งานศลิ ปหตั ถกรรมประเภท ดอกไม้ประดษิ ฐ์ ดอกไมป้ ระดิษฐ์ 1
ดอกไมป้ ระดิษฐ์ สรา้ งสรรค์ข้ึนจากวัสดตุ ่าง ๆ เช่น ผา้ ศิลปะ สร้างสรรค์ผลงานออกมาให้มีความสวย แปลกตา หรอื กระดาษ ถกู สรา้ งขน้ึ โดยการนำ� ความงามทม่ี อี ยตู่ ามธรรมชาติ ดอกไม้ประดิษฐ์จึงนับเป็นงานศิลปะท่ีถูกสร้างสรรค์เพ่ือให้มี ให้มรี ปู ร่าง ลักษณะ สสี นั เหมือนดอกไมจ้ รงิ ทุกประการ หรอื ความสวยงาม และใชเ้ ป็นประโยชนใ์ นวาระโอกาสตา่ ง ๆ สร้างสรรค์ขึ้นตามจินตนาการด้วยการผสมผสานเข้ากับงาน ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ 2
เอกลักษณ์ทส่ี ะท้อนภูมปิ ญั ญา เอกลกั ษณ์ดอกไมป้ ระดิษฐ์แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ดังน้ี และทกั ษะเชงิ ชา่ งการทำ� ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ ดอกไมป้ ระดษิ ฐเ์ ลยี นแบบธรรมชาติ คอื ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ เปน็ งานศลิ ปหตั ถกรรมทถี่ กู สรา้ งสรรค์ ทถี่ กู สรา้ งขน้ึ ใหม้ รี ปู รา่ ง ลกั ษณะ สสี นั เหมอื นดอกไมจ้ รงิ ทกุ ขน้ึ เพอ่ื การดำ� รงรกั ษาไวซ้ ง่ึ ความงามของธรรมชาติ เพอื่ รกั ษา ประการ ซง่ึ มกี ระบวนการและขน้ั ตอนในการทำ� ทล่ี ะเอยี ดออ่ น ความงามของดอกไม้ท่ีหาดูได้ยาก หรือก�ำลังจะหมดไป ซ่ึง ผูท้ �ำจะตอ้ งฝึกฝน และต้องเข้าใจธรรมชาตขิ องดอกไม้ จงึ จะ ต้องใช้ความประณตี ละเอียด ในการสรา้ งสรรค์ ใหเ้ กดิ ความ สามารถทำ� ดอกไม้ประดษิ ฐอ์ อกมาไดอ้ ยา่ งดี งามทสี่ มจรงิ ทง้ั รปู ทรง สสี นั ตอ้ งใชท้ กั ษะฝมี อื และการฝกึ ฝน ส่ิงส�ำคัญในการท�ำดอกไม้ประดิษฐ์คือก่อนท�ำจะต้องมีความ ดอกไมป้ ระดษิ ฐส์ รา้ งสรรค์ หรอื ดอกไมจ้ ากจนิ ตนาการ คอื เขา้ ใจธรรมชาติ เอกลกั ษณ์ รปู รา่ งลกั ษณะของดอกไมแ้ ตล่ ะชนดิ การประดษิ ฐ์ดอกไมผ้ สมผสานเข้ากบั งานศลิ ปะ สร้างสรรค์ผล รวมถงึ ไดเ้ หน็ รายละเอยี ดตา่ งๆ ของดอกไมจ้ รงิ จงึ จะสามารถ งานออกมาให้มคี วามสวย แปลกตา ซงึ่ อาจมีรูปรา่ ง และสสี นั สรา้ งสรรค์ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ชนิดน้นั ออกมาได้ ไม่เหมอื นกบั ดอกไมจ้ รงิ เท่าใดนัก ความสำ� คญั หนงึ่ ในการสรา้ งสรรคง์ านดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ อยู่ที่การเลือกใช้วัสดุเพื่อสร้างความเหมือนจริงให้กับดอกไม้ มากท่ีสุด เช่น การเลือกใช้ผ้าแต่ละชนิดท่ีมีเส้นใยผ้าที่แตก ตา่ งกนั การผสมสโี ดยจะต้องเลือกใช้สี หรือผสมสใี ห้มีความ เหมือนกับสีของดอกไม้จริงจนแทบแยกกันไม่ออก การใส่ใจ ในรายละเอยี ดเลก็ ๆ ก็เปน็ เรอ่ื งสำ� คญั เช่น ความตมู ความ บาน รวมถงึ เกสร และเรณูของดอกไมแ้ ตล่ ะชนดิ ด้วย ซึง่ ผู้ท�ำ ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ได้มีการคิดค้น ดดั แปลง เสรมิ แต่ง น�ำวัสดทุ ่ี หาได้มาประยุกต์ใช้กับดอกไม้ประดิษฐ์ เช่น การใช้ส�ำลีมา เสรมิ แตง่ ให้ดอกไมป้ ระดิษฐม์ ลี กั ษณะตูม การใชเ้ คร่อื งรีดนำ� มารดี กลบี ใบใหม้ คี วามโคง้ มน การใชฟ้ ลอรา่ เทปพนั กา้ นลวด จนกลายเป็นสีเขียวเปรยี บเสมือนกา้ นของดอกไม้ เป็นตน้ ดอกไม้ประดษิ ฐ์ 3
เร่อื งราวความเป็นมาของศิลปะ การประดษิ ฐด์ อกไม้ งานศลิ ปะดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ มกั พบตามแหลง่ อารยธรรม โบราณ มกั จะมดี อกไมป้ ะปนอยกู่ บั งานศลิ ปะ เชน่ ภาพวาดฝาผนงั งานปนู ปน้ั ตามสถาปตั ยกรรมตา่ ง ๆ หรอื แมก้ ระทงั่ ในพธิ ที างศาสนา ไมม่ หี ลกั ฐานทแี่ นช่ ดั วา่ ศลิ ปะการประดษิ ฐด์ อกไมน้ นั้ เรมิ่ มาจากประเทศใด แตส่ ำ� หรบั ศลิ ปะการประดษิ ฐด์ อกไม้ใน ประเทศไทยมีให้เห็นอยู่บ่อยคร้ังต้ังแต่อดีต โดยการน�ำดอกไม้ มาประดษิ ฐเ์ พอ่ื ถวายใหก้ บั เจา้ นายในวงั อกี ทงั้ ยงั มกี ารนำ� ใบตอง หรือดอกไม้แห้ง เช่น กลีบบัว มาประดิษฐ์เป็นกระทงใช้ใน ประเพณลี อยกระทง หรอื การประดษิ ฐด์ อกไมจ้ ากเทยี น สำ� หรบั นำ� ไปตกแต่งเทียนในวันเขา้ พรรษา หลักฐานเก่าแก่ท่ีสุดเก่ียวกับดอกไม้ประดิษฐ์ท่ีพบใน ประเทศไทย คอื งานศลิ ปะปนู ปน้ั โดยจะปน้ั เปน็ ลวดลายของ ดอกไม้ ประดบั ตามสถาปตั ยกรรม สนั นษิ ฐานวา่ ไดร้ บั อทิ ธพิ ล มาจากภาพแกะสลกั ตามประสาทหนิ ของขอม พบมากในสมยั กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สมัยสโุ ขทัยตอนต้น และในสมัยอทู่ อง ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ 4
ดอกไม้ประดษิ ฐ์ : ดอกรังผ้ึง จนมาถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทรม์ กี ารดดั แปลงโดยการนำ� เอา สมยั รชั กาลที่ 5 สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ นี าถ ดอกไมม้ าทำ� เปน็ ดอกไมแ้ หง้ หรอื บหุ งารำ� ไป จะเหน็ วา่ ศลิ ปะ ทรงส่งเสริมให้มีการฟื้นฟูการท�ำดอกไม้ โดยได้ฝึกอบรมเหล่า ในสมยั รตั โกสนิ ทรน์ โ้ี ดยเฉพาะในสมยั รชั กาลที่ 1 จะเปน็ ศลิ ปะ ขา้ หลวง และครใู นโรงเรยี นราชนิ ี เกย่ี วกบั เรอื่ งการทำ� ดอกไมแ้ หง้ ทสี่ บื ทอดมาจากสมยั อยธุ ยา จนมาถงึ ชว่ งสมยั รชั กาลท่ี 2 และ ในสมยั ของรชั กาลท่ี 5 นี้ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากประเทศญปี่ นุ่ มกี ารสง่ 3 งานศลิ ปะตา่ ง ๆ มคี วามประณตี และมลี กั ษณะเฉพาะตวั มากขน้ึ นกั ศกึ ษาเพอื่ ไปศกึ ษาดา้ นงานหตั ถกรรมทป่ี ระเทศญปี่ นุ่ ในสาขา วชิ าการทำ� ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ และเมอ่ื สำ� เรจ็ การศกึ ษากลบั มากม็ า สมยั รชั กาลที่ 4 เปน็ ยคุ ของการปรบั ปรงุ ประเทศตามแบบ เปน็ ครสู อนวชิ าสาขาศลิ ปหตั ถกรรมสาขาต่างๆ ตะวันตก โดยปฏิรูปงานทางด้านศิลปหัตถกรรมต่าง ๆ เช่น งานหัตถกรรมมเคร่ืองใช้ และของประดับตกแต่ง การ สมยั รชั กาลที่ 6 เปน็ ยคุ สมยั ทม่ี กี ารเปดิ รบั เอาวฒั นธรรม เปลยี่ นแปลงในครง้ั นถี้ อื เปน็ การเปลย่ี นแปลงครงั้ สำ� คญั รวม ทางตะวันตกเข้าประยุกต์ใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรมไทยมากขึ้น ถงึ เรอ่ื งของดอกไมป้ ระดษิ ฐด์ ว้ ยเชน่ กนั มกี ารเปดิ ศนู ยก์ ารการ อีกทั้งงานด้านศิลปหัตถกรรมยังได้รับการผลักดันให้เข้ามามี เรียนรู้และถ่ายทอดงานด้านดอกไม้ประดิษฐ์ท่ีพระบรมหา บทบาทในการสร้างเอกลกั ษณ์ความเป็นไทย ราชวัง โดยจัดสอนให้กับสตรีช้ันสูง เรียกว่า วิทยาลัยของผู้ หญิง ตามต�ำหนักพระมเหสี เจ้านาย และเจา้ จอม งานศลิ ปะการทำ� ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ เปน็ งานทถ่ี กู พฒั นา สบื เนอื่ งมาจากการผลกั ดนั งานศลิ ปหตั ถกรรมเมอ่ื สมยั รชั กาลที่ 6 โดยมกี ารเปดิ การเรยี นการสอนงานดา้ นดอกไมส้ ด และดอกไม้ แหง้ ในโรงเรยี นการชา่ งสตรขี องรฐั และเอกชน การเรยี นการสอน วชิ าดอกไมป้ ระดษิ ฐย์ งั คงเผยแพรเ่ รอื่ ยมา ตลอดจนถงึ ปจั จบุ นั ดอกไมป้ ระดิษฐ์ 5
กรรมวธิ กี ารสรา้ งสรรคด์ อกไมป้ ระดษิ ฐ์ เกสร ใช้ส�ำหรับเป็นส่วนประกอบของดอกไม้แต่ละ ชนดิ ซึง่ วสั ดุทใ่ี ช้ทำ� เกสรมีหลากหลาย เชน่ ป่านศรนารายณ์ วสั ดุ / อุปกรณ์ แปง้ มัน กาว เส้นกำ� มะหย่ีตรง เปน็ ตน้ ผา้ ชนดิ ตา่ ง ๆ ซง่ึ จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับรูปแบบ เรณู ใช้โรยเกสรเพือ่ ให้ดูคลา้ ยของจริงมากข้นึ ของดอกไมแ้ ตล่ ะชนดิ ผา้ ทใี่ ชจ้ งึ มหี ลากหลาย เชน่ ผา้ ออแกนซา่ ด้ายหลอด ใชส้ �ำหรบั เข้ากลบี ดอก เขา้ ชอ่ ผ้ามสั ลิน ผา้ แพรเยอื่ ไม้ ผา้ กำ� มะหย่ีขน ผา้ ก�ำมะหย่หี นัง ผ้า ฟลอร่าเทป ใช้ส�ำหรับพนั กา้ นดอกไม้ ซาติน ผ้าปอ๊ ปปิน้ เป็นต้น หวั นำ�้ หอม ใชส้ ำ� หรบั ใสใ่ นเกสรดอกไมเ้ พอ่ื ใหม้ กี ลนิ่ หอม เหมือนจรงิ สี ใช้ส�ำหรบั ระบายกลบี ดอกไม้ และใบไม้ ซงึ่ จะใช้สี หัวรีด ดา้ มใส่หัวรีด และท่ีวางดา้ มรีด ส�ำหรบั รดี กลบี 2 ชนิด คือ ชนดิ ทล่ี ะลายในน้�ำร้อน ซงึ่ ต้องใช้น�ำร้อนเปน็ ตัว ดอกไม้และใบไมช้ นดิ ตา่ งๆ ทำ� ละลาย และ สชี นดิ ทลี่ ะลายในนำ�้ รอ้ นหรอื นำ้� เยน็ ซง่ึ สามารถ หมอนนิ่ม และหมอนแข็ง ใช้ส�ำหรับรีดกลีบดอกไม้ ใช้น้�ำรอ้ นหรอื น้ำ� เยน็ ก็ได้เพ่ือเป็นตวั ท�ำละลาย และใบไม้ พกู่ นั ชนดิ กลมและแบน ตง้ั แตข่ นาดเลก็ ไปจนถงึ ขนาดใหญ่ กระดาษพันก้าน ใช้ส�ำหรับพันเก็บรายละเอียดของ ถ้วยผสมสี ดอกไม้ แบง่ เป็น 2 ชนดิ คอื กระดาษยน่ และ กระดาษสา ปากคบี กระจกแผน่ หรอื โฟเมกา้ สำ� หรบั ระบายสกี ลบี ดอกไม้ กาวลาเทก็ ซ์ ใชส้ �ำหรบั ตดิ ประกอบชอ่ ใบ และลำ� ตน้ และใบไม้ เขา้ ดว้ ยกนั เหล็กแหลม หรอื ขนเม่น กรรไกรตดั ผา้ และกรรไกรตดั กระดาษ ลวด ใช้ส�ำหรับดามกลีบดอกไม้ ใบไม้ส�ำหรับเข้าช่อ คีมตดั ลวด ลวดที่ใชจ้ ะมีหลายเบอร์ ตงั้ แตเ่ บอร์ 18 - 30 ซ่ึงตอ้ งเลอื กใช้ เครอื่ งตดั กลีบดอกไม้ใบไม้ พรอ้ มแม่พิมพ์ ตามความเลก็ ใหญ่ของดอกไม้ เครือ่ งอดั กลีบดอกไม้ใบไม้ พร้อมแมพ่ มิ พ์ ส�ำลี ใชส้ ำ� หรบั ท�ำดอกไม้ท่มี ีลกั ษณะตมู ใช้เสริมโคน ดอกตูม หรือใช้ส�ำหรับหุ้มด้านในของดอกกุหลาบ หรือในบาง กรณีสามารถใช้ส�ำลีชุบสี แล้วน�ำไประบายกลีบดอกไม้แทน พกู่ นั ใยเสรมิ กา้ น ใชส้ ำ� หรบั พนั เสรมิ กา้ นดอกใหม้ คี วามโดด เด่นตามท่ีต้องการ หรือใช้พันด้านหลังของใบให้มีลักษณะ คล้ายของจริง นิยมน�ำใยเสริมก้านมาใช้แทนกระดาษทิชชู เพราะมคี วามเหนยี ว ทนทาน และราคาถูกกวา่ ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ 6
การดัดกลบี ดอกไม้-ใบไม้ การระบายสี วิธที �ำดอกไมป้ ระดิษฐ์ การทำ� เรณู การตดั กลบี ดอกไม-้ ใบไม้ ใชก้ ระดาษลอกแบบลอกลาย การดามลวด การรีดกลีบ กลบี ดอกไม-้ ใบไมต้ ามทตี่ อ้ งการ ใชก้ รรไกรตดั กระดาษลอกลาย ใหเ้ ป็นรูปทรงกลีบดอกไม้-ใบไม้ จากน้ันน�ำไปวางบนผา้ แลว้ ตัดตามแบบ การผสมสี ผสมสีตามสีของดอกไม้ที่จะท�ำ โดยผสม เปน็ สอี ่อน สกี ลาง และสีแก่ การระบายสี สามารถระบายกลบี ดอก-ใบไมไ้ ดห้ ลายวธิ ี เชน่ การนำ� พกู่ นั จมุ่ สแี ลว้ ระบายลงบนกลบี ดอกไม-้ ใบไม้ หรอื ใช้ส�ำลีจุ่มสีแล้วแตะลงบนกลีบดอกไม้-ใบไม้ และ การใช้ ปากคีบคบี แล้วจมุ่ กลีบดอกไม-้ ใบไม้ลงในจานสี จะทำ� ใหไ้ ด้สี เสมอกันท้งั หมด การท�ำเรณู โดยน�ำแปง้ ขา้ วจ้าวมาผสมนำ้� ใส่สเี หลอื ง ลงไปเล็กน้อย จากนั้นคนให้เข้ากันแล้วน�ำไปผึ่งแดดให้แห้ง เมอ่ื แหง้ ดแี ล้วใหน้ ำ� มาขดู จะไดเ้ ปน็ ผงละเอียด การดามลวด น�ำกลีบดอกไม้ที่ลงสีแล้ววางบนแผ่น กระจก จากนั้นน�ำลวดขนาดที่ต้องการพันด้วยกระดาษย่นสี ขาว แลว้ ใชพ้ กู่ นั ระบายสใี หเ้ ปน็ สเี ดยี วกบั กลบี ดอกไม้ ตดั ลวด ใหย้ าวกว่ากลีบดอกไม้ประมาณครึ่งนว้ิ จากน้นั น�ำไปทากาว แลว้ นำ� มาวางลงบนกลีบดอกไม้ ใชเ้ ล็บกรีดลวดใหต้ ดิ กับผา้ การรีดกลบี ดอกไม-้ ใบไม้ ใชห้ ัวรีดตามแบบทต่ี ้องการ รีดลงไปขนกลีบดอกไม้-ใบไม้ รวมถึงกลีบเล้ียงตามลักษณะ ลายของเส้นใบ ดอกไม้ประดษิ ฐ์ 7
การเข้าดอก การเขา้ ชอ่ และเกบ็ รายละเอยี ด การเขา้ ดอก นำ� เกสรไปตดิ กบั กา้ นลวด โดยใชด้ า้ ยพนั การเข้าชอ่ และเกบ็ รายละเอยี ด นำ�ดอกตมู ดอก ยึดไว้ จากนั้นน�ำกลีบดอกไม้มาติด โดยเร่ิมจากกลีบดอกไม้ แย้ม และดอก จับมาเขา้ ช่อรวมกันตดิ ใบไม้ใบเล็ก ใบใหญ่ ชั้นใน ใช้ด้ายพันยึดไว้ ท�ำเช่นนี้ไล่ไปจนถึงกลีบดอกชั้นนอก ตามความตอ้ งการ จดั แต่งชอ่ ให้เหมอื นจรงิ มากท่ีสุด โดย จากนั้นพันก้านลวดด้วยฟลอร่าเทป เก็บรายละเอียดให้ การตัดแตง่ เก็บรมิ กลีบดอกไมท้ รี่ ยุ่ ออก จากนั้นพันด้วยฟลอรา่ สวยงาม การเข้าดอกน้ีสามารถท�ำได้หลายแบบ ทั้งดอกตูม เทปอีกคร้งั หน่ึง ถอื เปน็ อนั เสรจ็ ดอกแย้ม และดอกบาน ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ 8
กล้วยไมแ้ คทลยี า ควนี สริ ิกติ ิ์ เเตชรัวอื่งิ แงศทรลิ านปวดะดอแอกลกไะไมทมป้ ัก้พรษระะะดขนษิ อาฐมง์ทช่สี า่ ะงท้อน ดอกไมท้ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั พระนามาภไิ ธยในสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ ในรชั กาลที่ 9 ซงึ่ มมี ากมายหลายชนดิ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ ในรชั กาลที่ 9 แตล่ ะชนดิ นน้ั ลว้ นแลว้ แตไ่ ดร้ บั การพฒั นา และปรบั ปรงุ สายพนั ธ์ุ ทรงมคี วามหว่ งใยในเรอื่ งของทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม โดยชาวตา่ งชาติ ในต่างประเทศทง้ั ส้ิน ดงั เชน่ ของประเทศไทย จนไดร้ บั ถวายพระราชสมญั ญาวา่ “พระมารดา แหง่ การคมุ้ ครองความหลากหลายของชวี ภาพ” ดว้ ยพระปรชี า กลว้ ยไมแ้ คทลยี า ควนี สริ กิ ติ ์ิ มตี น้ กำ� เนดิ จากประเทศ สามารถ และพระสริ โิ ฉมอันงดงาม ท�ำใหอ้ งค์กรต่าง ๆ ทง้ั ใน อังกฤษ เป็นกล้วยไม้ท่ีได้รับรางวัลชนะเลิศ The Royal ประเทศและต่างประเทศได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต Horticultural Society ในงานประกวดของสมาคมพชื สวน เชญิ พระนามาภิไธยไปเปน็ ชอ่ื ดอกไมท้ ีไ่ ดร้ บั รางวัลยอดเยย่ี ม อังกฤษ จากน้ันจึงได้มีการขอพระราชทานพระราชานุญาต ประเภทตา่ ง ๆ เพ่ือเฉลมิ พระเกียรติพระองค์ท่าน อัญเชิญพระนามาภไิ ธยของสมเด็จพระนางเจา้ สิริกิต์ิ พระบรม ราชินนี าถในรชั กาลที่ 9 เปน็ ชอื่ กลว้ ยไมพ้ นั ธด์ุ งั กลา่ ววา่ แคทลยี า ควนี สริ กิ ติ ิ์ ไดจ้ ดทะเบยี นเมอ่ื พ.ศ. 2501 และไดท้ รงพระราชทาน พระราชานุญาตให้ใช้ดอกกล้วยไม้แคทลียา ควีนสิริกิติ์ เป็น ดอกไม้สญั ลกั ษณป์ ระจำ� วนั สตรไี ทยซงึ่ ตรงกบั วนั ท่ี 1 สงิ หาคม ของทกุ ปี ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ 9
ดอนญา่ ควีนสริ ิกติ ์ิ กหุ ลาบ ควนี สริ กิ ติ ์ิ ดอนญา่ ควนี สริ กิ ติ ์ิ เปน็ ไมพ้ มุ่ ประดบั ออกดอกเกอื บ กหุ ลาบ ควนี สริ กิ ติ ์ เปน็ กหุ ลาบดอกใหญท่ ม่ี คี วามงดงาม ตลอดทงั้ ปี ลกั ษณะเดน่ คอื กลบี ดอกทง้ั 5 มขี นาดใหญท่ งั้ หมด สีเหลืองสดใส และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไดร้ บั รางวลั ชนะเลิศใน สชี มพอู อ่ น ขอบสชี มพเู ขม้ เปน็ ดอกไมข้ องประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์ การประกวดกหุ ลาบทกี่ รงุ เบลฟาสต์ ประเทศไอรแ์ ลนดเ์ หนอื ซึ่งได้ขอพระราชทานพระนามาภิไธยควีนสิริกิติ์ เม่ือ พ.ศ. ต่อมาจึงได้มีการขอพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญ 2506 เมอ่ื ครงั้ ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี 9 และ พระนามาภิไธย ควีนสิริกิต์ิ เป็นชื่อของกุหลาบพันธุ์น้ี เม่ือ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลท่ี 9 เดอื นสงิ หาคม พ.ศ. 2514 เสด็จพระราชดำ� เนนิ เยือนประเทศฟิลิปปนิ ส์ ดอกไม้ประดิษฐ์ 10
บวั พนั ธุค์ วนี สริ กิ ติ ิ์ นอกจากพรรณไมจ้ ากตา่ งประเทศทไี่ ดร้ บั พระราชทาน ดอกไม้พระนามเหล่าน้ีเมื่อแผนกดอกไม้ประดิษฐ์ พระนามาภิไธยควีนสริ ิกติ แ์ิ ลว้ เม่อื พ.ศ. 2551 – 2554 ใน ศูนยศ์ ลิ ปาชพี บางไทร น�ำเอาดอกไม้พระนามชนดิ ตา่ ง ๆ มา ประเทศไทยได้มีการผสมบัวสายพันธุ์ใหม่ ท่ีมีสีสันแปลกตา ประดิษฐเ์ ปน็ ดอกไมป้ ระดิษฐ์ โดยเร่ิมจากการแกะโครงสร้าง กลบี ดอกมสี ีมว่ ง ซง่ึ มลี ักษณะงดงามแตกตา่ งจากบัวพันธอ์ุ นื่ ๆ ของดอกไมจ้ ากของจรงิ นำ� มาศกึ ษา ยอ้ มสแี ละขนึ้ รปู ใหเ้ หมอื น ไดร้ บั พระราชทานพระราชานญุ าตใหใ้ ชช้ อ่ื วา่ บวั พนั ธค์ุ วนี สริ กิ ติ ์ิ ดอกไม้พระนามของจริงมากท่ีสุด ใช้ความประณีต และความ ตั้งใจในการท�ำต้ังแต่ข้ันตอนการลงสี ข้ึนรูป ติดดอก พันก้าน ยังมีพรรณไม้ไทยท่ีได้ตั้งช่ือตามพระนามของสมเด็จ เมอื่ ไดผ้ ลงานทส่ี วยงามแลว้ จงึ นำ� ขน้ึ ถวายแกส่ มเดจ็ พระนางเจา้ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถในรชั กาลที่ 9 คอื โมกราชนิ ี สิริกิต์ิพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เม่ือพระองค์ทรงเห็น และ มหาพรหมราชินี อีกทั้งเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ชอบแล้ว จึงได้มีการจัดท�ำดอกไม้พระนามในรูปแบบดอกไม้ พระบรมราชนิ นี าถ ในรชั กาลที่ 9 เสด็จพระราชดำ� เนนิ ไปทรง ประดษิ ฐจ์ ำ� หนา่ ย เย่ียมราษฎร ทรงพบเห็นดอกไม้มากมายท่ีเกิดขึ้นในทุ่งหญ้า ปา่ เขาตามธรรมชาติ จงึ ไดพ้ ระราชทานชอ่ื ใหด้ อกไมน้ น้ั ๆ ไดแ้ ก่ ทพิ เกสร สรสั จนั ทร นมิ มานรดี สรอ้ ยสวุ รรณา ดสุ ติ า มณเี ทวา และทรงโปรดเกล้าฯ ให้นักพฤกษศาสตร์ปลูกขยายพันธุ์ ดอกไมป้ า่ ดงั กลา่ ว ภายในบรเิ วณพระตำ� หนกั ทปี่ ระทบั อกี ดว้ ย ดอกไมป้ ระดษิ ฐ์ 11
กจารรกมดวอธิกีกไมาร้พสรระา้ นงาดมอกไมป้ ระดษิ ฐ์ วสั ดุ / อุปกรณท์ ีใ่ ช้ในการประดษิ ฐด์ อกไมพ้ ระนาม (ตัวอยา่ ง ดอกบัวควีนสริ กิ ติ ์ิ และ กุหลาบควนี สิริกิต)์ 1. ลวด 2. กระดาษทิชชู 3. สำ� ลี 4. กระดาษสาย้อมสเี ขียว 5. กระดาษย่น 6. กลีบดอกไม้ 7. เกสรดอกไม้ 8. กาว 9. กรรไกร 10. ผ้าสี ผา้ ซาติน ผ้าก�ำมะหยี่ ผา้ สำ� ลี 11. หัวแรง้ / เคร่ืองรีด ดอกไม้ประดิษฐ์ 12
12. ด้าย ทาวกาวทก่ี า้ นลวด ตดิ กลบี ดอก ขนั้ ตอนการประดษิ ฐด์ อกบัวควีนสริ กิ ิติ์ นำ� ลวดในสว่ นของกา้ นมาทากาว นำ� กระดาษทชิ ชมู าพนั ใหร้ อบแลว้ ใชไ้ มค้ ลงึ เพอ่ื ใหเ้ รยี บสมำ�่ เสมอกนั ทากาวรอบกา้ น อีกคร้งั หนึง่ และพันกา้ นดว้ ยกระดาษย่นสีเขียว นำ� ก้านตรงส่วนปลายดา้ นหนงึ่ มาจุ่มกาว ตดิ โฟมเป็น ฐานเกสร ใชก้ ระดาษสเี ขยี วหมุ้ รอบโฟมใหม้ ดิ ใชป้ ากกาเมจกิ แต้มเป็นลายเกสร นำ� หัวแรง้ มารดี ผ้าท่ตี ัดเป็นรูปเกสรให้เกิด ความโคง้ งอตามทต่ี อ้ งการ นำ� เกสรดอกไมท้ ร่ี ดี แลว้ มาพนั รอบ ฐานดอกบัวพันไล่ระดบั จากเตีย้ ไปสูงประมาณ 4 ช้ัน น�ำกลีบดอกไม้ที่ย้อมสีเรียบร้อยแล้วมาติด พันด้วย ดา้ ยทลี ะกลบี ทำ� ไปเรอ่ื ย ๆ จนได้ช้นั ทหี่ นาตามตอ้ งการ น�ำใบบัวติดเข้าที่ก้าน ทากาวท่ีก้านดอกไม้และใช้ กระดาษสเี ขียวพนั รอบก้าน เก็บรายละเอยี ด และจดั เขา้ ชอ่ ให้สวยงาม เกบ็ รายละเอยี ดเขา้ ชอ่ ดอกไม ้ ดอกไม้ประดิษฐ์ 13
ขนั้ ตอนการประดิษฐก์ ุหลาบควีนสริ ิกิต์ิ รดี ความรอ้ นรดี ลงบนกลบี ดอกไม้ให้เกดิ ความโค้งงอ ตดิ ใบกุหลาบใหเ้ รยี บร้อย นำ� ลวดมาพนั ดว้ ยกระดาษยน่ สเี ขยี วประดษิ ฐเ์ ปน็ กา้ น ใชโ้ ฟมตดั ปลายกา้ นเพอ่ื เปน็ ฐานเกสร ทากาวรอบฐาน เกสร และพันดว้ ยส�ำลเี พอ่ื ให้เป็นทรงดอกตมู ขึ้น น�ำผ้าท่ีตัดเป็นกลีบดอกไม้เป็นรูปร่างแล้วไปจุ่มลงใน น้�ำยาอัดกลีบ ใช้เคร่ืองรีดความร้อนรีดลงบนกลีบดอกไม้ให้ เกดิ ความโค้งงอ น�ำกลีบกุหลาบท่ีรีดแล้วไปติดลงบนก้านที่เตรียมไว้ ประกอบเข้าจนได้ขนาดดอกตามท่ตี อ้ งการ นำ� ใบประดษิ ฐ์ตดิ ตลอดกา้ นเวน้ ระยะห่างประมาณ 1 น้ิว ทากาวรอบก้านดอกไม้ และพันรอบก้านดอกไม้ด้วย กระดาษสเี ขียว เกบ็ รายละเอียดจดั เข้าชอ่ ใหส้ วยงาม ตดื ก้านดอกใหเ้ รียบร้อยสวยงาม ดอกไม้ประดิษฐ์ 14
งานหตั ถกรรมดอกไมป้ ระดษิ ฐน์ บั เปน็ อาชพี อยา่ งหนง่ึ ในประเทศไทยที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ และ สามารถน�ำไปประกอบอาชพี ได้ โดยเปน็ ได้ทัง้ งานหลัก และ งานอดเิ รก เพราะงานประดษิ ฐด์ อกไมน้ ถี้ อื เปน็ งานทสี่ ามารถ ใช้เวลาว่างจากการท�ำงานหลักมาท�ำได้ และเป็นอาชีพที่ สามารถแสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรมประจ�ำท้องถิ่น และ ประจำ� ชาตไิ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี ทงั้ ยงั เปน็ อาชพี ทส่ี ามารถเสรมิ สรา้ ง รายไดใ้ หม้ น่ั คง และยงั ถอื เปน็ การชว่ ยสง่ เสรมิ งานหตั ถกรรม ประเภทนี้ให้เป็นท่ีรู้จักแพร่หลายและอนุรักษ์ให้คงไว้ เป็น มรดกทางวัฒนธรรมไทยสืบตอ่ ไป ดอกไมป้ ระดิษฐ์ 15
แหลง่ ที่มาข้อมลู และเอกสารที่ใช้ในการอา้ งอิงการจัดทำ� ข้อมูล สมั ภาษณค์ ุณวไิ ลวรรณ ลายถมยา , แผนกดดอกไมป้ ระดิษฐ์ (ประดิษฐด์ อกไมพ้ ระนาม) สวนจิตรลดา พื้นที่ปฏบิ ัติงาน ณ ศนู ยศ์ ลิ ปาชีพบางไทรฯ หนังสอื ดอกไม้ประดิษฐ์ : สมพร ยิ่งเจรญิ , หนังสือดอกไม้ประดิษฐ์จากวสั ดธุ รรมชาติ : ยพุ นิ สวุ รรณวิวฒั น์ , www.royalparkrajapruek.org , www.panmai.com , www.rtificialflowers.blogspot.com , www.book.baanlaesuan.com ดอกไม้ประดษิ ฐ์ 16
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: