กสกิ รรมธรรมชาติ กสกิ รรมธรรมชาติ ศูนยศ์ กึ ษาและพัฒนาชุมชนลาปาง
เนื้อหำวชิ ำ วชิ ำ ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง “ทฤษฎบี นั ได ๙ ข้นั ส่คู วำมพอเพียง ๑. ทฤษฎบี ันได ๙ ขัน้ การไปสู่ความพอเพียง ตามแนวทางศาสตร์พระราชา เน้นการเริ่มต้นที่การทาเพื่อ พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็น โดยเริ่มที่ตัวเราเอง \"พอ\" ก่อน ต่อเมื่อมีเหลือแล้วจึงขยายต่อไป แบ่งเป็นข้ัน พื้นฐาน 4 ขั้น และข้นั ก้าวหนา้ อีก 5 ข้ัน รวมเปน็ บนั ได 9 ขนั้ สคู่ วามพอเพียงท่ีย่ังยืน บนั ไดขน้ั ที่ ๑-๔ คอื เศรษฐกจิ พอเพยี งขัน้ พ้ืนฐำน ขัน้ ท่ี ๑ พอกนิ พ้นื ฐานท่ีสดุ ของมนุษย์ คือ ความต้องการปัจจัย ๔ และประการสาคัญท่ีสุดของปัจจัย ๔ คือ อาหาร ข้ันท่ี ๑ ของแนวทางแก้ปัญหาที่ย่ังยืนคือ ตอบคาถามให้ได้ว่า “ทาอย่างไรจึงจะพอกิน” โดยให้ ความสาคัญกับ ข้าวปลาอาหาร ไม่ให้ความสาคัญกับเงนิ ซ่ึงเป็นเพียงแค่ “ตัวกลาง” ในการแลกเปลี่ยนตาม มาตรฐานสากล โดยยึดหลักว่า “เงินทองเป็นของมายา ขา้ วปลาสิของจรงิ ” เกษตรกรต้องเริ่มจากการอยู่ใหไ้ ด้ โดยไม่ใช้เงิน มีอาหารพอมี พอกิน ด้วยการปลูกพืช ผัก ผลไม้ ให้พอกิน ชาวนาต้องเก็บข้าวไว้ให้เพียงพอ สาหรบั การมีกินทัง้ ปี ไม่ขายข้าวเปลือกเพื่อนาเงินไปซื้อข้าวสาร นอกจากนั้น หวั ใจสาคัญของ “พอกิน” ยังมี ความหมายรวมไปถงึ ความปลอดภัยในอาหาร กินอยา่ งไรให้มีสุขภาพดี ไม่สะสมเอาความเจ็บไข้ได้ป่วยไว้ใน รา่ งกาย น่ีคือความหมายของบันไดขั้นท่ี ๑ ท่เี กษตรกรต้องก้าวข้ามให้ได้
ข้นั ที่ ๒-๔ พอใช้ พออยู่ พอร่มเยน็ บันไดข้นั ท่ี ๒-๔ พอใช้ พออยู่ พอรม่ เย็น เกิดข้ึนไดพ้ ร้อมกัน ดว้ ยคาตอบเดียวคอื “ปลูกปา่ ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง” ซึ่งป่า ๓ อยา่ งจะให้ท้งั อาหาร เครื่องนุ่งห่ม สมุนไพรสาหรับรกั ษาโรค ทั้งโรคคน โรคพืช โรคสัตว์ ใหไ้ มส้ าหรับทาบ้านพักที่อยู่อาศยั และให้ความรม่ เย็นกบั บ้าน กบั ชุมชน กับโลกใบนี้ ซง่ึ เป็น แนวทางในการแกป้ ัญหาความยากจนของเกษตรกรไทย ซ่ึงได้รับการพิสจู น์แล้ววา่ สามารถแกป้ ญั หาไดจ้ ริง และ ยังสามารถยอ้ นกลับไปแก้ไขปญั หาหนสี้ นิ ซึ่งสะสมพอกพูนจากการทา เกษตรเชิงเดีย่ ว ปญั หาความเสื่อมโทรม ของทรัพยากร ปัญหาความขาดแคลนนา ภัยแล้ง ท้ังหมดล้วนแก้ไขได้จากแนวคิดป่า ๓ อย่างประโยชน์ ๔ อย่างขององคพ์ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ บันไดข้ันท่ี ๕-๙ คือ เศรษฐกจิ พอเพียงข้นั ก้ำวหน้ำ ขน้ั ที่ ๕-๖ บญุ และทำน เครือข่ายเศรษฐกิจพอเพียง เชื่อม่ันว่าสังคมไทยเป็นสังคมบุญ สังคมทาน ไม่เน้นการ แลกเปลย่ี นทางการค้า แต่เน้นการทาบุญ ไม่เน้นการสะสมเป็นของส่วนตัว แต่เน้นการให้ทานและสะสมโดย มอบให้เป็นทรัพยส์ ินส่วนรวมโดยวัด หรอื ศาสนสถานตามแต่ละศาสนาเป็นศนู ย์กลาง เป็นการฝึกจิตใจ ใหล้ ะ ซง่ึ ความโลภ และกเิ ลสในการอยากได้ ใคร่มี ลดปญั หาช่องวา่ งระหวา่ งชนชั้น ตามความหมายอันลึกซ้ึงของคา “Our Loss is Our Gain” หรอื “ยิง่ ทาย่งิ ได้ ยงิ่ ใหย้ ิง่ มี” การให้ไปคอื ไดม้ า และเชือ่ ม่ันในฤทธข์ิ องทาน วา่ ทาน มฤี ทธจ์ิ ริง และจะส่งผลกลับมาเปน็ เพ่อื น เปน็ กลั ยาณมติ ร เป็นเครือข่ายท่ชี ว่ ยเหลือกนั ในทุกสถานการณ์ แม้ ในวนั ทโ่ี ลกนป้ี ระสบกับวิกฤตการณ์ ข้ันที่ ๗ เกบ็ รักษำ ข้ันต่อไปหลังจากสามารถพึ่งตนเองได้ พอมี พอเหลือทาบุญ ทาทานแล้ว คือการรู้จักเก็บ รกั ษา ซง่ึ เป็นการตั้งอยใู่ นความไมป่ ระมาท และการรจู้ ักเกบ็ รักษา ยังเปน็ การสรา้ งรากฐานของการเอาตวั รอด ในเวลาเกดิ วกิ ฤตการณ์ โดยยึดแนวทางตามวิถีชวี ติ ชาวนาสมัยก่อนซง่ึ เก็บรักษาข้าวไว้ในยุ้งฉางเพ่อื ใหพ้ อมกี ิน ข้ามปี คัดเลือกและเกบ็ รักษา “ข้าวพันธุ์” ไว้สาหรบั เป็นพนั ธขุ์ า้ วในปีตอ่ ไป ซ่งึ ผิดกับวิถีชาวนาในปจั จบุ นั ทีใ่ ช้ วิธีการขายข้าวทั้งหมด แลว้ นาเเงนิ ที่ขายได้ไปซื้อพนั ธุ์ขา้ วเพอ่ื ปลกู ในปีตอ่ ไป ส่งผลให้เกิดการขาดความม่นั คง และเปรียบเสมือนการใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางสาย ความประมาท เพราะหากเกิดภัยแล้ง น้าท่วม ผลผลิตไม่ได้ ตามทีต่ ั้งใจไว้ ย่อมหมายถึงปญั หาหนี้สนิ และการขาดแคลนพันธ์ุข้าวสาหรับปลูกในปีตอ่ ไป นอกจากเก็บพนั ธ์ขุ ้าวแลว้ ยงั เน้นให้รู้จักวธิ ีการถนอมอาหาร การสะสม อาหารไวก้ ินในยามหน้าแล้ง ดว้ ยการ แปรรูปอาหารหลากชนิด อาทิ ปลาร้า ปลาแหง้ มะขามเปียก พรกิ แห้ง หอม กระเทยี ม เพ่อื เก็บไว้กินในอนาคต ขนั้ ที่ ๘ ขำย เน่ืองจากเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่เศรษฐกิจการค้า แต่ก็ไม่ใช่เศรษฐกิจหลังเขา การค้าขาย สามารถทาได้ แต่ทาภายใต้การรู้จักตนเอง รู้จักพอประมาณ และทาไปตามลาดับ โดยของที่ขาย คือ ของ ท่ี เหลอื จากทุกขน้ั แลว้ จึงนามาขาย เช่น ทานาอนิ ทรีย์ ปลูกขา้ วปลอดสารเคมี ไมท่ าลายธรรมชาติ ไดผ้ ลผลิตเกบ็ ไวพ้ อกนิ เก็บไว้ทาพันธุ์ ทาบุญ ทาทาน แล้วจึงนามาขายด้วยความรู้สึกของการ “ให้” อยากที่จะใหส้ ง่ิ ดีๆ ท่ีเรา ปลูกเอง เผ่ือแผ่ใหก้ บั คนอ่นื ๆ ได้รับสง่ิ ดๆี นนั้ ๆ ด้วย การค้าขายตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง จึงเปน็ การค้าที่มองกลับดา้ น “เพราะรักคุณจงึ อยากใหค้ ุณได้รับใน สง่ิ ดีๆ” พอเพียงเพอื่ อ้มุ ชู เผ่อื แผ่ แบ่งปัน ไปด้วยกนั ขั้นที่ ๙ (เครอื ) ขำ่ ย กองกำลังเกษตรโยธนิ คือการสรา้ งกองกาลังเกษตรโยธิน หรอื การสร้างเครือขา่ ยเชื่อมโยงทง้ั ประเทศ เพ่ือขยายผล ความ สาเร็จตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง สู่การปฏิวัติแนวคิด และวิถีการดาเนินชีวิตของคนในสังคม ใน
ชมุ ชน เพ่ือการแก้ปัญหาวกิ ฤต ๔ ประการ อันได้แก่ วิกฤตการณ์สิง่ แวดล้อม ภยั ธรรมชาติ (Environmental Crisis) วิกฤตการณ์โรคระบาดทั้งในคน สัตว์ พืช (Epidemic Crisis) วิกฤตเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง (Economic Crisis) วกิ ฤตความขัดแยง้ ทางสังคม/สงคราม (Political/Social Crisis) ๒. ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถงึ แนวการดารงอยแู่ ละปฏบิ ัติตนของประชาชนในทุกระดับ ต้งั แตร่ ะดับครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทงั้ ในการพัฒนาและบริหารประเทศใหด้ าเนินไปในทางสาย กลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความ พอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถงึ ความจาเป็นท่ีจะต้องมีระบบภูมิค้มุ กันในตัวที่ดพี อสมควร ตอ่ การกระทบ ใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก ทงั้ น้ี จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ ระมัดระวังอย่างย่ิงในการนาวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดาเนินการ ทุกขั้นตอน และ ขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสรา้ งพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธรุ กิจ ในทุกระดบั ใหม้ ีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสตั ย์สุจริต และให้มีความรอบรูท้ ่ีเหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความ อดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ท้ังดา้ นวตั ถุ สังคม ส่ิงแวดลอ้ ม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี ควำมหมำยของเศรษฐกจิ พอเพียง จงึ ประกอบดว้ ยคณุ สมบัติ ดังน้ี ๑. ควำมพอประมำณ หมายถึง ความพอดีท่ีไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่ เบยี ดเบียนตนเองและผอู้ ืน่ เชน่ การผลิตและการบรโิ ภคทอี่ ย่ใู นระดบั พอประมาณ ๒. ควำมมเี หตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกยี่ วกับระดับความพอเพียงน้ัน จะต้องเป็นไปอย่าง มีเหตผุ ล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยทเ่ี กี่ยวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทาน้ันๆ อย่างรอบคอบ ๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรบั ผลกระทบและการเปล่ียนแปลงด้านต่างๆ ท่ีจะเกดิ ข้นึ โดยคานงึ ถงึ ความเปน็ ไปได้ของสถานการณ์ตา่ งๆ ท่คี าดว่าจะเกิดขนึ้ ในอนาคต โดยมี เงอ่ื นไขของการตัดสินใจและดาเนินกจิ กรรมต่างๆ ใหอ้ ยูใ่ นระดับพอเพยี ง ๒ ประการ ดงั นี้
๑. เง่ือนไขควำมรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เก่ียวข้องรอบด้าน ความรอบคอบท่ีจะนาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความ ระมัดระวังในการปฏิบตั ิ ๒. เง่ือนไขคณุ ธรรม ทจี่ ะตอ้ งเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนกั ใน คณุ ธรรม มีความ ซื่อสตั ยส์ จุ ริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดาเนินชวี ติ ๓. พระรำชดำริ “ทฤษฎใี หม่” กำรบริหำรจัดกำรตำมข้ันตอน พระราชดาริ “ทฤษฎีใหม่” เปน็ แนวทางหรอื หลักการในการจดั การทรัพยากรระดบั ไร่นาคือที่ดนิ และน้า เพื่อ การเกษตรในท่ีดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการดาเนินการทฤษฎีใหม่ได้พระราชทานขั้นตอน ดาเนนิ งาน ดงั น้ี ทฤษฎีใหม่ขั้นท่ีหน่ึงหรือขั้นต้น สถานะพื้นฐานของเกษตรกร คือ มีพ้ืนที่น้อย ค่อนข้าง ยากจน อยู่ในเขตเกษตรน้าฝนเป็นหลักความมั่นคงของชีวิตและความมั่นคงของชุมชนชนบท เป็นเศรษฐกิจ พ่งึ ตนเองมากขึ้น มีการจัดสรรพื้นทากินและท่ีอยู่อาศัย ใหแ้ บ่งพืน้ ทีอ่ อกเปน็ ๔ ส่วน ตามอตั ราส่วน ๓๐:๓๐: ๓๐:๑๐ ซึ่งหมายถึง พ้ืนท่ีสว่ นที่หนึ่งประมาณ ๓๐% ใหข้ ุดสระเกบ็ กกั น้า เพอ่ื ใช้เกบ็ กักนา้ ฝนในฤดูฝนและใช้ เสริม การปลกู พชื ในฤดูแลง้ ตลอดจนการเลีย้ งสตั ว์น้าและพชื น้าตา่ งๆ (สามารถเล้ียงปลา ปลกู พชื เช่น ผักบุ้ง ผกั กะเฉด ฯ ให้ด้วย) พื้นที่สว่ นท่สี องประมาณ ๓๐% ให้ปลูกข้าวในฤดูฝน เพ่ือใช้เป็นอาหารประจาวันในครัว เรอื นใหเ้ พียงพอตลอดปี เพอื่ ตดั ค่าใชจ้ ่ายและสามารถพึง่ ตนเองได้ พน้ื ท่ีสว่ นที่สามประมาณ ๓๐% ให้ปลูกไม้ ผล ไม้ยืนต้น พชื ผัก พชื ไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพื่อใช้เป็นอาหารประจาวัน หากเหลือบริโภคก็นาไปจาหน่าย และพ้นื ท่ีสว่ นท่ีสี่ประมาณ ๑๐% ใชเ้ ปน็ ทอ่ี ยู่อาศยั เลยี้ งสตั วแ์ ละโรงเรือนอ่ืนๆ (ถนน คนั ดิน กองฟาง ลานตาก กองปุ๋ยหมกั โรงเรอื น โรงเพาะเห็ด คอกสตั ว์ ไม้ดอกไมป้ ระดบั พชื ผักสวนครวั หลงั บ้าน เป็นตน้ )
ทฤษฎีใหม่ข้ันก้ำวหน้ำ เม่ือเกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ลงมือปฏิบัติตามข้ันทหี่ นึ่งใน ทดี่ ินของตนเป็นระยะเวลาพอสมควรจนไดผ้ ลแลว้ เกษตรกรก็จะพัฒนาตนเองจากขน้ั “พออยู่พอกนิ ” ไปสู่ข้ัน “พอมีอันจะกิน” เพ่ือให้มีผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น จึงควรที่จะต้องดาเนินการตามข้ันที่สองและข้ันที่สามต่อไป ตามลาดับ ทฤษฎีใหมข่ ั้นท่ี ๒ หรอื ข้ันกลำง เมื่อเกษตรกรเขา้ ใจในหลกั การและได้ปฏิบัตใิ นท่ีดินของตน จนได้ผลแล้ว ก็ต้องเริ่มข้ันท่ีสอง คือให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่ม หรือ สหกรณ์ ร่วมแรง ร่วมใจกัน ดาเนินการในด้าน ๑. กำรผลิต เกษตรกรจะต้องร่วมมือในการผลิตโดยเร่ิมตัง้ แต่ ขัน้ เตรียมดิน การหาพันธุ์พืช ป๋ยุ การหานา้ และอืน่ ๆ เพือ่ การเพาะปลูก ๒. กำรตลำด เม่ือมีผลผลิตแล้ว จะตอ้ งเตรียมการต่างๆ เพ่ือการขายผลผลิตให้ได้ประโยชน์ สูงสดุ เช่น การเตรียมลาดตากข้าวรว่ มกัน การจัดหายงุ้ รวบรวมข้าว เตรียมหาเครื่องสขี า้ ว ตลอดจนการรวมกนั ขายผลผลติ ใหไ้ ดร้ าคดีและลดค่าใชจ้ า่ ยลงดว้ ย ๓. ควำมเป็นอยู่ ในขณะเดียวกันเกษตรกรต้องมีความเป็นอยู่ท่ีดีพอสมควร โดยมี ปจั จยั พ้นื ฐานในการดารงชวี ติ เชน่ อาหารการกินต่างๆ กะปิ นา้ ปลา เสื้อผ้า ทพี่ อเพียง ๔. สวัสดิกำร แตล่ ะชุมชนควรมีสวัสดิการและบริการที่จาเปน็ เช่น มีสถานีอนามัยเม่ือยาม ป่วยไข้ หรือมีกองทุนไวใ้ หก้ ้ยู มื เพอื่ ประโยชนใ์ นกิจกรรมตา่ ง ๆ ๕. กำรศึกษำ มีโรงเรียนและชุมชนมีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษา เช่น มีกองทุนเพ่ือ การศกึ ษาเลา่ เรยี นใหแ้ กเ่ ยาวชนของชมุ ชนเอง ๖. สงั คมและศำสนำ ชมุ ชนควรเปน็ ศนู ย์กลางในการพัฒนาสังคมและจิตใจ โดยมศี าสนาเป็น ทีย่ ึดเหนีย่ ว กิจกรรมท้ังหมดดงั กล่าวข้างตน้ จะต้องได้รับความร่วมมอื จากทุกฝา่ ยทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ไมว่ ่าสว่ นราชการ องค์กรเอกชน ตลอดจนสมาชิกในชุมชนนั้นเปน็ สาคญั ทฤษฎใี หม่ขนั้ ที่ ๓ หรือขน้ั ก้ำวหนำ้ เมอื่ ดาเนนิ การผา่ พน้ ขั้นทส่ี องแล้ว เกษตรกรจะมรี ายได้ ดีขึ้น ฐานะม่ังคงข้ึน เกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรก็ควรพัฒนาก้าวหน้าไปสู่ข้ันที่สามต่อไป คือ ติดต่อ ประสานงาน เพื่อจัดหาทุนหรือแหล่งเงิน เช่น ธนาคาร หรือบริษัทห้างร้านเอกชน มาช่วยในการทาธุรกิจ การลงทนุ และพฒั นาคุณภาพชีวติ ทงั้ น้ี ท้งั ฝา่ ยเกษตรกรและฝ่ายธนาคารกบั บริษทั จะไดร้ บั ประโยชนร์ ว่ มกนั
ระบอบท คอื อะไร เราเข
ทนุ นยิ ม ขา้ ใจวา่ อยา่ งไร
ระบอบสงั คืออะไร เราเข
งคมนยิ ม ขา้ ใจว่าอยา่ งไร
เศรษฐกิจพ คอื อะไร เราเข
พอเพยี ง ขา้ ใจว่าอยา่ งไร
300 กว่าปี องั กฤษ ADAM SMITH ป่ า ทำลำยธรรมช ดนิ นำ้ อำกำศ
ทุนนิยม แข่งขันเสรี เงิน + วตั ถุนิยม ชำติ โกง อกตญั ญู เอาเปรียบ 2504
25 แผนพฒั นาเศรษฐก งานค เงนิ คอื บนั ดา ทาลายธรรมชาติ เอาเปร
504 กจิ แหง่ ชาตฉิ บบั ที่ ๑ คอื เงนิ องาน าลสุข รียบ อกตญั ญู โกง
ทำลำยธรรมชำติ อกตญั ญู
เอาเปรียบ โกง
100 กว่าปี เยอรมนั KARL MARX
สังคมนิยม (คอมมวิ นิสต)์ ยดึ ทรัพย์ รัฐ ยดึ กจิ กำร รัฐ ไม่เอำควำมเจริญ กระจำยรำยได้
สงครำมเวยี ดนำม (พ.ศ. 2498-2518) เก แนวคดิ ต่ำงข้วั สหรัฐอเมริกำพยำยำมสกดั ก้นั “คอ -เวยี ดนำมเหนือมจี นี สหภำพโซเวยี ตและพนั ธมติ ร -เวยี ดนำมใต้มสี หรัฐและประเทศประชำธิปไตยสน สหรัฐเข้ำมำเกย่ี วข้องกบั ควำมขดั แย้งใน นโยบำยสกดั ก้นั กำรขยำยตัวของคอมมวิ นิสต์ในเอ ตะวนั ออกเฉียงใต้ท้งั หมดจะตกอยู่ใต้อทิ ธิพลของป รัฐบำลไทยเช่ือว่ำ เวยี ดนำมเหนือต้องกำ กำรสนับสนุนจำกจนี ด้วยรุกเข้ำไปในดนิ แดนลำวข เผยแพร่อทิ ธิพลคอมมวิ นิสต์ในหมู่ชำวเวยี ดนำมใน ช่วยเหลือด้ำนกำรทหำรและอื่นๆ จำกสหรัฐ สหรัฐเห็นคณุ ค่าทางยทุ ธศาสตร์ของไท ค่ำใช้จ่ำยด้ำนกำรทหำร ทำให้ได้รับบทบำทกำรเป็ น ท่ีต้งั อุปกรณ์สืบรำชกำรลบั และศูนย์พกั ผ่อนและพ ไทย 7 แห่ง คือ ดอนเมือง โครำช นครพนม ตำคลี อ ของสหรัฐในเวยี ดนำมประมำณ 80% มำจำกฐำนท
กดิ ขนึ้ ในช่วงของกำรแข่งขนั อำนำจระหว่ำงสอง อมมวิ นิสต์” ทุกวถิ ที ำง รคอมมวิ นิสต์สนับสนุน นับสนุน นเวยี ดนำมต้ังแต่หลังสงครำมโลกคร้ังท่ี 2 ตำม อเชีย เพรำะเห็นว่ำถ้ำไม่รบในเวยี ดนำม เอเชีย ประเทศฝ่ ำยคอมมวิ นิสต์ ำรขยำยอทิ ธิพลคอมมวิ นิสต์เข้ำมำไทยโดยได้รับ ของกองกำลังคอมมวิ นิสต์เวยี ดนำมและกำร นภำคอีสำนของไทย ขณะเดยี วกนั กค็ ำดหวงั ควำม ทย ท่ตี ้งั อยู่ใกล้สมรภูมสิ ำมำรถช่วยประหยดั นผู้ให้บริกำรสหรัฐใน 3 ด้ำน คือ กำรให้ท่ีต้ังฐำนทพั , พกั ฟื้ นของทหำรอเมริกนั สหรัฐได้สิทธิใช้ฐำนทพั ใน อบุ ลรำชธำนี และอุดรธำนี ท้ังคำดว่ำกำรทิง้ ระเบดิ ทพั ในไทย, มที หำรอเมริกนั หลำยหมื่นนำยอยู่ในไทย
25 ในหลวง ร.9 มีพระราชดารัสเร่ือง วนั ท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2540 ในหลวง ร.9 มีพร พอเพียง เพ่ือเป็นแนวทางการแกไ้ ขว แผนพฒั นำเศรษฐกจิ และสังคมแห่ง ไดอ้ ญั เชิญ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ตา แนวทางในการพฒั นาแ ยดึ ทางสายกลาง ความพอประมาณ
517 หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระราชดารสั เร่ือง หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ วิกฤตการณท์ างการเงินในเอเชีย งชำติ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2545-2549) ามพระราชดารัสของในหลวง ร.9 มาเป็น และบริหารประเทศ รอดพน้ วกิ ฤติและ ความมีเหตุผล นาไปสู่การพฒั นาท่ียงั่ ยนื
ท.ฤษฎีบนั ได 9 ขนั้ สคู่ วำ พอเพียง ม่งั ค่งั ย่งั ยืน เก ทาน -ขนั้ กำ้ วหนำ้ บุญ พ ขัน้ พนื้ ฐาน พอกิน พ
ำมพอเพียง กองกำลงั เกษตรโยธิน ข่าย เครอื ขำ่ ย ขาย ม่งั ค่งั ย่งั ยืน ก็บ เคลด็ ลบั วชิ ำ ภมู ิ ใจรูจ้ กั พปอัญเญมำตตำ เอือ้ เฟื้อ พระ พอ่ แม่ ครู ญำติผใู้ หญ่ พอใช้ พออยู่ พอรม่ เย็น
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: