Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิ5บท

วิ5บท

Published by thipyaporntyp, 2020-03-23 09:38:08

Description: วิ5บท

Search

Read the Text Version

รายงานการวจิ ัย เรื่อง การจัดทาํ บญั ชีของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร โดย นางสาวอภญิ ญา วเิ ศษสงิ ห์ ได้รับทนุ อดุ หนนุ จากมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา ปี งบประมาณ 2556

รายงานวิจยั เรื่อง การจดั ทําบญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหาคร โดย นางสาวอภิญญา วิเศษสิงห์ คณะวิทยาการจดั การ ได้รับทนุ อดุ หนนุ จากมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา ปี งบประมาณ 2556

บทคดั ย่อ ชอื่ รายงานการวิจัย การจัดทาํ บัญชีของธรุ กจิ ขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาษเี จรญิ กรงุ เทพมหานคร ชอ่ื ผูว้ จิ ัย นางสาวอภญิ ญา วิเศษสิงห์ ปที ที่ าํ การวิจยั 2556 .................................... การวจิ ัยการจดั ทาํ บัญชีของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร มีแนวคดิ จากความตอ้ งการในการพฒั นารปู แบบการจดั ทําบัญชใี หเ้ ปน็ ไปตาม มาตรฐานการบัญชี มคี วามเปน็ สากลมากขึ้น และทาํ ใหก้ ิจการดาํ รงอยตู่ ่อไปในอนาคต เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการวิจัยไดแ้ ก่ แบบสอบถามความตอ้ งการในการพฒั นาความรูท้ างการบญั ชี และ ปัญหาอปุ สรรคตอ่ การพัฒนาความรทู้ างการบัญชี และแบบสมั ภาษณ์รปู แบบการจดั ทําบญั ชี ของ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม การทดสอบเพอื่ ประเมนิ หาความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ ทางการบญั ชี และปัญหาอปุ สรรคตอ่ การพฒั นาความรทู้ างการบญั ชีใชโ้ ปรแกรม SPSS เพือ่ หา ค่าความถ่ี ค่าเฉล่ยี สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการทดสอบพบวา่ ความต้องการการพฒั นา ความรทู้ างการบัญชีอยใู่ นระดับมาก และปัญหาอปุ สรรคต่อการพฒั นาความร้ทู างการบญั ชอี ยใู่ น ระดับปานกลาง ซง่ึ สามารถนําผลการทดสอบมาพฒั นาการจัดทําบญั ชขี องธุรกจิ ขนาดยอ่ มเพ่ือ เป็นการเพมิ่ ประสทิ ธิภาพตอ่ ไปในอนาคต

สารบญั หน้า บทที่ 1 บทนาํ 1-3 ความสําคัญและทมี่ าของปัญหา 3 วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย 3 ขอบเขตของการวิจัย 3-4 วธิ ีการดําเนินการวิจัย 5 เคร่ืองมือทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 5 ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะได้รับจากการวจิ ัย 6-10 บทท่ี 2 ทฤษฏแี ละงานวจิ ัยที่เกยี่ วขอ้ ง 10-13 ความร้เู กี่ยวกบั การบญั ชแี ละพนักงานบัญชี 13-15 ความรเู้ กี่ยวกบั ธรุ กิจขนาดกลางและขนาดย่อม 15-18 มาตรฐานการบญั ชีสาํ หรับกจิ การขนาดย่อม 19-22 งานวจิ ัยทีเ่ กยี่ วข้อง 23-36 37-42 บทท่ี 3 วิธีการดําเนินงาน บทที่ 4 ผลการศกึ ษา บทที่ 5 บทสรุปและข้อเสนอแนะ บรรณานกุ รม ภาคผนวก

บทที่ 1 บทนํา 1.1 ความสําคญั และทมี่ าของปัญหาทท่ี าํ การวจิ ยั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม เป็นรากฐานที่สาํ คญั ของระบบเศรษฐกิจประเทศไทย ดว้ ย พลงั เลก็ ๆ ของ SMEs หลายต่อหลายแรง สามารถรวมตวั กนั กลายเป็นพลงั อนั ยง่ิ ใหญ่ที่จะช่วย ขบั เคล่ือนใหป้ ระเทศไทยเดินหนา้ ดงั น้นั SMEs จึงกาํ เนิดข้ึนจากความมุ่งมน่ั ในการพฒั นาการใหม้ ีประสิทธิภาพมากท่ีสุด โดยยดึ หลกั ลกู คา้ คือศูนยก์ ลาง มุ่งใส่ใจดูแลความตอ้ งการของลกู คา้ ผปู้ ระกอบการซ่ึงอยใู่ นช่วง ชีวิตของธุรกิจท่ีแตกต่างกนั ยอ่ มมีความตอ้ งการที่ไม่เหมือนกนั กล่าวคือ ธุรกิจท่ีกาํ ลงั เร่ิมตน้ คือ ผปู้ ระกอบการที่เพง่ิ เริ่มตน้ ทาํ ธุรกิจในช่วงของการคน้ หาโมเดลทางธุรกิจที่เหมาะสม ธุรกิจท่ีกาํ ลงั เติบโต คือผปู้ ระกอบการที่คน้ หาโมเดลที่เหมาะสมพบแลว้ และกาํ ลงั ขยายธุรกิจใหเ้ ติบโต และ ธุรกิจที่มนั่ คง คือผปู้ ระกอบการท่ีผา่ นพน้ ช่วงการเติบโต และมีรากฐานมน่ั คง ซ่ึงอาจอยรู่ ะหวา่ งการ ส่งต่อธุรกิจใหร้ ุ่นต่อไป ปัจจุบนั การดาํ เนินงานที่เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (SMEs) มีเป็นจาํ นวนมาก และการบริหารงานของกิจการตอ้ งมีความคล่องตวั มีความเป็นอิสระ และมีตน้ ทุนการดาํ เนินงาน ต่าํ กวา่ ธุรกิจขนาดใหญ่ จึงมีบทบาทสาํ คญั ในระบบเศรษฐกิจ ไมว่ า่ จะเป็นการพฒั นาความสามารถ ในการประกอบการ การระดมทุน การจา้ งงาน การกระจายอาํ นาจทางเศรษฐกิจ และการจดั หา บริการและสิ่งต่าง ๆ ใหก้ บั ธุรกิจขนาดใหญ่ อีกท้งั ยงั เป็นตลาดและจาํ หน่ายสินคา้ ของธุรกิจขนาด ใหญ่ดว้ ย กล่าวคือธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (SMEs) จะเจริญเติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ไดน้ ้นั ตอ้ งอาศยั การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และสามารถเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้ ในปัจจุบนั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (SMEs) ยงั ประสบกบั ปัญหาและขอ้ จาํ กดั ในการ ประกอบธุรกิจหลายประการไม่วา่ จะเป็นปัญหาดา้ นการจดั การ ดา้ นการตลาด ดา้ นแรงงาน ดา้ น เทคโนโลยกี ารผลิต รวมถึงการเงินและบญั ชี โดยเฉพาะปัญหาทางดา้ นบญั ชี ยงั มีการจดั ทาํ บญั ชีที่ ไม่สมบรู ณ์ และไม่สามารถนาํ ตวั เลขที่ไดม้ าใชใ้ นการวางแผนและตดั สินใจ โดยเฉพาะธุรกิจที่จด ทะเบียนในรูปหา้ งหุน้ ส่วนและบริษทั ยงั มีการดาํ เนินการเป็นแบบครอบครัว นอกจากน้ี ผปู้ ระกอบการหรือเจา้ ของกิจการยงั ไมเ่ ห็นถึงความสาํ คญั ที่ตนเองมีในการบริหารจดั การ มีความ เช่ือมน่ั ในตนเองสูง ขาดความไวใ้ จพนกั งาน ท้งั น้ีเพราะบุคลากรที่ใชย้ งั มีความรู้ความสามารถไม่ เพยี งพอ จึงไม่สามารถดาํ เนินงานตามข้นั ตอนของการรวบรวมขอ้ มูลทางบญั ชีไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ขอ้ จาํ กดั ของ SMEs คือ ส่วนมากมกั จะมีท่ีมาจากธุรกิจในลกั ษณะครอบครัว ซ่ึงเป็น

หน่วยสงั คมท่ีโดยธรรมชาติแลว้ จะมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงโครงสร้างการ บริหารจดั การต่าง ๆ ของกิจการ ไดไ้ ม่รวดเร็วเหมือนอยา่ งกิจการท่ีมีพ้ืนฐานมาจากทุนที่อิสระ(จาก ครอบครัว) s วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มมกั ขาดความรู้ในดา้ นการจดั การ หรือการบริหารงานที่ มีระบบ ใชป้ ระสบการณ์จากการเรียนรู้โดยเรียนถูกเรียนผดิ เป็นหลกั อาศยั บุคคลในครอบครัว หรือญาติพ่ีนอ้ งมาช่วยงาน การบริหารในลกั ษณะน้ีแมม้ ีขอ้ ดีในเรื่องการดูแลท่ีทว่ั ถึงหากธุรกิจไม่ ใหญ่นกั แต่เม่ือกิจการเร่ิมขยายตวั หากไม่ปรับปรุงการบริหารจดั การใหม้ ีระบบกจ็ ะเกิดปัญหาข้ึน ได้ ในกรณีธุรกิจของครอบครัวที่ดาํ เนินธุรกิจกา้ วมาถึงจุดท่ีตอ้ งการขยายตวั ข้ึน ขอ้ จาํ กดั ท่ีจะ พบอยเู่ สมอกค็ ือการปรับระบบการทาํ งานที่ไม่ทนั กบั ความเปล่ียนแปลงของปัจจยั แวดลอ้ มต่าง ๆ ที่ ขยายใหญ่และเติบโตข้ึนขององคก์ ร ซ่ึงเป็นอุปสรรคสาํ คญั ของการแขง่ ขนั ทางธุรกิจในยคุ สมยั ที่ ตอ้ งการการปรับตวั ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและกระจายความรับผดิ ชอบในการบริหารจดั การ ขอ้ จาํ กดั อีกประการหน่ึงของการบริหารจดั การในธุรกิจ SMEs ซ่ึงมีความเชื่อมโยงกบั การ บริหารจดั การแบบครอบครัวแฝงอยดู่ ว้ ยกค็ ือ ปัญหาการหมุนเวยี นเขา้ -ออกของแรงงานที่อยใู่ น ระดบั สูง ท้งั น้ีเนื่องจากแรงงานที่มีฝีมือและมีความชาํ นาญมกั จะเคล่ือนยา้ ยไปสู่ธุรกิจและ อุตสาหกรรมท่ีมีขนาดใหญ่กวา่ ดว้ ยเหตุผลในเร่ืองของผลตอบแทนและโอกาสที่ดีกวา่ ในแง่ความ เจริญกา้ วหนา้ ในหนา้ ท่ีการงาน ซ่ึงส่งผลให้ SMEs จาํ เป็นตอ้ งมีตน้ ทุนและความเสียหายอนั เกิด จากการตอ้ งเร่งพฒั นาฝีมือแรงงานใหม่เพอื่ ใหท้ าํ งานไดต้ ามเกณฑม์ าตรฐานและมีความชาํ นาญ พอเพยี งอยตู่ ลอดเวลา ผปู้ ระกอบการ SMEs ส่วนมากมกั จะประสบปัญหาเรื่องการหาแหล่งเงินทุนสาํ หรับการ ขยายกิจการ ท้งั น้ีนอกเหนือจากปัญหาเรื่องของเครดิตและการเขยี นแผนธุรกิจที่ยงั ไม่ชดั เจน รวมถึงความสามารถในการแสวงหาทรัพยส์ ินหรือหลกั ทรัพยเ์ พ่อื ค้าํ ประกนั แลว้ ยงั เน่ืองมาจาก เหตุผลสาํ คญั ประการหน่ึงกค็ ือเร่ืองของการวางระบบบญั ชี ในขณะเร่ิมตน้ ธุรกิจ ผปู้ ระกอบกิจการส่วนมากมกั ไม่ไดเ้ ตรียมความพร้อมหรือให้ ความสาํ คญั กบั การจดั การระบบบญั ชีของกิจการใหเ้ ป็นระเบียบถูกตอ้ งตามมาตรฐานการบญั ชีที่ รับรองเช่ือถือกนั โดยทวั่ ไป โดยมกั จะปล่อยปะละเลยใหบ้ ญั ชีของกิจการสบั สนยงุ่ เหยงิ ไม่ สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินได้ ดว้ ยเหตนุ ้ีเมื่อถึงเวลาท่ีกิจการมีความจาํ เป็นที่จะตอ้ งขยายกิจการหรือดว้ ยเหตุผลอื่นใดก็ ตาม การขอสินเช่ือจากสถาบนั การเงินจึงมกั จะเกิดอุปสรรคและขอ้ ติดขดั ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเร่ือง ของเครดิตและมาตรฐานในการตรวจสอบ เนื่องจากสถาบนั การเงินไมเ่ ชื่อถือเอกสารทางการเงินที่ กิจการนาํ มาแสดงประกอบเป็นหลกั ฐานการกยู้ มื ซ่ึงในบางกรณีความไม่ชดั เจนของระบบบญั ชียงั ส่งผลใหเ้ กิดขอ้ สงสยั ไปถึงความเป็นไปไดข้ องธุรกิจของผปู้ ระกอบการน้นั ๆ วา่ จะสามารถดาํ เนิน

ไปไดด้ ว้ ยดีจริงอยา่ งที่แจง้ บอกไวใ้ นแผนธุรกิจหรือไม่ ยง่ิ ไปกวา่ น้นั กค็ ือ อาจเกิดความเคลือบ แคลงไปตวั ผบู้ ริหารหรือเจา้ ของกิจการดว้ ยวา่ อาจจะนาํ เงินที่กยู้ มื ไปใชจ้ ่ายผดิ วตั ถปุ ระสงคแ์ ลว้ สร้างความเสียหายจนไม่สามารถนาํ เงินมาชาํ ระหน้ีคืนได้ จนทาํ ใหเ้ กิดเป็นยอดหน้ีท่ีไม่ก่อใหเ้ กิด รายไดใ้ หม่ของสถาบนั การเงิน ดงั น้นั ผวู้ จิ ยั มีความสนใจและตอ้ งการทราบถึงการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดยอ่ ม (SMEs) ในกรุงเทพมหานคร และหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ การวจิ ยั จะเป็นประโยชน์กบั ผทู้ ่ี เกี่ยวขอ้ ง เพอ่ื ท่ีจะใชเ้ ป็นแนวทางในการจดั ทาํ บญั ชีต่อไป ขอ้ คน้ พบจากการวจิ ยั จะก่อใหเ้ กิด ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ ในดา้ นการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มใหม้ ีประสิทธิภาพและ บรรลุผลสาํ เร็จขององคก์ ร 1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงการวจิ ยั การวิจยั เรื่องการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร น้ี จะช่วยใหอ้ งคก์ ารน้นั ประสบผลสาํ เร็จในการประกอบการ โดยวตั ถุประสงค์ ของการวจิ ยั มีดงั น้ี 1.2.1 เพ่ือศึกษาปัจจยั ท่ีมีผลต่อความตอ้ งการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชีของพนกั งานบญั ชี ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 1.2.2 เพอ่ื ศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคในการพฒั นาความรู้ทางดา้ นบญั ชีของพนกั งาน บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 1.3 ขอบเขตของโครงการวจิ ยั การวิจยั คร้ังน้ีมุ่งศึกษาความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชีของพนกั งานบญั ชี ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ดงั น้ี 1.3.1 ศึกษาความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชีของพนกั งานบญั ชีของธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 1.3.2 ศึกษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปัจจยั ตา่ ง ๆ กบั ความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ ทางการบญั ชีของพนกั งานบญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 1.3.3 ศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการพฒั นาความรู้ทางดา้ นบญั ชีของธุรกิจขนาดกลาง และขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญกรุงเทพมหานคร 1.3.3 กลุ่มประชากรที่ศึกษา 1. ผปู้ ฏิบตั ิงานดา้ นบญั ชี ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เจา้ ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จาํ นวน 73 คน 1.4 วธิ ีการดําเนินการวจิ ัย และสถานทท่ี าํ การทดลอง/เกบ็ ข้อมูล

ประชากรและวธิ ีการเลอื กกล่มุ ตัวอย่าง 1. ผปู้ ฏิบตั ิงานดา้ นบญั ชี เจา้ ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จาํ นวน 73 คน โดยผวู้ ิจยั ใชเ้ ทคนิคการเลือกกลุ่มตวั อยา่ ง แบบง่าย (Simple Random Samping) คือเลือก ผปู้ ฏิบตั ิงานดา้ นบญั ชี และเจา้ ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มที่ต้งั อยใู่ นเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ระเบยี บวธิ ีวจิ ัย รูปแบบการวจิ ยั รูปแบบการวจิ ยั ในการศึกษาคร้ังน้ี เป็นการศึกษาการวิจยั เอกสาร และการวิจยั เชิงปริมาณ ดงั รายละเอียดต่อไปน้ี 1. การวิจยั เชิงเอกสาร (Documentary Research) ผวู้ ิจยั ไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ วจิ ยั เชิงเอกสาร จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวขอ้ งกบั ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ ความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี โดยเนน้ ทาํ การศึกษาคน้ ควา้ วเิ คราะห์ขอ้ มลู ทางดา้ นเอกสาร (Documentary Research) จากบทความ ตาํ รา เอกสารทางวิชาการท่ี เกี่ยวขอ้ ง วารสาร สิ่งพิมพต์ ่าง ๆ งานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง ท้งั น้ีเพอื่ ทบทวนองคค์ วามรู้ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การศึกษาท้งั หมดท่ีสาํ คญั ๆ และผวู้ ิจยั ไดด้ าํ เนินการแปลงแนวความคิดเหล่าน้นั ออกมาเป็น องคป์ ระกอบในการสร้างกรอบแนวความคิด การกาํ หนดสมมติฐานการวจิ ยั รวมถึงการสร้าง แบบสอบถามเพ่ือการศึกษาคน้ ควา้ พิสูจนต์ ามกระบวนการวิจยั ต่อไป 2. การวิจยั เชิงปริมาณ (Quantitative Study) ผวู้ ิจยั ไดส้ ร้างแบบสอบถาม (Questionnaire) ใชใ้ นการสมั ภาษณ์พนกั งานบญั ชี ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร โดยแบบสอบถามน้นั ประกอบดว้ ยมาตรวดั หรือเครื่องมือวดั ตวั แปรหลกั ที่อยใู่ นกรอบแนวความคิด โดยมาตรวดั ทกุ มาตรวดั จะมีการทดสอบความถกู ตอ้ งในเน้ือหา ความถูกตอ้ งในการสร้าง ความเชื่อถือได้ ความ ใชไ้ ดใ้ นทางปฏิบตั ิ ก่อนนาํ ขอ้ มลู ไปใชใ้ นทางสถิติหรือหาความสมั พนั ธ์ของตวั แปรต่าง ๆ เพอื่ ทาํ การศึกษาปัจจยั ท่ีมีผลต่อความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชีของพนกั งานบญั ชีของ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร การรวบรวมข้อมูล การรวบรวมขอ้ มูล ผวู้ ิจยั ไดเ้ กบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากแบบสอบถาม ท้งั ปลายปิ ดและปลายเปิ ด โดยมีวิธีการและข้นั ตอนในการรวบรวมขอ้ มลู ดงั ต่อไปน้ี 1. จดั เตรียมแบบสอบถามและทาํ การจดั ส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ ใหแ้ ก่ธุรกิจขนาด กลางและขนาดยอ่ ม ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร

2. นาํ แบบสอบถามท่ีไดร้ ับกลบั คืนมาทาํ การตรวจสอบความครบถว้ นสมบรู ณ์ของขอ้ มูล โดยแบบสอบถามที่มีขอ้ มูลไม่ครบถว้ นสมบรู ณ์จะดาํ เนินการโทรศพั ทไ์ ปสอบถามใหม่อีกคร้ัง รวมท้งั ทาํ การติดตามทวงถามแบบสอบถามท่ีส่งไปและยงั ไม่ไดร้ ับกลบั คืนมาคร้ังท่ี 1 โดยทาง โทรศพั ทห์ รือผวู้ ิจยั เดินทางไปรับแบบสอบถามกลบั คืนมาดว้ ยตนเอง 3. ทาํ การติดตามทวงถามแบบสอบถามที่ส่งไปและยงั ไม่ไดร้ ับกลบั คืนมาคร้ังท่ี 2 โดยทาง โทรศพั ทห์ รือผวู้ ิจยั เดินทางไปรับแบบสอบถามกลบั คืนมาดว้ ยตนเอง เครื่องมอื ทใี่ ช้ในการเกบ็ ข้อมูล เครื่องมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เพ่ือการวิจยั คร้ังน้ีใชแ้ บบสอบถามและการ สมั ภาษณ์ แบบสอบถามสร้างตามวตั ถุประสงคแ์ ละกรอบแนวคดิ ท่ีกาํ หนดข้ึน โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทวั่ ไป ตอนที่ 2 ขอ้ มลู การจดั ทาํ บญั ชี ตอนที่ 3 ความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี ตอนที่ 4 ปัญหา อุปสรรค และขอ้ เสนอแนะในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี เกณฑร์ ะดบั ความเหมาะสม แบ่งออกเป็น 5 ระดบั ดงั น้ี มากท่ีสุด มีเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 5 คะแนน มาก มีเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 4 คะแนน ปานกลาง มีเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 3 คะแนน นอ้ ย มีเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 2 คะแนน นอ้ ยที่สุด มีเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1 คะแนน ส่วนที่ 5 เป็ นคาํ ถามปลายเปิ ด เกี่ยวกบั ขอ้ เสนอแนะการปฏิบตั ิงานดา้ นบญั ชี การทดสอบคุณภาพเคร่ืองมอื ผวู้ ิจยั ใชแ้ บบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวจิ ยั ซ่ึงไดท้ าํ การทดสอบความเที่ยงตรง (Validity) และความเช่ือมนั่ (Reliability) ดงั ต่อไปน้ี 1. เพือ่ ใหแ้ บบสอบถามมีความเท่ียงตรง (Validity) ผวู้ ิจยั ไดน้ าํ แบบสอบถามที่ทาํ ข้ึนให้ อาจารยท์ ่ีปรึกษาและผเู้ ช่ียวชาญพิจารณาตรวจสอบเน้ือหาและโครงสร้างของแบบสอบถามและ ปรับปรุงสาํ นวนภาษาที่ใชใ้ หช้ ดั เจนเหมาะสม 2. การทดสอบค่าความเช่ือมนั่ (Reliability) ผวู้ ิจยั จะนาํ แบบสอบถามจาํ นวน 30 ชุด ไป ทาํ การทดสอบแบบสอบถามล่วงหนา้ (Pre Test) กบั กลุ่มตวั อยา่ งเพอื่ ทดสอบความเช่ือมนั่ โดยวธิ ี Cronbach ‘Alpha (ศิริชยั พงษว์ ิชยั ,2546 หนา้ 127) เพือ่ หาคา่ สมั ประสิทธ์ิ อลั ฟ่ า (Alpha Coefficient)

1.5 ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ 1. เพอื่ ใหท้ ราบถึงความตอ้ งการในการพฒั นาวิชาชีพการบญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 2. เพื่อใหท้ ราบถึงปัญหา อุปสรรค และเป็นแนวทางในการแกไ้ ขพร้อมท้งั ส่งเสริมและ พฒั นาความรู้แก่พนกั งานบญั ชีในธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร อยา่ งถกู ตอ้ ง 3. เพ่อื เป็นการพฒั นาคุณภาพของพนกั งานบญั ชีธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม เขตภาษี เจริญ กรุงเทพมหานคร

บทที่ 2 ทฤษฏแี ละงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วข้อง การศึกษาและทาํ วิจยั “การจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษี เจริญ กรุงเทพมหานคร” ผวู้ จิ ยั ไดศ้ ึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ งดงั น้ี 2.1 ความรู้เก่ียวกบั การบญั ชีและพนกั งานบญั ชี 2.2 ความรู้เก่ียวกบั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 2.3 มาตรฐานการบญั ชี สาํ หรับกิจการขนาดยอ่ ม 2.4 งานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง 2.1 ความรู้เกยี่ วกบั การบัญชีและพนักงานบญั ชี 2.1.1 การบญั ชี หมายถึง ศิลปะของการเกบ็ รวบรวม บนั ทึก จาํ แนก และทาํ สรุปขอ้ มูลอนั เกี่ยวกบั เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจในรูปตวั เงิน ผลงานข้นั สุดทา้ ยของการบญั ชีกค็ ือการใหข้ อ้ มูล ทางการเงิน ซ่ึงเป็นประโยชนแ์ ก่บุคคลหลายฝ่ าย และผทู้ ี่สนใจในกิจกรรมของกิจการ สถาบันวชิ าชีพทางการบญั ชีในประเทศไทย ไดแ้ ก่ 1. สมาคมนกั บญั ชีและผสู้ อบบญั ชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย 2. คณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพสอบบญั ชี 3. สภาวชิ าชีพบญั ชี แม่บทการบญั ชี เป็นกฎเกณฑส์ าํ หรับการจดั ทาํ และนาํ เสนองบการเงินท่ีคณะกรรมการ มาตรฐานการบญั ชีของสมาคมนกั บญั ชีและผสู้ อบบญั ชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทยได้ จดั ทาํ ข้ึน โดยยกเลิกมาตรฐานการบญั ชีฉบบั ท่ี 1 และใหใ้ ชแ้ ม่บทการบญั ชีฉบบั น้ีแทน ต้งั แต่วนั ท่ี 25 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2542 เพอื่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการปรับปรุงมาตรฐานการ บญั ชีท่ีมีอยใู่ นปัจจุบนั และพฒั นามาตรฐานการบญั ชีที่จะใชใ้ นอนาคตใหส้ อดคลอ้ งกนั และสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการบญั ชีระหวา่ งประเทศ รวมท้งั มีความประสงคใ์ หผ้ จู้ ดั ทาํ บญั ชีและผใู้ ชง้ บการเงินเขา้ ใจถึงที่มา และเน้ือหาของมาตรฐานการบญั ชีไดด้ ียง่ิ ข้ึน เพอื่ สามารถนาํ ไปใชอ้ า้ งอิงในการนาํ มาตรฐานการบญั ชีท่ีมีอยมู่ าปฏิบตั ิและการปฏิบตั ิทาง บญั ชีสาํ หรับเรื่องที่ยงั ไม่มีมาตรฐานการบญั ชีกาํ หนดไว้ แม่บทการบัญชี สาํ หรับการจดั ทาํ และนาํ เสนองบการเงิน ประกอบดว้ ยเน้ือหา สาระสาํ คญั ดงั น้ี 1. วตั ถุประสงคข์ องงบการเงิน 2. ขอ้ สมมติในการจดั ทาํ และนาํ เสนองบการเงิน เกณฑค์ งคา้ ง

การดาํ เนินงานต่อเนื่อง 3. ลกั ษณะเชิงคุณภาพของงบการเงิน ความเขา้ ใจได้ ความเก่ียวขอ้ งกบั การตดั สินใจ ความมีสาระสาํ คญั ความเชื่อถือได้ การเป็นตวั แทนอนั เที่ยงธรรม เน้ือหาสาํ คญั กวา่ รูปแบบ ความเป็ นกลาง ความระมดั ระวงั ความครบถว้ น การเปรียบเทียบกนั ได้ 4. ขอ้ จาํ กดั ของขอ้ มูลที่มีความเกี่ยวขอ้ งกบั การตดั สินใจและความเชื่อถือได้ ความทนั ต่อเวลา ความสมดุลระหวา่ งประโยชนก์ บั ตน้ ทนุ ความสมดุลของลกั ษณะเชิงคุณภาพ การแสดงขอ้ มลู ที่ถูกตอ้ งตามควร 5. องคป์ ระกอบของงบการเงิน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1. องคป์ ระกอบท่ีเกี่ยวขอ้ งโดยตรงกบั การวดั ฐานะทางการเงินในงบดุล สินทรัพย์ หน้ีสิน ส่วนของเจา้ ของ 2. องคป์ ระกอบที่เกี่ยวขอ้ งโดยตรงกบั การวดั ผลการดาํ เนินงานในงบกาํ ไร ขาดทุน 2.1 รายได้ 2.2 คา่ ใชจ้ ่าย 6. การรับรู้องคป์ ระกอบของงบการเงิน 6.1 มีความเป็นไปไดค้ อ่ นขา้ งแน่นอนท่ีกิจการจะไดร้ ับรู้หรือสูญเสีย ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตจากรายการท่ีเกิดข้ึน 6.2 รายการดงั กล่าวมีราคาทุนหรือมูลคา่ ท่ีสามารถวดั ไดอ้ ยา่ งน่าเช่ือถือ 7. การวดั มูลคา่ องคป์ ระกอบของงบการเงิน 7.1 ราคาทุนเดิม 7.2 ราคาปัจจุบนั 7.3 มลู ค่าท่ีไดร้ ับ (จ่าย)

7.4 มลู ค่าปัจจุบนั 8. แนวคิดเร่ืองทุนและการรักษาระดบั ทุน 8.1 แนวคดิ เรื่องทุน แบ่งเป็น 2 แนวคิด 8.1.1 แนวคดิ เร่ืองทุนทางการเงิน 8.1.2 แนวคิดเรื่องทุนทางกายภาพ 8.2 แนวคดิ การรักษาระดบั ทนุ และการวดั ผลกาํ ไร แบ่งเป็น 2 แนวคิด 8.2.1 แนวคิดการรักษาระดบั ทุนทางการเงิน 8.2.2 แนวคิดการรักษาระดบั ทุนทางกายภาพ พนักงานบัญชี พนกั งานบญั ชี ทาํ งานบนั ทึกขอ้ มูลทางการเงินขององคก์ ารอยา่ งสมบูรณ์ตามระบบของ การบญั ชี และเป็นระเบียบแบบแผน เช่น บญั ชีรายรับ หรือบญั ชีรายจ่าย เป็นตน้ ตรวจสอบ ความถกู ตอ้ งของเอกสาร และบนั ทึกเกี่ยวกบั การจ่ายเงิน การรับเงินและธุรกิจการเงินอื่น ๆ และ ลงบญั ชีแยกประเภท ตรวจสอบการลงบญั ชี ทาํ การคาํ นวณ และรวมยอดเงินเท่าท่ีจาํ เป็น ทาํ งบ ดุล และรวบรวมรายงานการเงินตามระยะเวลาท่ีกาํ หนดเป็นประจาํ เพอื่ แสดงรายรับรายจ่าย บญั ชี รายรับและรายจ่าย กาํ ไรหรือขาดทุน และเรื่องราวเก่ียวกบั การเงินอื่น ๆ ซ่ึงเกี่ยวขอ้ งกบั ธุรกิจท่ี กาํ ลงั ดาํ เนินงานอยู่ คาํ นวณและจ่ายเงินค่าจา้ ง ทาํ รายงานแสดงฐานะทางการเงิน ทาํ รายงานแสดง ฐานะทางการบญั ชีใหแ้ ก่ลกู คา้ และปฏิบตั ิงานต่าง ๆ เก่ียวกบั การทาํ บญั ชีทาํ บนั ทึกการเงิน โดยใช้ เคร่ืองทาํ บญั ชี ตรวจสอบการลงบญั ชี รวบรวมรายงานเสนอตามระยะที่กาํ หนดเป็นประจาํ ปิ ดงบ การเงินประจาํ เดือน ทาํ หนา้ ท่ีใหบ้ ริการทางการบญั ชีแก่สถานประกอบการธุรกิจ บุคคล สถาบนั เอกชน หรือหน่วยงานรัฐบาล รวมถึงการควบคุมดูแลการทาํ บญั ชี และการตรวจสอบบญั ชี การ ตรวจสอบการรับรองความถกู ตอ้ ง และความครบถว้ นในการทาํ บญั ชีและเอกสารทางการเงิน ตรวจสอบเอกสารการเบิกจ่าย จดั เตรียมงบทดลอง บนั ทึกรายการรับจ่ายประจาํ วนั จดั ทาํ รายงาน ภาษีมลู ค่าเพิม่ ซ้ือ และขายพร้อมท้งั เอกสารประกอบเพ่ือนาํ เสนอกรมสรรพากร ทุกเดือน จดั ทาํ รายงานภาษีเงินไดข้ องบริษทั เพอื่ นาํ เสนอกรมสรรพากรทุกสิ้นปี สุมนา เศรษฐนนั ท์ (2546 : 28-32) ไดก้ ล่าวถึงพระราชบญั ญตั ิการบญั ชี พ.ศ. 2543 เรื่อง ผมู้ ีหนา้ ท่ีจดั ทาํ บญั ชี ตามมาตรา 8 ถึง 18 วา่ ผมู้ ีหนา้ ท่ีจดั ทาํ บญั ชี คือผมู้ ีหนา้ ท่ีจดั ใหม้ ีการทาํ บญั ชี ตามพระราชบญั ญตั ิการบญั ชี พ.ศ. 2543 ซ่ึงไดแ้ ก่ หา้ งหุน้ ส่วนจดทะเบียน บริษทั จาํ กดั บริษทั มหาชน จาํ กดั นิติบุคคลท่ีต้งั ข้ึนตามกฎหมายของต่างประเทศท่ีประกอบธุรกิจในประเทศ ไทย และกิจการร่วมคา้ โดยหนา้ ที่ของผมู้ ีหนา้ ท่ีจดั ทาํ บญั ชีมีดงั น้ี - จดั ใหม้ ีการทาํ บญั ชีสาํ หรับการประกอบธุรกิจของตนโดยมีรายละเอียด หลกั เกณฑ์ และวิธีการตามที่บญั ญตั ิไวใ้ นพระราชบญั ญตั ิการบญั ชี พ.ศ. 2543 - ควบคุมดูแล “ผทู้ าํ บญั ชี” ใหจ้ ดั ทาํ บญั ชีใหต้ รงต่อความเป็นจริงและถกู ตอ้ ง

- จดั ใหม้ ี “ผทู้ าํ บญั ชี” ซ่ึงเป็นผมู้ ีคุณสมบตั ิตามที่อธิบดีกาํ หนดในประกาศกรมทะเบียน การคา้ - ส่งมอบเอกสารที่ตอ้ งใชป้ ระกอบการลงบญั ชีใหแ้ ก่ผทู้ าํ บญั ชีใหถ้ กู ตอ้ งครบถว้ น เพ่ือใหบ้ ญั ชีที่จดั ทาํ ข้ึนสามารถแสดงผลการดาํ เนินงาน ฐานะการเงิน หรือการ เปล่ียนแปลงฐานะการเงินท่ีเป็นอยตู่ ามความเป็นจริงและตามมาตรฐานการบญั ชี - เริ่มทาํ บญั ชีตามวนั ท่ีกาํ หนด - จดั ทาํ บญั ชีและลงรายการในบญั ชีจากเอกสารประกอบการลงบญั ชีท่ีกาํ หนดใน ประกาศกรมทะเบียนการคา้ - ปิ ดบญั ชีตามระยะเวลาที่กาํ หนด - จดั ทาํ งบการเงินตามรายการยอ่ และจดั ส่งงบการเงินภายในเวลาที่กาํ หนด - เกบ็ รักษาบญั ชีและเอกสารประกอบการลงบญั ชีตอ้ งจดั เกบ็ ไว้ ณ สถานที่ประกอบการ ไวไ้ ม่นอ้ ยกวา่ 5 ปี นบั แตว่ นั ปิ ดบญั ชี และหากเอกสารสูญหายเสียหายตอ้ งแจง้ ต่อ สารวตั รใหญบ่ ญั ชีหรือสารวตั รบญั ชีภายใน 15 วนั นบั แต่วนั ที่ทราบ พระราชบญั ญตั ิการบญั ชี พ.ศ. 2543 เร่ืองผทู้ าํ บญั ชี ตามมาตรา 19 ถึง 21วา่ ผทู้ าํ บญั ชี คือ ผรู้ ับผดิ ชอบในการทาํ บญั ชีใหผ้ มู้ ีหนา้ ที่จดั ทาํ บญั ชี ไม่วา่ จะกระทาํ ในฐานะ ลกู จา้ งของผมู้ ีหนา้ ท่ีจดั ทาํ บญั ชีหรือไม่กต็ าม โดยแบ่งออกเป็น 4 ลกั ษณะ คือ - กรณีเป็นพนกั งานของผมู้ ีหนา้ ท่ีจดั ทาํ บญั ชี ไดแ้ ก่ ผอู้ าํ นวยการฝ่ ายบญั ชี สมุห์บญั ชี หวั หนา้ แผนกบญั ชี - กรณีเป็นสาํ นกั งานบริการรับทาํ บญั ชี ไดแ้ ก่ สาํ นกั งานมิไดจ้ ดั ต้งั ในรูปคณะบุคคล คือ หวั หนา้ สาํ นกั งาน สาํ หรับสาํ นกั งานจดั ต้งั ในรูปคณะบุคคล คือ ผเู้ ป็นหุน้ ส่วนซ่ึง รับผดิ ชอบในการใหบ้ ริการรับทาํ บญั ชี และสาํ นกั งานจดั ต้งั ในรูปนิติบุคคล คือ กรรมการหรือผเู้ ป็นหุน้ ส่วนซ่ึงรับผดิ ชอบในการใหบ้ ริการรับทาํ บญั ชี - กรณีเป็นผรู้ ับจา้ งทาํ บญั ชีอิสระ คือ บุคคลธรรมดาผปู้ ระกอบวิชาชีพ - กรณี “ผทู้ าํ บญั ชี” รับทาํ บญั ชีเกินกวา่ 100 ราย “ผชู้ ่วยผทู้ าํ บญั ชี” มีหนา้ ที่ความ รับผดิ ชอบเป็น “ผทู้ าํ บญั ชี” ตามกฎหมาย นอกจากน้ี ตามประกาศกรมทะเบียนการคา้ ไดก้ าํ หนดคุณสมบตั ิของผจู้ ดั ทาํ บญั ชีไวว้ า่ ผทู้ าํ บญั ชี จะตอ้ งมีภูมิลาํ เนาในประเทศไทย มีความรู้ภาษาไทยเพียงพอที่จะทาํ หนา้ ท่ี เป็นผทู้ าํ บญั ชีได้ และขอ้ สาํ คญั คือไม่เคยตอ้ งโทษจาํ คุก เนื่องจากกระทาํ ความผดิ ตาม กฎหมาย ซ่ึงผทู้ าํ บญั ชีของหา้ งหุน้ ส่วนจดทะเบียน บริษทั จาํ กดั ท่ีต้งั ข้นึ ตามกฎหมาย ไทย ซ่ึงมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ลา้ น มีสินทรัพยร์ วมไม่เกิน 30 ลา้ น และมีรายได้ รวมไม่เกิน 30 ลา้ น จะตอ้ งมีคุณวฒุ ิไม่ต่าํ กวา่ อนุปริญญา หรือประกาศนียบตั ร วิชาชีพช้นั สูง (ปวส.) ทางการบญั ชี แต่สาํ หรับผทู้ ี่มีวฒุ ิไม่ต่าํ กวา่ ปริญญาตรีทางการ

บญั ชี สามารถทาํ บญั ชีใหแ้ ก่หา้ งหุน้ ส่วนจดทะเบียน บริษทั จาํ กดั บริษทั มหาชน จาํ กดั นิติบุคคลที่ต้งั ข้ึนตามกฎหมายต่างประเทศประกอบกิจการในประเทศไทย และ กิจการร่วมคา้ 2.2 ความรู้เกย่ี วกบั ธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs ยอ่ มาจากภาษาองั กฤษ Small and Medium Enterprises หรือแปลเป็นภาษาไทยวา่ “วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม” วสิ ากิจครอบคลุมกิจการ 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1. กิจการการผลิต ครอบคลุมการผลิตในภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม 2. กิจการคา้ ครอบคลุมการคา้ ส่ง และการคา้ ปลีก 3. กิจการบริการ ส่วนลกั ษณะขนาดของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม กาํ หนดจากมลู ค่าช้นั สูงของสินทรัพย์ ถาวร สาํ หรับกิจการแต่ละประเภท ดงั น้ี ประเภท ขนาดกลาง ขนาดย่อม 1. กิจการการผลิต ไม่เกิน 200 ลา้ นบาท ไม่เกิน 50 ลา้ นบาท 2. กิจการบริการ ไม่เกิน 200 ลา้ นบาท ไม่เกิน 50 ลา้ นบาท 3. กิจการการคา้ - คา้ ส่ง ไม่เกิน 100 ลา้ นบาท ไม่เกิน 50 ลา้ นบาท - คา้ ปลีก ไม่เกิน 60 ลา้ นบาท ไม่เกิน 30 ลา้ นบาท ส่วนส่งเสริมขนาดของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม กาํ หนดจาํ นวนการจา้ งงาน สาํ หรับ กิจการแต่ละประเภท ดงั น้ี ประเภท ขนาดกลาง ขนาดย่อม 1. กิจการการผลิต ไม่เกิน 200 คน ไม่เกิน 50 คน 2. กิจการบริการ ไม่เกิน 200 คน ไม่เกิน 50 คน 3. กิจการการคา้ - คา้ ส่ง ไม่เกิน 50 คน ไม่เกิน 25 คน - คา้ ปลีก ไม่เกิน 30 คน ไม่เกิน 15 คน -6- ความสําคญั ของ SMEs ต่อระบบเศรษฐกจิ SMEs คือ วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม เป็นวสิ าหกิจท่ีมีความเหมาะสม มีความ คล่องตวั ในการปรับสภาพใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์ทว่ั ไปของประเทศ อีกท้งั ยงั เป็นวสิ าหกิจที่ใช้ เงินทุนในจาํ นวนท่ีต่าํ กวา่ วสิ าหกิจขนาดใหญ่ และยงั ช่วยรองรับแรงงานจากภาคเกษตรกรรมเมื่อ

หมดฤดูกาลเพาะปลูก เป็นแหล่งที่สามารถรองรับแรงานที่เขา้ มาใหม่ เป็นการป้ องกนั การอพยพ ของแรงงานเขา้ มาหางานทาํ ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซ่ึงช่วยกระจายโรงงานกิจการวสิ าหกิจ ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลไปสู่ภูมิภาพ ก่อใหเ้ กิดการพฒั นาความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจท้งั ในส่วนภูมิภาคและของประเทศอยา่ งยงั่ ยนื ต่อไป กล่าวโดยสรุป SMEs มคี วามสําคญั ต่อระบบเศรษฐกจิ คอื 1. ช่วยการสร้างงาน 2. สร้างมูลค่าเพ่มิ 3. สร้างเงินตราต่างประเทศ 4. ช่วยประหยดั เงินตราต่างประเทศ โดยการผลิตเพ่ือทดแทนการนาํ เขา้ ต่างประเทศ 5. เป็นจุดเร่ิมตน้ ในการลงทุน และสร้างเสริมประสบการณ์ 6. ช่วยเช่ือมโยงกบั กิจกรรมขนาดใหญ่ และภาคการผลิตอ่ืน ๆ เช่น ภาคเกษตรกรรม 7. เป็นแหล่งพฒั นาทกั ษะฝีมือ ปัญหาและข้อจาํ กดั ของ SMEs ในภาพรวม 1. ปัญหาดา้ นการตลาด SMEs ส่วนใหญ่มกั ตอบสนองความตอ้ งการของตลาดในทอ้ งถิ่นหรือ ตลาดในประเทศ ซ่ึงยงั ขาดความรู้ความสามารถในดา้ นตลาดในวงกวา้ ง โดยเฉพาะตลาด ต่างประเทศ ขณะเดียวกนั ความสะดวกรวดเร็วในการคมนาคมขนส่งตลอดจนการเปิ ดเสรีทางการ คา้ ทาํ ใหว้ สิ าหกิจขนาดใหญร่ วมท้งั สินคจ้ ากต่างประเทศเขา้ มาแขง่ ขนั กบั สินคา้ ในทอ้ งถิ่นหรือใน ประเทศที่ผลิต โดยกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มมากข้ึน 2. ขาดแคลนเงินทุน SMEs มกั ประสบปัญหาการขอกเู้ งินจากสถาบนั การเงิน เพ่ือมาลงทุนหรือ ขยายการลงทุนหรือเป็นเงินทุนหมุนเวยี น ท้งั น้ีเนื่องจากไม่ทาํ บญั ชีอยา่ งเป็นระบบและขาด หลกั ทรัพยค์ ้าํ ประกนั เงินกู้ ทาํ ใหต้ อ้ งพ่ึงพาเงินกนู้ อกระบบ และตอ้ งจ่ายดอกเบ้ียในอตั ราที่สูง 3. ปัญหาดา้ นแรงงาน แรงงานท่ีทาํ งานใน SMEs จะมีปัญหาการเขา้ ออกสูง กล่าวคือ เมื่อมีฝีมือ และมีความชาํ นาญมากข้ึนกจ็ ะยา้ ยออกไปทาํ งานในโรงงานขนาดใหญ่ท่ีมีระบบและตอบแทนท่ี ดีกวา่ จึงทาํ ใหค้ ุณภาพของแรงงานไม่สม่าํ เสมอ การพฒั นาไม่ต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อ ประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพสินคา้ 4. ปัญหาขอ้ จาํ กดั ดา้ นเทคโนโลยกี ารผลิต โดยทว่ั ไป SMEs มกั ใชเ้ ทคนิคการผลิตไม่ซบั ซอ้ น เน่ืองจากการลงทุนต่าํ และผปู้ ระกอบการ/พนกั งานขาดความรู้พ้ืนฐานที่รองรับเทคนิควิชาที่ทนั สมยั จึงทาํ ใหข้ ากการพฒั นารูปแบบผลิตภณั ฑต์ ลอดจนการพฒั นาคุณภาพมาตรฐานท่ีดี 5. ขอ้ จาํ กดั ดา้ นการจดั การ SMEs มกั ขาดความรู้ในการจดั การหรือการบริหารที่มีระบบใช้ ประสบการณ์จากการเรียนรู้ โดยเรียนถกู เรียนผดิ เป็นหลกั อาศยั ในครอบครัวหรือญาติพนี่ อ้ งมา ช่วยงานการบริหารภายใน ลกั ษณะน้ีแมจ้ ะมีขอ้ ดีในเรื่องการดูแลที่ทว่ั ถึง(หากธุรกิจไม่ใหญ่นกั ) แต่เมื่อกิจการเริ่มขยายตวั หากไม่ปรับปรุงการบริหารจดั การใหม้ ีระบบกจ็ ะเกิดปัญหาเกิดข้ึนได้

6. ปัญหาการเขา้ ถึงบริการการส่งเสริมของรัฐ SMEs จาํ นวนมากเป็นการจดั ต้งั กิจการที่มีรูปแบบ ไม่เป็นทางการ เช่น ผลิตตามบา้ นผลิตในลกั ษณะโรงงานหอ้ งแถว ไม่มีการจดทะเบียนโรงงาน ทะเบียนพาณิชย์ หรือทะเบียนการคา้ ดงั น้นั กิจการโรงงานหล่าน้ี จึงคอ่ นขา้ งปิ ดตวั เองในการเขา้ มาใชบ้ ริการของรัฐ เน่ืองจากปฏิบตั ิไม่คอ่ ยถูกตอ้ งเกี่ยวกบั การเสียภาษี การรักษาสภาพ สิ่งแวดลอ้ ม หรือรักษาความปลอดภยั ท่ีกาํ หนดตามกฎหมาย นอกจากน้ีในเรื่องการส่งเสริมการ ลงทุนกเ็ ช่นเดียวกนั แมว้ า่ รัฐจะไดล้ ดเง่ือนไขขนาดเงินทุนและการจา้ งงาน เพอ่ื จูงใจให้ SMEs เพยี ง 8.1% เทา่ น้นั ที่มีโอกาสไดร้ ับการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐ 7. ปัญหาขอ้ จาํ กดั ดา้ นบริการส่งเสริมพฒั นาขององคก์ รภาครัฐและภาคเอกชน การส่งเสริมพฒั นา SMEs ท่ีผา่ นมาไดด้ าํ เนินการโดยหน่วยงานของรัฐและเอกชนท่ีเก่ียวขอ้ ง เช่น กรมส่งเสริม อุตสาหกรรม กรมพฒั นาฝีมือแรงงาน กรมส่งเสริมการส่งออก สาํ นกั งานคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุนบรรษทั เงินทุน อตุ สาหกรรมขนาดยอ่ ม บรรษทั เงินทุนอตุ สาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการคา้ ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตลอดจนสมาคมการคา้ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ อยา่ งไรกต็ าม เนื่องจากอุตสหกรรมขนาดกลางและขนาดยอ่ มมีจาํ นวนมากและกระจายอยทู่ วั่ ประเทศ ประกอบกบั ขอ้ จาํ กดั ของหน่วยงานดงั กล่าว เช่น เรื่องบุคลากร งบประมาณ จาํ นวน สาํ นกั งานสาขาภูมิภาค การใหบ้ ริการส่งเสริมสนบั สนุนดา้ นต่าง ๆ จึงไม่อาจตอบไดท้ วั่ ถึงและ เพยี งพอ 8. ปัญหาขอ้ จาํ กดั ในการรับรู้ขา่ วสารขอ้ มลู เนื่องจากปัญหาและขอ้ จาํ กดั ต่าง ๆ ขา้ งตน้ SMEs โดยทว่ั ไป จึงคอ่ นขา้ งมีจุดอ่อนในการรับขา่ วสารดา้ นตา่ ง ๆ เช่น นโยบายและมาตรการของรัฐ ขอ้ มลู ข่าวสารดา้ นการตลาด ฯลฯ ผลกระทบต่อ SMEs จากวกิ ฤตการณ์ทางเศรษฐกิจท่ีเกิดข้นึ ต้งั แต่กลางปี 2540 ซ่ึงเริ่มจากสถาบนั การเงินก่อนจะลุกลาม ไปสู่ธุรกิจเกือบทุกสาขาท้งั กิจการขนาดใหญ่และขนาดเลก็ ลว้ นไดร้ ับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ เกิดข้ึนดว้ ยกนั ท้งั สิ้น วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (SMEs) โดยเฉพาะภาคอตุ สาหกรรมซ่ึง เป็นภาคการผลิตที่แทจ้ ริง ไดร้ ับผลกระทบจากเศรษฐกิจเช่นเดียวกนั กลุ่ม SMEs ลว้ นประสบ ปัญหาขาดสภาพคล่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่าํ ทาํ ใหอ้ าํ นาจซ้ือการบริโภคของประชาชนลดนอ้ ยลง เป็นผลใหก้ ิจการ SMEs ตอ้ งชะลอหรือลดการผลิต การจาํ หน่ายหรือถึงข้นั ปิ ดกิจการไปในท่ีสุด โดยกลุ่มท่ีไดร้ ับผลกระทบมากท่ีสุด คือ กลุ่ม SMEs เป็นการรับช่วงการผลิตจากกลุ่มอุตสาหกรรม สนบั สนุน ซ่ึงเป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางที่ใชเ้ ทคโนโลยพี ่งึ พาจากต่างประเทศ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นส่วนกลุ่ม SMEs ท่ีพ่ึงพาตนเองไดแ้ ละมกั จะใชภ้ ูมิปัญญาไทยเป็น พ้นื ฐานมาจากครอบครัวจะสามารถดาํ รงธุรกิจอยไู่ ดเ้ น่ืองจากกลุ่มน้ีจะมีความคล่องตวั ในเรื่องการ จดั การ เทคนิคการผลิต การจาํ หน่าย ซ่ึงมกั จะมีความยดื หยนุ่ ในการปรับตวั เพ่อื รับมือกบั ภาวะ

วิกฤติเศรษฐกิจไดด้ ีกวา่ SMEs ที่รับช่วงการผลิตจากบริษทั อุตสาหกรรมขนาดใหญ่และขนาด กลาง แต่อยา่ งไรกต็ ามกลุ่ม SMEs โดยทว่ั ไปกย็ งั ไดร้ ับผลกระทบจากอาํ นาจซ้ือและการบริโภคที่ นอ้ ยลงของประชาชน ปัญหาคือสภาพคล่องทางการเงินที่กระจายไปทว่ั ระบบเศรษฐกิจ หาก ภาครัฐไม่ยน่ื มือเขา้ ไปช่วยเหลือ ผปู้ ระกอบการ SMEs เหล่าน้ีกจ็ ะทยอยปิ ดกิจการไป กระทง่ั กลายเป็นปัญหาเร้ือรังทางเศรษฐกิจและส่งผลต่อปัญหาสงั คมในท่ีสุด ส่งเสริม SMEs ก้เู ศรษฐกจิ ชาติ การพลิกฟ้ื นเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมท้งั แนวทางการพฒั นาต่อไปในอนาคต ควร จะใหค้ วามสาํ คญั กบั SMEs มากยง่ิ ข้ึน ซ่ึงไม่ไดห้ มายความวา่ กิจการขนาดใหญ่จะไม่ใหก้ าร สนบั สนุนอีกต่อไป แต่ตอ้ งปรับเปลี่ยนกระบวนการส่งเสริมการใหม้ ีความเชื่อมโยงกนั มากข้ึน โดยสร้างความแขง็ แกร่งให้ SMEs ส่วนใหญ่ยงั มีจุดอ่อนโดยการใหค้ วามช่วยเหลือหรือสนบั สนุน ดา้ นต่าง ๆ อยา่ งเป็นระบบ และใหเ้ กิดความต่อเนื่องจากหากกลุ่มผปู้ ระกอบการ SMEs มีความ แกร่งสามารถยนื หยดั และแขง่ ขนั กบั สินคา้ ต่างประเทศไดก้ จ็ ะกลายเป็นรากฐานสาํ คญั ต่อการ พฒั นาเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป 2.3 มาตรฐานการบัญชี สําหรับกจิ การขนาดย่อม “การบงั คบั ใชม้ าตรฐานการบญั ชีอยา่ งเตม็ ที่เท่าเทียมกนั โดยไม่คาํ นึงถึงขนาดของกิจการน้นั ก่อใหเ้ กิดปัญหาการใชเ้ วลาอยา่ งมากมายกบั การจดั ทาํ งบการเงินของกิจการขนาดเลก็ ๆ รวมท้งั ทาํ ใหค้ ่าใชจ้ ่ายเกี่ยวกบั การวา่ จา้ งผสู้ อบบญั ชีสูงเกินไปเม่ือเทียบกบั ขนาดและกิจกรรมของ กิจการ” กติกาที่บริษทั ใชเ้ ป็นแนวทางในการจดั ทาํ งบการเงิน และการเปิ ดเผยขอ้ มูลทางการเงินในรูป หมายเหตุประกอบงบการเงิน น้นั ไดแ้ ก่ “มาตรฐานการบญั ชี” (Thai Accounting Standard หรือ TAS) ปัจจุบนั ประเทศไทย มีมาตรฐานฯใชบ้ งั คบั อยปู่ ระมาณ 30 ฉบบั มาตรฐานการ บญั ชีจะครอบคลุมเรื่องต่าง ๆ ต้งั แต่แม่บทการบญั ชี การรับรู้รายได้ สินคา้ คงเหลือ สินทรัพย์ ถาวร การนาํ เสนองบการเงิน และเงินลงทุน เป็นตน้ มาตรฐานบางฉบบั เนน้ ที่กิจกรรมเฉพาะ อยา่ ง เช่น การบญั ชีเกี่ยวกบั การเช่าซ้ือ เป็นตน้ บางฉบบั กล่าวถึงประเดน็ สาํ หรับธุรกิจเฉพาะ เช่น การรับรู้รายไดส้ าํ หรับธุรกิจอสงั หาริมทรัพย์ และการเปิ ดเผยขอ้ มลู ในงบการเงินของ ธนาคาร และสถาบนั การเงินที่คลา้ ยคลึงกนั เป็นตน้ อยา่ งไรกต็ าม มาตรฐานการบญั ชีเหล่าน้ี บงั คบั ใชก้ บั กิจการทุกแห่งเป็นการทว่ั ไป โดยไม่ไดค้ าํ นึงถึงขนาดและความซบั ซอ้ นของ กิจกรรมทางธุรกิจ รวมถึงความจาํ เป็นในการเปิ ดเผยขอ้ มูลของกิจการที่มีลกั ษณะแตกต่างกนั ในความเป็ นจริ ง ในต่างประเทศน้นั มกั เรียกมาตรฐานการบญั ชีอยา่ งยอ่ ๆ วา่ GAAP ซ่ึงมาจากคาํ วา่ Generally Accepted Accounting Principle ซ่ึงกม็ ีขอ้ ถกเถียง และมีความพยายามในการแยกประเภท และขนาดของกิจการที่จะใชม้ าตรฐานการบญั ชีมาโดยตลอด มีแนวความคิดวา่ กิจการขนาด

กลางและขนาดยอ่ ม น่าจะมีความจาํ เป็นในการเปิ ดเผยขอ้ มลู ในงบการเงินที่เขม้ งวดนอ้ ยกวา่ กิจการขนาดใหญ่ หรือ กิจการท่ีมีลกั ษณะเป็น บริษทั มหาชน ซ่ึงจาํ เป็นตอ้ งเปิ ดเผยขอ้ มลู โดย ละเอียดเพ่อื ปกป้ องผลประโยชนข์ องผถู้ ือหุน้ รายยอ่ ยท่ีเป็นประชาชนโดยทว่ั ไป นอกจากน้ี กิจการขนาดกลางและขนาดยอ่ มมกั มีความซบั ซอ้ นในกิจกรรมทางธุรกิจนอ้ ยกวา่ กิจการขนาด ใหญ่ (Big Size Corporation) การบงั คบั ใชม้ าตรฐานการบญั ชีอยา่ งเตม็ ที่เท่าเทียมกนั โดยไม่คาํ นึงถึงขนาดของกิจการน้นั ก่อใหเ้ กิดปัญหาการใชเ้ วลาอยา่ งมากมายกบั การจดั ทาํ งบการเงินของกิจการขนาดเลก็ ๆ รวมท้งั ทาํ ใหค้ ่าใชจ้ ่ายเกี่ยวกบั การวา่ จา้ งผสู้ อบบญั ชีสูงเกินไปเมื่อเทียบกบั ขนาดและกิจกรรมของ กิจการ และเมื่อจดั ทาํ งบการเงินน้นั ๆ แลว้ ผใู้ ชง้ บการเงินกลบั ไม่ไดน้ าํ ไปใชป้ ระโยชนส์ มกบั ที่ไดล้ งทุนลงแรงทาํ ไปอีกดว้ ย ในบา้ นเรากม็ ีความพยายามในการแยกการบงั คบั ใชม้ าตรฐานการบญั ชีสาํ หรับกิจการขนาด แตกต่างกนั โดยมีแนวคิดวา่ ควรมีมาตรฐานการบญั ชี เพื่อบงั คบั ใชก้ บั กิจการขนาดต่าง ๆ กนั แยกออกมาต่างหาก โดยบงั คบั ใชม้ าตรฐานการบญั ชีอยา่ งเตม็ ที่สาํ หรับกิจการขนาดใหญ่ และ บงั คบั ใชม้ าตรฐานการบญั ชีหยอ่ นลงมาสาํ หรับกิจการขนาดเลก็ โดยเรียกกนั ง่าย ๆ วา่ Big GAAP และ Small GAAP หรือ Little GAAP เม่ือปี 2544 กระทรวงพาณิชยไ์ ดย้ กเลิกใหก้ ิจการที่เป็นหา้ งหุน้ ส่วนจาํ กดั ท่ีเขา้ เง่ือนไข สาม ประการคือ 1. ทุนไม่เกินหา้ ลา้ นบาท 2. สินทรัพยร์ วมไม่เกินสามสิบลา้ นบาท และ 3. รายไดร้ วมไม่เกินสามสิบลา้ นบาท ไม่ตอ้ งจดั ใหง้ บการเงินไดร้ ับการตรวจสอบและแสดง ความเห็นโดยผสู้ อบบญั ชีรับอนุญาต กเ็ ป็นความพยายามที่จะลดภาระแก่กิจการขนาดเลก็ ใน เรื่องการจดั ทาํ บญั ชี อยา่ งไรกต็ าม ในช่วงเวลาหลงั จากน้นั ไม่นาน กรมสรรพากรไดอ้ อก กฎหมายมาบงั คบั ใชก้ บั กิจการเหล่าน้ีใหต้ อ้ งมีผตู้ รวจและรับรองบญั ชี ท่ีเรียกวา่ ผสู้ อบบญั ชี ภาษีอากร (Tax Auditor) เพ่ือประโยชนใ์ นการยน่ื แบบแสดงรายการเพ่อื เสียภาษี สมาคมนกั บญั ชีและผสู้ อบบญั ชีรับอนุญาตเคยออกประกาศเมื่อตน้ ปี 2545 เกี่ยวกบั มาตรฐาน การบญั ชีทย่ี กเว้นการบังคบั ใช้กบั ธุรกจิ ทไ่ี ม่ใช่บริษทั มหาชนจํากดั มาตรฐานการบญั ชีที่ยกเวน้ การบงั คบั ใชน้ ้นั มีอยู่ 7 ฉบบั ซ่ึงเป็นมาตรฐานการบญั ชีท่ีมีความยงุ่ ยากและซบั ซอ้ นก่อใหเ้ กิด ปัญหาในทางปฏิบตั ิกบั กิจการขนาดกลางและขนาดยอ่ ม โดยมีประกาศเพิม่ เติมในช่วงปลายปี เดียวกนั วา่ กิจการท่ีไม่ใช่บริษทั มหาชนเฉพาะที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกบั หลกั ทรัพย์ และจดั การ กองทุน ใหย้ กเวน้ การบงั คบั ใชเ้ พยี ง 2 ฉบบั แทนท่ีจะยกเวน้ ถึง 7 ฉบบั ประกาศฉบบั ดงั กล่าว ยงั คงมีผลบงั คบั ใชม้ าจนทุกวนั น้ี สาํ หรับหน่วยงานท่ีเป็นผอู้ อกมาตรฐานการบญั ชี ซ่ึงเดิมเป็นสมาคมนกั บญั ชีและผสู้ อบบญั ชี รับอนุญาตน้นั มีแนวคิดท่ีจะออกมาตรฐานการบญั ชีสาํ หรับกิจการขนาดกลางหรือขนาดยอ่ ม ต่างหากออกมาในอนาคต (ปัจจุบนั หนา้ ที่ในการออกมาตรฐานการบญั ชีไดโ้ อนไปยงั สภา

วชิ าชีพบญั ชี ที่เกิดข้ึนโดยผลของพระราชบญั ญตั ิวิชาชีพบญั ชี พ.ศ. 2547 ซ่ึงบงั คบั ใชเ้ มื่อวนั ที่ 23 ตุลาคม 2547) ในต่างประเทศ กม็ ีแนวคิดในการจดั ทาํ ส่ิงที่เรียกวา่ Financial Reporting Standards for SMEs อยเู่ ช่นเดียวกนั เขา้ ใจวา่ ปัจจุบนั ยงั มีประเดน็ ใหถ้ กเถียงวา่ ควรกาํ หนดมาตรฐานการบญั ชีอีกชุด หน่ึงต่างหากจากมาตรฐานการบญั ชีที่มีอยแู่ ลว้ หรือไม่ และเกณฑท์ ี่จะกาํ หนดวา่ กิจการท่ีมี ลกั ษณะอยา่ งไรจึงจะใชม้ าตรฐานการบญั ชีชุดน้ี ในต่างประเทศ มีการประชุมสมั มนากนั ระหวา่ ง เจา้ ของกิจการขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ผอู้ าํ นวยการฝ่ ายการเงิน (Chief Financial Officer หรือ CFO หรือบางแห่งเรียกวา่ Controller) สถาบนั การเงิน (ซ่ึงเป็นผปู้ ล่อยสินเช่ือ) นกั ลงทุน และผสู้ อบบญั ชี เพ่อื ระดมความคิดเห็น เก่ียวกบั เร่ืองน้ี มีบางแนวความคิดเห็นวา่ ขนาดของกิจการไม่ไดเ้ ป็นปัจจยั สาํ คญั ท่ีส่งผลต่อความจาํ เป็นในการ เปิ ดเผยขอ้ มูล การเขา้ ถึงขอ้ มลู ของผใู้ ชง้ บการเงิน และความสามารถในการแสวงหาขอ้ มูลทาง การเงินต่างหากท่ีน่าจะเป็นตวั กาํ หนดรูปแบบ และปริมาณของขอ้ มลู ที่ตอ้ งเปิ ดเผย รวมท้งั ขอบเขตของขอ้ มูลท่ีจาํ เป็นตอ้ งเปิ ดเผยต่อผใู้ ชง้ บการเงิน 2.4 งานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วข้อง อารี กหุ ลาบ(บทคดั ยอ่ ; 2553) การวิจยั เรื่อง การศึกษาการปฏิบตั ิงานของเจา้ หนา้ ท่ีการเงิน และบญั ชีกรมทางหลวง ในส่วนกลาง โดยใชร้ ะบบการบริหารการเงินการคลงั ภาครัฐแบบ อิเลก็ ทรอนิกส์ (GFMIS) มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือ 1) ศึกษาความรู้ ความเขา้ ใจของเจา้ หนา้ ท่ี การเงินและบญั ชีกรมทางหลวงต่อการนาํ ระบบ (GFMIS) มาปฏิบตั ิ และ 2) ศึกษาปัญหา อุปสรรคในการนาํ ระบบ GFMIS มาปฏิบตั ิ กลุ่มผใู้ หข้ อ้ มลู สาํ คญั คือผบู้ ริหาร ผปู้ ฏิบตั ิงาน การเงินและบญั ชีที่รับผดิ ชอบงาน โดยใชร้ ะบบ GFMIS โดยตรง และขา้ ราชการที่เป็น ผรู้ ับบริการ ในกรมทางหลวงส่วนกลาง โดยใชแ้ บบสมั ภาษณ์เชิงลึกเป็นเครื่องมือในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และดาํ เนินการวิเคราะห์ขอ้ มลู เชิงพรรณนา ผลการวิจยั พบวา่ ผลของการนาํ นโยบายการบริหารการเงินการคลงั ภาครัฐ โดยใชร้ ะบบ GFMIS ตามที่กรมบญั ชีกลาง กระทรวงการคลงั ไดก้ าํ หนดใหห้ น่วยงานราชการทุกแห่ง นาํ มาใช้ เพือ่ เป็นมาตรฐานเดียวกนั น้นั ทาํ ใหก้ รมทางหลวงในส่วนกลางสามารถลดข้นั ตอน การปฏิบตั ิงาน และเพ่ิมประสิทธิภาพการดาํ เนินงานการเงินและบญั ชีไดเ้ ป็นอยา่ งดี อนั เป็น ผลมาจากการพฒั นา 1) ความรู้ ความเขา้ ใจของเจา้ หนา้ ท่ีผปู้ ฏิบตั ิงานการเงินและบญั ชี โดย การนาํ เทคโนโลยสี ารสนเทศเขา้ มาใชเ้ ป็นเคร่ืองมือช่วยอาํ นวยความสะดวกในการปฏิบตั ิงาน จึงส่งผลใหผ้ รู้ ับบริการไดร้ ับบริการทางการเงินและบญั ชี ที่สะดวก รวดเร็วและทนั เวลา 2) ปัญหา/อุปสรรคในการดาํ เนินงานที่พบ คือปัญหาเร่ืองของอุปกรณ์และจาํ นวนบุคลากรท่ีไม่ เพยี งพอกบั ปริมาณงาน รวมถึงการเปล่ียนแปลงขอ้ มลู และข้นั ตอนการดาํ เนินงานในระบบ

GFMIS ซ่ึงหน่วยงานไดแ้ กป้ ัญหาดงั กล่าว โดยการประสานขอความร่วมมือไปยงั กรมบญั ชีกลาง เพื่อขอคาํ ปรึกษาในการแกไ้ ขปัญหาเรียบร้อยแลว้ สุตราวดี บวั เทศ(บทคดั ยอ่ ; 2547) ศึกษาปัจจยั ที่มีผลต่อการเลือกซ้ือโปรแกรมสาํ เร็จรูป ทางการบญั ชีในธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับ ปัญหาและอุปสรรคที่เกิด จากการใชโ้ ปรแกรมสาํ เร็จรูปทางการบญั ชี รวมถึงทศั นคติของผจู้ ดั การฝ่ ายการบญั ชีหรือ สมุห์บญั ชี และพนกั งานบญั ชีที่มีต่อโปรแกรมสาํ เร็จรูปทางการบญั ชีในปัจจุบนั ซ่ึงผล การศึกษาพบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งท้งั 2 กลุ่ม มีความเห็นท่ีเหมือนกนั วา่ ปัจจยั ดา้ นขอบเขตการใช้ งานของโปรแกรมสาํ เร็จรูปทางการบญั ชีมีความสมั พนั ธ์กบั การเลือกซ้ือโปรแกรมสาํ เร็จรูป ทางการบญั ชีมากท่ีสุด ทางดา้ นกลุ่มผจู้ ดั การฝ่ ายบญั ชีหรือสมุห์บญั ชีเห็นวา่ ปัจจยั ท่ีมี ความสมั พนั ธร์ องลงมาอีก 2 ลาํ ดบั คือ ปัจจยั รายไดร้ วม และปัจจยั ขนาดของกิจการ ส่วน กลุ่มพนกั งานบญั ชีเห็นวา่ ปัจจยั ขนาดของกิจการและปัจจยั ลกั ษณะของธุรกิจ เป็นปัจจยั ท่ี สาํ คญั รองลงมาตามลาํ ดบั ทางดา้ นประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจาการใชโ้ ปรแกรมสาํ เร็จรูปทางการบญั ชี พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งท้งั 2 กลุ่ม ไดร้ ับประโยชนด์ า้ นความถกู ตอ้ งและความน่าเชื่อถือของขอ้ มูล มากที่สุด ทางดา้ นปัญหาและอุปสรรคท่ีพบจากการใชโ้ ปรแกรมสาํ เร็จรูปทางการบญั ชีพบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งท้งั 2 กลุ่ม มีปัญหาดา้ นผใู้ ชโ้ ปรแกรมสาํ เร็จรูปทางการบญั ชี ขาดความรู้ความ เขา้ ใจในการใชง้ านโปรแกรมบญั ชีมากที่สุด นพณธ์ วงศค์ าํ (บทคดั ยอ่ ; 2545) ศึกษาปัจจยั ที่มีผลต่อการเลือกใชบ้ ริการของสาํ นกั งานรับ จดั ทาํ บญั ชีในการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจในอาํ เภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่ และศึกษาปัญหาและ อุปสรรคที่เกิดจาการใชบ้ ริการของสาํ นกั งานรับจดั ทาํ บญั ชีในการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจใน อาํ เภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่ ผใู้ หข้ อ้ มลู ในการวจิ ยั คร้ังน้ีคือ ผปู้ ระกอบการคา้ ท่ีเป็นนิติบุคคล ท่ีมีท่ีต้งั อยเู่ ฉพาะในเขตอาํ เภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่ จาํ นวน 365 ราย ซ่ึงผลการวิจยั พบวา่ การบริการของสาํ นกั งานรับจดั ทาํ บญั ชี มีอิทธิพลต่อการเลือกใชบ้ ริการจากผปู้ ระกอบการคา้ ในระดบั มากทุกปัจจยั เรียงตามลาํ ดบั คือ ปัจจยั ดา้ นคุณภาพของบุคลากรในสาํ นกั งานบญั ชี ดา้ นบริการของสาํ นกั งานบญั ชี ดา้ นกระบวนการหรือข้นั ตอนการใหบ้ ริการ ดา้ นสถานท่ีต้งั ของสาํ นกั งานบญั ชี ดา้ นลกั ษณะทางกายภาพของสาํ นกั งานบญั ชี ดา้ นอตั ราค่าธรรมเนียม บริการ และปัจจยั ดา้ นการส่งเสริมการตลาด ผปู้ ระกอบการคา้ พบปัญหาและอุปสรรคจาก การใชบ้ ริการสาํ นกั งานรับจดั ทาํ บญั ชีในระดบั นอ้ ย การวิเคราะห์ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสถานภาพของสถานประกอบการ และปัจจยั ส่วนผสม การตลาด กบั การตดั สินใจเลือกสาํ นกั งานรับจดั ทาํ บญั ชี พบวา่ ปัจจยั ดา้ นบริการของ สาํ นกั งานบญั ชีมีอิทธิพลต่อการตดั สินใจเลือกใชบ้ ริการสาํ นกั งานรับจดั ทาํ บญั ชี อยา่ งมี นยั สาํ คญั ทางสถิติในขณะที่ประเภทธุรกิจ ระยะเวลาดาํ เนินธุรกิจ ปัจจยั ดา้ นอตั รา ค่าธรรมเนียมบริการ ดา้ นสถานท่ีต้งั ของสาํ นกั งานบญั ชี ดา้ นการส่งเสริมการตลาด ดา้ น

คุณภาพของบุคลากร ดา้ นกระบวนการหรือข้นั ตอนการใหบ้ ริการ และปัจจยั ดา้ นลกั ษณะทาง กายภาพของสาํ นกั งานบญั ชี ไม่มีผลต่อการตดั สินใจเลือกใชส้ าํ นกั งานรับจดั ทาํ บญั ชี สุภาพร เพง่ พิศ(บทคดั ยอ่ ; 2553) การศึกษาวจิ ยั เร่ือง “ปัญหาในการจดั ทาํ บญั ชีของ สาํ นกั งานบญั ชีในกรุงเทพมหานคร” โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ศึกษา การใชค้ วามรู้ดา้ นวชิ าชีพ บญั ชีของผทู้ าํ บญั ชีในสาํ นกั งานบญั ชี ปัญหาในการจดั ทาํ บญั ชีของสาํ นกั งานบญั ชี และศึกษา อิทธิพลของขอ้ มลู ส่วนบุคคล ขอ้ มูลสาํ นกั งานบญั ชีและการใชค้ วามรู้ดา้ นวชิ าชีพบญั ชีที่มีต่อ ปัญหาในการจดั ทาํ บญั ชีของสาํ นกั งานบญั ชีในกรุงเทพมหานคร จากการสาํ รวจกลุ่มตวั อยา่ ง สาํ นกั งานบญั ชี ในกรุงเทพมหานคร จาํ นวน 320 แห่ง ผลการวจิ ยั พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายรุ ะหวา่ ง 30-39 ปี การศึกษาจบระดบั ปริญญาตรี มีประสบการณ์การทาํ งานดา้ นบญั ชีมากกวา่ 10 ปี ข้ึนไป มี หนา้ ที่ในการจดั ทาํ บญั ชี ออกแบบงบการเงินและจดั ทาํ รายงานภาษียน่ื กรมสรรพากร สาํ นกั งานบญั ชีส่วนใหญ่เป็นคณะบุคคล เปิ ดดาํ เนินการมากกวา่ 15 ปี ผลการศึกษาการใช้ ความรู้ดา้ นวิชาชีพบญั ชีของผทู้ าํ บญั ชีในสาํ นกั งานบญั ชี พบวา่ มีการใชค้ วามรู้ทางดา้ นการทาํ บญั ชีมากท่ีสุด ในการจดั ทาํ งบการเงิน ไดแ้ ก่ งบกาํ ไรขาดทุน งบดุล งบกระแสเงินสด เป็น ตน้ รองลงมาเป็นการใชค้ วามรู้ดา้ นวิชาชีพดา้ นการบญั ชีภาษีอากรในการยน่ื แบบภาษีเพือ่ นาํ ส่งกรมสรรพากร และการใชค้ วามรู้วิชาชีพดา้ นการศึกษาและเทคโนโลยกี ารบญั ชี ในการ ใชโ้ ปรแกรมสาํ เร็จรูปต่าง ๆ สาํ หรับปัญหาในการจดั ทาํ บญั ชีพบวา่ การปฏิบตั ิตามมาตรฐาน การบญั ชีมีปัญหามากที่สุด รองลงมาเป็นปัญหาในดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศในการทาํ บญั ชี และปัญหาความยงุ่ ยากจากการถูกตรวจสอบการทาํ บญั ชีโดยเจา้ พนกั งานกรมสรรพากร นอกจากน้ีการศึกษาการเปรียบเทียบขอ้ มูลส่วนบุคคลและสถานประกอบการ พบวา่ เพศ และ ระดบั การศึกษา มีผลต่อความคิดเห็นเก่ียวกบั ปัญหาในการจดั ทาํ บญั ชี ในขณะท่ีอายแุ ละ ประสบการณ์การทาํ งาน ระยะเวลาการเปิ ดดาํ เนินงาน และจาํ นวนลูกคา้ ที่ใหบ้ ริการ ไม่มีผล ต่อปัญหาในการจดั ทาํ บญั ชี การเปรียบเทียบการใชค้ วามรู้ท่ีมีผลต่อปัญหาในการจดั ทาํ บญั ชี ไดแ้ ก่ การใชค้ วามรู้ดา้ นวิชาชีพบญั ชีบริหาร และการใชค้ วามรู้ดา้ นการวางระบบบญั ชีมีผลต่อ ปัญหาท้งั 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นการประสานงานกบั ลูกคา้ ดา้ นการปฏิบตั ิงานของผทู้ าํ บญั ชี ดา้ น การปฏิบตั ิตามมาตรฐานการบญั ชี ดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศในการทาํ บญั ชี และดา้ นอ่ืน ๆ ท่ี เกี่ยวขอ้ งกบั การจดั ทาํ บญั ชี นอกจากน้ี ขอ้ เสนอแนะท่ีมีความคิดเห็นตรงกนั ในเร่ืองของมาตรฐานการบญั ชีไม่ สอดคลอ้ งกบั การบญั ชีภาษีอากรและขอ้ กฎหมายของกรมสรรพากร มีปัญหาในการตรวจสอบ และมีปัญหาในการปฏิบตั ิงานดา้ นการบญั ชีตอ้ งการใหม้ ีการประสานงานกนั ระหวา่ ง หน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งเพือ่ ดาํ เนินการวางแนวทางในการปฏิบตั ิงานดา้ นการบญั ชี หรือมี หน่วยงานที่ปรึกษาใหค้ าํ ตอบที่สามารถอา้ งอิงได้ ในปฏิบตั ิงานโดยภาครัฐ ในดา้ นการใช้

ความรู้วิชาชีพ สาํ หรับบณั ฑิตใหจ้ ดั กรเรียนมุ่งเนน้ ความรู้ดา้ นการปฏิบตั ิงาน การใช้ คอมพวิ เตอร์ในงานบญั ชี ความรู้ดา้ นการบญั ชีภาษีอากร โดยการฝึกปฏิบตั ิมากกวา่ ทฤษฏี และ ยกระดบั มาตรฐานวิชาชีพบญั ชีอนั เนื่องจากค่าตอบแทนในการรับทาํ บญั ชีดว้ ย

บทที่ 3 วธิ ีการดาํ เนินการวจิ ยั การดาํ เนินการจดั ทาํ โครงการวจิ ยั เรื่อง การจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาด ยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เป็นลกั ษณะของการศึกษาเชิงสาํ รวจ(Survey Research) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากเจา้ ของกิจการและพนกั งาน ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม จาํ นวน 73 ธุรกิจ โดยวธิ ีการแจกแบบสอบถามและแบบสมั ภาษณ์ ซ่ึงพ้ืนที่ท่ีใชใ้ นการศึกษา คือ ธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร หลงั จากน้นั จะทาํ การประมวลผลโดยใช้ โปรแกรม SPSS ซ่ึงสถิติที่ใชใ้ นการศึกษาคร้ังน้ี ไดแ้ ก่ ความถ่ี ร้อยละ (Percentage) คา่ เฉลี่ย (Mean) และคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) มีข้นั ตอนจดั ทาํ โครงการ ดงั น้ี 3.1 รูปแบบการจดั ทาํ โครงการ การจดั ทาํ โครงการเรื่อง การจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร มีวิธีการและการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ดงั น้ี 1. ขอ้ มลู ทุติยภูมิ ไดแ้ ก่ การสาํ รวจเอกสาร การรวบรวมขอ้ มูลจากแนวคิด ทฤษฏีงานวิจยั หนงั สือ ตาํ รา บทความ และเอกสารที่เก่ียวขอ้ ง 2. ขอ้ มลู ปฐมภูมิ ไดแ้ ก่ การเกบ็ ขอ้ มูลภาคสนาม การรวบรวมขอ้ มลู โดยใชแ้ บบสอบถาม (Questionnaire)และแบบสมั ภาษณ์ 3.2 ประชากรกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใชใ้ นการศึกษาคร้ังน้ี ไดแ้ ก่ พนกั งานและเจา้ ของธุรกิจขนาดกลางและขนาด ยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ซ่ึงขนาดของประชากรท้งั หมด 89 ราย สุ่มตวั อยา่ งตาม ตารางของ Krejcie and Morgan ไดจ้ าํ นวนกลุ่มตวั อยา่ ง 73 ราย ระยะเวลาในการเกบ็ ขอ้ มูล ภาคสนาม คือ การแจกแบบสอบถาม ระหวา่ ง เดือน เมษายน 2556 – พฤษภาคม 2556 3.2 การกาํ หนดขนาดของประชากรกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใชเ้ ป็นตวั แทนประชากร ไดม้ าจากการคาํ นวณหาขนาดของกลุ่มตวั อยา่ งโดยใช้ สูตรของทาโร ยามาเน่ (Taro Yamane,1973 : 125) โดยใหม้ ีค่าความคลาดเคลื่อนของกลุ่ม ตวั อยา่ งเท่ากบั ร้อยละ 5 สูตร n = N 1+ Ne2 กาํ หนดให้ n คือ จาํ นวนหรือขนาดของตวั อยา่ ง N คือ จาํ นวนหรือขนาดของประชากร ( 89 แห่ง) e คือ ความน่าจะเป็นของความผดิ พลาดท่ียอมใหเ้ กิดข้ึนได้ (ในท่ีน้ีใช้ 0.05)

ดงั น้นั ขนาดของกลุ่มตวั อยา่ ง คือ n = 73 ตวั อยา่ ง ในการสาํ รวจภาคสนามของกลุ่มตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ พนกั งานและเจา้ ของธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดยอ่ ม ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จาํ นวน 73 แห่ง 3.4 การสุ่มตัวอย่าง การเลือกกลุ่มตวั อยา่ งของพนกั งานและเจา้ ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ในเขตภาษี เจริญ กรุงเทพมหานคร ใชว้ ธิ ีเจาะจงผปู้ ฏิบตั ิงานดา้ นบญั ชี โดยคาํ นึงถึงความน่าจะเป็น 3.5 เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการเกบ็ ข้อมูล ในการศึกษาโครงการตอ้ งการท่ีจะศึกษาเชิงสาํ รวจซ่ึงจะใชแ้ บบสอบถามและแบบ สมั ภาษณ์เป็นเครื่องมือเพื่อการเกบ็ ขอ้ มูล ซ่ึงแบบสอบถามมีท้งั คาํ ถามปลายปิ ดและปลายเปิ ด ดงั รายละเอียดต่อไปน้ี เครื่องมอื ทเี่ ป็ นแบบสอบถาม แบบสอบถาม ซ่ึงจะแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ ตอนท่ี 1 เป็นแบบสอบถามขอ้ มลู ทวั่ ไปเก่ียวกบั ขอ้ มูลส่วนตวั ของผทู้ าํ งานฝ่ ายบญั ชี ของ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ไดแ้ ก่ เพศ อายุ ตาํ แหน่งหนา้ ที่ ระดบั การศึกษา ประสบการณ์ทาํ งาน ขนาดขององคก์ ร ตอนท่ี 2 เป็นแบบสอบถามขอ้ มูลการจดั ทาํ บญั ชี ตอนท่ี 3 เป็นแบบสอบถามความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี ของธุรกิจขนาด กลางและขนาดยอ่ ม ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ตอนที่ 4 ปัญหา อุปสรรค และขอ้ เสนอแนะในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี แบ่งระดบั ความเห็นไดด้ งั น้ี นอ้ ยท่ีสุด ให้ 1 คะแนน นอ้ ย ให้ 2 คะแนน ปานกลาง ให้ 3 คะแนน มาก ให้ 4 คะแนน มากท่ีสุด ให้ 5 คะแนน จากน้นั นาํ ค่าที่ไดไ้ ปหาค่าเฉลี่ย (Mean) และนาํ ค่าเฉลี่ยของคะแนนที่ไดม้ าเปรียบเทียบกบั เกณฑก์ ารแปลความหมายเพอื่ จดั ระดบั ค่าเฉลี่ยออกเป็นช่วง ดงั ต่อไปน้ี (ธานินทร์ ศิลป์ จารุ ,2551:75)

คา่ เฉลี่ย 1.00-1.49 แปลความวา่ ทศั นคติอยใู่ นระดบั นอ้ ยที่สุด ค่าเฉลี่ย 1.50-2.49 แปลความวา่ ทศั นคติอยใู่ นระดบั นอ้ ย คา่ เฉล่ีย 2.50 -3.49 แปลความวา่ ทศั นคติดอยใู่ นระดบั ปานกลาง คา่ เฉล่ีย 3.50 – 4.49 แปลความวา่ ทศั นคติอยใู่ นระดบั มาก ค่าเฉล่ีย 4.50-5.00 แปลความวา่ ทศั นคติอยใู่ นระดบั มากที่สุด 3.6 การสร้างเคร่ืองมอื 1. ศึกษาวตั ถุประสงคข์ องการวิจยั 2. ศึกษาคน้ ควา้ ทฤษฏีท่ีเกี่ยวขอ้ งในแบบสอบถามแลว้ จดั ทาํ แบบสอบถาม 3. นาํ แบบสอบถามที่สร้างข้ึนไปใหอ้ าจารยป์ ระจาํ วิชาและอาจารยท์ ่ีปรึกษาตรวจสอบ ความถกู ตอ้ งในเน้ือหา 4. ปรับปรุงขอ้ ความและคาํ ตอบในแบบสอบถามใหเ้ หมาะสมแลว้ จดั พมิ พฉ์ บบั สมบูรณ์ 3.7 วธิ ีการเกบ็ รวบรวมและการวเิ คราะห์ข้อมูล การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 1. จดั ทาํ หนงั สือขอความอนุเคราะห์จากทางธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม เพ่ือใชใ้ นการ เกบ็ ขอ้ มูลจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 2. เกบ็ ขอ้ มูลดว้ ยตนเอง โดยใชแ้ บบสอบถาม ซ่ึงจะทาํ การเกบ็ ขอ้ มลู ระหวา่ งเดือน เมษายน – พฤษภาคม 2556 นาํ แบบสอบถามท่ีรวบรวมได้ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งสมบูรณ์นาํ มาประมวลผลโดยใช้ โปรแกรมสาํ เร็จรูป SPSS (Statistical Package For the Social Sciences) โดยใชส้ ถิติในการ วเิ คราะห์ขอ้ มูล คือ 1. ขอ้ มลู ทว่ั ไป โดยใชส้ ถิติเชิงพรรณนา เช่น ความถ่ี (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) 2. ขอ้ มลู ความรู้ ความเขา้ ใจ ของผทู้ าํ งานฝ่ ายบญั ชี ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ใน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ต่อความรู้และมาตรฐานการบญั ชี มาใชใ้ นงานบญั ชี โดยใช้ ความถี่และค่าร้อยละแลว้ นาํ เสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลในรูปของตาราง 3. ขอ้ มลู ดา้ นความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี ของธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดยอ่ ม ในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร และปัญหา อุปสรรค และขอ้ เสนอแนะในการ พฒั นาความรู้ทางการบญั ชี ใชค้ ่าเฉล่ีย (Means) คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) แลว้ นาํ เสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลในรูปของตาราง

รูปที่ 1 ผงั การทาํ งานของโครงการ ศึกษารายวิชาโครงการ  คิดหวั ขอ้ โครงการ  เลือกหวั ขอ้ โครงการ  เสนอหวั ขอ้ โครงการ  ร่างใบเสนอโครงการ   สร้างเคร่ืองมือและเกบ็ ขอ้ มูล  ศึกษาและปฏิบตั ิงานในแตล่ ะบทของโครงการ  วิเคราะห์ขอ้ มลู สรุปผล การศึกษา  นาํ เสนอผลงาน  จดั ทาํ เป็นรูปเล่ม โครงการ  เสนอต่อฝ่ ายวจิ ยั

บทท่ี 4 ผลการศึกษา ผลการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นผลการศึกษาที่ไดจ้ ากการสอบถาม องคก์ รธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มท้งั หมด 48 ตวั อยา่ ง และในส่วนท่ีสองเป็นผลการศึกษาท่ี ไดจ้ ากการสมั ภาษณ์ผปู้ ระกอบการธุรกิจจาํ นวน 25 ชุด จากน้นั เป็นการอภิปรายผลและการให้ ขอ้ เสนอแนะเก่ียวกบั แนวทางในการพฒั นาความรู้เพอ่ื จดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาด ยอ่ ม ซ่ึงผลการศึกษามีดงั ต่อไปน้ี 4.1 ผลการศึกษษจาการสอบถามองค์กรธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ผวู้ ิจยั ไดศ้ ึกษาขอ้ มลู ทว่ั ไปของกลุ่มตวั อยา่ ง ขอ้ มลู การจดั ทาํ บญั ชี ความตอ้ งการในการ พฒั นาความรู้ทางการบญั ชี และปัญหา อุปสรรค ขอ้ เสนอแนะในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี ดงั ต่อไปน้ี 4.1.1 ข้อมูลทว่ั ไปของกล่มุ ตวั อย่าง ขอ้ มลู ทว่ั ไปของกลุ่มตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ ขอ้ มูล เพศ อายุ ตาํ แหน่งหนา้ ท่ี การศึกษา ประสบการณ์การทาํ งาน ขนาดขององคก์ ร ซ่ึงผลการศึกษามีดงั น้ี 4.1.1.1 ดา้ นเพศ พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 70.8 ส่วนที่ เหลือเป็นเพศชายร้อยละ 29.2 ดงั แสดงในตารางท่ี 4.1 ตารางที่ 4.1 เพศของกลุ่มตวั อย่าง เพศ จาํ นวน(คน) ร้อยละ ชาย 14 29.2 หญิง 34 70.8 รวมท้งั หมด 48 100.0

ชาย หญิง ภาพท่ี 4.1 กราฟแสดงเพศของกลุ่มตวั อยา่ ง 4.1.1.2 ดา้ นอายุ พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่มีอายอุ ยใู่ นช่วง 21-30 ปี ร้อยละ 35.4 ถดั มา ไดแ้ ก่ ช่วงอายุ 31-40 ปี ร้อยละ 27.1 ช่วงอายุ 50 ปี ข้ึนไป ร้อยละ 18.8 ช่วงอายุ 41-50 ปี ร้อยละ 16.7 และส่วนผทู้ ี่มีอายอุ ยใู่ นช่วงต่าํ กวา่ 20 ปี มีสดั ส่วนนอ้ ยที่สุด เพยี งร้อยละ 2.1 เท่าน้นั ดงั แสดง ในตารางท่ี 4.2 ตารางที่ 4.2 ช่วงอายขุ องกลมุ่ ตวั อยา่ ง อายุ จาํ นวน(คน) ร้อยละ ต่าํ กวา่ 20 ปี 1 2.1 21 - 30 ปี 17 35.4 31 - 40 ปี 13 27.1 41 - 50 ปี 8 16.7 50 ปี ข้ึนไป 9 18.8 รวมท้งั หมด 48 100.0

ภาพที่ 4.2 กราฟแสดงช่วงอายขุ องกลุ่มตวั อยา่ ง 4.1.1.3 ดา้ นการศึกษา พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่มีการศึกษาระดบั ปริญญาตรี ร้อยละ 45.8 ถดั มาไดแ้ ก่ ผมู้ ีการศึกษาระดบั ประถมศึกษา ร้อยละ 22.9 และผมู้ ีการศึกษาระดบั มธั ยมศึกษา ตอนตน้ อนุปริญญา/ปวส. สูงกวา่ ปริญญาตรี ร้อยละ 4.2 ดงั แสดงในตารางท่ี 4.3

ตารางที่ 4.3 การศึกษาของกลุ่มตวั อยา่ ง จาํ นวน(คน) ร้อยละ การศึกษา 11 22.9 ประถมศึกษา 2 4.2 มธั ยมศึกษาตอนตน้ 9 18.8 มธั ยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. 2 4.2 อนุปริญญา/ปวส. 22 45.8 ปริญญาตรี 2 4.2 สูงกวา่ ปริญญาตรี 48 100.0 รวมท้งั หมด ภาพท่ี 4.3 กราฟแสดงการศึกษาของกลุ่มตวั อยา่ ง

4.1.1.4 ดา้ นประสบการณ์การทาํ งาน พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่ประสบการณ์การ ทาํ งาน10 ปี ข้ึนไป ร้อยละ 43.8 ถดั มาไดแ้ ก่ 1-5 ปี ร้อยละ 29.2 5-10 ปี ข้ึนไป ร้อยละ 14.6 และต่าํ กวา่ 1 ปี ร้อยละ 12.5 ตามลาํ ดบั ดงั แสดงในตารางท่ี 4.4 ตารางที่ 4.4 ประสบการณ์การทาํ งาน ประสบการณ์การทาํ งาน จาํ นวน(คน) ร้อยละ ต่าํ กวา่ 1 ปี 6 12.5 1 - 5 ปี 14 29.2 5 - 10 ปี 7 14.6 10 ปี 21 43.8 Total 48 100.0 ภาพท่ี 4.4 กราฟแสดงประสบการณ์การทาํ งานของกลุ่มตวั อยา่ ง 4.1.1.5 ดา้ นขนาดองคก์ ร พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่เป็นองคก์ รขนาดเลก็ ร้อยละ 43.8 ถดั มาไดแ้ ก่องคก์ รขนาดใหญ่ ร้อยละ 41.7 และองคก์ รขนาดกลาง ร้อยละ 14.6 ตามลาํ ดบั ดงั แสดง ในตารางที่ 4.5

ตารางท่ี 4.5 ขนาดองคก์ ร ขนาดองคก์ ร จาํ นวน(คน) ร้อยละ ขนาดเลก็ 21 43.8 ขนาดกลาง 7 14.6 ขนาดใหญ่ 20 41.7 รวมท้งั หมด 48 100.0 ภาพท่ี 4.5 กราฟแสดงขนาดองคก์ ร 4.1.2 ขอ้ มูลการจดั ทาํ บญั ชี จากการสาํ รวจกลุ่มตวั อยา่ งขององคก์ รธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มท้งั หมด 48 แห่ง พบวา่ ขอ้ มูลการจดั ทาํ บญั ชี มีดงั ต่อไปน้ี 4.1.2.1 ขอ้ มูลในการจดั ทาํ บญั ชี พบวา่ ในหน่วยงาน/สาํ นกั งานมีการจดั ทาํ บญั ชี ร้อยละ 66.7 ส่วนหน่วยงาน/สาํ นกั งานท่ีไม่ไดม้ ีการจดั ทาํ บญั ชี ร้อยละ 33.3 ดงั แสดงในตารางท่ี 4.6

หน่วยงาน/สาํ นกั งานมีการจดั ทาํ บญั ชีหรือไม่ จาํ นวน ร้อยละ (คน) มี 66.7 ไม่มี 32 33.3 รวมท้งั หมด 100.0 16 48 ภาพท่ี 4.6 กราฟแสดงการจดั ทาํ บญั ชีของหน่วยงาน/สาํ นกั งาน 4.1.2.2 ความสามารถในการจดั ทาํ บญั ชี พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งมีความสามารถในการจดั ทาํ บญั ชีระดบั ปานกลางสูงที่สุด ร้อยละ 41.7 ถดั มาไดแ้ ก่ จดั ทาํ บญั ชีไม่เป็น ร้อยละ 31.3 ทาํ บญั ชีได้ ดี ร้อยละ 14.6 และจดั ทาํ บญั ชีพอใช้ ร้อยละ 12.5 ตามลาํ ดบั ดงั แสดงในตารางท่ี 4.7 ความสามารถในการจดั ทาํ บญั ชี จาํ นวน(คน) ร้อยละ พอใช้ 6 12.5 ปานกลาง 20 41.7 ดี 7 14.6 ทาํ ไม่เป็น 15 31.3 รวมท้งั หมด 48 100.0

ตารางท่ี 4.7 กราฟแสดงความสามารถในการจดั ทาํ บญั ชี 4.1.2.3 สอบถามกลุ่มตวั อยา่ งเคยไดย้ นิ หรือรู้จกั มาตรฐานการบญั ชหรือไม่ พบวา่ เคยไดย้ นิ หรือรู้จกั มาตรฐานการบญั ชีอนั ดบั สูงสุด ร้อยละ 66.7 และไม่เคยไดย้ นิ หรือรู้จกั มาตรฐานการบญั ชี ร้อยละ 33.3 ดงั แสดงในตารางที่ 4.8 เคยไดย้ นิ หรือรู้จกั มาตรฐานการบญั ชีหรือไม่ จาํ นวน ร้อยละ (คน) เคย 32 66.7 ไม่เคย 16 33.3 รวมท้งั หมด 48 100.0

ภาพที่ 4.8 กราฟแสดงการไดย้ นิ หรือรู้จกั มาตรฐานการบญั ชี 4.1.3 ความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี จากการสาํ รวจกลุ่มตวั อยา่ งองคก์ รธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มท้งั หมด 48 ตวั อยา่ ง พบวา่ ปัจจยั ท่ีทาํ ใหอ้ งคก์ รธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มมีความตอ้ งการพฒั นาความรู้ทางการ บญั ชี มีดงั ต่อไปน้ี 4.1.3.1 ปัจจยั ท่ีมีผลต่อความตอ้ งการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี จากการวเิ คราะห์ โดยใช้ คะแนนเฉล่ียของปัจจยั ต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อความตอ้ งการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี พบวา่ องคก์ ร ธุรกิจคาํ นึงถึงปัจจยั ท่ีมีผลในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชีมาก ซ่ึงมีค่าเฉลี่ยระหวา่ ง 3.50-4.49 และ ปานกลาง ซ่ึงมีคา่ เฉลี่ยระหวา่ ง 2.50-3.49 น้นั ดงั แสดงในตารางท่ี 4.9

ปัจจยั ค่าเฉลย่ี ส่ วน ผลต่อ เบี่ยงเบน การ 1. การจดั ทาํ บญั ชีช่วยใหก้ ิจการสามารถลดตน้ ทุนหรือค่าใชจ้ ่ายลงได้ 4.19 มาตรฐาน เลอื กใช้ 2. การจดั ทาํ บญั ชีสามารถลดความผดิ พลาดในการบริหารธุรกิจ 4.15 3. ผบู้ ริหารมีส่วนในการตดั สินใจในเร่ืองการจดั ทาํ บญั ชี 4.13 0.982 มาก 4. มาตรฐานการบญั ชี สามารถช่วยใหก้ ารจดั ทาํ บญั ชี ถกู ตอ้ ง น่าเชื่อถือ 4.08 1.091 มาก 5. การจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจ สามารถลดความผดิ พลาดในการบริหารธุรกิจ 4.02 0.937 มาก 6. การจดั ทาํ บญั ชี ช่วยในการเจริญเติบโตของธุรกิจ 3.98 1.069 มาก 7. ผบู้ ริหารใหค้ วามสาํ คญั ต่อแผนกบญั ชี 3.96 1.101 มาก 8. ผบู้ ริหารมีความรู้ดา้ นการบญั ชี 3.77 1.101 มาก 9. ธุรกิจมีความพร้อมดา้ นการจดั ทาํ บญั ชีใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานการบญั ชี 3.71 1.129 มาก 10. ธุรกิจมีความสามารถท่ีจะจดั ทาํ บญั ชีใหเ้ ป็นไปตามระบบบญั ชี 3.69 1.259 มาก 11. ธุรกิจ มีความเหมาะสมท่ีจะจดั ทาํ บญั ชีใหถ้ กู ตอ้ งเป็นไปตามมาตรฐาน 3.67 1.320 มาก การบญั ชี 1.206 มาก 12. บุคลากรสามารถเรียนรู้การจดั ทาํ บญั ชีใหถ้ กู ตอ้ งได้ 3.63 1.155 มาก 13. บุคคลากรมีความรู้ในการจดั ทาํ บญั ชีใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานการบญั ชี 3.46 1.248 มาก 1.304 ปาน กลาง 4.1.3.2 ปัญหาและอุปสรรคในการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชี พบวา่ องคก์ รธุรกิจมีปัญหา และอุปสรรคในการพฒั นาความรู้ทางดา้ นบญั ชีในระดบั ปานกลาง ซ่ึงมีค่าเฉลี่ยระหวา่ ง 2.50 – 3.49 น้นั ดงั แสดงในตารางที่ 4.10

ปัญหาและอปุ สรรค ค่าเฉลยี่ ส่วน ผลต่อการ เบ่ียงเบน เลอื กใช้ ปัจจยั ท่ี 1 ปัจจยั โอกาสในการเรียนรู้และความกา้ วหนา้ มาตรฐาน 1.1 การไดร้ ับโอกาสในการฝึกอบรมบญั ชี 1.2 การฝึกอบรมบญั ชีท่ีเหมาะสมกบั หนา้ ที่การงาน 3.19 1.363 ปานกลาง 1.3 นาํ ความรู้ที่ไดจ้ ากการอบรมมาใชใ้ นการทาํ งาน 3.19 1.266 ปานกลาง 1.4 ไดร้ ับการฝึกอบรมบญั ชีอยา่ งเท่าเทียมกนั ระหวา่ งเพอ่ื นร่วมงาน 3.29 1.336 ปานกลาง 1.5 ตาํ แหน่งหนา้ ที่เหมาะสมกบั ความรู้ความสามารถ 3.25 1.361 ปานกลาง ปัจจยั ท่ี 2 ปัจจยั ความสมั พนั ธก์ บั ผบู้ งั คบั บญั ชา 3.10 1.448 ปานกลาง 2.1 ผบู้ งั คบั บญั ชาไม่มีอคติ 2.2 ผบู้ งั คบั บญั ชามีความสมั พนั ธอ์ นั ดีกบั ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา 3.02 1.436 ปานกลาง 2.3 ผบู้ งั คบั บญั ชารับฟังความคิดเห็น 3.02 1.407 ปานกลาง 2.4 ผบู้ งั คบั บญั ชามีความรู้ความสามารถ 3.06 1.435 ปานกลาง 2.5 ผบู้ งั คบั บญั ชาใหค้ าํ ปรึกษา 3.33 1.506 ปานกลาง ปัจจยั ที่ 3 ปัจจยั เพ่อื นร่วมงานและความมน่ั คงในงาน 3.15 1.473 ปานกลาง 3.1 เพ่ือนร่วมงานยนิ ดีใหข้ อ้ มูลในการทาํ งาน 3.2 เพื่อนร่วมงานเตม็ ใจใหค้ วามร่วมมือในการปฏิบตั ิงาน 3.02 1.313 ปานกลาง 3.3 การไดร้ ับการยอมรับและความไวว้ างใจจากผรู้ ่วมงาน 2.94 1.311 ปานกลาง 3.4 เพอ่ื นร่วมงานมีความรู้ ความสามารถ 2.98 1.422 ปานกลาง 3.5 เพอ่ื นร่วมงานเป็นคนที่ไวใ้ จได้ 3.04 1.352 ปานกลาง 3.6 ความมน่ั คงในหนา้ ที่การงาน 3.08 1.350 ปานกลาง 3.7 ความมนั่ คงในการเป็นพนกั งานองคก์ ร 3.00 1.337 ปานกลาง ปัจจยั ท่ี 4 สภาพแวดลอ้ มในการทาํ งาน 2.94 1.405 ปานกลาง 4.1 สภาพแวดลอ้ มในสาํ นกั งาน 4.2 สิ่งอาํ นวยความสะดวกในการทาํ งาน 2.88 1.438 ปานกลาง 4.3 สถานท่ีทาํ งาน 2.85 1.414 ปานกลาง 4.4 ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการเดินทางไปทาํ งาน 2.90 1.418 ปานกลาง 3.02 1.422 ปานกลาง

4.2 ผลการศึกษาจากการสมั ภาษณ์ผปู้ ระกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มเกี่ยวกบั การจดั ทาํ บญั ชี ผวู้ ิจยั ไดท้ าํ การศึกษาการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จาํ นวน 25 แห่ง ในประเดน็ ต่อไปน้ี คือ ขอ้ มลู ทวั่ ไปเกี่ยวกบั การจดั ทาํ บญั ชีของ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ปัญหาในการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม การ นาํ มาตรฐานการบญั ชีมาใชใ้ นการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม รูปแบบการ จดั ทาํ บญั ชีสาํ หรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในอนาคต ซ่ึงไดผ้ ลการศึกษาดงั ต่อไปน้ี 4.2.1 ผลการสมั ภาษณ์ นางสาวอรวรรณ ชยั เฉลิมศกั ด์ิ 4.2.1.1 ขอ้ มูลทว่ั ไปเก่ียวกบั การจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 4.2.1.1.1ในปัจจุบนั องคก์ รไดม้ ีการจดั ทาํ บญั ชีเป็นไปตามมาตรฐานการ บญั ชีทุกขอ้ เช่น - มีการจดั ทาํ รายงานการเงินอยา่ งถูกตอ้ งตามมาตรฐานการบญั ชีฉบบั ที่ 1 (ปรับปรุง 2552) ท่ีวา่ ดว้ ย เร่ืองการนาํ เสนองบการเงิน โดยนาํ ส่งกรมสรรพากรทุกปี - มีการตรวจสอบภายใน โดยพนกั งานบญั ชีตรวจสอบฝ่ ายขายทุกเดือน - มีการกระทบยอดต่าง ๆ ใหถ้ กู ตอ้ งทุกเดือน เช่น ยอดเงินฝากธนาคาร - มีการตดั คา่ เสื่อมราคาสินทรัพยต์ ่าง ๆ 4.2.1.1.2 กระบวนการจดั ทาํ บญั ชีขององคก์ ร มีดงั น้ี - ผชู้ ่วยประสานงานขายจะจดั ทาํ ใบ INVOICE ขาย และ คีย์ ใบกาํ กบั ภาษีซ้ือ - พนกั งานบญั ชี ตรวจสอบขอ้ มลู ท่ีผชู้ ่วยประสานงานขายจดั ทาํ ข้ึน และนาํ ไป บนั ทึกบญั ชี -พนกั งานบญั ชีจดั ทาํ รายงานการซ้ือ-ขาย ทุกเดือน - พนกั งานบญั ชีตรวจสอบยอดเงินฝากธนาคาร - ผจู้ ดั การบญั ชีและผจู้ ดั การการเงิน ตรวจสอบรายการต่าง ๆ ท่ี พนกั งานบญั ชี

ไดบ้ นั ทึกบญั ชี -MD และ GM เซ็นตอ์ นุมตั ิในทุก ๆ รายการ 4.2.1.1.3 ปัจจุบนั องคก์ รมีระบบการจดั ทาํ บญั ชีคือ - มีการตรวจสอบภายในทุกรายการบญั ชี เพราะเพ่ือตรวจสอบความถกู ตอ้ งและเพอื่ การ แกไ้ ขปัญหาไดท้ นั ทีเม่ือตรวจพบ - ผบู้ ริหารตรวจสอบและเซ็นตอ์ นุมตั ิในทกุ รายการบญั ชี เพราะเพ่อื ป้ องกนั การทุจริตและ เพอื่ การบริหารงานอยา่ งมีประสิทธิภาพ 4.2.1.2 ปัญหาในการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม การประสานงานของทุกฝ่ ายในองคก์ ร ไม่คอ่ ยไดร้ ับความร่วมมือ เท่าที่ควร 4.2.1.3 การนาํ มาตรฐานการบญั ชีมาใชใ้ นการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลาง และขนาดยอ่ ม 4.2.1.3.1 ปัจจุบนั มีการใชม้ าตรฐานการบญั ชีในการจดั ทาํ บญั ชีอยแู่ ลว้ แต่ถา้ มีมาตรฐานอะไรใหม่ๆ หรือมีการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานอยา่ งไร กจ็ ะมีการจดั ใหพ้ นกั งานท่ี เก่ียวขอ้ งเขา้ อบรมสมั มนาเพม่ิ เติม ปี ละไม่ต่าํ กวา่ 2 คร้ังต่อคน 4.2.1.3.2 การนาํ มาตรฐานการบญั ชีมาใชใ้ นการจดั ทาํ บญั ชี ช่วยใหเ้ กิด ประโยชน์ดงั ต่อไปน้ี 1. ช่วยใหเ้ กิดความถกู ตอ้ งในการบนั ทึกบญั ชี และมีความเป็นสากลในทางเดียวกนั กบั บริษทั ท่ีประกอบธุรกิจประเภทเดียวกนั 2. ทาํ ใหก้ ารตรวจสอบเป็นไปโดยง่าย 4.2.1.4 รูปแบบการจดั ทาํ บญั ชีสาํ หรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในอนาคต ขอ้ เสนอแนะต่อรูปแบบการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาด ยอ่ ม ในอนาคต คือ ควรมีการควบคุมดา้ นสินคา้ คงเหลือใหม้ ีประสิทธิภาพมากข้นึ กวา่ ในปัจจุบนั 4.2.2 ผลการสมั ภาษณ์ นางสาวกฤตภคั 4.2.1.1 ขอ้ มูลทว่ั ไปเก่ียวกบั การจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ปัจจุบนั องคก์ รมีการจดั ทาํ บญั ชีเป็นไปตามนโยบายฝ่ ายบญั ชีของ สาํ นกั งานใหญ่ เนื่องจากองคก์ รเป็นสาขายอ่ ย 4.2.1.1.2 กระบวนการจดั ทาํ บญั ชีขององคก์ ร มีดงั น้ี แบ่งแยกงานออกเป็นแผนก เช่น แผนกการเงิน แผนกบญั ชีเงินสดรับ ฝ่ ายบญั ชี สาํ นกั งานใหญ่ ลาํ ดบั ข้นั ตอนการจดั ทาํ บญั ชีมีดงั ต่อไปน้ี 1. แผนกการเงินทาํ การรับเงินสดจากลูกคา้

2. นาํ ส่งเงินทุกสิ้นวนั และใหแ้ ผนกบญั ชีเงินสดรับบนั ทึกบญั ชี 3. แผนกบญั ชีของสาขาส่งรายงานใหฝ้ ่ ายบญั ชีของสาํ นกั งานใหญ่ 4.2.1.1.3 ปัจจุบนั องคก์ รมีระบบการจดั ทาํ บญั ชีคือ ใชร้ ูปแบบการจดั ทาํ บญั ชีแบบออนไลน์ ส่งใหส้ าํ นกั งานใหญ่ 4.2.1.2 ปัญหาในการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 1. มีบางกรณีคอื การปิ ดยอดเงินไม่ตรงในระบบ เน่ืองจากองคก์ รมีหลาย สาขา การปิ ดเงินลงระบบอาจคลาดเคลื่อนบา้ งเลก็ นอ้ ย 2. ผจู้ ดั ทาํ บญั ชีเป็นพนกั งานเขา้ มาใหม่บ่อยในแต่ละเดือน อาจไม่เขา้ ใจ ในระบบงานดีพอ จึงเกิดการจดั ทาํ บญั ชีผดิ ไปบา้ ง 4.2.1.3 การนาํ มาตรฐานการบญั ชีมาใชใ้ นการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลาง และขนาดยอ่ ม 1. ทาํ ตามรูปแบบการบญั ชีที่สาํ นกั งานใหญ่เป็นผกู้ าํ หนด ซ่ึงปฏิบตั ิ เป็นไปตามมาตรฐานการบญั ชีอยแู่ ลว้ 2. การนาํ มาตรฐานการบญั ชีมาใชใ้ นการจดั ทาํ บญั ชี ช่วยใหจ้ ดั ทาํ บญั ชี ง่ายข้ึนและเป็ นระบบมากข้ึน 4.2.1.4 รูปแบบการจดั ทาํ บญั ชีสาํ หรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในอนาคต รูปแบบการจดั ทาํ บญั ชีในอนาคต ในฐานะท่ีเป็นสาขาคือ จา้ งพนกั งาน บญั ชีโดยตรงจดั การเอกสารระบบงาน แบบที่เจา้ ของกิจการสามารถตรวจสอบได้

บทที่ 5 บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ การวจิ ัยเร่อื ง “การจัดทาํ บัญชีของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อมเขตภาษเี จริญ กรงุ เทพมหานคร” ผู้วิจยั ได้ดาํ เนนิ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู จากการสอบถามองคก์ รธรุ กิจขนาดกลาง และขนาดย่อมท้งั หมด 48 ตัวอยา่ ง การสัมภาษณ์ผูป้ ระกอบการองค์กรธุรกจิ ขนาดกลางและขนาด ย่อมจํานวน 24 แหง่ และการรวบรวมข้อมูลด้วยการศกึ ษาค้นควา้ จากผลการวเิ คราะหใ์ นบทก่อน ผวู้ ิจยั สามารถสรปุ ผลการวจิ ยั อภิปรายผล และเสนอแนวทางการพัฒนา รวมทงั้ การใหข้ อ้ เสนอแนะ ดงั ต่อไปนี้ 5.1 บทสรปุ ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู จากการสอบถามองค์กรธรุ กิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขต ภาษเี จริญ กรงุ เทพมหานคร 5.1.1 ขอ้ มลู ทัว่ ไป กลุม่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ อายรุ ะหวา่ ง 21-30 ปี มกี ารศกึ ษาระดับ ปริญญาตรี กลมุ่ ตวั อย่างส่วนใหญ่มปี ระสบการณ์การทาํ งาน 10 ปขี น้ึ ไป ส่วนใหญ่เปน็ เจา้ ของ กิจการ ถดั มาเป็นกลุ่มพนกั งานบญั ชี ผบู้ รหิ าร และกล่มุ พนกั งานบรษิ ทั เชน่ งานบญั ชี การเงนิ และถัดมาเปน็ ผู้ช่วยผู้สอบบญั ชี ตามลาํ ดบั 5.1.2 ขอ้ มลู การจัดทําบญั ชี ขอ้ มูลในด้านหน่วยงานมีการจัดทาํ บญั ชหี รือไม่ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ธรุ กจิ มีการจัดทาํ บญั ชี ทางดา้ นความสามารถในการจดั ทาํ บญั ชี พบวา่ กลุม่ ตวั อย่างส่วนใหญธ่ รุ กจิ มี ความสามารถในการจดั ทาํ บญั ชปี านกลาง ถัดมาไดแ้ ก่ธุรกิจไมม่ คี วามสามารถในการจัดทําบญั ชี ความสามารถในการจัดทาํ บญั ชใี นระดับดี และความสามารถในการจัดทาํ บัญชใี นระดับพอใช้ ตามลําดบั ธรุ กิจเคยได้ยนิ หรอื รู้จักมาตรฐานการบญั ชีหรอื ไม่ พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญ่ เคยได้ยนิ หรอื รู้จกั มาตรฐานการบัญชี ทางดา้ นการรบั รู้มาตรฐานการบัญชีจากแหล่งขอ้ มลู ใด พบวา่ กลมุ่ ตวั อย่างสว่ น ใหญร่ ับรมู้ าตรฐานการบญั ชจี ากหนว่ ยงานหรอื สํานักงานอนื่ ๆ ถดั มาไดแ้ ก่ ทางอนิ เทอร์เน็ต โทรทศั น์ นิตยสารหรอื วารสาร หนงั สอื พมิ พ์ และอืน่ ๆ เช่น จากการศกึ ษา วิทยุ สํานักงาน บญั ชี ตามลาํ ดบั 5.1.3 ความต้องการในการพัฒนาความรูท้ างการบัญชี องคก์ รธรุ กิจขนาดกลางและขนาดย่อมมคี วามต้องการในการพฒั นาความรู้ ทางการบัญชี ดงั ต่อไปนี้ 5.1.3.1 เหตผุ ลทีอ่ งคก์ รธรุ กิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีความตอ้ งการพฒั นา ความรทู้ างการบัญชี พบว่า องค์กรธุรกิจคาํ นงึ ถึงความตอ้ งการในการพฒั นาความรทู้ างการบญั ชี ในระดบั มาก ได้แก่ 1. การจัดทําบัญชี ช่วยใหก้ ิจการสามารถลดตน้ ทนุ หรอื ค่าใช้จา่ ยลงได้ 2. การจดั ทาํ บญั ชขี องธุรกจิ สามารถลดความผิดพลาดในการบริหารธุรกจิ

3. ผูบ้ ริหารมสี ว่ นในการตดั สินใจในเร่อื งของการจัดทาํ บญั ชีของธรุ กจิ ขนาด กลางและขนาดย่อม 4. มาตรฐานการบญั ชี สามารถชว่ ยให้การจัดทําบัญชขี องทา่ น ถูกตอ้ ง น่าเชือ่ ถือ 5. การนาํ มาตรฐานการบญั ชีมาจดั ทาํ บญั ชีจะทาํ ให้การบัญชมี ีความถกู ต้อง ครบถ้วน 6. การจดั ทําบญั ชีของธุรกจิ ช่วยในการเจรญิ เตบิ โตของธุรกจิ ใหม้ ากขึ้น 7. ผูบ้ ริหารใหค้ วามสาํ คญั ต่อแผนกบญั ชี 8. ผบู้ รหิ ารมคี วามรดู้ า้ นการจัดทาํ บญั ชี 9. ธรุ กิจของทา่ น มคี วามพรอ้ มด้านการจัดทาํ บญั ชใี ห้เปน็ ไปตามมาตรฐานการ บัญชี 10. ธรุ กิจของท่านมคี วามสามารถทจ่ี ะจดั ทําบัญชใี หเ้ ป็นไปตามระบบบัญชี 11. ธุรกิจของทา่ น มีความเหมาะสมทีจ่ ะจัดทําบัญชใี หถ้ กู ตอ้ ง เป็นไปตาม มาตรฐานการบญั ชี 12. บุคคลากรของท่านสามารถที่จะเรียนรู้การจดั ทาํ บญั ชใี หถ้ ูกต้อง ครบถ้วน และสมบรู ณ์ได้ และเหตผุ ลทอ่ี งค์กรธรุ กจิ ขนาดกลางและขนาดย่อมมีความตอ้ งการในการพฒั นาความรู้ ทางการบัญชใี นระดบั ปานกลางคือ บุคลากรมคี วามรใู้ นการจัดทาํ บญั ชใี หเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐาน การบญั ชี 5.1.4 ปัญหา อปุ สรรค และข้อเสนอแนะในการพัฒนาความรทู้ างการบัญชี ปญั หา อุปสรรคของการพฒั นาความรู้ทางการบญั ชขี องธุรกจิ ขนาดกลางและ ขนาดยอ่ มอยใู่ นระดบั ปานกลาง เหตผุ ลดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ผ้บู งั คบั บัญชาเปน็ ผู้มคี วามรู้ความสามารถทางการบญั ชี 2. สามารถนําความรทู้ ีไ่ ดจ้ ากการอบรมบญั ชมี าใชใ้ นการทาํ งาน 3. การได้รับการฝกึ อบรมบัญชอี ย่างเทา่ เทยี มกันระหว่างเพ่ือนรว่ มงาน 4. การไดร้ บั การฝึกอบรมบญั ชที ี่เหมาะสมกับหนา้ ที่การงาน 5. การไดร้ ับโอกาสในการฝึกอบรมและพฒั นาความรทู้ างการบัญชอี ย่างตอ่ เนื่อง 6. ผบู้ ังคับบญั ชาใหค้ าํ ปรึกษาและใหค้ วามช่วยเหลอื ในการทํางาน 7. ตําแหนง่ หน้าท่ีในปจั จบุ ันเหมาะสมกบั ความรู้ความสามารถ 8. เพ่ือนร่วมงานเป็นคนทไี่ วใ้ จได้ 9. ผู้บงั คับบญั ชารับฟงั ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผู้ใตบ้ ังคับบัญชา 10. เพ่ือนรว่ มงานมคี วามรู้ ความสามารถ 11. เพอ่ื นรว่ มงานยนิ ดใี หข้ ้อมลู เพ่ือใช้ประโยชน์ในการทาํ งาน 12. ผูบ้ งั คับบญั ชาไม่มอี คตแิ ละใหค้ วามสําคญั กับผู้ใตบ้ งั คับบญั ชาเทา่ ๆ กนั

13. ผู้บงั คับบญั ชามีความสมั พนั ธอ์ ันดกี ับผูใ้ ตบ้ ังคับบญั ชา 14. ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการเดนิ ทางไปทํางาน 15. ความม่นั คงในหน้าทก่ี ารงาน 16. การได้รบั การยอมรบั และความไว้วางใจจากผู้ร่วมงานในการปฏบิ ตั งิ าน 17. เพอ่ื นร่วมงานมีความกระตอื รือร้น เต็มใจใหค้ วามรว่ มมอื ในการปฏิบตั งิ าน 18. ความมั่นคงและย่งั ยนื ในการเปน็ พนักงานขององคก์ ร 5.2 บทสรปุ การวิเคราะหข์ อ้ มูลจากการสมั ภาษณ์ผูป้ ระกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม เก่ียวกบั ความต้องการในการพฒั นาความร้ทู างการบญั ชีและปญั หา อุปสรรคในการพฒั นาความรู้ ทางการบญั ชี ผู้วจิ ยั ได้ทาํ การศกึ ษาความต้องการพัฒนาความรทู้ างการบัญชี และปัญหาอปุ สรรคใน การพฒั นาความร้ทู างการบญั ชีของธรุ กิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มจาํ นวน 24 แห่ง ในประเดน็ ตอ่ ไปนี้ คือ ขอ้ มูลทัว่ ไปเกย่ี วกับการจดั ทาํ บญั ชขี องธรุ กิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปัญหาใน การจดั ทาํ บญั ชีของธรุ กิจขนาดกลางและขนาดย่อม การนาํ มาตรฐานการบญั ชมี าใช้ในการจัดทาํ บัญชขี องธรุ กจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม และรูปแบบการจดั ทําบญั ชสี ําหรบั ธรุ กจิ ขนาดกลาง และขนาดย่อมในอนาคต ซงึ่ ไดผ้ ลการศกึ ษาดังต่อไปนี้ 5.2.1 ข้อมูลทว่ั ไปเกีย่ วกับการจดั ทําบญั ชขี องธรุ กิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 1. ในปัจจุบนั องคก์ รไดม้ ีการจดั ทาํ บญั ชีเป็นไปตามมาตรฐานการบญั ชีทุกขอ้ เช่น - มีการจดั ทาํ รายงานการเงินอยา่ งถกู ตอ้ งตามมาตรฐานการบญั ชีฉบบั ท่ี 1 (ปรับปรุง 2552) ท่ีวา่ ดว้ ย เร่ืองการนาํ เสนองบการเงิน โดยนาํ ส่งกรมสรรพากรทุกปี - มีการตรวจสอบภายใน โดยพนกั งานบญั ชีตรวจสอบฝ่ ายขายทุกเดือน - มีการกระทบยอดต่าง ๆ ใหถ้ กู ตอ้ งทุกเดือน เช่น ยอดเงินฝากธนาคาร - มีการตดั ค่าเส่ือมราคาสินทรัพยต์ ่าง ๆ 2. ปัจจุบนั องคก์ รมีการจดั ทาํ บญั ชีเป็นไปตามนโยบายฝ่ ายบญั ชีของสาํ นกั งานใหญ่ เนื่องจากองคก์ รเป็นสาขายอ่ ย 1. กระบวนการจดั ทาํ บญั ชีขององคก์ ร มีดงั น้ี 1.1 ผชู้ ่วยประสานงานขายจะจดั ทาํ ใบ INVOICE ขาย และ คียใ์ บกาํ กบั ภาษีซ้ือ 1.2 พนกั งานบญั ชี ตรวจสอบขอ้ มูลที่ผชู้ ่วยประสานงานขายจดั ทาํ ข้ึน และ นาํ ไป บนั ทึกบญั ชี 1.3 พนกั งานบญั ชีจดั ทาํ รายงานการซ้ือ-ขาย ทุกเดือน

1.4 พนกั งานบญั ชีตรวจสอบยอดเงินฝากธนาคาร 1.5 ผจู้ ดั การบญั ชีและผจู้ ดั การการเงิน ตรวจสอบรายการต่าง ๆ ที่พนกั งาน บญั ชี ไดบ้ นั ทึกบญั ชี 1.6 MD และ GM เซ็นตอ์ นุมตั ิในทกุ ๆ รายการ 2. แบ่งแยกงานออกเป็นแผนก เช่น แผนกการเงิน แผนกบญั ชีเงินสดรับ ฝ่ ายบญั ชี สาํ นกั งานใหญ่ ลาํ ดบั ข้นั ตอนการจดั ทาํ บญั ชีมีดงั ต่อไปน้ี 2.1 แผนกการเงินทาํ การรับเงินสดจากลูกคา้ 2.2 นาํ ส่งเงินทุกสิ้นวนั และใหแ้ ผนกบญั ชีเงินสดรับบนั ทึกบญั ชี 2.3 แผนกบญั ชีของสาขาส่งรายงานใหฝ้ ่ ายบญั ชีของสาํ นกั งานใหญ่ ปจั จุบันองค์กรมีระบบการจดั ทําบัญชี คือ 1. มีการตรวจสอบภายในทุกรายการบญั ชี เพราะเพื่อตรวจสอบความถูกตอ้ งและเพอ่ื การ แกไ้ ขปัญหาไดท้ นั ทีเม่ือตรวจพบ - ผบู้ ริหารตรวจสอบและเซ็นตอ์ นุมตั ิในทุกรายการบญั ชี เพราะเพอื่ ป้ องกนั การทุจริต และเพอ่ื การบริหารงานอยา่ งมีประสิทธิภาพ 2. ใชร้ ูปแบบการจดั ทาํ บญั ชีแบบออนไลน์ ส่งใหส้ าํ นกั งานใหญ่ ปัญหาในการจัดทาํ บญั ชขี องธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม 1. การประสานงานของทุกฝ่ ายในองคก์ ร ไมค่ อ่ ยไดร้ ับความร่วมมือเท่าที่ควร 2. มีบางกรณีคือการปิ ดยอดเงินไม่ตรงในระบบ เนื่องจากองคก์ รมีหลายสาขา การปิ ดเงิน ลงระบบอาจคลาดเคล่ือนบา้ งเลก็ นอ้ ย 3. ผจู้ ดั ทาํ บญั ชีเป็นพนกั งานเขา้ มาใหม่บ่อยในแต่ละเดือน อาจไม่เขา้ ใจในระบบงานดี พอ จึงเกิดการจดั ทาํ บญั ชีผดิ ไปบา้ ง การนาํ มาตรฐานการบัญชมี าใช้ในการจดั ทําบญั ชขี องธรุ กจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม 1. ปัจจุบนั มีการใชม้ าตรฐานการบญั ชีในการจดั ทาํ บญั ชีอยแู่ ลว้ แต่ถา้ มีมาตรฐานอะไร ใหม่ๆ หรือมีการเปล่ียนแปลงมาตรฐานอยา่ งไร กจ็ ะมีการจดั ใหพ้ นกั งานท่ีเกี่ยวขอ้ ง เขา้ อบรมสมั มนาเพมิ่ เติม ปี ละไม่ต่าํ กวา่ 2 คร้ังต่อคน 2. ทาํ ตามรูปแบบการบญั ชีท่ีสาํ นกั งานใหญ่เป็นผกู้ าํ หนด ซ่ึงปฏิบตั ิเป็นไปตามมาตรฐาน การบญั ชีอยแู่ ลว้

3. การนาํ มาตรฐานการบญั ชีมาใชใ้ นการจดั ทาํ บญั ชี ช่วยใหจ้ ดั ทาํ บญั ชีง่ายข้ึนและเป็น ระบบมากข้ึน การนํามาตรฐานการบัญชมี าใช้ในการจดั ทาํ บญั ชี ช่วยใหเ้ กิดประโยชน์ดงั ต่อไปน้ี 1. ช่วยใหเ้ กิดความถูกตอ้ งในการบนั ทึกบญั ชี และมีความเป็นสากลในทางเดียวกนั กบั บริษทั ท่ีประกอบธุรกิจประเภทเดียวกนั 2. ทาํ ใหก้ ารตรวจสอบเป็นไปโดยง่าย รูปแบบการจัดทาํ บญั ชสี ําหรบั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในอนาคต 1. ขอ้ เสนอแนะต่อรูปแบบการจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ในอนาคต คือ ควรมีการควบคุมดา้ นสินคา้ คงเหลือใหม้ ีประสิทธิภาพมากข้ึนกวา่ ในปัจจุบนั 2. รูปแบบการจดั ทาํ บญั ชีในอนาคต ในฐานะท่ีเป็นสาขาคือ จา้ งพนกั งานบญั ชีโดยตรง จดั การเอกสารระบบงาน แบบที่เจา้ ของกิจการสามารถตรวจสอบได้ 5.3 อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ จากผลการศกึ ษาในครง้ั น้ี ทาํ ให้ทราบถึงปจั จัยท่ีมผี ลตอ่ ความตอ้ งการพฒั นาความรู้ ทางการบัญชแี ละปัญหาอุปสรรคข้อเสนอแนะตอ่ ความต้องการพฒั นาความรทู้ างการบญั ชี ซึ่ง สามารถนําผลท่ีได้มาเปน็ แนวทางเพอื่ พฒั นาความรูท้ างการบัญชสี าํ หรับธรุ กิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมในเขตภาษีเจรญิ กรงุ เทพมหานครต่อไป ดงั น้ี 5.3.1 อภิปรายผลข้อมลู จากแบบสอบถาม จากผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลจากแบบสอบถาม ผู้วจิ ยั จึงให้ข้อเสนอแนะแก่ผูจ้ ดั ทํา บญั ชสี าํ หรบั ธรุ กิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรงุ เทพมหานคร ดงั นี้ เนอ่ื งจากกลุ่มตัวอยา่ งส่วนใหญ่มีความเหน็ เกยี่ วกบั ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ ความตอ้ งการ พฒั นาความรทู้ างการบัญชมี ากทส่ี ดุ คอื การจดั ทําบญั ชชี ่วยให้กจิ การสามารถลดตน้ ทุนหรือ คา่ ใช้จ่ายลงได้ ถดั มาได้แก่ การจดั ทําบญั ชีสามารถลดความผดิ พลาดในการบริหารธุรกจิ ผบู้ ริหารมสี ่วนในการตดั สนิ ใจในเรอื่ งการจัดทําบัญชีของธรุ กิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม มาตรฐานการบัญชสี ามารถช่วยใหก้ ารจัดทําบัญชีถูกตอ้ ง นา่ เชอื่ ถอื การนํามาตรฐานการบญั ชี มาจดั ทําบญั ชจี ะทาํ ให้การบญั ชีมีความถกู ต้อง ครบถ้วน การจดั ทําบญั ชขี องธุรกจิ ช่วยในการ เจริญเติบโตของธุรกจิ ให้มากขึน้ ผูบ้ รหิ ารใหค้ วามสําคญั ต่อแผนกบญั ชี ผู้บรหิ ารมคี วามรู้ด้านการจดั ทําบญั ชี ธุรกจิ ของท่าน มีความพรอ้ มดา้ นการจดั ทาํ บญั ชีใหเ้ ปน็ ไป ตามมาตรฐานการบัญชี ธรุ กิจของทา่ นมคี วามสามารถทจี่ ะจัดทําบัญชใี หเ้ ปน็ ไปตามระบบบญั ชี ธุรกิจของท่าน มีความเหมาะสมท่ีจะจัดทาํ บญั ชีใหถ้ ูกตอ้ ง เป็นไปตามมาตรฐานการบญั ชี บุคคลากรของทา่ นสามารถท่ีจะเรยี นร้กู ารจดั ทําบญั ชใี ห้ถูกตอ้ ง ครบถว้ นและสมบรู ณไ์ ด้ ผ้วู ิจยั ใหข้ ้อเสนอแนะคอื จากปจั จยั ดงั กลา่ วขา้ งต้นจากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างก็คือความต้องการ พฒั นาความรทู้ างการบญั ชอี ยู่ในระดบั มาก องคก์ รธุรกจิ จงึ ควรจัดใหม้ ีการฝกึ อบรมการจดั ทาํ บญั ชี การพัฒนาความรู้ทางด้านการบัญชเี กี่ยวกับเรอ่ื งมาตรฐานการบญั ชี สง่ เสรมิ ใหพ้ นักงาน

และผบู้ ริหารมีการถา่ ยโอนความรใู้ ห้กบั เพอื่ นรว่ มงาน และมกี ารเพิ่มทักษะ ประสบการณใ์ นการ พฒั นาความรทู้ างการบญั ชใี หม้ ากยงิ่ ขนึ้ เพอ่ื ประโยชนส์ ูงสดุ ขององคก์ รธุรกิจ ในสว่ นของปญั หาอุปสรรคและขอ้ เสนอแนะในการพฒั นาความรทู้ างการบัญชพี บ ปัญหาอยู่ ระดบั ปานกลางคือ ผบู้ งั คบั บญั ชาเปน็ ผู้มคี วามรูค้ วามสามารถทางการบัญชี สามารถนําความรู้ที่ ได้จากการอบรมบญั ชมี าใชใ้ นการทาํ งาน การไดร้ ับการฝึกอบรมบญั ชอี ย่างเท่าเทยี มกนั ระหว่าง เพ่ือนร่วมงาน การได้รบั การฝึกอบรมบญั ชีท่เี หมาะสมกบั หน้าทก่ี ารงาน การไดร้ บั โอกาสในการ ฝกึ อบรมและพฒั นาความรทู้ างการบญั ชอี ย่างต่อเน่ือง ผบู้ งั คบั บญั ชาให้คาํ ปรึกษาและใหค้ วาม ชว่ ยเหลอื ในการทาํ งาน ตําแหนง่ หนา้ ท่ใี นปัจจุบนั เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ เพอื่ น รว่ มงานเปน็ คนที่ไว้ใจได้ ผบู้ งั คับบัญชารบั ฟงั ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา เพ่ือนรว่ มงานมีความรู้ ความสามารถ เพอ่ื นร่วมงานยนิ ดีใหข้ ้อมลู เพื่อใชป้ ระโยชนใ์ นการทาํ งาน ผู้บังคบั บญั ชาไม่มีอคติและใหค้ วามสําคญั กับผู้ใต้บงั คับบัญชาเทา่ ๆ กัน ผ้บู งั คับบญั ชามคี วามสมั พนั ธอ์ ันดีกับผใู้ ตบ้ งั คับบัญชา ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการเดนิ ทางไปทาํ งาน ความมน่ั คงในหนา้ ทกี่ ารงาน การไดร้ บั การยอมรับและความไว้วางใจจากผรู้ ว่ มงานในการ ปฏบิ ัตงิ าน ผูว้ ิจยั จงึ ขอเสนอแนะเกี่ยวกบั ประเดน็ ปญั หาอปุ สรรคในการพฒั นาความรทู้ างการบญั ชดี ังน้ี 1. การหาความรู้ - การสง่ เสริมให้บคุ ลากรขององค์กรธรุ กจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มคน้ คว้าหาความรู้ โดยผา่ น ช่องทางตา่ งๆ มกี ารส่งพนกั งานไปฝกึ อบรมการจัดทาํ บญั ชกี ับหนว่ ยงานตา่ ง ๆ เพอ่ื เพมิ่ ความรู้ และหาแหลง่ ความรู้เพิ่มเตมิ จากบทความ วารสาร สิง่ พมิ พ์ 2. การสรา้ งความรู้ องค์กรธรุ กจิ สง่ เสรมิ ใหพ้ นกั งานทาํ งานรว่ มกนั เปน็ กล่มุ งาน เพื่อใหพ้ นักงานมกี าร แลกเปลยี่ นการ เรยี นรู้ดา้ นประสบการณ์การทาํ งาน และมีการแสดงความคดิ เหน็ ภายในกลุ่มงาน ตลอดจน ส่งเสริมให้พนกั งานมนี สิ ยั รักการอ่านเพือ่ เพม่ิ พูนทักษะความรู้ นอกจากนี้องค์กรควรปรบั ปรงุ ระบบการใหข้ อ้ มลู ความรู้แก่พนกั งาน เชน่ การสง่ ข้อมลู ผา่ นเว็บไซด์ อีเมล์ต่างๆ 3. การประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ องค์กรธรุ กจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มควรส่งเสริมให้พนักงานจัดตงั้ กลมุ่ การจดั การ ความรู้ ภายในองคก์ ร โดยสง่ เสริมใหพ้ นักงานทุกคนมที กั ษะความรู้อยา่ งสร้างสรรค์ สรา้ งแรงจงู ใจใน การทํางาน เชน่ การประกวดและมอบรางวัลกลุม่ งานดเี ด่นประจาํ ปี การให้รางวลั พนกั งานทาํ งาน ดี ตรงต่อเวลา มวี ินยั ในการทํางาน เปน็ ตน้ 4. การถา่ ยโอนความรู้

องคก์ รธรุ กจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มควรมีช่องทางการถา่ ยโอนความรขู้ อง พนกั งานในองค์กร เชน่ ถ่ายทอดความรผู้ ่านเว็บไซด์ของบรษิ ัท เพือ่ ให้การทาํ งานมปี ระสิทธิภาพมากยิ่งขน้ึ ไป 5.3.5 ขอ้ เสนอแนะสาํ หรับการวจิ ยั ครั้งตอ่ ไป จากการวิเคราะหค์ วามตอ้ งการพัฒนาความรทู้ างการบญั ชี ปญั หาอุปสรรคและ ข้อเสนอแนะตอ่ การพัฒนาความรทู้ างการบัญชี เพื่อใหเ้ กิดผลดยี ิ่งขึ้น ผวู้ ิจัยขอเสนอแนะให้มีการ วจิ ัยดงั น้ี 5.3.5.1 ศึกษาการจดั ทาํ บญั ชขี องธรุ กจิ ขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตตา่ ง ๆ เพอ่ื เปรยี บเทยี บหาความเหมือนและความแตกต่าง 5.3.5.2 ศกึ ษาการจัดทาํ บญั ชีของธรุ กิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มแบง่ ตามประเภทของ ธรุ กิจเพือ่ นาํ ขอ้ มลู มาเปรยี บเทียบกัน

แบบสอบถาม เรื่อง การจดั ทาํ บญั ชีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มในเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ********************************** ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทว่ั ไป 1. เพศ ชาย หญิง 2. อายุ ต่าํ กวา่ 20 ปี 21-30 ปี 31-40 ปี 41-50 ปี 50 ปี ข้ึนไป 3. ตาํ แหน่งหนา้ ท่ี นกั บญั ชี ผตู้ รวจสอบบญั ชี อ่ืน ๆ(โปรดระบุ)………………… 4. ระดบั การศึกษา ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. อนุปริญญา/ปวส. ปริญญาตรี สูงกวา่ ปริญญาตรี 5. ประสบการณ์ทาํ งาน ต่าํ กวา่ 1 ปี 1-5 ปี 5-10 ปี 10 ปี ข้ึนไป 6. องคก์ รของท่านจดทะเบียนในรูปแบบใด คณะบุคคล/เจา้ ของคนเดียว หา้ งหุน้ ส่วน บริษทั จาํ กดั 7. องคก์ รของท่านเป็นองคก์ รขนาดใด (เงินลงทุนทะเบียน) ขนาดเลก็ (มีเงินลงทุนต้งั แต่ 100,000 -300,000 บาท) ขนาดกลาง (มีเงินลงทุนต้งั แต่ 300,000 - 500,000 บาท) ขนาดใหญ่ (มีเงินลงทุนต้งั แต่ 500,000 บาทข้ึนไป)

ตอนท่ี 2 ข้อมูลการจดั ทาํ บัญชี คาํ ช้ีแจง : ใหท้ าํ เครื่องหมาย  ในช่องท่ีตอ้ งการเลือก 1. ในหน่วยงาน/สาํ นกั งานของท่านมีการจดั ทาํ บญั ชีหรือไม่ มี ไม่มี 2. ท่านมีความสามารถในการจดั ทาํ บญั ชี พอใช้ ปานกลาง ดี ทาํ ไม่เป็น 3. ท่านเคยไดย้ นิ หรือรู้จกั มาตรฐานการบญั ชี หรือไม่ เคย ไม่เคย 4. ท่านทราบหรือรับรู้มาตรฐานการบญั ชี จากแหล่งขอ้ มูลใด(ตอบไดม้ ากกวา่ 1 ขอ้ ) อินเทอร์เน็ต โทรทศั น์ หนงั สือพมิ พ์ นิตยสาร,วารสาร หน่วยงานหรือสาํ นกั งานอ่ืน อ่ืน ๆ(โปรดระบุ).......................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook