ส่ือการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคล่ือนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 โดย เอกสารจะประกอบไปด้วย แรง ประเภทของแรง แรงดึงและ แรงผลัก แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัส ซ่ึงจัดทาข้ึนเพ่ือใช้เป็นส่ือใน การประกอบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ โดยได้รวบรวมเนื้อหา สาระที่เป็นความรู้ให้มีความกระชับ เหมาะสมกับวัยของนักเรียน ช่วย ให้อ่านเข้าใจได้ง่าย มีท้ังภาพประกอบพร้อมคาบรรยาย และ แบบฝกึ หัดให้นกั เรียนได้ทาความเข้าใจ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสื่อการเรียนรู้ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ แก่ผู้ศึกษาไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ท่นี ้ี คณะผู้จดั ทา
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจาวัน ผลของ แรงทก่ี ระทาต่อวัตถุ ลกั ษณะการเคลอ่ื นท่แี บบ ต่างๆของวัตถุ รวมท้งั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชวี้ ัด ป.3/1 ระบุผลของแรงทม่ี ีต่อการเปล่ยี นแปลงการเคลือ่ นท่ี ของวตั ถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ป.3/2 เปรยี บเทียบและยกตวั อยา่ งแรงสมั ผัสและแรง ไม่สัมผัสที่มีผลต่อการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถโุ ดยใช้ หลักฐานเชิงประจกั ษ์ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สามารถอธิบายแรงและประเภทของแรงได้ 2. สามารถอธิบายผลของการออกแรงท่ีกระทาต่อวัตถไุ ด้ 3. สามารถเปรียบเทยี บและยกตัวอย่างแรงสมั ผสั และแรง ไมส่ มั ผัสทม่ี ผี ลต่อการเคลือ่ นที่ของวตั ถุได้
แรง (force) คอื กาลังหรอื อานาจทกี่ ระทาต่อวัตถุหรอื ส่ิงของตา่ งๆ ซึ่งมผี ลทาใหว้ ัตถุ 1. จากหยุดนิง่ กลายเปน็ เคล่อื นที่ 2. จากเคลอ่ื นทีก่ ลายเป็นเคลอ่ื นที่เรว็ ขึ้นหรือชา้ ลงหรอื หยดุ นง่ิ 3. เปลีย่ นทิศทางการเคลือ่ นท่ี 4. เปล่ยี นรูปรา่ ง แรง มหี น่วย เปน็ นวิ ตนั (N) เป็นการใหเ้ กยี รติ แก่ เซอรไ์ อแซค นิวตัน (ผ้คู น้ พบแรงโนม้ ถว่ งของโลก) สัญลกั ษณ์ทเ่ี ขยี นแทนแรง เรียกวา่ เวกเตอร์ ซึ่งความยาวของเสน้ ตรงเปน็ การบอกขนาดของแรงและ หัวลกู ศรเปน็ การบอกทิศทางของแรง
ปญั หา การออกแรงกระทาตอ่ วตั ถมุ ผี ลตอ่ การเคลื่อนทอี่ ยา่ งไร อุปกรณ์ 1. ลูกบอล 1 ลูก 2. แผน่ ไม้ 1 แผน่ วธิ ที า 1. วางลูกบอลบนพน้ื โดยไมอ่ อกแรงกระทา สังเกตการเคลอ่ื นทีข่ องลูกบอลและบนั ทึกผล 2. ใชม้ อื ผลักลูกบอลไปข้างหน้า แรงกระทา สังเกตการเคลอ่ื นที่ของลกู บอลและบันทึกผล 3. ขณะทลี่ ูกบอลกาลังเคลือ่ นทีใ่ หอ้ อกแรงผลักลกู บอลไปขา้ งหน้า สงั เกตการเคลื่อนทขี่ องลกู บอลและบันทกึ ผล แรงกระทา 4. ขณะที่ลกู บอลกาลังเคลื่อนท่ีใหอ้ อกแรงผลักลูกบอลในทิศทาง ตัง้ ฉากกับการเคลอื่ นที่ สงั เกตการเคล่ือนทีข่ องลกู บอลและ บนั ทกึ ผล ทิศทางการเคลอ่ื นที่ แรงกระทา 5. จากน้นั ใช้แผ่นไมก้ ัน้ ลกู บอลในทิศทางตรงกันข้ามกับการเคลอื่ นที่ สังเกตการเคลอ่ื นท่ีของลกู บอลและบนั ทกึ ผล แรงกระทา
ไม่ออกแรงกระทาต่อลกู บอล ใช้มอื ผลกั ลกู บอลไปข้างหน้า ขณะทลี่ กู บอลกาลังเคล่ือนท่ใี ห้ ออกแรงผลักลกู บอลไปข้างหนา้ ออกแรงผลักลกู บอลในทศิ ทาง ตั้งฉากกับการเคลอื่ นที่ ใชแ้ ผน่ ไม้ก้นั ลกู บอลในทศิ ทาง ตรงกนั ข้ามกบั การเคลือ่ นท่ี
คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นทาเคร่ืองหมาย ลงในช่องวา่ ง หน้ารปู ภาพทีม่ กี ารใช้แรง
คาชแ้ี จง : ให้นักเรียนเขยี นอธบิ ายผลของแรงที่ทาใหว้ ัตถุ เกิดการเปลย่ี นแปลงการเคลื่อนท่ี 1) ตน้ ออกแรงเตะลกู ฟุตบอลทวี่ างอย่บู นพน้ื หญา้ จะเกดิ ผลอยา่ งไร ตอบ……………………………………………..… ………….………………………………………… …………………………………………………… ………….………………………………………… …………………...................................................… 2) แนนออกแรงดงึ เชอื กจูงสนุ ขั ท่กี าลงั วงิ่ ไปขา้ งหนา้ จะเกิดผลอยา่ งไร ตอบ……………………………………………..… ………….………………………………………… …………………………………………………… ………….………………………………………… …………………...................................................…
คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นกาเครอ่ื งหมาย หน้าขอ้ ความท่ี ถูกตอ้ งและกาเครือ่ งหมาย x หน้าขอ้ ความที่ผดิ 1. แรง คือ กาลังหรอื อานาจทกี่ ระทาตอ่ วตั ถหุ รอื สงิ่ ของตา่ งๆ 2. แรง มีหน่วยเปน็ ตารางเมตร 3. แรงไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางการเคลอ่ื นท่ีได้ 4. สัญลักษณ์ทเ่ี ขยี นแทนแรง เรียกว่า เวกเตอร์ 5. การปัน่ จกั รยาน เป็นการใช้แรง 6. การนอนหลับ เป็นการใชแ้ รง 7. การบิดกระดาษ เปน็ การออกแรงทาให้วัตถเุ ปลีย่ นรูปรา่ ง 8. หวั ลูกศรเปน็ การบอกทิศทางของแรง 9. ผคู้ ้นพบแรงโน้มถว่ งของโลก คอื นีล อารม์ สตรอง 10. การเตะลกู บอล เป็นการทาใหล้ กู บอลเกิดการเคลื่อนท่ี
แรง แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คอื เชน่ แรงลม ได้แก่ พายุ ไต้ฝนุ่ ทอร์นาโด กงั หันหมนุ แรงนา้ ได้แก่ นา้ ท่วม, นา้ ปา่ พัดคนและสัตว์, สนึ ามิ, ทรายดดู , แรงโน้มถ่วง หรอื แรงดึงดดู ของโลก ค้นพบโดย เซอร์ไอแซก นิวตนั โดยสงั เกตจากการหล่นของลูกแอปเปิล้ ดงึ ดดู วตั ถุอยบู่ นพืน้ ผิวโลก ไม่ให้หลุดลอย ทาให้สิ่งของมี นา้ หนัก ทาใหส้ ่ิงของตกหลน่ ได้ แรงแม่เหลก็ และ แรงไฟฟ้า เปน็ ตน้
คอื แรงทเ่ี กดิ จาก การเคลื่อนไหว ออกกาลังจากกล้ามเนอ้ื มนษุ ย์หรือสตั ว์ เช่น แรงดึง ไดแ้ ก่ รบั ของ เก็บของจากพน้ื ชกั เยอ่ ลากของ แรงผลกั ได้แก่ ตีแบด เตะบอล โยนของ เข็นรถ ไสรถ ผลกั ของ แรงท่ีทาใหว้ ตั ถุเปลี่ยนรูปร่าง ได้แก่ แรงบีบ, ขยา, เป่า, ปั้น เปน็ ตน้ เช่น แรงจากเครื่องจักรกล ไดแ้ ก่ รถยนต์ เรอื เครื่องบนิ แรงทีเ่ กิดจากเครอ่ื งผอ่ นแรง ไดแ้ ก่ ลูกรอก คานดดี คานงัด เปน็ ตน้
ปญั หา การออกแรงกระทาตอ่ วสั ดุ ทาให้วสั ดุเกดิ การเปลย่ี นแปลง อุปกรณ์ ดินนา้ มัน 1 กอ้ น วธิ ที า 1. นาดนิ นา้ มันก้อนสเ่ี หลี่ยมใสฝ่ า่ มอื จากนัน้ บบี กอ้ นดินน้ามนั สังเกตรูปร่างของดนิ น้ามนั จากการบบี และบันทกึ ผล 2. ปัน้ ดินนา้ มนั ให้มลี ักษณะเป็นเส้นตรง จากนน้ั ออกแรงบิด ดนิ น้ามัน สังเกตรูปรา่ งของดินนา้ มันจากการบิดและบันทกึ ผล 3. ปนั้ ดินน้ามนั ใหม้ ีลกั ษณะเป็นกอ้ นกลม จากนนั้ ออกแรงทบุ ดินนา้ มัน สงั เกตรูปรา่ งของดนิ น้ามันจากการทุบและบันทกึ ผล ดนิ นา้ มันจากการบีบ ดนิ น้ามนั จากการบิด ดนิ นา้ มนั จากการทุบ
คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนจาแนกชนดิ ของแรงตอ่ ไปนี้ ลงใน กรอบสเ่ี หล่ียมขา้ งล่างให้ถกู ต้อง พายุ แรงบีบ สนึ ามิ แรงผลกั แรงโนม้ ถ่วง แรงดงึ โยนของ รถยนต์ เตะบอล ลกู รอก ยกของ คานดดี คานงัด แรงแมเ่ หลก็ ใบไมป้ ลวิ เรอื ตแี บด รถไฟ เป่าลูกโป่ง เครอ่ื งบิน ผลไม้หลน่ ทรายดดู ปนั้ ดนิ น้ามนั แผน่ ดนิ ไหว ตอกตะปู เปดิ ประตู พัดลม
คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาทกี่ าหนดให้เตมิ ลงใน ช่องวา่ งให้ถูกต้อง
คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นโยงเสน้ จับค่ภู าพกบั ประเภทของแรง ให้ถกู ตอ้ ง แรงโน้มถ่วง แรงทที่ าให้วตั ถุ เปล่ียนรูปรา่ ง แรงน้า แรงจากเคร่อื งจกั รกล
แรงทเ่ี กิดจาก เครอ่ื งผ่อนแรง แรงลม แรงผลกั แรงดึง แรงแมเ่ หลก็
การดงึ และการผลักเป็นผลการกระทาจากแรง เป็นการออกแรงต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สิ่งนั้นเคลื่อนท่ี เข้าหาตัวเรา เช่น เด็กดึงกล่องเข้ามา นักเรียนดึงผ้าลง จากราวตากผ้า พี่ใช้เท้าเขี่ยบอลเข้ามา คนเล่นชักเย่อ เดก็ ลากรถ พดี่ ึงโบจากผม เปน็ ต้น เป็นการออกแรงต่อสิ่งใดส่ิงหน่ึงให้ส่ิงนั้นเคลื่อนที่ ออกจากตัวเรา เชน่ ผลักหน้าต่างให้เปิดออก เตะฟุตบอล เข็นรถ ตีแบด ผลักรถเด็กเล่น ถูพื้นไปข้างหน้า ตีลูก เทนนสิ เป็นตน้
การใชแ้ รงผลกั สิง่ ท่นี ่ิงอยูก่ บั ทกี่ บั สง่ิ ทีก่ าลงั เคลอื่ นทกี่ ต็ ่างกนั เชน่ เมื่อเตะฟตุ บอลที่ กาลังกล้งิ ไปขา้ งหน้าเราอยแู่ ลว้ เราเตะต่อก็ จะใช้แรงนอ้ ยกว่าเตะบอลทีน่ ่งิ อยกู่ บั ที่ ส่วนบอลทก่ี าลงั กล้ิงสวนทาง มาหาตวั เรา เราตอ้ งใช้แรง ผลักหรอื เตะมากข้นึ ดังนั้น การใช้แรงผลกั กบั วตั ถุทเี่ คลอ่ื นทไ่ี ปทาง เดียวกับเราจะ น้อยกวา่ ใช้แรงกับวัตถุที่ เคล่อื นท่ีสวนทางกับเราหรอื วง่ิ มาหาเรา
คาช้แี จง : ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปนใ้ี ห้ถูกต้อง 1. ความหมายของแรงผลัก พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ ตอบ ………………………………………………………………… ………………………….............................................………… ………………………………………………………………… ………………………………..............................................…… 2. ความหมายของแรงดงึ พร้อมยกตวั อย่างประกอบ ตอบ ………………………………………………………………… ………………………….............................................………… ………………………………………………………………… ………………………………..............................................……
3. เตะฟุตบอล พายเรือ รบั ลกู บอล การออกแรงใน กิจกรรมใดทาใหว้ ตั ถุหยดุ นิง่ ตอบ ……………………………………………………………… …………………………….............................................…… ……………………………………………………………… 4. ถา้ เราตอ้ งการใหส้ นุ ขั ที่เรากาลังจงู อยวู่ ่งิ ชา้ ลง ควรทา อยา่ งไร ตอบ ………………………………………………………………… ………………………….............................................………… ………………………………………………………………… 5. ถ้านกั เรียนดงึ เพื่อนไวข้ ณะทเ่ี พื่อนกาลังวิ่งอยู่ จะเกดิ ผล อยา่ งไร ตอบ ………………………………………………………………… ………………………….............................................………… …………………………………………………………………
คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นดูภาพแล้วบอกว่ากิจกรรมในภาพเปน็ แรงดึงหรอื แรงผลกั และทาให้วัตถเุ คลื่อนท่ีอย่างไร …………………………...........................................................………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… เพราะ…………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………
…………………………...........................................................………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… เพราะ…………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………
คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาทกี่ าหนดให้เตมิ ลงใน ช่องวา่ งให้ถูกต้อง
แรงสมั ผัส หมายถงึ แรงท่ตี อ้ งมกี ารสมั ผัสกับวัตถุ แรงประเภทน้ี ไดแ้ ก่ แรงดงึ สปริง แรงลากรถ แรงเตะฟุตบอล ฯลฯ แรงไมส่ มั ผัสหรือแรงสนาม หมายถึง แรงท่ีไม่ต้องมีการสัมผัสกับ วตั ถุ แรงประเภทน้ี ไดแ้ ก่ แรงโนม้ ถว่ งของโลก แรงแมเ่ หลก็ และแรงไฟฟ้า เปน็ ต้น
คาช้แี จง : ให้นักเรียนสารวจกจิ กรรมในชวี ิตประจาวันที่มี การออกแรงแลว้ ทาให้วตั ถเุ คล่อื นทีไ่ ด้มา 5 กิจกรรม จากน้ันบันทึกผลลงในตาราง กิจกรรม ชนดิ ของแรง วตั ถเุ กดิ การ เปลยี่ นแปลง แรง แรงไม่ การเคล่อื นที่ สัมผัส สมั ผัส
คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคาทก่ี าหนดใหเ้ ตมิ ลงใน ช่องว่างใหถ้ กู ต้อง ใบไม้ร่วง ออกแรงเขน็ รถ ออกแรงปั่นจักรยาน ฝนตก
ออกแรงเตะฟุตบอล การเกดิ ไฟฟา้ สถิตบนเสน้ ผม แทง่ แมเ่ หลก็ ดึงดูดตะปู ออกแรงผลักกลอ่ ง เลน่ บาสเกตบอล การเลน่ วา่ ว
ตอนท่ี 1 คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนจบั คคู่ วามหมายใหถ้ กู ต้อง ............. 1) แรง ............. 2) หนว่ ยของแรง ............. 3) เวกเตอร์ของแรง ............. 4) เซอร์ไอแซค นิวตัน ............. 5) แรงที่เกิดจากธรรมชาติ ............. 6) แรงทเี่ กดิ จากมนุษยห์ รือสตั ว์ ............. 7) แรงทเี่ กดิ จากสิง่ ที่มนษุ ย์สร้างขน้ึ ............. 8) แรงทท่ี าให้วัตถุเปลย่ี นแปลงรปู รา่ ง ............. 9) แรงผลกั ............. 10) แรงดึง ............. 11) แรงโนม้ ถว่ ง ............. 12) แรงสมั ผัส ............. 13) แรงไมส่ มั ผัส
ก. แรงจากเครื่องจักรกล , แรงทีเ่ กิดจากเคร่อื งผ่อนแรง ข. ดงึ วัตถบุ นพน้ื ผวิ โลกไมใ่ หห้ ลดุ ลอย , ทาให้วตั ถุมนี า้ หนกั ค. แรงลม , แรงนา้ , แรงโนม้ ถว่ ง ง. แรงท่ีทาให้วัตถเุ คลือ่ นท่ีมาหาเรา ใชแ้ รงจากกลา้ มเนอื้ ของเรา จ. แรงท่ที าใหว้ ตั ถุเคลือ่ นทีอ่ อกจากเรา ใช้แรงจากกลา้ มเน้ือของเรา ฉ. แรงบบี , แรงบิด , แรงขยา , แรงเป่า , แรงป้ัน ช. แรงดึง , แรงผลกั , แรงท่ีทาใหว้ ัตถเุ ปลีย่ นรูปรา่ ง ซ. ผู้คน้ พบแรงโน้มถ่วงของโลก ฌ. แรงท่ีตอ้ งมกี ารสมั ผัสกับวตั ถุ ญ. นวิ ตัน (N) ฎ. แรงทีไ่ มต่ ้องมกี ารสมั ผสั กับวตั ถุ ฏ. สญั ลกั ษณ์ท่ีเขยี นแทนแรง ซึง่ หวั ลูกศรเป็นการบอกทิศทางของแรง ฐ. ทาให้วัตถุเคล่อื นท่ีหรือหยุดน่งิ , ทาให้วตั ถุเปล่ยี นรปู รา่ ง , เปลย่ี นทศิ ทางการเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถุ
ตอนท่ี 2 คาชีแ้ จง : ให้นกั เรียนทาเคร่ืองหมายกากบาท ทับขอ้ ท่ถี กู ต้องท่สี ุดเพียงขอ้ เดยี ว 1. ข้อใดคือหน่วยของแรง ก. นวิ ตนั ข. เมตร ค. ลติ ร 2. สัญลกั ษณ์ที่เขียนแทนแรงเรียกวา่ อะไร ก. สเกลาร์ ข. เวกเตอร์ ค. เสน้ ตรง 3. ข้อใดคือแรงทเ่ี กดิ จากธรรมชาติ ก. แรงลม แรงดึง แรงโน้มถ่วง ข. แรงน้า แรงโน้มถ่วง แรงแมเ่ หลก็ ค. แรงลม แรงน้า แรงบีบ 4. ขอ้ ใดคือแรงผลกั ท้งั หมด ก. เตะฟตุ บอล ชักเยอ่ ข. โยนของ ลากโต๊ะ ค. ตีลกู เทนนิส เขน็ รถ 5. จากภาพเปน็ แรงประเภทใด ก. แรงผลัก ข. แรงโน้มถว่ ง ค. แรงดึง
6. ใครคือผ้คู น้ พบแรงโน้มถ่วงของโลก ก. เซอร์ไอแซค นวิ ตนั ข. นลี อารม์ สตรอง ค. กาลเิ ลโอ 7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่แรงสมั ผสั ก. แรงลากรถ ข. แรงเตะฟุตบอล ค. แรงแมเ่ หล็ก 8. ถา้ นักเรยี นนั่งใตต้ น้ ชมพแู่ ลว้ ลูกชมพู่หลน่ ใส่ นกั เรียนคิดว่า เกิดจากแรงประเภทใด ก. แรงโน้มถ่วงของโลก ข. แรงสมั ผสั ค. แรงทเ่ี กดิ จากมนษุ ยป์ ระดิษฐข์ ึ้น 9. ขณะทล่ี ูกบอลกาลังเคลอ่ื นท่ี นกั เรยี นเอาแผน่ ไม้ไปกั้นลกู บอล จะมีลกั ษณะอย่างไร ก. ลูกบอลเคลอ่ื นที่เร็วขน้ึ ข. ลูกบอลเคล่อื นท่ชี ้าลง ค. ลูกบอลเปลยี่ นทศิ ทาง 10. ขอ้ ใดเป็นแรงทเ่ี กิดจากมนุษย์ประดษิ ฐ์ขน้ึ ทงั้ หมด ก. พายุ เคร่ืองบิน เรอื ข. เรือ แรงแม่เหล็ก ลกู รอก ค. ลูกรอก เคร่ืองบนิ รถยนต์
ตอนท่ี 1 คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นจบั คู่ความหมายให้ ถกู ต้อง ฐ 1) แรง ญ 2) หนว่ ยของแรง ฏ 3) เวกเตอร์ของแรง ซ 4) เซอร์ไอแซค นวิ ตัน ค 5) แรงทเ่ี กดิ จากธรรมชาติ ช 6) แรงท่ีเกิดจากมนุษย์หรือสตั ว์ ก 7) แรงท่เี กดิ จากสิง่ ทม่ี นุษยส์ รา้ งข้ึน ฉ 8) แรงท่ีทาให้วัตถเุ ปล่ยี นแปลงรปู รา่ ง จ 9) แรงผลัก ง 10) แรงดึง ข 11) แรงโน้มถว่ ง ฌ 12) แรงสัมผัส ฎ 13) แรงไม่สมั ผสั
ตอนท่ี 2 คาช้ีแจง : ให้นักเรยี นทาเครอ่ื งหมายกากบาท ทับข้อที่ถกู ต้องท่สี ุดเพียงข้อเดยี ว 1. ก. นิวตนั 2. ข. เวกเตอร์ 3. ข. แรงน้า แรงโนม้ ถ่วง แรงแมเ่ หลก็ 4. ค. ตลี กู เทนนสิ เขน็ รถ 5. ค. แรงดงึ 6. ก. เซอร์ไอแซค นวิ ตัน 7. ค. แรงแม่เหล็ก 8. ก. แรงโน้มถ่วงของโลก 9. ข. ลูกบอลเคลื่อนที่ช้าลง 10. ค. ลกู รอก เคร่อื งบิน รถยนต์
เพ็ญพักตร์ ภศู่ ลิ ป์. (2560). . กรุงเทพฯ: บรษิ ทั อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท.จากดั สชุ าติ สุภาพ. (2560). . คณะวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บุรี. DomeDream. (2555). . [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://dreamkampong.blogspot.com/2012/12/1.html . (วนั ทส่ี ืบคน้ ข้อมลู : 31 สิงหาคม 2563). Yada-animation. (2558). . [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ จาก : https://http://www.krusarawut.net/wp/?p=9356. (วนั ท่ีสบื ค้นข้อมูล : 31 สงิ หาคม 2563).
Search
Read the Text Version
- 1 - 40
Pages: