Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานวิชาหน้าที่พลเมือง

โครงงานวิชาหน้าที่พลเมือง

Published by monthakanmxnk, 2022-02-07 18:26:25

Description: โครงงานวิชาหน้าที่พลเมือง

Search

Read the Text Version

โครงงานวชิ าหน้าทพ่ี ลเมือง เร่ือง อาหารไทย กล่มุ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 1.นายชนวรี ์ จดั ทาโดย เลขท1ี่ ก 2.นายธนภัทร เลขท3ี่ ก 3.นายธรี ะเทพ ทองสามสี เลขท5ี่ ก 4.นายพลพจน์ ศรีวเิ ชียร เลขท6่ี ก 5.นายภูพพิ ฒั น์ โชติกาวฒั น์ เลขท7่ี ก 6.นางสาวมนทกานต์ โพธ์ดิ ารงชัย เลขท1่ี 2ข 7.นางสาววรินทร ธรรมวงษ์ศรี เลขท1ี่ 5ข 8.นางสาวสุชาดา วงษ์ถาวร เลขท1ี่ 6ข ทองกร กลุ รักษา ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 5/5 รายวชิ าหน้าทพี่ ลเมือง ภาคเรียนท2่ี ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 8

เกยี่ วกบั โครงงาน โครงงานวชิ าหน้าทพี่ ลเมือง เรื่อง อาหารไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ผ้จู ัดทา 1.นายชนวรี ์ ทองสามสี เลขท่ี1ก 2.นายธนภทั ร ศรีวเิ ชียร เลขที่3ก 3.นายธีระเทพ โชติกาวฒั น์ เลขท่ี5ก 4.นายพลพจน์ โพธ์ิดารงชยั เลขท่ี6ก 5.นายภูพิพฒั น์ ธรรมวงษศ์ รี เลขที่7ก 6.นางสาวมนทกานต์ วงษถ์ าวร เลขท่ี12ข 7.นางสาววรินทร ทองกร เลขที่15ข 8.นางสาวสุขาดา กลุ รักษา เลขที่16ข ครูทปี่ รึษา อาจารยส์ มญั ญา เกิดผล สถานศึกษา โรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ อาเภอเมืองราชบุรี สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 8 ปี การศึกษา 2564

กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานน้ีสาเร็จข้ึนไดด้ ว้ ยความอนุเคราะห์ของคุณครูสมญั ญา เกิดผล ครูผสู้ อนที่ไดใ้ หค้ วามรู้ คาแนะนา และแกไ้ ขขอ้ บกพร่องตา่ งๆ เพือ่ ใหก้ ารเขียนรายงานคน้ ควา้ อยา่ งอิสระฉบบั น้ีสมบูรณ์ที่สุด ผู้ ศึกษาใคร่ขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูงไว้ ณ โอกาสน้ี และ ขอขอบคุณเพอื่ นๆ ท่ีใหก้ ารสนบั สนุนและช่วยเหลือในดา้ นต่างๆตลอดจนกาลงั ใจ ทาใหโ้ ครงงานน้ีสาเร็จลุล่วงไปไดด้ ว้ ยดี ในการศึกษาคน้ ควา้ ตลอดเวลาทา้ ยท่ีสุดน้ีผจู้ ดั ทาหวงั เป็ นอยา่ งยงิ่ วา่ โครงงานน้ีจะเป็ นประโยชน์ตอ่ การศึกษาอาหารไทยของผสู้ นใจต่อไป คณะผจู้ ดั ทา นายชนวรี ์ ทองสามสี นายธนภทั ร ศรีวเิ ชียร นายธีระเทพ ชติกาวฒั น์ นายพลพจน์ โพธ์ิดารงชยั นายภูพพิ ฒั น์ ธรรมวงษศ์ รี นางสาวมนทกานต์ วงษถ์ าวร นางสาววรินทร ทองกร นางสาวสุขาดา กุลรักษา

ช่ือโครงงาน : อาหารไทย ผ้จู ัดทาโครงงาน : นายชนวรี ์ ทองสามสี ช้ัน ครูทปี่ รึกษาโครงงาน นายธนภทั ร ศรีวเิ ชียร ปี การศึกษา นายธีระเทพ ชติกาวฒั น์ นายพลพจน์ โพธ์ิดารงชยั นายภูพิพฒั น์ ธรรมวงษศ์ รี นางสาวมนทกานต์ วงษถ์ าวร นางสาววรินทร ทองกร นางสาวสุขาดา กุลรักษา : มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5 : อาจารยส์ มญั ญา เกิดผล : 2564 บทคัดย่อ การจดั ทาโครงงานในคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื เป็นการใหค้ วามรู้แกผทู้ ี่สนใจและเน่ืองจากใน ปัจจุบนั น้ีอาหารไทยไดร้ ับการกล่าวขานจากทุกประเทศทว่ั โลกวา่ เป็นอาหารท่ีมีความอร่อยจึงทาใหอ้ าหาร ไทยเป็นท่ีนิยมของท้งั ชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจานวนมาก ซ่ึงจะเห็นไดจ้ ากการมีร้านอาหารไทยตาม ประเทศตา่ งๆทวั่ โลก และการท่ีชาวตา่ งชาติเดินทางเขา้ สู่ประเทศเพื่อรับประทานอาหารไทย อนั เป็ นผลทา ใหเ้ กิดรายไดเ้ ขา้ สู่ประเทศอยา่ งมากมาย ซ่ึงถือเป็นรายไดท้ ี่สาคญั อยา่ งหน่ึงของประเทศเลยทีเดียว ดงั น้นั ผจู้ ดั ทาจึงไดจ้ ดั ทาโครงงาน เร่ืองอาหารไทย เพื่อเผยแพร่ความรู้ในเรื่องอาหารไทยใหเ้ ป็น ประโยชน์ต่อผทู้ ่ีสนใจศึกษาตอ่ ไป

สารบญั เร่ือง หน้า เกี่ยวกบั โครงงาน ก กิตติกรรมประกาศ ข บทคดั ยอ่ ค บทที่1 บทนา 6 6 -ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน 6 -วตั ถุประสงค์ 6 -ขอบเขตการศึกษาคน้ ควา้ 6 -ประโยชนท์ ่ีคาดจะไดร้ ับ 7 บทที่2 เอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง 7 -ภาคอีสาน 12 -ภาคเหนือ 18 -ภาคกลาง 25 -ภาคใต้ 28 บทที่3 วธิ ีการจดั ทาโครงงาน 28 -วสั ดุและอุปกรณ์ 28 -วธิ ีการจดั ทาโครงงาน 29 บทท่ี4 ผลการศึกษา 30 บทที่5 สรุปผล และขอ้ เสนอแนะ 30 -สรุปผลการศึกษา 30 -ประโยชนไ์ ดจ้ ากโครงงาน 32 บรรณานุกรม 34 ภาคผนวก 38 ขอ้ มูลผจู้ ดั ทา

บทท1ี่ บทนา ทมี่ าและความสาคัญของโครงงาน ปัจจุบนั น้ีอาหารไทยกาลงั ไดร้ ับความนิยมอยา่ งสูงและแพร่หลายไปสู่ประเทศต่างๆทว่ั โลกอยา่ ง รวดเร็ว เอกลกั ษณ์ที่บง่ บอกถึงความเป็นอาหารไทยท่ีชดั เจนก็คือ กล่ินฉุน และรสชาติที่เผด็ ร้อน และที่สาคญั ก็คือมีการนา สมุนไพรและเคร่ืองเทศมาเป็นส่วนผสมในการปรุง อาหารไทยในยคุ ปัจจุบนั ไดร้ ับอิทธิพล จากวฒั นธรรมทาง ดา้ นอาหารจากนานาประเทศ อาหารไทย เป็นอาหารประจาของประเทศไทย ท่ีมีการสงั่ สมและถ่ายทอดมาอยา่ งต่อเน่ืองต้งั แต่ อดีต จนเป็นเอกลกั ษณ์ประจาชาติถือไดว้ า่ อาหารไทยเป็ นวฒั นธรรมประจาชาติที่สาคญั ของไทย โครงงานน้ี จึงทาข้ึนเพื่อส่งเสริมอาหารของวฒั นธรรมของแตล่ ะภาคพ้นื ที่วา่ แต่ละพ้นื ท่ีมีอาหารและวฒั นธรรมอยา่ งไร และมีรสชาติอาหารและวฒั นธรรมแตกต่างกนั ไปอาหารแตล่ ะพ้นื ท่ีมาแตกต่างกนั และมีวฒั นธรรมการกินที่ แตกต่างกนั วตั ถุประสงค์ 1.พ่ือศึกษาเรื่อง อาหารไทย 2.เพือ่ เผยแพร่ความรู้เร่ือง อาหารไทยใหผ้ ทู้ ่ีสนใจไดศ้ ึกษา 3.เพอ่ื นาความรู้ที่ไดจ้ ากการเรียนโปรแกรม มาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ในรูปแบบของ โครงงาน ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า 1.เป็นโครงงานพฒั นาเรื่องอาหารไทย 2.ขอบเขตเน้ือหา เป็ นโครงงานที่พฒั นาเร่ืองอาการไทยในกลุ่มที่สนใจ ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ 1.ผทู้ ี่เขา้ มาศึกษาไดร้ ับความรู้เก่ียวกบั เรื่องอาหารไทย 3.เผยแพร่ความรู้เรื่อง อาหารไทย ใหผ้ ทู้ ่ีสนใจไดศ้ ึกษาในรูปโครงงานแบบเล่ม

บทท2่ี เอกสารทเ่ี กยี่ วข้อง ในการจดั ทาโครงงานวชิ าหนา้ ที่พลเมืองเร่ืองอาหารไทย กลุ่มของขา้ พเจา้ ไดศ้ ึกษาเอกสารต่างๆท่ี เก่ียวขอ้ งดงั ตอ่ ไปน้ี เอกสารทีเ่ กย่ี วข้อง อาหารภาคอสี าน 1.ส้ มตา ประวตั ิ (ส้มตา) ส้มตา เป็นเมนูอาหารประจาทอ้ งถิ่นของภาคอีสาน มีความโดดเด่นในเรื่องรสชาติท่ีจดั จา้ น กล่ิน หอมสุดยวั่ ใจ มีตน้ กาเนิดไม่ชดั เจน แต่สนั นิษฐานวา่ มีที่มาท่ีไปจากทางภาคอีสานของไทยราว ๆ 50 ปี ก่อน หนา้ น้ีเทา่ น้นั เพราะในช่วงสมยั ดงั กล่าวเป็นช่วงสงครามเวยี ดนาม มีการสร้างสะพานมิตรภาพข้ึนเพอื่ ลาเลียงยทุ โธปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมท้งั นาเมล็ดพนั ธุ์มะละกอมาปลูกท้งั สองขา้ งทางของถนนมิตรภาพ ดว้ ยเหตุ น้ีมะละกอจึงเป็นพืชที่ปลูกทว่ั ไปในภาคอีสาน และดว้ ยภูมิปัญญาของชาวอีสานจึงไดค้ ิดคน้ อาหารรสแซ่บ จากมะละกอจานน้ีข้ึนมา ส่ วนประกอบ 2กามือ ถว่ั ฝักยาว 3-4ฝัก มะละกอ 3-4เมด็ พริกแหง้ 3-4เมด็ พริกสด 5ลูก มะนาว 1ลูก มะเขือเทศ 1 อนั มะกอกสุก 1ลูก มะขามเปี ยก 2ชอ้ นชา น้าปลาร้าตม้ สุก 3ทพั พี น้าปลา 1ชอ้ นชา น้าตาล วธิ ีปรุง 1.สบั มะละกอ 2.ตาพริกสด และพริกแหง้ รวมกนั 3.หนั่ ถว่ั ฝักยาวเป็นชิ้นๆ ตารวมลงไปใหพ้ อแหลก 4.ใส่มะเขือเทศ มะนาว มะขามเปี ยก มะกอกสุก คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั 5.ใส่ปลาร้าตม้ สุก น้าปลา น้าตาล คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั 6.ตกั ใส่จาน ทานกบั ขนมจีนและผกั ตา่ งๆ อา่ นต่อไดท้ ่ี

ลกั ษณะเฉพาะในการปรุง มีรสชาติหอมเคม็ จากปลาร้า เปร้ียวจากมะนาว หวานปลายๆจากน้าตาลปี บ ประโยชน์เชิงสุภาพ ส้มตามีส่วนประกอบหลกั ๆ ไดแ้ ก่ มะละกอ มะเขือเทศ ถวั่ ฝักยาว พริกข้ีหนูสด กระเทียม น้าตาล ปี๊ บ มะนาว น้าปลา ซ่ึงลว้ นมีสรรพคุณทางสมุนไพรไทยแทบท้งั สิ้น มะละกอ มีวติ ามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหลก็ ช่วยป้องกนั และรักษาโรคหวดั โรคเลือดออกตามไรฟันและใตผ้ วิ หนงั ช่วยไม่ใหแ้ ก่ ก่อนวยั ทาใหก้ ระดูกและฟันแขง็ แรง และเป็นยาระบายอ่อน ๆ มะเขือเทศสีดา มีสารตา้ นอนุมูลอิสระ ช่วย ชะลอความชรา พริกข้ีหนูสด แกล้ มจุกเสียด แกท้ อ้ งข้ึนอืดเฟ้อ ขบั ผายลม ช่วยในการเจริญอาหาร ขบั เหง่ือ กระเทียม ช่วยขบั ลม ขบั เสมหะ ขบั เหง่ือ ขบั ปัสสาวะ ลดระดบั ไขมนั คอเลสเตอรอล และน้าตาลในเลือด น้าตาลป๊ี บ มีวติ ามิน เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก มะนาว มฤี ทธ์ิแกอ้ กั เสบ ช่วยยอ่ ยอาหาร สกดั สารพิษ มีวติ ามินซี และกรดซิตริก ช่วยใหห้ ลอดเลือดแขง็ ทนทาน น้าปลา เป็นแหล่งโปรตีนและกรดอะมิโน ถวั่ ฝักยาว ใหแ้ ร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส มีวติ ามินซี มีกากใยอาหารท่ีสามารถละลายในน้าได้ เป็นยาบารุง ไตและมา้ มแกร้ ้อนในช่วยลดคอเลสเตอรอล 2.แกงเปรอะ ประวตั ิ (แกงเปรอะ) “แกงเปรอะ หรือ ตม้ เปรอะ เป็นช่ือท่ีคนไทยทางภาคกลางใชเ้ รียกแกงชนิดหน่ึงทางภาคอีสาน ซ่ึง เป็นแกงท่ีน้าแกงสีหม่นคล้า เพราะผสมน้าใบยา่ นางลงในแกง ใส่ผกั หลายชนิด ที่สาคญั คือหน่อไม้ ชาว อีสานเรียกแกงชนิดน้ีวา่ แกงหน่อไม้ น้าพริกแกง ประกอบดว้ ยพริกข้ีหนูแหง้ ตะไคร้ กระชาย หอมแดง ใส่ ขา้ วเบือเพอ่ื ช่วยใหน้ ้าแกงขน้ ผกั ที่นิยมใส่นอกจากหน่อไม้ ไดแ้ ก่ ฟักทอง ผกั แขยง ชะอม” ส่ วนประกอบ หน่อไมส้ ด หนั่ เป็นชิ้น 500 กรัม น้าใบยา่ นาง 1 ถว้ ย เห็ดนางฟ้า ตามชอบ เห็ดฟาง ตามชอบ เห็ดหูหนู ตามชอบ ใบแมงลกั 1 ถว้ ย ชะอม 1 ถว้ ย น้าเปล่า 1-2 ถว้ ย ตะไคร้ 2 ตน้ หอมแดง 4-5 หวั พริกโขลกหยาบ 1 ชอ้ นโตะ๊ ขา้ วเหนียวแช่น้าโขลกละเอียด 2 ชอ้ นโตะ๊ น้าปลา เกลือ น้าปลาร้า(ใส่หรือไม่ใส่กไ็ ด)้

วธิ ีปรุง 1.ต้งั หมอ้ ตม้ น้าให้เดือด ใส่เกลือและหน่อไมส้ ดลงไปตม้ จนสุก เทน้าออก ตม้ 1-2 คร้ัง ใหห้ น่อไม้ ไมม่ ีรสขม 2.โขลกพริกแดง หอมแดง ตะไคร้ใหแ้ ตก 3.ต้งั หมอ้ ใส่น้าเปล่าและน้าใบยา่ นาง ตม้ ใหเ้ ดือด ใส่พริก หอม และตะไคร้ที่โขลกแลว้ ลงไป 4.ใส่หน่อไมต้ ม้ สุกลงไป ตม้ จนน้าเร่ิมงวด แลว้ จึงใส่น้าปลาร้า ขา้ วเหนียวโขลก และเห็ดต่าง ๆ 5.ตกั ชิม ปรุงรสชาติตามใจชอบ และปิ ดทา้ ยดว้ ยใบชะอมและใบแมงลกั พร้อมเสิร์ฟ ลกั ษณะเฉพาะในการปรุง แกงเปรอะจะมีรสชาติเผด็ จากพริกแกง นวั แซ่บและหอมจากปลาร้า ขมปะแล่มๆจากน้าของใบ ยา่ นาง ประโยชน์เชิงสุภาพ ช่วยลดระดบั คอเลสเตอรอล (Cholesterol) และไขมนั ไมด่ ี (LDL) ที่อยใู่ นกระแสเลือด ทาให้ สามารถช่วยลดความเส่ียงในการเกิดโรคเร้ือรังตา่ ง ๆ เช่น โรคหวั ใจ โรคอว้ น หรือโรคความดนั โลหิตสูงช่วย เพ่ิมความอยากอาหาร สาหรับผทู้ ี่มีอาการเบ่ืออาหาร หรือผหู้ ญิงต้งั ครรภท์ ี่มีอาการแพท้ อ้ งมีคาร์โบไฮเดรต ต่า เหมาะสาหรับผทู้ ี่ตอ้ งการลดน้าหนกั หรือ ลดน้าตาลน้าใบยา่ นางน้นั จะมีสารประกอบฟี นอลิก (Phenolic compound) อยมู่ าก ซ่ึงมีฤทธ์ิเป็นสาร ตา้ นอนุมูลอิสระ สารตา้ นอนุมูลอิสระน้ีมีคุณสมบตั ิช่วยป้องกนั ภาวะเครียดออกซิเดชนั (Oxidative stress) ซ่ึงเป็นสาเหตุของการเส่ือมโทรมของเซลลใ์ นร่างกาย ช่วยตา้ นอกั เสบ นอกจากน้ียงั อาจสามารถช่วยบารุง สมอง และลดความเสี่ยงในการสูญเสียความจาไดอ้ ีกดว้ ย 3.ลาบ ประวตั ิ (ลาบ) ลาบ เป็นอาหารทอ้ งถ่ินทางภาคเหนือและภาคอีสาน (รวมถึงประเทศลาวและสิบสองปันนา) โดยนา เน้ือ เคร่ืองใน และหนงั มาสับใหล้ ะเอียดแลว้ คลุกกบั เคร่ืองปรุง ซ่ึงเน้ือที่มาทาลาบเป็นเน้ือหลายชนิด เช่น เน้ือไก่ เน้ือเป็ด เน้ือววั เน้ือควาย เน้ือปลา เน้ือหมู และเน้ือนก นอกจากน้ียงั สามารถลาบสัตวจ์ าพวก กวาง เช่น ละมงั่ กระจง เกง้ หรือแมแ้ ตบ่ ้ึง ก็นามาลาบไดเ้ ช่นกนั ลาบนิยมกินคูก่ บั ขา้ วเหนียว ส่ วนประกอบ 300 กรัม น้าเปล่า ½ ถว้ ย หมูสับ

ตน้ หอมซอย 2 ตน้ ใบสะระแหน่ 2 ตน้ ผกั ชีฝรั่งซอย 2 ตน้ หอมแดงซอย 3 กลีบ พริกป่ น 2 ชอ้ นโตะ๊ น้าปลา 2 ชอ้ นโตะ๊ น้ามะนาว 2 ชอ้ นโตะ๊ ขา้ วควั่ 2 ชอ้ นโตะ๊ น้าตาล ½ ชอ้ นชา วธิ ีทา 1.เทน้า แลว้ รวนหมูสบั ในหมอ้ ใหส้ ุก 2.ปรุงรสหมูดว้ ยพริกป่ น น้าปลา ขา้ วควั่ น้าตาล และ มะนาวคลุกใหเ้ ขา้ กนั 3.โรยผกั ชีฝรั่ง หอมแดงซอย ตน้ หอม และ ใบสะระแหน่ แลว้ คนใหท้ วั่ 4.ตกั เสิร์ฟพร้อมพริกแหง้ ทอดและ ใบสะระแหน่เป็นอนั เสร็จปรุง ลกั ษณะเฉพาะในการปรุง เปร้ียวนาเคม็ ตาม เผด็ นิดหน่อย ประโยชน์เชิงสุภาพ มะนาว ช่วยบรรเทาอาการวงิ เวยี นศีรษะ ช่วยแกอ้ าเจียนอนั เนื่องมาจากความผดิ ปกติของธาตุใน ร่างกายเน้ือสัตวท์ ่ีอุดมดว้ ยโปรตีนพริกมีสารต่อตา้ นอนุมูลอิสระช่วยชะลอวยั ช่วยเสริมสร้างภูมิตา้ นทานให้ แขง็ แรงมากยงิ่ ข้ึนและมี วติ ามินซีท่ีช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในร่างกาย ตน้ หอมสรรพคุณช่วยป้องกนั ไขมนั ไม่ใหเ้ กาะตามผนงั เส้นเลือดช่วยลดอตั ราเสี่ยงในการเป็ นโรคหลอดเหลือหวั ใจ 4.หมกฮวก ประวตั ิ (หมกฮวก) ในช่วงตน้ ฝนจะเป็นช่วงฤดูกาลของการเริ่มทานา ชาวนาจะพากนั ลงนาไถฮุด(ไถคร้ังแรกเพ่ือตาก ดิน) เมื่อมีฝนตกลงมาจะมีน้าขงั อยตู่ ามรอยไถในทุง่ นานน่ั เอง บรรดากบเขียดท้งั หลายที่รอดจากการถูกจบั ไปเป็นอาหาร ก็จะพากนั วางไข่ไวใ้ นแหล่งน้าต่างๆ หรือบางตวั โชคดีหน่อยกม็ ีโอกาสขยายเผา่ พนั ธุ์ก่อนที่ จะถูกจบั กินเม่ือถึงช่วงที่ ลูกกบ ลูกเขียด ออกจากไขก่ ลายเป็น \"ฮวก\"(ลูกออ๊ ด) โตไดข้ นาดแลว้ บรรดาเราจะ เริงร่าเตรียม สวงิ กบั ตะขอ้ ง ท่ีเป็นอุปกรณ์หากินคู่ชีพฉวยไดต้ รงลงไปยงั ทุง่ นาทนั ที เพือ่ ซอ้ นเอาลูกฮวกมา จบั ทาเป็นอาหาร ส่ วนประกอบ 1/2 กิโลกรัม ตะไคร้ 5 ตน้ ฮวก 6 หวั พริกแดงจินดา 10 เมด็ หอมแดง

น้าปลาร้า 1 ทพั พี น้าปลา 1/2 ทพั พี ตน้ หอมหน่ั ท่อน 3 ตน้ ผกั ชีหน่ั ท่อน 2 ตน้ ใบแมงลกั 2 กามือ วธิ ีทา 1.วธิ ีทาหมกฮวก เริ่มตน้ ดว้ ยเอาข้ีฮวกออก คนอีสานเรียกข้นั ตอนน้ีวา่ ไส่ข้ี คือการบีบทอ้ งฮวกใหข้ ้ี มนั ทะลกั จากตวั ลา้ งทาความสะอาด ตาเคร่ืองเครา พริกสดหน่ึงกามือ กลวั เผด็ กล็ ดปริมาณลง ตีไข่ไก่ 1 ฟอง ใส่ฮวก 2.ปรุงรสดว้ ยน้าปลาแดก (น้าปลาร้า) เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั เติมผกั กะแยง (ผกั แขยง) กลิ่นหอมฉุน ผกั อีตู่ (ใบแมงลกั ) กล่ินหอมชื่นใจ ช่วยดบั คาว ตามดว้ ยหอมบวั่ (ตน้ หอม) ตกั ใส่ใบตอง 3.ห่อแลว้ ใชไ้ มห้ ีบมาหนีบ นาไปปิ้ งไฟ บางทีอาจใชว้ ธิ ีหมกข้ีเถา้ ประมาณ 20 นาที กพ็ ร้อมเสิร์ฟ ร้อนๆ กบั ขา้ วเหนียวน่ึง ลกั ษณะเฉพาะในการปรุง มีรสชาตินวั ๆเคม็ ๆกลมกล่อมจากวตั ถุดิบท่ีใส่ลงไปเเละหอมกล่ินของปลาร้ามีรสชาตินวั ๆเคม็ ๆ กลมกล่อมมีรสชาตินวั ๆเคม็ ๆกลมกล่อมจากวตั ถุดิบท่ีใส่ลงไปเเละหอมกลิ่นของปลาร้ามีรสชาติออกเผด็ ๆ เปร้ียวๆเเละหอมกลิ่นตะไคร้ใบมะกูดกล่ินเคร่ืองปรุงที่ใส่ลงไป ประโยชน์เชิงสุภาพ ฮวกหรือลูกออ๊ ดใหส้ ารอาหารประเภทโปรตีนส่วนประสมเเละเครื่องปรุงตะไคร้มีส่วนช่วยในการ ขบั เหงื่อ เป็ นยาบารุงธาตุไฟใหเ้ จริญ ช่วยรักษาโรคความดนั โลหิตสูง ใบแมงลกั คือช่วยใหร้ ะบบยอ่ ยอาหาร ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ใบแมงลกั เสริมสร้างระบบยอ่ ยอาหาร เป็นยาที่ดีสาหรับอาการปวดหวั และนอนไม่ หลบั เเละมีสารท่ีช่วยตอ่ ตา้ นอนุมูลอิสระ หวั หอมช่วยเร่ืองการบารุงหวั ใจ มีสารตา้ นมะเร็ง ช่วยควบคุม น้าตาลในเลือด 5.ก้อยไข่มดแดง ประวตั ิ (ก้อยไข่มดแดง) ในอดีต ชาวอีสานท่ีออกไปทาเกษตรกรรม เรือกสวนไร่นา มกั จะหาอาหารกินแบบง่ายๆ ประกอบ กบั ช่วงกลางวนั อากาศค่อนขา้ งร้อน ชาวอีสานจึงตอ้ งหาอาหารตามธรรมชาติกิน การหาอาหารกินน้นั ชาว อีสานจะสังเกตการกินอาหารของสตั วป์ ่ า โดยเช่ือวา่ อาหารชนิดใดที่สัตวก์ ินได้ คนกน็ ่าจะกินได้ รวมท้งั ไข่ มดแดงดว้ ย ไขม่ ดแดงสามารถหาไดต้ ามยอดไม้ ในป่ าหรือบางคร้ังจะข้ึนไปหาในป่ าบนเขา ปัจจุบนั เป็น อาหารท่ีเป็นที่นิยม โดยทวั่ ไปชาวบา้ นจะเริ่มออกหาแหยร่ ังมดแดงตามตน้ ไม้ เริ่มประมาณช่วงเดือน ธนั วาคมหลงั จากเสร็จงานไร่งานนา ช่วงน้ีมกั จะไดไ้ ขล่ ูกเลก็ ๆ ที่เรียกวา่ ไข่ผาก เขา้ เดือนกมุ ภาพนั ธ์ไปจนถึง

เมษายน จึงจะไดไ้ ข่ขนาดใหญข่ ้ึน รวมท้งั นางพญามดมดมีปี ก ท่ีชาวบา้ นเรียก แม่เป้งจะพบอยใู่ นรังดว้ ย ชาวบา้ นจะนามากินหมดท้งั ไข่ผาก ไข่ใหญ่ แมเ่ ป้ง ไมเ่ วน้ แมแ่ ต่ตวั มดแดง เพราะมดแดงมีรสเปร้ียว จึงนิยม นามาปรุงอาหาร ส่ วนประกอบ 1 จาน มะม่วงดิบซอย 1 ลูก ไข่มดแดง 2 – 3 ใบ 1 ชอ้ นโตะ๊ ใบสาระแหน่ 1 ชอ้ นโตะ๊ น้ามะนาว 1 ชอ้ นโตะ๊ น้าปลา 1 ชอ้ นโตะ๊ ขา้ วคว่ั 1 ชอ้ นโตะ๊ พริกป่ น 1 หวั ผกั ชีฝรั่งซอย หอมแดงซอย วธิ ีทา 1.เริ่มจากการลา้ งไขม่ ดแดงก่อน ลา้ งใหส้ ะอาด และ นามาสะเด็ดน้าใหแ้ หง้ ก่อน 2.นาไขม่ ดแดงใส่ถว้ ยสาหรับปรุงยา ใส่ ขา้ วคว่ั น้าปลา น้ามะนาว และ พริกป่ น ผสมใหส้ ่วนผสม ละลายเขา้ กนั ใส่ มะมว่ งซอย หอมแดง ผกั ชีฝร่ัง ลงไปผสมกบั น้ายา 3.เสริฟใส่จาน โรยหนา้ ดว้ ยใบสาระแหน่ ทานคู่กบั ผกั สดๆตามใจชอบและขา้ วเหนียว อร่อยๆ ลกั ษณะเฉพาะในการปรุง มีรสชาติหวานมนั ของไข่มดเเดง เปร้ียวนิดๆจากแม่เป้งเผด็ เคม็ จากน้าปลาแลว้ พริก ประโยชน์เชิงสุภาพ คุณค่าทางโภชนาการสูง ท้งั โปรตีน ไขมนั คาร์โบไฮเดรต แคลเซียมเเละ ฟอสฟอรัส อาหารภาคเหนือ 1.นา้ พริกหนุ่ม ประวตั ิ (นา้ พริกหนุ่ม) น้าพริกหนุ่ม เป็นอาหารลา้ นนาท่ีรู้จกั กนั มาชา้ นาน ไม่แน่ชดั วา่ เริ่มมีการคิดคน้ เมนูน้าพริกหนุ่ม ข้ึนมาเมื่อไหร่ เป็นน้าพริกที่มีลกั ษณะขน้ พริกหนุ่ม คือ พริกชนิดหน่ึง ช่ือสายพนั ธุ์วา่ \"พริกหนุ่ม\" พริกหนุ่ม เป็นพริกที่มีความเผด็ ไมม่ ากเทา่ พริกอ่ืนๆ ผลของพริกหนุ่มไม่วา่ จะเป็นผลแก่หรือผลสุกก็จะมีลกั ษณะเป็น ผลสีเขียว (รัตนา, 2542) นามายา่ งโขลกใส่ส่วนผสม เม่ือปรุงน้าพริกหนุ่มเรียบร้อยแลว้ สามารถรับประทาน ควบคูก่ บั เมนูอื่นๆไดห้ ลากหลายเมนู เช่น น้าพริกหนุ่มกินคูก่ บั แคบหมู ผกั ขา้ วเหนียว บางสูตรมีการใส่ปลา

ร้าสบั หรือใส่กะปิ แลว้ ยา่ งไฟ เพ่ือเพ่มิ ความหอมและรสชาติกลมกล่อมของปลาร้าหรือกะปิ หรือใส่น้าปลา กบั เกลือ ส่ วนประกอบ 5 เมด็ หอมแดงยา่ งไฟ 5 หวั พริกหนุ่มยา่ งไฟ 8 กลีบ เกลือ 1/2 ชอ้ นชา กระเทียมยา่ งไฟ 1/2 ชอ้ นโตะ๊ ตน้ หอมซอย 1/2 ชอ้ นโตะ๊ ผกั ชีซอย ถว่ั ฝักยาว เครื่องเคียง มะเขือเปราะ แค กระถิน มะเขือยาว วธิ ีทา 1.ยา่ งพริก กระเทียม และหอมแดง แกะเปลือกออก 2.โขลกส่วนผสมและเกลือ รวมกนั ใหล้ ะเอียด 3.โรยหนา้ น้าพริกดว้ ยผกั ชีตน้ หอม ลกั ษณะเฉพาะในการปรุง ยา่ งกบั ถ่านไม้ จะทาใหน้ ้าพริกมีกล่ินหอม รสชาติดี ถา้ ไม่ชอบเผด็ ควรเอาไส้พริกออก จะช่วยใหเ้ ผด็ นอ้ ยลง ประโยชน์เชิงสุภาพ พริกหนุ่ม: แกล้ มจุกเสียด แกท้ อ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ ขบั ลม เจริญอาหาร มีสารแคปไซซิน ซ่ึงช่วยระบบ หายใจ ความดนั โลหิต และหวั ใจ บารุงธาตุ เจริญอาหาร ขบั ลม ลดกรดในกระเพาะ ขบั เหง่ือ ลดน้าหนกั ตวั ไดด้ ี ลดอาการหวดั คดั จมูก สารตา้ นอนุมูลอิสระป้องกนั การเกิดมะเร็ง และโรคหวั ใจ ช่วยทาใหโ้ ลหิต ไหลเวยี นไดด้ ี 2.ขนมจีนนา้ เงีย้ ว ประวตั ิ (ขนมจีนนา้ เงยี้ ว) น้าเง้ียวมีน้าแกงรสชาติเคม็ เผด็ เปร้ียว ซ่ึงรสเปร้ียวไดม้ าจากมะเขือเทศ โดยเป็นน้าแกงสาหรับใส่ ขนมจีนหรือเส้นก๋วยเตี๋ยว เช่นเดียวกบั น้าก๋วยเต๋ียว หรือขนมจีนน้ายา ซ่ึงชาวไทใหญม่ กั จะเรียกน้าเง้ียววา่ น้า หมากเขือส้ม ซ่ึงถา้ ใส่ขนมจีนก็เรียกวา่ เขา้ เส้นน้าหมากเขือส้ม

ในการปรุงน้นั น้าพริกน้าเง้ียวน้นั จะมีถวั่ เน่าเป็นส่วนประกอบ (แตกตา่ งจากน้าพริกอ่องที่ไมไ่ ดใ้ ส่ถวั่ เน่า) พริกแดงแหง้ เมด็ ใหญ่ หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ขา่ แก่กระชาย ผสมตาจนละเอียด ลงควั่ ในน้ามนั ใหห้ อม เติมน้าใหท้ ่วม และใชเ้ กสรดอกงิ้วป่ า ซ่ึงเป็นงิ้วชนิดดอกแดงตากแหง้ (ในภาษาเหนือ งิ้ว จะหมายถึง ตน้ นุ่น ไดด้ ว้ ย มกั จะเรียกวา่ งิ้วดอกขาว) ใส่ลงไป ซ่ึงดอกงิ้วเป็นส่วนประกอบสาคญั ในการปรุงน้าเง้ียว ตามดว้ ย มะเขือส้ม (มะเขือเทศสีดา) เน้ือสตั วต์ า่ งๆ (นิยมใชเ้ น้ือ หมู ไก่) เลือดกอ้ นหน่ั เต๋า ตุ๋นประมาน 2-3 ชวั่ โมง ปรุง รสดว้ ย น้าปลา ผงปรุงรส เกลือ น้าตาลเพอ่ื ตดั รสใหก้ ลมกล่อม น้าเง้ียวเป็นอาหารที่ไดร้ ับความนิยมในหมูช่ าวลา้ นนามาแตอ่ ดีตจวบจนถึงปัจจุบนั น้าเง้ียวมกั จะมี การปรุงจดั เล้ียงในงานตา่ ง ๆ ถือวา่ เป็นอาหารมงคลอยา่ งหน่ึงของชาวลา้ นนา ส่ วนประกอบ ขนมจีน 1กิโลกรัม เน้ือหมูบดหยาบ 1/2กิโลกรัม เลือดไก่ตม้ 3กอ้ น ซ่ีโครงหมู 1/2กิโลกรัม งิ้วแหง้ 10ดอก น้ามนั พชื 1/2ถว้ ยตวง มะเขือเทศลูกเล็ก 1/2กิโลกรัม 10ตน้ เตา้ เจ้ียว 3ชอ้ นโตะ๊ 10หวั 3ชอ้ นชา เคร่ืองแกง พริกแหง้ 10เมด็ รากผกั ชี กระเทียม 10กลีบ หอมแดง กะปิ 3ชอ้ นโตะ๊ เกลือ วธิ ีการทา 1.ตม้ น้า พอเดือด ใส่ซี่โครงหมู ตม้ จนหมูนุ่ม 2.โขลกเครื่องแกงรวมกนั ใหล้ ะเอียด 3.ผดั เคร่ืองแกงกบั น้ามนั จนมีกล่ินหอม ใส่เตา้ เจ้ียวลงผดั คนใหเ้ ขา้ กนั 4.ใส่หมูบด ผดั ใหเ้ ขา้ กนั จนหมูสุก 5.ใส่เคร่ืองแกงที่ผดั แลว้ ลงในน้าหมอ้ ตม้ กระดูก ตม้ จนเดือด ใส่ดอกงิ้ว ตม้ ต่อประมาณ 10 นาที 6.ใส่เลือดไก่ที่หน่ั แลว้ คนให้ทว่ั 7.ใส่มะเขือเทศ 8.ต้งั ไฟตอ่ ประมาณ 5 นาที ยกลง นาขนมจีนใส่จาน ราดดว้ ยแกง (น้าเง้ียว) รับประทานกบั เครื่อง เคียง ลกั ษณะเฉพาะในการปรุง การทาน้าเง้ียวสามารถใชเ้ ลือดไก่หรือเลือดหมูกไ็ ด้

ประโยชน์เชิงสุขภาพ ประโยชนท์ างอาหารขนมจีนน้าเง้ียวเป็นอาหารท่ีใหพ้ ลงั งานสูงใหค้ วามอบอุ่นต่อร่างกายโดยให้ โปรตีนไขมนั คาร์โบไฮเดรตใยอาหารฟอสฟอรัสแคลเซียมเหล็กเบตา้ แคโรทีนวติ ามินเอวติ ามินบีวติ ามินซี ไนอาซินสรรพคุณทางยา: ไดร้ ับจากวตั ถุดิบอาหารพริกน้าเง่ียวและผกั เครื่องเคียงในน้าเง้ียว 3.ข้าวซอย ประวตั ิ (ข้าวซอย) ขา้ วซอยมีตน้ กาเนิดจากชาวจีนมุสลิมท่ีอพยพมาอยทู่ างภาคเหนือของประเทศไทย ประเทศพม่า และประเทศลาวแต่เดิมขา้ วซอยไมม่ ีกะทิเป็นส่วนประกอบ เรียกวา่ ขา้ วซอยน้าใส ต่อมาไดม้ ีการเพมิ่ กะทิเขา้ ไปจนเป็นที่นิยมอยา่ งมากและกลายมาเป็นลกั ษณะขา้ วซอยที่รู้จกั กนั ในปัจจุบนั ขา้ วซอยจึงเป็นผลลพั ธ์ของ การผสมผสานระหวา่ งอาหารจีน อาหารตะวนั ออกกลางและอาหารเอเชียอาคเนย์ ส่ วนประกอบ 3 น่องใหญ่ น้าพริกขา้ วซอย 100 กรัม น่องไก่ 500 กรัม เส้นขา้ วซอยหรือเส้นหม่ีไข่อิสลาม 100 กรัม กะทิ 3 ถว้ ยตวง 3 ชอ้ นโตะ๊ น้ามนั พืช 2 ชอ้ นชา น้าปลา 1.5 ชอ้ นโตะ๊ เกลือ 1 ชอ้ นโตะ๊ น้าตาลมะพร้าว 1.5 ลิตร พริกผดั น้าสะอาด หอมแขกซอย ผกั กาดดองซอย ตน้ หอมผกั ชี วธิ ีทา 1.ต้งั หมอ้ หรือกระทะใบใหญ่ใหร้ ้อน ใส่กะทิลงไปเค่ียวสกั พกั ตามดว้ ยเครื่องแกง จากน้นั เค่ียวจน กะทิใหแ้ ตกมนั 2.ใส่น่องไก่ลงไปผดั ใหเ้ ขา้ กบั กะทิ แลว้ เติมกะทิลงไปจนหมด เคี่ยวต่อใหไ้ ก่เป่ื อย สกั 30-40 นาที 3.ลวกเส้นขา้ วซอยใหน้ ุ่มก่อนนาไปทอดคะ่ โดยเราจะนาไปลวกในน้าเดือด โดยใชเ้ วลาประมาณ 8 นาที 4.โดยแบง่ เส้นขา้ วซอยท่ีลวกแลว้ สกั 2 หยบิ มือ ผ่งึ ใหแ้ หง้ แลว้ นาลงทอดในน้ามนั ปาลม์ เดือด ๆ สัก พกั ใหก้ รอบ แลว้ ตกั ข้ึนพกั ไว้ 5.ตกั เส้นขา้ วซอยลวกลงในชาม แลว้ ตกั น้าขา้ วซอย พร้อมน่องไก่ราดลงไป 6.ตกแตง่ ดว้ ยขา้ วซอยทอดและตน้ หอมผกั ชีซอย ทานพร้อมพริกผดั หอมแดงซอย และผกั กาดดอง

ประโยชน์เชิงสุขภาพ ขา้ วซอยใหพ้ ลงั งานต่อร่างกายอาทิน้าโปรตีนจากเน้ือไก่หรือเน้ือววั ไขมนั คาร์โบไฮเดรตกากใย อาหารอีกท้งั ยงั มีแคลเซียมฟอสฟอรัสเหล็กเบตา้ แคโรทีนวติ ามินเอวติ ามินบีสองไนอาซินวติ ามินซี สรรพคุณทางยา: ขา้ วซอยมีสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาในส่วนของวตั ถุดิบและเครื่องแกง ไดแ้ ก่ พริก กระเทียมหอมแดงผวิ มะกรูดตะไคร้ 4.หมูพนั ปี ประวตั ิ (หมูพนั ปี ) หมูพนั ปี อาหารภาคเหนือ เมนูน้ีเป็นการรวบรวมเอา เน้ือหมูสามช้นั ผกั ดอง และใบชาอูหลง วางทบั ซอ้ นๆ กนั และน่ึงเป็นเวลา 4 ชวั่ โมง เป็นเมนูท่ีไดร้ ับอิทธิพลมาจากผอู้ พยพชาวจีน ท่ีมาอาศยั อยบู่ ริเวณ ภาคเหนือของไทย หมูสามช้นั สไลดบ์ างๆ วางเรียงกนั จนไดร้ ูปชาม ยดั ไส้ดว้ ยผกั ดองราดซอสตามสูตรยนู นาน น่ึงจนมี น้าฉ่าๆ ทานคูห่ มนั่ โถวนึงร้อนๆ อร่อยจนลืมไม่ลง ส่ วนประกอบ 8 ขีด น้ามนั หอย 1/2 ชอ้ นโตะ๊ หมูสามช้นั 2 ขีด น้ามนั งา 2 ชอ้ นชา ผกั แหง้ หมุ่ยซอย 1/2 ชอ้ นชา ซีอิ๊วดา 2 ชอ้ นโตะ๊ แป้งปรุงรสเจ 1 ถว้ ยตวง น้าตาลทราย 2 ชอ้ นชา น้าซุป 1/2 ชอ้ นชา น้ามนั พืช 1 ถว้ ยตวง เหลา้ จีน 1 ชอ้ นโตะ๊ กระเทียมสบั วธิ ีทา 1. ลา้ งหมูสามช้นั ใหส้ ะอาดก่อนนามาหน่ั ใหไ้ ด้ 8 ชิ้น เพอื่ จะไดห้ มูชิ้นหนาพอดี 2. ต้งั กระทะใส่น้ามนั พอประมาณรอจนน้ามนั ร้อน นาหมูสามช้นั ลงทอด เติม ซีอิ๊วดา น้ามนั หอย น้ามนั งา น้าตาลทราย เหลา้ จีน แป้งปรุงรสเจ ตามดว้ ยน้าซุป ผดั คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั ตกั ใส่จานพกั ไว้ 3. ลา้ งผกั แหง้ หมุย่ ซอยใหส้ ะอาดเพ่ือลดความเคม็ แลว้ นาไปแช่น้าจนผกั อิ่มตวั ก่อนนามาหน่ั ใหไ้ ด้ ขนาดตามตอ้ งการ 4. ต้งั กระทะใหร้ ้อนใส่น้ามนั กระเทียม ผดั จนมีกล่ินหอม ใส่ผกั เติมน้าตาลผดั ใหเ้ ขา้ กนั ตกั ใส่จาน พกั ไว้ 5. นาหมูสามช้นั มาวางเรียงรอบชามและใส่ผกั ลงไป ต้งั ไฟน่ึง 30-45 นาที 6. เมื่อถึงเวลาที่กาหนด ใหค้ วา่ ชามลงบนภาชนะท่ีเตรียมไว้ ตกแต่งใหส้ วยงาม พร้อมเสิร์ฟ

ประโยชน์เชิงสุขภาพ ช่วยลดความดนั โลหิตสูง ผกั กาดขาวมีแคลเซียมสูงจึงช่วยใหก้ ลา้ มเน้ือบีบตวั ไดด้ ี แลว้ ยงั ช่วยให้ หลอดเลือดทางานไดด้ ีข้ึนจึงทาใหค้ วามดนั โลหิตลดลง 5.แกงโฮะ ประวตั ิ (แกงโฮะ) แกงโฮะอาจมีท่ีมาจากแกงฮินเลหรือแกงฮงั เลของพม่า คาดวา่ เกิดที่วดั เน่ืองจากในเทศกาลสาคญั ทางศาสนา เช่น วนั เขา้ พรรษา วนั ออกพรรษา วนั สงกรานต์ ชาวบา้ นจะนาอาหารมาถวายพระเป็นจานวน มาก ทาใหพ้ ระฉนั ไมห่ มด และในสมยั ก่อนไมม่ ีตูเ้ ยน็ จะปล่อยใหเ้ สียก็เสียดาย แลว้ อาหารที่นามาถวายกเ็ ป็น อาหารดี อยา่ ง ห่อน่ึง หมูปิ้ ง หมูทอด แกงอ่อม ลาบ แคบหมู และอาจมีแกงใส่กะทิบา้ ง ลูกวดั จึงนาอาหาร เหล่าน้นั มาโฮะ เติมน้าแลว้ เทน้าออกเพื่อลา้ งความบูดออกบา้ ง จากน้นั ข้ึนต้งั ไฟหรือผดั ในน้ามนั เติมเกลือ น้าปลา พริกสด หรือพริกข้ีหนู ปรุงรสตามชอบเติมวตั ถุดิบเพิ่ม เช่น วนุ้ เส้น หน่อไม้ และแตง่ กล่ินโดยใส่ใบ มะกรูด ตะไคร้ ส่ วนประกอบ ใบกระเพรา 50 กรัม เน้ือหมู 200 กรัม มะเขือ 5 ลูก ใบมะกรูด 5 ใบ ตะไคร้ 2 หวั มะเขือพวง 100 กรัม หน่อไมด้ องสาเร็จรูป 200 กรัม กระเทียม 5 กลีบ ว้นุ เส้น 200 กรัม ผงกะหร่ี 15 กรัม แกงเผด็ 200 กรัม แกงเขียวหวาน 300 กรัม น้าปลา 2 ชอ้ นชา แกงฮงั เล 500 กรัม ผงชูรส 1/2 ชอ้ นชา ซีอิ๊วขาว 2 ชอ้ นชา น้ามนั พืช 2 ชอ้ นโตะ๊ ถว่ั ฝักยาว 150 กรัม วธิ ีทา 1.สไลดห์ มูเป็นแผน่ บางๆ หนั่ มะเขือเป็ นชิ้นพอดีคา ตะไคร้ ฉีกใบมะกรูดและใบกระ 2.ต้งั เตาใหร้ ้อนเทน้ามนั ลงไปเกล่ียใหท้ ว่ั กระทะ ใส่กระเทียมลงไปควั่ ใหห้ อม ตามดว้ ยหมูสดผดั ให้ สุกหอม 3.ใส่หน่อไมด้ องลงไปผดั เม่ือหน่อไมเ้ ริ่มอ่อนตวั ใส่ มะเขือ มะเขือพวง ถวั่ ฝักยาว ใบกระเพรา ใบ มะกรูด ตะไคร้ ลงไปผดั ใหห้ อมสุก 4.เทผงกระหร่ีลงไปคลุกเคลา้ ใหท้ ว่ั ตามดว้ ยแกงเผด็ แกงเขียวหวาน แกงฮงั เลลงไปผดั ใหเ้ ขา้ กนั

5.ปรุงรสดว้ ยน้าปลา ซีอิ๊วขาว ผงชูรส ชิมรสตามชอบ สามารถลดเพ่มิ ไดต้ ามตอ้ งการ หากขาดหวาน สามารถเติมน้าตาลได้ 6.ใส่วนุ้ เส้นลงไปผดั เป็นอยา่ งสุดทา้ ยจะไดไ้ ม่เละจนเกินไป ดูจนวนุ้ เส้นกลายเป็นเส้นใสกต็ กั ใส่ จาน พร้อมเสิร์ฟคะ่ ประโยชน์เชิงสุขภาพ ใบชะพลู ช่วยบารุงธาตุ คุมเสมหะใหป้ กติ แกจ้ ุดเสียดใบตาลึง ช่วยดบั พิษร้อนข่า ช่วยขบั ลมชะอม ช่วยในการแกท้ อ้ งเฟ้อ ขบั ลมในลาไส้ แกอ้ าการปวดเสียดในทอ้ งไดด้ ีผกั เผด็ หรือ ผกั คราด มีรสเฝ่ือน เลก็ นอ้ ยมีสรรพคุณแกร้ ิดสีดวงทวาร ช่วยเจริญอาหาร ขบั ลม และช่วยยอ่ ยอาหารมะเขือ ช่วยในการลดระดบั น้าตาลและไขมนั ในเลือดไดด้ ี อาหารภาคกลาง 1.แกงมสั มั่น ประวตั ิ (แกงมสั มัน่ ) แกงมสั มน่ั เป็นอาหารประเภทแกงที่ไดร้ ับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู ชาวไทยมุสลิม เรียกแกงชนิด น้ีวา่ ซาละหมนั่ แกงมสั มนั่ แบบมุสลิมไทยออกรสหวานในขณะท่ีตารับด้งั เดิมของชาวมุสลิมออกรสเคม็ มนั ในไทยมีวธิ ีการทาสองแบบคือ แบบไทย น้าพริกแกงมี พริกแหง้ ขา่ ตะไคร้ หอม กระเทียม ลูกผกั ชี ยห่ี ร่า ดอกจนั ทน์ กานพลู ปรุงรสใหห้ วานนา เคม็ และอมเปร้ียว เป็นแกงมีน้ามากเพอื่ รับประทานกบั ขา้ ว อีกแบบ เป็นแบบมุสลิม น้าขลุกขลิก ใชจ้ ิ้มขนมปัง หรือโรตี ในน้าพริกแกงไม่ใส่ขา่ ตะไคร้ ส่วนผสมท่ีเป็นพริกแหง้ หอม กระเทียม ถว่ั ลิสงจะทอดก่อน ใส่ผงลูกผกั ชี ยห่ี ร่า ใส่มนั ฝรั่ง ส่ วนประกอบ เน้ือสะโพกหรือน่องไก่ 300 กรัม เครื่องแกงมสั มน่ั 40 กรัม หางกะทิ 300 กรัม หวั กะทิ 100 กรัม 50 กรัม ถว่ั ลิสงคว่ั 100 กรัม น้าตม้ กระดูก 250 กรัม หวั หอมแขก 2 ชอ้ นโตะ๊ น้ามะขามเปี ยก 3 กรัม มนั ฝรั่ง 100 กรัม ลูกกระวาน น้าตาลปี๊ บ 30 กรัม เกลือป่ น 1 ชอ้ นชา ใบกระวาน 2 กรัม

วธิ ีปรุง 1. เคี่ยวกะทิใหแ้ ตกมนั ใส่เคร่ืองแกงมสั มนั่ ผดั ใหห้ อม แบ่งหางกะทิเป็น 2 ส่วน นาคร่ึงหน่ึงผดั กบั เคร่ืองแกง พอเดือด ใส่ไก่ลงไป เติมหางกะทิที่เหลือ 2. ใส่น้าตม้ กระดูก พอเดือด ใส่ลูกกะวาน ใบกะวาน ถว่ั ลิสง มนั ฝรั่ง เค่ียวจนเน้ือไก่นุ่ม มนั ฝร่ังสุก แลว้ จึงปรุงรสดว้ ย เกลือป่ น น้าตาลป๊ี บ น้ามะขามเปี ยก 3. ใส่หวั หอมแขก เคี่ยวตอ่ จนน้างวด 4. ตกั ใส่ภาชนะเสิร์ฟ ประโยชน์เชิงสุภาพ แกงน้ีมีไขมนั ค่อนขา้ งสูง จึงทาใหม้ ีพลงั งานสูง มีโปรตีนจากเน้ือไก่ ใยอาหารและสรรพคุณทางยา จากเคร่ืองแกง ไดแ้ ก่ อบเชย ช่วยแกท้ อ้ งอืดทอ้ งเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน หวั หอมแขกช่วยบรรเทาอาการหวดั น้า มะขามเปี ยกมีวติ ามินซี และเป็นยาระบายออ่ นๆ ยหี่ ร่า กานพลู ช่วยขบั ลม ขบั เสมหะ ส่วนขิงช่วยลดไขมนั ใน เลือดได้ 2.ต้มข่าไก่ ประวตั ิ (ต้มข่าไก่) ตม้ ข่าไก่ เป็นอาหารไทยชนิดหน่ึง มีลกั ษณะเป็นแกงใส่กะทิ ใส่เน้ือไก่ และเห็ด น้าแกงมีสีขาวขนุ่ มี การใส่สมุนไพรตา่ งๆคลา้ ยตม้ ยา เช่น ขา่ ใบมะกรูด ตะไคร้ มะนาว พริก โรยหนา้ ดว้ ยผกั ชี มีรสชาติเปร้ียว เคม็ มนั ส่ วนประกอบ เน้ืออกไก่หนั่ ชิ้นพอคา ใบมะกรูดฉีก 4 -6 ใบหาง กะทิ 2 ถว้ ย หวั กะทิ 1 ถว้ ย พริกข้ีหนูสวนใหท้ ุบแตก 5 เมด็ น้าตาลทราย 1 ชอ้ นโตะ๊ น้ามะนาว 2-3 ชอ้ นโตะ๊ น้าปลา 2 ชอ้ นโตะ๊ ตะไคร้ลา้ งสะอาด ทาการทุบหนั่ เฉียง 1/2 ตน้ ข่าออ่ น ทาการปอกเปลือกนาไปหนั่ เป็นแวน่ พอคา 20 แวน่ ผกั ชี เพื่อโรยหนา้ มะเขือเทศ 3 ลูก หนั่ เป็นแวน่ ๆ เกลือป่ น 1 ชอ้ นชา

วธิ ีปรุง 1. นาขา่ ตะไคร้ และใบมะกรูดมาลา้ งน้าใหส้ ะอาด สะเด็ดน้าแลว้ หน่ั ข่าเป็นแวน่ หนั่ ตะไคร้เฉียงๆ และฉีกเส้นกลางใบมะกรูดออก พกั ไว้ 2. นาพริกสด และผกั ชีมาลา้ งน้าใหส้ ะอาด สะเดด็ น้าแลว้ ทุบพริกใหแ้ ตก แลว้ ซอยผกั ชีหยาบๆ พกั ไว้ 3. นาเน้ือไก่มาลา้ งใหส้ ะอาด สะเด็ดน้าแลว้ หน่ั เป็นชิ้นขนาดพอคา 4. นาหางกะทิใส่หมอ้ ข้ึนต้งั เตาท่ีไฟแรงปานกลาง รอจนเดือดจึงใส่ขา่ ตะไคร้และใบมะกรูดลงไป เคี่ยวไปประมาณ 5 นาที 5. ใส่เน้ือไก่ลงไป รอจนเน้ือไก่เริ่มสุก จึงใส่เกลือป่ นลงไป คนใหเ้ ขา้ กนั 6. ใส่หวั กะทิ และ มะเขือเทศลงไป จากน้นั คนใหเ้ ขา้ กนั รอซกั พกั จนน้าแกงเดือด 7. ใส่พริกข้ีหนูทุบ ถา้ ตอ้ งการเผด็ มากใหใ้ ส่ลงไปเยอะหน่อย คนใหเ้ ขา้ กนั แลว้ ปิ ดเตาได้ 8. ปรุงรสดว้ ยน้าตาลทราย น้ามะนาว น้าปลา ชิมรสตามชอบ เสร็จแลว้ ตกั ใส่ชาม ประโยชน์เชิงสุภาพ ส่วนประกอบหลกั ของตม้ ขา่ ไก่ คือข่าท้งั ขา่ อ่อนและข่าแก่ และไก่ ข่าใหน้ ้ามนั หอมระเหยช่วยขบั ลม แกอ้ าการแน่น จุกเสียด ทอ้ งอืด ทอ้ งเฟ้อ ขบั เสมหะ แมจ้ ะเป็นอาหารใส่กะทิ แต่ตม้ ข่าไก่นบั วา่ มีไขมนั ต่า กวา่ แกงกะทิอ่ืนๆ นอกจากน้ียงั มีโปรตีน และมีฟอสฟอรัส ที่มีประโยชนต์ ่อร่างกาย 3.ต้มยาก้งุ ประวตั ิ (ต้มยากุ้ง) ตม้ ยากงุ้ เป็นอาหารไทยภาคกลางประเภทตม้ ยา ซ่ึงเป็นท่ีนิยมรับประทานไปทุกภาคในประเทศไทย เป็นอาหารท่ีรับประทานกบั ขา้ วและ มีรสเปร้ียวและเผด็ เป็นหลกั ผสมเคม็ และหวานเล็กนอ้ ย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ตม้ ยาน้าใส และ ตม้ ยาน้าขน้ ส่ วนประกอบ เห็ดฟาง 100 กรัม ตะไคร้หน่ั ท่อนบุบ 16 กรัม กุง้ แม่น้า 3 ตวั ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ ตะไคร้หน่ั บาง 10 กรัม พริกข้ีหนูสวนบุบ 10 กรัม รากผกั ชี 2 กรัม น้ามะนาว 3 ชอ้ นโตะ๊ น้าพริกเผา 2 ชอ้ นโตะ๊ น้าตม้ กระดูก 300 กรัม น้าปลา 3 ชอ้ นโตะ๊ นมขน้ จืด 120 กรัม ผกั ชี (ตามใจชอบ)

วธิ ีปรุง 1. ตม้ น้าตม้ กระดูกโดยใส่เปลือกกุง้ ตะไคร้หนั่ ท่อน และรากผกั ชี เมื่อเดือดยกลง กรองเอาแตน่ ้าเป็ นน้าสต็อก 2. นาน้าสตอ็ กต้งั ไฟ ใส่ตะไคร้ เห็ดฟาง พอน้าเดือดใส่กุง้ รอจนเดือดแลว้ ใส่น้าปลา ฉีกใบมะกรูดใส่ ลงไป 3. ละลายน้าพริกเผากบั นมขน้ จืดในชามเสิร์ฟ คนให้เขา้ กนั เติมน้ามะนาว พริกข้ีหนูบุบ 4. ตกั ตม้ ยาใส่ชามเสิร์ฟ โรยหนา้ ดว้ ยผกั ชี เคลด็ ลบั 1. ควรใส่น้าปลาขณะท่ีน้าเดือด จะทาใหม้ ีกล่ินหอมและไม่คาว 2. ควรใส่น้ามะนาวเม่ือปิ ดไฟและยกลงจากเตาแลว้ จะทาใหม้ ีกล่ินหอมและไม่มีรสปร่า ขม ประโยชน์เชิงสุภาพ ตม้ ยากงุ้ เป็นอาหารที่อุดมดว้ ย แร่ธาตุ โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต มีไขมนั นอ้ ย กุง้ เป็ นเน้ือสตั วท์ ่ีมี โคเลสเตอรอลชนิดที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหวั ใจไดอ้ ีกดว้ ย รวมท้งั มีธาตุสังกะสีและซีลีเนียมในปริมาณสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุม้ กนั เพ่มิ ความตา้ นทานตอ่ การติดเช้ือ เครื่องสมุนไพรตม้ ยา เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดมีสรรพคุณแกท้ อ้ งอืด แกไ้ อ แกช้ ้าใน ขบั ลมในลาไส้ แก้ คล่ืนเหียน แกจ้ ุกเสียด ไดด้ ี 4.แกงเทโพ ประวตั ิ (แกงเทโพ) แกงเทโพ คือ แกงเผด็ ชนิดหน่ึง ใส่กะทิ ผกั บุง้ และหมูสามช้นั เป็นส่วนประกอบ แกงเทโพด้งั เดิมน้นั ใส่ปลาเทโพเท่าน้นั แตป่ ัจจุบนั นิยมใส่หมูสามช้นั แกงเทโพเป็นแกงกะทิรสเขม้ ขน้ รสชาติออกเปร้ียว เคม็ นา และหวานเลก็ นอ้ ย มีกลิ่นหอมเฉพาะจากใบมะกรูดใชผ้ กั บุง้ ยอดอ่อนๆ มาแกงกบั กะทิและหมูสามช้นั มี รสเปร้ียวจากมะขามเปี ยกตดั ความมนั ของกะทิ ความสมดุลลงตวั ของรสชาติท้งั สามรสคือความอร่อยของ แกงชนิดน้ี กะทิ เป็นสารอาหารประเภทไขมนั ที่ใหพ้ ลงั งานความอบอุ่นแต่ร่างกาย แต่ไขมนั ในกะทิ เป็ น ไขมนั ที่ มีประโยชนม์ าก ช่วยละลายวติ ามินเอ ซ่ึงจะทาใหร้ ่างกายดูดซึมวติ ามินเอไดด้ ีข้ึน ส่วนผกั บุง้ มีเบตา้ แคโรทีน ซ่ึงเป็ นแหล่งกาเนิดของวติ ามินเอสูง ช่วยบารุงสายตา ทาใหด้ วงตามีน้าหล่อเล้ียง เป็นประกาย สวยงาม ไมแ่ สบ หรือรู้สึกแหง้ ในตา ผกั บุง้ ไทยตน้ ขาวจะมีวติ ามินซีสูงกวา่ ชนิดอื่น ๆ ช่วยบารุงรักษาเหงือก ฟัน ใหแ้ ขง็ แรง ช่วยทาใหผ้ วิ สวยมีสุขภาพดี

ส่ วนประกอบ มะพร้าวขดู ประมาณ 500 กรัม (ค้นั ใหไ้ ดห้ วั กะทิ 1 ถว้ ย และน้ากะทิ 3 ½ ถว้ ย) ผกั บุง้ ไทย 1 กา หมูสามช้นั 200 กรัม ½ ชอ้ นโตะ๊ น้ามะขามเปี ยกประมาณ 4 – 5 ชอ้ นโตะ๊ น้าตาลปี๊ บ 2 หยบิ มือ 4 – 5 ใบใหญ่ น้าปลาประมาณ 2 ชอ้ นโตะ๊ เกลือป่ น 3 แวน่ 1 ชอ้ นชา มะกรูด 1 ลูก ใบมะกรูด 3 หวั 3 ตน้ พริกแหง้ 10 เมด็ ข่า ตะไคร้หน่ั ฝอย 2 ตน้ ผวิ มะกรูด พริกไทยเมด็ 10 เมด็ หอมแดง กระเทียม 5 กลีบ รากผกั ชีหนั่ กะปิ 1ชอ้ นโตะ๊ เกลือเมด็ นิดหน่อย วธิ ีทา 1. ทาน้าพริกแกงก่อน ดว้ ยการนาพริกแหง้ มาแช่น้าให้นุ่ม แลว้ นาไปโขลกกบั เกลือเมด็ พอแหลก 2. ใส่ข่า ผวิ มะกรูด รากผกั ชีและพริกไทยเมด็ ลงไป โขลกใหล้ ะเอียด จึงใส่หอมแดง กระเทียมและ กะปิ โขลกส่วนผสมทุกอยา่ งใหล้ ะเอียด เนียนเขา้ กนั ดี 3. เตรียมเคร่ืองปรุง นาหมูสามช้นั มาลา้ งทาความสะอาด หนั่ เป็นชิ้นหนาประมาณ 0.5 เชนติเมตร ลูก มะกรูดผา่ คร่ึง เอาเมล็ดออก ส่วนใบมะกรูดเลือกใชใ้ บแก่หน่อยจะไดม้ ีกลิ่นหอม ลา้ งน้าแลว้ ฉีกเป็นชิ้นเลก็ ๆ เตรียมไว้ 4. นามะขามเปี ยกแช่น้า ค้นั ใหไ้ ดน้ ้ามะขามเปี ยกประมาณคร่ึงถว้ ย 5. นาผกั บุง้ มาตดั ส่วนโคน เลือกเฉพาะส่วนท่ียงั ออ่ น ลา้ งน้าสะอาด เลือกใบเสียออกใหห้ มด จากน้นั หน่ั เป็นท่อน แช่น้าเตรียมไว้ 6. ต้งั กระทะใชไ้ ฟกลาง แลว้ เทหวั กะทิลงไปในกระทะคร่ึงหน่ึง รอใหก้ ะทิเดือดและแตกมนั ระหวา่ งน้ีหมน่ั คนเป็นระยะๆ ไมใ่ หก้ ะทิจบั ตวั กนั เป็นกอ้ น 7. พอกะทิแตกมนั ดีแลว้ ใส่พริกแกงลงไปประมาณ 1 ขีด ยพี ริกแกงใหเ้ ขา้ กบั กะทิผดั ไปเร่ือยๆ ถา้ แหง้ ใหเ้ ติมน้าหางกะทิลงไป จนเริ่มส่งกล่ินหอม และแตกมนั สวยงาม 8. พอพริกแกงแตกมนั ใส่หมูสามช้นั ลงไป ผดั หมูใหเ้ ขา้ กบั พริกแกง พอหมูเร่ิมจะสุก คอ่ ยๆเทหาง กะทิ ที่เหลือลงไป 9. จากน้นั เร่งไฟใหแ้ รงข้ึน ปรุงรสโดยใส่น้าตาลป๊ี บ น้ามะขามเปี ยก เกลือป่ น และน้าปลา 2 ชอ้ น ชิม ดู ใหไ้ ดร้ สเปร้ียวเคม็ หวาน

10. พอน้าแกงเดือดจดั นาเอาผกั บุง้ กบั ลูกมะกรูดที่เตรียมไวใ้ ส่ลงไป ใชต้ ะหลิวกดใหผ้ กั บุง้ จมน้า แกง จนผกั บุง้ สุกดีใส่ใบมะกรูดใส่ลงไป ราดดว้ ยหวั กะทิที่เหลืออีก ½ ถว้ ยลงไป คนใหเ้ ขา้ กนั รอเดือด อีก คร้ังปิ ดไฟ ตกั ใส่ชามรับประทานเป็นกบั ขา้ ว ประโยชน์เชิงสุภาพ ขอ้ มูลโภชนาการ, แคลอร่ี, พลงั งาน และสารอาหาร ใน แกงเทโพ, หมูสามช้นั ในปริมาณ 1 bowl มี พลงั งานท้งั หมด 790.8 กิโลแคลอรี่, โปรตีน 12.4 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 56.5 กรัม, ไขมนั 58.6 กรัม เราสามารถ ดูรายละเอียดขอ้ มูลอ่ืนๆ เข่น เกลือโซเดียม, คอเลสเตอรอล, วติ ามิน, ไขมนั อ่ิมตวั , ไขมนั ไมอ่ ่ิมตวั , น้าตาล, กากไยอาหาร ฯลฯ ไดจ้ ากตารางดา้ นล่างครับกะทิ เป็นสารอาหารประเภทไขมนั ท่ีใหพ้ ลงั งานความอบอุ่น แตร่ ่างกาย แต่ไขมนั ในกะทิ เป็นไขมนั ที่ มีประโยชนม์ าก ช่วยละลายวติ ามินเอ ซ่ึงจะทาใหร้ ่างกายดูดซึม วติ ามินเอไดด้ ีข้ึน ส่วนผกั บุง้ มีเบตา้ แคโรทีน ซ่ึงเป็นแหล่งกาเนิดของวติ ามินเอสูง ช่วยบารุงสายตา ทาให้ ดวงตามีน้าหล่อเล้ียง เป็นประกายสวยงาม ไม่แสบ หรือรู้สึกแหง้ ในตา ผกั บุง้ ไทยตน้ ขาวจะมีวติ ามินซีสูงกวา่ ชนิดอ่ืน ๆ ช่วยบารุงรักษาเหงือก ฟัน ใหแ้ ขง็ แรง ช่วยทาใหผ้ วิ สวยมีสุขภาพดี 5.ข้าวคลกุ กะปิ ประวตั ิ (ข้าวคลุกกะปิ ) ขา้ วคลุกกะปิ คือ ขา้ วคลุกกะปิ เป็นอาหารด้งั เดิมของไทย ตน้ ตารับของขา้ วคลุกกะปิ คือ ขา้ วคลุก ปลาดุกยา่ ง โดยท้งั ขา้ วคลุกกะปิ และขา้ วคลุกปลาดุกยา่ ง วธิ ีการทาและใชเ้ คร่ืองปรุงลกั ษณะเดียวกนั วธิ ีการ ทาไมย่ งุ่ ยาก และหาเคร่ืองปรุงไดง้ ่าย ลกั ษณะของขา้ วคลุกกะปิ ตอ้ งมีสีนวล มีรสชาติของกะปิ และมีกลิ่น หอม กะปิ ท่ีใชต้ อ้ งเลือกกะปิ อยา่ งดี มีสีสวย สีไม่คล้ามาก ขา้ วท่ีใชต้ อ้ งเป็นขา้ วที่หุงไม่แฉะ เมด็ สวยจึงนิยม ใชข้ า้ วเสาไห้ หรือขา้ วหอมมะลิเก่าโดยหุงใชน้ ้านอ้ ยสมยั โบราณจะห่อกะปิ ดว้ ยใบตอง แลว้ นาไปปิ้ งไฟใหม้ ี กล่ินหอมก่อนนามาคลุกกบั ขา้ ว ปัจจุบนั ใชว้ ธิ ีนากะปิ ลงไปผดั ในกระทะใหห้ อมแลว้ คลุกกบั ขา้ วเพ่อื ช่วย เพิม่ ความหอมของกะปิ และทาใหเ้ มด็ ขา้ วมีสีสวย เครื่องเคียงสาคญั ของขา้ วคลุกกะปิ ส่ วนประกอบ 2 ฟอง กงุ้ แหง้ 1 กามือ ไข่ไก่ 6 ตวั ถว่ั ฝักยาว 2 ตน้ กุง้ สด 10 เมด็ หอมแขก 1/2 หวั พริกข้ีหนู 1 หยบิ มือมะนาว 1-2 ซีก มะม่วงเปร้ียว 1 ชอ้ นโตะ๊ กระเทียมจีน 3 กลีบ น้ามนั พืช 400 กรัม น้าเปล่า 1 ถว้ ย หมูสามช้นั 1 ชอ้ นชา ซีอ๊ิวดา 2 ชอ้ นโตะ๊ เกลือชมพู

ซีอ๊ิวขาว 1 ชอ้ นโตะ๊ น้าตาลโตนด 1 ชอ้ นโตะ๊ น้ามนั พืช 2 ชอ้ นโตะ๊ กะปิ 1 ชอ้ นโตะ๊ กะปิ หวาน 1 ชอ้ นโตะ๊ น้าเปล่า 1/4 ถว้ ย 1 จาน (2-3 ทพั พี) ขา้ วหุงสุก วธิ ีทา 1.ต้งั กระทะใชไ้ ฟออ่ นเจียวไขใ่ หเ้ ป็นแผน่ ไมต่ อ้ งหนามาก เราไม่ตอ้ งการใหไ้ ข่ฟูเพื่อท่ีเน้ือไขจ่ ะนุ่ม เดง้ สามารถหน่ั เส้นได้ 2.ใชไ้ ฟอ่อน-กลางทอดกุง้ แห้งใหก้ รอบ พอสีสวยเหลืองทองก็รีบนาข้ึน 3.ใชไ้ ฟกลางทอดกงุ้ สดใหส้ ุก 4.หน่ั ซอยเคร่ืองเคียง ไขเ่ จียว, ถว่ั ฝักยาว, พริกข้ีหนู, หอมแขก, มะม่วงเปร้ียว และมะนาวเตรียมไว้ ข้นั ตอนการทาหมูหวาน 1.ซอยกระเทียมใหเ้ ป็นแวน่ ๆ ลอกหนงั หมูสามช้นั ออกแลว้ หน่ั ใหเ้ ป็ นชิ้นพอดีคา 2.ต้งั กระทะไฟกลาง เจียวกระเทียมใหห้ อม ตามดว้ ยหมูสามช้นั ลงไปผดั จนเร่ิมสุก เติมน้าเปล่าลงไป ตม้ ประมาณ 10 นาที 3.พอน้าเริ่มงวด ปรุงรสดว้ ยเกลือ ซีอ๊ิวดา ซีอิ๊วขาว และน้าตาลโตนด ชิมรสและปรุงเพิม่ เติมตามใจ ชอบ เคี่ยวต่อใหน้ ้าซอสงวดและเร่ิมเหนียว เสร็จแลว้ นาข้ึนพกั ไว้ ข้นั ตอนการผดั ขา้ วคลุกกะปิ 1.ต้งั กระทะใชไ้ ฟอ่อน ใส่น้ามนั ลงไปผดั กะปิ เคม็ และกะปิ หวาน หากแหง้ ไปเติมน้าเปล่าเลก็ นอ้ ย ผดั จนเน้ือกะปิ ฉ่าๆกาลงั ดี 2.นาขา้ วสวยหุงสุก (ไมใ่ ชข้ า้ วแฉะ) ลงไปผดั คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั กบั กะปิ เร่งไฟข้ึนเป็นไฟกลาง ผดั จนขา้ วเป็ นสีน้าตาลสวยงาม 3.โรยกุง้ แหง้ ทอดเล็กนอ้ ย ปิ ดเตาแลว้ ตกั ขา้ วคลุกกะปิ ใส่อดั ใส่ถว้ ยใหแ้ น่น แลว้ ควา่ ลงใส่จาน นาเคร่ืองเคียงท้งั หมดท่ีเตรียมไวม้ าจดั ใส่จานให้ สวยงาม เสิร์ฟข้ึนโตะ๊ พร้อมรับประทาน ประโยชน์เชิงสุภาพ คุณคา่ ทางโภชนาการของขา้ วคลุกกะปิ ๑ จาน ใหพ้ ลงั งานประมาณ ๕๔๙ กิโลแคลอรี ซ่ึงเป็น ปริมาณพลงั งานประมาณ ๑ ใน ๓ ของท่ีแนะนาใหบ้ ริโภคใน ๑ วนั สาหรับผทู้ ่ีตอ้ งการพลงั งาน ๑,๖๐๐ กิโล แคลอรีต่อวนั ส่วนปริมาณโปรตีน จดั วา่ มีค่อนขา้ งสูงคือประมาณ ๒๔ กรัม หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๘ ของ ปริมาณท่ีแนะนาใหบ้ ริโภคประจาวนั ซ่ึงมาจากเน้ือหมู กุง้ แหง้ และไขเ่ จียว เป็นส่วนใหญ่ แต่เม่ือดูปริมาณ

ไขมนั อาจถือไดว้ า่ ขา้ วคลุกกะปิ เป็นอาหารจานเดียวท่ีใหป้ ริมาณไขมนั สูงไปบา้ ง คือ พลงั งานที่ไดจ้ ากไขมนั มากกวา่ ร้อยละ ๓๐ ของพลงั งานท้งั หมด หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๓ ของปริมาณท่ีแนะนาใหบ้ ริโภคท้งั วนั อาหารภาคใต้ 1.ผดั สะตอกบั กะปิ ใส่ก้งุ ประวตั ิ (ผดั สะตอกบั กะปิ ใส่กุ้ง) “ผดั สะตอกบั กะปิ ใส่กงุ้ ” สะตอ ผกั พ้นื บา้ นสญั ลกั ษณ์ของชาวใตท้ ่ีไดร้ ับความนิยมอยา่ งแพร่หลาย สะตอเป็นผกั ท่ีมีรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะ ชาวใตน้ ิยมนาสะตอมารับประทานเป็นผกั สด หรือ จะนามาปิ้ งไฟใหส้ ุกรับประทานเป็นผกั เคียงคู่กบั น้าพริกหรือกบั ขา้ วต่างๆนอกจากน้ี ยงั นิยมนามาประกอบ เป็นกบั ขา้ วอีกดว้ ย โดยเมนูที่ไดร้ ับความนิยมในกลุ่มชาวใตแ้ ละภาคอื่นๆ คือ ผดั สะตอกบั กะปิ ใส่กงุ้ เมนูน้ี หารับประทานไดง้ ่าย รสชาติมีท้งั เคม็ เปร้ียว หวานเล็กนอ้ ย และมีความหอมจากกะปิ ส่ วนประกอบ 20เมด็ กุง้ สด 10ตวั สะตอ 58กรัม 5หวั หมูสันใน 4ชอ้ นโตะ๊ หอมแดงหนั่ ตามยาว 2ชอ้ นโตะ๊ น้ามนั พชื 2ชอ้ นโตะ๊ น้าตาลทราย 3ชอ้ นโตะ๊ มะนาว 1ชอ้ นโตะ๊ ซอสน้ามนั หอย 30 เมด็ กะปิ 4กลีบ พริกข้ีหนู ½ชอ้ นชา กระเทียม เกลือ วธิ ีปรุง นากระทะต้งั ไฟปานกลาง ใส่น้ามนั พอร้อนใส่เครื่องกะปิ ที่เตรียมไวล้ งไปผดั พอหอม ใส่หมูรวน พอสุก ตามดว้ ยกุง้ ผดั จนกุง้ สุก แลว้ ใส่สะตอลงไปผดั ใหเ้ คร่ืองเขา้ กบั สะตอไมต่ อ้ งนานจากน้นั ใส่ซอหอย นางรม ผดั ใหเ้ ขา้ กนั ใส่หอมแดง ผดั พอหอมเร่ิมอ่อนตวั ใส่น้ามะนาวแลว้ ตามดว้ ยน้าตาลทราย ผดั ไปมาจน ทว่ั ยกลง ตกั ใส่จานพร้อมเสิร์ฟ เปร้ียว หวานเล็กนอ้ ย และมีความหอมจากกะปิ ประโยชน์เชิงสุภาพ ประโยชน์ของสะตอประโยชน์สะตอมีส่วนช่วยบารุงสายตาช่วยทาใหเ้ จริญอาหารช่วยป้องกนั หลอดเลืออุดตนั ประโยชน์ของสะตอ ช่วยลดความดนั โลหิตช่วยทาใหเ้ มด็ เลือดแดงเกาะกลุ่มกนั ไดด้ ีข้ึนมีผล ต่อการแบง่ ตวั ของเซลลส์ ะตอประโยชน์ ช่วยลดระดบั น้าตาลในเลือดเชื่อวา่ การรับประทานเป็นประจาจะ ช่วยป้องกนั การเกิดโรคเบาหวานไดส้ รรพคุณของสะตอ ช่วยขบั ลมในลาไส้ช่วยกระตุน้ การบีบตวั ของลาไส้

2.แกงไตปลา ประวตั ิ (แกงไตปลา) ไตปลา (ภาคกลาง) หรือ พุงปลา (ภาคใต)้ เป็นการถนอมอาหารแบบหมกั ดองชนิดหน่ึง โดยใช้ กระเพาะของปลา เช่น ปลาทู ปลาลงั ปลาดุก ปลาช่อน หรือปลาอ่ืนๆมาหมกั กบั เกลือ โดยนาข้ีและดีออกจาก กระเพาะก่อน หมกั ไว้ 10 -30 วนั ก็ใชไ้ ด้ ไตปลาท่ีหมกั ไดท้ ่ีจะเหลวและมีมนั ไหลออกมา นาไปทาเป็นอาหาร ไดห้ ลายชนิด เช่น ไตปลาท่ีเป็นเคร่ืองจิ้มคลา้ ยน้าพริกของทางภาคกลาง หรือแกงพุงปลาท่ีเป็นอาหารท่ีมี ช่ือเสียงของจงั หวดั พทั ลุง นอกจากน้นั ยงั นาไตปลาไปผดั กบั น้าพริกแกง ใส่ปลาจิง้ จา้ งและผกั เรียกไตปลา แหง้ ไตปลาที่เป็นเครื่องจิม้ น้ีเป็นที่มาของอาหารชาววงั ที่เรียกวา่ แสร้งวา่ หรือแสร้งวา่ ไตปลา ซ่ึงเป็นการปรุง แบบเดียวกบั น้าพริกไตปลาเพียงแต่ตดั ไตปลาท่ีมีกลิ่นเหมน็ คาวออกไป ใส่เครื่องปรุงอื่นลงไปแทน เช่น กงุ้ แสร้งวา่ น้ี เป็ นอาหารที่มีในกาพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคาวหวานของรัชกาลท่ี 2 ส่ วนประกอบ 1 ถว้ ย เครื่องแกงไตปลา 2 ชอ้ นโตะ๊ ปลายา่ งแกะเป็นชิ้น 1 ถว้ ย กะปิ ปลา 1 ถว้ ย ไตปลา 2-3 ลูก ฟักทองหน่ั เป็ นชิ้น 3-4 ชิ้น มะเขือเปราะ 3-4 ชิ้น ใบมะกรูดฉีก 2-3 ใบ มนั เทศหน่ั เป็นชิ้น เกลือเล็กนอ้ ย ผงชูรสเล็กนอ้ ย น้าเปล่า 3 ถว้ ย วธิ ีปรุง 1.ใส่น้าเปล่าลงในหมอ้ ต้งั ไฟ รอจนน้าเดือด ใส่กะปิ ปลาและไตปลาลงในกระชอนแลว้ นาไปละลาย กบั น้าเดือดในหมอ้ เสร็จแลว้ จึงใส่เครื่องแกงลงไปตม้ สักครู่ 2.ใส่ปลายา่ ง มะเขือเปราะ ฟักทองและมนั เทศลงไป ตม้ จนผกั สุก จึงชิมรสถา้ เคม็ ไดท้ ี่แลว้ กไ็ ม่ตอ้ ง เติมเกลือ ปรุงรสดว้ ยผงชูรสเลก็ นอ้ ย 3.เสร็จแลว้ ใส่ใบมะกรูดฉีก ปิ ดไฟ ยกลงพร้อมเสิร์ฟ ประโยชน์เชิงสุภาพ แกงไตปลามีรสเผด็ อาหารท่ีมีรสเผด็ จะมีคุณสมบตั ิช่วยใหเ้ จริญอาหาร แกงไตปลาใชพ้ ริกข้ีหนู จานวนมากใส่เป็นเคร่ืองแกง ซ่ึงพริกข้ีหนูมีสรรพคุณทางยาช่วยแกค้ ล่ืนไส้อาเจียน แกโ้ รคบิด เมด็ พริกมีสาร ที่สามารถทาใหห้ ลอดเลือดขยายตวั เลือดไหลเวยี นดีข้ึน แตก่ ็มีขอ้ ควรระวงั คือ ท่านท่ีเป็นโรคเก่ียวกบั ตา หรือผปู้ ่ วยอาการเจบ็ คอ คอแหง้ ไอ ไมค่ วรรับประทานพริกข้ีหนูจานวนมากควรรับประทานจานวนนอ้ ย

3.ปลาทรายทอดขมิน้ ประวตั ิ (ปลาทรายทอดขมิน้ ) “ปลาทรายทอดขมิน้ ” ขมิน้ เป็นสมุนไพรท่ีถูกนามาใชเ้ ป็ นส่วนประกอบของอาหารภาคใตแ้ ทบทุก เมนู ขมิน้ มีคุณค่าในตวั เองอยา่ งมากมาย มีสรรพคุณเป็นสารตา้ นอนุมูลอิสระ ฆา่ เช้ือแบคทีเรีย เช้ือรา ช่วยลด การอกั เสบ ป้องกนั และรักษาโรคกระเพาะอาหาร ขบั ลม ลดอาการทอ้ งอืดทอ้ งเฟ้อ ส่ วนประกอบ ปลาทราย 500 กรัม ขมิน้ 1/2 ถว้ ย พริกไทยดา 2 ชอ้ นชา ตะไคร้สับ 1/2 ถว้ ย พริกข้ีหนูแดง 1/4 ถว้ ย น้ามนั พชื สาหรับทอด พริกข้ีหนูสีเขียว 1/2 ถว้ ย กระเทียม 1/4 ถว้ ย น้ามะนาว 1/4 ถว้ ย น้าปลา 1 ชอ้ นโตะ๊ วธิ ีปรุง ตาขมิ้น พริกไทยดา ตะไคร้ และเกลือใหแ้ หลกหยาบๆ นามาหมกั ปลาไว้ 1 คืนก่อนทอดใหต้ าพริก ข้ีหนูแดงหยาบๆ แลว้ คลุกกบั ปลาทอดปลาและสมุนไพรในน้ามนั ร้อนท่วมนาน 10-15 นาที สมุนไพรจะสุก ก่อนใหต้ กั ข้ึนพกั ไว้ เมื่อปลาจะสุกจึงใส่สมุนไพรลงทอดอีกคร้ังใหก้ รอบ ตกั ข้ึน พกั ไวใ้ หส้ ะเด็ดน้ามนั ประโยชน์เชิงสุภาพ มีสารตอ่ ตา้ นอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอกั เสบ ป้องกนั และรักษาโรคกระเพาะอาหาร ขบั ลม ลดอาการ ทอ้ งอืดทอ้ งเฟ้อ และช่วยเสริมสร้างภูมิตา้ นทานใหก้ บั ร่างกาย 4.ไก่ต้มขมิน้ ประวตั ิ (ไก่ต้มขมิน้ ) ไก่ตม้ ขมิน้ ไก่ตม้ ขมิ้น เป็นเมนูอาหารพ้ืนบา้ นทางภาคใต้ รสชาติจดั จา้ น เปร้ียวนาจากส้มแขก ตดั ดว้ ยกลิ่นสมุนไพรประเภท ขมิ้น ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด รสชาติคลา้ ยๆ ตม้ ยาน้าใสของทางภาคกลาง แตม่ ี กลิ่น รส และสีเหลืองของขมิน้ รวมท้งั รสเปร้ียวของส้มแขก เครื่องปรุงหลกั ของไก่ตม้ ขมิน้ ก็คือ ไก่ และ ขมิน้ โดยไก่ที่นิยมใชค้ ือ ไก่บา้ นหรืออาจจะใชไ้ ก่ไขแ่ ทนก็ได้ ส่ วนประกอบ 385 กรัม ขมิ้นชนั สับ 1ชอ้ นโตะ๊ ไก่ไข่ 2ชอ้ นโตะ๊ ขา่ หนั่ แวน่ 2หวั ตะไคร้ทุบเป็นท่อน 1ตน้ หอมแดงซอย 6 ใบ ใบมะกรูดฉีก ส้มแขกแหง้ 5ชิ้น เกลือ 2ชอ้ นชาน้าสะอาด1ถว้ ยชา

วธิ ีปรุง เร่ิมจากตม้ น้าในหมอ้ ใหเ้ ดือดพอน้าเดือด นาไก่ที่สับเป็นชิ้นแลว้ มาใส่ลงในหมอ้ แลว้ ต้งั ไฟตอ่ ถา้ มี ฟองก็ชอ้ นฟองออก และรอจนน้าเดือดอีกคร้ัง รอจนไก่เร่ิมสุกนาขา ตะไคร้ หอมแดง ใส่ลงไปเพ่มิ รสเปร้ียว ดว้ ยส้มแขก รสเคม็ ดว้ ยเกลือต้งั ไฟต่อ จนไก่สุกเป่ื อยไดท้ ี่ ก็ใส่ส่ิงสาคญั คือ ขมิน้ แลว้ คนใหเ้ ขา้ กนั ต้งั ไฟตอ่ อีกสักพกั แลว้ จึงโรยใบมะกรูด เพือ่ เพมิ่ ความหอม เป็นอนั เสร็จ พร้อมรับประทาน ประโยชน์เชิงสุภาพ ไก่ตม้ ขมิน้ เป็นอาหารท่ีมีรสเปร้ียวนา เหมาะสาหรับคนธาตุน้า เป็นหวดั เร้ือรัง รับประทานเผด็ ๆ แกไ้ อ ขบั เสมหะ เพม่ิ ความสดชื่นใหก้ บั ร่างกาย 5.นา้ พริกระกา ประวตั ิ (นา้ พริกระกา) น้าพริกระกานบั เป็ นอาหารท่ีนิยมอยา่ งหน่ึงในช่วงฤดูร้อน ขณะท่ีมะนาวขาดแคลน ระกาซ่ึงเป็น ผลไมพ้ ้นื เมืองก็ออกผล คนใตจ้ ึงนิยมประยกุ ตใ์ ชร้ สเปร้ียวจากระกาแทนมะนาว นามาทาน้าพริกรับประทาน กบั ผกั ต่าง ๆ น้าพริกระกาจะมีรสชาติที่เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะนอกจากจะมีรสชาติเปร้ียวเคม็ หวานอยา่ งกลม กล่อมแลว้ ยงั มีกล่ินหอมของระกาเจืออยดู่ ว้ ย คนใตน้ ิยมรับประทานคู่กบั ลูกเนียงซ่ึงมีกล่ินฉุน เมื่อ รับประทานคู่กนั ยง่ิ ทาให้เพ่ิมรสชาติในการรับประทานยงิ่ ข้ึน นบั เป็นของคูก่ นั ส่ วนประกอบ 300 กรัม กะปิ 10 กรัม ระกาปอกเปลือกขดู เอาแต่เน้ือ 40 กรัม กระเทียม 5 กรัม กุง้ แหง้ 15 กรัม หรือ 2 ชอ้ นชา น้าตาลทราย 150 กรัม พริกข้ีหนู วธิ ีปรุง ใชใ้ บตองห่อกะปิ ยา่ งไฟใหห้ อมโขลกกะปิ กระเทียม กงุ้ แหง้ พริกข้ีหนู น้าตาลทรายใส่ระกา โขลก ใหเ้ ขา้ กนั เสร์ิฟพร้อมผกั เหนาะ เช่น ถวั่ ฝักยาว, สะตอ, กระถิน ประโยชน์เชิงสุภาพ น้าพริกระกา เป็ นน้าพริกที่เพิ่มรสชาติของผกั เหนาะใหร้ ับประทานไดม้ ากยง่ิ ข้ึน การรับประทานผกั มาก ๆ และหลายชนิด ช่วยใหร้ ่างกายไดค้ ุณค่าทางอาหารรวมตลอดถึงวติ ามินครบถว้ น

บทท3ี่ วธิ ีการจัดทาโครงงาน ในการจดั ทาโครงงานวชิ าหนา้ ท่ีพลเมืองเรื่องอาหารไทย กลุ่มของขา้ พเจา้ ทาโครงงานตามข้นั ตอน ดงั ตอ่ ไปน้ี วสั ดุและอุปกรณ์ วสั ดุและอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการจดั ทาโครงงานไดแ้ ก่ 1.เครื่องคอมพวิ เตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต วธิ ีการจัดทาโครงงาน 1.คิดหวั ของโครงงานเพื่อนาเสนอครูท่ีปรึกษาโครงงาน 2.ศึกษาและคน้ ควา้ ขอ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ งกบั โครงงาน 3.นาเสนอรายงานของโครงงานเร่ืองอาหารไทย 4.ประเมินผลงานโดยการสรุปรายงานโครงงาน

บทท4ี่ ผลการศึกษา จากการจดั ทาโครงงานเร่ืองอาหารไทย ในการจดั ทาโครงงานคร้ังน้ีผจู้ ดั ทาได้ ริเริ่มดาเนินงานท่ี เสนอในบทท่ี3 แลว้ จากน้นั ไดน้ าเสนอเผยแพร่ผลงานผา่ นโครงงงานฉนบั น้ี เพอื่ ใหผ้ สู้ นใจเขา้ มาศึกษษซ่ึง ครูท่ีปรึกษาเพ่ือนๆในห้องเรียนไดเ้ ขา้ ไปมีส่วนร่วมในการจดั การเรียนรู้

บทท5ี่ สรุปผลและข้อเสนอแนะ การจดั ทาโครงงาน เรื่องอาหารไทย สามารถสรุปผลการดาเนินโครงงานและขอ้ เสนอแนะดงั น้ี การดาเนินงานจัดทาโครงงาน วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน 1.เพือ่ ศึกษาคน้ ควา้ เรื่องท่ีน่าสนใจเกี่ยวกบั เร่ืองอาหารไทย4 2.เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนสามรถศึกษาคน้ ควา้ ไดด้ ว้ ยตนเองและนาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ ขา้ กบั การเรียนรู้ ของตนเองมากยง่ิ ข้ึน 3.เพื่อใหป้ ระชาชนรู้จกั ความสาคญั ของอาหารไทย สดุอุปกรณ์เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือที่ใชใ้ นการพฒั นา 1.เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สรุปผลการศึกษา การจดั ทาโครงงาเพ่ือนาเสนอ เรื่องอาหารไทย น้ีผจู้ ดั ทาไดเ้ ร่ิมดาเนินงานตามข้นั ตอนการ ดาเนินงานที่เสนอในบทที่3 แลว้ ไดค้ น้ ควา้ ศึกษาหารความรู้และไดน้ าเสนอเผยแพร่ผลงานผา่ นรายงาน โครงงานเล่มน้ี เพื่อใหผ้ ทู้ ี่สนใจเขา้ มาเรียนรู้ศึกษาคน้ ควา้ ในรางงานฉบบั น้ี

บรรณานุกรม อาหารภาคเหนือ น้าพริกหนุ่ม ขนมจีนน้าเง้ียว ขา้ วซอย หมูพนั ปี แกงโฮะ : https://www.agro.cmu.ac.th/lanna/annuum.htm : https://www.mculture.go.th/chiangrai/ewt_dl_link.php?nid=501 : http://lannainfo.library.cmu.ac.th/lannafood/detail_lannafood.php?id_food=16 : https://th.m.wikipedia.org/wiki : https://www.wongnai.com/recipes/northern-thai-curried-noodles-soup : https://www.m-culture.go.th/chiangrai/ewt_dl_link.php?nid=494 https://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=4653&pageid=3&read=t rue&count=true : https://th.m.wikipedia.org/wiki : https://www.wongnai.com/recipes/ugc/ce96d457c8ed44aeb33955710e03a399 : https://www.xn--12cg3cq6bmlr1hc3fujdh.com/3779 อาหารภาคอสี าน ส้มตา แกงแปรอะ ลาบ หมกฮวก กอ้ ยไขม่ ดแดง : https://ifoodday.com.html : https://www.wongnai.com/recipes/mok-huak?ref=ct : https://th.nonilo.com/10-bizarre-thai-foods-210819 : https://d.dailynews.co.th/agriculture/195683/ : https://d.dailynews.co.th/agriculture/195683/ : https://www.wongnai.com/recipes/ugc/a14cda67614041a98c5af8ac346d1c59 : https://www.sanook.com/women/99237/ : https://guide.michelin.com/th/th/article/features/10-must-try-isaan-dishes-and-where-to- find-them-in-bangkok : https://goodlifeupdate.com/healthy-food/recipe/114773.html

อาหารภาคกลาง แกงมสั มนั่ ตม้ ขาไก่ขา้ วคลุกกะปิ แกงเทโพ ตม้ ยากุง้ :http://www.thaifoodheritage.com/recipe_list/detail :https://th.wikipedia.org/wiki :https://zeroaom6656.wordpress.com :http://www.thaifoodheritage.com/recipe_list/detail/73 :http://www.thaifoodheritage.com/recipe_list/detail :https://th.wikipedia.org/wiki :https://sites.google.com/site/xaharthaiphakhklang/kaeng-thepho :https://www.happyfresh.co.th/blog/recipe/rice-seasoned-with-shrimp-paste/ อาหารภาคใต้ ผดั สะตอใส่กงุ้ แกงไตปลา ปลาทรายทอดขมิ้น ไก่ตม้ ขมิน้ น้าพริกกระกา :http://galyarat18.blogspot.com/p/blog-page_19.html :http://galyarat18.blogspot.com/p/blog-page_16.html :http://oknation.nationtv.tv/blog/goirish2011/2016/02/26/entry-2 :https://sites.google.com/site/kwanhathai2245/xa-ha-rthakh-ti/pla-thray-thxd-khmin :http://galyarat18.blogspot.com/p/blog-page_13.html :http://galyarat18.blogspot.com/p/300-10-40-5-15-2-150-1.html :https://www.m-culture.go.th/chanthaburi/ewt_news.php?nid=931&filename=index :https://sites.google.com/site/kwanhathai2245/xa-ha-rthakh-ti/pla-thray-thxd- :khmin?fbclid=IwAR30YBqhycZkdKFFNM-gRzmOqNE9- eMNv1JTcagFXiXxAEdJ4OLTYOO_c5s :https://goodlifeupdate.com/healthy-food/recipe/40005.html

ภาคผนวก ส้ มตา ลาบ ก้อยไข่มดแดง

นา้ พริกหนุ่ม ขนมจนี นา้ เงยี้ ว หมูพนั ปี

ต้มยาก้งุ ข้าวคลกุ กะปิ ต้มข่าไก่

แกงไตปลา ปลาทรายทอดขมนิ้ ผดั สะตอกะปิ ใส่ก้งุ

ผู้จดั ทา ช่ือ นายชนวรี ์ ทองสามสี อายุ 17 ปี เบอร์โทรศัพท์ 096-885-3641 ชื่อ นายธนภทั ร ศรีวเิ ชียร อายุ 17 ปี เบอร์โทรศัพท์ 098-293-3973 ช่ือ นายธีระเทพ ชติกาวฒั น์ อายุ 17 ปี เบอร์โทรศัพท์ 061-849-5312 ชื่อ นายพลพจน์ โพธ์ิดารงชยั อายุ 18 ปี เบอร์โทรศัพท์ 093-730-7778

ชื่อ นายภูพพิ ฒั น์ ธรรมวงษศ์ รี อายุ 16 ปี เบอร์โทรศัพท์ 090-499-0883 ช่ือ นางสาวมนทกานต์ วงษถ์ าวร อายุ 17 ปี เบอร์โทรศัพท์ 092-926-6963 ชื่อ นางสาววรินทร ทองกร อายุ 16 ปี เบอร์โทรศัพท์ 080-240-7367 ช่ือ นางสาวสุชาดา กลุ รักษา อายุ 17 ปี เบอร์โทรศัพท์ 092-297-4161


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook