Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สัตว์โลกน่ารู้ 1-8

สัตว์โลกน่ารู้ 1-8

Published by กิติศักดิ์ รักนาม, 2020-02-04 02:01:36

Description: หนังสือเล่มนี้สร้างเพื่อศึกษาสัตโลก

Keywords: วิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

คานา หนงั สือสตั ว์โลกนา่ รเู้ ล่มน้ีเป็นสว่ นหน่งึ ของวชิ า การสร้างหนังสอื อิเลก็ ทรอนิกส์ ซ่ึงขา้ พเจา้ ไดร้ ับมอบหมาย จากคุณครูให้จัดหนงั สือเร่ืองนขี้ น้ึ ตามความสนใจ โดยบูรณาการกับ วชิ าวิทยาศาสตร์ เนอื้ หาในเลม่ น้จี ะประกอบไป ด้วยเรื่อง สัตว์โลกน่ารู้ เช่น เรือ่ งเสือ เรอ่ื งช้าง ซึ่งข้าพเจา้ ได้รวบรวมไวใ้ นหนงั สือเฃลม่ นี้ ขอบคุณ คณุ ครู ประภัสสร ก๋าเขยี ว ทีใ่ หแ้ นะนา ปรกึ ษา และเพื่อนๆ ช่วยเหลอื และให้คาแนะนาตลอดจน หนังสือเลม่ นี้ เสรจ็ ลุลว่ งไปด้วยดหี ากผิดพลาดประการใดกข็ ออภยั มา ณ ทนี่ ้ีดว้ ย ผ้จู ดั ทา ด.ช.กติ ศิ ักด์ิ รกั วงค์ ด.ช.ปัญญพฒั น์ เฒ่าฝั้น

สารบญั หนา้ ก คานา ข สารบัญ 1 สงิ โต 2 ปลานลิ 3 ช้าง 4 ม้า 5 กระรอก 6 กระต่าย 7 เสอื 8 โลมา 9 จระเข้ 10 ไก่ป่ า

สงิ โต สงิ โต (อังกฤษ: Lion) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มกี ระดกู สนั หลงั ช้นั สัตวเ์ ลย้ี งลกู ด้วยนม อยใู่ น วงศ์ Felidae ซง่ึ เปน็ วงศเ์ ดยี วกบั แมว สิงโตมีชอื่ วิทยาศาสตร์วา่ Panthera leo มีขนาด ลาตวั ใหญ่ ขนาดไล่เลยี่ กับเสือโคร่งทว่ั ไป (P. tigris) ซง่ึ เปน็ สตั วใ์ น สกุล Panthera เหมือนกนั จัดเปน็ สตั ว์ในวงศ์ Felidae ทมี่ ีขนาดใหญ่ท่สี ดุ รองมาจาก เสือโครง่ ไซบเี รีย (P. t. altaica) พ้ืนลาตัวสีนา้ ตาล ไมม่ ลี าย ตวั ผเู้ ม่ือโตเต็มทจ่ี ะมีขน สรอ้ ยคอยาว ขนปลายหางเป็นพู่ ชอบอยูเ่ ป็นฝงู ตามทงุ่ โลง่ มนี า้ หนกั ประมาณ 250 กโิ ลกรัม (550 ปอนด)์ ตวั เมยี มขี นาดเลก็ กวา่ มักทาหนา้ ทล่ี า่ เหยอ่ื มีนา้ หนกั ประมาณ 180 กโิ ลกรัม (400 ปอนด)์ มีถ่ินกาเนดิ ในทวปี แอฟรกิ าและประเทศ อนิ เดยี ในป่าธรรมชาติ สิงโตมอี ายขุ ยั ประมาณ 10-14 ปี ส่วนสิงโตทอี่ ยู่ในกรงเลีย้ งมี อายยุ ืนถงึ 20 ปี

ปลานลิ ปลานิลสามารถอาศัยอยู่ได้ในน้าจืดและน้ากร่อย มีถิ่นกาเนิดเดิมอยู่ที่แม่น้าไนล์ ทวีป แอฟรกิ า พบท่วั ไปตามหนอง บงึ และทะเลสาบในประเทศซดู าน, ยกู นั ดา และทะเลสาบ แทนกันยีกา ปลานิลนาเข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกโดยสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิ โตะ เมื่อครั้งดารงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทรงจัดส่งเข้ามา ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508 จานวน 50 ตัว ครั้งนั้นได้โปรดเกล้าฯ ให้ทดลองเลี้ยงปลานิลใน บ่อน้าภายในสวนจิตรลดา เป็นหนงึ่ โครงการในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ผลการทดลองปรากฏว่าปลานิลที่โปรดเกล้าให้ทดลองเลี้ยงได้เจริญเติบโตและแพร่ ขยายพนั ธไ์ุ ดเ้ ปน็ อย่างดี ต่อมาจึงไดพ้ ระราชทานชื่อวา่ ปลานลิ (โดยมีที่มาจากชื่อแม่น้า ไนล์ (Nile) ที่เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิม หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Tilapia nilotica) ส่วนใน สื่อมวลชนญี่ปุ่นกล่าวถึงที่มาของชื่อปลานี้ว่า นิล มาจากตัวอักษรคันจิตัวหนึ่งในพระ นามอะกิฮโิ ตะ คือตัว 仁 ตัวอกั ษรนีใ้ นภาษาญ่ีปนุ่ มีวธิ ีอา่ นสองแบบคอื ฮิโตะหรือนนิ [2] และพระราชทานพันธุ์ปลาดังกล่าวให้กับกรมประมงจานวน 10,000 ตัว เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2509 เพื่อนาไปขยายพันธุ์และแจกจ่ายแก่พสกนิกร และปล่อยลงไว้ตาม แหล่งนา้ ต่าง ๆ ตามที่เห็นว่าเหมาะสม เนื่องจากปลานิลมีคุณลักษณะพิเศษหลายอย่าง เช่น กินอาหารได้ทุกชนิด เช่น ไรน้า, ตะไคร่น้า ตัวอ่อนของแมลงและสัตว์น้าเล็ก ๆ มี ขนาดลาตัวใหญ่ ความยาวประมาณ 10-30 เซนตเิ มตร แพรข่ ยายพนั ธ์ุง่าย และมรี สชาติ ดี

ช้าง ช้าง เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมขนาดในวงศ์ Elephantidae ปัจจุบันรับรองว่ามีอยู่ 3 สปีชีส์ คือ ช้างแอฟริกา, ช้างป่าแอฟริกา และช้างเอเชีย วงศ์ Elephantidaeเป็นวงศ์ เดียวที่ยังไม่สูญพันธุ์ในอันดับ Proboscidea สมาชิกที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เช่น มาสโตดอน (mastodon) วงศ์ Elephantidae ยังมกี ลมุ่ ที่บดั นส้ี ูญพันธุ์ไปแลว้ หลายกลมุ่ รวมทั้งช้าง แมมมอธและช้างงาตรง ช้างแอฟริกามีหูขนาดใหญ่กว่าและหลังเว้า ส่วนช้างเอเชียมีหู ขนาดเล็กกว่าและมีหลังนูนหรือราบ ลักษณะเด่นของช้างทุกชนิดได้แก่ งวงยาว หูกาง ขนาดใหญ่ ขาใหญ่ และผิวหนังทห่ี นาแต่ละเอียดอ่อน งวงใช้สาหรับการหายใจ หยิบจับ อาหารและน้าเข้าปา และคว้าวัตถุ งาซึ่งดัดแปลงมาจากฟันตัด ใช้เป็นทั้งอาวุธและ เครื่องมือสาหรับเคลื่อนย้ายวัตถุและขุดดิน หูกางขนาดใหญ่ช่วยในการคงอุณหภูมิกาย ให้คงที่ เช่นเดียวกับใช้ในการสื่อสาร ขาใหญ่เหมือนเสารองรับน้าหนักตัว ช้างเป็นสัตว์ บกขนาดใหญส่ ดุ เท่าทีม่ ีอย่ใู นปัจจบุ นั

ม้า ม้า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Equus ferus caballus)[2][3] เป็นชนิดย่อยหนึ่งในสองชนิดของ Equus ferus หรอื มา้ ปา่ ที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมกีบคี่ในวงศ์ Equidae ม้ามีวิวฒั นาการมากว่า 45 ถึง 55 ลา้ นปจี ากส่ิงมีชีวิตหลายกีบเท้าขนาดเล็กสู่ สตั ว์กีบคี่ขนาดใหญ่ในปัจจุบัน มนุษย์เริ่มนาม้ามาเลี้ยงเมื่อราว 4,000 ปีก่อนคริสตกาล และเชื่อว่าการเลี้ยงแพร่หลายเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ม้าชนิดย่อย caballus เป็น ม้าบ้านแม้ว่าจะมีประชากรม้าบ้านบางส่วนจะอาศัยอยู่ในป่า เช่น ม้าเถื่อ น (feral horses) ม้าเถื่อนไม่ใช่ม้าป่าที่แท้จริง ดังเช่นม้าป่ามองโกเลียซึ่งถูกแบ่งแยกออกมาเป็น ชนิดย่อยและเปน็ ชนดิ เดยี วที่เหลอื อยูข่ องม้าปา่ ท่แี ท้จรงิ คาว่าม้าเถื่อนใช้เพอ่ื แสดงว่าม้า นี้ไม่ใชม่ ้าบ้าน มีคาศัพท์เฉพาะมากมายที่ใช้อธิบายแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับม้า ครอบคลุม จากกายวิภาคถึงช่วงชีวิต ขนาด สี สัญลักษณ์ การเพาะพันธุ์ การเคลื่อนไหว และ พฤตกิ รรม กายวิภาคของม้าช่วยให้ม้าใช้ความเร็วในการหนีนักล่า และม้ายังพัฒนาความสมดุลได้ อย่างยอดเยี่ยมและสัญชาตญาณสู้หรือถอยที่แข็งแกร่ง ม้ายังมีลักษณะพิเศษเพื่อใช้ สาหรับหลบหลีกนักล่า คือ ม้าสามารถยืนหลับหรือล้มตัวลงนอนหลับก็ได้ ม้าตัวเมียจะ อุ้มท้องประมาณ 11 เดือน ลูกม้าจะยืนและวิ่งได้ในเวลาไม่นานหลังกาเนิด ม้าบ้าน จานวนมากจะเริ่มฝึกภายใต้อานม้าหรือบังเหียนระหว่างอายุสองถึงสี่ปี ม้าจะโตเต็มที่ เมอื่ อายหุ ้าปี และมชี ว่ งอายปุ ระมาณ 25 ถงึ 30 ปี

กระรอก กระรอกต้นไม้ เป็นกระรอกที่มักพบเห็นได้บ่อยและคุ้นเคยกันดี มีหางยาวเป็นพวง สวยงาม มีกรงเล็บแหลมคม และมีใบหูใหญ่ บางชนิดมีปอยขนที่หู ส่วนกระรอกบินนั้น จะมีพังผืดข้างลาตัว สาหรับกางเพื่อร่อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง มักเป็นหากินใน ตอนกลางคนื มีตาสะท้อนแสงไฟ กระรอกดนิ มักจะมีรูปร่างสั้น และล่าสันกว่ากระรอก ต้นไม้ มีขาหน้าแข็งแรงใช้สาหรับการขุดดิน หางของกระรอกดินนั้นจะสั้นกว่าหางของ กระรอกต้นไม้ และไมฟ่ ูเป็นพวงนกั และเชน่ เดยี วกับสัตว์ฟันกัดแทะชนิดอื่น ๆ กระรอก จะมีนิ้วเท้าหลังข้างละ 5 นิ้ว และ นิ้วเท้าหน้าข้างละ 4 นิ้ว ตรงส่วนที่น่าจะเป็นนิ้วโป้ง จะกลายเปน็ ปมุ่ นูน ๆ ซึ่งถกู พฒั นาให้เหมาะสาหรบั จับอาหารมาแทะ กระรอกเป็นสัตว์ที่คล่องแคล่วว่องไวมาก อาหารของกระรอกคือ ผลไม้ และ เมล็ดพืช เป็นหลัก แต่กระรอกก็ยังชอบกินแมลงด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะกระรอกขนาดใหญ่ อย่างพญากระรอก นน้ั บางครัง้ กย็ ังกนิ ไขน่ กเป็นอาหารอกี ด้วย ด้วยความน่ารักของกระรอก ทาให้กระรอกหลายชนิดนิยมเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ เพื่อ ความเพลดิ เพลนิ

กระตา่ ย กระต่าย (อังกฤษ: Rabbit) เป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีกระดูกสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยง ลูกดว้ ยนม อนั ดับกระตา่ ย (Lagomorpha) ในวงศ์ Leporidae กระตา่ ยแม้จะมีฟันแทะเหมือนกับอันดับสัตว์ฟันแทะ (Rodentia) แต่ถูกจัดออกมาเป็น อนั ดบั ต่างหาก เน่อื งมจี านวนฟนั ทไี่ มเ่ ท่ากนั เพราะกระต่ายมฟี ันแทะทข่ี ากรรไกรบน 20 แถว เรียงซ้อนกันแถวละ 20 ซี่ ฟันกรามบนข้างละ 6 ซี่ และฟันกรามล่างข้างละ 5 ซ่ี เมื่อเวลาเคี้ยวอาหาร กระต่ายจะใช้ฟันทั้ง 2 ด้านเคี้ยวสลับกันไป ต่างจากสัตว์ฟันแทะ โดยทว่ั ไปทีเ่ คยี้ วเคล่อื นหนา้ เคลื่อนหลงั ซงึ่ สามารถเขียนเป็นสูตรได้วา่ นอกจากนนั้ ฟันกระต่ายจะยาวขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ย 10-12 gm. ต่อเดือน ดังนั้นกระต่ายจึง ต้องมีการลับฟันเป็นประจา โดยการกินหญ้าแห้ง อีกทั้งยังต้องการไฟเบอร์ในการ ขบั เคลือ่ นอาหารภายในลาไส้อกี ด้วย กระต่ายเปน็ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็ก มีขนปุกปุยทั่วลาตัว มีหางกลมสั้น มีใบหู ยาวเมื่อเทียบกับสัตว์อื่น ซึ่งวิวัฒนาการมาใช้สาหรับฟังเสียงได้เป็นอย่างดี และยังมี ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นที่ดีมาก กระต่ายมีขาหน้าที่มี 5 นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว มี สะโพกท่ยี าวและทรงพลงั เตม็ ไปด้วยกล้ามเน้ือ เท่าน้นั

เสอื เสือ เปน็ สตั ว์เลย้ี งลกู ด้วยนมในวงศ์ฟิลิดซี งึ่ เปน็ วงศ์เดียวกบั แมวโดยชนิดท่ีเรียกว่าเสือมกั มีขนาดลาตวั ค่อนข้างใหญ่กว่า[1]และอาศยั อยภู่ ายในป่า ขนาดของลาตัวประมาณ 168 - 227 เซนติเมตรและหนักประมาณ 180 - 245 กิโลกรัม[2] รูม่านตากลม เป็นสัตว์กินเนื้อ กลุ่มหนึ่ง มีลักษณะและรูปร่างรวมทั้งพฤติกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากสัตว์ใน กลุม่ อ่ืน หากินเวลากลางคนื มถี ิ่นกาเนิดในป่า เสือส่วนใหญ่ยังคงมีความสามารถในการ ปนี ปา่ ยต้นไม้ ซ่ึงยกเวน้ เสือชีตา้ เสือทุกชนดิ มีกรามทส่ี น้ั และแขง็ แรง มีเขีย้ ว 2 คู่สาหรับ กดั เหย่อื ทัว่ ทงั้ โลกมีสัตว์ที่อยู่ในวงศ์เสือและแมวประมาณ 37 ชนิด ซึ่งรวมทั้งแมวบ้าน ดว้ ย[3] เสอื จัดเป็นสัตว์นักล่าที่มีความสง่างามในตัวเอง โดยเฉพาะเสือขนาดใหญ่ที่แลดูน่าเกรง ขาม ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่งหรือเสือดาว ผู้ที่พบเห็นเสือในครั้งแรกย่อมเกิดความ ประทับใจในความสง่างาม แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความหวาดหวั่นเกรงขามใน พละกาลงั และอานาจภายในตวั ของพวกมนั เสือจงึ ได้รบั การยกย่องให้เป็นราชาแห่งสัตว์ ปา และเป็นจ้าวแห่งนักล่าอยา่ งแท้จรงิ [4]

โลมา โลมา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมจาพวกหนึ่ง อาศัยอยู่ทั้งในทะเล, น้าจืด และน้า กร่อย มีรูปรา่ งคล้ายปลา คือ มคี รบี มหี าง แต่โลมามใิ ช่ปลา เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วย น้านมที่มีรก จัดอยู่ในอนั ดับวาฬและโลมา (Cetacea) ซึง่ ประกอบไปด้วย วาฬและโลมา ซงึ่ โลมาจะมขี นาดเล็กกวา่ วาฬมาก และจัดอยใู่ นกลมุ่ วาฬมีฟนั (Odontoceti) เทา่ น้ัน โลมา เป็นสตั ว์ที่รบั ร้กู ันเปน็ อย่างดีว่าเฉลียวฉลาด มีความเป็นมิตรกับมนุษย์ โดยเฉพาะ อย่างย่งิ จะชว่ ยชวี ิตมนษุ ย์เมอ่ื ยามเรือแตก จนกลายเปน็ ตานานหรอื เร่ืองเลา่ ขานท่วั ไป มี อุปนิสัยอยู่รวมกันเป็นฝูง บางฝูงอาจมีจานวนมากถึงหลักพันถึงหลายพันตัว ว่ายน้าได้ อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว รวมถึงสามารถกระโดดหมุนตัวขึ้นเหนือน้าได้ ชอบว่ายน้า ขนาบขา้ งหรอื ว่ายแข่งไปกบั เรือ[1]

จระเข้ จระเข้ (อังกฤษ: Crocodile, อีสาน: แข้) เป็นวงศ์ของสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ใช้ชื่อ ทางวทิ ยาศาสตร์ว่า Crocodylidae อยใู่ นอนั ดบั จระเข้ (Crocodilia) มีลักษณะโดยรวมคือ ส่วนปลายของหัวแผ่กว้างหรือเรียวยาวบางตัวปากเป็นรูปตัว v และ u ขากรรไกรยาวและกว้าง เมื่อหุบปากแล้วจะเห็นฟันซี่ที่ 4 ของขากรรไกรล่าง เนื่องจากขอบปากบนตรงตาแหน่งนี้เป็นรอยหยักเว้า ส่วนปลายของขากรรไกรล่างข้าง ซา้ ยและข้างขวาเชือ่ มตอ่ กนั เป็นพื้นทีแ่ คบ กระดูกเอนโทพเทอรีกอยด์อยู่ชัดกับแถวของ ฟันท่ีกระดูกแมคซิลลา กระดกู พาลามนี มกี ้านชน้ิ ส้ันอยู่ทางด้านหนา้ และไม่ถึงช่องในเบ้า ตา พนื้ ผวิ ดา้ นบนของลิ้นไม่มสี ารเคอราตนิ ตอ่ มขจัดเกลือบนลิ้นมีขนาดใหญ่ มีก้อนเนื้อ ทปี่ ลายปากนนู สูงทช่ี อ่ งเปดิ รจู มูกเรยี กว่า \"ขี้หมา\" \"กอ้ นขห้ี มา\" หรือ \"หัวขี้หมา\"[2] ซึ่งจะ แตกต่างออกไปตามชนิดและเพศหรือขนาด โคนหางเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่และแข็งแรง เรยี กว่า \"บอ้ งตัน\" ใช้ในการฟาดเพอ่ื ปอ้ งกนั ตวั หางแบนยาวใชโ้ บกว่ายนา้

ไก่ป่า ไก่ป่า หรือ ไก่เถ่อื น (ชื่อวทิ ยาศาสตร:์ Gallus gallus) อยใู่ นวงศ์ไกฟ่ ้าและนก กระทา (Phasianidae) จดั เปน็ นกมขี นาดเลก็ ถงึ ขนาดกลาง ขนาดลาตวั 46- 73 เซนติเมตร พบการกระจายอยู่ในเขตศนู ย์สตู รโดยมกี ารกระจายต้ังแต่ประเทศอินเดยี จนถึงเวียดนาม และประเทศจีนตอนใต้ จนไปถงึ เกาะตา่ ง ๆ ในประเทศ อนิ โดนเี ซีย จดั เปน็ ไกส่ ายพันธด์ุ ้ังเดมิ และเปน็ ต้นตระกูลของไกบ่ า้ นท่ีเลยี้ งกันเป็นสัตว์ เศรษฐกิจในปจั จุบันน้ี

แหล่งอา้ งองิ ขอบคณุ เรื่องจาก ____. [2561]. สัตวโ์ ลกน่ารู้ . [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก https://th.wikipedia.org/ (upl)

ผู้จดั ทา 1 ด.ช.กิตศิ ักดิ์ รักวงศ์ เลขที่1 ม.1/2 2 ด.ช.ปัญญพัฒน์ เฒา่ ฝั้น เลขท8่ี ม.1/2 เสนอ คณุ ครู ประภสั สร ก๋าเขยี ว วชิ า การสรา้ งหนงั สอื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ โรงเรียนแจ้ห่มวทิ ยา อาเภอแจ้หม่ จงั หวดั ลาปาง สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต 35 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศกึ ษ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook