9 ภาษี ในการประกอบธุรกิจ
ภาษี คืออะไร? ภาษี (Tax) คือ เงินตราหรือทรัพย์ที่ประชาชนต้องนำ ส่งให้กับรัฐหรือสถาบันที่มีหน้าที่เทียบเท่ากับรัฐทั้ง บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เพื่อนำเงินตราหรือทรัพย์ ที่เก็บได้จากประชาชนมาใช้ในการบำรุงผลักดันและ สร้างเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งภาษีเหล่านี้จะถูกนำมา เป็นค่าใช้จ่ายในระบบราชการ สาธารณูปโภคทั้งหมดใน ประเทศชาติเพราะเป็นรายได้หลักจากรัฐที่จะนำมา พัฒนาให้ประชาชนอยู่กันในประเทศอย่างภาสุข
9 ภาษี ในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ 1.ภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.ภาษีเงินได้ 3.ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 4.ภาษีธุรกิจเฉพาะ 5.ภาษีสรรพสามิต 6.ภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 7.ภาษีบำรุงท้องที่ 8.ภาษีป้าย 9.อากรแสตมป์
1.ภาษีมูลค่าเพิ่ม Value Added Tax (VAT) คือภาษีซึ่งเก็บจากมูลค่าของการซื้อขายสินค้าหรือบริการ ปัจจุบันภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศไทยเรานั้น อยู่ในอัตรา คงที่คือ 7% หากผู้ประกอบการได้ทำการจดทะเบียนภาษี มูลค่าเพิ่ม จะต้องมีหน้ าที่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อ สินค้าหรือบริการและออกใบกำกับภาษีเพื่ อเป็ นหลักฐานใน การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดทำรายงานตามที่กฎหมาย กำหนด ซึ่งได้แก่ รายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และ รายงานสินค้าและวัตถุดิบ และสุดท้ายจะต้องทำการยื่นแบบ แสดงรายการเพื่อเสียภาษีตามแบบ ภ.พ. 30
2.ภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ภาษีที่เก็บจากมูลค่า การซื้อขายหรือการให้บริการและสินค้านำ เข้า โดยกรมสรรพากรเป็นผู้รับผิดชอบใน การเก็บภาษีนี้ ซึ่งอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 10% แต่มีการออกกฎหมายพิเศษลดลงมา เหลือ 7% และใช้วิธีต่ออายุแบบรายปี
3.ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คือ จะหัก ณ ที่จ่าย ถ้ามีการจ่ายเงินเกิดขึ้น คนที่จ่ายเงินที่ได้จดทะเบียนเป็นบริษัท หรือ นิติบุคคล หัก ไว้ก่อนที่จะจ่ายเงินให้กับคนรับ ที่เป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดาก็ได้ เพื่อนำ ส่งสรรพากร และเมื่อได้ทำการหักภาษี ณ ที่ จ่ายแล้วจะต้องมีการออก \"หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย\" ซึ่งผู้ถูกหักสามารถนำไปขอคืนจาก รัฐตอนสิ้นปี หรือนำไปลดหย่อนภาษีได้ แบบที่ใช้ยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่าย กรณีจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานประจำ ยื่นด้วยแบบ ภ.ง.ด. 1 กรณีจ่ายค่าบริการให้กับบุคคลธรรมดา ยื่นด้วยแบบ ภ.ง.ด. 3 กรณีจ่ายค่าบริการให้กับนิติบุคคล ยื่นด้วยแบบ ภ.ง.ด. 53 กรณีจ่ายค่าบริการให้กับบริษัทต่างประเทศ หรือคนต่างประเทศ ยื่นด้วยแบบ ภ.ง.ด. 54
4.ภาษีธุรกิจเฉพาะ คือภาษีที่เก็บจากกิจการบางประเภท ที่กฎหมายกำหนดเป็นพิเศษแยกจาก ภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยกรมสรรพากร เป็นผู้จัดเก็บจากธุรกิจที่เป็นบุคคล ธรรมดาหรือนิติบุคคล โดยผู้ประกอบ การที่มีหน้าที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจ เฉพาะด้วยแบบคำขอ ภ.ธ.01 ภายใน 30 วันนับแต่วันเริ่มกิจการ
5.ภาษีสรรพสามิต คือ ภาษีการขายที่เรียกเก็บเฉพาะสินค้า หรือบริการบางประเภท ซึ่งจะมีอัตราภาษี ที่ต้องรับภาระสูงกว่าปกติ เช่นสินค้าที่ บริโภคแล้วเกิดผลเสียทำลายสุขภาพ ศีล ธรรมอันดี ก่อให้เกิดภาระต่อรัฐฯ ที่จะต้อง สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หรือ สินค้าที่ทำให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ผู้ประกอบการเหล่านี้จะต้องทำการ แจ้งงบการเงินกากรมสรรพสามิตในพื้นที่ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
6.ภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง คือ ภาษีที่รัฐฯ จัดเก็บจากโรงเรือน สิ่งปลูก สร้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร ตึกแถว สำนักงาน ร้านค้า เป็นต้น และมีรายได้จากเช่า จะต้องเสียภาษีโรงเรือน 12.5% ต่อปีของค่ารายปี โดยชำระภาษีที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ ที่ตั้งอยู่ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี
7.ภาษีบำรุงท้องที่ คือ ภาษีที่จัดเก็บจากเจ้าของที่ดินทุกประเภท ไม่ว่าจะมีเอกสารสิทธิ์ หรือไม่มีเอกสารสิทธิ์เป็น ที่ว่างเปล่าหรือสิ่งปลูกสร้างอยู่หรือไม่ นอกจากนี้ ยังหมายความรวมถึงพื้ นที่ที่เป็ นภูเขาและแม่น้ำ ด้วย เจ้าของที่ดินจะต้องมีหน้ าที่เสียภาษี ยื่น แบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี ภ.บ.ท.5 ที่ผล ประโยชน์กองคลังเทศบาลทุกๆรอบ 4 ปี
8.ภาษีป้าย คือ ภาษีที่เก็บจากการแสดงป้ายทุกชนิด ไม่ว่าจะ เป็นป้านชื่อ ป้ายโลโก้ ป้ายยี่ห้อ เป็นต้น ที่ใช้ใน การประกอบการค้าหรือกิจการอื่น เพื่อหารายได้ หรือโฆษณาการค้า ซึ่งอัตราการคิดภาษีของป้าย จะคิดตามขนาดของป้าย แต่เริ่มต้นที่ 200 บาท กรณีที่ป้ายที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีป้าย จะต้อง ยื่นที่สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอที่ตั้ง ภายใน เดือนมีนาคม ของทุกปี
9.อากรแสตมป์ คือ ภาษีประเภทหนึ่งที่จัดเก็บจากการทำตราสาร หรือ ธุรกรรมบางอย่าง จะมีอยู่ทั้งหมด 28 ลักษณะตราสาร เช่น ตราสารเช่าที่กับโรงเรือน เช่าซื้อทรัพย์สิน จ้างทำ ของ กู้ยืมเงิน ฯลฯ เป็นต้น โดยสามารถชำระเป็นอากร ซื้อได้ที่กรมสรรพากร หรือเป็นเงินสด ในตราสารบาง ประเภท และต้องขออนุมัติด้วย อ.ส.4 ก่อน
ตัวอย่าง ภาษีสำหรับธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ท ที่คนเป็นเจ้าของโรงแรมต้องจ่าย ค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม ปีละ 40 บาทต่อห้อง โดยคิด คำนวณตามจำนวนห้องพักของโรงแรม เช่น โรงแรมมีห้องพัก 20 ห้อง (20×40= 800) คุณก็จ่าย 800 บาท ให้ผู้ประกอบการธุรกิจ โรงแรมชำระค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมในปี แรกพร้อมกับ การชำระ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และต้อง ชำระค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรมต่อไปทุกปี ไม่เกินวันที่ครบ กำหนดวันออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม
ตัวอย่าง ภาษีสำหรับธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ท ที่คนเป็นเจ้าของโรงแรมต้องจ่าย ภาษีโรงเรือนและที่ดิน (House and Land Tax) โดยอัตราภาษีให้ เสียในอัตราร้อยละ 12.5 ของค่ารายปี เกณฑ์ในการคำนวนภาษีโรง เรือน สำหรับกิจการประเภทโรงแรม รีสอร์ท ห้องพักรายวัน เป็นดังนี้ – ค่าเช่าห้อง/วัน x จำนวนห้องทั้งหมด x 365 วัน x 8 % = ค่ารายปี – ค่ารายปี x 12.5% = ภาษีโรงเรือนที่ต้องชำระ แต่ตอนนี้ภาษีโรงเรือนและที่ดินกำลังจะเอาท์แล้วเพราะว่ามี ภาษีที่ดินและสิ่งปลูก สร้าง เข้ามาแทน โดยประกาศจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา (วันที่ 12 มีนาคม 2562) ได้ประกาศให้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 บังคับใช้ เป็นกฎหมายแล้ว โดยจะเริ่มมีผลจัดเก็บภาษี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
Thank you
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: