การบริหารยคุ ใหม่การบริหารยคุ ใหม่ตามพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษา แหง่ ชาติ พทุ ธศกั ราช 2542 ในหมวดท่ี 5 การบริหารและการจดั การศกึ ษา มาตรา 37กาหนดให้มีการจดั การศกึ ษาโดยเขตพนื ้ ที่การศกึ ษาในระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื ้ ฐาน เพ่อื เป็ นการสนองตอ่ หลกั การกระจายอานาจทางการศกึ ษาอยา่ งแท้จริง และคาดหวงั วา่ จะทาให้การจัดการศกึ ษามมี าตรฐานคณุ ภาพทใ่ี กล้เคียงกนั ใน แตล่ ะพนื ้ ท่ีการศกึ ษาคณุ สมบตั ิท่ผี ้บู ริหารต้องมี1. ผ้บู ริหารจะต้องรู้และเข้าใจในหลกั การนาไปสกู่ ารปฏิบตั ไิ ด้อยา่ งเป็ นรูปธรรม2. ผ้บู ริหารจะต้องใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศได้อยา่ งเหมาะสม3. การบริหารโรงเรียนจะต้องดาเนินการในรูปของคณะกรรมการสถานศกึ ษา4. การมบี ทบาทและมสี ว่ นร่วมของบคุ ลากรในโรงเรียน และชมุ ชน5. มีการนเิ ทศติดตามการดาเนนิ งานตา่ งอยา่ งเป็ นระบบ6. มกี ารตรวจสอบในเชงิ คณุ ภาพท่ีชดั เจน โดยเฉพาะการบริหารจดั การแบบมงุ่ เน้นผลงาน1. การบริหารการเปลย่ื นแปลงอาศยั หลกั คิดทฤษฎี แรงผลกั -แรงดงึ ประกอบด้วยปัจจยั ด้านระบบ เช่น ระบบการทางาน เคร่ืองมอื อปุ กรณ์ สภาพแวดล้อมปัจจยั ด้านบคุ คล เช่น ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ ทศั นคติ ความรู้สกึ ตอ่ การเปลยี่ นแปลง ความต้องการมีสว่ นร่วมเปลย่ี นแปลง 4 ด้าน คอืด้านโครงสร้าง (Structurul Change)ด้านบคุ ลาการในองคก์ าร (People Change) วิธีการทางาน หน้าท่ีด้านกระบวนการทางาน (Process Change) ให้การทางานเร็วขนึ ้ ประสทิ ธิผลเช่ือถือได้ด้านวฒั นธรรมองค์กร (Cultrral Change) มงุ่ เน้นการให้บริการประชาชน เปลย่ี นวฒั นธรรมการตดิ ตอ่ สมั พนั ธ์ทกุ ระดบั
ผ้มู บี ทบาทสาคญั ในการเปลย่ี นแปลง1.ผ้อู ปุ ถมั ถ์การเปลยี่ นแปลง (Change Sponsor) หมายถงึ ผ้มู อี านาจในการอนมุ ตั ใิ ห้มกี ารเปลยี่ นแปลง2.ผ้สู นบั สนนุ การเปลย่ี นแปลง (Change Advocate) หมายถงึ ผ้ทู ่ีให้การสนบั สนนุ การเปลยี่ นแปลงอยา่ งเป็ นรูปธรรมด้านการสอื่ สารความสาคญั และเนอื ้ หาการเปล่ียนแปลไปยงั สว่ นตา่ งๆขององค์กรต้องมลี กั ษณะดงั นี ้เข้าใจการเปลยี่ นแปลง / ผ้ทู ี่คนในองค์การรับฟัง นา่ เชื่อถือ / โน้มน้าวจิตใจคนฟัง / ทางานร่วมกบั ผ้อู ่นื ได้3.ผ้บู ริหารการเปลย่ี นแปลง (Change Agent) หมายถงึ ผ้ทู ี่วางแผนและทาให้การเปลย่ี นแปลงนนั้ เกิดขนึ ้ ขบั เคลอ่ื นควบคมุ กิจกรรม เป็ นผ้ปู ระสานและตวั กลาง มลี กั ษณะ เข้าใจการเปลยี่ นแปลง / มคี วามสามารถในการวางแผน ทางานร่วมกบั ผ้อู น่ื และแก้ปัญหา / ประสานงานทงั้ ระดบั บนและลา่ ง4.ผ้ทู จ่ี ะต้องเปลยี่ นแปลง (Change Target) ผ้ทู ่ีต้องถกู เปลย่ี นแปลง เชน่ เปลยี่ นตาแหนง่ หน้าท่ี ทศั นคติการวางแผนการเปลยี่ นแปลงอยา่ งเป็ นระบบ มี 5 ขนั้ ตอน1.สร้างทมี เจ้าภาพ หรือทีมงานทจี่ ะรับผิดชอบในการวางแผน2.พฒั นาวิสยั ทศั น์ของการเปลย่ี นแปลง3.วางแผนและกาหนดตวั ชวี ้ ดั4.พฒั นาโครงสร้างทสี่ นบั สนนุ การเปลย่ี นแปลง5.ดาเนินการและหยง่ั รากการเปลยี่ นแปลงลกั ษณะการวางแผนการเปลย่ี นแปลงอยา่ งเป็ นระบบ1. การวางแผน ลกั ษณะแผนท่ดี ี คอื เรียบงา่ ย แบง่ เป็ นสว่ นยอ่ ย บอกบทบาทหน้าที่ และยืดหยนุ่2. ประโยชน์ของตวั ชีว้ ดั ผลการทางานช่วยกาหนดความเร่งดว่ นของเป้ าหมาย / สร้างแรงกระต้นุ ในการทางาน/ เป็ นเคร่ืองมือในการตดิ ตามความก้าว หน้า / หาจดุ ที่ต้องการปรับปรุง / และใช้ในการสอื่ สารผลการทางาน3.การพฒั นาบคุ ลากร ให้มที ศั นคติ ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะท่จี าเป็ นตอ่ การเปลย่ี นแปลงจาหลกั แคน่ ี ้คงไปวเิ คราะห์ตอบข้อสอบได้ โอกาสเป็ นข้อสอบ 1 -2 ข้อ
ทฤษฏีทางการบริหารทฤษฎีลาดบั ขนั้ ความต้องการ 5 ขนั้Abraham Harold Maslow : ทฤษฎลี าดบั ขนั ้ ความต้องการ 5 ขนั ้1.ความต้องการทางกายภาพ (Physiological Needs) หมายถึงความต้องการพนื ้ ฐานของร่างกายซงึ่ จาเป็ นในการดารงชีวติ ได้แก่ความต้องการอาหาร นา้ อากาศ เสอื ้ ผ้า2.ความต้องการความปลอดภยั (Safety Needs) หมายถึง ความต้องการมนั่ คงปลอดภยั ทงั้ ทางด้านร่างกายและจิตใจ3. ความต้องการทางสงั คม (Social Needs) หมายถงึ ความต้องการท่จี ะเป็ นทีร่ ักของผ้อู ่นื และต้องการมสี มั พนั ธภาพทีด่ ีกบั บคุ คลอ่ืน4.ความต้องการยกยอ่ งชื่อเสยี ง (Esteem Needs)5.ความต้องการที่จะรู้จกั ตนเองตามสภาพทแี่ ท้จริงและความสาเร็จของชวี ิต(Self–ActualizationNeeds)หมายถงึความต้องการทจี่ ะรู้จกั และเข้าใจตนเองตามสภาพท่แี ท้จริงเพ่อื พฒั นาชีวติ ของตนเองให้สมบรู ณ์(Self-fulfillment)Douglas Mc Gregor : ทฤษฎี X และทฤษฎี Yทฤษฎี X(Theory X) เป็ นปรัชญาการบริการจดั การแบบดงั้ เดมิ โดยมองวา่ พนกั งานเกียจคร้าน ไมก่ ระตอื รือร้น ไมช่ อบงานและพยายามหลกี เลย่ี งงานทฤษฎี Y(Theory Y) เป็ น ปรัชญาการบริการจดั การ โดยมองวา่ พนกั งานมคี วามรับผิดชอบ มีความคดิ ริเริ่มในการแก้ปัญหาในการทางานและไมม่ คี วามเบือ่ หนา่ ยในการทางานแมคเกรเกอร์ ได้เรียกร้องให้ผ้บู ริหารเปลยี่ นแปลงมมุ มองมนษุ ย์จากมมุ มองตามทฤษฎี X ไปเป็ นมมุ มองตามทฤษฎี YWilliam Ouchi : ทฤษฎี Zการท่จี ะทาความเข้าใจทฤษฎี Z ได้นนั้ ต้องทาความเข้าใจของทฤษฎี A และทฤษฎี J ก่อนทฤษฎี A คอื Amarican Theory เป็ น ทฤษฎีวา่ ด้วยการบริหารจดั การร่วมสมยั ตามแบบของอเมริกา ซงึ่ ให้หลกั การวา่การบริหารจดั การแบบนี ้ต้องอาศยั การจดั การจากพนื ้ ฐานของบคุ คล ของผ้บู ริหารทเี่ กดิ ขนึ ้ ในอดตี ซง่ึ ในทฤษฎนี มี ้ ีหลกัสาคญั 3 ประการ คือ1.) Individualism มีความรับผดิ ชอบในหนว่ ยงานสงู แตก่ ็เกิดผลเสยี คอื ไมเ่ กดิ ความผกู พนั
2.) Short Term Employment คือ การจ้างงานในระยะสนั ้3.) Individual Decision Making สงู มคี วามมนั่ ใจในการตดั สนิ ใจ ผลเสยี คือ ขาดการทางานเป็ นทมีทฤษฎี J คือ การบริหารจดั การแบบญ่ีป่ นุ ซง่ึ มีลกั ษณะทีเ่ รียกวา่1.) การจ้างงานตลอดชีวติ หรือ Lifetime Employment มี การเลอ่ื นตาแหนง่ มคี วามผกู พนั กนัลกั ษณะประการท่ีสองของการบริหารจดั การแบบญ่ีป่ นุ คอื ต้องมี Concential Decision Making คอืการตดั สนิ ท่ตี ้องได้รับการยอมรับจากที่ประชมุ ซงึ่ เป็ นผลดี แตผ่ ลเสยี คอื อาจเกิดความลา่ ช้าวิลเลย่ี ม โอชิ มองเห็นข้อดแี ละข้อเสยี ของ 2 ทฤษฎตี วั อยา่ ง แล้วนาข้อดีข้อเสยี นนั้ มาวิเคราะห์สร้างเป็ นทฤษฎรี ่วมสมยัทเี่ รียกวา่ Blend Together หรือการนามาผสมผสานให้เป็ นหนงึ่ เดยี วกนั เรียกวา่ ทฤษฎี Z ซง่ึ เป็นแนวคดิ ของการบริหารจดั การเชิงจินตนาการ โดย1.) ใช้วิธีแบบ Long Term Employment หรือ การจ้างงานระยะยาวขนึ ้2.) Individaul Responsibility คอื จะต้องมีความรับผิดชอบสว่ นบคุ คล3.) Concential Decision Making คือ การตดั สนิ ใจต้องทาเป็นทมี ต้องมกี ารพดู คยุ ถงึ ผลดผี ลเสยี ของการบริหารจดั การแบบตา่ งๆHenry Fayol : บิดาทฤษฎีการบริหารจดั การสมยั ใหม่เป็ นบดิ าของทฤษฎกี ารจดั การการปฏิบตั กิ าร(Operational management theory)หรือบางทางก็ถือกนั วา่ เป็ นบดิ าของการบริหารจดั การสมยั ใหม่เขาเช่ือวา่ การบริหารนนั้ เป็ นเรื่องของทกั ษะ และเขาสนใจทจ่ี ะศกึ ษาองค์การโดยรวมและมงุ่ เน้นทกี่ ิจกรรมการจดั การ(Managerial activities) ซงึ่ ประกอบด้วยกิจกรรมห้าอยา่ งคอื1. การวางแผน(Planning)2. การจดั องค์การ(Organizing)3. การบงั คบั บญั ชา หรือการสงั่ การ (Commanding)4. การประสานงาน (Coordinating)
5. การควบคมุ (Controlling)องั ริ ฟาโยล (Henri Fayol) เป็ นนกั อตุ สาหกรรม หลกั การจดั การ 14 ประการ (Fayol's Fourteen Principles ofManagement) ซง่ึ มดี งั ตอ่ ไปนี ้คือ1. การจดั แบง่ งาน (division of work)2. การมอี านาจหน้าท่ี (authority)3. ความมีวินยั (discipline)4. เอกภาพของสายบงั คบั บญั ชา (unity of command)5. เอกภาพในทิศทาง (unity of direction)6. ผลประโยชน์ของหมคู่ ณะจะต้องเหนือผลประโยชน์สว่ นตน (Subordination of Individual Interests to theGeneral Interests)7. มรี ะบบคา่ ตอบแทนท่ยี ตุ ธิ รรม (remuneration)8. ระบบการรวมศนู ย์ (centralization)9. สายบงั คบั บญั ชา (scalar chain)10. ความเป็ นระบบระเบียบ (order)11. ความเทา่ เทยี มกนั (equity)12. ความมนั่ คง และสามญั ฐานะของบคุ ลากร (stability of tenure of personnel)13. การริเร่ิมสร้างสรรค์ (initiative)14. วิญญาณแหง่ หมคู่ ณะ (esprit de corps) การสร้างขวญั และกาลงั ใจในการทางาน มีความราบร่ืน และความเป็ นปึกแผน่ ในMax Weber : ทฤษฎกี ารจดั การตามระบบราชการ (Bureaucratic Management)แนวคิดการจดั องค์กรของเวบ็ เบอร์มี 6 ประการมีดงั นี ้คือ
1. องค์การ ต้องมกี ารจดั แบง่ งานออกเป็ นสว่ นๆ (Division of labor)2. องค์การนนั้ ต้องมีสายบงั คบั บญั ชาตามลาดบั ชนั้ ( Authority Hierarchy)3. ระบบการคดั เลอื กคนนนั้ ต้องกระทาอยา่ งเป็ นทางการ ( Formal Selection)4. องค์การต้องมรี ะเบยี บ และกฏเกณฑ์ (Formal Rules and Regulations)5. ความไมเ่ ลอื กท่ีรักมกั ทชี่ งั ( Impersonality)6. การแยกระบบการทางานออกเป็ นสายอาชีพ (Career Orientation)Luther Gulick : POSDCORBกิจกรรม 7 ประการมดี งั นี ้P - PlanninO - OrganizingS - StaffingD - DirectingCO - CoordinatingR - ReportingB - BudgetingFrederick Herzberg : ทฤษฎี 2 ปัจจยั (Two Factors Theory)ทฤษฎเี ก่ยี วกบั แรงจงู ใจโดยเฟรเดอริค เฮิร์ซเบอร์ก (Frederick Herzberg)แรงจงู ใจของมนษุ ย์จะประกอบด้วย 2 ปัจจยั คอื1. ปัจจยั ภายนอกหรือเรียกวา่ Hygiene Factors2. ปัจจยั ภายใน หรือ Motivation Factorsปัจจยั ภายนอก(Hygiene Factors) ได้แก่* นโยบายขององค์กร* การบงั คบั บญั ชา
* ความสมั พนั ธ์กบั หวั หน้างาน* สภาพแวดล้อม/เงื่อนไขในการทางาน* คา่ จ้าง/เงินเดอื น/สวสั ดกิ าร* ความสมั พนั ธ์กบั เพ่อื นร่วมงานปัจจยั ภายใน(Motivation Factors) ได้แก่* การทางานบรรลผุ ลสาเร็จ* การได้รับการยอมรับ* ทางานได้ด้วยตนเอง* ความรับผิดชอบ* ความก้าวหน้าในงาน* การเจริญเติบโตนอกจากนเี ้ฮิร์ซเบอร์กยงั บอกอกี วา่1.องค์กรควรจะให้คนทางานท่ที ้าทายอยา่ งเตม็ ความสามารถ2.พนกั งานทที่ างานได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและเตม็ ความสามารถจะต้องได้รับการเพ่มิ ความรับผิดชอบให้สงู ขนึ ้3.หากงานไมม่ คี วามท้าทาย และไมท่ าให้คนทางานได้อยา่ งเตม็ ความสามารถแล้วจะเกิดปัญหาในเร่ืองของแรงจงู ใจในการทางานFrederick W. Taylor : ทฤษฏีการจดั การตามหลกั วทิ ยาศาสตร์ปรัชญาการบริหารของเทยเ์ ลอร์ได้แก่1.ทาการศกึ ษางานแตล่ ะสว่ นด้วยวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์และพฒั นาวิธีการทดี่ ที ่สี ดุ สาหรับการทางานแตล่ ะอยา่ ง2.ใช้หลกั การทางวิทยาศาสตร์ในการคดั เลอื กและการฝึกอบรมพนกั งานและมอบหมายความรับผิดชอบให้ทางานท่ีเหมาะสมที่สดุ สาหรับแตล่ ะคน
3. มีการประสานงานกนั อยา่ งใกล้ชิดระหวา่ งผ้บู ริหารและพนกั งาน4. แบง่ งานและความรับผดิ ชอบในงานเป็ นสว่ นตา่ ง ๆเทย์เลอร์ได้พฒั นาวิธีการจา่ ยคา่ จ้างตอ่ หนว่ ยแบบสองระดบั (Different rate system)http://arisa1.blogspot.com/2012/05/blog-post_9719.html
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: