถึง ปัจจุบัน ถ้ำจะพูดถึงประโยชน์ของสมุนไพร ในปัจจุบันยำต่ำงๆ ที่ใช้กันอยู่มีจำนวนไม่น้อยท่ีได้มำจำกสมุนไพร โดยตรง เช่น ยำแก้ปวด aspirin มำจำกเปลือกไม้ของพืชชนิดหน่ึง ยำแก้ปวด morphine ก็มำจำกต้นฝิ่น ยำ ควินินรกั ษำโรคมำลำเรียกไ็ ด้มำจำกกำรสกัดเปลือกไม้ cinchona ยำรักษำโรคหัวใจล้มเหลว digitalis ก็ได้มำจำก ต้น foxglove เป็นต้น เรื่องท่ี ๒ ความสาคัญของพืชผักสมุนไพร ๑. ควำมสำคัญในด้ำนสำธำรณสุข พชื สมนุ ไพร เปน็ ผลผลิตจำกธรรมชำติ ทมี่ นุษยร์ ู้จักนำมำใชเ้ ป็นประโยชน์ เพอ่ื กำรรกั ษำโรคภัยไขเ้ จ็บ ต้งั แตโ่ บรำณกำลแลว้ เชน่ ในเอเชยี ก็มีหลกั ฐำนแสดงวำ่ มนุษยร์ ู้จกั ใชพ้ ชื สมุนไพรมำกวำ่ ๖,๐๐๐ ปี แตห่ ลงั จำกที่ ควำมรู้ด้ำนวิทยำศำสตร์ มกี ำรพัฒนำเจริญก้ำวหน้ำมำกขึ้น มีกำรสังเครำะห์ และผลิตยำจำกสำรเคมี ในรูปทใ่ี ช้ ประโยชนไ์ ดง้ ำ่ ย สะดวกสบำยในกำรใช้มำกกว่ำสมนุ ไพร ทำให้ควำมนิยมใช้ยำสมุนไพรลดลงมำเป็นอนั มำก เปน็ เหตใุ ห้ควำมรูว้ ิทยำกำรดำ้ นสมนุ ไพรขำดกำรพฒั นำ ไมเ่ จริญก้ำวหน้ำเท่ำท่ีควร ในปจั จุบนั ทว่ั โลกได้ยอมรับแล้ววำ่ ผลทีไ่ ด้จำกกำรสกัดสมนุ ไพร ใหค้ ุณประโยชนด์ ีกว่ำยำ ท่ไี ดจ้ ำกกำรสังเครำะหท์ ำงวทิ ยำศำสตร์ประกอบกับใน ประเทศไทยเปน็ แหลง่ ทรพั ยำกรธรรมชำติ อันอดุ มสมบรู ณ์ มีพืชต่ำง ๆ ท่ีใช้เปน็ สมนุ ไพรไดอ้ ยำ่ งมำกมำยนับหมนื่ ชนดิ ยังขำดกแ็ ต่เพียงกำรค้นคว้ำวจิ ัยในทำงท่ีเปน็ วิทยำศำสตร์มำกขนึ้ เท่ำนัน้ ควำมต่นื ตัวทจ่ี ะพัฒนำควำมรู้ดำ้ น พืชสมนุ ไพร จงึ เรมิ่ ขน้ึ อกี คร้ังหนง่ึ มกี ำรเริ่มต้นนโยบำยสำธำรณสุขข้ันมูลฐำนอย่ำงเปน็ ทำงกำรของประเทศไทยใน ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยเพม่ิ โครงกำรสำธำรณสุขข้ันมลู ฐำนเข้ำในแผนพฒั นำกำรสำธำรณสุข ตำมแผนพัฒนำ กำร เศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชำติ ฉบับท่ี ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๐-๒๕๒๔) ต่อเนื่องจนถงึ แผนพัฒนำกำรเศรษฐกิจ และสงั คม แห่งชำติ ฉบับท่ี ๗ (พ.ศ. ๒๕๓๕-๒๕๓๙) โดยมี กลวิธีกำรพัฒนำสมุนไพรและกำรแพทย์แผนไทยในงำน สำธำรณสุขมลู ฐำน คอื
(๑) สนับสนุนและพฒั นำวชิ ำกำรและเทคโนโลยพี ื้นบำ้ นอันได้แก่ กำรแพทยแ์ ผนไทย เภสัช กรรมแผน ไทย กำรนวดไทย สมนุ ไพร และเทคโนโลยพี น้ื บำ้ น เพือ่ ใชป้ ระโยชน์ในกำรแก้ไขปัญหำ สขุ ภำพของชมุ ชน (๒) สนบั สนนุ และส่งเสริมกำรดแู ลรักษำสุขภำพของตนเอง โดยใช้ สมุนไพร กำรแพทยพ์ น้ื บ้ำน กำรนวด ไทย ในระดบั บคุ คล ครอบครัว และชมุ ชน ใหเ้ ป็นไปอยำ่ งถูกตอ้ งเป็นระบบสำมำรถปรับประสำนกำรดแู ลสุขภำพ แผนปจั จุบันได้ อำจกล่ำวไดว้ ่ำสมุนไพรสำหรับสำธำรณสุขมูลฐำนคือสมุนไพรท่ีใช้ในกำรส่งเสริมสุขภำพ และกำร รักษำโรค/อำกำรเจ็บป่วยเบ้อื งต้น เพอื่ ให้ประชำชนสำมำรถพ่งึ ตนเองไดม้ ำกขนึ้ ๒. ควำมสำคญั ในดำ้ นเศรษฐกิจ ในปจั จบุ นั พืชสมนุ ไพรจัดเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึง่ ท่ตี ่ำงประเทศกำลงั หำทำงลงทุนและคดั เลอื กสมนุ ไพร ไทยไปสกดั หำตัวยำเพอ่ื รกั ษำโรคบำงโรคและมหี ลำยประเทศที่นำสมนุ ไพรไทยไปปลูกและทำกำรค้ำขำยแข่งกับ ประเทศไทย สมุนไพรหลำยชนิดที่เรำส่งออกเป็นรูปของวตั ถุดบิ คอื กระวำน ขม้ินชนั เร่ว เปลำ้ น้อยและ มะขำมเปียกเปน็ ตน้ ซึ่งสมนุ ไพรเหลำ่ นีต้ ลำดต่ำงประเทศยงั คงมคี วำมตอ้ งกำรอีกมำก และในปัจจุบนั กรมวชิ ำกำร เกษตร กรมสง่ เสริมกำรเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ควำมสนใจในกำรศกึ ษำเพม่ิ ขึ้นและมี โครงกำรวจิ ัยบรรจไุ วใ้ นแผนพฒั นำระบบกำรผลติ กำรตลำดและกำรสรำ้ งงำนในแผนพฒั นำเศรษฐกิจและสังคม แห่งชำติ ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๓๐-๒๕๓๔) เพื่อหำควำมเป็นไปได้ในกำรพฒั นำคณุ ภำพและแหล่งปลูกสมนุ ไพรเพื่อ ส่งออก โดยกำหนดชนดิ ของสมนุ ไพรที่มีศักยภำพ ๑๓ ชนดิ คือ มะขำมแขก กำนพลู เทียนเกล็ดหอย ดองดึง เร่ว กระวำน ชะเอมเทศ ขมิ้น จนั ทร์เทศ ใบพลู พรกิ ไทย ดปี ลี และนำ้ ผง้ึ เรอ่ื งที่ ๓ ประโยชนข์ องพชื สมนุ ไพร ๑. ใชเ้ ป็นยำบำบัดรักษำโรค ๒. ใช้เป็นอำหำร ๓. ใชเ้ ป็นอำหำรเสรมิ บำรงุ รำ่ งกำย ๔. ใชข้ ับสำรพษิ ๕. ใช้เปน็ เครอ่ื งดมื่ ๖. ชว่ ยเสรมิ สรำ้ งควำมมนั่ คงทำงด้ำนเศรษฐกจิ ๗. ใชก้ ำจัดหรอื ขับไล่แมลง
ใบความรู้ กิจกรมที่ 2 กิจกรรมปลูกพืชสมุนไพรไว้รอบบ้าน เรื่องที่ ๑ การปลกู และการบารงุ รักษาพชื สมนุ ไพร หลักกำรท่วั ไปของกำรปลูกและบำรุงรักษำพชื ท่ัวไปและพชื สมนุ ไพร ไมแ่ ตกต่ำงกัน แต่ควำมอุดมสมบูรณ์ ของพชื สมุนไพร จะเปน็ เคร่ืองชบ้ี อกคณุ ภำพของสมนุ ไพรได้ พชื สมุนไพรตอ้ งกำรกำรปลูกและบำรงุ รักษำใกล้เคียง กบั ลกั ษณะธรรำชำติของพชื สมนุ ไพรนั้นมำกที่สดุ เช่น ว่ำนหำงจระเข้ ต้องกำรดนิ ปนทรำย และอดุ มสมบรู ณ์ แดด พอเหมำะ หรอื ต้นเหงือกปลำหมอชอบขึน้ ในทดี่ ินเป็นเลน และที่ดินกรอ่ ยชุ่มชื้นเป็นต้น หำกผูป้ ลูกสมนุ ไพรเข้ำใจ ส่ิงเหล่ำน้ีจะทำใหส้ ำมำรถเลอื กวิธีปลกู และจัดสภำพแวดลอ้ มของต้นไม้ไดเ้ หมำะกับพืชสมุนไพร ก็จะเจรญิ เตบิ โต ได้ เป็นผลทำให้คณุ ภำพพชื สมุนไพรทนี่ ำมำรกั ษำโรคมีฤทธ์ดิ ีข้ึนด้วย กำรปลูกและกำรบำรงุ รักษำพชื สมุนไพร โดยอำศยั วธิ ีกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ในประเทศไทย ไมจ่ รงิ จัง เท่ำที่ควร บำงประเทศได้ทดลองเพอื่ หำคำตอบว่ำ สภำพแวดลอ้ มอย่ำงไรจึงจะทำให้สำระสำคญั ในพชื สมุนไพร ชนดิ นน้ั ๆ มำกทสี่ ุด ซึ่งต้องอำศัยควำมร่วมมอื มำกกว่ำหนงึ่ หนว่ ยงำน หรอื กำรหำคำตอบวำ่ วิธีกำรขยำยพนั ธ์ุพืช สมุนไพรแต่ละชนิด จะทำอย่ำงไรจงึ จะเหมำะสมและประหยดั มำกท่สี ุด ในประเทศไทย หน่วยงำนของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์มีงำนวจิ ยั ดำ้ นนอี้ ยบู่ ำ้ งและกำลงั คน้ ควำ้ ต่อไป กำรปลูก เป็นกำรนำเอำส่วนของพืช เช่น เมลด็ กิ่ง หวั ผ่ำนกำรเพำะหรอื กำรชำ หรอื วิธีกำรอ่ืนๆ ใสล่ ง ในดนิ หรือวสั ดอุ ื่นเพ่อื งอกหรือเจรญิ เติบโตต่อไป กำรปลกู ทำไดห้ ลำยวิธคี ือ กำรปลูกดว้ ยเมล็ดโดยตรง วธิ ีนีไ้ มต่ ้องเพำะเป็นต้นกลำ้ กอ่ น นำเมล็ดมำหว่ำนลงแปลงไดเ้ ลย หลังจำก นนั้ ใช้ดินรว่ นหรือทรำยหยำบโรยทบั บำงๆ รดนำ้ ใหช้ นื้ ตลอดทุกวัน เม่อื เมล็ดงอกเปน็ ตน้ อ่อนจงึ ถอนตน้ ทอ่ี อ่ นแอ ออกเพ่อื ใหม้ ีระยะหำ่ งตำมสมควร ปกติมักใช้ในกำรปลูกผักหรือพชื ลม้ ลกุ และพชื อำยสุ ้ัน เชน่ กะเพรำ โหระพำ ส่วนกำรหยอดลงหลุมโดยตรงมกั ใชก้ บั พืชท่ีมเี มล็ดใหญ่ เชน่ ฟักทอง ละหุ่ง โดยหยอดในแตล่ ะหลุมมำกวำ่ จำนวน ต้อนที่ตอ้ งกำร แลว้ ถอนออกภำยหลัง กำรปลูกด้วยตน้ กล้ำหรือกงิ่ ชำ ปลกู โดยกำรนำเมล็ด หรอื ก่ิงชำปลูกให้แขง็ แรงดีในถงุ พลำสติกหรอื ใน กระถำง แลว้ ยำ้ ยปลกู ในพนื้ ที่ทีต่ ้องกำร กำรยำ้ ยต้นออ่ นจำกภำชนะเดมิ ไปยงั พื้นทีท่ ต่ี อ้ งกำร ตอ้ งไม่ทำลำยรำก ถ้ำเปน็ ถุงพลำสตกิ กใ็ ชม้ ีดกรีดถุงออก ถำ้ เปน็ กระถำง ถอดกระถำงออกโดยใช้มือดันรกู ลมท่ีก้นกระถำง ถำ้ ดนิ แนน่ มำก ให้ใช้เสียมเซำะดินแล้วใชน้ ้ำหล่อก่อน จะทำให้ถอนงำ่ ยขึน้ หลมุ ทีเ่ ตรยี มปลูกควรกวำ้ งกว่ำกระถำงหรือ ถงุ พลำสติกเล็กน้อย จงึ ทำให้ต้นอ่อนเจรญิ เตบิ โตไดส้ ะดวก วำงต้นไมใ้ หร้ ะดับรอยตอ่ ระหวำ่ งลำตน้ กับรำกอยู่ เสมอกบั ระดับของขอบหลุมพอดี แล้วกลบด้วยดนิ ร่วนซยุ หรือดินรว่ มปนทรำย กดดนิ ใหแ้ น่นพอประมำณ นำ เศษไมใ้ บหญำ้ มำคลุมไว้รอบโคนตน้ เพือ่ รกั ษำควำมชุ่มช้ืนและปอ้ งกนั แรงกระแทกเวลำรดน้ำ หำไมห้ ลัก ซึ่งสูง มำกกวำ่ ตน้ ไม้มำปกั ไวข้ ้ำงๆ ผูกเชอื กยึดกบั ตน้ ไม้ คอยพยุงมให้ตน้ ไม้ล้มหรือโยกคลอนได้ ปกติใช้กับตน้ ไม้ยืนต้น เชน่ คนู แคบ้ำน ชมุ เห็ดเทศ สะแก ขเี้ หลก็ เปน็ ต้น หรอื ใชก้ บั พันธไ์ุ มท้ ง่ี อกยำกหรือมรี ำคำแพง จงึ จำเปน็ ตอ้ ง เพำะเมลด็ กอ่ น กำรปลูกด้วยหัว ปกตจิ ะมหี วั ทเ่ี กิดจำกรำก และลำต้น เรียกชอ่ื แตกตำ่ งกนั ในท่นี ีจ้ ะรวมเรยี กเปน็ หัว หมด โดยไมแ่ ยกรำยละเอยี ดไว้ สำหรบั กำรปลกู ไม้ประเภทหวั ควรปลูกในทร่ี ะบำยน้ำได้ดี มิฉะนนั้ จะเนำ่ ได้ กำร
ปลูกโดยกำรฝังหวั ให้ลกึ พอประมำณ (ปกติลึกไม่เกิน 3 เทำ่ ของควำมกวำ้ งหวั ) กดดินใหแ้ นน่ พอสมควร คลุมแปลง ปลูกดว้ ยฟำง หรือหญำ้ แห้ง เชน่ กำรปลกู หอม กระเทยี ม เร่อื งที่ ๒ ชนดิ ของพืชสมุนไพร กะเพรา Holy Basil ปลูกเปน็ ผกั สวนครวั หลงั ปลูกอำยุ ๗๐ วนั กเ็ ก็บสว่ นยอดและใบมำทำอำหำรได้ ย่งิ เดด็ ก็ย่ิงแตกยอดใหม่ ทดแทน เมอ่ื ออกดอกควรตัดชอ่ ดอกท่ีแกอ่ อกบำ้ งเพ่อื ช่วยยืดอำยขุ องตน้ เนือ่ งจำกกะเพรำมกี ล่นิ และรสท่รี นุ แรง จึงช่วยกระตุน้ ต่อมน้ำลำยเรยี กน้ำย่อย นยิ มใชป้ รงุ แต่งกลน่ิ และดับคำวในอำหำรจำนเนอ้ื แกท้ อ้ งอืดทอ้ งเฟ้อ ใน แง่คณุ คำ่ ทำงอำหำร มีเบต้ำแคโรทีนสูง เสรมิ ด้วยแคลเซยี มและฟอสฟอรสั ช่วยบำรงุ กระดกู และฟนั รวมทังั ใช้เปน็ นำ้ มนั หอมระเหยใช้หยดในอ่ำงอำบนำ้ มกี ลิน่ ที่หอมสดชนื่ กะเพรำะทีน่ ิยมปลกู มีทงั้ กะเพรำะขำว ซ่ึงมีใบสีเขียว และกะเพรำะแดงท่ีมีใบสมี ่วงเข้มแกมน้ำตำล วธิ กี ำรปลูก (เพำะเมล็ด) หวำ่ นเมล็ดให้ทัว่ แปลง ใชฟ้ ำงกลบ หรือปุ๋ยคอกโรยทบั บำงๆ รดนำ้ ตำมทนั ที ควรใชฟ้ ักบวั รดน้ำต้นไมร้ ู เล็กๆ จำกนัน้ อกี ประมำณ ๗ วัน เมลด็ จะงอกเปน็ ตน้ กลำ้ รอจนต้นกลำ้ อำยุ ๑ เดือน ก็ค่อยๆ ถอนแยกจัดระยะ ต้นให้มีระยะห่ำงระหวำ่ งตน้ ประมำณ ๒๐-๓๐ เซนติเมตร เม่ือต้นกลำ้ โตเตม็ ที่กเ็ ก็บใบมำรับประทำน ตะไคร้ Lemongrass ปลูกเป็นผักสวนครวั ทง้ั ปลกู ลงดินและปลกู ในภำชนะ ใช้ปรุงกล่ินแกงหรอื ยำใหห้ อม ควำมหอมจำก น้ำมนั หอมระเหยมคี ุณสมบตั ิลดกำรบีบตัวของลำไส้ แกจ้ ุกเสียดแนน่ ท้อง ควรกินเสริมกันไปในอำหำรให้สมดุล กลนิ่ หอมของตะไคร้ยังช่วยไล่ยุงไลแ่ มลงบำงชนดิ ไดด้ ้วย
วิธกี ำรปลกู (ปกั ชำ) เตรียมแปลงโดยกำรไถพรวนดนิ ตำกแดด ๗-๑๐ วันและโรย ปูนขำวเพ่ือปรับสภำพดินขุดหลมุ ปลูกขนำด ๒๕x๒๕x๒๕ เซนตเิ มตร ใสป่ ๋ยุ คอกเกำ่ รองกน้ หลมุ ไปพรอ้ มๆกบั กำรพรวนดนิ ใชร้ ะยะหำ่ ง ระหวำ่ งต้น ๑ เมตร จะไดต้ ะไคร้ที่ลำต้นและหวั อวบใหญ่ แตถ่ ำ้ หำก ปลกู ชดิ กว่ำน้ีตน้ ตะไคร้จะไม่อวบ ลำตน้ จะผอมสูงปักเหง้ำตะไคร้ลง ดนิ ให้มีลกั ษณะเอียง ๔๕ องศำ ลกึ ๕ เซนติเมตร จำนวนหลุมละ ๒ ตน้ จำกนน้ั รดนำ้ ให้ช่มุ บรเิ วณหลมุ ปลกู ขา่ Greater Galangal ขำ่ ปลูกเปน็ ผักสวนครัว ในงำนจัดสวนสำมำรถปลูกประดบั แปลงตำมแนวรั้วได้ มสี รรพคุณเปน็ ได้ทั้ง อำหำรและยำ ทกุ สว่ นของต้นมีน้ำมันหอมระเหย โดยเฉพำะเหง้ำท่ใี ช้ปรุงแกง ช่วยดับกลิ่นคำวเนือ้ สัตว์ทำให้แกงมี กลิ่นหอมชวนกนิ ขำ่ อ่อนและดอกมรี สเผ็ดซำ่ กนิ ได้อรอ่ ยเชน่ กนั นอกจำกนยี้ ังช่วยขับลม แก้ทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ แน่น จุกเสยี ด วิธกี ำรปลูก (ปักชำ) ในกำรปลูกข่ำเรำตอ้ งใชเ้ หง้ำในกำรขยำยพันธ์ไุ ปเรือ่ ยๆ ควรใช้ เหงำ้ ที่มีลกั ษณะแกจ่ ัด เพรำะถำ้ ใชเ้ หง้ำอ่อนจะงอกไดช้ ำ้ ลำ้ งเหงำ้ ให้ สะอำดและตดั แต่งให้เรียบร้อยกอ่ นท่ีจะปลกู ลงดิน หลงั จำกทีท่ ำกำร เตรียมดนิ เรยี บร้อยแล้วก็สำมำรถเอำเหง้ำของข่ำปลกู ลงไปในดินไดเ้ ลย สำหรบั กำรกลบดนิ นน้ั ควรจะนำใบไมแ้ ห้งมำกลบเอำไวด้ ้วยเพื่อรักษำ ควำมชนื้ ต้นกลำ้ จะไดโ้ ตเร็ว กำรกลบดินควรกลบข้นึ มำให้นูนเลก็ น้อย เพรำะหลังจำกกำรปลกู แลว้ ตอ้ งรดน้ำทันที ดนิ กส็ ำมำรถยุบตัวลงไปได้อีก ขิง Ginger ยอดออ่ นกนิ เป็นผกั สดกับอำหำรรสจัดต่ำง ๆ และใชเ้ ปน็ สำรกนั บูดกนั หืนไดด้ ี มีมำกในฤดูฝน เหงำ้ อ่อน ใชป้ รุงอำหำร ช่วยดับกลิน่ คำวของเน้ือสัตวโ์ ดยเฉพำะเน้ือปลำ เหง้ำขิงและใบขิงมรี สเผ็ดรอ้ น ช่วยขับลมใน กระเพำะอำหำร แกท้ อ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ ท่เี กดิ จำกอำหำรไม่ยอ่ ย รวมถึงแกอ้ ำกำรเมำรถ ไมเกรน ลดคอเลสเตอรอล และอำกำรปวดตำมข้อได้ด้วย หน่อออ่ นของขงิ จะมีรสเผ็ดรอ้ นควรขดุ ข้ึนมำหลงั จำกต้นเร่ิมแตกหน่อ ๓ – ๕ เดือน วิธีกำรปลกู (ปกั ชำ)
ขงิ ขยำยพันธุ์ได้โดยใช้เหงำ้ มักใชว้ ธิ ีกำรยกรอ่ งปลูกเพื่อให้มกี ำรระบำยน้ำดี ระยะหำ่ งระหวำ่ งสนั รอ่ ง ประมำณ ๕๐ – ๗๐ เซนตเิ มตร และสงู ประมำณ ๑๕ – ๒๕ เซนติเมตร ควำมยำวของรอ่ งไม่แนน่ อน ขึ้นอยกู่ บั ควำมเหมำะสมและขนำดของทด่ี ิน กำรปลกู ขิงทำได้โดย ๑.วำงท่อนพันธลุ์ งในหลมุ ลกึ ประมำณ ๔ – ๕ เซนติเมตร หลมุ ละ ๑ ทอ่ น ระยะหำ่ งระหว่ำงหลมุ ประมำณ ๒๕ – ๓๕ เซนติเมตร ๒.ขิงท่ีใช้ทำพนั ธ์ุควรเป็นขงิ แกอ่ ำยุประมำณ ๑๐ – ๑๒ เดือน กอ่ นนำมำปลูกให้เอำขิงไปผึ่งไว้ในทีร่ ่มแหง้ และมีอำกำศถ่ำยเทไดส้ ะดวก เพอื่ ให้เหมำะตอ่ กำรขยำยพันธต์ุ ่อไป ๓.นำท่อนพนั ธมุ์ ำหัน่ เปน็ ท่อน แตล่ ะทอ่ นยำวประมำณ ๒ นิว้ ซงึ่ ประกอบด้วยตำประมำณ ๒ – ๓ ตำ จำกนนั้ ไปแชน่ ำ้ ยำป้องกันโรครำกเนำ่ และเชอื้ รำ ประมำณ ๑๐ นำที ๔.แล้วนำไปผ่ึงใหแ้ หง้ อกี ครงั้ หน่ึงกอ่ นทจี่ ะเอำไปปลูก สะระแหน่ Marsh mint สะระแหนป่ ลูกเป็นไมค้ ลมุ ดินหรอื ไม้กระถำง เป็นไมล้ ม้ ลกุ อำยุหลำยปี ใบใชโ้ รยหนำ้ อำหำรรสจัด เชน่ ลำบ กอ้ ย พลำ่ นำ้ ตก เพอื่ ดับกลิ่นคำวและปรงุ แต่งกลิน่ อำหำรใหน้ ำ่ กินย่ิงขน้ึ ใบทำให้ช่มุ คอ เป็นยำขบั ลม ถอนพษิ ไข้ ปวด ศรี ษะ ตำแดง แกเ้ จ็บคอ ตำพอกหรือทำแกป้ วดบวม ผน่ื คนั วิธกี ำรปลกู (ปักชำ) เลอื กกิ่งสะระแหนท่ ไี่ มแ่ ก่หรอื อ่อนเกนิ ไปปกั จ้ิมลงไปในแปลงเพำะชำ หรอื แปลงปลูกปกั ให้กง่ิ เอนทำบกบั ดนิ รดน้ำให้ชุ่มแตอ่ ย่ำให้ถึงกบั แฉะแล้วโรย แกลบทับกลบดนิ เพอ่ื รกั ษำควำมชมุ่ ชืน่ ให้หน้ำดิน และเม่อื แกลบผุกจ็ ะกลำย เปน็ ปุ๋ยตอ่ ไป ประมำณ 4-5 วนั ก็จะแตกใบ แตกยอดเล้ือยคลมุ ดนิ ชา้ พลู Wild Betal Leaf ปลูกเลยี้ งงำ่ ย นิยมปลกู เปน็ ไม้คลมุ ดนิ ใบมีกล่ินหอม รสเผด็ เลก็ น้อย นิยมกินเป็นผักสด หอ่ เมีย่ งคำ กิน กบั สม้ ตำ ลำบ ซอยใส่ข้ำวยำและแกงค่ัว หรอื ใสแ่ กงเนอ้ื สัตว์เพือ่ ดับคำว เชน่ แกงคว่ั หอยขม แกงอ่อม ใบช้ำพลมู ี สรรพคุณบำรงุ ธำตุ ขับเสมหะ ช่วยเจริญอำหำร ขับลมในลำไส้ และมสี ำรต้ำนมะเร็ง แต่มีแคลเซียมออกซำเลตสูง ควรกนิ ร่วมกบั เนอื้ สตั ว์ จะช่วยปอ้ งกันนิว่ ในไต วิธีกำรปลูก (ปกั ชำ) ใช้วธิ ีขยำยพนั ธด์ุ ้วยกำรตดั หรอื เดด็ กิ่งก้ำนส่วนยอดของต้นชำ้ พลมู ำทำกำรปกั ชำในดินร่วนซยุ โดยใหม้ ีใบ ตดิ อยู่สัก ๒-๓ ใบ แต่ละกิง่ กำ้ นท่ีปักชำใหม้ รี ะยะห่ำงกันรำว ๑๐-๑๕ เซนติเมตร วำงกระถำงปลกู ในทร่ี ม่ รำไร
และหม่ันรดน้ำพรวนดนิ ทกุ วนั วันละ ๑ คร้ัง จำกน้นั ช้ำพลูก็จะออกรำกและเตบิ โตเปน็ ต้นภำยใน ๑-๒ เดอื น เม่อื โตเต็มที่สำมำรถยำ้ ยลงดินได้ สะเดา Siamese Neem Tree นยิ มปลกู ประดบั บำ้ นท่ีมีบรเิ วณกว้ำง ยอดและชอ่ ดอกอ่อนกินเป็นผกั สดกบั นำ้ ปลำหวำนค่กู บั ปลำดุกย่ำง นำ้ พริก อำหำรรสจดั ต่ำง ๆ มีรสขมควรลวกหรือต้มในนำ้ ข้ำวเดอื ด ๆ บำ้ งก็ยำ่ งไฟให้สลดเพ่ือลดควำมขม ยอด อ่อนชว่ ยบำรุงน้ำดี เรียกน้ำยอ่ ย ใหแ้ คลเซยี ม ธำตุเหลก็ วิตำมินเอ วติ ำมินซี ไนอะซิน และใยอำหำรสูง มีเฉพำะ ช่วงปลำยหน้ำหนำวเขำ้ หน้ำรอ้ นเทำ่ นน้ั วธิ กี ำรปลกู (เพำะเมล็ด) หลังจำกขุดหลุมปลกู แล้ว ใหต้ ำกดนิ ประมำณ ๑ สปั ดำห์ เพื่อฆ่ำเชือ้ โรคในดินแลว้ จึงใส่ปยุ๋ รอ็ คฟอสเฟสรองก้นหลมุ อัตรำ ๑๕๐ – ๒๐๐ กรัมตอ่ หลุม หรอื ครึ่งกระปอ๋ งนม นำกลำ้ ไมท้ ่เี ตรยี มไว้ ย้ำยลงปลกู ขนำดกล้ำไมท้ ่ีเหมำะสมควรสูง ๘-๑๒ นว้ิ อำยปุ ระมำณ ๔-๕ เดือน ควรปลูกในฤดูฝน ฉกี ถุงพลำสตกิ ใสก่ ล้ำออก วำงกลำ้ ลง ตรงกลำงหลมุ กลบดินและกดรอบๆ โคนตน้ ใหแ้ น่น ถวั่ พู Gon Bean ปลูกเปน็ ผักสวนครัว โดยปกั ค้ำงหรอื ทำรว้ั สูง 1 – 1.20 เมตร ให้ตน้ เลื้อยพัน เพรำะระบบรำกตื้น หลัง ปลกู อำยุ 40 วนั หรือหลังดอกบำน 15 วัน ทยอยเกบ็ ฝักอ่อนเรือ่ ยๆ จนตน้ โทรมแล้วรื้อทง้ิ หัวใต้ดินจะแตกต้น ใหม่ต่อไป ถ่ัวพกู นิ ไดเ้ กือบทงั้ ตน้ ตัง้ แต่ยอด ใบออ่ น ดอก แมก้ ระท่ังหวั ใตด้ นิ โดยท่ีดอกและยอดใช้แกงส้มหรอื ตม้ จดื เหมือนตำลึง ฝักกินทงั้ สดและลวกจิ้มน้ำพรกิ หรอื ยำถว่ั พู หัวแกใ่ ช้เชอื่ มเปน็ ของหวำนหรอื เผำรบั ประทำน เช่นเดยี วกบั มนั เทศหรือมนั สำปะหลงั อดุ มไปด้วยแคลเซยี ม วิตำมนิ เอ บี1 ซี และมโี ปรตนี สงู ด้ำนสมนุ ไพร ชว่ ย บำรุงกำลัง แกอ้ อ่ นเพลยี บรรเทำอำกำรปวดเมือ่ ย แกต้ ัวรอ้ น ลดไข้ วธิ ีกำรปลกู (เพำะเมล็ด) ๑. เนอ่ื งจำกเมล็ดถว่ั พเู ป็นเมล็ดทีแ่ ขง็ จึงตอ้ งนำไปแช่ ในน้ำอุน่ อณุ หภมู ทิ ส่ี ำมำรถนำมอื แช่ได้นำน ๒. นำผำ้ ขำวบำงมำหอ่ เมล็ดถ่ัวพู ทงิ้ ไวใ้ นบริเวณทม่ี ีควำมช้ืน เช่นในหอ้ งน้ำ เป็นเวลำ ๓ คนื ๓. กำรเตรยี มดนิ และปลกู ไถยกร่องแล้วใส่ปุย๋ คอกมำรองพนื้ ในหลุมที่จะปลกู ระยะหำ่ งระหวำ่ งแถวควรใหห้ ำ่ งประมำณ ๒ เมตร และระหว่ำงต้นควรห่ำงประมำณ ๑ เมตร ๔. นำไม้คำ้ งมำปกั ไว้เพื่อใหถ้ ัว่ พูเลื้อยขึน้ ได้ ในหนึง่ หลุมควร ใสเ่ มล็ด ๒-๓ เมล็ด ประมำณ ๕ วันถว่ั พเู ริม่ งอก อำยุ ๗๐ – ๘๐ วนั สำมำรถเกบ็ เกีย่ วได้ ๕. รดน้ำทกุ วันเช้ำเย็น ใส่ปุย๋ ชวี ภำพและฉีดสมุนไพรไลแ่ มลงทกุ ๆ ๗ วนั
โหระพา Basil จดั เป็นพชื ผักท่ีอยู่ในกลุม่ เดียวกนั กับกะเพรำ และแมงลัก แตใ่ บจะมีกล่ินหอมเฉพำะตวั จึงทำใหน้ ยิ มนำมำ ปรงุ อำหำรหลำยชนิดเพ่อื ใหอ้ ำหำรมีกลนิ่ หอม และชว่ ยดบั กล่นิ คำว รวมถงึ กำรกนิ สดคกู่ บั อำหำรชนิดอนื่ นอกจำกนัน้ ใบโหระพำจะมีนำ้ มนั หอมระเหยจำนวนมำก สำมำรถนำใบไปสกดั น้ำมันหอมระเหยเพอ่ื ใชป้ ระโยชน์ ในดำ้ นอตุ สำหกรรมอำหำร และเครอ่ื งสำอำงไดเ้ ช่นกนั วธิ กี ำรปลูก (เพำะเมล็ด) ๑. ใช้จอบขดุ ดินลึกประมำณ ๑๕ – ๒๐ ซม. หรอื ๑ หนำ้ จอบ ๒. ใสป่ ยุ๋ คอกหรือปุ๋ยหมกั ลงแปลงกว้ำง ๑ เมตร ควำมยำวแล้วแต่ขนำดแปลง ๓. ขดุ หลุมปลูกขนำดลกึ ๑/๒ หน้ำจอบ ใชร้ ะยะห่ำงระหวำ่ งตน้ ๓๐ ซม. ระหว่ำงแถว ๖๐ ซม. ๔. นำต้นกล้ำลงปลกู ในหลุมแล้วรดน้ำตำม
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: