Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กิตติศักดิ์เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการจัดการอาชี1

กิตติศักดิ์เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการจัดการอาชี1

Published by kittisak7710, 2020-09-23 07:05:16

Description: กิตติศักดิ์เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการจัดการอาชี1

Search

Read the Text Version

เทคโนโลยีดจิ ิทัลเพอ่ื การจัดการอาชีพ เสนอ อาจารยเ์ กสร เทยี นใต้ จดั ทาโดย นายกติ ติศกั ดิ์ แซ่หลอ นักศึกษาระดับชัน้ ปวส 1 สาขาไฟฟ้ากาลัง รายงานเล่มนเ้ี ป็นส่วยหนึ่งของวชิ าเทคโนโลยดี จิ ิทัลเพอื่ การจัดการ อาชพี รหัสวชิ า 3001-2001 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563 วยิ าลยั อาชวี ศกึ ษาเถนิ เทคโนโลยี อ.เถิน จ.ลาปาง

ก คานา รายงานเลม่ นเ้ี ปน็ ส่วนหน่ึงของวิชาเทคโนโลยีดิจทิ ลั เพือ่ การจดั การอาชพี รหสั วิชา3001-2001 เพ่อื จะให้ พีๆ่ และน้องๆไดศ้ ึกษาหาความร้เู ก่ยี วกบั เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เพอ่ื การจัดการอาชพี เพ่อื จะได้นาไปใช้ในการประกอบ อาชพี หรือนาไปใช้ในชีวิตประจาวันไดค้ รบั จัดทาโดย นายกิตตศิ ักด์ิ แซห่ ลอ

ข หนา้ 1 สารบญั 6 13 เรอื่ ง 23 หน่วยที่ 1 ความรู้พื้นฐานการจดั การข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) หน่วยท่ี 2 อินเทอรเ์ น็ตทกุ สรรพสิง่ (Internet Of Things) หนว่ ยที่ 3 เทคโนโลยีท่ีใช้ในการทาธุรกรรมโดยไม่ต้องผ่านบุคคลที่สาม (Blockchain) หนว่ ยท่ี 4 ธรุ กรรมการเงนิ ดจิ ิตอล (Fintech)

1 หน่วยที่ 1 ความรูพ้ ืน้ ฐานการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ความหมายของ Big Data Big Data หมายถึง ปริมาณข้อมูลท่ีมหาศาล ท้ังแบบข้อมูลท่ีมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง ซ่ึงปะปนอยู่ มากมายในการทาธุรกิจในแต่ละวัน หากแต่ไม่ใช่ปริมาณของข้อมูลที่เป็นส่ิงสาคัญ ส่ิงสาคัญก็คือการท่ีองค์กร จดั การกับข้อมูลต่างหากการวิเคราะห์ Big Data นาไปสู่ข้อมูลเชิงลกึ เพ่ือการตดั สนิ ใจทีด่ ีกว่าและการเคล่อื นไหวใน กลยุทธธ์ รุ กจิ องค์ประกอบท่สี าคญั ของข้อมูล จากภาพ จะเห็นไดว้ า่ องค์ประกอบของระบบ Data แบง่ ออกเป็น 5 สว่ นด้วยกัน ไดแ้ ก่ 1. Data Source แหล่งท่ีมาของขอ้ มูล ซึง่ ถอื ได้ว่า เป็นต้นน้า เป็นแหลง่ กาเนิดของข้อมลู อาจจะเป็นระบบ โปรแกรม หรือจะเปน็ มนษุ ยเ์ รา ที่สรา้ งให้เกดิ ขอ้ มูลขน้ึ มา ท้ังนี้ เมือ่ ได้ชือ่ ว่าเปน็ Big Data แล้ว ขอ้ มลู ต่างๆ มักจะมาจากแหล่งขอ้ มูลที่หลากหลาย นาพามาซงึ่ ความยากลาบากในการจดั การโครงสรา้ ง หรือจัดเตรียมใหข้ ้อมลู ที่นามารวมกันนั้น มคี วามพร้อมใช้ตอ่ ไป 2. Gateway ชอ่ งทางการเชือ่ มโยงขอ้ มูล การเช่ือมโยงข้อมูล เป็นส่วนท่ีสาคัญมาก และเป็นปัญหาใหญ่ในการทา Big Data Project ต้องอาศัยทักษะของ Data Engineer ท้ังการเขียนโปรแกรมเอง และใช้เครื่องมือท่ีมีอยู่มากมาย ทั้งน้ีการจะออกแบบช่องทางการ เช่ือมโยงขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์แบบ จาเป็นตอ้ งทราบก่อนวา่ จะนาขอ้ มลู ใดไปทาอะไรต่อบ้าง มเิ ชน่ น้ัน การสรา้ ง ชอ่ งทางการเช่อื มท่ีไมม่ เี ป้าหมาย ก็อาจเปน็ การเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ 3. Storage แหล่งเกบ็ ขอ้ มูล แหล่งเก็บนี้ ไม่ใช่แค่การเกบ็ ข้อมูลจากแหลง่ ข้อมลู แต่เป็นการเกบ็ ข้อมูลจากแหลง่ ข้อมูลหลายๆ แหล่ง เอามาไว้ เพ่ือรอการใช้งาน ซง่ึ อาจจะเปน็ ทพ่ี กั ข้อมลู ใหพ้ ร้อมใช้ หรอื จะเป็นแหลง่ เกบ็ ขอ้ มลู ในอดีตกเ็ ปน็ ได้

2 4. Analytics การวเิ คราะห์ข้อมูล สว่ นนีเ้ ป็นหนา้ ทหี่ ลักของ Data Scientist ซ่ึงแบ่งงานออกเป็น 2 ลกั ษณะ คือ การวิเคราะห์เบอ้ื งต้น โดยการใชว้ ธิ ี ทางสถิติ หรือจะเป็นการวิเคราะห์เชิงลกึ โดยการสร้าง Model แบบต่างๆ รวมไปถึงการใช้ Machine Learning เพ่ือใหไ้ ด้ผลลัพธเ์ ฉพาะจงเจาะในแตล่ ะปญั หา และแต่ละชดุ ขอ้ มลู 5. Result/Action การใช้ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์สามารถนาไปใช้งานได้ 2 รูปแบบ คือ ออกเป็นรายงาน เพ่ือให้ Data Analyst นา ผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้กบั งานทางธุรกจิ ต่อไป หรือจะเป็นการนาไปกระทาเลยโดยที่ไมต่ อ้ งมี “มนุษย์” คอยตรวจสอบ ซง่ึ จาเป็นต้องมีการเขยี นโปรแกรมเพิ่ม เพ่อื ใหม้ ีการกระทาออกไป ทีเ่ รยี กว่า Artificial Intelligence (AI) ลักษณะท่สี าคัญของ Big Data Big data ที่มีคณุ ภาพสูงควรมลี ักษณะพน้ื ฐานอยู่ 6 ประการหลกั ๆ (6 Vs) ดงั นี้ 1. ปริมาณ (Volume) หมายถึง ปริมาณของข้อมูลควรมีจานวนมากพอ ทาให้เมื่อนามาวิเคราะห์แล้วจะได้ insights ท่ีตรงกับความเป็นจริง เช่น การท่ีเรามีข้อมูลอายุ เพศ ของลูกค้าส่วนใหญ่ ทาให้เราสามารถหา demographic profile ท่ัวไปของลูกคา้ ทีถ่ ูกต้องได้ ถา้ เรามีข้อมลู ลกู ค้าแค่สว่ นน้อย ค่าที่ประมาณออกมาอาจจะ ไมต่ รงกบั ความเปน็ จรงิ

3 2. ความหลากหลาย (Variety) หมายถงึ รูปแบบของขอ้ มลู ควรหลากหลายแตกต่างกันออกไป ท้ังแบบโครงสร้าง, กงึ่ โครงสรา้ ง, ไม่มโี ครงสร้าง ทาใหเ้ ราสามารถนามาวิเคราะห์ประกอบกัน จนได้ได้ insights ครบถว้ น 3. ความเรว็ (Velocity) หมายถงึ คุณลักษณะข้อมูลที่ถูกสร้างขน้ึ อย่างรวดเร็วตอ่ เน่อื งและทันเหตกุ ารณ์ ทาให้เรา สามารถวเิ คราะห์ข้อมลู แบบ real-time นาผลลพั ธม์ าทาการตดั สินใจและตอบสนองไดอ้ ยา่ งทันท่วงที เชน่ ข้อมลู GPS ท่ีใช้ติดตามตาแหน่งของรถ อาจจะนามาวิเคราะห์โอกาสที่ทาให้เกิดอุบัติเหตุ และออกแบบระบบป้อ งกนั อุบัตเิ หตไุ ด้ 4. ความถูกต้อง (Veracity) หมายถึง มีความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มาข้อมูลและความถูกต้องของชุดข้อมูล มี กระบวนการในการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งมีความเก่ียวเน่ืองโดยตรงกับผลลัพท์การ วิเคราะหข์ ้อมลู 5. คุณค่า (Value) หมายถึง ข้อมูลมีประโยชนแ์ ละมีความสัมพนั ธ์ในเชิงธุรกิจ ซ่ึงต้องเข้าใจก่อนว่าไม่ใชท่ ุกข้อมูล จะมีประโยชน์ในการเก็บและวิเคราะห์ ข้อมูลท่ีมีประโยชน์จะต้องเก่ียวข้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ เช่นถ้า ต้องการเพม่ิ ขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดของผลิตภัณฑท์ ่ีขาย ข้อมูลทมี่ ปี ระโยชน์ทส่ี ุดน่าจะเป็นข้อมูล ผลิตภัณฑข์ องคแู่ ขง่ 6. ความแปรผันได้ (Variability) หมายถึง ข้อมูลสามารถในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปตามการใช้งาน หรือ สามารถคิดวิเคราะหไ์ ดจ้ ากหลายแง่มุม และรปู แบบในการจัดเก็บข้อมลู ก็อาจจะตา่ งกนั ออกไปในแตล่ ะแหล่งของ ข้อมูล คุณลักษณะเหลา่ น้ีทาใหก้ ารจดั การ Big Data เป็นเรื่องยาก แต่ในขณะเดียวกนั ก็เป็นโอกาสใหอ้ งค์กรสรา้ งความ ไดเ้ ปรียบเหนอื คู่แขง่ ด้วยการพฒั นาขดี ความสามารถในการวเิ คราะห์ข้อมลู ววิ ัฒนาการของ Big Data ถึงแม้ว่าแนวคิดเรื่องข้อมูลขนาดใหญห่ รือ Big Data จะเป็นของใหม่และมีการเรม่ิ ทากันในไม่กปี่ ีมานี้เอง แต่ต้น กาเนิดของชุดข้อมูลขนาดใหญไ่ ด้มกี ารริเร่มิ สรา้ งมาตั้งแต่ยคุ 60 และในยุค 70 โลกของข้อมูลกไ็ ด้เริ่มต้น และได้ พฒั นาศูนย์ขอ้ มลู แห่งแรกขึน้ และทาการพฒั นาฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธข์ ้นึ มา ประมาณปี 2005 เริ่มได้มีการตะหนักถึงข้อมูลปรมิ าณมากท่ีผคู้ นได้สรา้ งข้นมาผ่านสอื่ อนไลน์ เช่น เฟสบุ๊ค ยูทปู และส่ืออนไลน์แบบอื่นๆ Hadoop เป็นโอเพ่นซอรส์ เฟรมเวิร์คที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกันให้เป็นทเี่ กบ็ และวเิ คราะหข์ ้อมลู ขนาดใหญ่ และในชว่ งเวลาเดยี วกนั NoSQL ได้ก็เรม่ิ ขึ้นและได้รบั ความนิยมมากข้ึน การพัฒนาโอเพนซอร์สเฟรมเวิร์ค เช่น Hadoop (และเมื่อเร็ว ๆ น้ีก็มี Spark) มีความสาคัญต่อการเติบโตของ ข้อมูลขนาดใหญ่ เนื่องจากทาให้ข้อมลู ขนาดใหญท่ างานได้งา่ ย และประหยัดกว่า ในช่วงหลายปีทผี่ า่ นมาปรมิ าณ ข้อมูลขนาดใหญ่ไดเ้ พ่มิ ข้ึนอย่างรวดเร็ว ผูค้ นยงั คงสรา้ งขอ้ มูลจานวนมาก ซ่ึงไม่ใช่แค่มนุษย์ที่ทามนั ขนึ้ มา

4 การพัฒนาการของ IOT (Internet of Thing) ซ่ึงเปน็ เครอ่ื งมอื อปุ กรณท์ เี่ ชือ่ มตอ่ กบั อนิ เตอร์เนตกท็ าการเก็บและ รวบรวมข้อมลู ซ่งึ อาจเปน็ เรือ่ งทเี่ กี่ยวกบั พฤติกรรมการใช้งานของลกู ค้า ประสทิ ธิภาพของสนิ ค้า หรือการเรยี นรู้ ของเคร่ืองจักรพวกนี้ล้วนทาใหม้ ีขอ้ มูลขนาดใหญ่ แมว้ า่ ยุคของข้อมลู ขนาดใหญ่ Big Data มาถงึ และได้เร่มิ ตน้ แล้ว แต่มนั ก็ยงั เป็นเพยี งแตช่ ว่ งแรกๆ และระบบระบบ คลาวด์คอมพวิ ติ้งก็ไดข้ ยายความเปน็ ไปไดม้ ากขึน้ คลาวดม์ ีความสามารถในการในการใชง้ านได้อย่างยืดหยุ่นได้ รปู แบบของข้อมูล Big Data 1. Behavioral data: ข้อมลู เชิงพฤติกรรมการใช้งาน ตา่ งๆ เชน่ server log, พฤติกรรมการคลกิ ดขู อ้ มูล, ขอ้ มูล การ ใช้ ATM เป็นตน้ 2. Image & sounds: ภาพถ่าย, วิดีโอ, รูปจาก google street view, ภาพถ่ายทางการแพทย์, ลายมือ, ข้อมูล เสียงทถ่ี ูกบนั ทึกไว้ เปน็ ต้น 3. Languages: text message, ขอ้ ความท่ถี กู tweet, เนอื้ หาตา่ งๆในเว็บไซต์ เป็นต้น 4. Records: ขอ้ มูลทางการแพทย์, ขอ้ มูลผลสารวจ ทีม่ ขี นาดใหญ่, ข้อมลู ทางภาษี เปน็ ต้น 5. Sensors: ข้อมูลอณุ หภมู ิ, accelerometer, ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ เปน็ ต้น การจดั การข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data ก่อนท่ีธุรกิจจะสามารถนา Big Data มาใช้งานได้ พวกเขาควรพิจารณาว่าข้อมูลจะไหลเวียนไปยังสถานท่ี แหล่งที่มา ระบบ เจ้าของ และผู้ใช้จานวนมากได้อย่างไร มีห้าข้ันตอนสาคัญในการจัดการ “โครงสร้างข้อมลู ” ขนาดใหญ่นี้ ซ่ึงรวมถงึ ขอ้ มลู แบบดัง้ เดิม ขอ้ มลู ที่มโี ครงสรา้ ง และข้อมูลทไี่ ม่มีโครงสรา้ งและกึ่งมโี ครงสรา้ ง: 1) กาหนดกลยทุ ธ์เก่ยี วกบั ขอ้ มลู ขนาดใหญ่ ในระดับสูง กลยุทธ์ข้อมูลขนาดใหญเ่ ปน็ แผนท่ีออกแบบมาเพ่ือชว่ ยคุณในการกากับดแู ลและปรบั ปรุงวิธีทีค่ ุณไดร้ บั จดั เกบ็ จัดการ แบง่ ปนั และใช้ขอ้ มลู ภายในและภายนอกองค์กรของคุณ กลยทุ ธข์ อ้ มลู ขนาดใหญ่ชว่ ยปูทางไปสู่

5 ความสาเรจ็ ทางธรุ กจิ ท่ามกลางข้อมูลจานวนมาก เมอื่ พฒั นากลยทุ ธ์ สิง่ สาคญั คอื ตอ้ งพจิ ารณาเปา้ หมายทางธรุ กิจ และเทคโนโลยี –ในปจั จบุ ันและอนาคต – และโครงการริเรม่ิ การปฏบิ ตั กิ ับข้อมลู ขนาดใหญม่ ีความจาเปน็ เช่น ทรัพยส์ นิ ทางธรุ กิจทม่ี ีค่าอ่นื ๆ แทนทจี่ ะเป็นเพียงผลพลอยได้ของแอปพลเิ คชนั 2) ร้แู หล่งทมี่ าของขอ้ มลู ขนาดใหญ่ o กระแสข้อมูลมาจาก Internet of Things (IoT) และอุปกรณ์ทเ่ี ชื่อมต่ออ่นื ๆ ที่ไหลเขา้ ส่รู ะบบไอทจี ากอปุ กรณ์สวม ใส่ รถยนต์อัจฉริยะ อปุ กรณ์ทางการแพทย์ อปุ กรณ์อตุ สาหกรรม และอืน่ ๆ คณุ สามารถวเิ คราะห์ขอ้ มลู ขนาดใหญ่ นีไ้ ด้เม่อื มาถงึ รวมถึงตดั สินใจเลอื กขอ้ มูลทจ่ี ะเกบ็ หรือไม่เก็บ และขอ้ มูลใดท่ีต้องมีการวเิ คราะห์เพิ่มเตมิ o โซเชียลมีเดยี ข้อมูลเกิดจากการโต้ตอบบน Facebook, YouTube, Instagram ฯลฯ ซึ่งรวมถงึ ข้อมูลขนาดใหญ่ จานวนมหาศาลในรปู แบบของภาพ วิดีโอ คาพูด ข้อความ และเสียง - มีประโยชน์สาหรับฟงั ก์ชั่นการตลาด การ ข า ย แ ล ะ ก า ร ส นั บ ส นุ น ข้ อ มู ล น้ี มั ก จ ะ อ ยู่ ใ น รู ป แ บ บ ที่ ไ ม่ มี โ ค ร ง ส ร้ า ง ห รื อ กึ่ ง โ ค ร ง ส ร้ า ง ดังนน้ั จงึ เป็นความทา้ ทายในแบบเฉพาะ สาหรบั การบรโิ ภค และการวเิ คราะห์ o ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณชน มาจากแหล่งข้อมูลแบบเปิดขนาดใหญ่เช่น data.gov ของรัฐบาลสหรัฐ, CIA World Factbook หรือพอรท์ ลั ข้อมูลแบบเปิดของสหภาพยโุ รป o ข้อมูลขนาดใหญ่อ่ืนๆ อาจมาจากพ้ืนที่เก็บข้อมูลส่วนกลาง แหล่งข้อมูลบนระบบคลาวด์ ซัพพลายเออร์ และ ลูกคา้ 3) การเข้าถึง จดั การ และจดั เกบ็ ข้อมลู ขนาดใหญ่ ระบบคอมพิวเตอรส์ มัยใหมม่ คี วามเรว็ พลัง และความยืดหยนุ่ ที่จาเปน็ ในการเข้าถงึ ข้อมลู จานวนมหาศาลและ ประเภทของข้อมลู ขนาดใหญ่ได้อยา่ งรวดเร็ว นอกเหนอื จากการเขา้ ถงึ ทเ่ี ชอื่ ถอื ไดแ้ ลว้ บริษทั ตา่ งๆยงั ตอ้ งมวี ิธใี น การรวมขอ้ มูล รบั ประกันคุณภาพของข้อมลู การจดั ระเบียบขอ้ มลู และการจัดเกบ็ และการเตรยี มข้อมลู 4) การวิเคราะห์ข้อมลู ขนาดใหญ่ ดว้ ยเทคโนโลยที ่ีมีประสทิ ธิภาพสงู เชน่ Grid Computing (การประมวลผลแบบกรดิ ) หรอื การวเิ คราะหใ์ น หนว่ ยความจา องค์กรต่างๆ จงึ สามารถเลือกท่จี ะใชข้ อ้ มลู ขนาดใหญ่ท้ังหมดของพวกเขามาทาการวเิ คราะหไ์ ด้ แต่ ไมว่ า่ จะใช้วิธใี ด การวิเคราห์ะข้อมลู ขนาดใหญเ่ ปน็ วธิ ีที่บรษิ ทั ต่างๆ ได้รบั มูลค่าและขอ้ มลู เชงิ ลกึ จากข้อมลู ปัจจุบนั ข้อมลู ขนาดใหญป่ อ้ นขอ้ มลู เขา้ สู่ระบบการวเิ คราะหท์ ่มี ีความก้าวหนา้ ทสี่ ูงข้ึน เช่น ปญั ญาประดษิ ฐ์ 5) ตดั สินใจอย่างชาญฉลาดและใช้ข้อมลู ช่วย ขอ้ มูลท่ไี ดร้ บั การจัดการและมีความน่าเช่อื ถอื นาไปสูก่ ารวิเคราะหท์ นี่ า่ เช่ือถือและการตดั สินใจทน่ี ่าเชอื่ ถือ เพือ่ ให้ สามารถแข่งขันได้ ธุรกิจตา่ งๆ จาเปน็ ตอ้ งได้รบั ประโยชนส์ งู สดุ จากข้อมลู ขนาดใหญ่และดาเนนิ งานบนพน้ื ฐานข้อมูล – ทาการตดั สนิ ใจบนพื้นฐานหลักฐานท่ีนาเสนอโดยขอ้ มลู ขนาดใหญไ่ มใ่ ชต่ ามสญั ชาตญาณของผบู้ ริหาร การขบั เคลอื่ นด้วยขอ้ มลู มปี ระโยชนท์ ชี่ ัดเจน องค์กรที่ขับเคล่ือนดว้ ยข้อมลู จะทางานได้ดขี น้ึ สามารถคาดการณไ์ ดม้ ากขนึ้ และมีผลกาไรเพม่ิ ข้ึน

6 หนว่ ยที่ 2 อนิ เทอร์เน็ตทกุ สรรพสง่ิ (Internet Of Things) ความหมายของ Internet Of Things Internet of Things (IoT) คือ \"อินเตอร์เน็ตในทุกส่ิง\" หมายถึง การท่ีอุปกรณ์ต่างๆ ส่ิงต่างๆ ได้ถูก เชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างสู่โลกอินเตอร์เน็ต ทาให้มนุษย์สามารถส่ังการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทาง เครอื ข่ายอนิ เตอรเ์ น็ต เชน่ การเปดิ -ปดิ อปุ กรณ์เครอ่ื งใช้ไฟฟ้า (การส่ังการเปิดไฟฟา้ ภายในบ้านดว้ ยการเชื่อมต่อ อุปกรณ์ควบคุม เช่น มือถือ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต) รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร เคร่ืองมือทาง การเกษตร อาคาร บ้านเรือน เคร่อื งใชใ้ นชวี ติ ประจาวันตา่ งๆ ผ่านเครอื ข่ายอนิ เตอร์เน็ต เป็นต้น

7 IoT มีช่ือเรียกอีกอย่างว่า M2M ย่อมาจาก Machine to Machine คือเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตท่ีเช่ือมต่อ อุปกรณ์กบั เครื่องมือตา่ งๆ เข้าไวด้ ้วยกนั เทคโนโลยี IoT มคี วามจาเปน็ ต้องทางานร่วมกับอุปกรณป์ ระเภท RFID และ Sensors ซึ่งเปรยี บเสมือนการ เติมสมองให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ขาดไม่คือการเชื่อมต่ออนิ เตอร์เน็ต เพ่ือให้อุปกรณ์สามารถรับสง่ ข้อมูลถึงกนั ได้ เทคโนโลยี IoT มีประโยชน์ในหลายด้าน แต่ก็มาพร้อมกับความเส่ียง เพราะหากระบบรักษาความปลอดภัยของ อุปกรณ์ และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไม่ดีพอ ก็อาจทาให้มีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาขโมยข้อมูลหรือละเมิดความเป็น ส่วนตัวของเราได้ ดังน้ันการพฒั นา IoT จึงจาเป็นต้องพฒั นามาตรการ และระบบรักษาความปลอดภัยไอทคี วบคู่ กนั ไปดว้ ย

8 แว่นอัจฉริยะสุดไฮเทค Google Glass Google Glass เปน็ แว่นตาทีค่ อมพิวเตอรแ์ ละหนา้ จอติดตง้ั อยู่กับตัวแว่น และมกี ลอ้ งติดอยู่ ขาแว่นรองรับ การใชง้ านระบบสัมผสั และรองรบั การสง่ั งานด้วยเสยี ง ปญั หาคือด้วยพื้นท่ีการแสดงผลที่มีจากดั มันจะทาอะไรได้ บา้ ง คงเป็นเร่อื งที่หลายคนสงสยั เพราะราคาของมนั ในตอนนวี้ างจาหน่ายอยทู่ ่ี $1,500 คดิ เป็นเงินไทยกป็ ระมาณ 49,000 บาท เราคงไมเ่ สยี เงินครง่ึ แสนกบั แวน่ ตาท่ีทาได้แคถ่ า่ ยรปู แน่ๆ ใชไ่ หมล่ะครับ คาตอบกค็ อื Google Glass ถา้ พดู ไปมนั ก็ทาให้เราเหมอื นมี Google ตดิ ตวั เราตลอดเวลา มันสามารถแสดง ขอ้ มลู จากสมาร์ท โฟนหรอื Google accounts บนหน้าจอของ Google Glass, รบั สายทโี่ ทรเขา้ มา, ส่งขอ้ ความ, ถา่ ยรปู และวิดโี อ, แสดงแผนที่, แสดงผลการค้นหา และทเี ด็ดทส่ี ุด คอื รองรบั Google Now ด้วย ววิ ฒั นาการของ Internet Of Things จากเทคโนโลยี RFID ส่โู ลกของ Internet of Things ย้อนไปเม่ือปี 1999 นาย Kevin Ashton ท่ีทางานวิจัยอยู่ท่ีมหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT เขาได้ถูกเชิญให้ไปบรรยายเร่ืองนี้ให้กับบริษัท Procter & Gamble หรือ P&G ท่ีเรา คนุ้ เคย ซ่ึงการบรรยายในครั้งนั้นเขาไดน้ าเสนอโครงการที่ชื่อว่า Auto-ID Center ซงึ่ ตอ่ ยอดมาจากเทคโนโลยี RFID ท่ีในขณะน้ันถือเป็นมาตรฐานโลกสาหรับการจบั สญั ญาณเซ็นเซอร์ต่างๆ( RFID Sensors) ว่าตัวเซ็นเซอร์ เหล่าน้ันสามารถทาให้มันพูดคุยเช่ือมต่อกันได้ผ่านระบบ Auto-ID ของเขา โดยการบรรยายให้กับ P&G ในครั้ง นั้นนาย Kevin Ashton ก็ไดใ้ ชค้ าว่า Internet of Things ในสไลด์การบรรยายของเขาเป็นครง้ั แรก โดย Kevin นิยามเอาไว้ตอนนั้นว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกสใ์ ดกต็ ามท่ีสามารถสอ่ื สารกนั ได้ได้ก็ถือเปน็ “internet-like” หรือ พูดง่ายๆก็คอื อปุ กรณอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์ที่ส่ือสารแบบเดยี วกบั กับระบบอินเตอรเ์ น็ตนั้นเอง โดยคาวา่ “Things” ก็คือ คาใชแ้ ทนอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ตา่ งๆเหลา่ นั้น ตู้ ATM ถอื เปน็ อปุ กรณ์ Internet of Things ชิ้นแรก จากคานิยามที่นาย Kevin Ashton ได้บรรยายไว้ ก็ได้มีการยกตัวอย่างเจ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าข่ายถือ เป็น Internet of Things ได้นั้นก็พบว่าเจ้าตู้ ATM ท่ีเราใช้กดเงินกันอยู่ทุกวันนี้นี่แหละถือเป็น Internet of

9 Things ชิน้ แรกของโลก เพราะมนั สามารถเชื่อมต่อส่ือสารหากันได้ผา่ นเครือข่ายของธนาคารและสาขาตา่ งๆ ซึ่ง เจา้ ATM นน้ั ถือกาเนดิ ขน้ึ มาตั้งแต่ปี 1974 ก่อนที่จะมกี ารนิยามคาว่า Internet of Things เสียด้วยซ้า ต่อมาหลงั ปี 2000 โลกมอี ุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกมาเป็นจานวนมากและมกี ารใช้คาว่า Smart ซึง่ ในทน่ี ี้คือ smart device, smart grid, smart home, smart network, smart intelligent transportation ต่างๆเหล่าน้ีล้วนมโี ครงสร้างพนื้ ฐานท่ี สามารถเช่ือมต่อ กับโลกอนิ เตอร์เน็ตได้ ซง่ึ การเชอ่ื มต่อเหล่านัน้ เองกเ็ ลยมาเปน็ แนวคดิ ทวี่ ่าอปุ กรณ์เหลา่ นนั้ ก็ย่อมสามารถส่อื สาร กันไดด้ ้วยเช่นกนั โดยอาศัยตัว Sensor ในการสื่อสารถงึ กนั น่นั แปลวา่ นอกจาก Smart devices ตา่ งๆจะเชอื่ มต่ออินเตอร์เน็ตได้แลว้ มันยัง สามารถเชอ่ื มตอ่ ไปยงั อุปกรณ์ ตวั อ่ืนได้ด้วย ในปี 2020 จะมีรถยนต์ท่ีเช่อื มตอ่ อินเตอร์เนต็ ถึง 250,000 คัน และเม่ืออปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนกิ สช์ ิน้ เล็กๆท่ีเป็น Internet of Things สามารถเชอื่ มตอ่ อนิ เตอร์เนต็ ได้แลว้ ทาไม Things อยา่ งรถยนต์ทงั้ หลาย จะเชอื่ มต่ออินเตอรเ์ น็ตกบั เขาบ้างไมไ่ ด้ ตัวอย่างรถยนตท์ ่ีว่านนั้ กค็ ือรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่เชอื่ มต่อข้อมลู ของตัวรถเข้ากับเครือขา่ ยอนิ เตอร์เนต็ และศูนยข์ ้อมูลของ Tesla motor ในการอัพเดทข้อมูลสาคัญๆตา่ งๆให้กบั ตวั รถยนตแ์ ละผขู้ ับข่ี หรืออยา่ ง โครงการ Google’s Self-Driving Car รถยนต์ไร้คนขับของกูเกลิ ทน่ี าระบบอินเตอรเ์ น็ตเข้ามารว่ มประมวลผลในการคานวนเสน้ ทางต่าง (คล้ายกับ ทีเ่ ราเปิด Google Maps เพ่ือค้นหาเส้นทาง) โดยกูเกลิ ได้นาขอ้ มูลของรถยนต์กว่า 10,000คันไปประมวลผลในแตล่ ะสปั ดาหเ์ พอ่ื หาวิธกี าร

10 ขับข่ีท่ีปลอดภยั ทีส่ ุดให้กบั รถยนต์ ไร้คนขบั ของกเู กลิ และในปัจจบุ นั กม็ ีหลายคา่ ยรถยนตก์ ็เรมิ่ พัฒนารถยนต์ใหม้ คี วามสามารถในลักษณะนี้เพมิ่ ขึ้น และอาจจะมกี ารตอ่ ยอดแนวคดิ นขี้ ้ึนไป อกี โดยอาจจะไปถงึ ขั้นที่ในอนาคตเราจะไดเ้ หน็ รถยนต์แต่ละคันตามท้องถนนสามารถสื่อสารกันแลกเปลี่ยน ขอ้ มูลระหวา่ งกนั ได้เพือ่ นาไปประมวลผล การเร่ืองขบั ขท่ี ปี่ ลอดภัยเพ่ือลดอบุ ัตเิ หตทุ ่อี าจจะเกดิ ข้ึนน่ันเอง ลักษณะการทางานของ Internet Of Things ประเภทของ Internet Of Things ปจั จบุ ัน IoT แบ่งออกเปน็ 2 ประเภทได้แก่ o Industrial IoTs: แบ่งจาก Local Network มีหลายเทคโนโลยที ี่แตกตา่ งกันในโครงข่าย Sensor Nodes โดยตัว อุปกรณ์ IoT Device ในกลุ่มนี้ จะเช่อื มตอ่ แบบ IP Network เพอ่ื เขา้ สู่อินเตอรเ์ นต็ o Commercial IoTs: แบ่งจาก Local Communication ท่เี ป็น Bluetooth หรือ Ethernet (Wired Or Wireless) โดยตัวอุปกรณ์ IoT Device ในกลุ่มนจ้ี ะส่ือสารภายในกลุม่ Sensor Nodes เดียวกันเท่านั้นหรือเป็นแบบ Local devices เพยี งอยา่ งเดยี วอาจไมไ่ ด้เชือ่ มสอู่ ินเตอรเ์ นต็ ส่วนประกอบของ Internet Of Things ประโยชนข์ อง Internet Of Things การท่ีเทคโนโลยีเป็นท่ีแพร่หลายนั้นไม่ได้อยู่ท่ีปัจจัยด้านราคาอย่างเดียว แต่เทคโนโลยีน้ันต้องส่งมอบ ประโยชน์ต่อชวี ิตของผใู้ ชด้ ้วย ซึง่ IoTs ก่อใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นด้านต่างๆ มากมาย รับส่งข้อมลู ในรูปแบบดจิ ทิ ลั

11 IoTs มคี ณุ สมบัตดิ า้ นการเก็บขอ้ มลู ทางภายภาพใหอ้ ยู่ในรปู ดิจทิ ลั ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จงึ นับเป็นประโยชน์อยา่ ง มากในยุค Digital Transformation ทางานตรวจสอบในจดุ ที่คนเข้าไมถ่ งึ เราสามารถออกแบบ Smart Device ใหม้ ขี นาดเลก็ และทนทาน เพือ่ ตดิ ตงั้ ตามจุดท่คี นเข้าถงึ ยากหรอื ใน จุดท่ีมีอันตรายระหว่างดาเนินการได้ เช่น ภายในท่อสง่ น้ามนั บ่อบาบัดน้าเสีย เป็นต้น เพื่อช่วยลดความเสีย่ งต่อ ชวี ติ และทรัพยส์ ินจากการเขา้ พ้ืนทีอ่ นั ตรายเป็นประจาได้ ลดภาระงานใหก้ บั บคุ ลากร ในอดีตการเก็บข้อมูลต้องใช้คนในการสอดส่องที่เคร่ืองมือเพ่ือหาความผิดปกติ แต่ปัจจุบัน IoTs ไม่ เพยี งแต่สอดส่องให้เราผา่ น Dashboard เทา่ น้นั แต่ยังสามารถเรยี นรูแ้ ละหาความผดิ ปกติดว้ ยเทคโนโลยอี ่นื ๆ ได้ อย่าง Artificial Intelligence เป็นตน้ แม่นยา! และส่งข้อมูลได้แบบ Real-Time ข้อมูลจาก IoT ไม่เพียงแต่เป็นดิจทิ ัลเทา่ น้ัน ยังสามารถแลกเปลีย่ นได้อย่างรวดเร็วระดับ Real-Time มี ความแม่นยา และสามารถใชง้ านไดต้ ลอดเวลา ทาใหม้ ีขอ้ มูลในการตดั สนิ ใจไดท้ ันที จะเห็นได้ว่า IoTs มีส่วนช่วยเปล่ียนแปลงการใช้ชีวิตของเราและสงั คมรอบข้างในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะ ความสะดวกสบายและความปลอดภยั ในการใชช้ ีวิตประจาวัน รวมถึงยังเขา้ ไปมคี วามเกย่ี วข้องกบั แวดวงต่างๆ ท้ัง ภาคธรุ กจิ และสังคมมากขึ้น เพอ่ื เตรยี มพร้อมทีจ่ ะก้าวสยู่ คุ ดจิ ิทัลอยา่ งแท้จริง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง Internet Of Things และ Big data การนา Internet Of Things ไปใช้งานต่างๆ ตวั อยา่ งการใช้ IoT ในดา้ นต่างๆ ด้านพลงั งาน มีการนา IoT มาใช้จะเพ่ิมความฉลาดของระบบพลังงานและระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซ่ึงช่วยเพ่ิม ประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานจากทอ่ สง่ อัจฉรยิ ะ (Smart Pipelines) ถึงมิเตอรอ์ ัจฉรยิ ะ (Smart Meters) และโครงข่ายไฟฟ้าอจั ฉรยิ ะ (Smart Grid) ทกุ แงม่ ุมของการสร้างและส่งตอ่ พลงั งานลว้ นถกู ทาให้มคี วามปลอดภยั ยง่ิ ขน้ึ พ่ึงพาอาศัยกันไดม้ ากขึ้น และมีประสิทธภิ าพยิ่งขนึ้ ด้วย เพ่ือตอบสนองความกระหายพลงั งานของโลก หรอื ทเี่ รียกวา่ พลังงานอัจรยิ ะ หรือ Smart Energy ดา้ นการดูแลสุขภาพ ตัวเลขค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพโดยเฉลีย่ สงู กว่า 10% ของ GDP ในระดับชาติของท่ัวโลก IoT จึงเป็นหวั ใจ หลกั ในการปรับปรงุ การนาเสนอบริการสาคญั ด้านการดแู ลสุขภาพผ่านการเชอื่ มต่อและการแบง่ ปนั ขอ้ มลู ซ่งึ เปน็ เหตุผลของการสรา้ งศูนยท์ ดลอง Connected Care ของ IIC โดยสมาชิกของศูนย์ดงั กล่าวต่างมุ่งเนน้ ในการสร้าง ระบบนิเวศด้านการดูแลสขุ ภาพผ่าน IoT ในระบบเปิดไวส้ าหรบั สอดสอ่ งดูแลผปู้ ่วยที่อย่ทู ีบ่ า้ นหรอื ที่อยูร่ ะยะไกล

12 โดยมีระบบบริหารจัดการจากระยะไกลที่มีระบบรกั ษาความปลอดภัยอย่างดีไว้สาหรับคอยติดตามดูอาการของ ผู้ป่วยเรือ้ รงั ส่ิงน้ีมอบศักยภาพในการสรา้ งโซลูชันในราคาเหมาะสมสาหรบั ผปู้ ่วยและครอบครวั อีกท้ังยังช่วยให้ ผูด้ ูแลมีโอกาสดูแลผ้ปู ว่ ยได้อย่างต่อเน่อื งและมีประสิทธิภาพ การลดความสูญเสยี ในการขนสง่ IoT สามารถสรา้ งระบบขนสง่ ท่สี ามารถรบั รกู้ ารเปลีย่ นแปลงทเ่ี กิดข้นึ และดาเนนิ การตอบสนองไดอ้ ย่างรวดเร็วใน แบบเรยี ลไทม์ ท้งั เพิ่มประสทิ ธิภาพในการดาเนนิ งานและความปลอดภยั ของสาธารณะ ลดช่วงเวลาดาวน์ไทม์ และ ดูแลเรื่องของการบารุงรักษาระบบหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ในเชิงป้องกันก่อนท่ีจะเกิดความขัดข้องกับชิ้นส่วน เครื่องจกั รหรอื อปุ กรณ์ด้วยการวเิ คราะห์และดาเนินการแกไ้ ขตามข้อมูลทไ่ี ด้จากตรวจสอบเซนเซอรแ์ ละเครอ่ื งจกั ร ทอ่ี ยแู่ วดล้อม อาทิ สภาพภูมอิ ากาศ ทัง้ สามารถระบุเสน้ ทางไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพมากขึ้น พรอ้ มกับการปรบั ปรงุ ประสิทธภิ าพการใช้พลังงานจากการวิเคราะหค์ วามสามารถ ภาคการผลติ และระบบซพั พลายเชน นวัตกรรมด้าน IoT ในภาคการผลิตซึ่งปัจจุบนั พัฒนาไปสู่โรงงานอัจฉริยะแห่งอนาคต (Smart Factory) IoT ให้ ความสามารถในการปรับปรงุ ประสทิ ธิภาพและผลลพั ธ์ได้อย่างมากมายมหาศาล ทั้งในเร่อื งของกระบวนการผลิต ไปตลอดท่ัวทั้งซัพพลายเชนด้วย IoT กระบวนการผลิตจะควบคุมการทางานได้ด้วยตัวเองจากเคร่ืองจักรและ อุปกรณ์ท่ีมีความชาญฉลาด สามารถดาเนินการแก้ไขเพื่อหลีกเล่ียงการเกิดเหตุขัดข้องแบบท่ีไม่ได้คาดการณ์ ลว่ งหน้า โดยจะมกี ารเปลีย่ นช้ินสว่ นต่าง ๆ ได้เองโดยอตั โนมัตจิ ากการนาขอ้ มูลเรยี ลไทมม์ าใช้ และอปุ กรณ์ดจิ ทิ ลั แบบพกพาทกุ ช้ินในโรงงานจะต้องรายงานสถานะของอปุ กรณท์ ุกชน้ิ ทซ่ี ่อมอยู่ และสามารถใช้มอื ถอื ของเจา้ หนา้ ท่ี เขา้ ถึงขอ้ มลู การดาเนนิ งานได้แบบเรยี ลไทม์ โดยตวั เซนเซอร์ของอุปกรณส์ วมใสจ่ ะตดิ ตามตาแหนง่ ของพนกั งานใน โรงงานแตล่ ะคนได้ ในกรณที ี่เกิดเหตุฉกุ เฉนิ ขึ้น ท่ีเรียบเรียงมาท้ังหมดยังเป็นเพียงแคบ่ างสว่ นเท่าน้นั IoT ยงั มอี ีกหลายด้าน หลายแง่มมุ ท่ีเป็นประโยชนต์ อบสนอง ความง่าย แตม่ ีประสทิ ธภิ าพสูงในปัจจบุ ันไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ซ่ึงผู้ประกอบการ SMEs ควรมกี ารเรยี นร้อู ย่างจรงิ จังแนะ สามารถนามาปรบั ใชง้ านในภาคของธุรกิจได้ เพราะเช่ือเถอะว่า มันจะเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตเรามากย่ิงข้ึนทุกขณะ ตอนน้ีเราไม่ปรับเปล่ียน ในอนาคต เทคโนโลยเี หลา่ นจ้ี ะมาปรบั เปลย่ี นเรา ไมว่ า่ เราจะพร้อมหรอื ไม่ ผลกระทบที่อาจจะเกดิ ขึน้ Internet of Thing นั้นหากถูกพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบ จะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้เป็นอย่างมาก ในแง่ของ ความสะดวกสบาย และรวดเร็ว ช่วยลดข้ันตอนความยุ่งยากในการทากจิ กรรมประจาวันต่างๆ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ ยังคงมขี ้อบกพร่อง ซ่ึงสามารถจาแนกไดด้ งั น้ี ปัญหาดา้ นการสง่ ข้อมูล : หัวใจหลักของแนวคิด Internet of Thing คือระบบเครอื ขา่ ยท่ีเปน็ ตัวกลางใน การรับส่งข้อมลู ของอุปกรณ์ต่างๆ และเครือข่ายที่สาคัญที่สุดคือ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต หมายความว่าแนวคิดน้ี

13 จะตอ้ งพ่ึงพาเครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ตเป็นหลกั ซ่ึงถ้าหากเครอื ขา่ ยดงั กลา่ วไมส่ ามารถใชง้ านไดช้ ่ัวคราว หรอื เกดิ การ ผิดพลาดทางการส่งข้อมลู ก็จะสง่ ผลใหอ้ ุปกรณ์ต่างๆ ไม่สามารถทางานได้ ปัญหาด้านความปลอดภัย : เม่ือทุกสิง่ ถูกเช่ือมตอ่ เข้าด้วยกัน การรักษาความปลอดภัยยิ่งสามารถทาได้ ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากหากสามารถเจาะเข้าอุปกรณ์ชิ้นหน่ึงในเครือข่ายนน้ั ได้ ก็จะสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ช้ินอนื่ ได้ ง่ายข้ึน เนื่องจากแนวความคิด Internet of Thing นั้นคือการเชื่อมต่อทุกส่ิงเข้าด้วยกัน ดังน้ันอุปกรณ์ทุกชิ้นจึง เปรียบเสมือนอยู่ในเครือข่ายข้อมูลเดียวกัน เท่ากับว่าข้อมูลทุกชนิดที่อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งได้รับ อุปกรณ์ชิ้นอื่นก็จะ ได้รับด้วย เน่ืองจากต้องนาไปประมวลผลเพอื่ ทางานร่วมกัน ซ่ึงก่อนท่ีแนวคิดนี้จะถูกพัฒนาข้ึนอย่างสมบูรณ์คง ตอ้ งมกี ารพัฒนาดา้ นการรกั ษาความปลอดภยั ของขอ้ มลู เสยี กอ่ น ปัญหาการประมวลผลผิดพลาด : ถึงแม้แนวคิด Internet of Thing คือต้องการให้อุปกรณ์ต่างๆ ติดต่อส่ือสารกันเอง และกระทาส่ิงต่างๆ อัตโนมัติโดยไม่ต้องรอคาสั่งของผใู้ ช้ แต่อย่างไรก็ต้องป้อนข้อมูล และ เขียนโปรแกรมคาส่ังเพ่ือให้อุปกรณ์น้ันๆ สามารถทางานได้ ซึ่งบางครั้งอาจจะเกิดความผิดพลาดจากการเขียน คาสัง่ ไม่รัดกุม หรือครอบคลุมพอแนวความคดิ Internet of Thing นัน้ คอื การเชอื่ มต่อทุกสง่ิ เข้าด้วยกัน ดงั นนั้ หาก อุปกรณ์ชิ้นหน่ึงประมวลผลผิดพลาด ก็มีแนวโน้มว่าอุปกรณ์ชิ้นอ่ืนจะทางานผิดพลาดตามไปด้วย และหากเกิด ข้อผิดพลาดขึ้นมาคร้ังหน่ึง ก็จะส่งผลใหห้ มดความน่าเช่ือถือไปทันที เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจาวัน ท่ีตอ้ งทา เป็นประจาทกุ วนั ปัญหาเกยี่ วกับผู้ใช้งาน : การที่มสี ิง่ อานวยความสะดวกมากไปจะส่งผลเสียต่อการดาเนินชีวิต ซึ่งจะทาให้ผใู้ ช้ตดิ ความสบาย จนไม่สามารถทาเรือ่ งพ้นื ฐานได้ด้วยตนเอง รวมถึงการเรยี นรู้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ใช้งานได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพกเ็ ปน็ เรือ่ งสาคัญท่ีการรบั รขู้ องแต่ละบคุ คลไม่เท่าเทยี มกนั หน่วยที่ 3 เทคโนโลยีท่ีใช้ในการทาธรุ กรรมโดยไม่ตอ้ งผา่ นบุคคลท่สี าม (Blockchain) Blockchain เป็นเทคโนโลยที ่มี ีคนพูดถงึ มากว่าจะเปน็ ตัวเปลีย่ นโลกเหมือนทอ่ี นิ เทอร์เนต็ เปลีย่ นโลกในยุค 1990 ซ่งึ มีการเปรยี บเทยี บวา่ Blockchain ตอนนสี้ ภาพเหมือนอินเทอร์เน็ตตอนเร่ิมตน้ ซง่ึ ภาคการเงนิ จะปล่อยผ่านไป ไม่ได้ ต้องมีคนศึกษาเร่ืองน้ี เพ่ือเป็นการลองทาดูว่า เอา Blockchain มาใช้กับเรื่องต่างๆ ได้อย่างไร แม้ว่าวันน้ี อาจจะยังไม่มกี ารประยุกตใ์ ชใ้ นลักษณะท่เี ห็นเปน็ รปู ธรรมก็ตาม ภาพจาก fsroundtable.org

14 ความหมายของ Blockchain Blockchain คอื ระบบโครงขา่ ยในการเกบ็ บัญชธี รุ กรรมออนไลน์ ซ่ึงมีลกั ษณะเปน็ เครือขา่ ยใยแมงมุม ที่เก็บสถิติ การทาธุรกรรมทางการเงิน และสินทรพั ย์ชนิดอืน่ ๆ อีกในอนาคต โดยไม่มตี ัวกลาง คือสถาบนั การเงนิ หรือสานัก ชาระบัญชี ระบบ Blockchain จะไมม่ ีตัวกลางอย่างท่ีเคยเปน็ มา ยกตัวอย่างการทาธรุ กรรมด้วย Bitcoin จะมรี หสั Token สร้างข้ึนมาเพ่ือส่ือสารกับ Blockchain และทาการตรวจสอบว่า Bitcoin นั้นๆ มีความน่าเช่ือถือหรือไม่ กอ่ นทจ่ี ะทาธุรกรรมให้สาเรจ็ ต่อไป เท่ากับว่า Blockchain เปน็ ระบบโครงข่ายในการทาธรุ กรรมตา่ งๆ ซ่งึ ตดั ตัวกลางอย่างสถาบนั การเงินทีม่ ีอยใู่ นโลก ปัจจุบันออกไป ซึ่งทาให้ต้นทุนการทาธุรกรรมถูกลง และอาจจะสง่ ผลใหส้ ถาบนั การเงินที่เปน็ ตัวกลาง รวมไปถึง สานกั ชาระบญั ชตี า่ งๆ ไม่จาเปน็ ตอ้ งมอี ีกในอนาคตไดเ้ ลย หากเทคโนโลยีน้เี ข้ามาแทนท่ไี ดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ ขณะท่ี Blockchain ไม่เพียงมีบทบาทอยู่แค่การทาธุรกรรมทางการเงินเท่าน้ัน หากแต่ยังอาจถูกนาไปใช้ในงาน อื่นๆ เช่น การเกบ็ สถิติการเลือกต้งั ให้มีความโปร่งใสมากข้นึ การใหย้ ืม Cloud Storage ระหว่างกัน, บรกิ าร co- location, ระบบ Peer to Peer Lending และอนื่ ๆ อกี มากมาย ซงึ่ แมแ้ ต่เหลา่ ธนาคารเองกต็ ดั สินใจเขา้ ลงทุนใน การทา Blockchain มากข้ึนเร่ือยๆ โดยล่าสุด เหล่าสถาบันการเงินอย่างธนาคาร Citibank ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ รวมไปถึงบริษัท VISA ก็ได้เข้าลงทุนในบริษัทบล็อกเชนชั้นนาอย่าง Chain.com เพื่อแนวทางรักษา ตลาดเทคโนโลยีน้ีเช่นกัน แนวคิด Blockchain เริ่มกลับมาเป็นกระแสท่ีต้องจบั ตามมองอีกครั้ง พร้อมมีการพัฒนาใหม่ๆ ไปสู่การใชง้ านที่ มากกว่าการทาธรุ กรรม Bitcoin ในอดตี ท่ีไมไ่ ดร้ บั การยอมรับมากนัก ผนวกรวมกบั กระแสการเพม่ิ ขึน้ ของอุปกรณ์ ที่ใช้แนวคิด อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things) จาเป็นต้องมีการจัดการ ดูแลอย่างการรักษาความ ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ และความจาเป็นท่ีจะต้องบันทึกฐานข้อมูลของการติดต่อต่างๆ เหล่าน้ัน ทาให้ เทคโนโลยอี ยา่ ง Blockchain ท่ีให้ความสาคัญกับความเป็นส่วนบุคคลจะกลายมาเปน็ ตัวช่วยสาคัญของการใช้งาน ดงั กลา่ ว โดยลดข้ันตอนระบบการทางานให้เรียบงา่ ยขน้ึ มกี ารยืดหยุน่ ที่สงู ขึ้น รวมท้งั การตอบสนองความตอ้ งการ ของลูกค้าไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ แตก่ ระนัน้ ความสาเร็จของ Blockchain จะสามารถพลิกสถานะการใหบ้ ริการด้านการเงนิ โลกดิจิทลั ได้หรือไม่ การ หาพารต์ เนอร์ท่ีมีประสบการณใ์ นการทางานกบั ระบบความซับซอ้ น และความหลากหลาย ในทุกระดบั การใช้งาน ไม่ว่าเล็ก หรือใหญ่ เป็นหัวใจสาคัญของการจดั การกับปญั หาน้ีได้อย่างดีท่ีสุด ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีท่ีผ่านมา ไอเดียทางธุรกิจเหล่าน้ี ต่างเคยถูกมองว่าเป็นเรอื่ งที่ไม่นา่ จะเกิดข้ึนได้จริง หากแต่ปัจจบุ นั เรือ่ งเช่นน้ีไดก้ ลายเป็น ตัวกาหนดผู้ชนะในอนาคต ซึ่งท้ังหมดน้ีสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการมองว่าซอฟต์แวร์คือตัวแปรสาคัญของการ เปลี่ยนแปลงของโลกยคุ ใหมน่ ั่นเอง บทความจากนติ ยสาร Eleader ขอขอบคณุ ข้อมูลจาก aripfan

15 การ Fork เป็นส่วนที่สาคัญในการเกดิ วิวัฒนาการของบล็อกเชน เหมือนอย่างทีก่ ารกลายพันธ์สาคัญต่อ DNA ใน สง่ิ มชี ีวิต ซงึ่ กอ่ ใหเ้ กิดการววิ ัฒนาการผา่ นการคัดเลือกของธรรมชาติ การ Fork ทาให้เราสามารถทดลองบลอ็ กเชน หลายเวอรช์ นั่ ขนานกนั ได้ โดยจะมีเพยี งเวอรช์ นั่ ทแ่ี ขง็ แกร่งทส่ี ุดเท่านน้ั ทีจ่ ะอยรู่ อด การ Fork ของบล็อกเชน เกิดขนึ้ ได้เพราะโค้ดปจั จุบันและสถานะของบลอ็ กเชนสามารถถูกคัดลอกได้อย่างเปิดเผย เปรียบกับการที่โปรแกรมเมอร์อนุญาตให้สามารถคัดลอกโค้ดของ Facebook และเปิดอีกเวอร์ช่ันหน่ึงแข่งกัน เม่ือไหร่กไ็ ด้ แตก่ าร Fork ท่ีผ่านมามกั พบปัญหาในเร่ืองผลตอบแทน กลมุ่ คนท่ที าการ Fork ใหมจ่ ะมแี รงจงู ใจดา้ น ผลตอบแทนทค่ี อ่ นขา้ งนอ้ ยท่ีจะทาให้ Fork ของตัวเองประสบความสาเรจ็ เป็นเพราะรูปแบบการ Fork ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันเป็นเพียงการคัดลอกการเป็นเจ้าของจากกลุ่มคนท่ีถือ Token เดิม แทนที่จะเป็นการปรับเพื่อให้ ผลประโยชน์แกก่ ลมุ่ แกนหลักของบล็อกเชนหว่ งใหม่ ผมขอยกตัวอยา่ ง ถา้ หากมีกลุ่มนกั พฒั นาที่คดิ ว่าเขาสามารถสรา้ งเวอร์ช่ันท่ดี ีกวา่ ของเหรียญทีช่ ื่อว่า TokenA ได้ เดิมทีเขาอาจถือ TokenA อยู่จานวนเล็กน้อย เช่นประมาณ 0.10% เม่ือทาการ Fork ตัว TokenA เขาก็จะยังถือ เพียง 0.10% ของ TokenA ที่ถูก Fork แล้ว (หรือเราอาจจะเรียกมันว่า ForkedTokenA) เพราะเหตุน้ี แม้ ForkedTokenA จะประสบความสาเรจ็ ผ้พู ฒั นาก็จะไดผ้ ลตอบแทนจานวนน้อยมาก เทยี บเทา่ กบั การถือ TokenA เดิม เมอ่ื มองในมมุ ของสตารท์ อัพ คณุ กค็ งอยากให้ “founders” หรือผู้กอ่ ตงั้ ForkedTokenA ได้รับผลประโยชนท์ าง เศรษฐกิจที่งดงาม แต่กลับกลายเป็นว่า ผู้ก่อต้ังน่าจะได้รับผลตอบแทนในการพัฒนา TokenA มากกว่า ForkedTokenA เพราะ TokenA น่าจะมีมูลค่าท่ีมากกว่าอยู่แล้วต้ังแต่ต้น ถ้าหาก TokenA มีมูลค่า $10 และ ForkedTokenA มีมูลค่า $1 ภายหลังจากการ Fork การเปลี่ยนแปลงท่ีทาให้ TokenA โตข้ึน 20% จะทากาไร ให้กับผู้พฒั นา $2 ตอ่ coin ส่วนถา้ หาก ForkedTokenA โตขน้ึ 20% ผพู้ ัฒนาจะทากาไรได้เพยี งแค่ $0.20 แม้จะ มีจานวน coin ที่เท่ากัน ผลประโยชน์ของเขากลับไม่สมเหตุสมผล นักพัฒนาควรได้รับเหรียญมากขึ้นเพื่อแกไ้ ข ปญั หาเร่อื งผลตอบแทนน้ี แล้วเร่ืองราวก็ยิ่งดูตลกถ้ามองในฝั่งของผู้ถือบล็อกเชน (Blockchain) เดิม ถ้าหาก TokenA Foundation ถือ 20% ของ coin ใน TokenA ตอนนี้เขาจะมี 20% ของ coin ใน ForkedTokenA ด้วยเช่นกัน โดยที่ทีมพัฒนา ForkedTokenA จะไมไ่ ดเ้ ลยสักเหรยี ญ เหตกุ ารณน์ ้เี กิดขนึ้ เมอ่ื Ethereum Classic ทาการ Fork จาก Ethereum ทันใดนั้นเอง Ethereum Foundation ก็กลายเปน็ ผถู้ ือ Ethereum Classic ด้วยเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะไมไ่ ด้มี ความสนใจที่จะมสี ่วนรว่ มเลยกต็ าม ทา้ ยทส่ี ุดแล้ว หากมองเรอ่ื งของการกากบั ดูแล การ Fork มกั เกิดจากความคดิ เหน็ ที่แตกตา่ งกันในทิศทางของโปร เจ็ค และ Token กไ็ ดก้ ลายเปน็ กระบวนการในการโหวตเรอื่ งการเปล่ยี นแปลงต่างๆ เนอ่ื งจากจุดประสงคข์ องการ Fork คือการทดลองแนวทางใหม่ การ Fork ท่ีเกิดขึ้นมาใหม่ก็อาจไม่อยากมีผู้ถือเดิมท่ีไม่ได้เห็นด้วยกับแนว ทางการ Fork นี้ต้ังแต่ต้น ทาให้เร่ิมท่ีจะเห็นได้ชัดว่าการแบ่ง Token กันใหม่นั้นกลายเป็นส่ิงท่ีจาเป็นและมี

16 ประโยชนม์ ากสาหรับการ Fork ใหมท่ ีต่ ้องการจะอยูร่ อด ถึงแม้การแบ่ง Token ใหม่อาจเปน็ เรอื่ งท่เี กดิ ขน้ึ ไมค่ ่อย บอ่ ย แต่กเ็ ริ่มมีแนวโน้มวา่ จะกลายเปน็ เรื่องปกตใิ นอนาคต การแบ่ง Token ใหม่อีกครงั้ เป็นวธิ ีการสรา้ งสมดลุ โดยส่วนมากแล้ว Fork ที่เกดิ ขึน้ ใหมจ่ ะตอ้ งการให้ผูถ้ อื Token เดิมรูส้ ึกต้องการถือ Token ใหม่นดี้ ้วย อย่างนอ้ ยกเ็ พอ่ื ใหผ้ ูใ้ ชเ้ ดมิ รสู้ ึกวา่ จะไดร้ บั ผลตอบแทนเทยี บเทา่ กับของเดมิ แต่เป้าหมายหลกั ท่ีสาคัญคือการให้ผลตอบแทนแก่กลุ่มที่มสี ว่ นร่วมในการพัฒนาการ Fork ซ่ึงส่วนมากควรจะให้ ผลตอบแทนโดยการย้ายการถือครองของ Token (foundation-like) และลดสัดส่วนของผ้ถู ือ Token เดิม เพื่อ นาไปให้แก่กลุ่มผู้พฒั นา กรณนี จี้ ะคลา้ ยคลึงกับการออกหุน้ ใหม่ในบริษทั ที่มีอายุเก่าแก่ เพือ่ มอบใหพ้ นกั งานที่เข้า มาทีหลงั เร่ืองสาคัญอีกเร่ืองก็คือ ต้องไม่ลืมว่าการ Fork ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างการแข่งขันกันโดยตรงเสมอไป เหมือนกับการกลายพันธ์ของ DNA ที่สร้างสิ่งมีชีวิตมากมายท่ีเริ่มต้นจาก genetic tree เดียวกัน เราอาจเห็น โปรโตคอล (Protocol) หน่งึ ขยายออกเป็น 3 โปรโตคอล เพ่ือบรรลจุ ดุ ประสงค์ที่ตา่ งกนั มคี วามเป็นไปไดส้ ูงวา่ จะ นาโปรโตคอลไปแยกส่วนและนากลับมาประกอบฟังค์ช่ันต่างๆ ใหม่ เพื่อให้ได้จุดสมดุลตามที่ต้องการ และ เน่อื งจากระบบนิเวศมกี ารเปลี่ยนแปลงอย่างตอ่ เนือ่ ง จุดสมดลุ กจ็ ะเปล่ยี นไปตามกาลเวลา การ Fork ก็มีจุดอ่อนในบางเรื่อง เช่นเดียวกันกับการกลายพัน์ธ์ของส่ิงมีชีวิต การ Fork ไม่ได้หมายความว่าจะ สาเรจ็ เสมอไป เพราะมีโอกาสทจ่ี ะสญู เสีย Network Effect และอาจเกดิ การแบ่งแยง่ ทรพั ยากรในการพฒั นาต้งั แต่ แรกเริม่ แมท้ ั้งสองโปรเจค็ จะสามารถดึงทรัพยากรใหม่เข้ามาไดใ้ นอนาคต ในภาพรวม เราควรเห็นความสาคัญที่ว่า การพัฒนาโดยไร้ซึ่งศูนย์กลางเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากกว่าการสร้าง บางอย่างในสภาพแวดลอ้ มท่ีมีศูนย์กลาง แต่ผมคาดว่าต่อไปในอนาคตจะเกิดการพัฒนาโดยปราศจากศูนย์กลาง มากข้ึน เมอ่ื มเี ทคนคิ การพฒั นาและโครงสร้างผลตอบแทนทผี่ า่ นการขัดเกลาแล้ว ผมขอสรปุ ดังนี้ การ Fork เปน็ กลไกท่ีกอ่ ใหเ้ กิดวิวฒั นาการที่ย่ิงใหญ่มาก ซึง่ การทจ่ี ะทาใหก้ าร Fork มปี ระสิทธผิ ล นั้น การให้ผลตอบแทนแก่กลุ่มต่างๆ สาหรับการทดลองเส้นทางใหม่เป็นเร่ืองที่จาเป็น นั่นหมายถึง การ แบ่ง Token ใหม่ในการ Fork เพ่ือมอบผลตอบแทนแกผ่ ้สู รา้ ง Fork หากปราศจากสง่ิ นี้ ผมคิดว่าเราจะยงิ่ เห็นปัญหาท่ี ทาให้นักพัฒนาต้องลาบากใจ อย่างท่ีเราเหน็ กับบทิ คอยน์ โปรเจ็คต่างๆ เริ่มเปล่ียนแปลงช้าลงเพราะเกรงว่าจะ ทาลายมูลค่าในปจั จบุ นั ด้วยการ Fork นวัตกรรมบล็อกเชนจะสามารถเกิดขึน้ ได้อย่างรวดเรว็ กวา่ ในปจั จุบันและมากกวา่ ทีเ่ คยมีมา หลักการทางานของเทคโนโลยี Blockchain การทางานของ Blockchain บล็อกเชน เป็นรูปแบบการเก็บข้อมูล (Data structure) แบบหน่ึง ที่ทาให้ขอ้ มลู Digital transaction ของแตล่ ะ คนสามารถแชร์ไปยังทุกๆ คนได้ เป็นเสมือนห่วงโซ่ (Chain) ท่ีทาให้ block ของข้อมูลล้ิงก์ต่อไปยังทุกๆ คน เป็น โดยทท่ี ราบว่าใครทเี่ ปน็ เจา้ ของและมสี ิทธใิ นขอ้ มลู นน้ั จรงิ ๆ

17 เมื่อบล็อกของข้อมูลได้ถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชน มันจะเป็นเรอ่ื งยากมากๆ ที่จะเข้าไปเปล่ียนแปลง เวลาท่ีมีใคร ตอ้ งการจะเพิม่ ขอ้ มลู ทกุ ๆ คนในเครือข่ายซ่งึ ล้วนแต่มีสาเนาของบลอ็ กเชน สามารถรนั Algorithm เพือ่ ตรวจสอบ Transaction โดย Transaction ใหมน่ จ้ี ะได้รบั อนุญาต ตอ่ เม่ือในเครือขา่ ยส่วนใหญเ่ หน็ ด้วยวา่ มันถูกตอ้ ง Bitcoin (บิทคอยน)์ กับ Blockchain (บลอ็ กเชน) เกี่ยวขอ้ งกันอย่างไร บลอ็ กเชน เป็นเทคโนโลยี ดา้ นความปลอดภัยของข้อมูล บิทคอยน์ วา่ ดว้ ยเร่อื งสกุลเงินบนโลกดิจติ อล จะเห็นได้ว่า บล็อกเชน ไม่ใช่ บิทคอยน์ และบิทคอยน์ ก็ไม่ใช่บล็อกเชน แต่โมเดลบิทคอยน์ มีความต้องการนา เทคโนโลยีบลอ็ กเชนมาใช้ เพอื่ ให้การซ้ือขายสกุลเงนิ ดิจิตอลน้ี มคี วามปลอดภัย และเพราะว่า บล็อกเชน ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เก่ียวข้องได้กับทุก อุตสาหกรรม ไม่เจาะจงเฉพาะบิทคอยน์ หรือ FinTech เพียงแต่เทคโนโลยีน้ีเรียกได้ว่าส่งผลกระทบต่อวงการ FinTech ค่อนขา้ งเหน็ ได้ชดั เจน และการบูมของเทคโนโลยีตัวน้ี มาจากความพยายามในการทาบทิ คอยน์ ยกตวั อยา่ งการประยุกตใ์ ช้ เชน่ วงการอสังหารมิ ทรพั ย์ สามารถประยุกต์ใชท้ า Smart contract โดยถา้ สญั ญาอยใู่ นบลอ็ กเชน ทุกคนจะเห็น ขอ้ มลู ตรงกัน เราจึงสามารถไว้ใจใหร้ ะบบ Automate ปฏบิ ตั ิงานใดๆ ตามทีร่ ะบุไวใ้ นสัญญาได้ นอกจากน้ยี งั มกี าร ประยกุ ต์ใชไ้ ด้อกี มากมาย ดังทม่ี กี ารสรปุ ไว้ในแผนภาพนี้

18 องคป์ ระกอบของเทคโนโลยี Blockchain Blockchain เป็น technology ท่ีเก่ียวกับความเชื่อใจ (Trust) ในการทาธุรกรรมที่มีมูลค่า (Value) โดย มี องค์ประกอบ 4 ข้อ ดงั น้ี 1. Block เป็นการเก็บ Data Transaction/Fact โดยบรรจุในกลอ่ ง(Block) และเม่ือปิดกล่องแล้ว ข้อมูลภายในกล่องห้าม เปล่ียนแปลง โดยจะมี Hash ปะหนา้ กล่อง (Hash function คือการนา input ขนาดยาวเท่าไหร่กไ็ ด้มาแปลงเป็น ค่าขนาดคงท่ี ซึ่ง input จะให้ค่า output เดิมเสมอ) โดยสรุปคือ .. เป็น Block ท่ีใช้เก็บ data ที่ไม่สามารถ เปลยี่ นแปลงได้ 2. Chain การเอา header (hash) ของ block มาเรียงต่อกนั เปน็ chain  มแี ค่ header (hash) ลา่ สดุ สามารถตรวจสอบได้ตลอดทัง้ chain ว่าไม่ถกู เปลยี่ นแปลง  การทาธุรกรรมกแ็ คเ่ อา hash ล่าสุด 2 คนมาเทียบกนั ถ้าตรงกันคอื เชือ่ ถือได้ ทาธรุ กรรมได้  เราสามารถเก็บแค่ hash ลา่ สุดไวก้ ็ได้ ไมต่ อ้ งเก็บท้ัง blockchain ในการทาธรุ กรรม

19  ข้อมูลกล่องปัจจุบันจะเก็บ hash ของกล่องก่อนหน้า ทาให้เปล่ียน data transaction ที่เกิดขึ้นมาแล้วไม่ได้ เนอื่ งจากมี Hash กากับไว้ที่กลอ่ งและถา้ จะแก้ขอ้ มลู บางกลอ่ ง ตอ้ งตามแกท้ ง้ั chain ทกุ block  โดยสรปุ Chain คอื เอา Block มาตอ่ กนั โดยเก็บคา่ Hash ไว้ในกล่องถดั ไป 3. Consensus วิธกี ารตกลงกันว่า block ถัดไปจะเกบ็ อยา่ งไร สามารถทาได้หลายวิธีเชน่  วธิ ีใดกไ็ ด้ทีต่ กลงกันแล้วทุกคนยอมรบั ”ธุรกรรม” ทเ่ี กดิ ข้นึ เชน่ เปา่ ยงิ ชุบ / แบบประชาธิปไตย/ หัวหนา้ ฟนั ธง etc. แต่วธิ ีการทใี่ ชอ้ ย่ใู นปจั จบุ ันเชน่  Prove of Work : คือให้คนที่โชคดีและขยันท่ีสุดชนะ ซึ่งยิ่งจานวน peer มาก ความน่าเชื่อถือยิ่งเยอะและย่ิง ปลอดภัยจากการถูกทาลายระบบ  Prove of Stake : ให้สทิ ธ์กิ บั คนทถี่ ือมูล (value) ทมี่ คี ่าสูงสุด ในการตดั สิน แต่วิธนี ี้อาจจะใส่กฎอน่ื เพมิ่ เช่น อาจจะ ใชไ้ ดแ้ ล้วต้องหยุดสักพกั ให้สทิ ธค์ิ นอ่ืนบ้าง ไมง่ ั้นคนอื่นอาจจะไม่ใชร้ ะบบเพราะไมม่ ีสิทธ์ิมเี สยี ง เพ่ิมเติม : Forking = การแตกออกจาก chain หลัก ซึ่ง chain ที่แตกออกไปจะคุยกบั คนอน่ื ไม่ร้เู ร่อื งและจะเป็น โมฆะในทีส่ ดุ ปรกตมิ ีประมาณ 4–5 Block 4. Validation การตรวจสอบธรุ กรรม ใช้ digital signature (private key) เพ่ือประกันว่าธรุ กรรมเกดิ จากเจ้าของเงนิ จรงิ ๆ - Bitcoin มีมา 9 ปี ยังไมม่ ใี ครโดน Hack ระบบ แต่ทโี่ ดน hack คือ web ท่เี กบ็ wallet (private key) คือใครถือ private key คนน้นั มสี ทิ ธิ์ทาธรุ กรรมไดเ้ ปรียบ เสมือนเจ้าของ 5. Wallet (optional) กระเป๋าเงนิ ท่ีทาให้เราทราบมูลคา่ ของเงินทีเ่ รามีอยู่ ประเภทของ Blockchain

20 ปัจจุบันมีการแบ่งเทคโนโลยี Blockchain ออกเป็น 3 ประเภท น้ันคือ Public, Private, Consortium ซ่ึงแต่ละ ประเภทกม็ ีเหมาะสมกบั การใชง้ านแตกตา่ งกันไป เนอื้ หาต่อจากน้ีจะพาทุกท่านไปรูจ้ ักเทคโนโลยี Blockchain กนั มากขน้ึ ครบั 1. Public Blockchain (Blockchain แบบเปดิ สาธารณะ ) Blockchain ประเภทนี้ เรามักรู้จกั กนั ดใี นชอ่ื Bitcoin กับ Ethereum ซ่ึงเปน็ Blockchain ทใ่ี ชง้ านจรงิ กบั คนทั่ว โลก ข้อดีของ Public Blockchain ประเภทนี้คือ ทางองค์กรไมจ่ าเป็นตอ้ งลงทุนตอนเริ่มต้นในราคาสงู เช่น การ นาเอา Ethereum มาใช้เปน็ แพลตฟอรม์ สาหรบั การรบั และส่งข้อมลู ท่านสามารถใช้เพื่อเกบ็ ข้อมูลและเรยี กขึน้ มา ดูได้แบบออนไลน์ โดยที่ท่านไม่ตอ้ งลงทุนซ้อื เครอ่ื ง Server มาติดต้ังระบบเอง ท่านเพียงแค่จา่ ยค่าการรับส่งและ เก็บรักษาข้อมลู ตามการใช้งานจริงเทา่ นน้ั คลา้ ยๆ จา่ ยค่าบริการแบบค่ามอื ถอื ชนดิ เตมิ เงนิ ใช้เท่าไรกจ็ า่ ยเท่านน้ั สาหรบั ขอ้ ดขี อง Public Blockchain ยงั มอี ีกมากมาย เชน่ การสง่ ขอ้ มูลไปใหห้ น่วยงานผรู้ ับปลายทางเรากไ็ ม่ต้อง มาสร้างช่องทางส่งข้อมูลกัน หรือท่ีนิยมทา Web Service API เพ่ือให้ App คุยกัน องค์กรผู้ส่งข้อมลู เพียงแค่ใส่ ข้อมูลลงไปใน Blockchain และจ่าหน้าซองถึงองค์กรผู้รับเท่าน้ันผู้รับก็ได้รับข้อมูลไปโดยทันที แต่ข้อเสียของ Public Blockchain ก็มีเช่นกัน ข้อมูลทเี่ ราใส่เข้าไปใน Public Blockchain น้ันจะกลายเปน็ ว่าข้อมูลเหล่าน้ันจะ

21 ถูกเปิดเผยแกท่ กุ คนแบบสาธารณะ แปลว่าไมม่ ีอะไรเป็นความลบั หากต้องการความเปน็ สว่ นตัว องค์กรก็ตอ้ งหา วิธีการใน การเขา้ รหสั ข้อมลู ก่อนท่จี ะสง่ ซง่ึ เป็นขน้ั ตอนท่ที าใหเ้ กิดความยงุ่ ยากในการใชง้ านครบั Private Blockchain (Blockchain แบบปิด) Blockchain ประเภทนเี้ ป็นการสร้างระบบ Blockchain เพอ่ื มาใชก้ นั ภายในองค์กร หรือเปน็ ระบบปิด บล็อกเชน ประเภทน้ีจะมีการจากัดการเข้าถึงข้อมูล ทาให้จะมีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นซึ่งเป็นคนที่ได้ยืนยันตัวตนและ ตรวจสอบขอ้ มลู ในระบบบลอ็ กเชนแล้วเท่าน้ัน จงึ จะสามารถใช้งานระบบได้ สาหรบั องคก์ รท่ีตอ้ งการรักษาความ ปลอดภยั ข้อมูลในระดับสูง อาจจะเปน็ การเช่อื มโยงข้อมลู ระหวา่ งบริษทั ในเครือดว้ ยกนั เอง หรือระหวา่ งสานักงาน ใหญ่กับสาขาเท่านั้นท่ีมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลในระบบ Blockchain ประเภทนี้ได้ จึงเป็นอะไรท่ีตรงข้ามกับ Public Blockchain อย่างส้ินเชิง Blockchain ประเภทน้ีถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการเปิดเผยข้อมูลท่ีองค์กรต้อง ประสบใน Public Blockchain ได้ แตก่ ็ตอ้ งแลกมาดว้ ยการทอ่ี งค์กรต้องลงทุนในการสร้างระบบ Infrastructure เพื่อรองรับการใชง้ านภายในองค์กรเอง ซึง่ กม็ คี วามทา้ ทายในการดูแลรกั ษา และจานวนเงินไม่นอ้ ยท่ีองค์กรจะต้อง ลงทนุ อกี เช่นกนั ครบั ข้อดีอีกข้อของ Private Blockchain คือการท่ีเราสามารถกาหนดกฎเกณฑต์ ่างๆ ภายใน Blockchain Network ของเราให้ทางานได้ตามที่เราต้องการน่ันเอง เราไม่จาเป็นต้องออกแบบระบบให้เป็นไปตามกฎของโลกเหมือน

22 Public Blockchain เช่น ถา้ ออกแบบระบบโดยอา้ งองิ อยบู่ น Public Blockchain – Bitcoin เวลามกี ารสง่ เงนิ นนั้ เราก็ต้องออกแบบระบบให้มีการรอ Confirm ธุรกรรม 10-15 นาทีตามกฎของ Bitcoin แต่ในทางกลับกันหาก องค์กรใช้ระบบประเภท Private Blockchain เราจะสามารถออกแบบให้การ Confirm ธุรกรรมแล้วเสร็จภายใน 1-2 วินาทีกเ็ ปน็ ไปได้ หรือสามารถสร้างเงอ่ื นไขของสัญญาอจั ฉริยะ (Smart contract) เพอื่ การกาหนดกฎการทา ธุรกรรมของกลมุ่ กันเองและดาเนินการด้วยความเป็นอิสระ ในรูปแบบธุรกรรมอัตโนมัติ ซ่ึงถือเป็นการเปดิ ประตู ไปสู่การเช่ือมโยงกบั ขอ้ มลู อนื่ ๆ อกี มากมาย Consortium Blockchain (Blockchain แบบ เฉพาะกลุม่ ) Blockchain ประเภทคือการรวมเอา 2 แนวคิดแรกเข้าด้วยกัน เป็นการผสมผสานระหว่างข้อดีของ Public Blockchain และ Private Blockchain เขา้ ดว้ ยกัน ซงึ่ แนวคดิ Consortium Blockchain นีก้ าลังเป็นทน่ี ิยมอยา่ ง สูงสาหรบั การนามาประยกุ ต์ใชก้ ับองคก์ รด้านการเงินในปัจจุบนั เนอื่ งจากองค์กรเหล่านม้ี ีการทาธุรกิจทเ่ี หมอื นกนั โดยปกติจะต้องเช่ือมโยงเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันอยู่แล้ว จึงสร้างเป็นเครอื ข่ายความรว่ มมือและพัฒนา ระบบขอ้ มลู เพ่ือใชง้ านรว่ มกัน เช่น Consortium Blockchain สาหรับธนาคาร ใชใ้ นการแลกเปล่ียนข้อมลู การโอน เงินระหว่างกันภายในสมาคมธนาคารดว้ ยกันเอง และธนาคารทจ่ี ะเข้ามาร่วมในเครือข่ายได้จะตอ้ งได้รับอนญุ าต จากตวั แทนของสมาคมเสยี ก่อนจึงจะมสี ทิ ธ์ิใชง้ านระบบร่วมกบั ธนาคารอื่นๆ ได้ ข้อดีของ Blockchain ประเภทน้ีคือธนาคารไม่ต้องกลวั ว่าข้อมูลสาคัญขององค์กรและลูกค้าจะรั่วไหลกลายเป็น ข้อมูล Public และในเรื่องการลงทุนระบบ Infrastructure ก็ลดลงไม่เหมือนการสร้าง Private Blockchain

23 ขึ้นมาใชเ้ ฉพาะภายในองคก์ รของตนเอง ซง่ึ จะไมต่ า่ งอะไรกบั การลงทุนทาระบบใหญๆ่ ที่ตอ้ งใช้งบประมาณสูงและ เสียเวลามาก แต่ก็จาเป็นต้องแลกด้วยความไม่คล่องตัวในการปรับเปล่ียนแก้ไขเงื่อนไขการใช้งานต่างๆ เพราะ อาจจะตอ้ งรอให้ผ่านมติความเหน็ ชอบจากสมาชกิ ส่วนใหญใ่ นสมาคมเสียกอ่ น รปู ภาพอธิบายถงึ การประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยี Blockchain กับระบบ Supply Chain หน่วยที่ 4 ธุรกรรมการเงินดจิ ติ อล (Fintech) ความหมายของ FinTech FinTech (Financial Technology) คือ กลุ่มธุรกิจที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ามาทาให้การบริการที่ เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การทาธุรกรรมรับ-จ่าย-โอนเงนิ ออนไลน์ของ

24 ธนาคาร หรอื การวเิ คราะห์ข้อมูลหุ้นเพอ่ื ช่วยการตัดสนิ ใจของนักลงทุน โดยบริการเหลา่ นมี้ ักจะอยใู่ นรปู แบบของ บริการออนไลน์แทบทั้งส้ิน Financial Technology คือการนาเอาเทคโนโลยมี าใช้กบั การเงินในการสรา้ งนวตั กรรมใหม่ เพ่อื เป็นสนิ ค้า บริการ การแกป้ ญั หาทางการเงิน รวมถงึ เป็นแนวทางในการประกอบธุรกจิ ใหม่ ๆ ทาใหก้ ารจดั การ และการเข้าถึง ทางการเงินเปน็ ไปไดง้ ่ายข้ึน ด้วยเทคโนโลยี เทคโนโลยีทางการเงิน มีจุดเริ่มต้นจากการนาระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในระบบงานของธนาคาร เม่ือ เทคโนโลยีเติบโตข้ึนพร้อม ๆ กับความสามารถในการเข้าถึงของบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะสมาร์ตโฟนที่ถือเป็น Disrupter แหง่ ยุค ก็ทาใหอ้ านาจในการทาธุรกรรมและเขา้ ถึงบรกิ ารทางการเงนิ ไม่ถกู จากัดอยูก่ ับสถาบันการเงิน อีกตอ่ ไป เทคโนโลยที างการเงนิ ไดแ้ ตกแขนงออกมาเป็นรปู แบบต่าง ๆ กัน เพื่อตอบสนองความตอ้ งการทางการ เงนิ ของผูใ้ ช้ Fintech ย่อมาจาก Financial Technology (เทคโนโลยที างการเงนิ ) ซงึ่ เป็นการใช้เทคโนโลยีในสว่ น ของการออกแบบและการใหบ้ ริการทางการเงนิ โดยเป็นสิ่งสาคัญมากทีต่ ้องเข้าใจว่า fintech นั้นไม่ใช่สาขาวิชา ของตัวเองแต่เป็นการควบรวมส่วนสาคัญต่างๆ เอาไว้ ที่ร่วมถึงการกู้ยืมระหว่างบุคคลต่อบุคคลทางออนไลน์ (peer-to-peer lending), ความปลอดภยั ของข้อมลู (data security), ปัญญาประดษิ ฐ์ (artificial intelligence), บล็อกเชน (blockchain), ข้อมูลขนาดใหญ่ (big data), ผู้แนะนาการลงทุนอัตโนมตั ิ (robo-advisers), และการ ระดบทุนจากสาธารณะชน (crowd-funding) และท้ังหมดนี้ก็กาลงั เปลยี่ นแปลงวิถีของการธนาคารที่ เรารจู้ กั ไป อยา่ งแท้จรงิ (บทความจากเวบ็ https://www.marketingoops.com/) วิวัฒนาการดา้ นเทคโนโลยีทาง การเงนิ จากอดีต...สู่ปัจจุบนั จาก Bank 1.0 ถงึ ยคุ Virtual Bank เทคโนโลยที างการเงนิ หรือ FinTech คือ การผสมระหว่างคาวา่ Financial และ Technology เขา้ ไว้ดว้ ยกัน ซ่ึงหมายถึงการนาเทคโนโลยหี รอื โปรแกรมคอมพวิ เตอรม์ าประยุกต์ใชห้ รอื สนับสนนุ การให้บรกิ ารทางการเงนิ การ ธนาคาร และการลงทนุ ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งหากศึกษาวิวัฒนาการของ FinTech จะพบว่านับจากการวางระบบ เคเบิลใต้นา้ (Transatlantic Cable) อนั ถือเปน็ จุดกาหนดของโครงสรา้ งพ้นื ฐานทางการเงนิ ในราวปี 1866 เป็นตน้ มา รูปแบบการให้บริการทางการเงินท่ีใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคล่ือนมีการเปล่ียนแปลงไปอย่างมาก จวบจน ปัจจุบัน ท่ีกลุ่มอุตสาหกรรมทางการเงินกาลังปรับเปล่ียนรูปแบบการให้บริการ จากการมีสานักงานสาขาใน แบบเดิม หรือ “Brick-and-Mortar Branches” มาเป็นการให้บรกิ ารท่ีอยู่ในโลกออนไลน์แบบเตม็ รูปแบบ หรือที่ เรียกวา่ “Virtual Bank” จาก Bank 1.0 ผเู้ ขียนขอวเิ คราะหว์ ิวฒั นาการของธนาคารตามการเปลย่ี นแปลงของรูปแบบการให้บริการ โดยอธิบายเปน็ ยุคต่าง ๆ ตามลาดับ ดังนี้

25 ธนาคารในยุคแรก หรือ Bank 1.0 คือ ยุคท่ีธนาคารยังไม่มีการใช้เทคโนโลยีใด ๆ ในการให้บริการ ดังน้ัน การ ดาเนินการต่าง ๆ ไม่ว่าจะฝาก ถอน หรือกู้ยมื ล้วนแล้วแตก่ ระทาลงในรูปแบบกระดาษท้ังสน้ิ ซ่ึงประชาชนในยคุ นน้ั เลือกใช้บริการธนาคารด้วยความเช่อื ที่ว่า ธนาคาร คือ สถานท่ี ๆ ปลอดภยั ในการเกบ็ เงิน หรืออาจกล่าวได้ว่า ประชาชนได้ให้ Trust กบั การดาเนนิ งานของธนาคารนั้นเอง ต่อมาในยุค Bank 2.0 ความตอ้ งการในการใชบ้ ริการธนาคารมีเพ่ิมขน้ึ ส่งผลให้เรม่ิ มกี ารนาเทคโนโลยเี ขา้ มาช่วย เพิ่มประสทิ ธภิ าพในการใหบ้ ริการ เร่มิ จากการใช้ระบบ Mainframe เพ่ือการรองรับการใหบ้ ริการ จนกระทัง้ มกี าร ใหบ้ ริการผา่ นตู้ ATM โดยธนาคาร Barclays และมกี ารออกบตั รเครดิตโดยสถาบนั การเงนิ ในสหรัฐอมริกา (Bank of American และ American Express) หลังจากนั้นในยุค Bank 3.0 หรือ ในช่วงปี 1990 เป็นต้นมาได้เริ่มมีการใช้ Internet Banking และ Mobile Banking ตามลาดับ ต่อมา ในปี 1999 หลักจากท่ีมีการก่อตั้งบริษัท Alibaba พบว่า รูปแบบการให้บริการ e- Commerce platform ที่มกี ารเก็บขอ้ มลู การขายสนิ คา้ /บรกิ ารออนไลน์ ทาให้ platform ทราบข้อมลู ทางการเงนิ ของผู้ใช้บริการได้ไม่ยากนัก อันเป็นผลให้มีการเกิดกลุ่มธุรกิจที่เก่ียวกับการชาระเงินอย่าง Alipay และธุรกิจ ไฟแนนซ/์ Money Market Fund อย่าง Yue Bao ซง่ึ ธุรกจิ การให้บรกิ ารทางการเงนิ ประเภทตา่ ง ๆ ทไ่ี ดก้ ล่าวมาน้ี แสดงใหเ้ หน็ ถงึ การเปลี่ยนแปลงของการให้บริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ ที่ไมจ่ าเปน็ ต้องใชค้ นมากมายและไม่ จาเป็นต้องมีสานักงานสาขาในแบบกายภาพ เนื่องจากเป็นการใหบ้ รกิ ารผา่ น Application ท่ีเชื่อมต่ออยู่ในโลก ออนไลน์ หรืออาจกลา่ วได้ว่า Bank ในยุค 4.0 น้ัน ได้รับอิทธิพลจาก Business Model แบบ Alibaba จึงส่งผล ให้การให้บริการทางการเงินในรปู แบบ Automated เพิ่มจานวนมากขนึ้ และส่งผลให้บรกิ ารทางการเงินในยุคน้ี สามารถทาไดแ้ บบ No human Involved จาก Bank 4.0 สู่ Virtual Bank Virtual Bank หรือ Internet Based Bank คือ สถาบันการเงิน (อาจเป็นธนาคารหรือการรวมตัวของกลุ่ม อุตสาหกรรมทางการเงนิ และธุรกิจอน่ื ๆ ที่เก่ียวข้อง) ที่ให้บริการและดาเนินการทุกอย่างในรปู แบบ online เชน่ ใหบ้ ริการผ่าน website, email หรอื mobile check deposit เปน็ ต้น ปจั จุบนั กฎหมายในหลายประเทศได้อนญุ าตใหป้ ระกอบธุรกจิ ในแบบ Virtual Bank ได้ โดยประเทศทีไ่ ดม้ ีการให้ ใบอนุญาตประกอบธุรกจิ Virtual Bank แลว้ เชน่ ฮอ่ งกง (8 ราย) และไตห้ วัน (3 ราย) เปน็ ตน้ ซง่ึ หากพิจารณาใน โครงสร้างของ Virtual Bank แต่ละรายท่ไี ด้รับอนุญาตไปแล้ว จะสังเกตเหน็ ว่า ผเู้ ล่นในธรุ กจิ Virtual bank มกั อยู่ ในรูปแบบการรวมตัวของกลุ่มธุรกิจแบบร่วมทุน (Joint Venture) ระหว่าง กลุ่มธุรกิจที่เติบโตมากจาก App- Based enable Service (เช่น line, Ctrip, Tencent และ Ant Financial) กลุ่มธุรกิจธนาคารเดิม (Standard Chartered Bank และ CTBC Bank) กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม (เช่น Chunghwa Telecom) และกลุ่มบริษัท เทคโนโลยี (เช่น Jingdong Digital Technology) เป็นต้น

26 ยกตัวอย่างเช่น Virtual Bank license ในไต้หวัน FSC (Financial Supervisory Commission) ได้ให้ใบอนญุ าต กับกลุ่มธุรกิจ Line Financial Taiwan ซ่ึงเป็นการร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง Line Group, Taipei Fubon Commercial Bank, CTBC bank, Standard Chartered, Union Bank of Taiwan และบริษัทโทรคมนาคม FarEastTone อย่างไรก็ดีในทางปฏิบตั ิ การดาเนนิ การในรปู แบบ Virtual ในบางประเทศ ธนาคารยังคงรปู แบบ สานักงานใหญ่ และสานักงานสาขาอยู่เช่นเดิม เพียงแต่มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อเช่ือมโยงการทางานระหว่างสานักงานสาขาและ สานักงานใหญ่เข้าด้วยกัน หรือเชื่อมต่อการให้บริการกับลูกค้าผ่านระบบ Kiosks เป็นต้น เช่น ระบบ Virtual Banking system ของธนาคารในประเทศคเู วต ประเภทของ Fintech Fintech คนมักจะคิดถึงระบบ Mobile Banking ของแต่ละธนาคารก่อนเป็นอันดับแรก แต่ตามว่าเทคโนโลยี ทางการเงินน้ันมอี ยูห่ ลายรูปแบบดว้ ยกัน และการแบ่งประเภทของฟินเทคกส็ ามารถแบง่ ได้หลากหลายวิธีเช่นกัน แตถ่ า้ จะจาแนกตามจุดประสงค์ในการใช้งาน สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 7 แบบ 1. Banking Technology การนาเทคโนโลยมี าใชก้ บั ระบบธนาคาร ซง่ึ เป็นสิง่ แรกท่คี นมักคิดถงึ เมอ่ื พูดถงึ เทคโนโลยีทางการเงนิ เพราะหลาย คนคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดังกลา่ วอย่แู ลว้ และเช่ือว่าในโทรศัพทข์ องคนวัยทางานสว่ นใหญ่จะตอ้ งติดตัง้ แอปพลิเค ชันธนาคาร ซง่ึ ฟินเทคประเภทนค้ี อื Mobile Banking ทีม่ ขี ้ึนเพื่อใหล้ กู คา้ ของธนาคารสามารถทาธรุ กรรมต่าง ๆ ท่ีเปน็ การบริหารจัดการเงินของตวั เองไดด้ ว้ ยตวั เอง ทางานในฟงั ก์ชันเดียวกับทธี่ นาคารแบบดัง้ เดมิ ทา ทงั้ เช็กยอด บัญชี โอนเงิน จ่ายบลิ และอืน่ ๆ 2. Crowdfunding Platforms เทคโนโลยเี พ่อื การระดมทุน กลา่ วคือ คราวดฟ์ ันดงิ แพลตฟอร์ม เป็นแพลตฟอรม์ ตัวกลาง ระหว่าง ผู้ประกอบการ และนักลงทนุ โดยแพลตฟอรม์ ทเี่ กิดข้นึ มีจดุ ประสงค์เพือ่ ใหเ้ กดิ การขอ และให้เงินทนุ แทนทผ่ี ู้ประกอบการจะตอ้ ง ไปขอกู้สินเช่ือจากธนาคาร ก็สามารถระดมทุน จากนักลงทุนหลาย ๆ คนได้ และนักลงทุนเอง ก็สามารถเลือก ลงทนุ ในธุรกิจที่นา่ สนใจ ผ่านแพลตฟอรม์ ดังกลา่ วได้ โดยแพลตฟอรม์ นอกจากจะเปน็ ตัวกลางในการเชือ่ มตอ่ แลว้ ยังอานวยความสะดวก ในเรอ่ื งการสมัครขอระดมทุน ตรวจสอบเครดิต และอนุมัติ ด้วยเช่นกัน ซง่ึ เพยี ร์ พาวเวอร์ จัดอยู่ใน ฟินเทคประเภทนี้ โดย การระดมทุนผ่านแพลตฟอร์ม ของเพียร์ พาวเวอร์ จะอยู่ในรูปแบบของหุ้นกู้ คราวดฟ์ ันดงิ ท่ใี ห้ผลตอบแทนเป็นดอกเบยี้ 3. Cryptocurrency สกลุ เงนิ ดิจทิ ัลท้ัง Cryptocurrency หรอื เทคโนโลยี Blockchain เปน็ การสมมติชดุ ขอ้ มลู ขนึ้ มาดว้ ยวิธใี ดวธิ ีหน่งึ ใน โลกออนไลน์ แล้วทาให้ใช้งานไดเ้ หมอื นเงินจรงิ สามารถใช้จา่ ยได้ รวมถึงเก็งกาไรได้ด้วย โดยสกุลเงนิ ดจิ ิทลั สกลุ แรกทถี่ อื กาเนดิ มาในโลกคอื Bitcoin และทส่ี ่ันสะเทือนวงการการเงนิ ล่าสดุ คอื การประกาศเปิดตัว Libra สกุลเงนิ

27 ดิจิทลั ของ Facebook ท่ีจับมอื กับพาร์ทเนอรเ์ จา้ ใหญ่ท่ัวโลกซง่ึ ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็น Technology Disruptive ทใี่ หญท่ ่ีสุดในอนาคต การเกดิ ข้นึ ของเทคโนโลยที างการเงนิ ประเภทน้ี บ้างกถ็ กู มองเป็นโอกาสทีจ่ ะสร้างความเท่าเทียมทางการเงิน บ้าง ก็ถูกมองว่าเป็นภัยต่อระบบการเงินดั้งเดิมของโลก จึงได้รับทั้งการต้อนรับและขับไล่จากทั่วโลก อย่างไรก็ดี Cryptocurrency ถือเปน็ ระบบการเงินแห่งอนาคตทมี่ กี ารขยายขอบเขตความสนใจเพมิ่ ข้นึ เรอื่ ย ๆ 4. Payment Technology ระบบการจ่ายเงินท่ดี าเนินการด้วยเทคโนโลยี ประเภทนี้คือระบบตัวแทนการใช้จ่าย ที่ผู้ใช้ต้องเปิดบญั ชีกบั ทาง แพลตฟอรม์ จงึ จะสามารถใชง้ านได้ ตวั อยา่ งเช่นระบบ E-Wallet ต่าง ๆ เครดิตการด์ ซงึ่ ระบบ Payment จะตา่ ง จาก Mobile Banking ตรงทเ่ี จ้าของแพลตฟอร์มไม่ใช่ธนาคาร และใหบ้ ริการเฉพาะการใช้จา่ ยเท่านน้ั 5. Enterprise Financial Software ซอฟต์แวร์สาหรับองค์กร อีกหนึ่งเคร่ืองมอื เทคโนโลยี ท่ีจะช่วยผ้ปู ระกอบการในเร่อื ง การจัดการทางด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็น การจัดการบัญชี ระบบจ่ายเงินเดือน-ภาษีและการจัดการพนักงาน ซ่ึงครอบคลุมถึงสวัสดิการด้าน การเงิน โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยลดเวลา และทรัพยากรที่ต้องใช้งาน ทาให้ประสิทธิภาพของกระบวนการ ภายในองค์กรดีขนึ้ 6. Investment Management เทคโนโลยที ่ีจะช่วยจัดการทางด้านลงทุน ในปจั จุบันจะเหน็ ได้วา่ มีแพลตฟอรม์ การลงทนุ ที่หลากหลายมากข้นึ ไม่ ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันลงทุนใน Private fund, ทองคา, กองทุนรวม รวมถึงแพลตฟอร์มท่ีใช้ AI ช่วยในการ วิเคราะห์หุ้น หรือแม้แต่การนาเทคโนโลยีอย่าง Robo Advisor มาช่วยในการจัดพอร์ตการลงทุน (Asset Allocation) 7. Insurance Technology/ Insurtech หลายคนมองว่าการซ้ือประกันภัย ประกันชีวิตคือการลงทุนรูปแบบหน่ึง รวมท้ังระบบการคานวณเบี้ยประกันมี ความซับซ้อน การใช้เทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาช่วยทั้งด้านการคานวณเบ้ียประกัน ผลตอบแทน ความเส่ียง รวมถงึ อัตราสว่ นลดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ชว่ ยใหท้ งั้ ผซู้ ือ้ และผูเ้ สนอขายประกันภัย ประกันชีวิตบรหิ ารจดั การระบบ ประกนั ไดง้ ่ายข้นึ ผลสาเร็จของ Fintech ด้วยเหตุที่ FinTech เป็นกลุ่มธุรกิจท่ีนาเสนอบริการในช่องทางใหม่ ๆ หลักการที่เคยใช้ได้ดีในการสร้าง สินคา้ แบบเดิม ๆ อาจไมเ่ พยี งพออีกตอ่ ไป หวั ใจของการสร้างสนิ ค้าหรอื บริการใน FinTech ให้ประสบความสาเรจ็ มดี งั นี้ แกป้ ญั หาได้ตรงจุด ต้องมองใหอ้ อกว่าลกู คา้ มปี ญั หาอะไร แลว้ เสนอวิธกี ารแกไ้ ขอย่างสรา้ งสรรค์ เราสามารถใช้เทคโนโลยสี มัยใหมเ่ ข้า

28 มาชว่ ยสร้างพฤติกรรมการใชบ้ รกิ ารใหม่ ๆ ให้ผ้บู รโิ ภคได้ โดยดูจากตวั อย่างความเปล่ียนแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ ก่อนหนา้ น้ี เชน่ ตดั ปัญหาเวลาทาการของธนาคารดว้ ยการทาธุรกรรมบน iBankingหรอื ลดเวลาการเดนิ ทางไปห้างสรรพสนิ คา้ ดว้ ยการShoppingOnline ใช้งานง่าย เพราะการใชช้ วี ติ ทกุ วันน้กี ย็ ากพอแลว้ ลูกคา้ จงึ มองหาบรกิ ารที่ใช้งานไดง้ า่ ย และใหป้ ระสบการณ์ท่ดี ีระหวา่ งการ ใช้งาน ไมว่ า่ จะเปน็ การออกแบบเวบ็ ไซตท์ ีเ่ รียบงา่ ย เขา้ ถงึ ไดท้ ง้ั จากเดสกท์ ็อปและมอื ถือ ความสะดวกรวดเร็วใน การตดิ ต้ังแอปพลเิ คชนั การใช้งานผ่าน user interface ที่เข้าใจงา่ ย สามารถใชง้ านได้อยา่ งสะดวกไมว่ ่าจะเป็น ลกู ค้าในช่วงอายใุ ดๆก็ตาม มีความปลอดภัย เนอ่ื งจาก FinTech เกีย่ วข้องกบั ธรุ กรรมทางดา้ นการเงินไมว่ ่าทางใดก็ทางหน่งึ ความปลอดภัยในการใชบ้ รกิ าร ย่อมเปน็ ปจั จยั พ้ืนฐานสาคญั ทร่ี ะบบจะต้องมี ท้ังในด้านการรักษาข้อมลู ของลูกคา้ รวมไปถงึ ความปลอดภัยในการ ทาธรุ กรรมต่าง ๆ ลกู ค้าเขา้ ถงึ การบรกิ ารได้ง่าย ความสะดวกในการเขา้ ถึงการบรกิ ารถือเปน็ ส่ิงสาคัญอย่างหนง่ึ ตวั อย่างทีเ่ หน็ ชดั ในปจั จุบันน้ี เช่น การสร้าง Mobile application เพ่ือใหล้ กู ค้าสามารถเขา้ ถงึ บรกิ ารไดง้ า่ ย และสามารถเข้าใช้งานจากทีใ่ ดก็ได้ เปรียบเสมือน จบั เอาบริการหนา้ รา้ นใส่ในมอื ของลกู คา้ ซึง่ ทุกวันนี้ ใคร ๆ ก็ใช้ smartphone ดังนั้น การสร้าง Mobile application จงึ เป็นอกี หนง่ึ บริการที่ไม่ควรมองข้าม ตรง life style ของกลมุ่ เป้าหมาย ยกตวั อย่างเชน่ หากกลุ่มลูกคา้ เป็นนกั วเิ คราะห์ ชอบอ่านตัวเลข ตเี สน้ ราคาหุน้ และวิเคราหข์ อ้ มลู ในเชิงลกึ การใช้ บริการผา่ นเว็บไซตห์ รอื โปรแกรมบนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ก็ดจู ะเปน็ สิ่งทเ่ี หมาะสม เนอ่ื งจากการใช้งานบนแทบ็ เลต็ หรือมือถืออาจจะมีข้อจากัดในหลาย ๆ ด้าน แต่หากเปน็ บรกิ ารงา่ ย ๆ เชน่ การชาระเงิน โอนเงนิ หรอื ธุรกรรมอื่น ๆ ท่ีต้องใช้ในชวี ิตประจาวนั การทาธรุ กรรมเหลา่ นบี้ นมอื ถอื ก็จะให้ความคล่องตัวกบั ผใู้ ชง้ านมากกว่า มีระบบรองรับทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ ไม่ว่าจะเป็นการบริการด้านใดกต็ าม ระบบจะตอ้ งมคี วามสามารถในการนาเสนอขอ้ มูลอย่างถกู ต้อง รวดเร็ว และ สามารถรองรับการใชง้ านของลกู ค้าจานวนมากได้อยา่ งเหมาะสม จะตอ้ งม่ันใจว่าระบบยงั สามารถให้บรกิ ารลกู ค้า ได้ แม้จะมีจานวนลกู คา้ หลาย ๆ ทา่ นเขา้ ใชง้ านพรอ้ ม ๆ กนั ก็ตาม อกี ท้งั ควรมแี ผนสารอง ในกรณีระบบหลักเกิดมี ปญั หาใช้งานไมไ่ ดด้ ว้ ย ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อยา่ งรวดเรว็ การบรกิ ารทด่ี คี วรจะปรบั ตัวใหท้ ันกับสถานการณ์ เพือ่ รักษากลุม่ ลกู คา้ นอกจากการนา feedback มาพฒั นาและ ปรบั ปรงุ บรกิ ารแลว้ การเห็นปัญหาและความต้องการในอนาคต กจ็ ะทาให้บรกิ ารของเราทันสมัยอย่เู สมอ

29 ความสาเรจ็ ของ FinTech อาจจะวัดได้จากหลายดา้ น แตส่ ง่ิ ท่ีสาคญั ที่สุดกค็ อื การมุ่งท่จี ะแกป้ ญั หาให้กับ ลกู ค้า สามารถเป็นคาตอบในระยะยาวใหก้ บั ลกู คา้ ได้ โดยทีล่ ูกค้าไม่เลกิ หรอื เปลีย่ นไปใชบ้ รกิ ารเจา้ อ่นื และใน ขณะเดยี วกนั ก็สามารถทีจ่ ะดึงดดู กลุม่ ลูกคา้ ใหม่ ๆ เข้ามาใช้บริการเพม่ิ ข้ึนได้อีกด้วย Fintech Revolution กาลังนามาซึ่งการปรับปรุงใหม่จานวนมากหน่ึงในผลกระทบที่ใหญ่ท่ีสดุ คือ “การเพิ่ม โอกาสให้ผ้ทู ี่มรี ายได้ต่าได้เข้าถงึ บรกิ ารทางการเงนิ มากขึน้ ” ตอนนีเ้ รามีประชากรประมาณ 2 พันลา้ นคนท่ไี ม่สามารถเขา้ ถึงบริการของธนาคาร เป็นคร้ังแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ท่ีเราสามารถทาให้บุคคลเหล่าน้ีสามารถเข้าถึงการบริการทางการเงินได้ ตามที่ธนาคารโลกได้กล่าวไว้นั้น ใน 5 ปีท่ีผ่านมา มีประชากรท่ีไมม่ ีบญั ชีธนาคารจานวน 700 ล้านคนท่ีสามารถ เข้าถึงการบริการทางการเงินได้ และน้ีเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น อุตสาหกรรม fintech น้ันจะเปล่ียนแปลง อุตสาหกรรมการเงินอย่างตอ่ เน่อื งและลกู คา้ จะเปน็ ผไู้ ด้รบั ผลประโยชน์มากทีส่ ดุ ไมเ่ พยี งแต่จากประสบการณ์ผู้ใช้ ทีส่ ะดวกสบายมากขึน้ เทา่ นัน้ แตย่ ังรวมถงึ การลดต้นทุนและการเขา้ ถึงทางการเงนิ ท่ีมากขึ้นอีกด้วย หุ่นพูดคุยแบบปญั ญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence Chatbots) กาลังถูกพัฒนาขึ้นเพ่ือมาแทนศูนย์ใหบ้ ริการ แสนน่าเบอื่ ข้อมูลไบโอเมตรกิ ซ์และเคร่อื งมอื จดจาเสียงกาลังได้รบั การทดสอบเพ่ือไม่เพยี งแค่เปน็ การนามาแทน รหัสผ่าน แต่ยงั รวมถึงการใชร้ หัส 2 ปจั จัยท่ีทางธนาคารกาลังใชอ้ ยูด่ ้วยเช่นกัน

30 หลายๆ คนกาลงั เชอื่ มตอ่ Fintech เข้ากบั Internet of Things ลองนกึ ภาพประกนั รถยนตรข์ องคณุ กาลังปรับลด เบ้ยี ประกนั แบบอตั โนมตั ิเพราะรถของคณุ ทราบเองว่าคณุ ขับรถอยา่ งปลอดภัยแลว้ จงึ แจ้งขอ้ มลู นี้ใหก้ บั ผใู้ ห้ประกนั ไดร้ บั ทราบโดยอตั โนมัติ ธนาคารกาลังตระหนกั ว่าภูมิทัศน์กาลงั เปลีย่ นแปลงไปและพวกเขาต้องปรบั ตัวเพื่อความอยู่รอด บางธนาคารจะ ประสบความสาเร็จในการวิวัฒนาการน้ี แต่ธนาคารอกี หลายแหง่ จะไมป่ ระสบผลดังกล่าว และสิง่ นี้มจี ะผลตามมา ในภายหลัง ธนาคารซติ ้แี บงกค์ าดการณ์วา่ ในอกี 10 ปีขา้ งหน้า 30% ของงานในธนาคารจะหายไป ผู้เชี่ยวชาญบาง คนได้ให้ตัวเลขนไี้ ว้สงู ถึง 50% สิ่งน้ีจะมีผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรง ไม่เพียงแค่ผลกระทบโดยตรงจากการ สญู เสียตาแหนง่ งาน (30% ถึง 50%) แต่ทั้งหมดนยี้ งั เกี่ยวขอ้ งกับเศรษฐกิจรอบด้านตง้ั แต่บริษัทกฎหมายไปจนถึง บรษิ ัทบัญชี บรษิ ทั การโรงแรม และรา้ นอาหาร PWC ได้ทาการวิจัยวา่ ประมาณหนง่ึ ในสขี่ องกระแสรายได้ของธนาคารจะได้รับผลกระทบ งานใหม่บางตาแหน่งจะถูกสร้างขึ้นในอุตสาหกรรม Fintech แต่จะมีจานวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับงานที่จะ หายไปและงานเหล่านี้จะแตกต่างไปจากเดิมอย่างมากพร้อมกับความต้องก ารด้านทักษะท่ีแตกออกไปจากนาย ธนาคารแบบด้ังเดิม งานเหล่าน้ีเป็นงานประเภทโปรแกรมเมอร์ นักออกแบบความสร้างสรรค์ ที่ไม่ใช่สาหรับผู้ ค้าขายหรอื เจา้ หนา้ ท่คี วบคมุ กฎระเบยี บ แล้วในวันน้ีเราต้องทาอะไรบ้าง เราจาต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบนิเวศใหม่อย่างรวดเร็ว เราจาต้องมีการเปลี่ยนแปลงข้ันพ้ืนฐานในเรื่องของ กระบวนความคดิ ผทู้ สี่ ามารถเปล่ียนกระบวนความคดิ ไดก้ อ่ นกจ็ ะเปน็ ผ้ทู อ่ี ยู่รอด คนส่วนใหญ่คิดว่า Fintech คือเร่ืองเก่ียวกับการปฏิวัติวงการธนาคาร แต่เม่ือเร็วๆ นี้น้ัน Fintech คือการนาเทค โนเลยีมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์มากขึ้นแต่ก็อาจจะเป็นการปฏิวัติวงการทางการเงินในบางกรนี เหล่าธนาคารท่ี ชาญฉลาดจะเหน็ สิ่งท่ีบรกิ ารแบบ Fintech กาลังเสนออย่แู ละนาสิ่งเหลา่ นีเ้ พ่อื มารบั มือกับจุดท่ียากลาบากที่พวก เขากาลังประสบ ไม่ว่าจะเปน็ เรื่องการรบั ลกู ค้าใหม่ หรือเร่อื งประสบการณ์ของผู้ใช้ หรือเร่อื งการลดต้นทุน บาง ธนาคารจะอย่ไู ม่ไดแ้ ละมีเพยี งผทู้ ี่ยอมรบั เทคโนโลยีเทา่ น้ันทจ่ี ะประสบความสาเรจ็ ในชว่ งสองสามปถี ัดจากนจี้ ริงๆ แลว้ ทวปี เอเชยี กาลังเปน็ ผนู้ าในเร่ือง Fintech Revolution สาหรับบุคคลท่ัวไป ตอนนี้พ่อแม่มีความสะดวกใจมากข้ึนท่ีจะส่งลูกๆ ออกไปสร้างหรือทางานท่ีธุรกิจ Startup มากกวา่ ท่จี ะหาตาแหน่งท่มี ่ันคงในธนาคารแบบดงั้ เดมิ โดยสว่ นตวั ผมคิดวา่ การเปลี่ยนแปลงทส่ี าคญั ที่สุดกค็ อื การทเ่ี ราจะฝึกอบรมคนรุ่นตอ่ ไปอย่างไร หลกั สตู ร Fintech ควรจะถกู นาเสนอในระดบั มหาวิทยาลัยเพราะผมมีความเชอ่ื อย่างลกึ ซึง้ ว่าในปี 2017 นน้ี นั้ จะเปน็ ส่ิงทยี่ อมรับไมไ่ ด้ อีกต่อไปถ้าเราปล่อยให้นักศึกษาจบการศึกษาในภาควิชาด้านการเงินโดยท่ีไม่มีหลักสูตรเกี่ยวกับ Fintech เรา จาเป็นต้องลงไปไกลกว่านั้น ใช่ครบั เรายงั จาเป็นต้องสอนหลกั สตู รหลกั ๆ เช่นเศรษฐศาสตร์ การเงินหรือบัญชีของ บริษัท แต่เราก็ต้องปลูกฝังหลักสูตรการสอน Fintechในทุกหลักสูตรด้านการเงินใน Business School (MBA)

31 หลักสูตรทเ่ี กย่ี วกบั การออกแบบ การเขียนโค้ด และการพฒั นาผลิตภณั ฑ์ นี่เป็นสิ่งท่สี าคญั มากเพราะนายธนาคาร แหง่ อนาคตและเหล่าผทู้ จ่ี ะกาหนดอนาคตของอุตสาหกรรมจะไม่ใช่นายธนาคารแบบด้งั เดมิ แต่จะเป็นนักออกแบบ นกั เขียนโปรแกรม และนกั คิดสรา้ งสรรค์แทน

ค อ้างอิง https://sites.google.com/site/eportorra/home/tdformanagework/unit1 https://sites.google.com/site/eportorra/home/tdformanagework/unit2 https://sites.google.com/site/eportorra/home/tdformanagework/u3blockchain https://sites.google.com/site/eportorra/home/tdformanagework/unit4-1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook