Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน

นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน

Published by CHOLLADA KORABANLONG, 2020-12-28 04:27:55

Description: นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน

Search

Read the Text Version

50 “ลยุ ยยยย...” สุดทา้ ยเมืองเชียงโสมก็พ่ายแพ้และพญาจันทะราชเสยี ชวี ิตระหว่างทาศึก ฝ่ายนางฟา้ หยาดรู้ขา่ วก็ ตรอมใจจนเสียชีวติ “พระธดิ าเพค่ะๆ” “ว่าจั่งไดล๋ ่ะเอื้อง มีเร่ืองดว่ นหยงั คือมาฟา้ วแท้ เอา่ ใจเย็นๆ ค่อยๆ เวา้ ” “เฮด็ ใจดีๆ เด้อเพค่ะพระธดิ า คอื วา่ …พญาจนั ทะราชส้ินแล้วเพค่ะ” “บแ่ มน่ เรอ่ื งจรงิ แมน่ บเ่ อื้อง ฮอื ๆๆ เสดจ็ พ่อกับพญาจนั ทะราชคือเฮ็ดแบบน้ี ในเมื่อพญาจนั ทะราชบอ่ ยู่แลว้ สิ ให้ฟ้าหยาดอย่ไู ปเฮ็ดหยงั ฟา้ หยาดขอตายดีกว่า” เจา้ เมืองฟ้าเเดดจึงจดั พิธีศพทั้งสองพร้อมกันอย่างสมเกียรติ แต่น้นั มาเมืองเชยี งโสมจงึ ต้องส่งสว่ ยให้ เมอื งฟา้ เเดด เป็นเวลา 6 ปี ต่อมาพญาธรรมกษตั ริยผ์ นู้ ้องของพญาจนั ทะราชได้ครองเมือง และยกทัพมาตี เมืองฟา้ แดดเปน็ การแกแ้ คน้ การศกึ คร้งั นี้ เมืองฟ้าเเดดพ่ายแพ้ในสงคราม จึงต้องสง่ ส่วยใหเ้ มืองเชียงโสม ต้งั แต่นน้ั มา

51 นางหมาขาว มีสองผวั เมียอาศัยอยใู่ นหมบู่ า้ นจันทคาม ซึ่งฝ่ายเป็นเมียนน้ั ไดท้ ้องแก่จวนคลอดแลว้ …แต่ในตอนน้นั เกิดโรคระบาด ผู้คนลม้ ตายเป็นอนั มาก สองผวั เมียจึงชวนกันอพยพหนจี ากหมบู่ า้ นมาอยู่กลางป่า แล้วตอ่ มา เมยี ก็คลอดลูกออกมาเป็นลูกแฝดเปน็ ผูห้ ญิงสองคน…แลว้ นางกส็ นิ้ ใจตายไป ส่วนสามอี ยูม่ าไม่นานก็ตรอมใจ ตายตามไป…ปล่อยใหเ้ ด็กทารกเกิดใหม่ทงั้ สองร้องไห้อยใู่ นป่าเชน่ นัน้ … ตอ่ มามีหมาขาวตวั หนงึ่ เป็นตัวเมยี ออกมาหากนิ …มาเห็นเด็กทง้ั สองก็เกดิ สงสารจึงเอาไปเล้ียงเปน็ ลกู กลายเปน็ “แมห่ มาขาว”…ใหก้ นิ นมของตวั เองและหาอาหารให้กินเล้ยี งจนเติบโตมาเป็นสาว…ทกุ วนั นางหมาขาวตวั นีจ้ ะ พาลูกสาวทั้งสองออกไปหากินในป่าด้วย ในวนั หนงึ่ เกดิ พายุพัดให้นางหมาขาวต้องพลัดพรากจากลูกไป…ลูกสาวทั้งสองก็โดนลมพัดไปถงึ เขต บ้านนายพราน เม่ือนายพรานเห็นหญงิ สาวท้ังสองงดงามมาก…อยากไดร้ างวัลจงึ นาหญิงสาวทง้ั สองขนึ้ ถวายแก่ พระราชาซงึ่ ยังโสดอยู่…พระราชามพี ระอนชุ าซึ่งยงั โสดเหมือนกัน ฝา่ ยพระราชาก็ไดผ้ ้พู ่ีเปน็ มเหสี ฝา่ ยอนชุ าก็ รบั ผู้น้องเปน็ ชายา ขณะน้นั แมน่ างหมาขาวซ่งึ พลัดพรากจากลูกมาเปน็ เวลานาน…ก็ได้แตร่ ่าไหค้ ิดถงึ ลูกและออกตดิ ตาม หาลูก จนไดย้ ินข่าววา่ นายพรานเป็นผู้อุปการะเลยี้ งดลู กู สาวต่อจากตน…จึงมาหานายพรานเพือ่ ถามหาลูกสาว และได้เล่าวา่ เหตุการณเ์ ปน็ มาอย่างไร… เมื่อนายพรานทราบก็เกิดความสงสาร บอกบอกความจริงและพานาง มาขาวไปหาลูกสาวที่ในวัง เม่ือพามาถงึ พระราชวงั นายพรานก็ทูลพระราชาตามความจรงิ …แต่พระมเหสนี ัน้ อบั อายขายหนา้ … เกรงว่าคนจะรวู้ า่ ตนเป็นลูกของหมาขาว…จงึ ทูลเทจ็ ต่อพระสวามไี ปว่า”ไม่เป็นความจรงิ ”… พร้อมทั้งขบั ไล่ นายพรานและหมาขาวออกไป แต่นางหมาขาวไม่ยอมไปพรอ้ มทัง้ อธิบายว่าตนคือแม่ของมเหสี ส่วนมเหสหี รอื ลูกสาวคนโตของนางหมาขาว…นางก็ปฎิเสธไมย่ อมรับพร้อมทัง้ ดา่ เตะถบี ใช้ไม้ทบุ ตีแม่นางหมาขาวจนนาง หมาขาวนอนลม้ ลง…แลว้ ก็เอานา้ ร้อนๆที่ต้มเดือดสาดใสแ่ ม่นางหมาขาวท่ีนอนเจ็บอยู่ นางหมาขาวได้รบั ความ เจบ็ ปวดแสนสาหสั …

52 นายพรานเหน็ ท่าไม่ดีจงึ รีบนาหมาขาวไปทว่ี งั ของลูกสาวคนเลก็ เมื่อลกู สาวคนเล็กเหน็ หมาขาวกจ็ าได้ ทนั ทวี ่าเปน็ แม่หมาขาวของตน จึงรบี มากอดและอมุ้ แมห่ มาขาวทันทีและรีบพาไปรักษา แต่นางทนพษิ บาดแผลไม่ไหวจึงส้ินใจตาย กอ่ นตายนางบอกว่าห้ามเผาหรอื ฝงั ใหเ้ กบ็ กระดูกแม่ไว้บูชาในวงั ลูกสาวคนเล็กก็ทาตามเก็บกระดูกแม่ใสไ่ หเอาไวบ้ นห้งิ บชู าเป็นประจาในวันพระวนั สาคญั มไิ ดข้ าดแล้วก็ ทาบุญสุนทานอทุ ิศสว่ นบญุ ให้แมเ่ ปน็ ประจา อยูต่ ่อมาเกิดอัศจรรย์กระดูกของแม่กลายเปน็ ทองคา ข่าวน้เี ลื่องลือไปถึงผเู้ ป็นพสี่ าว…พส่ี าวก็มาขอ สว่ นแบง่ ทองคา…แต่น้องไมย่ ินยอมใหจ้ งึ เกดิ โตเ้ ถยี งกันจนรู้ไปถงึ หูพระราชา…พระราชาจงึ ไดเ้ รยี กทง้ั สองเข้า มาถามความจรงิ … ในที่สดุ ความจริงกป็ รากฎ… พระราชาโกรธท่พี ระมเหสขี องพระองค์ทลู เทจ็ และเป็นคน อกตัญญตู อ่ ผู้มีพระคุณ…จึงตัดสนิ ให้ประหารชวี ติ เสีย!!…สว่ นน้องสาวได้อยู่ในพระราชวังดงั เดมิ และมีชวี ติ ท่ี ร่มเยน็ เปน็ สขุ ตลอดไป

53 ท้าวววั ทอง กาลครงั้ หนง่ึ ยังมนี ายพรานอาศัยอยใู่ นป่ากบั ภรรยา มีลกู ชายชอ่ื วา่ ท้าวอ่นุ หล้า และมีสัตว์เลี้ยงตวั หนงึ่ คอื ววั ทอง นายพราน : อุ่นหล้าๆ ลกู อยู่ไหน ? อุ่นหล้า : อยนู่ ่จี ้ะพ่อ นายพราน : เจ้าช่วยพาเจ้าววั ทองไปกนิ หญ้าดว้ ยนะลกู พ่อจะไปล่าสัตว์ในปา่ อุ่นหลา้ : จ้ะ ลกู จะดแู ลเจ้าวัวทองเอง นายพราน : อนุ่ หล้าๆ ลกู อยู่ไส ? อ่นุ หลา้ : อยูน่ ีจ้ ้ะพ่อ นายพราน : เจ้าสอ่ ยพาเจ้าวัวทองไปกนิ หญา้ นาเด้อลูก พ่อสิไปลา่ สตั ว์ในป่า อุ่นหล้า : จ้ะ ขอ่ ยสิเบ่ิงเจา้ วัวทองเอง ตอ่ มานายพรานได้นางผีปอบมาเป็นภรรยาอกี คน นางผีปอบก็ได้จับภรรยาคนแรกของนายพรานกิน ขณะนนั้ วัวทองกบั ท้าวอนุ่ หล้าผา่ นมาเห็น แลว้ เกดิ ความหวาดกลวั จงึ ไดพ้ ากนั หลบหนีไป (เสียงเกิดขึน้ ในบา้ น) โคร่ม !!!!!!!!! อนุ่ หลา้ : เสียงอะไรกันนะ ? เจ้าวัวทองรบี ไปดูกนั เถอะ วัวทอง : ท้าวอนุ่ หล้า นั่นมนั นางผีปอบ กาลงั ฆา่ แม่ของทา่ น อ่นุ หล้า : ฮือๆ น่ากลวั เหลอื เกิน ววั ทอง : ขา้ จะพาท่านหนไี ปจากท่ีน้เี อง (เสียงเกดิ ข้นึ ในเฮือน) โคร่ม !!!!!!!!! อ่นุ หลา้ : เสยี งอหิ ยังน้อ ? เจ้าววั ทองฟา้ วไปเบงิ่ ป่ะ วัวทอง : ทา้ วอนุ่ หล้า นั่นมันนางผีปอบ กาลงั ฆา่ แม่ของเจ้าเดะ อนุ่ หลา้ : ฮอื ๆ เป็นตายา้ นคกั วัวทอง : ข่อยสิพาเจ้าหนีไปจากหมอ่ งน้ีเอง

54 ระหวา่ งทางววั ทองได้เห็นงซู วงกับพญานาคต่อสกู้ ันอยู่ ววั ทองจึงได้เข้าไปชว่ ยงูซวง จนได้รับชยั ชนะ (ฉากต่อสู)้ วัวทอง : พวกท่านไดโ้ ปรดชว่ ยขา้ ตอ่ สู้กับเจ้าพญานาคด้วยคาถาน้ี และไดโ้ ปรดสง่ เสียงดังๆดว้ ยเถดิ บงิ ซ!ู บิงซ!ู บิงซ!ู บิงซ!ู บิงซ!ู บิงซ!ู บิงซ!ู บิงซ!ู บิงซู! (พลงั เพ่มิ มาก) พญานาค : โอย๊ ๆ ขา้ ยอมแลว้ ๆ ววั ทอง : เย้! ชนะแลว้ ข้าขอบใจพวกท่านมากนะท่ชี ว่ ยขา้ ววั ทอง : พวกเจ้าส่อยข่อยสู้กับพญานาคแหน่ เว้าคาถาน้ดี งั ๆ เดอ้ บงิ ซ!ู บิงซ!ู บิงซ!ู บงิ ซ!ู บิงซ!ู บิงซ!ู บิงซ!ู บิงซ!ู บิงซู! (มีพลังหลายขึน้ ) พญานาค : โอ๊ยๆ ข่อยยอมแล้ว ๆ ววั ทอง : เย้! ชนะแล้ว ข่อยขอบใจพวกเจา้ หลายเด้อที่มาส่อยข่อย ววั ทองกบั ทา้ วอุ่นหล้าได้เจอกับหญิงชราเฝา้ สวนกษตั ริย์จงึ ได้ขอพกั อาศัยอยดู่ ว้ ย “ได้โปรดชว่ ยให้ท่ี พักพงิ แกพ่ วกขา้ ด้วยเถดิ ทา่ นยาย” “ได้สหิ นู” ววั ทอง : ท่านอนุ่ หลา้ นน่ั กระท่อมขา้ คดิ ว่าน่าจะมีคนอาศยั อยู่ อุน่ หลา้ : ใชจ่ ริงๆ ดว้ ย ไปดกู ันเถอะ วัวทอง,อนุ่ หล้า : มีใครอยู่ไหมจะ้ ๆๆ ๆๆๆ ๆ ยาย : ใครมาเอะอะโวยวายแถวนี้ อ้าว !!! พวกเจ้าเปน็ ลูกเต้าเหล่าใครกนั ววั ทอง,อุ่นหล้า : ท่านยาย พวกขา้ ไมม่ ที ่ีไปไดโ้ ปรดใหพ้ วกข้าได้พกั อาศยั กับทา่ นยายด้วยเถดิ ยาย : ได้สิลูก มาข้ึนมาบนกระท่อมก่อน วัวทอง : ท่านอุ่นหล้า นัน่ กระท่อมข่อยคดิ ว่าน่าจะมีคนอาศัยอยู่ อุ่นหล้า : แมน่ ๆ แม่นอิหลี ฟ้าวไปเบง่ิ ปะ่ วัวทอง,อนุ่ หล้า : มีผัยอยบู่ จ่ ะ้ ๆๆ ๆๆๆ ๆ

55 แม่ใหญ่ : ผัยมาเอะอะโวยวายแถวน้ี อา้ ว !!! พวกเจา้ เป็นลกู หลานไผ วัวทอง,อนุ่ หลา้ : แม่ใหญพ่ วกขอ่ ยบม่ หี ม่องไปเจา้ ใหพ้ วกขอ่ ยอยู่นาแหนเ่ ด้อ แมใ่ หญ่ : ไดๆ้ ขนึ้ มา เทงิ กระทอ่ มกอ่ น ท้าวอุน่ หล้าได้ไปเทยี่ วชนวัวเพ่อื แลกขา้ วห่อมาเลี้ยงชีวติ หลานเจา้ เมืองได้ยินข่าวก็ได้มาท้าชนวัวกับ ท้าวอุ่นหลา้ ผลปรากฏวา่ หลานเจา้ เมืองแพ้ จึงทาให้เจา้ เมืองไม่พอใจเช่นกัน ววั ทอง : ขา้ ชนะแล้ว อุ่นหล้า : เจ้าเก่งมากววั ทอง เจา้ เมือง : ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าชนะหลานข้าหรอก ววั ทอง : ข่อยชนะแล้ว อุน่ หล้า : เจา้ เกง่ แฮงวัวทอง เจ้าเมือง : ข่อยบ่ยอมใหพ้ วกเจา้ ชนะหลานขอ่ ยดอก เจ้าเมืองได้ท้าให้ววั ทองไปสู้กับปลิงทต่ี ัวเองเลี้ยงไว้ ท้าววัวทองกับปลงิ ใหญส่ ้กู นั จนตายท้ังคู่ ววั ทองก็ ไดไ้ ปเกดิ เป็นเทพพระบตุ รในสวรรค์ และคอยช่วยเหลอื ท้าวอุ่นหลา้ ใหพ้ ้นจากการจองเวรของเจ้าเมืองอยู่เสมอ ววั ทอง : โอย๊ !! ขา้ ไม่ไหวแล้ว อุ่นหลา้ : ฮือๆ ไมน่ ะวัวทอง เจา้ ตอ้ งไมต่ าย ฮอื ๆ ววั ทอง : ท่านอุ่นหล้าข้าจะคอยปกปอ้ งเจ้าตลอดไป ปลิง : โอ๊ยๆ ทรมานเหลือเกนิ (ในท่ีสุดก็ตาย) วัวทอง : โอ๊ย!! ข่อยบไ่ หวแลว้ อนุ่ หลา้ : ฮือๆ บเ่ ด้อววั ทอง เจ้าต้องบ่ตาย ฮอื ๆ วัวทอง : ทา่ นอุ่นหล้าข่อยสปิ กป้องเจ้าตลอดไป ปลิง : โอย๊ ๆ ทรมานแฮง (ในท่สี ดุ กะตาย)

56 เจา้ เมอื งไดแ้ กลง้ ใช้ทา้ วอนุ่ หล้าสารพัด โดยใหไ้ ปถางป่าภายในหนง่ึ วนั สรา้ งเจดีย์ภายในหน่ึงวนั และสรา้ ง สะพานเงินสะพานทองภายในหน่งึ วัน เทพบุตรวัวทองกไ็ ด้ทาภารกจิ จนสาเรจ็ เจา้ เมอื ง : อ่นุ หล้า เจ้าจงไปถางปา่ สรา้ งเจดยี ์ สะพานเงนิ สะพานทองใหส้ าเร็จในหนึง่ วนั เดี๋ยวนี้!! ทา้ วอนุ่ หล้า : ได้ ข้าจะทาให้สาเรจ็ ภายในวนั นี้ เจา้ เมอื ง : อนุ่ หล้า เจ้าไปถางปา่ สรา้ งเจดีย์ สร้างสะพานเงินสะพานทองใหม้ นั แล้วภายในมอ้ื นี้เด้อ ทา้ วอุ่นหล้า : ไดๆ้ ขอ่ ยสเิ ฮ็ดใหม้ ันแล้วมื้อนีล้ ่ะ เมอื่ สรา้ งเสร็จแลว้ เจ้าเมืองกไ็ ปยนื บนสะพาน แต่แล้วสะพานก็หักลง ทาใหเ้ จ้าเมอื งเสยชีวติ เจ้าเมือง : นห่ี รอื สะพาน !! “สะพานหัก ” โครม่ ม มมมมม ม เจ้าเมอื ง : น่เี บาะสะพาน !! “สะพานหัก ” โครม่ ม มมมมม ม จากน้นั ชาวบา้ นกไ็ ดเ้ ชญิ ท้าวอนุ่ หลา้ ขนึ้ เป็นเจา้ เมอื ง ครนั้ ไดเ้ ป็นใหญ่แล้วท้าวอุ่นหล้ากไ็ ม่ลมื คุณบิดา มารดา จงึ ได้ไปรับทา่ นมาอยู่ดว้ ยอย่างมีความสขุ ชาวบา้ น : ท้าวอุ่นหล้า พวกเราขอให้ท่านได้เปน็ เจา้ เมืองปกครองพวกเราเถดิ ท้าวอ่นุ หลา้ : “ขอบใจพวกเจ้านะ” ท้าวอนุ่ หลา้ : พอ่ แม่ ข้าได้เป็นเจ้าเมอื งแล้ว ไปอยูด่ ว้ ยกนั กบั ข้าเถดิ พอ่ แม่ : ลกู รกั เจา้ ชา่ งกตญั ญูจริง ชาวบา้ น : ทา้ วอุน่ หลา้ เจา้ มาเปน็ เจา้ เมืองปกครองพวกข่อยเถาะ ท้าวอุ่นหลา้ : “ขอบใจพวกเจ้าหลายๆเด้อ” ท้าวอนุ่ หลา้ : พ่อแม่ ขอ่ ยไดเ้ ป็นเจา้ เมืองแลว้ พวกเจ้าไปอยนู่ าข่อยเด้อ พอ่ แม่ : ลกู ฮกั เจา้ นี้กตัญญูอิหลี

57 ทา้ วนกกระจอก กาลครัง้ หนง่ึ มีนกกระจอกสองผวั เมยี อาศัยอยู่ในหนวดของฤๅษี ม้ือนึง พ่อนกออกไปหาอาหารมา ให้ ลูกกบั เมียกนิ แม่นก “เจา้ ฟ้าวไปฟ้าวมาเด้อเฒา่ ข่อยกบั ลูกสิถ่าอยฮู่ ัง” พอ่ นก “ไดจ้ ้า” พอ่ นกฟ้าวออกไปหาอาหารจนพอ้ แต่พ่อนกกลบั บไ่ ด้ย้อนว่าติดอยูใ่ นดอกบัว พ่อนก “โอ๊ยๆ ข่อยคือออกบ่ได้ ลกู เมยี ข่อยถ่าอยู่ฮัง สเิ ฮ็ดจังไดน๋ อ้ บาดหนิ” พ่อนกพยายามดิ้น หาทางออกจากดอกบัวจนได้ แลว้ ฟา้ วกลบั ไปหาลกู เมียอยฮู่ ัง พอ่ นก “ แม่จา๋ พ่อกลบั มาแล้ว” แมน่ ก “เจา้ บ่ต้องมาเว้าเลย เจ้าหายไปไสมาบ่กลบั บ้านกลับซ่อง ลกู เมียถ่าอยู่ฮัง สิอยู่สิกินจั่งไดเ๋ จ้าบ่คดึ นา เลยบ้อ” แมน่ กโมโหเป็นฟนื เป็นไฟ บย่ อมฟังคา อธิบายของพ่อนกเลย ย่อนเขา้ ใจวา่ พ่อนกนอกใจ บฮ่ ักเจา้ ของ แลว้ พอ่ นกเลยบอกเมยี วา่ “ขั่นข่อยนอกใจเจ้า ขอให้ข่อยมบี าปเท่าฤๅษี” ฤๅษีได้ยนิ แบบนั้นแล้ว ฤๅษีกะเคียดคัก เลยถามนกสองผวั เมียว่า “ข่อยบาปหมอ่ งได๋” นกสองผวั เมยี เลยตอบไปวา่ “กะย่อนว่าเจ้านน่ั บ่มีเมีย บ่มีลกู ไว้สืบสกุล บม่ คี นเฮ็ดบุญให้ ตายไปเจ้ากะต้อง ตก นรก” ฤๅษีได้ยินเคียดคกั โมโห ไลน่ กสองผวั เมียออกจากหนวด ฟ้าว แล่นไปหาเอาเมยี พอถกื ไล่หนี นกสองโตกะพาลูกหนไี ปอยู่ในปา่ จนมื้อนงึ เกดิ ไฟไหมป้ ่า พอ่ นกกบั แมน่ กได้สญั ญากันไวว้ ่า สิบ่ถิม่ กัน จนไฟลามมาฮอดฮงั พอ่ นกทนความฮ้อนบไ่ ด้ บนิ หนีปา๋ ลูกเมียออกจากฮัง แม่นกกะเลยฮอ้ งว่า “ไสว่าสิ บถ่ ม่ิ กนั ไสว่าสมิ ีกันและกัน ไสวา่ สิฮักแพงกัน ไสว่าสมิ ีกันตลอดไป ฮืออออ เกดิ ชาตหิ นา้ ขอ่ ยขอ สัญญาวา่ สิบ่ เว้านา ผชุ ายคนไดท๋ ้งั ส้นิ ” แล้วแมน่ กกะกอดลกู ตายคาฮัง

58 ชาตติ อ่ มาเทวดากะเปน็ ใจให้นกสองผัวเมียไดม้ าเกดิ เป็นคน แมน่ กเกิดมาเป็นลูกสาวเจา้ เมอื งเมอื ง หน่ึง มีชื่อ ว่า นางจันทจร มรี ปู รา่ งหน้าตาสวยงามแต่บย่ อมเว้านา ผู้ชายได๋ พ่อนกได้เกิดมาเป็นหนุ่มรปู งาม ลูกเจา้ เมือง อกี เมืองหนงึ่ มชี ่ือว่า ท้าววรกิต พอ่ ของนางจันทจรทนบ่ได้ เห็นลูกสาวบเ่ วา้ นา ไผจงึ บอกทหารไปประกาศวา่ “ประกาศๆ มเี งินสอง บาท เก็บไดข้ า้ งโต๊ะ แฮ่!!! บ่แมน่ ท่านเจา้ เมืองให้มาบอกวา่ “ผู้ไดส๋ ามารถเฮด็ ใหน้ างจนั ทจรเว้าได้ สิยกนางให้ เป็นเมยี ทนั ทีเลย” ทา้ ววรกิตไดย้ นิ ข่าว เลยอาสาไปซอยเฮด็ ให้นางเว้าได้ ย้อนวา่ เจา้ ของมีวชิ าถอดจิตติดโต หวังสริ ักษานางได้ พอไปฮอดเมือง ท้าววรกติ กะไดเ้ ร่ิมรักษาโดยการเว้านิทานให้นางจนั ทจรฟัง แต่เปน็ นิทานทใ่ี สร่ ้าย ผหู้ ญงิ ว่าเป็นผ้หู ญงิ นนั้ บด่ ี งีเ่ งา่ เวา้ บม่ ว่ น ชวนหาแตเ่ ร่ือง แต่นางกะบ่ยอมปริปากเวา้ นา ท้าววรกิตกะเลยเว้า เรื่อง นกกระจอกสองผัวเมยี ทา้ ววรกิตแกล้งเวา้ ผดิ ในตอนสดุ ทา้ ยของเรื่องวา่ “นกโตเมียนั้นบร่ กั ษาสัญญา ถิ่ มลกู กับผัว บินหนเี อาโตรอดผเู้ ดยี ว ใหผ้ วั กบั ลูกตายคากองไฟ” นางจนั ทจรไดย้ ินนางกะเลยโมโห ตอบกลับไป ว่า “ บแ่ มน่ เด้หละ นกโตผู้น่ันละ่ บินหนี ถิ่มลูกเมยี ตายคาฮัง” เจา้ เมืองดีใจเหน็ ลูกสาวเวา้ ได้ บ่ลืมสัญญาท่ี สิ ยกลกู สาวใหท้ ้าววรกติ ท้งั สองคนกะเลยได้แตง่ งาน อย่กู ินนา กนั อยา่ งมคี วามสขุ จุ๊กกรู.๊ .......

59 นางแตงอ่อนกับทา้ วมหาวงศ์ ณ เมืองนครศรี มีเจา้ เมืองนามวา่ พระยาโกศรี มเหสนี ามว่า ทองแดง และมโี อรสนมว่า วา่ มหาวงศ์ ทา้ วมหาวงศ์ ท้าวมหาวงศ์ชอบเลน่ กีฬาชนไก่ วนั หนึง่ พระองค์ทรงไปต่อไก่ในปา่ กับขุนสี่คน คือ ขุนเครือ ขนุ คาน ขุนเคง่ และขุนทุ่มภู่ ไดธ้ ดิ าจระเขม้ ีนามชือ่ ว่านางแตงอ่อน ผูม้ รี ูปกายเป็นมนุษยม์ าเปน็ มเหสี ต่อมานางแตง ออ่ นไดป้ ระสูตโิ อรส เม่อื ทา้ วมหาวงศ์ไปคล้องชา้ งในปา่ นางจงึ ไดถ้ ูกหมมู่ เหสีทั้งหลายเปล่ยี นโอรสของนางเปน็ จระเข้ และนาโอรสจรงิ ๆ ไปลอยนา้ เทพธดิ าจึงได้นาไปเลี้ยงไวบ้ นสวรรค์ และต้งั ชอ่ื ว่า สุรยิ ง สว่ นนางแตงอ่อนน้ันถกู สามีขงตนไล่ออกจากเมืองเพราะเข้าใจวา่ ประสูตโิ อรสเป็นจระเข้ นางแตง ออ่ นจงึ กลบั ไปที่เมืองนาค พบกุมภาพีช่ ายของจนท่ีปกครองเมืองนาคสบื มาต่อจากบิดา พอพช่ี ายของนางรบั รู้ ขา่ วด้วยความสงสาร จงึ ไดม้ อบเมืองให้กอระกันผ้เู ป็นน้องชายปกครองต่อ ส่วนตนกบั นางแตงอ่อนได้บวชเป็น ฤาษี เพื่อเรียนวิชาแก้แคน้ มหาวงศท์ ข่ี บั ไลน่ ้องสาวตน ส่วนสรุ ยิ งนนั้ ได้ศึกษาวชิ าการต่างๆ และได้ลงมาพบกับ มารดาของตนน้ันได้ถูกยกั ษล์ ักพาตัวไป จึงไดต้ ามหามารดาคนื และรบกบั ยักษจ์ นได้ชัยชนะกลบั มา สรุ ิยงได้ นางปทมุ มา นางอินทะวงศ์ นางหยาดคา และนางคาไหล เป็นภริยา ซงึ่ ยักษน์ ัน้ ได้ลักพาตัวมาไว้ สรุ ยิ งจงั ได้พา มารดากลบั เมือง เม่ือมหาวงศ์ไดท้ ราบความจรงิ ว่านางแตงอ่อนถูกใสร่ ้ายและสรุ ยิ งนั้นคือลกู ของตน จึงได้ปรบั ความเข้าใจกัน ท้งั สามจึงได้อย่ดู ว้ ยกันอยา่ งสขุ สนั ต์ในบน้ั ปลายชวี ติ และครองคู่เมืองนครศรสี ืบมา

60 กาฬเกด ณ เมอื งพาราณสี พระสุริวงษ์ทาพิธีบวงสรวงขอลูกกับพระสักเทวราช “โอมมมมมมมม จงบังเกดิ ” พระสักเทวราชไดส้ ่งเทพธดิ ากบั เทพบตุ รมาให้เป็นเน้ือคูก่ ัน ซง่ึ เทพพระบุตรมา เกิดเปน็ โอรสของพระสุรวิ งษ์ มีนามวา่ กาฬเกด เมอ่ื กาฬเกดเตบิ ใหญ่ กไ็ ด้ออกไปเทีย่ วเลน่ นอกเมือง จนกระทั่ง ถึงเมืองผมี นต์ ซ่ึงเจา้ เมืองน้นั มลี ูกสาวทหี่ นา้ ตาดี งามหยดยอ้ ย นามว่ามาลีจนั ทร์ กาฬเกดแอบเขา้ ไปหานาง มาลจี นั ทร์ และแอบทาเชน่ นี้เรอ่ื ยมา จนความทราบถงึ ทา้ วผีมนต์ เกดิ การสรู่ บกนั กาฬเกดพลาดทา่ ก่อนตาย ไดก้ าชบั แกน่ างมาลีจนั ทร์วา่ ถ้าตาย อยา่ เผาศพ ใหเ้ อาใส่แพรลอยน้าไป “อย่าเผาพี่ถา้ พ่ีสนิ้ ใจ อยา่ เผาร่างพี่ นะ ใหเ้ อาร่างพี่ไปลอยนา้ พรี่ ักเจา้ นะมาลีจนั ทร์” ศพของเทา้ กาฬเกดลอยไปตามน้าจนไปถึงอาศรมพระฤาษี แล้วพระฤาษีมาพบเข้า “เอ๊ะ ใครมาลอย นา้ เล่นแถวนนี้ ะ” “เอ๊ะ ไอน้ ้ีชะตาตอ้ งกบั เราน่ีหว่า” พระฤาษีจงึ ร่ายมนตช์ บุ ชีวติ ใหฟ้ ้ืนขึ้นมา “โอมมมมม พุททัง กาละมงั ซักผ้า โอมม บุญมบี ญุ มาจงบังเกิด” ท้าวกาฬเกดฟืน้ ข้ึนมาแล้วจงึ เรยี นศาสตราศิลปอ์ ย่กู ับ พระฤาษี จนสาเร็จแลว้ ลาพระฤาษีกลับไปหานางมาลจี นั ทร์ใหม่ ท้าวผมี นตท์ ราบขา่ วอกี จงึ เกิดการรบกัน ใน ที่สุดทา้ วผมี นตแ์ พจ้ งึ ยกเมอื งและลูกสาวคือนางมาลจี นั ทร์ใหแ้ ก่ท้าวกาฬเกด “ในเม่ือข้าเปน็ ฝ่ายแพ้ ขา้ จะขอ ยกลูกสาวและเมืองใหเ้ จา้ น้ันดูแล” ทัง้ คู่อยูท่ ่นี น้ั ไมน่ านก็พานางมาลีจนั ทรเ์ ดนิ ทางกลับบ้านเกดิ คือเมือง พาราณสี คืนหน่งึ เดินทางมาถึงรม่ ไม้ใหญจ่ งึ หยุดนอน ณ ที่น้นั ได้มี “นางกินร”ี ๓ ตนซ่งึ เปน็ ลูกเล้ยี งของพระ ฤาษไี ด้มาพบทา้ วกาฬเกดเข้ากห็ ลงรัก ดงั นน้ั นางทั้ง ๓ จงึ อุ้มเอาท้าวกาฬเกดหนีไป เมือ่ ท้าวกาฬเกดตน่ื ขึ้นมา พบนางทั้ง 3 จึงอยู่กบั นาง สว่ นนางมาลีจนั ทร์เม่อื ต่ืนข้นึ มาไม่พบทา้ วกาฬเกดจึงออกตามหา นางมาลีจันทร์พบกบั ท้าวอสูรยเ์ ขา้ ทา้ วอสรู ย์จงึ เอานางมาลจี ันทร์ไปเลยี้ งเป็นบุตรบญุ ธรรม สว่ นทา้ วกาฬเกดจึงออกตามหานางมาลีจันทรจ์ นพบ กันที่เมืองทา้ วอสูรย์ โดยในระหว่างทางได้พบยักษ์หลายตน การะเกดได้รบกับยักษ์จนเอาชนะได้ ขณะนัน้ ไดม้ ี “ยกั ษ์กุมภัณฑ์”ตนหน่ึงมาเหน็ นางมาลีจนั ทร์คิดรักใคร่ จงึ ลกั พาอุม้ เอานางไป กาฬเกดจงึ ออก ติดตามไปถึงเมืองยักษ์แล้วเกิดการต่อสู้กนั เป็นเวลานาน ยกั ษก์ ุมภัณฑ์เห็นท่าไม่ดีจงึ ขอให้ท้าวอสรู ย์มาช่วยรบ

61 แต่ก็ยงั ไมช่ นะ จึงร้องขอให้พญาครุฑมาช่วยแต่เม่ือพญาครุฑมาเห็นกาฬเกด กจ็ าได้วา่ เป็นลกู ของสหายของตน จึงให้ทาการประนปี ระนอมกัน “ทา่ นกาลังทาส่ิงที่ไมถ่ ูกต้องอยู่ โปรดคืนนางมาลีจันทร์ให้กับกาฬเกด” เพ่ือ เปน็ การขอโทษต่อกาฬเกด ยักษก์ ุมภัณฑ์จงึ พดู วา่ “ข้าต้องขอโทษทลี่ ว่ งเกินทา่ น ขา้ จึงขอยกลูกสาวใหเ้ จ้า เพอ่ื เป็นการไถ่โทษก็แล้วกันนะ”ยักษก์ ุมภณั ฑจ์ ึงยกลูกสาวให้เป็นมเหสีของกาฬเกด แล้วกาฬเกดพร้อมมเหสีทง้ั ๕ คน ก็ลากลับเข้าเมืองพาราณสีแล้วไดค้ รองเมืองแทนพระบิดา และอยู่กินกันอย่างสงบร่มเย็น

62 พกิ ลุ ทอง กาลคร้งั หน่งึ นานมาแลว้ มีหญิงสาวสวย คนหนึ่งชอ่ื ว่า “พิกุล” …กลา่ วกันวา่ เธอมีความสวยท้งั หนา้ ตา และ กิรยิ ามรรยาท มารดาของเธอตายตง้ั แต่เธอยังเล็กมาก ดงั นั้นเธอจงึ ไดร้ บั การเล้ียงดูจากแม่เลย้ี งซึ่งเธอเอง กม็ ีลกู สาวคนหนง่ึ ชอ่ื ว่า “มะลิ” …แตก่ โ็ ชครา้ ยที่ว่าทง้ั แม่เล้ยี งและลกู สาวของเธอนน้ั เป็นคนใจร้าย ทง้ั คจู่ ะ บงั คบั ให้พิกุลทางานหนักทุกวัน อยมู่ าวนั หนงึ่ หลังจากตาข้าวเสร็จแล้ว …พกิ ุลก็ออกไปตักนา้ ท่ีลาธารซง่ึ อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก ในขณะ เดนิ ทางกลบั …ทันใดน้นั กม็ ีหญิงชราคนหนง่ึ ปรากฏอย่เู บอ้ื งหนา้ ของพิกลุ และขอน้าเธอด่ืม พกิ ลุ ดใี จมากท่ีได้ ชว่ ยหญิงชราคนน้นั …เธอเอาน้าใหห้ ญงิ ชราและบอกให้เธอเอานา้ ไปอีกเพ่ือจะได้ลา้ งหนา้ และลา้ งตัวใหส้ ดช่ืน พกิ ุลบอกหญงิ ชราวา่ ไมต้ ้องห่วงเพราะถา้ น้าไมพ่ อเธอจะไปตักมาอกี …หญงิ ชราย้ิมและกล่าวว่า “เธอน่ี นอกจากจะสวยแล้วยงั ใจดีอีกถึงแมว้ ่าฉันจะดูยากจน และมอมแมมเธอกป็ ฏิบัตกิ บั ฉันเปน็ อยา่ งดี” หลังจากกล่าวช่นื ชมพิกลุ แล้ว …หญิงชรากใ็ ห้พรวิเศษกบั เธอ และด้วยอานาจของพรวิเศษนจ้ี ะทาใหด้ อกพิกุล ทองคาร่วงออกมาจากปากของเธอ …เม่อื ใดกต็ ามทเี่ ธอรสู้ ึกสงสารใครหรอื ส่งิ ใด …หลงั จากหญิงชราให้พรวิเศษ แกพ่ ิกุลแลว้ กห็ ายวับไปต่อหน้าต่อตาของเธอ …พกิ ุลก็รู้ทนั ทวี ่าแทท้ จี่ รงิ แลว้ หญงิ ผู้น้ันเป็นนางฟา้ จาแลงมาให้ พรวิเศษแกต่ น …ทันทีที่กลับถงึ บา้ นชา้ เธอก็ถูกแม่เลย้ี งดุด่าว่าไปเถลไถลเพ่ือหนีงาน ดังนัน้ พกิ ุลจึงเลา่ เรื่อง ทงั้ หมด ให้ผู้เปน็ แมเ่ ล้ยี งฟงั พร้อมกบั เกดิ ความรสู้ กึ สงสารใน …ขณะเล่าจึงทาให้ดอกพกิ ุลทองคารว่ งออกมา จากปากของเธอดว้ ย …แม่เลี้ยงจอมละโมบกเ็ ปลยี่ นอารมณ์จากโกรธเป็นละโมบในทนั ทพี ร้อมกบั ตะครุบดอก พกิ ุลทองท้ัง หมดไว้ในขณะที่ปากกส็ ัง่ ให้พิกลุ พดู ต่อไปเร่ือย ๆ เพื่อสนองความละโมบของเธอนั่นเอง นบั จากวนั นั้นเปน็ ต้นมา แม่เลย้ี งของพกิ ุลก็เก็บรวบรวมดอกพกิ ลุ ทองคาไวใ้ ห้มากท่ีสดุ เท่าท่ีจะทาได้ เพ่ือนาไป ขายและไดเ้ งินมามากมาย ชวี ิตทกุ คนตอนน้ีก็มีความเป็นอยทู่ ่ดี ขี ้ึน พิกลุ เองกไ็ มต่ ้องทางานหนกั เหมือนแต่ก่อน แตก่ ถ็ ูกบงั คับให้พูดทั้งวันเพื่อให้ดอกพกิ ุลทองคาออกมาจากปากของเธอมากๆ น่ันเอง …พกิ ลุ ทองอ่อนล้าไป กับการตอบสนองความละโมบของแม่เลย้ี ง ตอนนพ้ี ิกุลเองเกดิ เจบ็ คอและกลายเปน็ คน เสียงแหบเสยี งแห้งไป เลย เธอพดู ไมไ่ ด้ไประยะหน่งึ …อาการเช่นนี้ทาใหแ้ มเ่ ลี้ยงโมโหมากขน้ึ จนถงึ ขั้นตบตี พิกุลเพอ่ื พยายามยังคับ ให้เธอพูดแต่พิกุลก็พูดไม่ได้แมแ้ ต่คาเดียว

63 เพ่ือตอบสนองความละโมบของตน ตัวแม่เลี้ยงเองจึงตัดสินใจสง่ ลกู สาวของตนนามว่ามะลไิ ปทาตาม อยา่ งพกิ ุลบา้ ง … มะลถิ ูกสง่ ไปยังสถานท่เี ดยี วกับท่พี ิกลุ บอกไว้แต่วา่ แทนที่จะได้พบกับหญงิ ชราก็กลบั เปน็ พบหญงิ สาวสวยสวมเสือ้ ผ้างดงามยืนอยู่ใตร้ ม่ ใหญ่ หญงิ สาวผู้นัน้ ขอนา้ มะลิดืม่ แต่ดว้ ยความริษยามะลแิ สดง อาการโกรธและคดิ ว่า หญิงผู้นนั้ ไม่ใชน่ างฟา้ เธอจึงปฏเิ สธและใชว้ าจาหยาบคายด่าทอนางฟ้าจาแลง …ดงั น้ัน นางฟ้าจงึ สาปแช่งมะลวิ ่า เม่ือใดกต็ ามทเี่ ธอโกรธและพูดออกมาแล้วไซร้ ก็จะมีหนอนรว่ งออกมาจากปากของ เธอ เมอื่ กลับมาถึงบ้านมะลิกเ็ ลา่ เรือ่ งทัง้ หมดให้ผเู้ ปน็ แม่ฟงั และดว้ ยความโกรธ ในขณะ เล่าเรื่องนนั้ ก็ทาให้ บ้านทัง้ หลงั เต็มไปด้วยตัวหนอน ผ้เู ป็นแมค่ ดิ วา่ พิกลุ อิจฉาลกู สาวของตน ดงั นนั้ จึงแกล้งบิดเบอื นเร่ืองท่เี ลา่ จึง เป็นเหตุใหล้ กู สาวของตนไม่ได้พบกบั หญงิ ชราแม่เลยี้ งจึงทุบตีพกิ ุลและไลเ่ ธอออกจากบ้านไปด้วยความเสียใจ อยา่ งสดุ ซึ้งพิกุลจึงท่องเท่ียวไปในป่า แตเ่ พยี งลาพัง โชคดีท่ีว่าเธอเดนิ ไปในทศิ ทางที่ เจ้าชายหน่มุ กาลงั เพลิดเพลนิ อยู่กบั การขี่มา้ ประพาสปา่ กบั ข้าราชบรพิ ารผ่าน มาพอดเี มื่อทอดพระเนตรเหน็ สาวนงั่ รอ้ งไห้อย่ทู รง ถามเรือ่ งราวความเป็นมาทัง้ หมด ทันทที ่ีพดู จบทบ่ี ริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยดอกพิกุลทองคา …เจ้าชายดีพระทยั ย่งิ นัก จงึ ขอนางอภเิ ษกสมรสด้วยและหลงั จากการอภิเษกสมรสท้งั สองพระองค์ก็ได้ ขน้ึ ครองราชย์และ ปกครองเมืองของพระองค์ดว้ ยความรม่ เย็นเป็นสขุ ตลอดมา

64 ปู่ตว๋ั หลาน (ปโู่ กหกหลาน) ครัง้ หนึ่งนานมาแลว้ …ขณะท่ีกุดจสี่ องตวั ผวั เมียกาลงั ชว่ ยกันกลิ้งเบา้ (ลกู ดนิ กลมๆทห่ี ่อหุ้มไข่กุดจี)่ ไป ตมทางผา่ นหน้าหมาตวั หนึง่ …หมาสงสยั กถ็ ามว่า หนึง่ นานมาแล้ว …ขณะท่กี ดุ จสี่ องตัวผัวเมียกาลังช่วยกันกลง้ิ เบา้ (ลูกดินกลมๆทีห่ ่อหุ้มไขก่ ุดจี)่ ไปตามทางผา่ นหนา้ หมาตัวหนึ่ง …หมาสงสยั กถ็ ามวา่ “จะพากันไปไหน” กดุ จ่ตี อบวา่ “จะไปเมอื งลงั กา” (กรุงลงกาในเรื่องรามเกยี รติ)์ หมากย็ งิ่ สงสยั วา่ “ไปทาอะไรหรอื ” กดุ จ่ตี อบวา่ “ได้ข่าวว่าเมืองลงกาถูกหนมุ านเผาเมอื งไหม้วอดวายหมด รวมทงั้ ครกท่ีตาอาหารกไ็ หม้ จะเอาเบ้า ไปทาครกถวายพระเจ้าเมืองลงั กา” หมาย่ิงงงและถามไปอกี อย่างดูถกู ดแู คลน “จะไปถึงเรอ้ ?…แลว้ เบา้ แค่น้จี ะทาครกได้อย่างไรกนั ” กดุ จีต่ อบทนั ควนั ว่า “นกี่ ะว่าจะไปกนิ งายเมืองลงั กาโน่นแหละวันนี้ (หมายถึง จะไปให้ทันกนิ ข้าวเช้า) แล้วก้อน ดนิ น้ีจะปาดออกให้เป็นครก ๓ ใบกไ็ ด”้ หมาได้ฟังกง็ ึ ดมาก (งึดนี้ แปลวา่ งงหรือแปลกใจอย่างสุดๆเลย) …ตงั้ แต่น้นั มาหมาไม่กินกุดจี่เลย โดยถือวา่ กดุ จี่มี ความสามารถมากกวา่ ตัวเอง ซึง่ ในความเปน็ จรงิ แลว้ …หมาทกุ ตวั จะเมนิ ไม่ยอมกินกุดจี่ ไม่ว่าจะตวั สด หรอื คั่ว ทอดจนสกุ แล้วก็ตาม …ยงั เป็นที่ถกเถยี งกนั อยู่ว่า…จริงๆแล้วจะเปน็ เพราะหมาไมถ่ ูกกับกลน่ิ ข้คี วายหรอื เปล่าก็ไม่ทราบได้

65 นางผมหอม กาลครั้งหนงึ่ มีเจา้ หญิงนามว่านางสดี า ได้หลงทางเข้าไปในป่าใหญ่ ในขณะเดินทางกลบั เมือง เป็น เวลาเกือบสัปดาห์ นางสีดาท้ัง หวิ และเหน่อื ย และแล้วนางสดี าก็เดนิ ไปพบกับแหล่งนา้ นางสดี า : โอส้ วรรค์ทรงเมตตา!!! รอดแลว้ เรา นางว่งิ เข้าไปหาแหลง่ น้าซ่งึ เป็นน้าที่ขังในรอยเทา้ ของสัตวป์ า่ รอยเท้านขี้ องชา้ ง รอยเทา้ นีข้ องกระทงิ เมื่อนางสดี ามาถึงแหลง่ น้าแล้ว นางรบี ก้มกินนา้ ทนั ที ดว้ ยความหิวกระหาย กินจากรอยเทา้ ชา้ งที รอยเท้ากระทิงที ไม่นานนางก็ไดย้ ินเสียงบางอยา่ ง? เหล่าทหาร : องคห์ ญิง เจ้าครับ องคห์ ญงิ ทรงอยู่แหง่ หนใด หากทรงไดย้ ินโปรดตอบกลับ พวกกระหม่อนด้วย เพครบั (เสียงแบบหมดแรง) นางสีดา เม่ือไดย้ ินดังนั้น จึง ตะโกน สุดเสยี ง ตอบไปว่า : ข้าอยทู่ างน้ี ขา้ อยทู่ างนี้ ชว่ ยดว้ ยทหารของ ขา้ เมอื่ นางสดี าและเหล่าทหารกลับมาถงึ เมือง ไดเ้ กิดเหตุการณท์ ไี่ มค่ าดฝันขึ้น นางสีดาไดต้ ้งั ครรภ์ และไมน่ านนางก็คลอดธิดานอ้ ย สองพระองค์ องคพ์ ่ีช่ือ นางผมหอม เพราะมผี มท่หี อม องคส์ องช่ือ นางลุน เมื่อธิดาทงั้ สองไดโ้ ตขน้ึ อีกนดิ ทั้งสองถกู เพ่ือน ๆ ล้อวา่ มีพ่อเปน็ สัตว์ป่า เพื่อน : พ่อของเจา้ เป็นสัตว์ป่า ๆ นางผมหอม : ไมจ่ ริง!! พวกเจา้ โกหก นางผมหอมและนางลนุ ไดร้ ้องไห ลากันว่ิงหนไี ป เช้าวันตอ่ มา สองธดิ าไดต้ กลงกันว่าจะออกเดินทางตามหาผู้เป็นบดิ าของตน ทัง้ สองออกเดินทางเข้า ไปในปา่ ใหญ่ ระหวา่ งทางได้ผมเจอสตั ว์น้อย สัตว์เล็ก ตามทาง มากมาย นางลุน : ท่านพี่ ดทู างน้ัน กระรอก ดูทางโน้น กระต่าย นางผมหอม : ข้าเหน็ แลว้ ขา้ เห็นแล้ว ในท่สี ดุ ธดิ าทัง้ สอง ไดเ้ ดินมาเจอพญาช้าง ทีต่ วั ใหญม่ าก นางผมหอมรู้สึกไดท้ นั มีว่า พญาชา้ งตนนีเ้ ป็น บดิ าของตน จึงไดบ้ อกออกไปวา่ ตนเป็นบตุ รของพญาชา้ ง แต่พญาช้างไม่เชอื่ จงึ ให้ธดิ าทั้งสอง พิสจู น์บางสิง่

66 พญาชา้ ง : พวกเจ้าท้ังสองต้องปีนขน้ึ มาบนตัวของข้า หากทาได้ข้าจะยอมเชื่อ ธดิ าท้ังสองมองหนา้ กนั แล้วจึงตัดสินใจต่างคนตา่ งปีนขนึ้ บทตัวพญาชา้ ง ด้วยความทน่ี างผมหอมเปน็ ลูกพญา ชา้ งจรงิ นางจงึ ปีนขนึ้ ไปไดส้ าเร็จ แต่หน้าเศร้าใจ นางลนุ ปีนไม่สาเร็จ และยงั ตกลงมาจากตัวพญาช้าง เพราะ นางเป็นลกู ของกระทิง นางผมหอมได้ไปอยู่อาศัยกบั พญาช้าง ทเี่ มืองของช้าง โดยนางไดร้ บั การเลยี้ งดูอย่างดี จากพญาช้าง จนอายุ 16 ปี นางผมหอมรู้สึกเหงาและอยากมคี วามรกั จงึ ไดต้ ดั ผมสว่ นหนง่ึ ใส่พระอบลอยน้าไป ผมหอม : จงลอยตามน้าไป ขอใหม้ ีเจา้ ชายรูปงามมาเจอด้วยทีเถดิ สาธุ สาธุ แล้วพระอบก็ลอยไป ลอยไปเรื่อย ๆ และแล้วก็มเี จา้ ชายรปู งามไปพบเข้า เจ้าชายเปิดพระอบออก แลว้ ผมเส้น ผมทหี่ อมมาก จนเกิดความหลงใหล จึงเดินทางตามสายลาธารไป เพือ่ ตามหาเจ้าของเส้นผม เจา้ ชาย : ช่างเปน็ ผมทีห่ อมอะไรเช่นนี้ เห็นทขี ้าต้องออกตามหาเจ้าของเสน้ ผมน้ีเสียแลว้ และแล้วเจ้าชายรูปงามก็ได้มาพบกบั นางผมหอม ทั้งสองตกหลมุ รกั กนั ทันใด และด้วยอานาจของ ความรกั ท้งั สองจึงไดเ้ สยี กนั เจา้ ชาย : เจา้ ช่างงดงามย่งิ นกั แถมยังมีผมทีห่ อมนา่ หลงใหล ข้าตกหลุมรกั เจ้าแลว้ นางผมหอม : หมอ่ นฉนั ก็ตกหลุมรกั พระองคเ์ หมือนกนั เพคะ และทั้งสองก้ได้ตกลงกนั ทจี่ ะหนอี อกมาจากเมืองช้าง เพื่อกลบั ไปอยูบ่ า้ นเมืองของเจ้าชาย เมื่อพญาชา้ ง รสู้ ึกตวั วา่ นางผมหอมได้หนีไป กร็ ีบวิง่ ออกตามหา จนพบนางผมหอม เม่ือทราบความจรงิ แล้วพญาชา้ งถงึ กลบั รอ้ งไห ครา่ ครวญ เสยี ใจ ที่นางผมหอมได้หนจี ากตนไป พญาชา้ ง : ลกู ข้า เจา้ อย่าจากพ่อไปเลย พ่อรักลูกสดุ ดวงใจ ไดโ้ ปรดอยา่ หนีพอ่ ไปเลย นางผมหอม : ข้าขอโทษและขอบคุณท่านพ่อสาหรบั ทุกสิ่ง แตข่ ้าจาเป็นต้องจากไป พญาช้างรอ้ งไหหนักมาก จนสิน้ ใจ ในทสี่ ุดนางผมหอมและเจา้ ชายกไ็ ดเ้ ดินทางมาถงึ เมอื ง ทั้งสองได้มบี ตุ รดว้ ยกนั 2 คน และได้อยูค่ รอง เมอื งด้วยกนั อย่างมีความสุข

67 ปลาค่อ มีปลาคอ่ (ปลาช่อน) ผวั เมยี อยู่คู่หนึง่ มีลกู น้อยอย่ดู ้วย วันหนง่ึ ปลาคอ่ ตัวผอู้ อกไปหากิน ไดไ้ ปกนิ เบด็ ของคนเข้าและถูกจบั เอาไว้ จึงไม่ได้กลับมาหาลูกและเมยี “โอ๊ย ! เจบ็ จงั เลย ชว่ ยฉันดว้ ย ชว่ ยฉนั ด้วย” ปลาคอ่ ตวั ผรู้ อ้ งออกมาด้วยความเจ็บปวด สว่ นตวั เมียคอยแลว้ คอยเลา่ ไม่เหน็ ตวั ผ้มู าจึงคิดวา่ ปลาค่อผู้ไปหาปลาตัวใหมเ่ ป็นแน่ “ทาไมถึงยงั ไม่กลบั บ้านนะ รู้สึกไม่ดเี ลย” ปลาคอ่ ตัวเมยี ได้พดู ออกมา ปลาค่อตัวผู้นั้นเมื่อคนจบั ไปแล้วเหน็ ว่าเปน็ ปลาค่อสีทองจึงปล่อยไปในวนั รุ่งข้ึน “นม่ี นั ปลาค่อสที องน่นี า ข้าขอโทษ ขา้ ต้องปล่อยเจ้าไปแล้วหละ่ ” ชายทจ่ี ับปลาค่อตวั ผไู้ ด้กล่าวกับตนเอง ปลาคอ่ จงึ สามารถกลับมาหาลูกเมยี ได้อีกคร้งั พอกลับมาหาลกู เมียก็ได้บอกสาเหตุท่ีไม่ได้กลบั บ้าน “ฉนั ขอโทษนะ ฉันโดนมนุษย์จบั ตวั ไปหน่ะ แต่โชคดีท่ีกลับมาได้” ปลาค่อตัวผไู้ ด้กล่าว ปลาคอ่ ตัวเมยี ไมเ่ ช่อื คาพูดของปลาคอ่ ตวั ผู้ ก็ได้ต่อวา่ ตา่ งๆ นานา แต่ทง้ั สองก็ปรบั ความเขา้ ใจกันได้ เพราะพลังแห่งความรักทท่ี ง้ั คู่มตี อ่ กนั สดุ ท้ายปลาค่อก็อยู่ดว้ ยกันอย่างมีความสขุ จนแก่ตายไปด้วยกนั

68 กอ่ งขา้ วน้อยฆา่ แม่ กาลครั้งหนง่ึ เมื่อหลายร้อยปีท่ีผา่ นมา ณ บ้านตาดทอง เม่ือชว่ งฤดฝู นมาเยือน ผคู้ นก็เริม่ เตรียมตัวทาา ไรท่ านา เชน่ เดียวกับครอบครัวของ “ทอง” ชายหน่มุ กาพร้าพ่ออาศยั อยู่กับแมส่ องคน ซ่ึงทองก็ออกไปปฏบิ ัติ ภารกจิ เช่นเดียวกบั ครอบครัวอนื่ ๆ “แมว่ ันนี้ผมออกไปไถนากอ่ นนะ” ทองได้บอกกลบั แม่ แม่ “เด๋ียงแมเ่ อาก่องขา้ วไปส่ง” และไดท้ าเช่นนี้อยหู่ ลายวนั กระทั่งวันหนึ่งที่ทองไถนาอยู่นานจนตะวนั สายโด่งเขารูส้ ึกเหนด็ เหนอื่ ยและอ่อนเพลียมากกว่าปกติ ทงั้ ยังหิวขา้ วมากกวา่ ทุก ๆ วัน เพราะปกติแล้วแมจ่ ะมาส่งขา้ วเร็วกว่าน้ี แตว่ นั นกี้ ลับมาช้าผิดปกติ “ทาไมวันนีแ้ ม่มาช้ากวา่ ปกตินะหวิ กห็ วิ เหนื่อยก็เหนื่อยแดดกร็ ้อนยังไมเ่ อาข้าวมาส่งอีก” ทองบน่ กบั ตัวเอง ทองจึงหยุดไถนาและมาพักเหน่ือยอยูใ่ ต้ต้นไม้ ปลอ่ ยให้เจ้าทยุ กินหญา้ ไปสายตาของทองกเ็ หม่อมองไปทาง บ้าน รอคอยแม่ทีจ่ ะมาสง่ ขา้ วตามเวลาทีค่ วรจะมา ดว้ ยความรู้สึกกระวนกระวายใจ ยิ่งสายตะวนั กข็ ึ้นสงู แดด ก็ยิง่ รอ้ น ทาให้ความหิวกระหายของทองย่ิงทวคี ูณข้ึนเร่ือย ๆ หลังจากเหมอ่ มองทางอยนู่ าน พอทองเหน็ แม่เดนิ เลยี บมาตามคนั นาพรอ้ มก่องข้าวน้อย ๆห้อย ต่องแต่งอยูท่ ี่ไม้คานเขากร็ ้สู กึ ไมพ่ อใจท่ีแม่มาชา้ “ทองเอย๋ แม่เอาข้าวมาให้แล้วลูก” แม่กลา่ วออกมา ด้วยความหิวกระหายจนตาลาย อารมณ์พลุ่งพลา่ น ทองคิดว่าขา้ วในกอ่ งข้าวน้อยนั้นคงกินไมอ่ ่ิมเป็น แน่ จึงเอย่ ต่อว่าแม่ของตนว่า “แม่มัวไปทาอะไรอยจู่ ึงมาสง่ ข้าวใหผ้ มกนิ ชา้ นักก่องข้าวก็เอามาแตก่ ่องนอ้ ย ๆ ข้าจะกินอ่ิมหรอื ” ผูเ้ ป็นแม่ก็เอ่ยปากตอบลกู วา่ “ถงึ แม้ก่องขา้ วจะเล็ก ๆ อยา่ งนแ้ี ตข่ ้างในก่องข้าวนนั้ อัดแน่นนะ” “วันน้เี หน่อื ยมาก ๆร้อนด้วยขา้ วกอ่ งแค่น้ีกินไม่อิ่มหรอก” ทองเอย่ ขนึ้ มาด้วยนา้ เสยี งขุ่นๆ “ลองกินดกู ่อนลูกขา้ วแม่อดั มาเตม็ ก่องเลยนะ” แมเ่ อย่ กะทองด้วยน้าเสียงท่ีห่วงใยลูก แต่ดว้ ยความหิว ความเหน็ดเหนื่อย บวกกบั ความโมโหจนหอู อ้ื ตาลาย ทองจึงไมย่ อมฟังเสยี งใด ๆ กระทั่งเกดิ บันดาลโทสะอยา่ งแรง ควา้ ได้ไม้แอกน้อยเข้าตีแม่ทแ่ี กช่ ราจนล้มลงแลว้ กเ็ ดนิ ไปกินข้าว

69 เมอื่ กินข้าวจนอ่ิมแล้วแต่ขา้ วก็ยังไมห่ มด ด้วยความท่ีแม่อัดข้าวมาแนน่ ก่องขา้ วน้อย ทองจึงรสู้ ึกผิด ชอบชั่วดีเมือ่ คดิ ได้ดังน้จี ึงรีบวง่ิ ไปดูอาการของแมแ่ ละเขา้ สวมกอดแม่แต่อนจิ จา แม่ได้สิ้นใจไปเสียแล้ว “แม่ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว” ทองเอย่ ขึ้นดว้ ยความรู้สกึ ผิด แตก่ ็ไมค่ าตอบใด ๆจากผ้เู ป็นแม่ทองรอ้ งไห้สานึกผิดท่ฆี า่ แม่ของตนด้วยอารมณ์เพยี งชัว่ วบู และเมือ่ คิด ได้ก็สายไปแลว้ แมข่ องเขาไมม่ ีวนั กลบั มาอีกแลว้ ส่งิ สดุ ทา้ ยทเ่ี ขาทาได้ คือ สร้างเจดีย์เพอื่ บรรจรุ ่างของแม่ เอาไว้ ปจั จุบัน เรยี กวา่ ธาตุก่องขา้ วน้อยฆ่าแม่

70 กาพรา้ ผีน้อย นทิ านพน้ื บ้านอสี าน ดดั แปลงจากฉบบั ของหลวงพ่ออินตา กววี งศ์ โดย รศ. ดร. วยพุ า ทศศะ ตอนที่ 1 กาพร้ากับเพอ่ื น ดนมาแลว่ กะมีเด็กน้อยกาพร้าอยู่ผหู้ นึง่ บ่อมีไผเลีย้ งดูต้องหาขอทานขา้ วปลาอาหารจากไทบา้ นกินไป ค่าไสกะนอนห้ัน เฮือนซานบา้ นซอ่ งกะบ่อมี “ขอทานขา้ ว ขอทานปลา ขอทานอาหารเหลือกิน ให้ขา้ น้อยแหน่” กาพร้าสิย่างไปฮ้องขอทานไปจั่งชน่ั สู่มื้อสเู่ วน ไทบ้านกะโยนก้อนข้าวเหนียวใหก้ ิน กาพร้ากะมซี ี วิตรอดไปได้ แต่พอดนไปไทบ้านกะคึดซงั กาพรา้ กะมีไทบา้ นผู้หนง่ึ ซงั กาพร้าหลายบ่ออยากให้กาพรา้ มา รบกวนอีก กะเลยเอาขา้ วเปลือกให้กามือหนงึ่ ให้ไปเฮ็ดนากนิ เอง อย่ใู กลป้ า่ แตว่ ่าหมอ่ งหนั่ กเ็ ปน็ หม่อง ทเ่ี ซอื่ วา่ มผี ีอยู่หลาย บอ่ มีไผกลา้ ไปอยู่ ไทบา้ นกะคดึ วา่ กาพร้าตอ้ งเป็นเหยื่อผเี หล่านน้ั แลว้ กะสิบ่อมาขอทาน อีก แต่วา่ กาพรา้ ก็บ่อฮู้กะเลยไปอยเู่ ถียงนาฮ้างนั่น ผีทังหลายกะสิพากนั มากนิ กาพรา้ แตว่ า่ มีเทวดามา หา้ มไว้แลว้ บอกใหซ้ ่อยกาพร้า ยอ้ นวา่ เป็นผ้มู ีบุญมาเกิด ทางกาพร้ากะบอ่ ฮู้ ต่นื เซ้ามาแลว้ กะไป ดกหญา้ ขุด ดิน ในนาฮ้างน่นั ขุดดนิ ป๊ก ปก๊ ดกหญา้ พวดพวด ๆๆๆ จนว่าแลว้ พอแล้วกะเอาขา้ วเปลือกไปหวา่ น แตว่ ่ากาพร้ากะยังต้องไปขอทานข้าวกนิ อกี ย้อนว่าข้าวปลูกบอ่ ทนั ออกฮวง ไทบ้านกะงึดวา่ กาพร้ามซี ีวติ รอดจากผปี ลายนาใกลป้ ่าน้นั มาไดจ้ งั ได กะเอาข้าวเหลือปากเหลือคอให้ กาพรา้ กะมีไทบ้านผู้หนึ่งซงั กาพร้าแฮง เลยคดึ สิแกลง้ กาพรา้ เอาขา้ วย่าจากปากให้กาพรา้ “เอา้ กาพรา้ เอาข้าวน่ีไป แล้วอยา่ มาขอทานอีก” ไทบ้านเว้า กาพร้ากะเอาข้าวย่าไปตากไว้ แล้วกะเข้านอน กาพร้าบ่อฮู้วา่ ข้าวยา่ นั่นเป็นอาหารทีผ่ ีมักหลาย ผที งั หลายกะพากันมาแย่งขา้ วแห้งนัน้ กิน แตว่ า่ ผทู้ ีซ่ นะ คือผีแมย่ ่างา่ ม ทเี่ ปน็ หวั หน้าผีทงั หลาย กาพรา้ เหน็ จงั ซน่ั กะจับผีแม่ย่าง่ามไว้ นางกะขอซวี ิตไว้ แล้วบอกวา่ ถ้ามเี ร่ืองเดอื ดฮ้อนสิซ่อย ขอให้เอนิ้ บอก กาพร้ากะปล่อยผี แม่ย่างา่ มไป

71 ขา้ วในนากะเร่ิมงอกงาม ในนากะมีนา้ ขงั แลว้ มีปลา กาพรา้ กะเฮ็ดไซไปดักปลา พอได้กนิ กะบ่อต้องไป ขอทานไทบ้านอีก แตก่ าพร้ากะยงั บ่อซาบาย ย้อนว่าหม่องนานัน้ ใกล้ปา่ จงั มีสตั ว์ป่ามาหากินในนากาพรา้ พอ กาพร้าเฮ็ดไซ แล้วกลบั ไปดูแลนา แลว้ ไปพกั ผ่อน เถงิ ยามไปยามไซ กาพรา้ กะไปเบ่งิ แต่ปรากฏวา่ บอ่ มปี ลา ไซ กะขาด กาพร้าเลยไปขอใหผ้ ีแมย่ า่ ง่ามซ่อยซ่อมแซมไซ ผแี ม่ย่าง่ามกะเลยเอาไหมให้ “เอาไหมน่ไี ปซ่อมไซเจา้ ไซเจ้าสิบ่ขาด ถ้ามีสัตวม์ ากนิ ปลาเจ้ามันกะสติ ิดอย่ใู นไซ ไปไสบ่อได้” ผีแม่ยา่ ง่ามบอก กาพรา้ กะซ่อมไซ แลว้ เอาไซไปดกั ปลาอกี แล้วกะทาทเี มือเถียงนา แตว่ า่ กะไปจอบเบง่ิ บอ่ ทนั ดน กาพรา้ กะเห็น โตเห็นย่างออกมา แลว้ กะเอามือจกไซ กาลังกนิ ปลา แตว่ ่าดึงมือออกบ่อได้ตดิ อยู่ในไซ กาพร้า ฟ่าวแลนไปคุบโตเห็นไว้ แลว้ ขู่วา่ สเิ อาซีวติ “เจา้ นต่ี ิ ทีม่ ากินปลาเฮา เฮาสเิ อาเจ้าไปเฮด็ อาหารแทนปลาเฮา เดยี วน่ีหละ” กาพรา้ ขู่ “อา้ ยเอ้ย ลโิ ตนน้องแหน่ อย่าสิจับน้องไป ถ้าปล่อยน้องไป นอ้ งสิซ่อยอา้ ยยามมเี รื่องเดือดฮ้อนเด้อ” โตเหน็ วงิ วอนขอชวี ิต “เอา้ ไปได้ แต่วา่ อยา่ มากินปลาเฮาอกี เด้อ” กาพรา้ ว่าแล้วกะปล่อยโตเห็นไป แลว้ กะห้างไซไวค้ ือเก่า คึดวา่ มอ่ื อ่ืนคือสไิ ด้กนิ ปลา แต่วา่ เถิงยาม ไปยามไซ กาพรา้ กะเห็นเสือกาลงั มาใกล้ไซ มันกาลงั สจิ กกินปลาในไซ แต่ว่ามือเสอื กะ ตดิ อยใู่ นไซ ไปไสบ่อได้ กาพรา้ ฟา่ วแลนไปคุบเสือไว้ แล้วขู่ว่าสเิ อาซวี ติ “ปา๊ ด โตเห็นบอ่ มากินปลา ผาดมีเสือน้อ เจ้านี่ติ ทม่ี ากินปลาเฮา เฮาสเิ อาเจ้าไปเฮ็ดอาหารแทนปลา เฮา เดียวนหี่ ละ” กาพรา้ ขู่ “อา้ ยเอ้ย ลิโตนนอ้ งแหน่ อย่าสิจับน้องไป ถา้ ปลอ่ ยน้องไป นอ้ งสซิ ่อยอ้ายยามมีเร่อื งเดือดฮ้อนเด้อ” เสือวิงวอนขอชวี ติ “เอา้ ไปได้ แต่ว่าอยา่ มากนิ ปลาเฮาอกี เด้อ” กาพร้าวา่ แล้วกะปลอ่ ยเสือไป แล้วกะห้างไซไวค้ อื เก่า คดึ วา่ ม้อื อ่ืนคอื สิไดก้ นิ ปลา แต่วา่ เถิงยาม ไปยามไซ กาพรา้ กะเหน็ พญาฮ้งุ กาลงั บินมาใกล้ไซ มันกาลังสจิ ิกกนิ ปลาในไซ แต่วา่ ปากมันกะตดิ อยูใ่ นไซ ไปไสบ่อได้ กาพรา้ ฟา่ วแลนไปคบุ พญาฮุง้ ไว้ แล้วขูว่ ่าสเิ อาซวี ิต

72 “ป๊าด เหมดิ โตเหน็ เหมิดเสือ แลว้ กะยังมเี จา้ น้อ พญาฮุ้ง เจ้านต่ี ิ ท่ีมากนิ ปลาเฮา เฮาสิเอาเจา้ ไปเฮด็ อาหารแทนปลาเฮา เดยี วนห่ี ละ” กาพรา้ ขู่ “อ้ายเอย้ ลโิ ตนนอ้ งแหน่ อย่าสจิ ับน้องไป ถา้ ปล่อยน้องไป น้องสิซอ่ ยอา้ ยยามมีเรอ่ื งเดือดฮ้อนเด้อ” พญาฮ้งุ วงิ วอนขอชวี ติ “เอา้ ไปได้ แตว่ ่าอยา่ มากนิ ปลาเฮาอีกเด้อ” กาพร้าวา่ แล้วกะปลอ่ ยพญาฮุง้ ไป แลว้ กะหา้ งไซไวค้ ือเก่า คึดว่ามื้ออื่นคือสไิ ด้กนิ ปลา แต่ว่าเถิงยาม ไปยามไซ กาพรา้ กะเหน็ ผนี ้อยกาลังสมิ าจกกินปลาในไซ แต่ว่ามือผนี อ้ ยกะตดิ อยู่ในไซ ไปไสบ่อได้ กาพร้าฟ่าวแลนไปคบุ ผีนอ้ ยไว้ แล้วขูว่ ่าสเิ อาซีวิต “ปา๊ ด เหมดิ โตเห็น เหมิดเสอื เหมดิ พญาฮ้งุ แลว้ กะยังมผี ีนอ้ ยนอ้ เจา้ นต่ี ิ ที่มากนิ ปลาเฮา เฮาสิเอาเจ้า ไปเฮ็ดอาหารแทนปลาเฮา เดียวนหี่ ละ” กาพรา้ ขู่ “อา้ ยเอ้ย ลิโตนนอ้ งแหน่ อย่าสจิ ับนอ้ งไป ถา้ ปลอ่ ยน้องไป นอ้ งสิซ่อยอา้ ยยามมเี ร่ืองเดือดฮ้อนเด้อ” ผนี ้อยวิงวอนขอชีวติ “เอ้าไปได้ แตว่ า่ อยา่ มากนิ ปลาเฮาอกี เด้อ” กาพร้าว่าแลว้ กะปล่อยผีน้อยไป แล้วกะหา้ งไซไว้คอื เก่า คดึ ว่ามอื้ อืน่ คือสิได้กินปลา มือ้ ต่อมา กาพรา้ ไปยามไซ กะไดป้ ลาไปกินหลายโต แตว่ า่ นาข้าวเสยี หาย มีสัตวใ์ หญ่เหยยี บนาจนห ม่นุ เหมิด กาพร้าเลยไปถามผีแม่ย่างา่ ม “แมใ่ หญย่ ่าง่ามเอ้ย ซอ่ ยแหน่ จก๊ั แมนโตหยงั มาเหยียบนาเฮาเสยี หาย เหมิด” “เอ้า เอาไหมนไี่ ปสานเปน็ แหเดอ้ แล้ว กางไวห้ ว่างนากบั ปา่ เด้อ ถ้าโตหยงั กะตามยา่ งมาซูนแหนี้ มัน กะสิตดิ ไปไสบ่อได้ จนกว่าเจ้าสิปลอ่ ยมนั ไป” “ขอบใจเด้อแมใ่ หญ่ย่าง่าม” กาพรา้ เวา้ แล้วกะเอาไหมผีแม่ยา่ งา่ มไปสานเป็นดางแห แล้วกะเอาไปกง้ั ไว้ในนา แล้วกะไปจอบเบง่ิ บอ่ ดน กะมซี า้ งโตบกั ใหญย่ ่างมาจากปา่ กาลังสิไปในนา แลว้ มนั ก็ไปซูนดางแห มนั กะตดิ ต๊ึบไปไสบ่อ ได้ กาพร้ากะเลยออกมาเบงิ่ แลว้ กะขชู่ ้างปา่

73 “เจ้านต่ี ิ ท่มี าเหยยี บนาเฮาเสียหายเหมดิ เฮาสิป๋าเจ้าใหต้ ิดอยใู่ นแหนแ่ี หละเด้อ เจา้ สไิ ด้บอ่ มาเหยียบ นาเฮาอกี ” กาพรา้ ขู่ชา้ ง ช้างกเ็ ลยร้องขอใหป้ ล่อยไป “ปลอ่ ยเฮาไปสา แล้วเฮาสใิ ห้งาซ้างเป็นการตอบแทน” ชา้ งรอ้ งขอชีวิต “เฮาปล่อยเจ้าไปกะได้ แต่วา่ เจ้าต้องสัญญาว่าสบิ ่อมาเหยยี บนาเฮาอกี ” กาพร้าบอกช้าง “ได้เฮาสบิ ่อมาเหยยี บนาเจ้าอีก นี่เอางาชา้ งไป” ช้างกะเอางวงดงึ งาออกให้กาพร้า แล้วกาพรา้ กะ ปล่อยช้างไป ตอนนี้กาพร้ากะมผี ูช้ ่อยเป็น ผยี ่าง่าม เสอื โตเหน็ ผนี ้อย และ ชา้ ง ตอนที่ 2 กาพร้าได้เมียงาม หลงั จากไดห้ มู่ทัง้ หลายแล้ว และหลังจากได้งาช้างมา กาพร้ากะวางไวใ้ นหม่องนอน แล้ว กาพร้ากะใช้ชวี ติ คือเกา่ คือต่ืนมื้อเชา้ กะไปเฮ็ดนา หาปลา คา่ มากะมาเถยี งนาน้อย กินข้าวกนิ ปลาแลว้ กะนอน เช้าม้ือต่อมา กาพรา้ กะออกไปเฮ็ดนา หาปลาคือเก่า ค่ามากค็ นื มาเถยี งนา กาพร้ากะแปลกใจ ยอ้ นวา่ เถียงนาเก้ยี วออ้ ยซ้อย เหลียวไปไสกะเป็นระเบียบเรยี บร้อย แล้วกะมีพาขา้ วต้งั ไวถ้ ่า กาพร้ากะเหลยี วหาว่า ผ้ใู ดเอาอาหารมาวางไวก้ ะบ่อเห็น “ไผน้อมาปดั กวดเฮือน แล้วกะแต่งแนวกินไว้” ใจกะบ่ออยากกนิ ยา้ นมีคนมาเบื่อ แตด่ ้วยความหิว ทา้ วกาพร้ากะเลยน่งั ลงกนิ ข้าวกนิ ปลา “ปา๊ ด คือมาแซบแท้” มอ้ื ต่อมา กาพรา้ กะไปไฮ่ ไปนาอกี พอคา่ มากะคือเก่า เฮือนซานเก้ยี งอ้อยซ้อย มีอาหารการกนิ ต้งั ไว้ถ่า แล้วท้าวกาพร้ากะกนิ ข้าว ในใจกะคึดสงสยั และกะวางแผนในใจวา่ ม้ืออนื่ สิต้องจอบเบิ่ง ต่นื มื้อเซ้าทา้ วกาพร้ากะทาทีออกยา่ งไปทางนา แต่ว่าไปได้จักคราว ทา้ วกะยา่ งคนื มาจอบเบง่ิ หลังกก ไม้ใกลเ้ ถียงนา นง่ั ท่าบอ่ ดน กะเห็นนางงามผหู้ นง่ึ ย่างออกมาจากทางใน ใกล้ ๆ งาช้าง “ปา๊ ด มีคนออกมา เบิ่งคกั ๆ กอ่ นน่ะ” แล้วท้าวกาพร้า กะนางงามผูน้ ั้น ปัดกวดเฮือน เกบ็ ขา้ วของ เปน็ ทเ่ี ปน็ ทาง แล้วกะเข้าครวั แลว้ ยกภาช์ขา้ วมาต้ังไว้ แลว้ ยา่ งหายไปทางช้าง

74 ทา้ วกาพร้ากะกลบั มากนิ ขา้ วปลาอาหารคือเก่า ต่นื ม้อื เชา้ กะมาจอบเบิ่งกะเห็นผูห้ ญงิ ออกมาคือเก่า พอแต่นางวางภาชข์ า้ วลง กาลังสยิ า่ งเขา้ ไปทางใน ท้าวกาพรา้ กะฟา่ วแลนไปจับโตไว้ แล้วเวา้ ว่า “เจ้าสิไปไส” ทา้ วกาพร้าถาม นางกะบ่อตอบแต่วา่ ช้มี ือไปทางงาช้าง ทา้ วกาพรา้ กะเลยเดาได้ว่านาง มาจากงาช้าง ท้าวกาพรา้ กะตรงไปจับงาชา้ งมาได้กะทบุ จนแตกละเอยี ด แลว้ กะเว้าว่า “บาดน้ี เจ้าไปไสบ่อได้แลว้ เจ้าต้องอยู่กบั อ้าย” แลว้ ทัง้ สองกะถามไถค่ วามเป็นมา ฮวู้ ่านางช่อื นางสีดา เว้ากันถืกใจกนั กะเลยได้อยู่กินนากินเปน็ ผัว เมยี อย่างมีความสขุ ตง้ั แตน่ ั้นเปน็ ต้นมา ตอนท่ี 3 กาพรา้ กบั เจ้าเมอื ง ตง้ั แตน่ ่ันเป็นต้นมา กาพร้ากะอยกู่ ับเมยี อย่างมคี วามสุข นางกะมีคาถาอาคมเสก ข้าวปลาอาหารให้ กาพรา้ กนิ แลว้ กะเฮด็ เวยี กเฮือนเวยี กซาน ส่วนไทบา้ นกะเกิดความสงสัย เป็นหยังกาพร้าจงั บ่อได้มาขอทาน อีก “กาพรา้ เปน็ แนวใดน้อ มันคือบ่อมาขอทานอีก” “ดีแล้วทีม่ นั บ่อมา บ่อต้องเปลอื ง ข้าวปลา อาหาร” “หรือวา่ กาพร้าตายแล้ว พวกเฮาต้องพากันออกไปจอบเบ่ิง” หลงั จากไทบ้านเว้ากนั แลว้ กะพากันไปใกลเ้ ถยี งนาของกาพร้า คอ่ ย ๆ จอบเบิ่ง แลว้ ไทบ้านกะแปลก ใจ “อา้ วน่นั มนั กาพร้า มนั ยังมชี ีวิตอยู่” ไทบ้านผู้หนึ่งเว้า “ข้อยเหน็ ผูห้ ญิงสาว งา้ ม งาม ออกมา แม่นไผนัน่ ” ไทบ้านอีกผูห้ นง่ึ เว้า แล้วไทบ้านกะเห็นกาพร้า และนางงามปฏบิ ัติตอ่ กนั ฉันผัวเมยี กะเลยเดาได้วา่ กาพร้าไดเ้ มียงาม หลงั จากนั้นมา ไทบา้ นกเ็ วา้ กันเรื่องกาพร้าไดเ้ มยี งาม ส่าไปไกลออกไปเรื่อย ๆ จนวา่ เรอ่ื งราวของ กาพร้ามีเมยี งามกะได้ยนิ ไปถึงหเู จา้ เมือง เจ้าเมืองกะสงสัยว่านางงามอีหลีบ่อ กะสง่ เสนาอามาตย์มาจอบเบิง่ แล้วกะให้ไปรายงาน เสนาอามาตย์กะบรรยายความงามของนางให้เจา้ เมืองฟัง จนเจ้าเมืองคดึ อยากได้นางสดี า มาเปน็ เมีย แตว่ ่าถ้าจะไปแย่งชิงเอากจ็ ะบอ่ ดี เจ้าเมอื งจึงคิดแผนการให้เสนาอามาตย์มาทา้ กาพรา้ พนัน ถา้ ไผ

75 ชนะกะสิได้นางสีดาไปเมีย เจ้าเมืองกะให้เสนาอามาตย์ไปเอาโตกาพร้ามาในเมือง แล้วแจ้งเรอื่ งการพนักตีไก่ ในมอื้ ต่อมา พอกาพรา้ ไดย้ ินจังช่ันกะทุกขใ์ จหลายเพราะไก่กะบ่อมี พอมาฮอดเฮือนก็ฮ้องไห้ พอนางสีดาถาม ไดค้ วามแลว้ นางกะบอกว่า “บย่ าก ใหอ้ า้ ยเอาแหวนวเิ ศษของข้านอ้ ยไปเอนิ้ เอาหมมู่ าซ่อย” ไดย้ ินจังชนั่ ท้าว กาพร้ากะดีใจ เลยเอน้ิ น้องท้ังสามมา เล่าเรื่องใหฟ้ ัง “น้องเอ้ย เจา้ เมืองมาทา้ ตีไก่ น้องบ่อมีไกส่ ิไปตี และถ้าตีไก่แพ้ เจา้ เมืองสิเอาเมียอา้ ยไป ซอ่ ยอ้าย แหน่” โตเห็นไดย้ ินกะเลยว่า “บอ่ ยาก อา้ ยสแิ ปงโตเปน็ ไก่ไปตกี ับไก่เจา้ เมือง มื้ออืน่ พาน้องไปหาเจา้ เมือง โลด” ม้ือต่อมา โตเหน็ กะแปงโตเป็นไก่ ทา้ วกาพร้ากะอ้มุ ไก่แปงไปในเมอื ง พอเจ้าเมืองเหลยี วเหน็ ไกโ่ ตนอ้ ย ของกาพรา้ กะหัวล้อพอใจ “กาพรา้ เอ้ย เจ้าแพ้เฮาแน่นอน เปน็ หยังจงั บอ่ เอาเมยี เจา้ มาใหเ้ ฮาสา” เจ้าเมืองเยาะเย้ยกาพรา้ กาพร้าเลยวา่ “บ่อเปน็ หยัง เอาไกเ่ จ้าเมืองมาโลด” แล้วการตีไก่กะเริ่มขน้ึ ไกเ่ จ้าเมอื งโตใหญ่ และเคยตีไก่ชนะมาหลายโต มนั กะตีปีก โก่งคอขัน แลว้ เต้นไปใสไ่ ก่กาพรา้ แตว่ ่าไก่กาพร้ากะตีมันจนสลบไปคราวเดยี ว ปรากฏวา่ ไกก่ าพรา้ ชนะ กาพรา้ กะดีใจที่บ่อ ตอ้ งเสยี เมยี ไป พอเจา้ เมอื งเหน็ ว่าไก่ตัวเองตายกเ็ คียดแฮง เลยวา่ “ยังเด้อการแขง่ ขนั ยังบอ่ แลว้ ม้ือนม่ี งึ ชนะ แตว่ า่ ม้ืออนื่ เอาควายมาชนกนั ถา้ ความมึงแพ้ กูสิเอาเมียมงึ มาอยู่นากู ม้อื น่ี ให้มงึ ไปหาควายมา แล้วมานอี่ ีกม้ือ อืน่ ” กาพร้าได้ยินจังช่นั กะหน้าเสียลงทันที เพราะว่า บม่ คี วายที่สเิ อามาส้กู ับควายพญา พอเมือฮอดเฮอื น ท้าวกะฮ้องไห้อกี นางสีดาเห็นจังช่นั เลยถามวา่ เกดิ อีหยงั ข้ึน พอฮเู้ รอ่ื ง นางกะเวา้ วา่ “บย่ าก ใหอ้ ้ายเอาแหวนวเิ ศษของข้าน้อยไปเอ้นิ เอาหมูม่ าซ่อย” ไดย้ ินจงั ชน่ั ทา้ วกาพร้ากะดีใจ เลย เอนิ้ น้องทงั้ สามมา เลา่ เร่อื งให้ฟัง

76 “นอ้ งเอย้ เจ้าเมืองมาทา้ ชนควาย นอ้ งบ่อมีควายสไิ ปสเู้ ขา และถ้าชนควายแพ้ เจา้ เมืองสิเอาเมยี อา้ ย ไป ซอ่ ยอ้ายแหน่” เสอื เหน็ ไดย้ นิ กะเลยว่า “บ่อยาก อ้ายสิแปงโตเป็นควายไปชนกับควายเมือง มื้ออ่นื พาน้องไปหาเจา้ เมืองโลด” มอื้ ต่อมา เสอื กะแปงโตเป็นควายนอ้ ย ท้าวกาพร้ากะจงู ควายแปงในเมือง พอเจ้าเมอื งเหลียวเหน็ ควายนอ้ ยของกาพรา้ กะหัวล้อพอใจ “กาพรา้ เอย้ เจ้าแพเ้ ฮาแนน่ อน เปน็ หยังจังบ่อเอาเมียเจ้ามาใหเ้ ฮาสา” เจ้าเมอื งเยาะเย้ยกาพร้าคอื เกา่ กาพรา้ เลยว่า “บ่อเป็นหยัง เอาควายเจา้ เมืองมาโลด” แล้วการชนควายกะเริ่มขึ้น ควายเจา้ เมอื งโตใหญ่ และเคยชนชนะมาหลายโต มันกะแล่นตรงไปชน ควายของกาพรา้ แตว่ า่ ควายกาพร้ากะชนคืนจนควายเจา้ เมอื งสลบไปคราวเดยี ว ปรากฏว่า ควายของกาพรา้ ชนะ กาพร้ากะดีใจทีบ่ ่อต้องเสยี เมียไป พอเจ้าเมืองเหน็ ว่าควายตวั เองตายก็เคียดแฮง เลยว่า “ยังเด้อการแข่งขนั ยังบ่อแลว้ มือ้ นี่มึงชนะ แต่ ว่าม้อื อ่ืน เฮามาสว่ งเฮอื กัน ถ้ามงึ แพ้ กูสเิ อาเมียมึงมาอยู่นากู มอ้ื น่ี ให้มงึ ไปหาเฮือมา แล้วมานอ่ี ีกมอื้ อ่นื ” กาพรา้ ไดย้ นิ จงั ชัน่ กะหน้าเสยี ลงทนั ที เพราะว่า บม่ เี ฮือท่ีสเิ อามาส่วงกับเฮือพญา พอเมือฮอดเฮือน ทา้ วกะฮ้องไห้อกี นางสดี าเห็นจังช่นั เลยถามว่าเกิดอีหยังข้ึน พอฮเู้ ร่อื งแล้ว นางกะเวา้ วา่ “บ่ยาก ให้อ้ายเอาแหวนวิเศษของข้านอ้ ยไปเอิน้ เอาหม่มู าซ่อย” ไดย้ ินจังช่นั ท้าวกาพรา้ กะดีใจ เลย เอิน้ นอ้ งทง้ั สามมา เล่าเร่ืองให้ฟัง “น้องเอ้ย เจา้ เมืองมาท้าสว่ งเฮือ น้องบอ่ มเี ฮือไปสว่ งกับเฮือเจา้ เมือง และถา้ แพ้ เจา้ เมืองสิเอาเมียอ้าย ไป ซอ่ ยอ้ายแหน่” พญาฮ้งุ ได้ยนิ กะเลยวา่ “บอ่ ยาก อา้ ยสิแปงโตเปน็ เฮือไปส่วงกับเฮือเจา้ เมอื ง มื้ออ่ืนพาน้องไปหาเจา้ เมอื งโลด”

77 มือ้ ต่อมา พญาฮุ้งกะแปงโตเป็นเฮอื ท้าวกาพร้ากะพายเฮือแปงไปท่านา้ เจ้าเมือง เจา้ เมืองกะเอาเฮอื มาถ่าอยู่ พอเจ้าเมืองเหลียวเหน็ เฮอื น้อยของกาพรา้ กะหวั ลอ้ พอใจ “กาพรา้ เอ้ย เจา้ แพเ้ ฮาแนน่ อน เปน็ หยงั จังบอ่ เอาเมยี เจา้ มาใหเ้ ฮาสา” เจา้ เมืองเยาะเยย้ กาพร้าคอื เกา่ กาพรา้ เลยวา่ “บ่อเปน็ หยัง ขอให้เจ้าเมืองลงเฮือมาสว่ งกันโลด” แล้วการส่วงเฮือกะเริ่มข้นึ เฮือแปงของกาพร้ากะฟาดนา้ จนเฮ็ดใหเ้ ฮือของเจ้าเมืองล่ม ตายเหมิดซคู่ น ตอนที่ 4 ผเี จ้าเมือง บา่ งล่ัว กับ ผนี อ้ ย แม้ว่าเจา้ เมืองสิตายแล้ว และกาพร้ากบั เมียน่าสิอย่อู ย่างมคี วามสขุ แตว่ ่าเหตุการณ์กะบ่อเป็นไป ตามน้ัน ย้อนวา่ เจา้ เมืองกลายเป็นผี แตก่ ะยังอยากได้เมยี กาพร้าอยู่คอื เกา่ เจ้าเมืองจังเอ้ินบ่างลว่ั มาสั่งการ “ให้บา่ งลั่ว ไปเอิ้นขวัญนางสีดามาให้เฮาเดียวน้ี” “โดยขา้ น้อย” บ่างลัว่ ตอบแล้วกะบินไปเฮือนกาพร้า จบั อยู่เทิงหลังคาเฮือน แลว้ มันกะเอ้ิน เทือท่ีหน่งึ นางสีดากะลม้ ลงนอน “โอย้ อา้ ยกาพร้า ซ่อยขอ้ ยแหน่” บางลว่ั กะเอิ้นเทือท่ีสอง นางสดี า กะนอนนงิ่ บอ่ ปากบ่อตงี กาพรา้ ฟา่ วแล่นมาเบ่ิงเมีย แต่เจา้ บ่างลว่ั กะเอ้นิ เทือท่สี าม วิญญาณนางสดี ากะออกจากโต ไปอยู่เมือง ผกี ับเจา้ เมอื ง กาพร้ากะฮ้องไห้ ปานใจสขิ าด จนวา่ ผนี อ้ ยไดย้ นิ เลยมาเบงิ่ แลว้ บอกกาพร้า “อ้ายบ่อยาก เฮาสิซ่อยเอง อ้ายเบิ่งเฝ้าศพนางสีดาไวด้ ี ๆ เดอ้ ” วา่ แล้วผีน้อยก็เหาะไปเมืองผีไปนาหา บา่ งลว่ั ทางฝ่ายเจา้ เมือง พอไดว้ ญิ ญาณนางสดี ามากะดีใจ เลยกินเล้ียงพวกผี และบ่างลัว่ พอแล้วงานบา่ งล่วั กะสิเมือหม่องนอน มนั เมาโซเซมาพ่อผนี อ้ ยกาลงั สานข้อง มันเลยถาม “ผีนอ้ ยเฮด็ หยัง” ผีนอ้ ยเลยตอบว่า “เฮาสานข่างบอ่ ง” บางลั่วเลยวา่ “มนั เป็นจังใด ขา่ งบอ่ ง”

78 ผนี ้อยเลยวา่ “นี่เด้ มนั เป็นทอี่ ยู่วเิ ศษ เอาไว้สาหรับคนหรือสัตวท์ ม่ี คี วามสาคญั ท่อนน้ั สตั วธ์ รรมดา ๆ เข้าบอ่ ได้ บา่ งลว่ั กะเข้าบ่อได้ หา้ มเด็ดขาด” บางลั่วเลยว่า “เปน็ หยังจงั สเิ ขา้ บ่อได้ มานี่ เฮาสเิ ขา้ ไปให้เบ่งิ ” วา่ แล้วบา่ งลวั่ กะฟา่ วป่อนหวั กับโตลง ในในปาก ข้อง ผนี ้อยกะฟ่าวเอาฝาอดั ข้องทันที แลว้ กะพาบา่ งลวั่ มาเฮือนกาพร้า ผนี ้อยเลยวา่ “บ่างลวั่ เจ้าคอื เกง่ แท้ เข้าไปในข่างบ่องได้” บ่างลั่วเลยวา่ “เฮาบอ่ ได้เกง่ แตก่ ารเข้ามาในขา่ งบ่องเด้ เฮายังมีล้ินวเิ ศษ สามารถเอน้ิ คนเป็นคนตาย ได”้ บา่ งล่ัวโม้ ผนี ้อยเลยว่า “โตเอ้นิ คนเป็นใหต้ าย เฮาเชอ่ื อยู่ แตเ่ อิน้ คนตายแล้วให้คนื บ่อไดด้ อก” บางลว่ั เลยวา่ “โตบ่อเชอ่ื ติ เฮาเอ้นิ นางสดี าทีต่ ายแลว้ คืนมาได้ เฮาสิเอ้นิ ให้เบ่งิ ” วา่ แล้ว บา่ งลั่วกะ ฮ้อง เทื่อที่หนึ่ง นางสดี ากะเรมิ่ หนั ใจ เทื่อท่สี อง นางสดี ากะตีงคีง เทอ่ื ทส่ี าม นางสดี ากะฟืน้ คืนชวี ิต ลกุ ข้ึนนงั่ ได้ ท้าวกาพร้ากะดีใจหลาย สว่ นผีน้อยกะเลยทาการแก้แค้นบ่างล่ัวต่อ ผีนอ้ ยเลยวา่ “ปา๊ ด โตเกง่ อหี ลี เฮายอมแล้ว แตว่ า่ อนั ใดมนั เขด็ มนั ขวงในปากโต เฮด็ จังใดจงั ฮ้องคนเป็นคนตายได้ เฮาขอเบ่งิ แหน่’ บา่ งล่ัวกด็ ใี จหลายทผ่ี นี ้อยย้องยอ เลยแลบลิ้นออกมา แลว้ เวา้ วา่ “นีแ่ หละล้นิ เฮา ลนิ้ วเิ ศษ” ผีนอ้ ย กะทาที “เหน็ บ่อคัก โตแลบออกมาให้มันสดุ เบง่ิ ดู๋” พอแตผ่ ีน้อยเวา่ ท่อนั้น เจา้ บา่ งลวั่ กะแลบลน้ิ ออกมาจนสดุ ผนี ้อยไดโ้ อกาส เอาไม้ไผ่บาง ๆ มา ปาดลนิ้ บา่ งลั่วออกทนั ทีแล้วกะวา่

79 “เหน็ คักแลว้ บาดนี้” แต่วา่ บ่างลว่ั กะบ่อสามารถโตต้ อบได้ เพราะบ่อมลี น้ิ แล้วผีน้อยกะปอ่ ยบ่างล่ัว ออกจากขอ้ ง แล้วกะบอกว่า “อันท่เี ฮาสานนี้ เอ้นิ วา่ ขา่ งบ่อง มันเปน็ ข้องบา่ ง เอาไวใ้ ส่โตนน่ั แหละ” บา่ งลว่ั กต็ อบโตบ้ ่อได้ฟา่ วหนีเข้าป่าไป ตง้ั แตน่ นั้ เปน็ ต้นมา บ่างลว่ั ก็บ่อสามารถเอ้นิ คนเป็นให้ตาย หรอื เอนิ้ คนตายใหเ้ ปน็ ได้อีก แม้แตส่ เิ ว้า กะยงั มเี สยี งลัว ๆ ย้อนวา่ บ่อมีล้ิน ตอนท่ี 5 กาพร้าเปน็ เจ้าเมือง หลังจากทเ่ี จา้ เมืองตาย กะบ่อมไี ผเป็นเจา้ เมือง ย้อนว่าเจา้ เมืองบ่อมีลูกสืบสกลุ ชาวเมืองกะเลยพากัน มาขอใหก้ าพรา้ และนางสีดาไปคองเมืองแทน กาพร้าและนางสดี าเปน็ คนดี กะเลยปกคองบ้านเมืองให้ฮม่ เยน็ เป็นสุขตง้ั แต่นน้ั เปน็ ต้นมา

80 ตานานบ้านสอ่ งนางใย หรอื กดุ นางใย เลา่ ใหม่โดย รศ. ดร. วยุพา ทศศะ ดนมาแล่ว มคี รอบครัวหน่งึ มีแมก่ บั ลกู ซายอยู่นากันตั้งบ้านเฮอื นอยแู่ คมนา้ ซี พอลูกชายก็ได้พบฮักกบั หญิงสาวงามแล้วกะไดแ้ ตง่ งานอยกู่ ินนากันยางมีความสุข ลกู ใภ้กะสิต่าหูก พอได้ผา้ ไหมหลายผืน ลกู ซายกะสิ เอาผา้ ไหมไปเลาะขายต่างบ้านตา่ งเมือง ม่อื นงึ ผู้เปน็ ลกู ซายก็ไดไ้ ปคา้ ขายต่างเมือง แมย่ ่ากบั ลูกใภ้ก็อยเู่ ฮือนสองคน กะบอ่ มหี ยังเกิดขึ้น ค่ามา แม่ย่ากะเข้านอนแตห่ ัวค่า ต่นื มาลูกใภก้ ะหาขา้ วปลาอาหารไว้ให้ แต่ว่าคืนหนึง่ แมย่ ่านอนบ่อหลบั คึดฮอดลูกซายทีไ่ ปคา้ ขาย หลบั ไปบอ่ ดนกฝ็ นั บ่อดี เลยตนื่ ขน้ึ มา กลางเดกิ “ฝนั บอ่ ดี ลูกซายเฮาสิเปน็ แนวใดน้อ คา้ ขายคือนานมาแท้ คดึ ฮอดเด้” พอเวา้ แล้วกะเหลียวไปในห้อง ลกู ซาย กะเหน็ แสงตะเกียง กะคดึ สงสัย “อ้าว อีนางมันคือนอนเดกิ แท้” แตว่ า่ แม่ยา่ กะบ่อคดึ หยัง เข้าใจว่าลกู ใภค้ ือสลิ กุ ไปเขา้ ห้องน้า แม่ย่า กะเลยนอนตอ่ คนื ตอ่ มา แม่ยา่ กะสะดุ้งตื่นกลางเดิกคือเกา่ พอเหลยี วไปห้องลกู ซายกะมแี สงตะเกียงคือเก่า เป็น จังซน่ั สองสามคืน แมย่ ่ากะเกิดความสงสยั วา่ เปน็ หยงั ลกู ใภ้คือนอนเดกิ แท้ กะเลยตัดสนิ ใจคอ่ ยย่างไปส่องเบิง่ แลว้ แม่ย่ากะตกใจ เห็นลกู ใภ้ตา่ หกู อยู่ “อา้ ว อีนางมนั คือต่าหูกกลางค่ากลางคนื ” พอเว้าแลว่ กะส่องเบิกอีกบาดนแ่ี ม่ย่ากะตกใจ เหน็ ลูกใภ้สาวใยไหมออกมาจากปากมาก้อใสห่ ลอด แม่ยา่ กะยา่ นหลายฟ่าวเข้าห้องนอน “อีนางลูกใภเ้ ฮามนั ต้องเป็นผีแนน่ อน ต้องหาหมูม่ าซ่อยกนั เบ่ิงใหค้ กั ๆ” ต่นื เชา้ มา แมย่ า่ กฟ็ ่าวออกจากเฮือนไปซิมหมู่หลายคนใหพ้ ากันมาจอบเบิ่งลูกใภ้สาวใยไหมมาตา่ หกู ยามกลางคืน

81 พอลูกใภเ้ ขา้ ห้องนอน แลว้ พวกหมกู่ ะพากนั มาจอบเบ่งิ ลูกใภ้ แลว้ ซู่คนกะเห็นคือกนั คอื เหน็ ลูกใภ้ กาลังต่าหกู พอด้ายเหมดิ กะสาวใยไหมออกมาจากปากมาก้อใส่หลอด แล้วเอาหลอดใส่กระสวย แลว้ กะต่าหูก ตอ่ พอเบิ่งจนแน่ใจแลว้ แมย่ ่ากับหมูก่ ะพากนั ไขปักตูออกขณะท่ีลูกใภ้กาลังสาวใยไหมออกจากปาก พากันถาม ลกู ใภ้ “เจา้ แมนไผ” “เปน็ หยงั จงั สาวไหมออกมาจากปาก” “เจา้ บ่อแม่นคน เจา้ เป็นผีแมนบอ่ ” ลูกใภก้ ะตกใจ ปากบอ่ ออก นางกะแลนออกจากเฮือน ไปโตนน้า แลว้ กะหายไป บ่อกลบั มาอกี เลย สองสามมื้อต่อมาลกู ซายกะกลับมาจากค้าขาย พอฮอดตะล่างเฮือนกะฮ้องหาเมีย “นางเอ้ย อยู่ไส อ้ายกลับมาแล้ว” ปกติ เมยี สอิ อกมายืนถา่ อยเู่ ทิงซานเฮือนพอไดย้ ินเสยี งผวั แต่มอ้ื น่ัน ผวั กะบ่อเหน็ เมยี เห็นแตแ่ ม่ ยนื ถ่าอยู่ พอข้ึนเฮือนได้กะถามแม่ “แม่ เมียข้อยไปไส คือบ่อเห็น” “มันไปแล้ว มันโตนนา้ หายไปแล้ว” “เปน็ หยงั หละแม่ เป็นหยังเมียข้อยคือไปโตนนา้ ” แล้วแมก่ ะเวา้ เร่ืองต่าง ๆ ท่ีเกิดขน้ึ ให้ลูกฟัง ลกู กะเสยี ใจหลาย แตก่ ะเฮ็ดหยงั บ่อได้ มื้อใดคืนเดือนหงายผวั กะสิไปนง่ั ฮิมน้า เหลียวเบิ่งลานา้ หวังวา่ เมยี สิคนื มาหา “นางเอย้ เจา้ อยู่ไส อา้ ยคดึ ฮอดเจา้ หลายเด้อ” พอแตว่ ่าทอนั่น ท้าวกะสเิ หลียวเห็นเมียอยใู่ นน้าสาวใยไหมออกมาจากปาก ตอ่ มานา้ หม่องนนั่ กะไดซ้ ื่อว่า กุดนางใย คือหม่องทีน่ างลูกใภส้ าวใยไหมออกจากปาก ข้อมลู จากเวบ็ http://www.isan.clubs.chula.ac.th/para_norkhai/?cat_main=3&id_main=141&star=0&transactio n=post_view.php

82 อธิบายกดุ นางใยดังน้ี กดุ นางใย เป็นชอ่ื แหล่งน้าทส่ี าคญั ของเมืองมหาสารคาม มาตั้งแตส่ มัยพระเจรญิ ราชเดช (กวด) เจา้ เมืององค์แรก ซง่ึ มาตงั้ เมืองเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๘ ใช้เป็นแหล่งนา้ สาหรับอุปโภคและบรโิ ภคควบคกู่ บั แหลง่ นา้ ใน หนองท่ม (กระทุ่ม) ทเ่ี รยี กว่ากุดเพราะเป็นทส่ี ิน้ สุดของสายน้า (กุด แปลว่าด้วนหรอื สิน้ สุด) หรอื เรยี กว่าแมน่ า้ ดว้ น ปัจจุบนั ต้ืนเขินมากคงเหลอื เนือ้ ทีป่ ระมาณ ๒ ไร่ ใกล้กบั กดุ นางใยเปน็ ท่ีตั้งของวทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษา มหาสารคาม และรมิ กุดนางใย มีรอ่ งรอยของวตั ถโุ บราณสันนิษฐานวา่ พระเจริญราชเดชสร้างไว้เม่ือครง้ั ตัง้ เมอื ง ได้แกเ่ สาหงส์ ซง่ึ ถือว่าเปน็ ผพู้ ทิ กั ษ์เมือง

83 ผีโพงคา่ งกับลิง นิทานพื้นบ้านเมืองเลย ดดั แปลงจากเร่อื งทเ่ี ลา่ โดย คุณยายสุข เจริญผล อายุ ๗๖ ปี อาชพี เกษตรกร ๘๔ ม.๑ ต.นาฮี อ.ทา่ ล่ี จ.เลย มชี ายสองคน คนหนึ่งดหุ ม่ัน อกี คนขคี่ า้ น เฮด็ ไฮ่เฮด็ สวนอยใู่ กล้กัน ผู้ทดี่ หุ มั่นนช่ี ื่อว่า ทา้ วม่ัน ท้าวนก้ี ะไปฟนั ไฮ่อยู่ปา่ ดงถางพง ขุดดนิ โป๊กโป๊ก ดกหญา้ พวดพวด แล้วกะปลูกพชื ไฮ่ พืชสวน ปลูกหมากฟกั หมากแตง ปลูกถว่ั แล้วกะไปดแู ล เบิ่งแยง ฮดนา้ พวนดนิ ซูมอื้ จนวา หมากฟกั หมากแฟง หมากแตง หมากถั่ว เปน็ หมาก กะยังดูแล ฮกั ษา ไปซูม้ือ ซูเว็น อกี ผู้หนึ่งข้ีคร้าน ชือ่ วา่ ทา้ วยืน กะไปสวนคือกัน ไปขดุ ดนิ หย๊อก ๆ แหย๊ก ๆ แลว้ หยอดเม็ด หมากฟกั หมากแฟง หมากแตง หมากถั่ว ลงดนิ แลว้ กะไปนอน ไปไฮ่ ไปสวนคือกนั แต่ไปนอนเฝ้า บอ่ ไดด้ ูแล ฮดน้า พวนดิน พอแตเ่ บ้ยี ผักงอกออกมา กะเหี่ยวตายไป ทา้ วมั่นนนั้ กะมาเบ่งิ สวนม้ือหนึง่ กะเว่าวา “เออ หมากฟัก หมากแฟง หมากแตง หมากถ่ัว เฮากะใกล้สิพอเกบ็ แล้ว แต่วา่ ถ่าอกี มื้อหนง่ึ ม่ืออ่ืนสิ มาเก็บ ไปกนิ ไปขาย” วา่ แล้วกะดกหญ้า พวนดิน ฮดน้า แลว้ กะเมือบา้ น พอแต่ทา้ วมัน่ เมือเฮอื นหวดิ สายตา พวกลงิ พวกค่าง หรือว่าไทบ้านเอนิ้ ว่า ผีโพงคา่ งลิง (ซง่ึ หมายถึง สตั วป์ า่ ไม่เช่อื ง ไมม่ ีคนเลี้ยง ไม่ใชผ่ ี) กะพากนั มาลงสวน แตว่ า่ กะกนิ บ่อเหมิด อิม่ แลว้ กะแหลน่ ขน้ึ กกไม้ พอท้าวม่ัน ถอื กะตา่ มาสิเก็บ หมากฟัก หมากแฟง หมากแตง หมากถัว่ กะตกใจ “ป๊าด ไผมากนิ หมากฟัก หมากแฟง หมากแตง หมากถวั่ เฮาจนเกือบเหมดิ เฮาต้องมาจอบเบิง่ ”

84 แล้วท้าวกะทาทยี า่ งเมอื แต่กะไปจอบเบ่ิงอยไู่ กลจั๊กหน่อย ทา้ วกะเห็นฝูงผีโพงคา่ งลงิ มาลงสวน พอกนิ อม่ิ มนั กะพากันมาน่ังหย่อนขาเทิงหง่าไม้ หลบั ไป ท้าวกะเคยี ด พอลิงหลับ ท้าวกะลอดก้องแล้วกะเอามือไปดึงขาลิง ลิงฮ้องตายไป แต่ว่าท้าวกะจบั ลิงโต นน่ั มาได้ เผอิญลงิ โตนนั้ เป็นหวั หนา้ ลงิ พวกลงิ ลูกนอ้ งกะพากันแหล่นหนีขึ้นเทงิ ยอดไม้ ทา้ วเลยวา “เป็นหยงั จังมากิน หมากฟัก หมากแฟง หมากแตง หมากถั่ว เฮา จนเกือบเหมิด เฮาสิเอา หยงั กิน สเิ อาหยังไปขาย” ลงิ เลยวา “เจา้ เป็นเจา้ ของสวนนต่ี ๊ิ เจ้าเปน็ เจ้าบุญนายคุณของพวกเฮา อยา่ สิฆา่ เฮาเด้อ ปอ่ ยเฮาไป สา เฮาสิตอบบุญแทนคุณให้ในม้อื หน้า” ท้าวม่นั เหลียวเบง่ิ หนา้ ลิงเป็นตาลโิ ตนหลาย เลยเว่าว่า “ข้อยสปิ ่อยเจา้ ไป แต่ว่าต่อไปนี้ อยา่ มากิน หมากฟกั หมากแฟง หมากแตง หมากถั่ว เฮาอีกเด้อ” ลิงกะงึกหัว งึก ๆ แลว้ กะแหล่นขนึ้ กกไม้ไป ท้าวมนั่ กะเลยไปหดน้าพวนดิน หมากฟัก หมากแฟง หมากแตง หมากถ่วั แลว้ กะเมือบา้ น มอื่ ต่อมา ท้าวมั่นกะมาเบงิ่ สวนอกี พวก ลงิ กะมากนิ หมากฟกั หมากแฟง หมากแตง หมากถ่ัว อีก ทา้ วมั่นกะเหลอื ใจหลาย เลยล้มลงนอนลงในดิน ติ๊ตาย ใกล้ ๆ หง่าไม้ท่ีลิงเคยนั่ง พวกลิงมาเห็น กะพากนั น่ังฮ้องไห้ แลว้ วา่ “เจา้ บญุ นายคุณเฮาตายแลว้ ผู้ท่ีเฮด็ เคร่ืองกนิ ให้เฮากนิ ” ลงิ อีกโตหน่งึ กะวา่ “พวกเฮาตอ้ งตอบบุญแทนคณุ เพนิ่ เด้อ” มันเปน็ ธรรมเนียมของลิงท่ีต้องพาคนตายขน้ึ ปายไม้ แล้วทาพิธจี กขแ้ี ฮ้ จก๊ สว่ งคนตาย ก่อนท่ีสเิ ฮ็ดพธิ ี ต่อไป แลว้ เอามือไปจ๊กขแ้ี ฮ้ จ๊กส่วง ข้างหนึ่ง ทา้ วมัน่ กะอดหวั แต่วากะผายลม ออกมา ลิงเหมน็ ลิงกะว่า “ขอละอองกะเน่าส๊องสอง” แลว้ ลิงกะเอามือไปจ๊กอีกข้างหน่งึ ทา้ วมัน่ กะอดหัว แตว่ ่ากะอดผายลมบ่อได้ กะตดปู๊ดออกมาอีก ลงิ กะว่า “ขอละอองกะเน่าส๊องสองแล้ว สิเอาหยังตอบบุญแทนคุณเพ้ิน”

85 ลิงโตหนึง่ กะว่า “บ่อยาก เอาเพิ่นไปฝังไว้ (ฝังหมายถึงวางรา่ งลงพนื้ ดนิ ) ทางหวั เอากูบเงนิ ทางตีนเอา กบู คาให้เพนิ่ แล้วเอาฆอ้ งวิเศษให้หนว่ ยหน่งึ คันเพน่ิ อยากไดห้ ยงั ให้เพิ่นตเี อา อยากได้ซ้าง ได้มา้ ไดเ้ ฮือน ได้ ซาน กะตเี อา” ทา้ วมน่ั กะฟังอยา่ งตั้งใจ พอลิงหยอกกะอดเอา บอ่ ดนิ้ บ่อตงี มีแตผ่ ายลมให้ลิงดมเหม็น แล้วลงิ กะพาคนตายลงมาฝงั ทางหัวเอากบู เงิน ทางตนี เอากบู คาใส่ไว้ แลว้ เอาฆ้องวางไว้นา แต่ความจรงิ บ่อไดฝ้ งั วางไว้ซื่อ ๆ แล้วลงิ กะหนีไป พอลิงไปแลว้ ทา้ วมน่ั กะเลย ลุกไดก้ ะเอาของเอาเงนิ เอาทอง เอาฆ้องไปหาเมยี ในบ้านพนุ้ หนะ หาบฆ้องไปตีเอาบ้านเอาเมือง ตเี อาควายเอางวั กะไดเ้ หมดิ ท้าวม่นั กะไดด้ ีมไี ด้ ผเู้ สี่ยวขค้ี รา้ นทา้ วยนื กะอยากได้ เลยไปถามหมู่ ท้าวม่นั กะบอกวธิ ี ท้าวยืนกะไปซ้ือ หมากฟกั หมากแฟง หมากแตง หมากถ่วั มาหยายไว้ในสวนเจ้าของ “เอ้า หมากฟัก หมากแฟง หมากแตง หมากถ่วั เอามาให้ผโี พงค่างลิงกนิ ” ทา้ วยนื เว้า แลว้ กะทาทีย่าง เมือบ้าน แต่กะไปจอบเบง่ิ พวกลงิ กะพากนั มากิน หมากฟกั หมากแฟง หมากแตง หมากถั่ว แลว้ กะเว้าว่า “พวกเฮามากินเด้อ มีเจ้าบุญนายคุณเอา หมากฟัก หมากแฟง หมากแตง หมากถว่ั มาให้เฮากนิ แล้ว” แตล่ ิงกะกินบ่อเหมดิ อิ่มก่อน กะเลยพากนั ไปนั่งหงา่ ไมห้ ย่อนขาลงมาคือเกา่ แลว้ กะหลับ ทา้ วยืนกะไปดงึ ขาลงิ แลว้ กะจบั ลิงไว้ ทา้ วเลยวา “เปน็ หยงั จงั มากนิ หมากฟัก หมากแฟง หมากแตง หมากถัว่ เฮา จนเกือบเหมิด เฮาสิเอา หยงั กนิ สเิ อาหยังไปขาย” ลิงกะเวา้ คือเก่า “เจา้ เป็นเจา้ ของสวนนีต่ ๊ิ เจ้าเป็นเจา้ บุญนายคณุ ของพวกเฮา อยา่ สิฆ่าเฮาเด้อ ปอ่ ย เฮาไปสา เฮาสิตอบบุญแทนคุณให้ในม้ือหนา้ ” ท้าวยนื ได้ยินดังนน้ั กะปล่อยลิงไป แลว้ กะทาทียา่ งเมอื บ้าน แต่กะจอบเบงิ่ อยู่ พอทา้ วยนื ไปหวดิ พวกลงิ กะพากนั มากิน หมากฟัก หมากแฟง หมากแตง หมากถั่ว อีก ทา้ วยนื กะ เลยทาทียา่ งมาเห็น แล้วกะติ๊ตายลงใกลห้ งา่ ไม้

86 พวกลิงเห็นก็พากันมาฮ้องไห้ หามคนตายข้นึ ไปปายไม้พนุ้ หละ แลว้ กะเฮด็ พธิ ีคอื เกา่ พธิ จี ๊กสว่ งจก๊ ข้แี ฮ้ พอจ๊กบาดหนงึ่ ท้าวมั่นกะอดบ่อได้ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ท้าวกะหวั เต๊อะ หวั เติ่นขน้ึ ลงิ กะตกใจ กะเลยโยนทา้ วม่นั ลงจากต้นไม้ ไปตกลงไปในหนองผักตบ จนสลบไป พอรู้สึกตวั กร็ บี วงิ่ กลับหมบู่ ้านไป ลงทา้ วยืนกะยังทุกขย์ ากคอื เก่า เรื่องกะเลยจบ

87 การรวมรวบนิทานพนื้ บา้ น ขอ้ มูลเบอื้ งตน้ ของผู้ท่ีใหข้ อ้ มูลนิทานพืน้ บา้ น ชือ่ นามสกลุ ของนักเล่านิทานพนื้ บา้ น....................................................................................................................... อายุ ............. ปี อาชพี ........................ ครอบครวั ภรยิ า บุตร ........... คน หลาน ................... คน อย่บู า้ นเดยี วกนั หรอื ไม่ ทอี่ ย.ู่ .................................................................................................................................................................................. มใี ครอยู่ในบา้ นเดยี วกันบา้ ง .................................................................................................................................................. ชื่อนทิ านท่ชี อบเล่าท่สี ดุ และรองลงมา ............................................................ ....................................................... ทีม่ าของนทิ าน .......................................................................................................................................................... เหตุใดจึงชอบเล่าเรื่องน.ี้ ............................................................................................................................................. เลา่ ใหใ้ ครฟัง ............................................................................................................................................................ เลา่ ตอนไหน ............................................................................................................................................................ ประเพณีเกี่ยวกับการเลา่ นิทาน หรือ นิทานที่ใชเ้ ลา่ ในประเพณตี ่าง ๆ หรอื คณุ คา่ ของนทิ านพื้นบา้ น ................................................................................................................................................................................ ช่อื ผูเ้ กบ็ นิทาน ........................................................................................................................................................... สถานทเ่ี ลา่ หรอื เก็บนิทาน ........................................................................................................................................ วันเดือนปี เวลาท่ีเก็บนิทาน ...................................................................................................................................... รายละเอยี ดอน่ื ๆ ท่นี กั เล่านิทานเลา่ ให้ฟัง ............................................................................................................................................................... ................... ................................................................................................................... ...............................................................

88 การเกบ็ รวบรวมนิทานพนื้ บา้ น ตวั นิทาน บนั ทึกใหไ้ ดร้ ายละเอียดมากทีส่ ดุ สามารถบันทึกเสยี ง ภาพ ในการเลา่ นิทาน ชือ่ เรื่อง.........................................................................................................เล่าโดย................................. เน้ือเร่อื ง................................................................................................................... ................................................ ................................................................................................................... ................................................ ............. ................................................................................................................... ............................................................... ................................................................................................................... .............................................................. ................................................................................................................... .............................................................. ................................................................................................................... ............................................................... ................................................................................................................... ................................................ .............. ................................................................................................................... ............................................................... ข้อคิด หรอื บทเรยี นจากนทิ าน ................................................................................................................... .............................................................. ................................................................................................................... ............................................................... ................................................................................................................... ................................................ .............. ................................................................................................................... .............................................................. ................................................................................................................... ............................................................... ................................................................................................................... ................................................ .............. ................................................................................................................... ............................................................... ................................................................................................................... ................................................ ..............

89 ประวัติหัวหน้าโครงการ University 1. ชอื่ นายประสงค์ สายหงษ์ ตาแหน่งทางวิชาการ อาจารย์ 2. สังกัดคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม 3. ประวัตกิ ารศึกษา ท่ี ปที สี่ าเร็จ วุฒิ / สาขา สถาบนั การศึกษา 1 2552 Ph.D. (Early Intervention/Early Childhood Special Education) of Oregon, USA 2 2546 MA (Anthropology) Northern Illinois University, USA 3 2540 กศ.บ. (ภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลยั มหาสารคาม 4. ความชานาญ • Early intervention • Early identification • Early childhood teacher training • Folklore and early childhood development • Storytelling for early childhood education 5. ประสบการณท์ างวิชาการ: Presenter, the Talk Story Conference, Honolulu, Hawaii, 2009 Presenter, The Use of an Activity-Based Intervention approach (ABI) for Children with and without Disabilities, Honoring the Child, Honoring Equity 8: Young Citizen(s), New Citizenship(s) Conference, the Centre for Equity and Innovation in Early Childhood (CEIEC), Melbourne, Australia, 2008 ประวตั โิ ดยย่อ อาจารย์ ดร ประสงค์ สายหงษ์ เปน็ อาจารย์ประจาภาควิชาหลักสตู รและการสอน คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม เป็นอาจารย์ท่มี ีความเชีย่ วชาญดา้ นการศึกษาพิเศษ การศึกษาปฐมวยั และการเล่า นิทานเพ่ือการเรียนการสอนภาษาอังกฤษและกจิ กรรมเสริมสร้างพฒั นาผู้เรยี น อาจารย์ได้สาเร็จการศกึ ษา ระดับปริญญาตรี เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปริญญาโท และเอกจากประเทศสหรฐั อเมริกา ปัจจบุ ันอาจารยท์ าวจิ ัยเพื่อพัฒนาการศกึ ษาพเิ ศษสาหรับเดก็ ปฐมวัยโดยเนน้ ไปที่การพัฒนาระบบคดั กรอง พฒั นาการเด็กปฐมวยั เบ้ืองต้น คาดวา่ จะสาเร็จภายในไม่นานน้ี นอกจากนัน้ อาจารยย์ ังได้สบื สาน สนบั สนุน สง่ เสรมิ การเล่านทิ านเพือ่ นการเรียนการสอนและการปลูกฝังคา่ นิยมที่ดดี ้วยการเล่านทิ าน อาจารยไ์ ดร้ ับเชญิ จากหน่วยงานทัว่ โลกเพ่ือแสดงการเลา่ นทิ านและอบรมการเลา่ นทิ านพ้ืนบ้านไทย/ลาว และทสี่ าคัญพยายาม เชิญชวนใหผ้ ปู้ กครอง ครูอาจารย์ใช้นิทานอย่างสมา่ เสมอ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook