Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบสารสนเทศ (Introduction to Information System)

ระบบสารสนเทศ (Introduction to Information System)

Published by คงเทพ เผ่าทัพ, 2022-01-21 14:33:47

Description: PDF to E-book

Search

Read the Text Version

1 ระบบสารสนเทศ (Introduction to Information System)

2 สารสนเทศ (Information) “สารสนเทศ” เป็ นสิ่งหน่ึงท่ีมีความจาเป็ นอย่างย่ิงในการดาเนินธุรกิจ องค์กรต่าง ๆ จึงตอ้ งมีการพฒั นาระบบสารสนเทศข้ึนมาเพ่ือใช้ในการ ประมวลผลขอ้ มูลให้กลายเป็ น “สารสนเทศ” ที่มีความถูกตอ้ ง แม่นยา และน่าเช่ือถือ ดงั น้นั ในหวั ขอ้ น้ีจึงขอ้ กล่าวถึง “สารสนเทศ” โดยเร่ิมตน้ ท่ี คาวา่ “ขอ้ มลู ” ซ่ึงมีความแตกต่างจาก “สารสนเทศ” ดงั รายละเอียดต่อไปน้ี

3 ความแตกต่างระหว่างข้อมูลกบั สารสนเทศ • ข้อมูล (Data) หมายถึง เหตุการณ์หรือขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกิดข้ึนในการดาเนิน ธุรกิจขององคก์ รในแต่ละวนั เช่น รายการส่ังซ้ือสินคา้ จากลกู คา้ รายการ ส่งสินคา้ ชื่อท่ีอยู่ลูกคา้ ยอดขายในแต่ละวนั เป็ นตน้ ขอ้ มูลอาจเป็ นได้ หลายชนิด เช่น ตวั เลข ตวั อกั ษร รูปภาพ รูปถ่าย หรือแมก้ ระทงั่ เสียง • สารสนเทศ (Information) หมายถึง ขอ้ มูลที่ผา่ นกระบวนการเก็บ รวบรวมและเรียบเรียง เพ่ือเป็ นแหล่งขอ้ มูลท่ีเป็ นประโยชน์ตอ่ ผใู้ ช้ เช่น การนาเสนอยอดขายรายเดือนต่อผบู้ ริหาร ซ่ึงยอดขายรายเดือนน้นั ไดม้ า จากการรวบรวมยอดขายของตวั แทนขายในแต่ละวนั

การไดส้ ารสนเทศ ข้อมลู การประมวลผล สารสนเทศ (Data) (Processing) (Information)

คุณลกั ษณะของสารสนเทศ • สารสนเทศท่ีดียอ่ มนาไปสู่การตดั สินใจที่มีความผิดพลาดนอ้ ยท่ีสุด หรือ ช่วยแกป้ ัญหาใหไ้ ดม้ ากที่สุด เมื่อผา่ นกระบวนการนาเขา้ ขอ้ มูลที่มีความ ถกู ตอ้ งและสิ่งท่ีหลีกเลี่ยงไม่ไดก้ ค็ ือ การคานึงถึงคา่ ใชจ้ ่ายท่ีจะเกิดข้ึนหาก เกิ ดความผิดพลาดในการตัดสิ นใจ ดังน้ันการคานึ งถึงความมี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ข อ ง ส า ร ส น เ ท ศ จ ะ ช่ ว ย ใ ห้ส า ม า ร ถ ล ด ข้อ ผิด พ ล า ด แ ล ะ ค่าใชจ้ ่ายท่ีไม่น่าจะเกิดข้ึนได้ คุณลกั ษณะของสารสนเทศทดี่ ีมีดงั น้ี

1. มคี วามถูกต้อง (Accurate) สารสนเทศจะตอ้ งไม่นาขอ้ มลู ท่ีผดิ พลาดเขา้ สู่ระบบ เพราะเมื่อนาไป ประมวลผลแลว้ จะทาใหไ้ ดส้ ารสนเทศท่ีผดิ พลาดตามไปดว้ ย ลกั ษณะเช่นน้ีเรียกวา่ “Garbage in- Garbage out (GIGO)” 2. มคี วามสมบูรณ์ (Complete) สารสนเทศท่ีดีจะตอ้ งมีขอ้ มลู ในส่วนสาคญั ครบถว้ น เช่น ถา้ เป็น รายงานการสงั่ ซ้ือวตั ถุดิบรายเดือน หากไม่มียอดสงั่ ซ้ือรวมแลว้ กถ็ ือวา่ เป็นสารสนเทศท่ีไม่สมบรู ณ์ 3. มคี วามคุ้มทุน (Economical) สารสนเทศที่ดีจะตอ้ งผา่ นกระบวนการท่ีมีตน้ ทุนนอ้ ยกวา่ หรือ เท่ากบั กาไรท่ีไดจ้ ากการผลิต 4. มคี วามยดื หยุ่น (Flexible) จะตอ้ งสามารถนาสารสนเทศไปใชไ้ ดก้ บั บุคคลหลายกลุ่ม เช่น รายงานยอดคงเหลือของวตั ถุดิบที่มีอยจู่ ริง สามารถนาไปใชใ้ นการตดั สินใจเพ่อื สง่ั ซ้ือวตั ถุดิบไดโ้ ดย ฝ่ายจดั ซ้ือ สามารถนาไปใชใ้ นการคานวณการลงทุนไดแ้ ละสามารถนาไปใชใ้ นการคานวณยอดขาย ได้ เป็นตน้

5. มีความเชื่อถอื ได้ (Reliable) ความน่าเช่ือถือของสารสนเทศน้นั ข้ึนอยกู่ บั การเกบ็ รวบรวม ขอ้ มลู จากแหล่งที่มาท่ีเชื่อถือได้ 6. ตรงประเดน็ (Relevant) สารสนเทศท่ีดีตอ้ งมีความสมั พนั ธ์กบั งานท่ีตอ้ งการวเิ คราะห์ หากเป็นสารสนเทศท่ีไม่ตรงประเดน็ จะทาใหเ้ สียเวลาในการทางาน 7. มีความง่าย (Simple) สารสนเทศท่ีดีตอ้ งไม่ซบั ซอ้ น กล่าวคือ ง่ายตอการทาความเขา้ ใจ เพราะความซบั ซอ้ นคือการมีรายละเอียดปลีกยอ่ ยมากเกินไป จนทาใหไ้ ม่ทราบความสาคญั ที่ แทจ้ ริงของสารสนเทศท่ีใชใ้ นการตดั สินใจน้นั 8. มคี วามเหมาะสมกบั สถานการณ์ปัจจุบัน (Timely) ตอ้ งเป็นสารสนเทศที่มีความทนั สมยั อยเู่ สมอ เม่ือตอ้ งการใชเ้ พื่อการตดั สินใจจะทาใหม้ ีความถกู ตอ้ งมากยง่ิ ข้ึน เช่น ยอดจาหน่าย เส้ือกนั หนาวในระหวา่ งเดือนธนั วาคมถึงเดือนพฤษภาคมได้ 9. สามารถตรวจสอบได้ (Verifiable) สารสนเทศที่ดีตอ้ งสามารถตรวจสอบความถกู ตอ้ งได้ โดยอาจตรวจสอบจากแหล่งที่มาของสารสนเทศ เป็นตน้

ประเภทของสารสนเทศ • เมื่อจาแนกตามรูปแบบของการนาเสนอสารสนเทศ มีดงั น้ี 1. สารสนเทศส่วนที่เป็ นรายละเอยี ด (Detailed Information) 2. สารสนเทศส่วนทเ่ี ป็ นผลสรุป (Summary Information) 3. สารสนเทศเพอ่ื การพยากรณ์ (Prediction Information) 4. สารสนเทศกรณเี ฉพาะ (Exception Information)

• จาแนกประเภทของสารสนเทศตามระดบั การจดั การและประเภท ของการตดั สินใจแลว้ มีดงั ต่อไปน้ี 1. สารสนเทศแบบมีโครงสร้าง (Structured Information) 2. สารสนเทศแบบก่ึงโครงสร้าง (Semi structured Information) เป็นสารสนเทศท่ีมีลกั ษณะท้งั ที่ 3. สารสนเทศแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Information)

ระบบสารสนเทศ (Information System) • ความหมาย องค์ประกอบ และประเภทของระบบ • ระบบ หมายถึง การนาองค์ประกอบต่าง ๆ อันได้แก่ คน (People) ทรัพยากร (Resource) แนวคิด (Concept) และกระบวนการ (Process) มา ผสมผสานการทางานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้ าหมายอย่างใดอย่างหน่ึง ตามท่ีไดว้ างแผนไว้ (มีเป้ าหมายและวตั ถุประสงคร์ ่วมกนั ) ซ่ึงในโลกน้ีมี ระบบอยดู่ ว้ ยกนั มากมายหลายระบบ เช่น ระบบการเรียนการสอน ระบบ บญั ชี ระบบจดั ซ้ือและระบบสารสนเทศ เป็ นตน้ โดยภายในระบบอาจ ประกอบไปดว้ ยระบบย่อย (Subsystem) ต่าง ๆ ที่ตอ้ งทางานร่วมกนั เพอื่ ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคเ์ ดียวกนั

• องค์ประกอบของระบบ องคป์ ระกอบต่าง ๆ ของระบบจะถกู จาแนก ออกเป็น 4 ส่วน ไดแ้ ก่ ส่วนนาเขา้ (Input) ส่วนดาเนินการ (Process) ผลลพั ธ์ (Output) และส่วนป้ อนกลบั (Feedback) แสดงความสมั พนั ธ์ของ องคป์ ระกอบท้งั 4 ดงั รูป

• ส่วนนาเข้า (Input) ทรัพยากรหรือส่ิงต่าง ๆ ที่จาเป็นต่อกระบวนการ • ส่วนดาเนินการ (Process) เป็ นส่วนทาการแปรสภาพ ประมวลผล ทรัพยากรที่นาเขา้ มา เพ่อื ใหไ้ ดเ้ ป็นผลลพั ธต์ ามเป้ าหมายทก่ี าหนดไว้ • ส่วนผลลพั ธ์ (Output) เป็นสิ่งท่ีไดจ้ ากกระบวนการของระบบ • ส่วนป้ อนกลบั (Feedback) เป็นส่วนที่ช่วยใหม้ ีการปรับปรุงในส่วนอื่น ๆ ของระบบ โดยหลงั จากที่ไดผ้ ลลพั ธ์จากระบบแลว้ จะมีการเปรียบเทียบ กบั วตั ถุประสงคท์ ่ีกาหนดไว้ ผลจากการเปรียบเทียบจะนากลบั เขา้ สู่ส่วน อ่ืน ๆ ของระบบ เพื่อปรับปรุงใหก้ ารทางานในส่วนน้นั มีความเหมาะสม หรือสมบูรณ์มากข้ึน

ความหมายของระบบสารสนเทศ • ระบบสารสนเทศ (Information System) หมายถึง การรวบรวม องคป์ ระกอบต่าง ๆ (ขอ้ มลู การประมวลผล การเชื่อมโยง เครือขา่ ย) เพ่อื นาเขา้ (Input) สู่ระบบใด ๆ แลว้ นามาผา่ นกระบวนการบางอยา่ ง (Process) ท่ีอาจใชค้ อมพิวเตอร์ช่วย เพ่อื เรียบเรียง เปลี่ยนแปลง และ จดั เกบ็ เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ (Output) คือสารสนเทศที่สามารถใชส้ นบั สนุน การตดั สินใจทางธุรกิจได้

ภาพการทางานของระบบใดๆ

• Input ของระบบสารสนเทศ คือ Data ซ่ึงเกิดจากการเก็บรวบรวม สมาชิกหรือองคป์ ระกอบของระบบ เพ่ือนาไปทาการประมวลผลต่อไป • Processing ของระบบสารสนเทศ คือ การเปล่ียนแปลง หรือแปรสภาพ ขอ้ มูลที่นาเขา้ สู่ระบบ เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ที่สามารถใชใ้ นการตดั สินใจได้ โดยการเปล่ียนแปลง หรื อแปรสภาพ น้ันอาจจะเป็ นการคานวณ เปรียบเทียบหรือวธิ ีการ อื่น ๆ ก็

• Output ของระบบสารสนเทศ คือ Information ซ่ึงเป็ นผลลพั ธ์ที่ไดเ้ น่ืองจากการ ประมวลผลขอ้ มูลหรือสารสนเทศแสดงอยใู่ นรูปแบบของรายงาน (Report) หรือ แบบฟอร์มต่าง ๆ เพ่ือนาไปใชใ้ นการดาเนินงานทางธุรกิจต่อไป ซ่ึงสารสนเทศ ดงั กล่าวน้ีจะเป็นประโยชน์ในการตดั สินใจมากกวา่ ขอ้ มูลธรรมดา • Feedback ของระบบสารสนเทศ คือ ผลลพั ธ์ที่ทาใหเ้ กิดการปรับปรุง เปล่ียนแปลง ในการนาขอ้ มูลเขา้ หรือการประมวลผลขอ้ มูล เช่น ขอ้ ผดิ พลาดท่ีพบจากรายงานต่าง ๆ น้นั ทาใหท้ ราบวา่ ในขณะนาขอ้ มูลเขา้ หรือการประมวลผลน้นั อาจมขี อ้ ผดิ พลาด เกิดข้ึน ทาให้เกิดการปรับปรุงพฤติกรรมในการทางานขององค์กรเพ่ือให้มีความ ถูกตอ้ งมากข้ึน ดงั น้ัน Feedback จึงมีความสาคญั อย่างยิ่งในการทางานเพ่ือให้เกิด ประสิทธิภาพและประสิทธิผลเป็นท่ีหนา้ พอใจ

ชนิดของระบบสารสนเทศ • ปัจจุบนั ระบบสารสนเทศไดร้ ับการพฒั นาข้ึนให้เป็ นเคร่ืองมือท่ี ช่วยในการทางานทางดา้ นต่าง ๆ มากมายในองคก์ ร ไม่ว่าจะเป็น ดา้ นการตดั สินใจเพ่ือแกป้ ัญหาทางธุรกิจ ช่วยในการทารายงาน เพ่ือนาเสนอขอ้ มูล ช่วยประมวลผลขอ้ มูลท่ีเกิดข้ึนประจาวนั ช่วย วิเคราะห์หาทางออกของปัญหา เป็ นต้น หากจาแนกระบบ สารสนเทศตามระดบั การจดั การภายในองคก์ รแลว้ สามารถแบ่ง ไดเ้ ป็น 6 ชนิด

ชนิดของระบบสารสนเทศ ตามระดบั การจดั การภายในองคก์ ร

1. ระบบประมวลผลข้อมูล (Transaction Processing System : TPS) • เป็นระบบท่ีช่วยในการจดั เกบ็ และประมวลผลขอ้ มลู คุณลกั ษณะของระบบการประมวลผลขอ้ มูล 1. สามารถจดั เกบ็ ขอ้ มูลที่เกิดข้ึนประจาวนั ของการดาเนินธุรกิจได้ เช่น ประวตั ิลกู คา้ รายการสง่ั ซ้ือสินคา้ จากลกู คา้ เป็นตน้ 2. สามารถสร้างขอ้ มูลเพือ่ ใชใ้ นการดาเนินธุรกิจได้ เช่น ออกใบกากบั ภาษี ออกใบแจง้ หน้ี ออกใบรายการสินคา้ เป็นตน้ 3. บารุงรักษาขอ้ มลู (Data Maintenance) โดยการปรับปรุงขอ้ มูล (เพ่มิ ลบ แกไ้ ข) ให้ เป็นปัจจุบนั มากที่สุด ไม่วา่ จะเป็นการเปล่ียนแปลงของราคาสินคา้ ช่ือท่ีอยขู่ องสินคา้ รหสั สินคา้ เป็นตน้ 4. เกิดจากเหตุการณ์ประจาวนั ของธุรกิจ

2. ระบบสารสนเทศเพอ่ื การจดั การ (ManagementInformationSystem:MIS) • เป็นระบบที่นาสารสนเทศมาช่วยในการจดั ทารายงานลกั ษณะต่าง ๆ เพอ่ื วางแผนและควบคุมการดาเนินงานทางธุรกิจ โดยสารสนเทศดงั กล่าวจะ ไดม้ าจากระบบการประมวลผลขอ้ มลู (TPS) นนั่ เอง

คุณลกั ษณะของระบบสารสนเทศเพอื่ การจดั การ 1. สามารถสร้างสารสนเทศที่อา้ งอิงไดต้ ามหลกั การดา้ นการจดั การ ดา้ นคณิตศาสตร์ หรือ สถิติ ท่ีเป็นที่ยอมรับได้ 2. โดยปกติแลว้ สารสนเทศเพ่อื การจดั การน้ีไดม้ าจากฐานขอ้ มูลที่มีการเกบ็ ขอ้ มลู จาก แหล่งขอ้ มูลมากมาย ซ่ึงแหล่งขอ้ มูลน้นั หมายรวมถึงระบบการประมวลผลขอ้ มลู ดว้ ย 3. สามารถสร้างสารสนเทศ (รายงาน) ไดท้ ้งั 4 รูปแบบ ไดแ้ ก่ • สารสนเทศส่วนท่ีเป็นรายละเอียด (Detailed Information) • สารสนเทศส่วนที่เป็นผลสรุป (Summary Information) • สารสนเทศเพ่อื การพยากรณ์ (Predicted Information) • สารสนเทศกรณีเฉพาะ (Exception Information)

3. ระบบสนับสนุนการตดั สินใจ (DecisionSupport System: DSS) • เป็ นระบบที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ ซ่ึงมีเป้ าหมายเพื่อเตรี ยม สารสนเทศท่ีเป็นประโยชน์ใหแ้ ก่ผใู้ ชท้ ี่เป็นผบู้ ริหาร โดยสารสนเทศน้ีมกั เกี่ยวขอ้ งกบั การตดั สินใจแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Decision) หรือแบบก่ึงโครงสร้าง (Semi structured Decision) ที่เป็นการตดั สินใจต่อ เหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ไดล้ ่วงหนา้ หรือไดย้ าก ระบบ DSS เป็น ระบบท่ีส่งเสริมใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถกระทาการตดั สินใจไดด้ ว้ ยความฉลาด แต่ ท้งั น้ีไม่ไดใ้ ชร้ ะบบ DSS เพ่อื การตดั สินใจแทน



คุณลกั ษณะของระบบสนับสนุนการตดั สินใจ 1. จดั เตรียมสารสนเทศซ่ึงไดท้ าการประมวลผลแลว้ จากระบบประมวล (TPS) เพอ่ื ช่วยใน การตดั สินใจ 2. สนบั สนุนการตดั สินใจแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Decision) หรือแบบก่ึง โครงสร้าง (Semi structured Decision) 3. สนบั สนุนการตดั สินใจของผใู้ ชใ้ นดา้ นต่าง ๆ ดงั น้ี • ระบุถึงปัญหาหรือโอกาสในการทาการตดั สินใจ • ระบุถึงความเป็นไปไดใ้ นการแกป้ ัญหาหรือการตดั สินใจน้นั ๆ • เตรียมสารสนเทศที่จาเป็นตอ่ การแกป้ ัญหาหรือที่จาเป็นตอ่ การกระทาการตดั สินใจ • ทาการวเิ คราะห์ทางเลือกในการตดั สินใจที่เป็นไปได้ • เลียนแบบทางเลือกและผลลพั ธข์ องการตดั สินใจที่เป็นไปได้

• นอกจากน้ีแลว้ DSS ตอ้ งอาศยั สารสนเทศจากฐานขอ้ มูล (Database) ซ่ึงมีการเตรียมสารสนเทศท่ีเหมาะสาหรับการ ตดั สินใจไวโ้ ดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการดึงสารสนเทศ น้นั มาใชง้ าน จึงไดม้ ีการแยกฐานขอ้ มูลของสารสนเทศทเี่ ตรียมไว้ สาหรับ DSS และระบบอื่นที่เก่ียวขอ้ งโดยเฉพาะ เรียกฐานขอ้ มูล ดงั กล่าววา่ “คลงั ขอ้ มูล (Data Warehouse)”

4. ระบบสารสนเทศเพอื่ ผู้บริหารระดบั สูง (ExecutiveInformationSystem: EIS) • ระบบสารสนเทศท่ีมีพ้ืนฐานการทางานดว้ ยระบบคอมพิวเตอร์ท่ีช่วยให้ ผูบ้ ริหารระดับสูงสามารถเข้าถึง รวบรวมวิเคราะห์และประมวลผล สารสนเทศ ท้ังภายในและภายนอกองค์กรตามความตอ้ งการได้อย่าง ส ะ ด ว ก แ ล ะ ร ว ด เ ร็ ว ข้ ึ น น้ ัน ก็ เ พ่ื อ น า ส า ร ส น เ ท ศ ดัง ก ล่ า ว ม า ใ ช้ใน ก า ร บริหารงานท่ีรับผดิ ชอบ • เช่น การกาหนดนโยบาย การวางแผนกลยทุ ธ์ และการจดั ต้งั งบประมาณ เป็ นต้น บางคร้ังอาจเรียกระบบสารสนเทศชนิดน้ีได้อีกอย่างหน่ึงว่า “ระบบสนบั สนุนผบู้ ริหารระดบั สูง (Executive Support System : ESS)”



คุณลกั ษณะของระบบ ดงั ที่ทราบกนั แลว้ วา่ ระบบ EIS เป็นระบบซ่ึงพฒั นาข้ึนเพอ่ื อานวยความสะดวกในการทางานของผบู้ ริหารระดบั สูง ดงั น้นั ระบบ EIS ท่ีไดร้ ับการพฒั นาข้ึนมา จึงประกอบไปดว้ ยคุณลกั ษณะ หลายประการ ดงั แสดงในตารางต่อไปน้ี

ตารางแสดงคณุ ลกั ษณะและความสามารถของระบบ EIS ทว่ั ไป คณุ ภาพของสารสนเทศ มีความยืดหยนุ่ สงู เป็นสารสนเทศท่ีมีความสมบรู ณ์ เป็นสารสนเทศที่มีความทนั สมยั เช่ือมโยงข้อมลู สว่ นตา่ ง ๆ เข้าด้วยกนั ได้ เป็ นสารสนเทศท่ีเช่ือถือได้ เป็ นสารสนเทศท่ีสามารถตรวจสอบได้ ความสะดวกของผ้ใู ช้ ใช้งานงา่ ย เน่ืองจากแสดงผลในรูปแบบเว็บ ใช้งานร่วมกบั ฮาร์ดแวร์ได้หลากหลาย เพจ รูปแบบ แสดงผลในรูปแบบ GUI ได้ดี มีระบบความปลอดภยั และควบคมุ การเข้าใช้ เช่ือมโยงกบั เครือข่ายอนิ เตอร์เนต็ ได้ มีระบบแนะนาการใช้งาน

ตารางแสดงคณุ ลกั ษณะและความสามารถของระบบ EIS ทวั่ ไป (ตอ่ ) ความสามารถทางเทคนิค เข้าถงึ แหลง่ ข้อมลู ได้ทวั่ โลก สบื ค้นข้อมลู เกา่ และปัจจบุ นั ได้พร้อมกนั เข้าถงึ ข้อมลู ภายในจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ได้ ใช้พยากรณ์ข้อมลู ได้ เรียกใช้งานข้อมลู จากภายนอกได้ บง่ ชีป้ ัญหาและสาเหตขุ องปัญหาได้ เขียนคาอธิบายข้อมลู ได้ มีระบบวเิ คราะห์แบบ Ad Hoc ประโยชน์ที่ได้รับ เพ่มิ ประสทิ ธิภาพของระบบสนบั สนนุ การ เข้าถงึ ข้อมลู ได้สะดวก ทาให้วางแผนงานได้งา่ ยและมีประสทิ ธิภาพ ตดั สินใจ ประหยดั เวลา เพม่ิ ประสทิ ธิภาพในการสือ่ สารข้อมลู ช่วยค้นหาปัญหาและทางแก้ไข

5. ระบบผู้เช่ียวชาญ (Expert System : ES) • ระบบผเู้ ชี่ยวชาญเป็ นระบบที่ทาหนา้ ที่เสมือนผเู้ ช่ียวชาญท่ีให้คาปรึกษาแก่ผบู้ ริหาร ระดบั สูง เน่ืองจากบางคร้ังอาจตอ้ งตดั สินใจปัญหาที่มีความซับซ้อนเกินกว่าจะ ตดั สินใจตามลาพงั ได้ ดงั น้นั ผบู้ ริหารอาจใชร้ ะบบผเู้ ช่ียวชาญเพอื่ ใหค้ าแนะนา หรือ ใหค้ าปรึกษา คน้ หาช่องทางและโอกาส เพอ่ื จดั การกบั ปัญหาที่เผชิญอยู่ • โดยระบบจะนาองคค์ วามรู้ (สารสนเทศท่ีผา่ นการคดั เลือกสาหรับแกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม) และสารสนเทศที่เกี่ยวกบั ประสบการณ์ในการตดั สินใจแกไ้ ข ปัญหาต่าง ๆ โดยเลือกสถานการณ์ที่ใกลเ้ คียงกบั ปัญหาท่ีตอ้ งการแกไ้ ขในขณะน้นั มาทาการประมวลผล จนไดเ้ ป็นคาตอบใหก้ บั ผบู้ ริหาร • จะเห็นได้ว่าระบบผูเ้ ช่ียวชาญได้รับการพฒั นาข้ึนโดยลอกเลียนการทางานของ ผเู้ ช่ียวชาญที่เป็นมนุษย์



คุณลกั ษณะของระบบผเู้ช่ียวชาญ 1. ES จะทาการเลียนแบบวิธีการคิดและเหตุผลของผเู้ ช่ียวชาญจากประสบการณ์ใน การแกป้ ัญหาจริงในดา้ นต่าง ๆ 2. อาจนา ES มาใชร้ ่วมงานกบั เทคโนโลยปี ัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เรียกการทางานร่วมกนั วา่ “Expert System Shells” 3. มีการดึงสารสนเทศจากคลงั ขอ้ มลู เช่นเดียวกบั ระบบสนบั สนุนการตดั สินใจ (DSS)

• จะเห็นไดว้ า่ ระบบสนบั สนุนการตดั สินใจ (DSS) กบั ระบบผเู้ ช่ียวชาญ (ES) จะมีลกั ษณะคลา้ ยกนั แตกต่างกนั ตรงท่ี DSS เป็นระบบท่ีเสนอ ทางเลือกในการแกไ้ ขปัญหาหรือตดั สินใจเพือ่ ใหผ้ ใู้ ชไ้ ดต้ ดั สินใจเอง ส่วน ES น้นั เป็นระบบท่ีตดั สินใจแทนผใู้ ช้ โดยอาศยั สารสนเทศท่ีรวบรวมมา จากเหตผุ ลและประสบการณ์จริง

6. ระบบสานักงานอตั โนมตั ิ (OfficeAutomationSystem: OAS ) เรียกอีกอย่างหน่ึงว่า “ระบบสารสนเทศเพ่ือสานักงาน (Office Information System : OIS )” เป็นระบบท่ีสนบั สนุนกิจกรรมการ ทางานในสานักงานท่ีเกิดข้ึนในแต่ละวัน รวมท้ังช่วยในการ ติดต่อส่ือสารของบุคลากรไม่ว่าจะอย่ใู นสถานที่เดียวกนั หรือไม่ก็ ตาม เช่น การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การประชุมทางไกล การ จดั ทาเอกสาร การนาเสนอขอ้ มลู เป็นตน้

คุณลกั ษณะของระบบสานกั งานอตั โนมตั ิ 1. มีการเกบ็ รวบรวมสารสนเทศต่าง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มบุคคลทุกกลมุ่ ไวเ้ พ่อื การใช้ งาน 2. ช่วยการทางานอตั โนมตั ิดา้ นต่าง ๆ ไดแ้ ก่ - การประมวลผลคา (Word Processing) - ส่งขอ้ ความอิเลก็ ทรอนิกส์ หรือ จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ (E-mail) - การทางานร่วมกนั ดว้ ยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Work Group Computer) - การกาหนดการทางานร่วมกนั (Work Group Scheduling) - เอกสารอิเลก็ ทรอนิกส์หรือรูปภาพ (Electronic Document) - การจดั การกระแสการทางาน (Work Flow management)

3. มีการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยรี ่วมกนั ระหวา่ ง OAS กบั TPS อนั ไดแ้ ก่ - เทคโนโลยกี ารสร้างแบบฟอร์มอิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Form Technology) เป็ น การช่วยสร้างแบบฟอร์มอิเลก็ ทรอนิกส์เพื่อให้สามารถใชง้ านร่วมกบั ฐานขอ้ มูลของ ระบบประมวลผลขอ้ มลู - เทคโนโลยีการทางานร่วมกนั เป็ นกลุ่ม (Work Group Technology) เพ่ือเตรียมวิธีการ สาหรับการทางานท่ีมีการใชง้ านของผูใ้ ชห้ ลาย ๆ คนเพ่ือเขา้ ถึง และปรับปรุงขอ้ มูล ร่วมกนั จากการทางานที่เกิดข้ึนประจาวนั - เทคโนโลยขี อ้ ความอิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Messaging Technology) พนกั งานสามารถ ติดตอ่ สื่อสารกนั ไดด้ ว้ ยการส่งขอ้ ความอิเลก็ ทรอนิกส์ - เทคโนโลยชี ุดโปรแกรมสานกั งานอตั โนมตั ิ (Office Automation Suite Technology) นาโปรแกรมที่ใชใ้ นสานกั งานมาประยกุ ตใ์ ชร้ ่วมกนั - เทคโนโลยรี ูปภาพ (Imaging Technology) เป็นการผสมผสานกนั ระหวา่ งรูปภาพและ แบบฟอร์มอิเลก็ ทรอนิกส์เพือ่ ใชใ้ นการทางาน หรือเป็นการสแกนรูปภาพนนั่ เอง

ระบบสารสนเทศในการจดั การขอ้ มูล ระดบั ต่าง ๆ ในองคก์ ร • ระบบสารสนเทศท้งั 6 ชนิด จะสนบั สนุนการจดั การในแต่ละระดบั ต่างกนั ไป ซ่ึง การจดั การในแต่ละระดบั ก็จะเป็ นการบริหารงานของทุกแผนก เช่น แผนกการเงนิ และการบญั ชี (Finance and Accounting) แผนกการตลาด (Marketing) แผนก ทรัพยากรบุคคล (Human Resource) แผนกวิจยั และพฒั นา (Research and Development) เป็นตน้ • เมื่อนาระบบสารสนเทศเขา้ มาสนบั สนุนการทางานแลว้ จะทาให้การทางานของทุก แผนกมีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึน อยา่ งไรกต็ าม ระบบสารสนเทศทุกชนิดไมว่ า่ จะอยู่ ในการจัดการระดบั ใดก็ตาม ลว้ นมีวตั ถุประสงค์เพ่ือจัดเตรียมสารสนเทศที่เป็ น ประโยชน์ และตรงกบั ความตอ้ งการของผูบ้ ริหารในทุกระดบั หรือแมแ้ ต่พนกั งาน ระดบั ปฏิบตั ิการในระดบั ล่างใหไ้ ดม้ ากที่สุด



คาถาม ???


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook