Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานคอมพิวเตอร์-1 (2) (บันทึกอัตโนมัติ)

โครงงานคอมพิวเตอร์-1 (2) (บันทึกอัตโนมัติ)

Published by itti523, 2019-10-25 02:58:34

Description: โครงงานคอมพิวเตอร์-1 (2) (บันทึกอัตโนมัติ)

Search

Read the Text Version

โครงงานคอมพวิ เตอร์ เรื่อง VR โลกดาราศาสตร์ [ชื่อรองของเอกสาร] โรงเรยี นเบญจมราชทู ศิ จังหวัดจนั ทบรุ ี

โครงงานคอมพิวเตอร์ เรอื่ ง VR โลกดาราศาสตร์ โดย นายถริ สรุ สิทธิ์ เลขท่ี 16 นายธนิสร ธรรมสวนติ เลขที่ 18 นายรตพล เจรญิ เมอื ง เลขท่ี 20 นางสาววรรณวนชั ไชยเผือก เลขที่ 43 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ห้องที่ 11 โรงเรยี นเบญจมราชูทิศจังหวัดจนั ทบรุ ี รายงานนเ้ี ป็นสว่ นประกอบของโครงงานคอมพวิ เตอร์

VR โลกดาราศาสตร์ โดย นายถริ สรุ สทิ ธ์ิ เลขที่ 16 นายธนิสร ธรรมสวนิต เลขท่ี 18 นายรตพล เจริญเมือง เลขที่ 20 นางสาววรรณวนชั ไชยเผือก เลขที่ 43 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ห้องที่ 11 โรงเรียนเบญจมราชูทิศจังหวดั จันทบรุ ี ครูท่ีปรึกษา ที่ปรกึ ษาพเิ ศษ

ชื่อโครงงาน VR โลกดาราศาสตร์ ผู้จัดทา นายถิร สุรสทิ ธ์ิ เลขที่ 16 นายธนสิ ร ธรรมสวนิต เลขท่ี 18 ครทู ี่ปรกึ ษา นายรตพล เจรญิ เมือง เลขท่ี 20 ปกี ารศึกษา นางสาววรรณวนัช ไชยเผอื ก เลขที่ 43 สถานศึกษา 2561 โรงเรยี นเบญจมราชูทิศ จังหวัดจนั ทบรุ ี บทคดั ย่อ

กติ ตกิ รรมประกาศ

สารบัญ เร่อื ง หนา้

บทท่ี 1 บทนา ท่ีมาและความสาคัญของโครงาน ดาราศาสตร์คอื วิชาวทิ ยาศาสตรท์ ี่ศึกษาวัตถุท้องฟ้ารวมท้ังปรากฏการณ์ทางธรรมชาติตา่ ง ๆ ท่ีเกิดข้ึนจากนอกช้ันบรรยากาศของโลก โดยศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการ ลักษณะทางกายภาพ ทางเคมี ทางอุตุนิยมวิทยา และการเคล่ือนท่ีของวัตถุท้องฟ้า ตลอดจนถึงการกาเนิดและ ววิ ัฒนาการของเอกภพดาราศาสตร์เปน็ หนึง่ ในสาขาของวิทยาศาสตรท์ ่ีเกา่ แก่ท่ีสุด นักดาราศาสตร์ ในวัฒนธรรมโบราณสังเกตการณ์ดวงดาวบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน และวัตถุทางดาราศาสตร์ หลายอย่างก็ได้ถูกค้นพบเร่ือยมาตามยุคสมัย อย่างไรก็ตาม กล้องโทรทรรศน์เป็นส่ิงประดิษฐ์ท่ี จาเป็นก่อนที่จะมกี ารพฒั นามาเป็นวิทยาศาสตร์สมยั ใหม่ ตั้งแตอ่ ดีตกาล ดาราศาสตร์ประกอบไป ด้วยสาขาท่ีหลากหลายเช่น การวัดตาแหน่งดาว การเดินเรือดาราศาสตร์ ดาราศาสตร์เชิง สังเกตการณ์ การสร้างปฏิทิน และรวมท้ังโหราศาสตร์ แต่ดาราศาสตร์ทุกวันนี้ถูกจัดว่ามี ความหมายเหมือนกบั ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ต้งั แต่ครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 เปน็ ต้นมา ดาราศาสตร์ได้แบ่ง ออกเปน็ สองสาขาได้แก่ ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์ และดาราศาสตร์เชิงทฤษฎี ดาราศาสตร์เชิง สงั เกตการณ์จะให้ความสาคัญไปทกี่ ารเก็บและการวเิ คราะห์ข้อมูล โดยการใช้ความร้ทู างกายภาพ เบ้ืองต้นเป็นหลัก ส่วนดาราศาสตร์เชิงทฤษฎีให้ความสาคัญไปท่ีการพัฒนาคอมพิวเตอร์หรือ แบบจาลองเชิงวิเคราะห์ เพื่ออธิบายวัตถุท้องฟ้าและปรากฏการณ์ต่าง ๆ ท้ังสองสาขาน้ีเป็น องคป์ ระกอบซึง่ กนั และกัน เนื่องจากในปัจจบุ ันสื่อการเรียนรมู้ ากมายทีจ่ าเป็นตอ้ งใช้ภาพเพื่อเรียนรู้ควบค่กู ันไปแต่ใน ปัจจุบันส่วนมากเป็นการเรียนการสอนผ่านหนังสือเรียนซึ่งไม่สามารถทาให้มองเห็นภาพได้มาก เท่าที่ควรและวิชาโลกและดาราศาสตร์ก็เป็นส่วนหนึ่งในวิชาที่ควรเห็นภาพของโลกและดวงดาว

ตา่ ง ๆ เพื่อส่งเสรมิ การจาและเพิ่มความนา่ สนใจในการเรียนรแู้ ต่ปัญหาที่เกดิ ขนึ้ ในปัจจุบันส่ือการ เรียนรู้สว่ นมากยังเป็นการเรียนการสอนท่ีเป็นตัวหนงั สอื ซึ่งมีความน่าสนใจน้อยและยังไม่สามารถ เห็นภาพไดม้ ากพอ จากการศึกษาเทคโนโลยีในปัจจุบันมีความทันสมัยมากขึ้นซ่ึงสามารถเป็นส่ือการเรียนรู้ที่ สะดวกตอ่ ผู้ศึกษาและอกี ท้ังยังมีความน่าสนใจมากตัวอยา่ งเชน่ VR หรือ Visual Reality ซ่งึ เป็น เทคโนโลยที ่ีมีความมันสมัยสามารถทาให้มองเห็นภาพอย่างชดั เจนซึ่งเป็นหนงึ่ ในทางเลือกของการ แกป้ ัญหาท่เี กิดขน้ึ ดงั ทก่ี ลา่ วไวข้ า้ งตน้ วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน เพอื่ ฝกึ การเป็นผนู้ าและผูต้ ามทด่ี ี ฝึกทกั ษะกระบวนการทางานดว้ ยตนเอง หรือรว่ มกัน เพื่อพัฒนาและได้แสดงออกซ่งึ ความคดิ ริเริ่มสรา้ งสรรค์ เพอ่ื ศกึ ษา คน้ คว้า และแกป้ ญั หาจากการทางาน มีบทบาทและสว่ นร่วมในการเรยี นรู้ เพ่อื ให้ผู้เรียนได้ใชค้ วามรู้ ทกั ษะและประสบการณ์ของตนเองในการศกึ ษาค้นคว้าหาขอ้ มลู จาก แหลง่ เรียนรตู้ า่ ง ๆ เพ่อื ใหผ้ ูเ้ รียนเกดิ การเรียนรโู้ ดยศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง โดยครูมีหนา้ ที่ให้คาปรึกษาเทา่ นั้น สมมตฐานของโครงงาน 1.สามารถศกึ ษาและพฒั นาสือ่ การสอนวิชาโลกและดาราศาสตรผ์ า่ น VR (virtual Reality) 2.ทาใหผ้ ้ศู กึ ษาหรอื ผทู้ สี่ นใจมคี วามเข้าใจดวงดาวต่าง ๆ ได้ง่ายข้ึน ตวั แปลในการศกึ ษา 1.ตัวแปลตน้ สื่อการสอนวชิ าโลกและดาราศาสตรผ์ า่ น VR (virtual Reality) 2.ตวั แปลตาม ผลสมั ฤทธ์ิทางการศึกษาของผูใ้ ชส้ ือ่ การสอนวาชาโลกและดาราศาสตรผ์ ่าน VR(virtual Reality) ประโยชน์ที่คาดว่าจะไดร้ ับ

1.ไดศ้ กึ ษาและพัฒนาสื่อการสอนวิชาโลกและดาราศาสตรผ์ า่ น VR (virtual Reality) 2.ทาใหผ้ ูศ้ ึกษาหรอื ผ้ทู ่ีสนใจมีความเข้าใจดวงดาวตา่ ง ๆ ไดง้ า่ ยกวา่ การเรียนการสอนผ่านหนังสอื ขอบเขตและความหมาย การศึกษาดา้ นเทคโนโลยีคอมพิวเตอรม์ ีข้ึนเพอ่ื สง่ เสรมิ ให้ผูศ้ กึ ษามีความรคู้ วามเขา้ ใจ วิทยาการคอมพิวเตอร์และสามารถใชพ้ ัฒนาต่อได้ การจดั ทาโครงงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอรจ์ ะเป็น สื่อการเรยี นรทู้ ่ีสามารถทาใหผ้ ศู้ กึ ษาได้เข้าใจอยา่ งสมบูรณซ์ ่งึ จดุ มงุ่ หมายประการหนึ่งของการ เรียนคอมพิวเตอร์ในโรงเรียน คือ การที่ผู้เรียนสามารถนาความรูเ้ กยี่ วกับคอมพวิ เตอร์ไป ประยุกต์ใช้ในการแก้ปญั หา การคน้ ควา้ หาความรตู้ ่าง ๆ ดว้ ยตนเอง ซง่ึ เป็นวิธกี ารที่มปี ระสิทธิ์ ภาพมากวิธีหนึง่ คอื การทาโครงงานคอมพวิ เตอร์ โครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทซอฟต์แวร์ เป็นการประยุกตใ์ ชง้ านซอฟตแ์ วร์ในลักษณะตา่ ง ๆ หรือเป็นการพัฒนาโปรแกรมสาเร็จรูปเพื่อแก้ปัญหาส่ือการเรียนการสอนต่าง ๆ โดยการใช้ ความรู้เกี่ยวกับศิลปะประยุกต์กับความรู้ด้านคอมพิวเตอรเ์ พื่อพัฒนาโครงงานท่ีช่วยให้ผู้ศกึ ษาได้ เรียนรู้และฝึกทักษะการใช้คอมพิวเตอร์พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์อ่ืน ๆ ในการทดลอง และ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพ่ือพัฒนาผลงานและสามารถนาผลงานที่ได้มาประยุกต์ใช้งานจริง หรือเพ่ือ ชว่ ยสง่ เสรมิ การเรยี นการสอนใหม้ ปี ระสทิ ธ์ิภาพมากขนึ้ นิยามศพั ท์



บทท่ี 2 เอกสารท่ีเก่ียวข้อง ในปัจจบุ นั เทคโนโลยีไดม้ ีความทันสมัยมากว่าแต่ก่อนและได้มกี ารนามาใช้ประยุกตก์ ับการ เรียนการสอนเช่นการใช้เทคโนโลยี VR (virtual Reality) มาประยุกต์ใช้กับวิชาโลกและดารา ศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาที่ต้องใช้ภาพประกอบการสอนและการใช้ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยน้ันสามารถให้ วชิ าน้หี น้าสนใจมากข้นึ เอกสารทเี่ กีย่ วขอ้ งกับVR เวอร์ชวลริแอลลิที (อังกฤษ: Virtual reality) หรือเรียกอยา่ งยอ่ วา่ VR คือทัศนยี ภาพรอบ ทิศทางที่สรา้ งขน้ึ โดยคอมพิวเตอร์ จาลองและถา่ ยทอดความรสู้ ึกและประสบการณด์ งั่ อยูใ่ นโลก เสมือนจรงิ การรับชมเวอร์ชวลเรียลลิตจี าเป็นตอ้ งมอี ุปกรณ์รับชมซงึ่ รบั สัญญาณมาจาก คอมพวิ เตอร์ โดยปกติแลว้ จะมฮี าร์ดแวร์ที่ป้อนตรงตอ่ ประสาทสมั ผสั ด้านการมองเห็นท่ีเรยี กวา่ \"จอแสดงผลแบบสวมศรี ษะ\" (Head-Mounted Display - HMD) ใหต้ าทง้ั สองได้เห็นภาพเป็น สามมิติจากจอภาพขนาดเลก็ ท่ใี หภ้ าพ (หรอื ต่อไปอาจลดขนาดลงเป็นแว่นตากไ็ ด้) และเม่ือผู้ใช้ เคล่อื นไหว ภาพก็จะถกู สรา้ งให้รบั กบั ความเคล่อื นไหวนั้น บางกรณีก็จะมีหูฟังแบบสเตอริโอให้ได้ ยินเสียงรอบทิศทาง และอาจมีถงุ มอื รบั ข้อมลู (data glove) หรืออปุ กรณอ์ ่ืนท่จี ะทาใหผ้ ู้ใชโ้ ต้ตอบ กบั สิง่ แวดล้อมจาลองทีต่ นเขา้ ไปอยู่ ระบบเวอร์ชวลริแอลลิทสี ามารถตอบโจทยค์ วามตอ้ งการของนกั ธุรกิจบางส่วนไดเ้ ป็นอยา่ ง ดี เพราะสามารถดัดแปลงไปใช้ในงานหลายๆดา้ น เช่นงานด้านสารสนเทศ อาศัยความจริงเสมือน เพอ่ื เรียกใหผ้ ูค้ นมาสนใจด้านสารสนเทศ กระตุน้ ประสาทสมั ผสั ของมนุษยใ์ หร้ บั ร้แู ละเขา้ ใจได้งา่ ย ซ่ึงเป็นผลดตี ่อมนุษย์ท่รี ับรู้ไดร้ วดเรว็ และง่ายต่อการจดจา ตลาดของ AR / VR ไดก้ ลายเป็นตลาด พนั ลา้ นดอลลาร์แลว้ และคาดวา่ จะเตบิ โตดเี กินกวา่ ตลาด 120 พันล้านเหรียญภายในไม่กี่ปี

เอกสารทีเ่ ก่ยี วข้องกับ Unity Unity เปน็ เกมเอนจ้ินสาหรับการสรา้ งเกมซ่ึงในช่วงแรกๆUnity จะรองรบั พอร์ทเกม บน Windows, OS X และเว็บไซต์เทา่ นั้น แตใ่ นปจั จุบันได้มีการเพิ่มความสามารถของ Unity ให้ รองรับพอรท์ บนแพลตฟอรม์ อืน่ ๆ เกอื บทกุ แพลตฟอร์ม Unity โดดเดน่ กวา่ เกมเอนจ้นิ ตัวอ่ืน ๆ เนือ่ งจาก ความง่ายในการใชง้ านความสามารถ ในการทางานบนแพลตฟอรม์ ต่าง คณุ ภาพของเกมที่ได้อย่ใู นระดบั สูงแลว้ การใชง้ านจะมที ง้ั แบบ ฟรแี ละแบบเสียค่าใช้จา่ ยเพยี งแคแ่ บบฟรีเวลาเริ่มเล่นเกมจะมสี ญั ลักษณ์ Unity ขนึ้ มากอ่ นจะทา ให้ทราบว่าเกมชนิดนี้ทามาจาก Unity และเปน็ โปรแกรมฟรี แต่ในบางเกมจะไมข่ ึ้นสญั ลกั ษณ์ ของ Unity เน่ืองจากได้เสยี ค่า License ของ Unity แล้วและ License ของ Unity เองก็ยังถอื วา่ ถูกมาก ๆ เมือ่ เทียบกับเกมเอนจิน้ อื่น ๆ มผี ู้ใชง้ านมากที่สดุ โดยเฉพาะเกมท่อี ย่บู น App Store และ Google Play เกือบคร่งึ หนงึ่ ถกู สรา้ งด้วย Unity ทั้งนัน้ Unity เป็นโปรแกรมทใี่ ช้สาหรับสร้างเกมโดยการสรา้ งเกมจะตอ้ งใชภ้ าษาคอมพิวเตอร์ ในการใสค่ วามสามารถของตวั ละครน้ัน ๆ โดยภาษาทใ่ี ชห้ ลักๆจะมีอยู่ 2 ภาษานัน่ ก็ คือ ภาษา C# และ ภาษา Javascript Unity ใช้ในการสรา้ งสรรคแ์ ละออกแบบเกมได้ทั้ง 2D และ 3D โดยจะการสรา้ งเกมทุก ครง้ั จะตอ้ งสร้างไฟลเ์ กมใหถ้ ูกต้องด้วย ความรูท้ ี่จาเปน็ ตอ้ งรู้ในการสรา้ งเกม 2D 1. ภาษาทใ่ี ชใ้ นการเขียน Javascript และ C# เท่าน้ัน 2. ความร้ทู างดา้ น Vector 3. การจัดวางภาพให้สมดลุ 4. การคานงึ ถึงความเปน็ จริงของเกมนั้น ๆ 5. การจัดมุมของกล้องใหส้ มดลุ 6. มคี วามรูพ้ ืน้ ฐานทางด้านภาษาองั กฤษพอสมควร ส่วนประกอบและคาศพั ท์ที่สาคญั ของ Unity Asset = ส่งิ ต่าง ๆ ทอี่ ยใู่ นเกม Script = Code ท่ใี ช้ในการเพมิ่ ความสามารถของตัวละครในเกม

Sprite = สิ่งท่จี ะใช้ในเกม Game Object = ตวั ละครในเกม Scene = ฉากพ้นื หลงั ของเกมนน้ั ๆ Camera = กลอ้ งหรือมมุ มองของผู้เลน่ Prefabs = การสรา้ ง Game Object โดยให้มีคุณสมบัตหิ รือลักษณะท่คี ล้ายกัน Bulid & Run = การสรา้ ง project หรือเกมที่เสร็จสมบรู ณแ์ ลว้ ใหเ้ ปน็ ไฟลท์ พ่ี รอ้ มใช้งานโดยไม่ ต้องเขา้ มาใน Unityอกี Asset Store = ร้านค้าหรือทสี่ าหรับโหลดเกมทสี่ ร้างเสร็จแล้วนามาใช้งานต่อ Component = ความสามารถของตวั ละคร Background = พนื้ หลงั สาหรับให้ Game Object ดาเนินอยู่ Inspector = รายละเอยี ดของ Game Object Position = ตาแหน่ง Rotation = การหมนุ ซงึ่ ใชใ้ น 3D ในการทา 2D ไมจ่ าเป็นต้องใช้ Collider = กล่องหรอื ขอบเขตของ Game Object Rigidbody = รูปรา่ งรปู แบบการทางานของ Game Object Text = ขอ้ ความที่ขนี้ ในเกม Gavity = แรงโน้มถ่วงของเกม Camera Preview = มุมมองของกลอ้ งในขณะเลน่ เกม Tag = ประเภทของ Game Object

เอกสารทเ่ี ก่ยี วข้องกับ Blender เบลนเดอร์ เปน็ ซอฟต์แวร์เสรี สาหรบั งานคอมพวิ เตอร์กราฟกิ สามมิติ สามารถใชส้ ร้าง โมเดลสาม มิติ, คลี่ UV , ทาพื้นผวิ (Texture), จดั การการเคลือ่ นไหวแบบใช้กระดกู , จาลองการไหลของน้า, จาลองผวิ หนัง, คอมพวิ เตอร์แอนเิ มชนั , เรน็ เดอร์, พาทเิ คิล, การจาลองดว้ ยคอมพวิ เตอร์อืน่ ๆ, การตัดต่อและตบแต่งวีดทิ ัศนแ์ ละภาพผ่านระบบ คอมโพสิต, และยังใช้สร้างแอปพลเิ คชนั แบบ สามมติ ไิ ดอ้ กี ดว้ ย เบลนเดอร์ทางานไดบ้ นหลายระบบปฏิบัตกิ าร, เชน่ Microsoft Windows, Mac OS X, GNU/Linux, IRIX, Solaris, NetBSD, FreeBSD, OpenBSD และมีการพอรต์ อย่าง ไม่เปน็ ทางการไปยังระบบ BeOS, SkyOS, AmigaOS, MorphOS และ Pocket PC เบลนเดอรม์ ี คุณลกั ษณะทัดเทยี มกับโปรแกรมสามมติ ิระดับสูงอนื่ ๆเชน่ Softimage|XSI, Cinema 4D, 3 ดเี อส แมกซ์, Lightwave และ Maya โดยมีคณุ ลกั ษณะสาคญั เช่นการจาลองกองวัตถุลม้ กระทบ, การ กระทบกันระหวา่ ง ของไหล, ผา้ ถกู ลมพัดพริว้ และโครงสรา้ งยืดหยุ่นต่างๆ, มรี ะบบ modifier แบบเป็นชั้นสาหรบั ปรบั โมเดล, ระบบจดั การภาพเคลอ่ื นไหวคณุ ภาพสงู , ระบบจัดการวัสดุและ การคอมโพสติ แบบ node และรองรบั ภาษาไพทอน สาหรบั เขยี นสคริป Blender ต้องการ OpenGL ในการทางาน ในปพี .ศ. 2550 เบลนเดอรเ์ ป็นซอฟตแ์ วร์อนิเมชั่นสามมิติท่ีถูก install มากทสี่ ดุ ในโลก ลกั ษณะ Blender เปน็ โปรแกรมทม่ี ขี นาดไฟลท์ ่เี ล็ก (ประมาณ 40MB หรอื เลก็ กว่าหากเลือกเฉพาะส่วน) ทางานได้โดยไม่ต้องอนิ สตอล สามารถใส่ในแฟลชไดร์ฟขนาดเลก็ ได้ สามารถทางานไดบ้ น ระบบปฏิบตั กิ ารหลายรูปแบบ มีความสามารถในการทาคาแรคเตอรแ์ ละโมเดล ได้ใกล้เคียงหรอื แม้แต่สงู กวา่ โปรแกรม 3 มติ ิระดับสูงอน่ื ๆ ในหลายกรณี รองรบั โครงสร้างพื้นฐานเรขาคณติ และการปฏบิ ตั กิ ารหลายอยา่ ง ไดแ้ ก่โมเดล Polygon, พื้นผวิ แบบ Subdiv Bezier curve พนื้ ผวิ NURBS metaballs digital sculpting และ ฟอนต์ รองรบั การนาเข้าไฟลจ์ ากโปรแกรมอื่นๆ เชน่ Wavefront OBJ, Wings 3D, 3 ดเี อสแมกซ์, LightWave3D, COLLADA และอ่ืนๆ มีเครอื่ งมือสาหรับทาแอนิเมชั่น เช่น armature (กระดูก), constraints, lattice deformation, mesh deform (harmonic coordinate), shape keys, keyframes, timeline, non-linear animation, constraints, vertex weighting, ขอ้ ต่อแบบ dual quaternion, ระบบ particles, ระบบจาลองฟิสิกส์ Bullet (Software) ของไหล ไฟ, ระบบขน ระบบแปรงสาหรับแปรงทิศทาง ขน ฯลฯ

มีเครือ่ งมอื สาหรบั ใช้ตัดตอ่ และตกแตง่ วิดีโอในตวั มีเอนจนิ สาหรับเรน็ เดอร์ภายในโปรแกรมท่ีมปี ระสิทธิภาพสูงโดยมีคณุ ลักษณะสาคัญเชน่ DoF, Subsurface Scattering, Volumetric Rendering และรองรับโปรแกรมภายนอกสาหรับการเรน็ เดอร์ทีม่ คี วามสามารถคานวณแสงทซี่ ับซอ้ นกว่าตัวเบลนเดอร์เอง (เช่นการคานวณแบบ photon mapping และแบบ path tracing) ทงั้ แบบที่เปน็ ซอฟตแ์ วร์เสรเี ช่น YafRay และ LuxRender หรอื ซอฟต์แวร์กรรมสทิ ธิเ์ ช่น Indigo, Renderman, V-Ray สามารถเขียนโปรแกรมเสรมิ การทางานไดด้ ว้ ยภาษา ไพทอนสคริป มีเกมเอนจินในตัว ระบบแสดงผลแบบ GLSL เช่นสามารถจาลองเงาตกกระทบพื้นผวิ ไดใ้ นตัว modeler เอง สามารถผสมผสานการทางานแบบ multi texture ได้ แกไ้ ขภาพแบบแรสเตอร์ได้ในตวั โดยสามารถใช้ Node เพื่อจาลองการทางานแบบ Layer ระบบคล่ี UV แบบ ABF++ และ LSCM พร้อมระบบ pin ปักหมดุ เพื่อชว่ ยการคลี่แบบต่อเนือ่ ง การแสดงคา่ ความบิดเบี้ยว/ความตงึ ของหน้า UV สามารถระบายสบี นพ้นื ผวิ 3 มิตไิ ด้ทนั ที รองรับ tablet สามารถนาไปแจกจ่ายหรอื ขายตอ่ ได้โดยไม่ผดิ กฎหมาย ตามสัญญาอนุญาตสาธารณะทว่ั ไปของธนู

เอกสารท่ีเกย่ี วขอ้ งกับ ดวงดาว ดวงจันทร์ เป็นดาวบริวารเพียงดวงเดียวของโลก จัดเป็นดาวบริวารขนาดใหญ่ลาดับท่ี 5 ในระบบสุริยะ มีระยะห่างจากโลกเฉล่ียนับจากศูนย์กลางถึงศูนย์กลางประมาณ 384,403 กิโลเมตร เทียบเท่ากับ 30 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของโลก จุดศูนย์กลางมวลร่วมของระบบ ตง้ั อยู่ท่ีตาแหน่ง 1700 กิโลเมตรใต้ผิวโลก หรอื ประมาณ 1 ใน 4 ของรัศมีของโลก ดวงจันทรโ์ คจร รอบโลกในเวลาประมาณ 27.3 วนั เม่ือเปรยี บเทียบการแปรคาบโคจรตามมาตรภมู ศิ าสตร์ระหว่าง โลก-ดวงจันทร์-ดวงอาทิตย์ ทาให้เกิดเป็นเฟสของดวงจันทร์ ซึ่งจะซ้ารอบทุกๆ ช่วง 29.5 วัน (เรียกวา่ คาบไซโนดกิ ) เส้นผ่านศูนย์กลางของดวงจันทร์มีค่าประมาณ 3,474 กิโลเมตร หรือประมาณหนึ่งในสี่ ของโลก ดังนนั้ พน้ื ผวิ ของดวงจันทร์มีนอ้ ยกวา่ 1 ใน 10 ของพื้นผิวของโลก (ประมาณ 1 ใน 4 ของ ผืนทวีปของโลกเท่าน้ัน คิดเป็นขนาดใหญ่ประมาณรัสเซีย แคนาดา กับสหรัฐอเมริกา รวมกัน) มวลรวมของดวงจนั ทร์คดิ เปน็ ประมาณ 2% ของมวลของโลก และแรงโน้มถ่วงเป็น 17% ของโลก สัญลักษณ์แทนดวงจันทร์คือ ☾ ปี พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) นีล อาร์มสตรอง และ บัซซ์ อัลดริน นกั บินอวกาศขององค์การนาซา เป็นมนุษย์ 2 คนแรกทเ่ี หยยี บลงบนพืน้ ดนิ ของดวงจันทร์ กฎหมายอวกาศถือว่าดวงจันทร์เป็นสมบัติร่วมกันของมนุษยชาติ ตามสนธิสัญญาท่ีใช้บังคับ กิจกรรมของรัฐบนดวงจันทร์ ดวงดาว และวัตถอุ วกาศอื่น ๆ ค.ศ. 1979 ชื่อและศพั ท์มูลวทิ ยา ดวงจันทร์เป็นดาวบริวารของดาวเคราะห์ แต่มีความแตกต่างจากดวงจันทร์ดวงอื่น ๆ ในระบบ สรุ ยิ ะ เพราะเมื่อเราพดู ถึง \"ดวงจนั ทร์\" ก็จะหมายถงึ ดาวบริวารทโี่ คจรรอบโลกของเรา คาว่า จันทร์ น้ันเป็นคาศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต (चंद्र จทฺร อ่านว่า จัน-ดฺระ หรือคน ไทยเราเรยี กวา่ จนั -ทฺระ) ซึงหมายถงึ พระจนั ทร์ ในภาษาไทยเดิมมกั เรียกว่า เดือน หรอื ดวงเดือน สาหรับในภาษาอังกฤษ ดวงจันทร์ หรือ Moon (ภาษาอังกฤษใช้อักษรตัวใหญ่ข้ึนต้นคา) เป็นคา ภาษาเจอร์แมนิก ตรงกับคาภาษาลาติน คือ mensis เป็นคาท่ีแยกออกมาจากรากภาษาอินโด- ยโู รเปยี นดง้ั เดิม และเป็นตัวแทนของการนบั เวลา ซ่งึ ราลึกถึงความสาคัญของมัน คอื วนั จันทร์ ใน ภาษาองั กฤษ การเรยี กดวงจนั ทรม์ ีมาจนถงึ ปี ค.ศ. 1665 เมื่อมกี ารคน้ พบดาวบริวารดวงใหมข่ อง ดาวเคราะห์ดวงอื่น บางครั้งดวงจันทร์จึงถูกเล่ียงไปใช้ชื่อในภาษาลาตินของมันแทน คือ luna เพ่ือทีจ่ ะแยกมนั ออกจากดาวบริวารอน่ื ๆ ดวงจันทรม์ ีการหมุนรอบตัวเองแบบที่เรียกว่า การหมนุ สมวาร (synchronous rotation) คอื คาบการหมุนรอบตัวเองกับคาบการโคจรรอบโลกมีค่าเท่ากัน โดยดวงจันทร์ใช้เวลาโคจรรอบ ประมาณ 27.3 วัน เป็นผลให้ดวงจันทร์หันด้านเดียวเขา้ หาโลก เรียกด้านท่ีหันเข้าหาเราว่า \"ด้าน ใกล้\" (near side) ส่วนดา้ นตรงข้าม คอื \"ด้านไกล\" (far side) เปน็ ดา้ นทีเ่ ราไมส่ ามารถมองเห็นได้

อย่างไรก็ตาม ดวงจนั ทร์มีการแกว่งเลก็ นอ้ ย ทาให้เรามีโอกาสมองเห็นพื้นผิวดวงจนั ทรไ์ ด้ มากกว่า 50% อยเู่ ล็กน้อย ในอดตี ด้านไกลของดวงจนั ทร์เป็นด้านที่ลึกลับอยู่เสมอ จนกระทั่งถึง ยุคที่เราสามารถส่งยานอวกาศออกไปถึงดวงจันทร์ได้ สิ่งหนึ่งท่ีแตกต่างระหว่างด้านใกล้กับด้าน ไกล คือ ด้านไกลไม่มีพื้นท่ีราบคล้าท่ีเรียกว่า \"มาเร\" (แปลว่าทะเล) กว้างขวางมากเหมือนอย่าง ดา้ นใกล้ ดวงจันทรใ์ ช้เวลาในการหมุนรอบตวั เองท่ไี ด้จงั หวะพอดีกับวถิ ีการโคจรรอบโลก ซงึ่ เมอ่ื เรามองดวง จนั ทร์จากพ้ืนโลกจะมองเหน็ ดวงจนั ทรเ์ พียงดา้ นเดียวตลอดเวลา ในประวตั ศิ าสตร์ยคุ แรกของดวง จันทร์ การหมุนของมนั ช้าและกลายเปน็ ถูกล็อกอยู่ในลกั ษณะนี้ เป็นผลมาจากปรากฏการณ์ความ ฝดื และมีความสมั พันธ์กับปรากฏการณน์ า้ ขน้ึ นา้ ลงบนโลก เมื่อนานมาแล้ว ขณะที่ดวงจนั ทร์ยังคงหมนุ เรว็ กว่าในปัจจบุ ัน รอบโป่งในปรากฏการณ์น้า ขึ้นน้าลงมาก่อนแนวโลก-ดวงจันทร์ เพราะว่ามันไม่สามารถดึงรอยโป่งของมันกลับคืนได้อย่าง รวดเร็วพอท่ีจะรักษาระยะของรอยโป่งระหว่างมันกับโลก การหมุนของมันขจัดรอยโป่ง นอกเหนือจากแนวโลก-ดวงจันทร์ รอยโป่งท่ีอยู่นอกเส้นโลก-ดวงจันทร์นี้ทาให้เกิดการบิด ซ่ึงลด ความเร็วของการหมุนของดวงจันทรล์ ง เม่อื การหมุนของดวงจันทร์ช้าลงจนเหมาะสมกับการโคจร รอบโลก เมื่อนั้นรอยโป่งของมันจึงหันหน้าเข้าหาโลกเสมอ รอยโป่งอยู่ในแนวเดียวกับโลก และ รอยบิดของมนั ก็จงึ หายไป นี่คือเหตุผลว่าทาไมดวงจันทร์จึงใช้เวลาในการหมุนรอบตัวเองพอๆ กับ การโคจรรอบโลกมีความผันผวนเลก็ นอ้ ย (ไลเบรชนั ) ในมมุ องศาของดวงจันทรซ์ ่ึงเราไดเ้ ห็น เราจึง มองเหน็ พ้ืนผวิ ของดวงจนั ทร์ทัง้ หมดประมาณ 59% ของพื้นผวิ ทงั้ หมดของดวงจนั ทร์

ดา้ นที่มองเห็นจากโลกจะถูกเรียกว่า \"ด้านใกล้\" และด้านที่อยู่ตรงข้ามเรียกว่า \"ด้านไกล\" ด้านไกลของดวงจันทร์ต่างจากด้านมืดของดาวพุธคือ ด้านมืดของดาวพุธเป็นด้านที่ไม่ถูก แสงอาทติ ยส์ ่องเลย แตด่ ้านไกลของดวงจนั ทร์นน้ั บางครงั้ ก็เป็นดา้ นทไ่ี ด้รบั แสงอาทิตย์และหันหน้า เข้าหาโลก ด้านไกลของดวงจันทร์ได้ถูกถ่ายรูปโดยยานลูน่า 3 ของโซเวียตในปี 1959 หน่ึงใน ลักษณะภูมิประเทศท่ีทาให้สังเกตได้ว่าเป็นดวงจันทร์ด้านไกลคือมันมีท่ีราบคล้าหรือ \"มาเร\" น้อย กว่าด้านใกล้มาก ลักษณะทางกายภาพหินจากดวงจันทร์ น้าหนัก 253 กรมั ซ่งึ ไดม้ าจากบรเิ วณ มหาสมทุ ร แห่งพายุ (Oceanus Procellarum)ในภาระกิจอะพอลโล 12 ดวงจันทรเ์ ป็นดาวเคราะห์ที่ประกอบด้วยองค์ประกอบอันหลากหลาย ที่มีความแตกต่างทางเคมี ภูมิวิทยาอย่างชัดเจนระหว่างส่วนของพื้นผิว ส่วนของเปลือก และส่วนของแกน เชื่อว่าลักษณะ ทางโครงสร้างเช่นน้ีเปน็ ผลมาจากการก่อตัวขึ้นเป็นส่วนๆ จากทะเลแมกม่าทเี่ กิดข้ึนหลังจากการ กาเนิดดาวเคราะห์ไม่นานนัก คือราว 4.5 พันล้านปีท่ีแล้ว พลังงานที่ใช้ในการหลอมเหลวผิว ช้ันนอกของดวงจันทร์เช่ือว่าเกิดจากการปะทะคร้ังใหญ่ซ่ึงให้เกิดระบบการโคจรระหว่างโลกกับ ดวงจันทรข์ ้ึน โครงสรา้ งภายใน สนามแรงโนม้ ถ่วง สนามแม่เหล็ก บรรยากาศ อณุ หภมู พิ ้ืนผิว แตกตา่ งอย่างชดั เจนเนื่องจากบนดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศหอ่ หมุ้ เหมือนบนโลก กาเนิดและการเปลยี่ นแปลงทางธรณีวิทยาการก่อตัวในยุคแรก ๆ คาดเดากันวา่ ดวงจนั ทร์ เคยเป็นส่วนหนึ่งของเปลือกโลก แต่เปลือกโลกส่วนนั้นได้กระเด็นออกไปโดยมีสาเหตุจากแรงหนี ศูนย์กลาง ท้ิงร่องรอยเป็นแอ่งของมหาสมุทรขนาดใหญ่บนโลก อย่างไรก็ตามแนวคิดน้ีไม่น่าจะ เปน็ ไปได้ เพราะโลกจะต้องหมนุ รอบตัวเองเรว็ มาก บางคนบอกว่าดวงจนั ทร์อาจกอ่ ตัวขนึ้ ทอ่ี ่นื แต่ พลัดหลงมาอยู่ใกล้โลกจึงถกู โลกจับไว้เป็นดาวบริวารบางคนเสนอว่า โลกและดวงจันทรอ์ าจเกิด ข้ึนมาพรอ้ ม ๆ กันขณะที่ระบบสุริยะก่อตวั แต่ทฤษฎีนี้ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหล็กในดวงจันทร์ พรอ่ งไปไหน อีกทฤษฎหี นึง่ กลา่ วว่า ดวงจนั ทรอ์ าจก่อตวั จากการสะสมหลอมรวมของดาวเคราะห์ นอ้ ยขนาดเลก็

เอกสารท่เี กีย่ วข้องกบั ดาวพธุ ดาวพธุ เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกลด้ วงอาทิตยม์ ากท่ีสดุ ไม่มีดาวบริวาร และเป็นดาวเคราะห์ ที่เล็กที่สุดในระบบสุริยะ และด้วยความที่มันเป็นดาวที่มีขนาดเล็ก (เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4,878 กิโลเมตร) จึงทาให้มันไม่สามารถสร้างสนามโน้มถ่วงที่มีพลังมากพอท่ีจะดึงดูดและกักเก็บ บรรยากาศได้ ดาวพุธจึงมีแรงโน้มถ่วงนอ้ ยมาก และไม่มีบรรยากาศ ทาให้วัตถุอวกาศพุ่งชนไดง้ า่ ย พ้ืนผิวดาวจึงขรขุ ระจากการพงุ่ ชนเหลา่ นน้ั ดาวพุธใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์รอบละ 88 วัน แต่กลับหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ใช้ เวลาถึง 180 วนั เลยทเี ดียว น่ันหมายความว่า ดาวพุธจะมีดา้ นที่หนั เข้าหาดวงอาทิตย์ยาวนานมาก เช่นเดียวกับด้านที่หันออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์ ดังนั้น เมื่อมีด้านท่ีดาวพุธหัน เข้าหาดวงอาทติ ย์ยาวนาน ประกอบกับไม่มีชน้ั บรรยากาศ จึงทาให้พื้นผวิ ดาวร้อนมาก ส่วนด้านท่ี หันทศิ ตรงขา้ มดวงอาทิตย์ กเ็ ย็นมากเช่นกนั ดาวพธุ จงึ ได้รับฉายาว่า เตาไฟแชแ่ ขง็ ท้ังนี้ ดาวพุธมักปรากฏใกล้ หรืออยูภ่ ายใต้แสงจ้าของดวงอาทติ ย์ ทาให้สังเกตเห็นได้ยาก แตก่ พ็ อมองเหน็ ไดด้ ว้ ยตาเปลา่ ในเวลาพลบค่า ดาวพุธมีสภาพพ้ืนผิวขรขุ ระเนือ่ งจากการพุ่งชนของอกุ กาบาต ไม่มีดวงจนั ทร์เปน็ บริวารและ ไม่มีแรงโน้มถ่วงมากพอท่ีจะสร้างช้ันบรรยากาศ ดาวพุธมีแกนกลางเป็นเหล็ก ขนาดใหญ่ทาให้ เกดิ สนามแมเ่ หล็กความเข้มประมาณ1เปอร์เซ็นต์ของสนามแมเ่ หลก็ โลกล้อมรอบดาวพุธไว้ ดาวพุธมีหลุมอกุ กาบาตจานวนมากจนดูคล้ายดวงจันทร์ ภมู ิลกั ษณ์ท่เี ด่นทส่ี ุดบนดาวพุธ (เท่าที่สามารถถ่ายภาพได้) คือ แอ่งแคลอริส หลุมอุกกาบาตที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,350 กิโลเมตร ผิวดาวพธุ มผี าชนั อยู่ท่ัวไป ซ่ึงก่อตวั ข้นึ เมอ่ื หลายพนั ล้านปที ่แี ลว้ ขณะที่ใจกลาง ดาวพุธเย็นลงพร้อมกับหดตัว จนทาให้เปลือกดาวพุธย่นยับ พื้นท่ีส่วนใหญ่ของดาวพุธปกคลุม ดว้ ยท่ีราบ 2 แบบทมี่ ีอายุตา่ งกัน ที่ราบที่มีอายุน้อยจะมีหลมุ อุกกาบาตหนาแน่นนอ้ ยกว่า เป็น เพราะมลี าวาไหลมากลบหลมุ อกุ กาบาตท่เี กิดก่อนหนา้ การเคลื่อนท่ีดาวพธุ เคลื่อนรอบดวงอาทติ ย์เรว็ ทีส่ ุด โดยใช้เวลาเพียง 87.969 วันในการโคจร รอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ดาวพุธหมุนรอบตัวเองในทิศทางเดียว กับการเคลื่อนรอบดวงอาทิตย์ คือ จากทิศตะวันตกไป ทิศตะวันออก หมุนรอบตัวเองรอบละ 58.6461 วัน เมื่อพิจารณา จากคาบของการหมุนรอบตัวเอง และการคาบการเคล่ือนที่รอบดวงอาทิตย์ จะพบว่าระยะเวลา กลางวัน ถึงกลางคืนบนดาวพุธยาวนานถงึ 176 วนั ซึ่งยาวนานที่สุดในระบบสรุ ยิ ะ

เอกสารท่เี กย่ี วขอ้ งกบั ดวงอาทิตย์ โครงสร้างดวงอาทิตย์เป็นวัตถุที่ใหญ่ท่ีสุดในระบบสุริยะ มีมวลคิดเป็นร้อยละ 99 ของ ระบบสุริยะ ดวงอาทิตยเ์ ปน็ ดาวฤกษ์ท่ีมีรูปทรงเกือบเปน็ ทรงกลม โดยมีความแบนทีข่ ้ัวเพียงหนึ่ง ในเกา้ ล้าน[9] ซึ่งหมายความว่าความแตกต่างของเส้นผ่านศูนย์กลางท่ีขั้วกับเส้นผ่านศนู ย์กลางท่ี เส้นศนู ยส์ ูตรมีเพียง 10 กิโลเมตร จากการท่ดี วงอาทติ ยม์ ีเฉพาะสว่ นท่เี ปน็ พลาสมา ไมม่ ีส่วนท่ีเป็น ของแขง็ ทาให้อตั ราเร็วของการหมุนรอบตัวเองในแต่ละส่วนมคี วามต่างกนั เช่นที่เสน้ ศนู ยส์ ูตรจะ หมุนเร็วกว่าท่ีข้ัว ท่ีเส้นศูนยส์ ูตรของดวงอาทิตยม์ ีคาบการหมนุ รอบตวั เอง 25 วัน ส่วนท่ีขัว้ มคี าบ 35 วัน แต่เมื่อสังเกตบนโลกแล้วจะพบว่าคาบของการหมุนรอบตัวเองที่เส้นศูนย์สูตรของดวง อาทติ ย์คอื 28 วนั ดวงอาทิตย์มีความหนาแน่นมากที่สุดบริเวณแกน ซ่ึงเป็นแหล่งผลิตพลังงาน และมีค่า น้อยลงเกือบเป็นรูปเอ็กโพเนนเชียลตามระยะทางท่ีห่างออกมาจากแกน และแม้ว่าภายในดวง อาทิตย์นั้นจะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถศึกษาภายในได้ผ่านทางการใช้ คลื่นสะเทือนในดวงอาทิตย์ ส่วนแกนของดวงอาทิตย์สันนิษฐานว่ามีรัศมีเป็น 0.2 เท่าของรัศมีดวงอาทิตย์ ความ หนาแน่นประมาณ 150,000 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือ 150 เท่าของความหนาแน่นของน้า บนโลก อุณหภูมิประมาณ 13,600,000 เคลวิน ตลอดชีวิตส่วนใหญ่ของดวงอาทิตย์ ภายในแกน จะมีปฏิกริ ิยาฟิวชันลูกโซ่ โปรตอน-โปรตอน ซึ่งเปลย่ี นไฮโดรเจนเป็นฮีเลียม พลังงานท่ีได้นี้ทาให้ ส่วนท่ีเหลือของดวงอาทิตย์สุกสว่างและเปล่งแสงทุก ๆ วินาที จะมีนิวเคลียสของไฮโดรเจน 3.4×1038 ตัว ถูกแปรรปู เป็นฮเี ลียม ผลิตพลังงานได้ 383×1024 จูล หรือเทียบได้กับระเบิดไตร ไนโตรโทลูอีน (TNT) ถึง 9.15×1019 กิโลกรัม พลังงานจากแกนของดวงอาทิตย์ใช้เวลานานมาก ในการข้นึ สู่พน้ื ผวิ อย่างมากเปน็ 50 ล้านปี อยา่ งน้อยเป็น 17,000 ปี[11]เพราะโฟตอนพลงั งานสูง (รังสีเอกซแ์ ละรังสแี กมมา) ถูกดูดกลนื ไปในพลาสมา แลว้ เปล่งพลงั งานออกมาสลับกันเรื่อย ๆ ทุก ๆ ระยะไมก่ ม่ี ิลลิเมตร

ในสว่ นของเขตแผ่รงั สีความรอ้ น (radiation zone) ซ่ึงอยู่ในชว่ ง 0.2 ถึง 0.7 สว่ นของรัศมี ดวงอาทิตย์ ในช้ันน้ีไม่มีการพาความร้อน(convection) เพราะอัตราความแตกต่างของอุณหภูมิ เที ย บ กั บ ระ ย ะ ค ว า ม สู งน้ อ ยก ว่ า อั ต รา ก า รเป ล่ี ยน อุณ ห ภู มิ ตา ม ค วา ม สู งแ บ บ อ ะ เดี ย แบ ติ ก (adiabatic lapse rate) พลังงานในส่วนนี้ถูกนาออกมาภายนอกช้ามากดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนแล้ว เขตพาความร้อนในส่วนของเขตพาความร้อน (convection zone) ซ่ึงอยู่บริเวณผิวนอกท่ีเหลือ เปน็ สว่ นท่ีพลังงานถูกถ่ายเทผ่านแทง่ ความรอ้ น (heat column) โดยเน้ือสารทร่ี ้อนและมพี ลงั งาน เร่ิมต้นจากด้านล่าง แล้วไหลขน้ึ ดา้ นบนจนถงึ ผวิ จากนั้นถา่ ยเทความรอ้ นและกลับลงไปใหม่ แท่ง ความร้อนสามารถสงั เกตได้จาก “เกล็ด” บนภาพถ่ายผิวดวงอาทติ ย์ โฟโตสเฟียร์ในส่วนของโฟโตสเฟียร์ (photosphere) แปลว่า ทรงกลมแห่งแสง ซ่ึงเป็น สว่ นที่เรามองเห็นดวงอาทิตย์ แสงสว่างที่เปล่งในดวงอาทติ ย์น้ันเกิดจากอเิ ล็กตรอนชนกับอะตอม ไฮโดรเจนเกิดเป็น H- เหนือชั้นน้ี แสงอาทิตย์ก็จะถูกปลดปล่อยออกมา และมีอุณหภูมิต่าลงตาม ความสงู ที่มากขน้ึ จนทาใหส้ งั เกตเหน็ รอยมวั ตรงขอบดวงอาทิตยใ์ นภาพถ่าย (ดงั ภาพถ่ายดา้ นบน) บรรยากาศของดวงอาทิตย์ประกอบด้วย 5 ชั้น ได้แก่ ชั้นอุณหภูมิต่าสุด (temperature minimum) โครโมสเฟียร์ (chromosphere) เขตเปล่ียนผ่าน (transition region) โคโรนา (corona) และเฮลโิ อสเฟียร์ (heliosphere) ตามลาดบั จากต่าไปสูง ชนั้ แรก ชน้ั อุณหภมู ิตา่ สุด มีอุณหภูมิประมาณ 4,000 เคลวิน และหนา 500 กโิ ลเมตร ช้ัน ถดั ไปคือโครโมสเฟียร์ ซ่ึงแปลว่ารงคมณฑล หรือทรงกลมแห่งสี เหตุที่เรยี กช่ือนี้ก็เพราะเห็นเป็น แสงสีแวบขณะเกดิ สรุ ิยปุ ราคา ชั้นนีห้ นา 2,000 กิโลเมตร ชั้นต่อไปเป็นเขตเปลีย่ นผ่านซ่ึงอุณหภูมิ อาจติดลบถึงล้านเคลวิน และย่ิงต่าขึ้นไปอีกในชั้นโคโรนา ทาให้สิ่งนี้เป็นปัญหาคาใจ นักวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการต่อเช่ือมทางแม่เหล็ก (magnetic connection) ชนั้ ที่เหลือชนั้ สดุ ท้ายคือ เฮลิโอสเฟียร์ หรือสรุ ิยมณฑล คือช้ันทอ่ี านาจของลมสรุ ยิ ะ สามารถไปถึง ซ่ึงอาจมากกว่า 20 หน่วยดาราศาสตร์ (20 เท่าของระยะทางจากโลกถึงดวง อาทิตย)์

เอกสารท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ดาดาวเนปจูน (องั กฤษ: Neptune) มีชอื่ ไทยว่า ดาวเกตุ เป็นดาวเคราะห์ในระบบสรุ ยิ ะลาดับสุดท้ายมีขนาดเส้น ผ่านศนู ยก์ ลางใหญ่เปน็ อันดบั ที่ 4 รองจากดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และมมี วลเป็น ลาดบั ท่ี 3 รองจากดาวพฤหสั และดาวเสาร์ คาวา่ \"เนปจูน\" น้นั ต้ังช่อื ตามเทพเจ้าแหง่ ทอ้ งทะเล ของโรมันเหนือ (กรกี : โปเซดอน) มสี ัญลกั ษณ์เปน็ (♆) ดาวเนปจนู มีสนี า้ เงนิ เนื่องจากองค์ประกอบหลักของบรรยากาศผิวนอกเปน็ ไฮโดรเจน ฮีเลยี ม และมเี ทน บรรยากาศของดาวเนปจนู มกี ระแสลมทร่ี ุนแรง (2500 กม/ชม.) อณุ หภมู ิ พืน้ ผิวอยู่ทีป่ ระมาณ -220℃ (-364 °F) ซงึ่ หนาวเยน็ มาก เนอ่ื งจาก ดาวเนปจนู อยู่ไกลดวง อาทิตยม์ าก แตแ่ กนกลางภายในของดาวเนปจนู ประกอบดว้ ยหินและก๊าซรอ้ น อุณหภมู ปิ ระมาณ 7,000℃ (12,632 °F) ซึ่งร้อนกวา่ พนื้ ผิวของดวงอาทิตย์ ยานวอยเอเจอร์ 2 เป็นยานอวกาศจากโลกเพยี งลาเดยี วเทา่ นนั้ ที่เคยเดินทางไปถึงดาวเนปจูนเมอ่ื 25 สงิ หาคม พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) ภาพของดาวเนปจูนซ่งึ ได้ถา่ ยลกั ษณะของดาวมาแสดงให้ เราเหน็ จดุ ดาใหญ่ (คล้ายจดุ แดงใหญ่ ของดาวพฤหัส) อยู่คอ่ นมาทางซีกใตข้ องดาว มวี งแหวน บางๆสเี ขม้ อย่โู ดยรอบ (วงแหวนของดาวเนปจนู ค้นพบก่อนหน้าน้ัน โดย เอด็ เวิร์ด กิแนน (Edward Guinan) ดาวเนปจนู มีดวงจนั ทรเ์ ซลามนู บริวาร 8 หรอื 14 ดวง และดวงใหญม่ ากที่สดุ มชี ่อื ว่า ไทรทัน ส่วน ดวงเลก็ มากทสี่ ุดมีชอื่ วา่ S/2004 N 1วเนปจูน ลักษณะของดาว ดาวเนปจนู มีสนี ้าเงนิ เนอ่ื งจากองคป์ ระกอบหลักของบรรยากาศผวิ นอกเป็น ไฮโดรเจน ฮเี ลียม และมเี ทน บรรยากาศของดาวเนปจูน มีกระแสลมที่รนุ แรง (2500 กม/ชม.) อุณหภูมิ พน้ื ผวิ อยู่ทป่ี ระมาณ -220℃ (- 364 °F) ซ่งึ หนาวเย็นมาก เนอ่ื งจาก ดาวเนปจนู อยู่ไกลดวง อาทิตย์มาก แต่แกนกลางภายในของดาวเนปจนู ประกอบดว้ ยหนิ และกา๊ ซรอ้ น อุณหภูมปิ ระมาณ 7,000℃ (12,632 °F) ซง่ึ รอ้ นกว่าพน้ื ผวิ ของดวงอาทติ ยเ์ สียอีก

เอกสารท่ีเกีย่ วข้องกบั ดาวยเู รนัส ดาวยูเรนสั (หรือ มฤตย)ู เป็นดาวเคราะห์ท่ีอยู่หา่ งจากดวงอาทติ ย์เป็นลาดบั ที่ 7 ใน ระบบสุรยิ ะ จดั เปน็ ดาวเคราะหแ์ กส๊ มขี นาดใหญ่เป็นอันดับท่ี 3. ต้ังช่ือตามเทพเจา้ ยเู รนัส (Ouranos) ของกรกี สัญลักษณแ์ ทนดาวยูเรนัส คือ Uranus symbol.ant.png หรือ สญั ลกั ษณ์ ดาราศาสตรด์ าวยเู รนสั (ส่วนใหญใ่ ชใ้ นดาราศาสตร์) ชือ่ ไทยของยเู รนัส คอื ดาวมฤตยู ผู้ค้นพบดาวยูเรนสั คอื เซอร์วลิ เลียม เฮอรเ์ ชล(Sir William Herschel) พบในปี พ.ศ. 2324 (ค.ศ. 1781) ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) นักดาราศาสตรจ์ ากหอดูดาวไคเปอร์แอรบ์ อรน์ (James L. Elliot, Edward W. Dunham, and Douglas J. Mink using the Kuiper Airborne Observatory) ค้นพบว่า ดาวยเู รนัสมี วงแหวนจางๆโดยรอบ และเราก็ไดเ้ ห็นรายละเอยี ด ของ ดาวยเู รนัสพร้อมทัง้ วงแหวน และดวงจนั ทร์บริวารในปี พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) เม่อื ยานวอยเอ เจอร์ 2 (Voyager 2) เคล่ือนผา่ น ลักษณะเฉพาะทางกายภาพ โครงสรา้ งภายใน บรรยากาศช้ันนอกประกอบด้วยไฮโดรเจนและฮเี ลียมเป็นสว่ นใหญ่แตล่ ึกลงไปมี สว่ นประกอบของ แอมโมเนยี มเี ทน ผสมอยูด่ ว้ ย ดาวยเู รนัสแผค่ วามร้อนออกจากตัวดาวนอ้ ย มาก อาจจะเป็นเพราะภายในไม่มีการยุบตัวแล้ว หรืออาจมีบางอยา่ งปดิ กั้นไวก้ ็ยงั ไม่ทราบแนช่ ดั นักดาราศาสตร์คาดว่า แกนของดาวยูเรนสั มลี กั ษณะคล้ายกับดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดี ถัดมา เปน็ แกนชั้นนอกทเ่ี ตม็ ไปด้วยแอมโมเนียและมเี ทน เราจึงมองว่าดาวยูเรนสั เปน็ สีเขียว คาบการหมนุ รอบดวงอาทิตย์ ดาวยูเรนสั โคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลา 84 ปี แกนของดาวทามุมกบั ระนาบระบบสุรยิ ะ ถึง 98 องศา ทาใหฤ้ ดกู าลบนดาวยาวนานมาก คือ ด้านหนึ่งจะมีฤดหู นาว 42 ปี และอีกด้านจะ รอ้ นนาน 42 ปี และบางที่บนดาวพระอาทติ ย์จะไม่ตกเลยตลอด 42 ปี และบางทกี่ จ็ ะไม่ไดร้ บั แสง เลยตลอด 42 ปี ท่ีระยะนี้ พลังงานความรอ้ นจากดวงอาทิตย์แผม่ านอ้ ยมาก จงึ ทาให้กลางวนั และกลางคนื ของดาวยูเรนสั มีอุณหภมู ติ า่ งกนั 2 องศาเซลเซยี สเท่านนั้

เอกสารทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั ดาวเสาร์ ดาวเสาร์ (องั กฤษ: Saturn) เป็นดาวเคราะหด์ วงท่ี 6 จากดวงอาทติ ย์ ถัดจากดาว พฤหัสบดี ดาวเสาร์เปน็ ดาวแกส๊ ยกั ษท์ ีม่ ีรัศมเี ฉลยี่ มากกวา่ โลกประมาณเกา้ เทา่ [3][4] แม้ว่าจะมี ความหนาแน่นเป็นหนง่ึ ในแปดของโลก แตม่ วลของมันมีมากกว่าโลกถึง 95 เทา่ [5][6][7] ดาวเสาร์ ตง้ั ชอ่ื ตามเทพโรมนั แห่งการเกษตร สัญลกั ษณ์ทางดาราศาสตรข์ องดาวเสาร์ (♄) แทนเคียวของ เทพเจ้า ดาวเสาร์มรี ูปรา่ งปอ่ งออกตามแนวเสน้ ศูนยส์ ูตรท่ีเรียกว่าทรงกลมแป้น (oblate spheroid) เสน้ ผ่านศูนยก์ ลางตามแนวขวั้ สั้นกว่าตามแนวเสน้ ศูนยส์ ูตรเกอื บ 10% เปน็ ผลจากการ หมนุ รอบตวั เองอยา่ งรวดเรว็ ดาวเคราะห์ดวงอ่ืนๆ ก็มีลักษณะเปน็ ทรงกลมแปน้ เช่นกัน แต่ไมม่ าก เท่าดาวเสาร์ ดาวเสารเ์ ปน็ ดาวเคราะห์เพยี งดวงเดียวในระบบสรุ ิยะ ทมี่ ีความหนาแน่นเฉล่ยี น้อย กว่าน้า (0.70 กรัม/ลูกบาศก์เซนตเิ มตร) อยา่ งไรก็ตาม บรรยากาศช้ันบนของดาวเสาร์มีความ หนาแน่นนอ้ ยกวา่ น้ี ขณะทที่ แี่ กนมีความหนาแน่นมากกวา่ นา้ วงแหวนของดาวเสาร์ประกอบไป ด้วย เศษหินและนา้ แข็งขนาดเลก็ เรยี งตวั อยใู่ นระนาบเดียวกัน และวงแหวนของดาวเสารก์ ็ ประกอบไปดว้ ย วงแหวนย่อยๆมากมาย ความจริงแลว้ วงแหวนดาวเสาร์น้ันบางมาก โดยมคี วาม หนาเฉลี่ยเพียง 500 กโิ ลเมตรเทา่ นน้ั แต่เศษวัตถใุ นวงแหวนมคี วามสามารถในการสะท้อนแสงดี และกว้างกวา่ 80,000 กโิ ลเมตร จงึ สามารถสังเกตไดจ้ ากโลก

ลักษณะเฉพาะทางกายภาพ ดาวเสารม์ รี ปู ร่างป่องออกตามแนวเส้นศนู ยส์ ตู ร ทเ่ี รยี กว่าทรงกลมแป้น (oblate spheroid) เส้นผา่ นศนู ย์กลางตามแนวขว้ั สนั้ กว่าตามแนวเสน้ ศนู ยส์ ตู รเกือบ 10% เปน็ ผลจากการ หมุนรอบตัวเองอย่างรวดเรว็ ดาวเคราะหด์ วงอื่นๆ ก็มีลักษณะเป็นทรงกลมแปน้ เช่นกัน แต่ไมม่ าก เท่าดาวเสาร์ ดาวเสารเ์ ป็นดาวเคราะห์เพยี งดวงเดียวในระบบสุรยิ ะ ทมี่ คี วามหนาแน่นเฉลย่ี นอ้ ย กวา่ นา้ (0.70 กรัม/ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร) อย่างไรก็ตาม บรรยากาศชั้นบนของดาวเสาร์มคี วาม หนาแนน่ นอ้ ยกวา่ นี้ ขณะท่ที ี่แกนมีความหนาแน่นมากกวา่ นา้ วงแหวนของดาวเสารป์ ระกอบไป ดว้ ย เศษหินและนา้ แขง็ ขนาดเลก็ เรียงตัวอยู่ในระนาบเดยี วกนั และวงแหวนของดาวเสาร์ก็ ประกอบไปด้วย วงแหวนย่อยๆมากมาย ความจริงแลว้ วงแหวนดาวเสารน์ ั้นบางมาก โดยมีความ หนาเฉล่ียเพยี ง 500 กิโลเมตรเท่านั้น แต่เศษวัตถุในวงแหวนมีความสามารถในการสะทอ้ นแสงดี และกว้างกวา่ 80,000 กโิ ลเมตร จึงสามารถสังเกตไดจ้ ากโลก วงแหวน ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะหท์ ีม่ รี ะบบวงแหวนดาวเคราะห์ ขนาดใหญ่มากกว่าดาว เคราะห์อ่ืนในระบบสรุ ิยะ วงแหวนของดาวเสาร์ ประกอบด้วยอนุภาคขนาดเลก็ จานวนมากนบั ไม่ ถว้ น ทมี่ ขี นาดตั้งแตไ่ มก่ ี่ไมโครเมตรไปจนถงึ หลายเมตร กระจกุ ตัวรวมกนั อยู่และโคจรไปรอบๆ ดาวเสาร์ อนภุ าคในวงแหวนส่วนใหญเ่ ป็นน้าแข็ง มีบางสว่ นที่เป็นฝุ่นและสสารอืน่ วงแหวนของ ดาวเสารช์ ว่ ยสะทอ้ นแสง ทาให้มองเห็นความสวา่ งของดาวเสาร์เพ่มิ มากขึ้น แตเ่ ราไม่สามารถ มองเห็นวงแหวนเหลา่ นี้ได้ดว้ ยตาเปลา่ ในปี ค.ศ. 1610 ซง่ึ กาลิเลโอ เร่ิมใช้กลอ้ งโทรทรรศนใ์ น การสารวจทอ้ งฟา้ เขาเป็นกลุ่มคนยุคแรกๆ ทีพ่ บและเฝา้ สังเกตวงแหวนของดาวเสาร์ แม้จะ มองไม่เหน็ ลักษณะอันแท้จรงิ ของมันไดอ้ ยา่ งชัดเจน ปี ค.ศ. 1655 ครสิ เตียน ฮอยเกนส์ เป็นผู้ แรกทีส่ ามารถอธบิ ายลกั ษณะของวงแหวนว่าเปน็ แผนจานวนรอบๆ ดาวเสาร์ มแี ถบช่องว่าง ระหว่างวงแหวนอยู่หลายช่อง ในจานวนนมี้ ีอยู่ 2 แถบทม่ี ดี วงจันทร์แทรกอยู่ ช่องอื่นๆ อีกหลาย ช่องอย่ใู นตาแหน่งการส่นั พ้องของวงโคจรกับดวงจันทร์ของดาวเสาร์ และยงั มอี กี หลายช่องทีย่ งั หา คาอธบิ ายไม่ได้

เอกสารทีเ่ กีย่ วข้องกบั ดาวพฤหัสบดี (Jupiter) เป็นดาวเคราะห์ทอ่ี ยหู่ ่างจากดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ลาดับท่ี 5 และเปน็ ดาวเคราะหท์ ี่มีขนาดใหญท่ ส่ี ดุ ใน ระบบสรุ ิยะนอกจากดาวพฤหสั บดี ดาวเคราะหแ์ ก๊สดวงอ่ืนๆ ในระบบสุรยิ ะได้แก่ ดาวเสาร์ ดาว ยเู รนัส และดาวเนปจนู ช่ือละตินของดาวพฤหสั บดี (Jupiter) มาจากเทพเจา้ โรมนั สัญลักษณ์แทน ดาวพฤหัสบดี คอื เป็นสายฟา้ ของเทพเจา้ ซสุ ดาวพฤหัสบดมี มี วลสูงกวา่ มวลของดาวเคราะห์อน่ื รวมกันราว 2.5 เทา่ ทาให้ศูนยร์ ะบบ มวลระหวา่ งดาวพฤหสั บดกี ับดวงอาทิตย์ อยเู่ หนือผวิ ดวงอาทติ ย์ (1.068 เท่าของรัศมีดวงอาทติ ย์ เมื่อวัดจากศนู ย์กลางดวงอาทติ ย)์ ดาวพฤหัสบดีหนกั วา่ โลก 318 เทา่ เส้นผ่านศนู ยก์ ลางยาวกวา่ โลก 11 เท่า และมปี รมิ าตรคดิ เปน็ 1,300 เทา่ ของโลก เชอ่ื กันว่าหากดาวพฤหสั บดมี มี วลมากกวา่ นี้สัก 60-70 เทา่ อาจเพยี งพอทจี่ ะใหเ้ กิดปฏกิ ิรยิ านวิ เคลยี ร์จนกลายเปน็ ดาวฤกษไ์ ด้ ดาวพฤหสั บดีหมุนรอบตัวเองดว้ ยอตั ราเรว็ สูงทสี่ ดุ เมื่อเทยี บกบั ดาวเคราะหด์ วงอื่นในระบบสุริยะ ทาให้มรี ูปรา่ งแปน้ เมอื่ ดผู า่ นกลอ้ งโทรทรรศน์ นอกจากชั้นเมฆทหี่ อ่ หมุ้ ดาวพฤหัสบดี ร่องรอยท่ี เด่นชัดที่สุดบนดาวพฤหสั บดี คือ จดุ แดงใหญ่ ซง่ึ เป็นพายุหมุนท่ีมีขนาดใหญ่กวา่ โลก โดยทั่วไป ดาวพฤหสั บดีเปน็ วัตถทุ ส่ี ว่างท่ีสุดเป็นอันดบั ท่ี 4 ในท้องฟา้ (รองจากดวงอาทติ ย์ ดวง จนั ทร์ และดาวศกุ ร์ อย่างไรก็ตาม บางคร้งั ดาวอังคารก็ปรากฏสว่างกว่าดาวพฤหสั บดี) จึงเปน็ ท่ี รูจ้ กั มาตง้ั แตย่ ุคก่อนประวตั ศิ าสตร์ การค้นพบดาวบรวิ ารขนาดใหญ่ 4 ดวง ไดแ้ ก่ ไอโอ, ยโู รปา, แกนมี ีด และคัลลสิ โต โดยกาลิเลโอ กาลิเลอี เมอ่ื ค.ศ. 1610 เป็นการคน้ พบวตั ถุท่ไี ม่ไดโ้ คจรรอบ โลกเปน็ ครั้งแรกนับเป็นจดุ ที่สนับสนุนทฤษฎีดวงอาทิตยเ์ ปน็ ศนู ย์กลางที่เสนอโดยโคเปอร์นคิ ัส การออกมาสนับสนนุ ทฤษฎีนท้ี าให้กาลเิ ลโอต้องเผชิญกับการไตส่ วน

ลกั ษณะของดาวพฤหสั ดาวพฤหัสบดมี มี วลสูงกว่ามวลของดาวเคราะหอ์ ่นื รวมกันราว 2.5 เท่า ทาใหศ้ ูนย์ ระบบมวล ระหว่างดาวพฤหัสบดีกบั ดวงอาทิตย์ อยเู่ หนือผวิ ดวงอาทิตย์ (1.068 เทา่ ของรัศมี ดวงอาทติ ย์ เมื่อวดั จากศนู ยก์ ลางดวงอาทติ ย์) ดาวพฤหัสบดีหนักว่าโลก 318 เทา่ เสน้ ผา่ น ศนู ยก์ ลาง ยาวกว่าโลก 11 เท่า และมปี รมิ าตรคิดเป็น 1,300 เทา่ ของโลก เชื่อกันว่าหากดาว พฤหสั บดมี ีมวลมากกวา่ น้ีสกั 60-70 เทา่ อาจเพยี งพอท่ีจะให้เกิดปฏกิ ริ ิยานิวเคลียร์จนกลายเปน็ ดาวฤกษ์ได้ ดาวพฤหสั บดีหมนุ รอบตัวเองดว้ ยอัตราเร็วสูงทีส่ ดุ เม่อื เทยี บกับดาวเคราะหด์ วงอ่นื ใน ระบบสุรยิ ะ ทาให้มรี ูปร่างแป้นเมื่อดูผ่านกล้องโทรทรรศน์ นอกจากชั้นเมฆทหี่ อ่ หมุ้ ดาวพฤหัสบดี รอ่ งรอยที่เด่นชัดที่สุดบนดาวพฤหสั บดี คือ จดุ แดงใหญ่ ซ่ึงเป็นพายหุ มุนท่ีมขี นาดใหญ่กวา่ โลก โดยทั่วไป ดาวพฤหัสบดีเปน็ วัตถุท่ีสว่างทส่ี ุดเปน็ อันดบั ที่ 4 ในท้องฟ้า (รองจากดวงอาทติ ย์ ดวง จันทร์ และดาวศุกร์ อยา่ งไรกต็ าม บางคร้งั ดาวอังคารก็ปรากฏสวา่ งกว่าดาวพฤหสั บด)ี จงึ เปน็ ที่ รูจ้ กั มาตงั้ แต่ยคุ ก่อนประวัติศาสตร์ การค้นพบดาวบรวิ ารขนาดใหญ่ 4 ดวง ไดแ้ ก่ ไอโอ, ยโู รปา, แกนีมดี และคลั ลิสโต โดยกาลิเลโอ กาลเิ ลอี เม่อื ค.ศ. 1610 เป็นการคน้ พบวตั ถุท่ไี ม่ไดโ้ คจรรอบ โลกเป็นครั้งแรก นบั เป็นจดุ ทสี่ นับสนุนทฤษฎีดวงอาทิตยเ์ ป็นศนู ย์กลางทีเ่ สนอโดยโคเปอร์นคิ ัส การออกมาสนบั สนุนทฤษฎีนีท้ าใหก้ าลิเลโอต้องเผชิญกบั การไต่สวน วงแหวน ดาวพฤหสั บดีมวี งแหวนเช่นเดยี วกับดาวเสาร์ แต่มีความเลือนลางและขนาดเล็กกว่า สามารถเหน็ ได้ในรงั สีใตแ้ ดงทง้ั จากกล้องโทรทรรศน์ท่พี ื้นโลกและจากยานกาลิเลโอวงแหวนของ ดาวพฤหัสค่อนข้างมดื ซึ่งอาจประกอบด้วยเศษหนิ ขนาดเล็ก และไม่พบน้าแขง็ เหมอื นท่ีพบใน วงแหวนของดาวเสาร์ วัตถทุ ี่อยใู่ นวงแหวนของดาวพฤหสั อาจไม่อยใู่ นวงแหวนนาน เน่อื งจาก แรงเหวีย่ งท่เี กิดจากบรรยากาศและสนามแมเ่ หลก็ มหี ลกั ฐานท่ีแสดงใหเ้ ห็นวา่ วงแหวนไดว้ ัตถุ เพมิ่ เตมิ จากฝุน่ ทีเ่ กดิ จากอกุ กาบาตตกชน ดาวบรวิ ารวงในซงึ่ เน่ืองจากพลังงานมหาศาลจากแรง ดึงดดู ขนาดใหญข่ องดาวพฤหัส

เอกสารท่ีเกยี่ วข้องกับ ดาวอังคาร (Mars) ดาวองั คาร (อังกฤษ: Mars) เป็นดาวเคราะหล์ าดับที่สจี่ ากดวงอาทติ ย์ เป็น ดาวเคราะห์เลก็ ท่สี ดุ อนั ดบั ท่ีสองในระบบสรุ ิยะรองจากดาวพธุ ในภาษาอังกฤษได้ช่ือตามเทพเจ้า แหง่ สงครามของโรมนั มกั ไดร้ บั ขนานนาม \"ดาวแดง\" เพราะมอี อกไซด์ของเหลก็ ดาษดนื่ บนพ้นื ผวิ ทาให้มสี อี อกแดงเรอื่ [15] ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์หนิ ทมี่ บี รรยากาศเบาบาง มลี กั ษณะพ้ืนผิว คลา้ ยคลงึ กับทั้งหลมุ อุกกาบาตบนดวงจนั ทร์ และภูเขาไฟ หุบเขา ทะเลทราย ตลอดจนพดิ นา้ แข็ง ขั้วดาวท่ปี รากฏบนโลกคาบการหมุนรอบตัวเองและวัฏจกั รฤดกู าลของดาวองั คารกม็ คี วาคลา้ ยคลึง กับโลกซึ่งความเอียงก่อใหเ้ กิดฤดกู าลตา่ งๆดาวองั คารเป็นที่ตั้งของโอลิมปัสมอนส์ภเู ขาไฟใหญท่ สี่ ดุ บนดาวองั คารและสูงสดุ อันดับสองในระบบสุรยิ ะเทา่ ท่มี ีการค้นพบและเปน็ ท่ีต้งั ของเวลส์มาริเนริส แคนยอนขนาดใหญอ่ นั ดับต้น ๆ ในระบบสรุ ิยะ แอ่งบอเรียลสิ ทีร่ าบเรยี บในซกี เหนือของดาวปก คลมุ กว่ารอ้ ยละ 40 ของพ้นื ทที่ ้งั หมดและอาจเปน็ ลกั ษณะการถูกอกุ กาบาตชนครัง้ ใหญ่[16][17] ดาวอังคารมดี าวบริวารสองดวง คือ โฟบอสและดีมอสซง่ึ ต่างกม็ ีขนาดเลก็ และมีรูปร่างบิดเบ้ียว ทงั้ คอู่ าจเปน็ ดาวเคราะห์นอ้ ยท่ีถกู จบั ไว้คล้ายกบั ทรอยของดาวองั คาร เช่น 5261 ยเู รกา ลักษณะทางกายภาพ โดยภาพรวมนนั้ ดาวองั คารมขี นาดท่ีเล็กกว่าโลก คอื มีความยาวของเส้นผา่ นศูนยก์ ลางเทา่ กับรัศมี ของโลกและมีน้าหนกั เทยี บได้กบั 11% ของโลก ปริมาตร 15% ของโลก พ้นื ท่ีผวิ ทง้ั หมดของดาว องั คารยงั น้อยว่าพน้ื ท่ีทีเ่ ป็นพนื้ ดนิ ของโลกเสยี อกี [5] ส่วนสีของดาวท่เี หน็ เป็นสสี ม้ -แดงนน้ั เกดิ จาก ไอรอ์ อน(II) ออกไซด์ ซึง่ เป็นที่รูก้ นั คือ แร่เหลก็ หรือสนมิ เหลก็ น่ันเอง

เอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับ โลก (Earth) โลก(TheEarth)เปน็ ดาวเคราะหด์ วงเดียวในระบบสรุ ิยะท่มี สี ภาวะแวดลอ้ ม เอ้ืออานวย ตอ่ การดารงชีวติ ของสงิ่ มีชวี ิต โลกอยู่ห่างจากดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ลาดับที่ 3 และมีขนาดใหญ่เปน็ อนั ดบั ท่ี 5 โลกมสี ณั ฐานเป็นทรงกลมแป้นมีรศั มีเฉลย่ี 6,371 กโิ ลเมตร โครงสรา้ งภายในของโลก ประกอบไปด้วยแก่นช้ันในทเี่ ปน็ เหลก็ มรี ศั มปี ระมาณ 1,200 กิโลเมตร ห่อห้มุ ด้วยแกน่ ชัน้ นอกท่ี เปน็ ของเหลว (Liquid) ประกอบด้วยเหล็กและนเิ กิล มคี วามหนาประมาณ 2,200 กิโลเมตร ถดั ขน้ึ มาเป็นชนั้ แมนเทิลซ่ึงเปน็ ของแข็งเนือ้ อ่อนทย่ี ืดหยุ่นได้ (Plastic) ประกอบไปดว้ ย เหล็ก แมกนีเซียม ซลิ ิกอน และธาตุอ่ืนๆ มีความหนาประมาณ 3,000 กิโลเมตร เปลอื กโลกเป็นของแข็ง (Solid) มีองคป์ ระกอบส่วนใหญเ่ ปน็ เฟลดส์ ปาร์ และควอตช์ (ซิลิกอนไดออกไซด)์ บรรยากาศของโลกประกอบด้วยไนโตรเจน 77 % ออกซเิ จน 21% ที่เหลอื เป็นอาร์กอน คาร์บอนไดออกไซด์และน้าคารบ์ อนไดออกไซดช์ ว่ ยในการกักเก็บความร้อนไว้ภายใตช้ ั้บรรยากา ศโดยอาศยั ภาวะเรือนกระจกทาใหโ้ ลกมคี วามอบอุน่ ไม่หนาวเย็นจนเกินไปสาหรบั สง่ิ มชี ีวติ อย่างไร กต็ ามถ้าปรมิ าณคาร์บอนไดออกไซดเ์ พิ่มขึ้นมากขึ้นก็จะทาใหเ้ กดิ สภาวะโลกรอ้ นซึง่ อาจสง่ ผลให้ ส่ิงมชี วี ติ ไม่สามารถดารงอยไู่ ด้ นอกจากนโ้ี ลกยังมีสนามแม่เหลก็ ซงึ่ เกิดจากการเคลอ่ื นท่ีของแก่นช้นั นอกซง่ึ เป็นเหล็กเหลว ถึงแมว้ า่ สนามแมเ่ หล็กโลกจะมคี วามเขม้ ไมม่ ากแตก่ ็ช่วยปกป้องไม่ให้อนุภาคทม่ี ีพลงั งานสูงจาก ดวงอาทิตย์ (Solar wind) เดินทางผา่ นมาทผี่ ิวโลกได้ โดยสนามแม่เหล็กจะกักใหอ้ นุภาคเดินทาง ไปตามเสน้ แรงแม่เหล็ก และเขา้ สูช่ ้ันบรรยากาศได้เพยี งทีข่ ว้ั โลกเหนอื และขั้วโลกใตเ้ ทา่ นน้ั เมอื่ อนภุ าคพลงั งานสูงปะทะกบั โมเลกลุ ของแกส๊ ในชัน้ บรรยากาศ ทาให้เกิดแสงสีสวยงาม สังเกตเหน็ บนทอ้ งฟา้ ยามคา่ คนื เรียกว่า \"แสงเหนอื แสงใต้\" (Aurora) ในการศึกษาโครงสร้างภายในของโลก นนั้ นักธรณีวทิ ยาจะศึกษาการสัน่ ที่เกิดจากแผน่ ดนิ ไหวโดยเครอ่ื งวัดความไหวสะเทอื น (seismographs)คล่นื แผน่ ดนิ ไหวนจ้ี ะมคี วามเรว็ เปล่ียนไปเมอื่ เคลอื่ นผา่ นสสารท่มี ีความหนาแน่น ตา่ งกนั ดงั น้ันนักธรณวี ิทยาจึงสามารถทราบโครงสร้างตา่ งๆ ภายในเปลอื กโลกได้ (อธบิ ายเพิม่ ดูใน modern astrophysics)

เอกสารท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั ดาวศุกร์ (Venus) ดาวศุกร์ เปน็ ดาวเคราะห์เพ่ือนบา้ นที่อยใู่ กล้โลกมากที่สดุ ไมม่ ีดวงจนั ทร์เป็นดาว บริวาร มขี นาดเลก็ กว่าแต่ก็ใกล้เคียงกบั โลกมาก จนได้ชื่อวา่ เปน็ ฝาแฝดกับโลก เราสามารถ สงั เกตเห็นดาวศุกร์ไดด้ ้วยตาเปลา่ โดยสามารถมองเห็นได้ทางขอบฟา้ ด้านทศิ ตะวันตกในเวลาใกล้ ค่า เราเรียกว่า ดาวประจาเมือง (Evening Star) สว่ นชว่ งเช้ามืดปรากฏให้เห็นทางขอบฟา้ ดา้ นทิศ ตะวันออกเรียกว่า ดาวรุ่ง (Morning Star) เรามกั สังเกตเหน็ ดาวศุกร์มีแสงสอ่ งสว่างมากเน่อื งจาก ดาวศุกร์มชี ั้นบรรยากาศทป่ี ระกอบไปด้วยกา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ มผี ลทาให้อณุ หภูมิพื้นผิวสูงขน้ึ ดาวศกุ ร์มีขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลาง 12,104 กิโลเมตร หมนุ รอบตัวเอง 1 รอบใชเ้ วลา 224 วัน และ มที ิศทางการหมุนที่ไมเ่ หมือนดาวเคราะหด์ วงอื่นในระบบสรุ ิยะ คอื ในขณะทด่ี าวเคราะห์ดวงอ่ืน หมนุ ทวนเข็มนาฬกิ า ดาวศกุ รก์ ลบั หมุนตามเขม็ นาฬกิ า ส่วนช้ันบรรยากาศบนดาวนั้น ประกอบดว้ ยคาร์บอนไดออกไซต์ถงึ 97% ทาให้ดาวศกุ รร์ อ้ นมาก อุณหภมู สิ ูงเฉยี ด 500 องศา เซลเซียส และสะทอ้ นแสงอาทติ ยไ์ ด้ดี จงึ สกุ สว่างเมอื่ มองเหน็ บรรยากาศ บรรยากาศของดาวศกุ ร์ ประกอบดว้ ยก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ 97% ไนโตรเจน 3.5% ซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ และอาร์กอน 0.5% มีชั้นเมฆคารบ์ อนไดออกไซด์ท่ีหนาทบึ มาก ปกคลมุ ดาว ศุกรท์ ง้ั ดวงทาให้สะทอ้ นแสงอาทิตยไ์ ด้ดี จึงเห็นดาวศุกร์เป็นดาวเคราะหท์ ีส่ ว่างสกุ ใสมากและยาน อวกาศท่ไี ปสารวจดาวศุกร์กไ็ ม่สามารถถ่ายภาพพื้นผวิ โดยตรงได้ ต้องอาศัยคล่ืนเรดาห์ผ่านทะลุ ช้นั เมฆแล้วนามาวเิ คราะห์ดว้ ยคอมพวิ เตอรอ์ ีกคร้ัง อุณหภูมขิ องดาวศกุ ร์ ด้วยชั้นเมฆหนาของดาว ศุกร์ทาใหเ้ กิดสภาวะเรอื นกระจก อณุ หภมู ิบนดาวศุกร์สงู มาก ประมาณ 500 องศาเซลเซยี ส ตลอดท้ังกลางวนั และกลางคืน

บทที่ 3 อปุ กรณ์และวธิ กี ารดาเนนิ การ วัตถุ/อปุ กรณ์ 1.โปรแกรม Unity 2.โปรแกรม Blender 3.คอมพิวเตอร์ ขน้ั ตอนและวธิ ีการดาเนินการ + รูปภาพ ขน้ั ท่ี 1 คิดหัวข้อโครงเพพอื่ นาเสนอครทู ีป่ รกึ ษาโครงงาน ขน้ั ท่ี 2 ศึกษาและค้นคว้าขอ้ มูลทเี่ กย่ี วข้องกับเรือ่ งทีส่ นใจว่ามเี น้ือหามากน้อยเพียงใดจากเวป็ ไซตต์ ่างๆและเก็บขอ้ มูลไวเ้ พอื่ จดั ทาเน้อื หาต่อไป ขน้ั ที่ 3 ศึกษาการสรา้ ง VR ดว้ ยโปรแกรม Unity จากเวป็ ไซตต์ า่ งๆ ข้ันท่ี 4 ปฏบิ ตั กิ ารจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ดว้ ยโปรแกรม Unity เรื่อง VR โลกดาราศาสตร์

บทที่ 4 ผลการดาเนนิ งาน

บทท่ี 5 สรปุ ผลการดาเนนิ งาน/อภปิ ลายผลการดาเนนิ งาน แนวทางการตอ่ ยอด จดุ เดน่ ของโครงงาน

บรรณานกุ รม

ภาคผนวก

Story Board โครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทซอฟตแ์ วร์ เรอื่ ง VR โลกดาราศาสตร์

ค่มู อื การใชง้ าน

แบบสอบถามความพพึงพอใจในโครงงานคอมพิวเตอรป์ ระเภทซอฟต์แวร์ เร่อื ง VR โลกดาราศาสตร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook