รวมเร่ืองราวต่างๆของภาษาไทยหน้ารู้ ไม่ว่าจะเป็ นเรื่อง สานวน สุภาษิต วรรณคดีไทย หรือแมก้ ระท้งั เรื่องของตวั อกั ษรไทย สระ เป็นตน้
คำนำ หนงั สือภาษาไทยหนา้ รู้เล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวิชา การสร้างหนงั สือ อิเลก็ ทรอนิกส์ ซ่ึงขา้ พเจา้ ไดร้ ับมอบหมายจากคุณครูใหจ้ ดั ทาหนงั สือเรื่องน้ี ข้ึนตามความสนใจ โดยบูรณาการกบั วชิ า ภาษาไทย เน้ือหาในหนงั สือเล่มน้ี จะประกอบไปด้วยเร่ืองหน้าทางภาษาไทย อาทิเช่น เร่ือง สุภาษิต ตัว อกั ษรไทย สระ และอื่นๆอีกมากมาย ซ่ึงขา้ พเจา้ ไดร้ วบรวมไวใ้ นหนงั สือเล่ม น้ี ขอขอบคุณ ปภสั สร ก๋าเขียว ที่ให้แนะนา ปรึกษา และเพ่ือนๆ ท่ีช่วย ให้คาแนะนาตลอดจนหนังสือเล่มน้ีเสร็จลุล่วงไปด้วยดี หากผิดพลาด ประการใดกข็ ออภยั มา ณ ท่ีน้ีดว้ ย
สารบญั
สานวนสุภาษิต สานวนหมายถึง ถ้อยคาที่เรียบเรียงเป็นข้อความ หรือ คาพูดที่เป็นชั้นเชิง ไม่ตรงตามรูปแบบภาษา เป็นถ้อยคาหรือ คาพูดทม่ี ลี ักษณะเฉพาะตัว มีความหมายเป็นนยั แฝงอยู่ กินความ กว้าง หรือลึกซึ้ง นามาใช้ให้มีความหมายแตกต่างไปจาก ความหมายเดิมของคา ๆ นั้น หรืออาจจะมีความหมายคล้าย กับ ความหมายเดิมของคาที่นามาประสมกัน แต่ก็ไม่เหมือนกับ ความหมายเดิมทีเดียว เป็นความหมายใน เชิงอุปมาเปรียบเทียบ มักใช้ถ้อยคาที่ไม่ยาวมากแต่กินความมาก ใช้คาที่ไพเราะ คม คาย สละสลวย ต้องอาศยั การตีความจงึ จะเขา้ ใจ
ความเป็นมาของอกั ษรไทย พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราชไดท้ รงประดิษฐต์ วั อกั ษรไทยข้ึนใชท้ ี่เรียกวา่ \"ลายสือไทย\"ลายสือไทยที่ทรงประดิษฐข์ ้ึนน้ีไดด้ ดั แปลงมาจากตวั อกั ษร ขอมโดยพยายามใหล้ กั ษณะของตวั อกั ษรสามารถเขียนไดง้ ่ายข้ึนทรงกาหนด ไดว้ างรูปสระไวใ้ หอ้ ยใู่ นบรรทดั รวมกบั ตวั พยญั ชนะท้งั หมดเช่นเดียวกบั แบบอยา่ งตวั อกั ษรของโรมนั และทรงคิดใหม้ ีวรรณยกุ ตก์ ากบั เสียงดว้ ยอนั เป็นเอกลกั ษณ์ที่โดดเด่นของภาษาไทย จนถึงทุกวนั น้ี
ความหมายของพยญั ชนะ หมายถงึ เสยี งแบบหน่ึงในภาษา ออกเสยี งใหแ้ ตกต่างไดจ้ ากลกั ษณะของ อวยั วะออกเสียงในชอ่ งปาก และลกั ษณะอน่ื ๆ เช่น การพน่ ลม หรือ เสยี งกอ้ ง ไม่กอ้ ง นอกจากนยี้ ังหมายถึงตัวอักษรท่ใี ชแ้ ทนเสยี งพยญั ชนะ ดว้ ย ขณะท่ีผ้ใู ช้ภาษาทวั่ ไปมกั จะเขา้ ใจว่า 'พยญั ชนะ' คือตัวอักษรแทน เสยี งพยญั ชนะเพยี งอย่างเดียว
เสียงในภาษาไทย ภาษาไทยมี 21 เสยี ง ท้งั น้ี คือไม่รวมสระเกินทงั้ 8 เสยี ง เน่ืองจากถอื วา่ เปน็ พยางค์ ซ่ึงมหี นว่ ยเสยี งในตัวเองโดยสมบรู ณ์อยู่แลว้ และไม่รวมสระ ประสมเสียงสั้นทัง้ 3 เสยี ง คอื เอียะ เออื ะ อัวะ เนือ่ งจากมีที่ใช้ในภาษาไทย นอ้ ยมาก และสระ หมายถงึ เครอื่ งหมายใชแ้ ทนเสยี งท่เี ปลง่ ออกมา ตามหลัก ภาษา ถือว่าพยัญชนะจาเปน็ ตอ้ งอาศยั สระจึงจะออกเสยี งไดใ้ หญจ่ ะเปน็ คา เลยี นเสียงซึง่ ไมไ่ ดใ้ ชส้ ือ่ ความหมายอนื่ เชน่ เพยี ะ เปรี๊ยะ ผัวะ เปน็ ตน้
การเรียงความ เรยี งความ เปน็ ศิลปะอยา่ งหนึง่ ในการใช้ภาษาเรียบเรยี งความคดิ เป็นเร่อื ง โดยแสดง ความคดิ ความร้สู ึก จนิ ตนาการ และความเขา้ ใจ ดว้ ยภาษาที่ถกู ตอ้ ง สละสลวย ในความหมายท่ีเฉพาะทางมากขน้ึ เรียงความ จะหมายถงึ การเขียนที่มีรปู แบบ ค่อนข้างตายตวั กล่าวคอื ประกอบดว้ ย คานา เน้ือเร่ือง และบทสรุป ซ่ึงแตกต่างจาก ความเรียงท่มี รี ูปแบบในการเขียนทก่ี ว้างกวา่ ในความหมายน้ี เรียงความท่ีดีจะต้องมี 3 อย่างน้ี • เอกภาพ คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกนั หมายความ วา่ ไมใ่ ห้เขียนนอกเรื่องเดด็ ขาด • สัมพนั ธภาพ คือ ความสมั พนั ธ์กนั หมายถึง ข้อความแต่ ละขอ้ ความหรือแตล่ ะย่อหน้าจะตอ้ งมคี วามสัมพนั ธ์เก่ยี วเนอ่ื งกัน • สารตั ถภาพ คอื การเนน้ สาระสาคญั ของยอ่ หน้าแต่ละ ย่อหน้า และของเรื่องทั้งหมด โดยใช้ประโยคสน้ั ๆ สรปุ กินความทง้ั หมด
การเขียนสานวนโวหาร โวหาร หมายถึง ถอ้ ยคาทใี่ ชใ้ นการสอ่ื สารทเี่ รยี บเรียงเปน็ อย่างดี มี วธิ ีการ มชี ั้นเชงิ และมศี ิลปะ เพอื่ สอื่ ใหผ้ ูร้ บั สารรบั สารไดอ้ ยา่ งแจ่มแจง้ ชัดเจนและลกึ ซึ้ง รบั สารได้ตามวัตถุประสงคข์ องผูส้ ง่ สาร
การแต่งบทร้อยกรอง ร้อยกรองเป็นมรดกทางภาษาที่คนไทยควรภาคภูมิใจ และอนุรักษไ์ วร้ ้อย กรองมีลกั ษณะบงั คบั ที่เรียกวา่ \"ฉนั ทลกั ษณ์\" มีความเเตกต่างกนั ตามลกั ษณะ ของร้อยกรองท้งั ๕ ประเภท ไดแ้ ก่ โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน และร่าย ลักษณะบังคบั ของบทรอ้ ยกรอง มี ๘ ประการ ดงั น้ี ๑. พยางค์ คือ เสียงทีเ่ ปล่งออกมาคร้งั หนงึ่ ๆ จะมคี วามหมายหรอื ไม่มี ความหมายก็ได้ การนับพยางค์ขน้ึ กับลกั ษณะบังคบั ของบทร้อยกรอง ๒. คณะ คอื ข้อกาหนดของบทรอ้ ยกรองแต่ละประเภทวา่ จะต้องมจี านวน คา จานวนวรรค จานวนบาท และจานวนบทเทา่ หมด เชน่ กลอนแปด ๑ บท มี ๒ บาท ๑ บาท มี ๒ วรรค ๑ วรรค มี ๘ คา (อาจมี ๗-๙ คาก็ได้)
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: