E – Book เรอื่ ง....ยาเสพติด จดั ทาโดย เด็กชายยศภทั ร ปรชี า เลขที่ 15 ชน้ั ม.3/6 รายวิชาออกแบบและเทคโนโลยี (ว22284) เสนอ คณุ ครอู ไุ รวรรณ โสภา
ประเภทของสารเสพติด พระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 ไดจ้ ดั ประเภทของยาเสพติดใหโ้ ทษ ออกเป็ น 5 ประเภท ดงั น้ี ประเภทท่ี 1 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษชนดิ รา้ ยแรง เป็ นยาทีไ่ มม่ ีการนามาใชใ้ นทาง การแพทย์ และทาใหเ้ กิดการเสีย่ งตอ่ การตดิ ยาของประชากรในระดบั รนุ แรง เชน่ เฮโรอีน ยาบา้ ยาอี เป็ นตน้ ประเภทที่ 2 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษทวั่ ไป เป็ นยาทมี่ ปี ระโยชนใ์ นการรกั ษาโรคในระดบั นอ้ ยจนถึงมาก และทาใหเ้ กดิ การเส่ียงตอ่ การติดยาของประชากรในระดบั ทต่ี อ้ ง พงึ ระวงั เชน่ มอรฟ์ ี น โคเคน โคเดอีน เป็ นตน้ ประเภทที่ 3 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษทม่ี ยี าเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท 2 เป็ นสว่ นผสมอยู่ ดว้ ย ตามท่ีไดข้ น้ึ ทะเบียนตารบั ไว้ เป็ นยาทที่ าใหเ้ กดิ การเส่ยี งตอ่ การตดิ ยาของ ประชากรนอ้ ย แตย่ งั คงมอี นั ตราย และมปี ระโยชน์ มากในการรกั ษาโรคเชน่ ยา แกไ้ อผสมโคเดอีน เป็ นตน้ ประเภทท่ี 4 สารเคมีท่ใี ชใ้ นการผลติ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท 1 หรือประเภท 2 เชน่ อาเซติค แอนไฮไดรด์ (Acetic Anhydride) อาเซติลคลอไรด์ (Acetyl Chloride) ประเภทที่ 5 ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษท่ีมไิ ดอ้ ยใู่ นประเภทที่1 ถึงประเภทที่4เชน่ กญั ชา พืชกระท่อม เห็ดข้ีควาย เป็ นตน้
ฝ่ิ น (OPIUM) ลกั ษณะทว่ั ไป ตน้ ฝิ่ นเป็ นพืชลม้ ลกุ นยิ มปลกู กนั ทางภาคเหนอื ของประเทศไทย (จดั เป็ น ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภท ๒ ตราพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) เนอื้ ฝิ่ น ไดม้ าจากยางท่ีกรีดจากผล (กระเปาะ) ฝิ่ นมีสีนา้ ตาล กลิน่ เหม็นเขยี ว รสขม เรียกวา่ ฝ่ิ น ดบิ และหากนาฝ่ิ นดบิ มาตม้ เคี่ยวหรือหมกั จะไดฝ้ ิ่ นทมี่ ีสนี า้ ตาลไหมป้ นดา มรี สขม เฉพาะตวั เรียกวาฝิ่ นสกุ ทงั้ ฝิ่ นดบิ และฝิ่ นสกุ มีฤทธิ์ในการ กดระบบประสาท อาการผเู้ สพติดฝิ่ น มีอาการจิตใจเล่อื นลอย ซึม งว่ ง พดู จาวกไปวนมา อารมณด์ ี และ การตดั สนิ ใจเชอ่ื งชา้ ผทู้ ่เี สพฝิ่ นตดิ ตอ่ กนั เป็ นระยะเวลานาน สขุ ภาพรา่ งกายจะทรดุ โทรม ตวั ซีดเหลือง ซบู ผอม ดวงตาเหมอ่ ลอย ริมฝี ปากเขยี วคลา้ อ่อนเพลียงา่ ย ซึมเศรา้ งว่ ง เหลาหาวนอน เกยี จครา้ น อารมณแ์ ปรปรวนงา่ ย พดู จาไมอ่ ย่กู บั รอ่ งกบั รอย ความจา เสื่อม ชพี จรเตน้ ชา้ ไมร่ สู้ กึ ตวั และหากไมไ่ ดเ้ สพฝิ่ นเมอ่ื ถึงเวลาจะมีอาการหงดุ หงดิ ฉนุ เฉียวงา่ ย บางรายมอี าการออ่ นเพลยี ไมม่ แี รง ดนิ้ ทรุ นทรุ าย นา้ มกู นา้ ตาไหล มา่ นตา ขยายผิดปกติ ปวดตามกลา้ มเนอื้ ตามกระดกู ปวดบิดในทอ้ งอยา่ งรนุ แรง อาเจียน หายใจลาบาก อาจชกั และหมดสตไิ ด้
มอรฟ์ ี น (MORPHINE) ลกั ษณะทวั่ ไป เป็ นสารอลั คาลอยดท์ ี่สกดั ไดจ้ ากฝ่ิ น มีลกั ษณะเป็ นผงสีขาวนวล สี ครมี สเี ทา ไมม่ ีกลน่ิ รสขม ละลายน้าง่าย (จดั เป็ นยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท ๒ ตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) มีฤทธ์ิในการกดประสาทและ สมองรนุ แรงกว่าฝิ่ น ประมาณ ๘-๑๐ เท่า เสพติดไดง้ ่าย มีลกั ษณะแตกต่างกนั เช่น อดั เป็ นเม็ด เป็ นผง เป็ นแท่งสเ่ี หล่ียมมีเครอ่ื งหมาย 999 หรอื OK เป็ น สญั ลกั ษณ์ และชนิดน้าบรรจหุ ลอด อาการผเู้ สพตดิ มอรฟ์ ี น ผทู้ ่ีเสพมอรฟ์ ี น ระยะแรกฤทธิ์ของมอรฟ์ ี นจะช่วยลดความ วิตกกงั วล คลายความเจ็บปวดต่าง ๆ ตามรา่ งกาย ทาใหม้ ีอาการง่วงนอนและ หลบั ง่าย และหากเสพจนเกดิ อาการติด ฤทธิ์ของมอรฟ์ ี นจะทาใหผ้ เู้ สพมีอาการ เหม่อลอย เซ่ืองซึม จิตใจเลือ่ นลอย เกียจครา้ นไม่สนใจต่อสงิ่ แวดลอ้ มรอบกาย สขุ ภาพรา่ งกายผา่ ยผอม ทรดุ โทรม และเม่ือไมไ่ ดเ้ สพจะเกดิ อาการกระวน กระวาย ความคิดสบั สนพฤติกรรมกา้ วรา้ ว หงดุ หงิดง่าย วิตกกงั วล หวาดระแวง หอู ้ือ นอนไมห่ ลบั ปวดทอ้ ง คล่ืนไส้ อาเจียน บางคนอาจชกั และหมด สติในท่ีสดุ
เฮโรอีน หรอื ผงขาว (HEROIN) ลกั ษณะทวั่ ไป เฮโรอีนเป็ นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษชนดิ รา้ ยแรง ประเภท ๑ (ตาม พระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) เฮโรอีนไดจ้ ากการสงั เคราะหต์ ามกรรมวิธี ทางเคมี ฤทธ์ิของเฮโรอีนมคี วามรนุ แรงกวา่ มอรฟ์ ี น ประมาณ ๔-๘ เทา่ และรนุ แรงกวา่ ฝิ่ นประมาณ ๓๐-๘๐ เทา่ อาการผเู้ สพติดเฮโรอีน เฮโรอีน เป็ นยาเสพตดิ ที่รา้ ยแรง เสพตดิ ไดง้ า่ ยเม่ือใชเ้ พียง ๑ หรือ ๒ ครงั้ อาจทาใหเ้ กิดอาการมนึ งงเซ่ืองซึม งว่ ง เคลมิ้ หลบั ไดเ้ ป็ นเวลานาน ไมส่ นใจ ตอ่ สิง่ ตา่ ง ๆ รอบขา้ ง บางรายเกดิ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ตาลาย สาหรบั ผทู้ เ่ี สพจนตดิ เสพเป็ นประจาร่างกายจะทรดุ โทรม ผอมตวั ซีดเหลือง ขอบตาคลา้ ดวงตาเหมอ่ ลอย นา้ หนกั ตวั ลดอย่างรวดเร็ว สมองและประสาทเสือ่ ม ความคิดสบั สน ความจาเสือ่ ม อ่อนเพลียไมม่ แี รง และหากใชย้ าเกิดขนาด ฤทธ์ิของเฮโรอีนจะทาใหห้ วั ใจหยดุ ทางาน เกิด อาการ \"ช็อค\" ถึงแกค่ วามตายไดท้ นั ที สาหรบั อาการขาดยาหรือไมไ่ ดเ้ สพยาเมอื่ ถึงเวลา เสพ ผเู้ สพตดิ เฮโรอีนจะเกิดอาการทรุ นทรุ าย ทกุ ขท์ รมาน นา้ มกู นา้ ตาไหล ความคิด ฟ้ ุงซ่าน สบั สน หงดุ หงดิ กระวนกระวาย ปวดเจ็บตามกลา้ มเนอื้ ตามกระดกู ปวดทอ้ ง อย่างรนุ แรง หอู ื้อ ตาพร่ามวั อาเจียนอย่างรนุ แรง ถ่ายอจุ จาระเป็ นเลอื ด นอนไมห่ ลบั บางรายมอี าการเพอ้ คลงั่ ชกั และหมดสตอิ าจถึงขน้ั เสียชวี ิตได้
โคเคน (COCAINE) ลกั ษณะทวั่ ไป โคเคนหรอื โคคาอีน เป็ นสารเสพติดธรรมชาติท่ีไดจ้ ากการ สงั เคราะหส์ ว่ นใบของตน้ โคคา (จดั เป็ นยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท ๒ ตาม พระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) นิยมปลกู กนั มากในประเทศแถบ อเมรกิ าใต้ และอเมรกิ ากลาง เช่น ประเทศโบลเิ วีย เปรู โคลมั เบีย เอกวาดอร์ เป็ น ตน้ มีฤทธิ์ในการ กระตนุ้ ประสาทสว่ นกลางเช่นเดียวกบั แอมเฟตามีน (ยามา้ ) แต่ ทาใหเ้ กดิ อาการติดยาไดง้ ่ายกว่า โคเคนหรอื โคคาอีนนิยมเรยี กกนั ในกลม่ ุ ผเู้ สพ ว่า COKE , SNOW , SPEED BALL , CRACK ฯลฯ มีลกั ษณะเป็ นผงละเอียดสีขาว รสขม ไมม่ ีกล่ิน มกั นิยมเสพโดยใชว้ ิธีสบู ฉีด หรอื สดู พ่นเขา้ ไปในจมกู ฯลฯน อาการผเู้ สพตดิ โคเคน ผเู้ สพติดโคเคนเขา้ สรู่ า่ งกาย ในระยะแรกฤทธิ์ของโคเคนจะ กระตนุ้ ประสาททาใหเ้ กดิ อาการไรค้ วามรสู้ ึก ดเู หมือนคลา้ ยมีกาลงั มากข้นึ มี ความกระปร้กี ระเปรา่ ไมร่ สู้ กึ เหนื่อย แต่เม่ือหมดฤทธ์ิยารา่ งกายและความรสู้ กึ จะออ่ นเพลียเมื่อยลา้ ข้นึ มาทนั ที มีอาการเซ่ืองซึมและหากว่าเสพจนถึงขนั้ ติดยา จะเกดิ ผลต่อรา่ งกายอยา่ งมาก เช่น หวั ใจเตน้ แรง ความดนั โลหิตสงู ตวั รอ้ น มีไข้ ตลอดเวลา นอนไม่หลบั ฯลฯ และหากเสพโคเคนเขา้ สรู่ า่ งกายเกดิ ขนาดจะเกดิ พิษเฉียบพลนั ฤทธิ์ของยาจะไปกดการทางานของหวั ใจ ทาใหห้ ายใจไม่ออกอาจ ชกั และเสียชีวิตได้
กญั ชา (CANNABIS) ลกั ษณะทว่ั ไป กญั ชาเป็ นพืชลม้ ลกุ จาพวกหญา้ ชนิดหนึ่ง มีชื่อเรยี กต่าง ๆ กนั เช่น THAISTICKS,MARY - JANE หรอื ที่นิยมเรยี กกนั ในกลม่ ุ ผเู้ สพว่า เน้ือ (จดั เป็ น ยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท ๕ ตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) ลกั ษณะใบกญั ชา จะเรยี วยาวแตกเป็ นแฉกคลา้ ยใบละห่งุ หรอื มนั สาปะหลงั สว่ นท่ี นามาใชเ้ สพกค็ ือ ใบและยอดช่อดอกตวั เมีย โดยการนามาตากหรอื อบแหง้ แลว้ บดหรอื หนั่ เป็ นผงหยาบ ๆ นามามวนบหุ ร่สี บู หรอื อาจสบู ดว้ ยกลอ้ งหรอื บอ้ ง กญั ชา บางรายใชเ้ ค้ียว หรอื เจือปนกบั อาหารรบั ประทาน ในกรณีที่เสพติดดว้ ย วิธีการสบู กล่นิ กญั ชาจะเหมือนกบั เชือกหรอื หญา้ แหง้ ไหมไ้ ฟ กญั ชาจะออกฤทธิ์ หลายอยา่ งผสมผสานกนั เรมิ่ ตงั้ แต่ กระตนุ้ กด และหลอนประสาททงั้ น้ีเน่ืองจาก ในช่อดอกและใบกญั ชามีสารพิษท่ีรา้ ยแรงชนิดหน่ึงเรยี กว่า TETRAHYDROCANNABINOL (THC) เป็ นสารพิษท่ีทาลายสขุ ภาพรา่ งกายและ กอ่ ใหเ้ กดิ อาการติดยา อาการของผเู้ สพติดกญั ชา ผทู้ ่ีเสพกญั ชาในระยะแรกของการเสพ ฤทธ์ิของ กญั ชาจะกระตนุ้ ประสาททาใหผ้ เู้ สพมีอาการรา่ เรงิ ช่างพดู หวั เราะง่าย หวั ใจเตน้ เรว็ ตื่นเตน้ ง่าย ต่อมาจะมีอาการคลา้ ยคนเมาเหลา้ อยา่ งอ่อนเน่ืองจาก กญั ชา ออกฤทธ์ิกดประสาทผเู้ สพจะมีอาการง่วงนอน ซึม หายใจถ่ีเห็นภาพลวง ตา ภาพหลอนต่าง ๆ เกดิ อาการ หแู ว่ว ตกใจง่าย วิตกกงั วล หวาดระแวง บาง รายคลนื่ ไสอ้ าเจียนความจาเส่ือมความคิดสบั สนเพอ้ คลง่ั ไม่สามารถควบคมุ ตนเองไดม้ ีอาการทางจิต นอกจากน้ีสารพิษในกญั ชายงั ทาลายระบบภมู ิคมุ้ กนั ของรา่ งกาย ทาใหร้ า่ งกายอ่อนแอ ติดโรคอื่น ๆ ไดง้ ่าย
กระท่อม (KRATOM) ลกั ษณะทว่ั ไป กระท่อมเป็ นพืชยนื ตน้ ขนาดกลางชนิดหน่ึง พบมากในแถบทวีป เอเชีย เช่น ประเทศอินเดีย ไทย ฯลฯ (จดั เป็ นยาเสพติดประเภท ๕ ตาม พระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ.๒๕๒๒) ลกั ษณะใบคลา้ ยใบกระดงั งาหรอื ใบฝรงั่ มีดอกกลมโตเท่าผลพทุ รา มีชื่อเรยี กต่าง ๆ กนั เช่น กระท่มุ โคก กระท่มุ พาย การเสพจะใชส้ ว่ นที่เป็ นใบเค้ียวสด หรอื ตากแหง้ แลว้ บดหรือหนั่ เป็ นผง หยาบนาไปผสมกบั น้ารอ้ นดื่มแทนใบชาจีน อาการผเู้ สพติดกระท่อม ผเู้ สพใบกระท่อม จะพบว่ารา่ งกายทรดุ โทรมมาก เน่ืองจากสขุ ภาพรา่ งกายทางานเกนิ กาลงั ลกั ษณะท่ีเห็นชดั คือ ผวิ หนงั ตาม รา่ งกายแหง้ เกรยี มดา ปากแหง้ แกม้ เป็ นจดุ ดา ๆ และมีอาการนอนไมห่ ลบั ทอ้ งผกู อจุ จาระเป็ นสเี ขียวคลา้ ยมลู แพะ และหากเสพเขา้ สรู่ า่ งกายติดต่อกนั เป็ น เวลานาน ๆ จะทาใหส้ ภาพจิตใจสบั สนอาจมีอาการทางประสาทและเม่ือไม่ได้ เสพจะมีอาการขาดยา รา่ งกายจะอ่อนเพลียปวดเม่ือยตามขอ้ ตามกลา้ มเน้ือ อารมณห์ งดุ หงิด กระวนกระวาย เบ่ืออาหารคลนื่ ไสอ้ าเจียน นอนไมห่ ลบั
เห็ดข้ีควาย (PSILOCYBE CUBENSIS MUSHROOM) ลกั ษณะทว่ั ไป เป็ นเห็ดพิษท่ีมกั ข้นึ อยตู่ ามมลู ความแหง้ และมีข้นึ อยทู่ วั่ ไปแทบทกุ ภาคของประเทศไทย มีช่ือเรยี กกนั ในบรรดานกั ท่องเท่ียวว่า MAGIC MUSHROOM (จดั เป็ นยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท ๕ ตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒) ลกั ษณะของเห็ดข้คี วายมีสเี หลืองซีดคลา้ ยสฟี างแหง้ บริเวณสว่ นบนของ หวั เห็ดท่ีมีรปู รา่ งคลา้ ยรม่ จะมีสนี ้าตาลเขม้ จนถึงดาบรเิ วณกา้ นตอนบนใกลต้ วั รม่ มีแผน่ เน้ือเยอื่ บาง ๆ สขี าวคลา้ ยวงแหวนแผอ่ ยรู่ อบกา้ น เห็ดข้คี วายพบได้ ทงั้ ในสภาพที่เป็ นเห็ดสดและเห็ดตากแหง้ ผทู้ ี่เสพหรอื บรโิ ภคเห็ดชนิดน้ีเขา้ ไป รา่ งกายจะไดร้ บั สารพิษ เช่นไซโลลนี และไซโลไซลีน ซ่ึงเป็ นสารพิษที่มีฤทธิ์ในการ หลอนประสาท ทาลายระบบประสาทอยา่ งรนุ แรง ผเู้ สพติดจะมีอาการมึนเมา จน อาจถึงขนั้ เสยี ชีวิต อาการผเู้ สพติดเห็ดข้คี วาย ผทู้ ่ีเสพหรอื บรโิ ภคเห็ดพิษจะรสู้ กึ รอ้ นวบู วาบ ตาม เน้ือตวั แน่นหนา้ อก ตาพรา่ อึดอดั รสู้ ึกไมส่ บาย คล่ืนไสอ้ าเจียน อาการดงั กลา่ ว จะมีมากนอ้ ยเพียงใดข้นึ อยกู่ บั ปรมิ าณของการเสพ และสภาพรา่ งกายของผเู้ สพ เป็ นสาคญั ในกรณีท่ีเสพหรอื บรโิ ภคเขา้ สรู่ า่ งกายในปรมิ าณมาก หรอื รา่ งกายมี ภมู ิตา้ นทานนอ้ ยฤทธิ์ของสารพิษอาจทาใหถ้ ึงแกช่ ีวิตได้ และบางรายกอ็ าจจะมี อาการมึนเมา เคล้มิ ประสาทหลอน ตาพรา่ ความคิดสบั สน มีอาการแปรปรวน ทางจิต อารมณเ์ ปลีย่ นแปลงไดง้ ่าย เพอ้ อาจบา้ คลง่ั ได้
แอมเฟตามีน (AMPHETAMINE) ลกั ษณะทวั่ ไป แอมเฟตามีน มีลกั ษณะเป็ นผงผลึกมีขาว ไมม่ ีกล่นิ รสขม มีฤทธ์ิใน การกระตนุ้ ระบบประสาทสว่ นกลาง (จดั เป็ นวตั ถทุ ี่ออกฤทธ์ิต่อจิตและประสาท ประเภท ๒ ตามพระราชบญั ญตั ิวตั ถอุ อกฤทธ์ิต่อจิตประสาท พ.ศ.๒๕๑๘) มีชื่อ เรยี กทางการคา้ ต่าง ๆ กนั เช่น เบนซีดรนี ฟี นามีน ฯลฯ แต่ในกลม่ ุ ผใู้ ชห้ รอื เสพ นิยมเรยี กกนั ว่า ยามา้ ยาขยนั ยาแกง้ ่วง ยาโดป๊ ยาเพ่ิมพลงั ฯลฯ ผงแอมเฟตา มีน ๑ กรมั ละลายไดใ้ นน้า ๙ ซี.ซี.(มิลลิลิตร) และละลายไดใ้ นแอลกอฮอล์ ๕๐๐ ซี. ซี.(มิลลลิ ิตร) แต่จะไมล่ ะลายในอีเทอร์ ผงแอมเฟตามีน (ยามา้ ) เม่ือนามาผลติ - อดั เป็ นเม็ดยาแลว้ จะมีลกั ษณะเม็ดยา เช่น เม็ดกลมแบน รปู เหลยี่ ม รปู หวั ใจ หรอื อาจเป็ นแคปซลู มีสีต่างกนั เช่นสีขาว สีน้าตาล สเี หลือง แต่ที่พบสว่ นมากจะเป็ น สีขาว เม็ดกลมแบน มีสญั ลกั ษณบ์ นเม็ดยา เช่น รปู หวั มา้ , LONDON, 99, รปู ดาว อาการของผเู้ สพตดิ แอมเฟตามนี (ยามา้ ) ฤทธิ์ของแอมเฟตามีน (ยามา้ ) จะสง่ ผล กระทบต่อผเู้ สพ กอ่ ใหเ้ กดิ อาการทงั้ ทางรา่ งกายและจิตใจ ดงั ต่อไปน้ี คือ อาการ ทางกาย ผเู้ สพแอมเฟตามีน (ยามา้ ) ประมาณ ๒๐ - ๓๐ กรมั ต่อวนั จะมีอาการ เบื่ออาหาร พดู มาก ต่ืนเตน้ ง่าย มือสนั่ คลืน่ ไส้ ความดนั โลหิตสงู หวั ใจเตน้ เรว็ และแรง ไม่รสู้ ึกง่วง เหงื่อออกมาก กลน่ิ ตวั แรง ปากและจมกู แหง้ หนา้ มนั ทางาน ไดน้ านเกนิ กว่าปกติ รมู า่ นตาเบิกกวา้ ง สบู บหุ รจี่ ดั ทอ้ งเสีย มีอารมณห์ งดุ หงิด ฉนุ เฉียวง่าย
อีเฟดรนี (EPHEDINE) หรอื ยาอี (Extacy) ลกั ษณะทว่ั ไป เป็ นผงละเอียดสีขาว เม่ือนามาผลิตเป็ นเม็ดยาจะมีหลายลกั ษณะ เช่น เป็ นเม็ดกลมแบน ชนิดน้าบรรจหุ ลอด และชนิดแคปซลู มีฤทธ์ิในการกระตนุ้ ระบบประสาทสว่ นกลาง เช่นเดียวกบั แอมเฟตามีน (ยามา้ ) จดั เป็ นวตั ถอุ อกฤทธ์ิ ต่อจิตและประสาทประเภท ๒ ตามพระราชบญั ญตั ิวตั ถอุ อกฤทธ์ิต่อจิตและ ประสาท พ.ศ.๒๕๑๘ ซ่ึงจากเดิม อีเฟดรนี จดั เป็ นวตั ถทุ ่ีออกฤทธ์ิต่อจิตและ ประสาทประเภท ๓ แต่เนื่องจาก ไดม้ ีการนาอีเฟดรนี มาใชใ้ นทางท่ีผิด มีการ นามาเสพแทนแอมเฟตามีน (ยามา้ ) กอ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาต่อชีวิตและทรพั ยส์ นิ สว่ นรวมอยา่ งมากมาย จึงไดม้ ีการแกไ้ ขกฎหมายท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั วตั ถทุ ี่ออกฤทธิ์ ต่อจิตและประสาท และจดั ใหอ้ ีเฟดรนี ทงั้ ชนิดน้าและทกุ ตารบั ยาท่ีมีสว่ นผสมของ อีเฟดรนี เป็ นวตั ถทุ ่ีออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท ๒ อาการของผเู้ สพติดอีเฟดรนี ผเู้ สพยาอีเฟดรนี จะมีอาการคลา้ ยคลึง เช่นเดียวกบั ผเู้ สพแอมเฟตามีน (ยามา้ ) กล่าวคือฤทธิ์ของอีเฟดรนี จะกระตนุ้ ระบบประสาท ทาใหผ้ เู้ สพสามารถทางานไดน้ านมีอาการตื่นเตน้ ง่าย ใจสน่ั ไม่ รสู้ กึ ง่วงนอน เหงื่อออกมาก ความดนั โลหิตสงู ฯลฯ หากเสพติดต่อกนั เป็ น เวลานานจะเกดิ อาการประสาทหลอน เป็ นโรคจิต บางรายท่ีเสพยาเขา้ สรู่ า่ งกาย เกนิ ขนาดจะเกดิ อาการประสาทหลอน เป็ นโรคจิต บางรายท่ีเสพยาเขา้ สรู่ า่ งกาย เกนิ ขนาดจะเกดิ อาการใจสน่ั มือเทา้ เกรง็ และชา ความดนั โลหิตสงู หวั ใจเตน้ เรว็ ผดิ ปกติ หายใจลาบาก
อา้ งอิง https://www.pinthong- group.com/tab/detail.php?id=27
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: