สารบญั 2 ผีตาโขน 3 ความส�ำศญั 4 พธิ ีกรรม 5 สาระ 6 จุดประสงคข์ องการเลน่ ผตี าโขน มีจดุ ประสงค์ 7 พัฒนาการของผตี าโขน 8-9 หนา้ กากผตี าโขน 10-13 ข้ันตอนการเล่นผตี าโขน 17-18 งานบุญหลวง 18-19 ข้ันตอนพิธกี ารบุญหลวงหลวง 20-23
ผตี าโขน 3 เปน็ ประเพณีท่เี ริ่มตน้ กันมาตงั้ แต่สมยั ทพ่ี ระพทุ ธเจ้าไดป้ รินิพาน เนอื่ งจากขณะ นน้ั คาดกันวา่ จะมีมาร และปศี าจร้ายทัง้ หลายจะมาท�ำรา้ ยพระบรมศพของ พระสัมมา สัมพทุ ธเจา้ ดังนนั้ จงึ ได้ให้คนแตง่ ตวั เปน็ ผมี าเฝ้าศพเอาไว้ เพื่อใหม้ ารและปีศาจได้เหน็ วา่ มีผสี างเทวดาและส่งิ ศักดิ์สิทธิ์ มารักษาพระศพของพระองค์ จะไดไ้ มก่ ลา้ มาทำ� อะไร สำ� หรบั ประเพณีผตี าโขนของชาวเผ่าลวั ะน้ี ไดจ้ ดั กนั ทกุ ๆ ปี คือ จะจดั ในวันขึ้น 1 คำ่� ถงึ 15 คำ�่ เปน็ เวลา 15 วนั พร้อมกนั นัน้ กจ็ ะถวายตงุ เพื่ออุทิศส่วนกศุ ลไปให้แด่องคพ์ ระ สัมมาสมั พทุ ธเจ้า เมอ่ื เสร็จพิธแี ลว้ ชาวบ้านจะน�ำเอาเสาตุง น�ำมาตวงขา้ วสาร เพอ่ื ไมใ่ ห้ สนิ้ เปลือง เช่ือกนั วา่ จะทำ� ให้ขา้ วปลาอาหารอดุ มสมบูรณ์ นอกจากนัน้ ยังป้องกนั โรค ระบาดของสัตวต์ ่างๆ เชน่ เป็ด หมู ไก่ วัว ควาย ได้อกี ด้วย ประเพณีผตี าโขนของเผา่ ลวั ะนี้ ได้สืบทอดและรักษากันมาต้ังแตโ่ บราณกาล เรอ่ื ยมาจนกระทงั่ ปจั จุบัน ผีโขน หมายถึง การแต่งหน้ากากคลา้ ยหวั โขน คอื แตง่ หู ตา จมูก ปาก ให้น่ากลวั คลา้ ยผี ไม่ เพยี งแต่เทา่ นัน้ ยังจัดทำ� ทรงผม เครื่องห่อหุ้มร่างกายใหร้ กรงุ รัง คลา้ ยผีมากขึ้น เปน็ งาน บุญเฉพาะอ�ำเภอพงั โคน จงั หวัดสกลนครน ผตี าโขน หมายถึง การละเลน่ ของงานบุญหลวงซ่ึงเป็นงานบญู เฉพาะทอ้ งถิน่ ของ อำ� เภอดา่ นซ้าย จงั หวดั เลย และยงั เป็นความเชือ่ เกย่ี วกับเร่ืองสง่ พระเวสสันดร กลับ พระนคร โดยพวกผตี าโขน จะร่วมขบวนตามมาสง่ เสด็จซ่งึ เป็นขบวนสุดทา้ ย ในสมัย ก่อนเรียกว่า “ผตี ามคน” พอนานเข้ากเ็ พย้ี นมาเปน็ “ผีตาโขน” ดังท่ใี ช้เรียนในปจั จุบันผี โขนเกดิ จากความเชื่อของชนเผ่าหน่ึงในจงั หวดั สกลนคร คอื เผ่าไทอีสาน ซง่ึ เป็นชนกลมุ่ หนงึ่ ในจำ� นวน 6 เผา่ ของจงั หวัดสกลนคร ซง่ึ ประกอบไปดว้ ย เผ่ายอ้ เผา่ กะเลิง เผา่ ภู ไทย เผา่ โส้ และเผ่าไทยอสี าน การเล่นผโี ขน บา้ นไฮหย่อง จงึ สบื มรดกวัฒนธรรม ประเพณตี อ่ กนั มา ดังปรากฎว่า บรรดาผมี เหสกั ข์หลกั เมอื ง ในบ้านไฮหย่องมชี ่ือวา่ “ผีจันต”์ อยใู่ นกลุ่มผีระดับสูงดว้ ย ทเี่ ข้ารว่ มขบวนแห่พระเวสสนั ดร
ความส�ำคญั 4 การละเลน่ ผีตาโขนมมี านานแล้วแต่ไมม่ ีหลกั ฐานปรากฎแนช่ ัดว่ามมี าต้งั แต่เมอื่ ใด แตช่ าวบา้ นมีความเชอ่ื ว่าการแห่ ผตี าโขน เกดิ ขน้ึ เมื่อคร้ังท่ีพระเวสสันดรและ นางมัทรี กำ� ลงั จะออกจากปา่ กลับสูเ่ มือง บรรดาผีป่า และสตั วน์ านาชนิด มคี วามอาลัยจงึ แฝงตน มากับชาวบ้าน เพือ่ มาสง่ พระเวสสนั ดร และนางมทั รีกลับเมอื งซึง่ เรียกกันว่า ผีตามคน หรอื ผตี าขน ช่วงเวลา ช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ของทกุ ปี
พธิ กี รรม 5 มีการจัดทำ� พธิ ี 2 วนั คอื วันแรก (วนั โฮม) ขบวนผตี าโขนจะแห่รอบหมู่บา้ นตัง้ แต่ เชา้ มดื เปน็ การทำ� พธิ อี ัญเชญิ พระอปุ คุตเขา้ มาอย่ทู ี่วดั ในวนั ทส่ี องเปน็ พธิ กี ารแหพ่ ระ เวสสันดรและนางมทั รเี ขา้ เมอื ง โดยสมมตุ ใิ หว้ ัดเปน็ เมอื ง สำ� หรับวนั ที่สองของงานน้ี ชาวบา้ นยังได้น�ำบ้งั ไฟมาร่วมในขบวนแห่เพือ่ เป็นพธิ ีขอฝนโดยแหร่ อบวดั 3 รอบ ใน ขณะทแ่ี ห่อยู่น้ันเหลา่ ผตี าโขนท้งั หลายกจ็ ะละเล่นหยอกล้อผู้คนไปเร่อื ย ๆ เพ่อื ท�ำให้เกดิ ความสนุกสนาน หลังจากเสรจ็ พิธกี ารแหแ่ ล้วบรรดาผูล้ ะเลน่ ผีตาโขนจะน�ำเครื่องเล่นผี ตาโขน และอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการประกอบพธิ ไี ปล่องลงแมน่ ำ�้ หมนั และในตอนค่�ำของวนั เดยี วกัน จะมกี ารฟงั เทศนม์ หาชาตทิ ้ัง 13 กัณฑ์ผตี าโขน จะแบง่ เปน็ 2 ชนดิ คอื ผตี า โขนใหญแ่ ละผตี าโขนเล็ก ผีตาโขนใหญ่ จะสานมาจากไมไ่ ผม่ ขี นาดใหญก่ ว่าคนประมาณ 2 เท่าแลว้ จะ ประดบั ตกแต่งหนา้ ตาดว้ ยเศษวสั ดทุ ี่หาได้ในทอ้ งถ่นิ ในการท�ำผตี าโขนใหญ่ในแต่ละปี จะท�ำ 2 ตัวคอื ชายหน่ึงตัว และหญงิ อีกหนึง่ ตวั เทา่ น้นั ผทู้ ่มี หี น้าทท่ี ำ� ผตี าโขน ใหญจ่ ะ ต้องไดร้ ับอนุญาตจากผีหรือเจ้ากอ่ น และเมอื ได้รับอนุญาต แลว้ ตอ้ งท�ำผีตาโขนใหญ่ ทกุ ๆ ปีหรอื ต้องทำ� ตดิ ต่อกนั อยา่ งนอ้ ย 3 ปีเพราะว่าคนท่ีไมไ่ ดร้ ับอนญุ าตกจ็ ะไมม่ สี ิทธิ์ ท�ำผีตาโขนใหญ่ เวลาแห่จะตอ้ งมคี นเข้าไปอยใู่ นตัวหนุ่ ผีตาโขนเล็ก ไมว่ ่าจะเปน็ เด็ก หรอื ผู้ใหญก่ ม็ ีสทิ ธ์ิทำ� ผีตาโขนเล็กเพ่ือเขา้ รว่ ม สนุกสนานกนั ไดท้ ุกคน การเลน่ ของผตี าโขนเล็กคอ่ นข้างผาดโผนผหู้ ญิงจึงไม่ค่อยนิยม เข้ารว่ ม การแต่งกายของผู้ทีเ่ ข้าร่วมในพิธแี หผ่ ีตาโขน จะแตง่ กายคลา้ ยกันกับผปี ีศาจ ทส่ี วม ศรี ษะด้วยท่ีน่งึ ข้าวเหนยี วหรอื วา่ กระตบ๊ิ ข้าวเหนียวนน่ั เอง และใสห่ นา้ กากทีท่ �ำดว้ ยกาบ มะพรา้ วแกะสลกั มกี ารละเล่นรอ้ งรำ� ทำ� เพลงกนั อยา่ งสนุกสนานในขบวนแห่
สาระ 6 การละเล่นผีตาโขนนับวา่ เปน็ สิ่งทแี่ ปลกส�ำหรับผู้พบเห็น มีการน�ำเอากา้ นทาง มะพรา้ วท่แี ห้ง นำ� มาตกแต่งเปน็ หน้ากาก โดยการเจาะช่องตา จมูก ปาก และใบหู น�ำ เอาหวดนงึ่ ขา้ ว โดยกดดันหวดใหเ้ ปน็ รอยบมุ๋ หงายปากหวดขึน้ เพอ่ื สวมศรี ษะแต่งแตม้ สสี ันให้น่าดู สว่ นชุดท่สี วมใสท่ ำ� มาจากเศษผา้ หลากหลายสีมาเยบ็ ตอ่ กัน อุปกรณ์ในการ ละเล่นมี 2 ชิ้น คือ \"หมากกระแหล่ง\" มไี วเ้ พอื่ เขยา่ ท�ำให้เกดิ เสยี งดงั ในเวลาเดนิ และ \"อาวุธประจ�ำกาย\" ผีตาโขนสว่ นมากจะใช้ผชู้ ายแสดงเนือ่ งจากต้องกระโดดโลดเตน้ ไป เรื่อย ๆ จงึ ไม่เหมาะท่ีจะใช้ผหู้ ญิงเป็นตัวแสดง นอกจากเขา้ รว่ มในงาน \"บญุ หลวง\" ยังได้ เข้าร่วมขบวนแห่ในวันเปดิ งานกาชาดดอกฝ้ายบานมะขามหวานเมืองเลย โดยขบวนผีตา โขนจะเดินรอบเมืองเพ่ือโชวใ์ หแ้ ขกบา้ นแขกเมืองไดเ้ ห็น
จุดประสงคข์ องการเลน่ ผีตาโขน มจี ดุ ประสงค์ ดังน้ี 7 ๑. เล่นเพราะเปน็ ประเพณี และเปน็ การเลน่ เพื่อถวย (ถวาย) เจา้ นาย (ผี บรรพบรุ ุษที่เคยเปน็ ผมู้ ีอำ� นาจสูงสดุ ในเมอื งดา่ นซ้าย) เน่อื งจากชาวบ้านเชอื่ วา่ การเลน่ ผีตาโขนเปน็ ความประสงค์ของเจ้านายหากไมป่ ฏิบตั ิตามก็จะถอื วา่ เป็นการทำ� ผิดประเพณี และจะทำ� ให้เจ้านายไม่พอใจ ซึ่งจะท�ำให้เกิดความเดอื ดร้อนและเกดิ ภยั พบิ ตั ิต่าง ๆ แก่สังคมได้ ๒. เล่นเพ่ือเปน็ การแห่พระเวสสนั ดรเขา้ เมือง ๓. เล่นเพือ่ เป็นการแห่บั้งไฟและเพ่อื ขอฝน ๔. เล่นเพอ่ื ความสนกุ เพลิดเพลิน มกี ารเล่นกระเซา้ เยา้ แหยป่ ระชาชนทั่วไปและ เด็ก ๆ ใหเ้ กดิ ความกลัวเปน็ ท่ีสนกุ สนาน โดยเฉพาะเด็กวยั รุ่นอาจจะมีความอายในการ แสดง การละเล่นต่าง ๆ เมือ่ สวมหน้ากากแลว้ จะไมม่ ีใครจำ� ได้ จงึ กลา้ ทีจ่ ะแสดงออกได้ อย่างเตม็ ท่ี ๕. เล่นเพือ่ ขอแผ่ของ (ขอรับบริจาค) โดยที่ในสมัยก่อนการคมนาคมล�ำบากเมอื่ มี การจัดงานประเพณีบญุ หลวง จะมีประชาชนจากถ่นิ อ่นื มารว่ มในงานดว้ ย ฉะน้ันเจา้ ภาพจะตอ้ งเตรยี มหาอาหาร หมากพลู เหลา้ ยา ไวค้ อยตอ้ นรบั แขกที่จะมาใน งาน จงึ ต้องมกี ารออกไปขอรับบรจิ าคส่งิ ของเหล่าน้ี มาไวท้ ี่วัด หรือ คุ้มบา้ นของเจา้ ภาพ แตเ่ น่อื งจากผทู้ อ่ี อกไปขอรบั บริจาคอาจจะเกิดความอาย ซง่ึ โดย เฉพาะพวกวยั รนุ่ จึงไดแ้ ต่งตัวสวมหนา้ กากผีตาโขนออกไปขอรบั บรจิ าค
พัฒนาการของผีตาโขน 9 ยคุ ดง้ั เดมิ (ก่อนปี พ.ศ.2500) สืบเนอื่ งมาจากการละเลน่ ปู่เยอยา่ เยอ ความเช่อื ที่ ผสมผสานระหว่างพทุ ธ พราหมณ์ ผี ทไี่ ด้รบั การถา่ ยทอดมาจาก อาณาจกั รล้านช้าง โบราณ เพ่อื ให้เหมาะสมกบั สภาพวิถีชมุ ชน ในด้านเศรษฐกจิ การเมอื ง การปกครองของ ชาวด่านซา้ ยเอง ยคุ แสวงหา (ระหว่างปพี .ศ.2500-2530) ซึง่ พฒั นาการของงานประเพณผี ตี าโขน ในยุคนเ้ี กิดขึน้ พร้อมๆ กบั การเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกจิ การเขา้ มามีสว่ นบรหิ ารงาน ประเพณีของทางราชการ ตลอดจนแนวคิดของคนร่นุ ใหม่ และกระแสตอบรบั การทอ่ ง เท่ียว ไดท้ ำ� ใหเ้ กิดการช่วงชงิ และขดั แย้งทางความคิด ในการทจ่ี ะกำ� หนดทิศทาง พฒั นาการละเลน่ ผตี าโขน โดยมีแนวความคดิ แยกออกเปน็ 3 ทิศทางคือ ฝา่ ยทตี่ ้องการ ให้เป็นไปแบบด้ังเดมิ ฝ่ายต้องการรปู แบบใหม่เพ่ือผลทางเศรษฐกิจ และฝ่ายที่ต้องการ ผสมผสาน แตใ่ นทส่ี ุดแนวคดิ ท้งั หมดก็สามารถตกผลึกเกดิ เปน็ ประเพณีผีตาโขนยุคนี้ และจากแรงหนนุ ของการทอ่ งเท่ียวแห่งประเทศไทย ผา่ นสื่อมวลชนทกุ แขนง จาก การนำ� การละเล่นผีตาโขนออกไปแสดงเผยแพรย่ งั ทกุ หนทุกแห่งเพอ่ื การประชาสัมพันธ์ ท�ำให้ประเพณีผีตาโขนอ�ำเภอด่านซ้าย มชี อ่ื เสียงในระดบั นานาชาติ และเปน็ ท่ีสนใจของ นักทอ่ งเทย่ี วท่วั ไป เพอ่ื เป็นการสง่ เสริมให้เกดิ การทอ่ งเท่ียว ขบวนแหก่ ารแสดงผีตาโขนจึงเกิดขึน้ เพ่มิ เติมจากประเพณดี ัง้ เดมิ มีการจดั ประกวดขบวนแห่ การประกวดหน้ากากผตี าโขน การประกวดท่าเตน้ ทีส่ วยงาม ทงั้ หมด นี้สง่ ผลให้ ความคิดความเชอื่ ขอ้ หา้ มข้อปฏิบัติในการละเล่นผตี าโขนเปลย่ี นแปลงไป ผู้ เลน่ ผตี าโขนมจี ำ� นวนเพ่มิ มากข้ึนทกุ ๆ ปี การจดั ทำ� หน้ากากผตี าโขนจากรูปแบบดง้ั เดมิ ถกู ปรบั ประยุกต์เปน็ ผีตาโขนแนวใหม่ ตามหลักวชิ าการศิลปะกบั เทคโนโลยี สมัยใหม่ และกลไกของตลาด
ชาวอำ� เภอด่านซา้ ยทั่วไปปรบั ตัวในลักษณะยอมรบั การทอ่ งเทีย่ วเหล่านเี้ ปน็ ตน้ เค1า้0แหง่ การเปล่ียนแปลง ซึ่งต่อมาผตี าโขนก็กลายเป็นประเพณเี พื่อการทอ่ งเทีย่ วทางวัฒนธรรม และมี พฒั นาการท่เี ปลย่ี นแปลงมากขนึ้ ด้วยเหตผุ ลทางเศรษฐกจิ ทีต่ ้องการสง่ เสรมิ การท่อง เทีย่ วเป็นหลักในยคุ ปัจจบุ นั ระหว่างปี พ.ศ.2530 เป็นตน้ มา เมอื่ การทอ่ งเท่ยี วแหง่ ประเทศไทย ไดบ้ รรจุประเพณีผีตาโขนลงในแผนส่งเสรมิ การทอ่ งเท่ียว นบั จากปี พ.ศ. 2531 เพ่ือยกระดบั การละเล่นผีตาโขนให้ถกู ใจตลาดจงึ มีการเพม่ิ สสี นั ใหม้ ีความหลาก หลาย ในท่สี ุดผีตาโขนจึงพัฒนาจากการละเล่นตามระบบความเช่อื ในพิธีกรรมเกี่ยวกับ ชีวิต พิธีกรรมเก่ยี วกับการทำ� มาหากิน และพิธกี รรมเพ่ือสว่ นรวม ปรับเปล่ยี นเปน็ การ แสดงเพ่ือความสนุกสนานบันเทิงเริงรมยเ์ ปน็ ดา้ นหลกั จนมเี สียงเรยี กรอ้ งและมีการตง้ั คำ� ถามถงึ เปา้ ประสงคข์ องการจดั งานมากข้ึน ยคุ ปัจจบุ นั (ระหว่างปีพ.ศ.2530–2546) เปน็ ยคุ ทีเ่ กดิ การปรับเปลีย่ นไปใน ลักษณะกา้ วกระโดดกา้ วใหญ่ เมอ่ื การทอ่ งเที่ยวแห่งประเทศไทยบรรจใุ หป้ ระเพณีผตี า โขน อำ� เภอดา่ นซ้าย อยใู่ นแผนการทอ่ งเทีย่ ว และชาวบา้ นอำ� เภอด่านซ้ายทัว่ ไปก็มกี าร ปรบั ตวั ในลักษณะตอบสนองและยอมรบั การทอ่ งเทย่ี ว การละเล่นผตี าโขนทใ่ี ช้ประกอบ พิธีกรรมจงึ ถูกปรบั แนวใหเ้ ปน็ การแสดงเพอื่ ใหน้ ักท่องเท่ียวไดด้ ชู ม มีการจดั ฉากแสดง การพดู การแขง่ ขนั ตลอดจนปรับปรงุ เปลีย่ นแปลงองค์ประกอบสำ� คญั ๆ ทง้ั คน อปุ กรณ์ กจิ กรรม สถานที่ แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามพิธกี รรมทเ่ี คยมแี ตโ่ บราณไม่ไดถ้ กู เปลยี่ นแปลงไปด้วย ผลู้ ะเลน่ ผีตาโขนจึงมี 2 กลุ่ม คือ กลมุ่ ผลู้ ะเลน่ ตามพธิ กี รรม และกลมุ่ ผู้ละเลน่ เพือ่ การ แสดง
หน้ากากผีตาโขน 11 หน้ากากผตี าโขนเล็ก ทำ� จากสว่ นทเ่ี ป็นโคนของก้านมะพร้าวและหวดนึง่ ขา้ ว เหนยี ว โดยนำ� มาเยบ็ ตดิ กันแลว้ เขียนหนา้ ตา ท�ำจมูกเหมือนผี สว่ นชุดแตง่ กายของผมี กั มีสีฉูดฉาดบาดตา โดยอาจเยบ็ เศษผ้าเปน็ เสื้อตวั กางเกงตัวหรือเยบ็ เป็นชดุ ตดิ กันตลอด ตัวกไ็ ด้ ข้อสำ� คญั คือต้องคลุมรา่ งกายใหม้ ิดชิด หน้ากากผตี าโขนสมยั ดงั้ เดมิ จะท�ำจาก หวดเก่าทใ่ี ช้แลว้ ในสว่ นทคี่ รอบศรี ษะจะเย็บติดกับโคนของก้านมะพรา้ ว สว่ นที่เปน็ ใบหน้าจะใชไ้ ม้นุน่ ทำ� จมูกสนั้ คลา้ ยจมูกคน ใชส้ ีทไี่ ด้จากธรรมชาติ จะไม่ปรากฏลวดลาย ทเ่ี ดน่ ชัดเพราะเน้นใหห้ น้ากากมคี วามลกึ ลับนา่ กลวั สว่ นหน้ากากผตี าโขนสมัยกลางนับ ต้ังแตห่ น่วยงานการทอ่ งเที่ยวแห่งประเทศไทยใหก้ ารสนบั สนุนในปี พ.ศ.2531มคี วาม เปล่ียนแปลงจากสมยั ดัง้ เดมิ โดยนอกเหนอื จากการน�ำหน้ากากผตี าโขนมาเลน่ ตามจุด ประสงคห์ ลักดังที่กล่าวมาแล้ว ยงั ไดม้ ุง่ การทำ� หน้ากากผีตาโขนเพื่อเปน็ การ ประชาสมั พนั ธ์และดงึ ดดู ความสนใจ ตลอดจนเน้นผลทางธรุ กิจจากนกั ทอ่ งเท่ยี ว หน้ากากผตี าโขนในสมัยนจ้ี งึ มคี วาม สวยสดงดงามละเอยี ดและประณีตข้ึนจากเดมิ หวดท่ีใชค้ รอบศรี ษะจะใช้หวดใหม่ สว่ น ใบหน้ากากผีตาโขนมคี วามยาวขึ้น รวมทง้ั จมกู ทโ่ี คง้ งอคลา้ ยงวงชา้ ง สที ่ีใช้จะมที ้งั สีนำ้� พลาสตกิ สนี ้ำ� มันซ่ึงให้ความมนั วาวและคงทนด้านความสมั พนั ธข์ องหน้ากากผีตาโขน กบั วถิ ีชุมชนอำ� เภอด่านซา้ ย จงั หวดั เลย พบวา่ หน้ากากผีตาโขนจะมีบทบาทตอ่ การ ดำ� เนนิ ชวี ิตของคนในพืน้ ทีเ่ ปน็ อยา่ งมาก เพราะมคี วามเช่อื ว่าการจัดทำ� หนา้ กากผีตาโขน เข้าร่วมแสดงในงานของทุกปีเม่ือเสรจ็ แลว้ จะเปน็ การปลอ่ ยผีสาง และยังปล่อยทกุ ขโ์ ศก ใหไ้ หลไปตามแมน่ ำ�้ ด้วย ด้านระบบรัฐศาสตรจ์ ะมคี วามสมั พันธท์ ค่ี นในท้องถ่นิ แต่ละคน แต่ละหน่วยงานจะเขา้ ใจและทราบบทบาทหน้าทข่ี องตนเองหรือของกลมุ่ ทีม่ กี ารแบ่ง งานและหนา้ ทกี่ ันทำ� หนา้ กากผตี าโขนเพ่อื เข้าร่วมแสดง
12 โดยไมม่ ีการขดั แย้งกันในทางปฏิบัติกอ่ ใหเ้ กิดความสามคั คีของชุมชนด้านระบบ วิทยาศาสตรจ์ ะมคี วามสัมพันธ์ในลักษณะของการแสดงออกถงึ ภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นทีร่ ้จู ัก การน�ำเอาธรรมชาตมิ าจัดสรา้ งเป็นผลงาน พร้อมการปรบั ธรรมชาตใิ ห้มคี วามคงอยใู่ นเชิงนเิ วศน์ตลอดจนการดำ� เนินการทำ� และผลติ หน้ากากผีตาโขนรูปแบบของจริงและรปู แบบของทีร่ ะลกึ นอกจากนหี้ นา้ กากผี ตาโขนยังส่งอิทธพิ ลตอ่ ความคิด ความรสู้ ึกของชาวจังหวัดเลย โดยส่วนรวมทีม่ กี ารใช้ เป็นสือ่ สญั ลกั ษณ์อนั แสดงออกถึงความเป็นเอกลกั ษณ์ของจังหวดั ในการรับรูข้ องคน ทว่ั ไปจะเขา้ ใจวา่ หนา้ กากผีตาโขน คอื สอ่ื ศลิ ป์ท่แี สดงออกทางความเชื่อเกย่ี วกับผี เกี่ยวกบั ความ ลึกลับนา่ กลัวหรือสงิ่ ไมด่ ี แต่อกี ดา้ นหนงึ่ หน้ากากผีตาโขนจัดทำ� วา่ เป็นสญั ลกั ษณ์ทาง วัฒนธรรมทีแ่ สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความร่วมใจ ความพรอ้ มเพรียง ความสมคั รสมานสามัคคี และความภาคภูมใิ จ และการสบื สานประเพณีท่ยี ิ่งใหญ่ของชุมชนใหป้ รากฏแกช่ าวโลก สบื ไป
13 หมากกะแหลง่ คือเครอ่ื งดนตรรี ูปร่างคลา้ ยกระดง่ิ หรอื กระดงึ แขวนคอวัว ผีตาโขนจะใช้หมากกะแหลง่ แขวนตดิ บั้นเอวเม่อื เดินโยกตัวหรอื เตน้ เปน็ จงั หวะ ขย่มตัวสายสะโพกเสยี งหมากกะแหล่งกจ็ ะดังเสยี งนา่ ฟงั และน่า สนุกสนาน ดาบไม้ เปน็ อาวธุ ประจำ� กายผีตาโขนไม่ไดเ้ อาไวร้ บกนั แตเ่ อาไว้ควงหลอกลอ่ และไล่หยอกล้อสาวๆ และ เดก็ ๆ จนต้องว่ิงหนีกันจ้าละหวน่ั ทงั้ อายท้งั ข�ำ บางรายรอ้ งไห้แตไ่ ม่มีใครถอื สา เพราะเปน็ ประเพณที ี่ ปฏิบัตกิ นั มา เหตทุ ่ีว่งิ หนเี พราะปลายดาบนั้นแกะสลักเป็นรูปอวยั วะเพศชายแถมทาสีแดงใหเ้ หน็ อย่างเด่น ชดั การเล่นแบบนี้ไม่ถือเป็นเรือ่ งหยาบ หรอื ลามกเพราะมีความเชื่อกันวา่ หากเลน่ ตลกและนำ� อวยั วะเพศ ชายหญงิ มาเล่นมาโชว์ในพิธแี ห่และงานบญุ บ้ังไฟจะท�ำใหพ้ ญาแถนพอใจ ฝนจะตกตอ้ งตามฤดูกาล พืชพนั ธุ์ธัญญาหารจะอุดมสมบูรณ์
14 สว่ นประกอบของหวั หรอื ทเี่ รียกวา่ หน้ากากน้ัน ทำ� ด้วย “หวด” หรอื ภาชนะทีใ่ ช้ นึ่งขา้ วเหนยี วซึง่ เป็นส่วนดา้ นบนดคู ล้ายหมวก ส่วนหนา้ นั้นทำ� จากโคนกา้ นมะพร้าว น�ำมา ตดั ปาดใหเ้ ป็นรปู หนา้ กากและเจาะช่องตา จมกู น้ันท�ำจากไมเ้ นื้อออ่ น แกะให้เป็น รปู ทรงตา่ ง ๆ ตามแต่จินตนาการของผสู้ ร้างสรรค์ โดยท�ำเปน็ ลกั ษณะยาวแหลมคล้าย งวงช้าง ส่วนเขานัน้ ท�ำจากปลมี ะพรา้ วแห้ง โดยนำ� สว่ นประกอบต่าง ๆ มาเย็บตดิ เขา้ ไว้ ด้วยกัน และทาสสี ันวาดลวดลายไปบนด้านหน้าของหน้ากากนัน้ ๆ หลังจากนนั้ จะเยบ็ เศษผา้ ตดิ ไวบ้ รเิ วณด้านบน(หลงั ) เพื่อใหค้ ลุมส่วนคอของผู้ใส่ไปจนถึงไหล่ ส่วนประกอบของเครอ่ื งแต่งกาย จะเป็นชดุ ทท่ี ำ� จากเศษผา้ ซง่ึ น�ำมาเยบ็ ติดกัน และมี “หมากกะแหล่ง”หรอื กระดิ่ง (คลา้ ยกบั ทีแ่ ขวนคอโค, กระบือ) แขวนผูกไวบ้ ริเวณ เอวเพ่อื ใหเ้ กิดเสียงดังเปน็ จังหวะเวลาเดนิ และสา่ ยสะโพก ส่วนประกอบสดุ ท้าย คือ ดาบหรืองา้ ว ท่ีจะทำ� จากไมเ้ นื้อออ่ น ในขบวนแห่จะ ประกอบไปด้วยการร้องรำ� ท�ำเพลงอยา่ งสนุกสนาน
หน้ากากผตี าโขน 15 หนา้ กากผตี าโขน เปน็ หน้ากากทใี่ ชใ้ นพธิ ีกรรมตามความเชื่อศรทั ธาทางศาสนา ทมี่ ีในอ�ำเภอด่านซ้าย จังหวดั เลยการใช้หนา้ กาก มีความสำ� คัญและความสัมพันธ์ท่ี เกี่ยวข้องกบั ชาตพิ นั ธุม์ นุษย์ในลุม่ แมน่ ้�ำโขงทั้งมวล ซ่งึ แต่ละพืน้ ทจ่ี ะมชี อ่ื เรียกตา่ งกัน ออกไป ความเชือ่ ศรทั ธาของชาติพันธ์มนษุ ยใ์ นลุ่มแม่น้�ำโขง ชาตพิ ันธุ์มนษุ ย์ในลุ่มแม่น้ำ� โขงเป็นอารยะชนท่มี คี วามเจรญิ มาช้านาน มคี วามเช่ือเรื่องผ ี มพี ธิ กี รรมเก่ียวขอ้ งในวิถี ชวี ติ ตลอดมา หง้ิ เปน็ ท่สี ถติ ของวิญญาณบรรพบรุ ุษ จะเรียกวา่ ผีบรรพบุรษุ หรือผเี ชอื้ กไ็ ด้ การ รักษาหิง้ นน้ั มจี ารีตคำ� สอนและคำ� สัง่ ของบรรพบุรุษเปน็ แนวปฏบิ ัติ ภายในห้องของบา้ น จะมีที่บูชาวิญญาณ ผีบรรพบรุ ษุ เรียกว่า ห้งิ บนหง้ิ จะมีพานหรือมีจานใส่เทียนและดอกไม้บูชา ซงึ่ เจ้าของ บา้ นและลกู หลานจะต้องน�ำมาบชู าทกุ 8 ค่ำ� 15 ค่ำ� หรือทุกวันพระ หิ้งเป็นทสี่ ำ� หรบั อธิฐานขอความช่วยเหลือของครองครวั ครอบครัวใดถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรขน้ึ ภายใน เจา้ หิ้งจะตอ้ งการท�ำพิธกี รรมบอกกล่าวหง้ิ โดยมคี วามเชอ่ื วา่ ผบี รรพบรุ ุษจะ คอยค้มุ ครองและชว่ ยหนนุ นำ� ในการด�ำเนนิ ชีวติ แตถ่ า้ บคุ คลในครอบครัวท�ำผิดไม่อยู่ ในจารตี ผีบรรพบุรุษก็จะลงโทษ ดงั นั้นความเชอ่ื เรอ่ื งหิ้งนี้จงึ สามารถควบคมุ พฤติกรรม ของทุกคนในครอบครัวใหอ้ ยู่ในกรอบของจารีประเพณีอันดีได้ หอ เปน็ ที่สถติ ของวญิ ญาณเจ้านายผู้มอี ำ� นาจเคยปกครองมาแตด่ ัง้ เดมิ สถาน ท่ขี องหอเปน็ บรเิ วณท่เี หมาะและมีความศักดส์ิ ทิ ธ ิ์ เป็นสถานทห่ี า้ มผู้คนเข้าไปรบกวน, ห้ามตัดต้นไม้, และจบั สัตว์ หอทต่ี ง้ั มานานจะมีลักษณะเปน็ ป่าอนั ร่มร่ืน ผทู้ ี่ไมป่ ฏิบตั ิ ตามเชอ่ื วา่ จะมอี นั เปน็ ไป หอทุกหอมีกวน,เจา้ กวน,กวนจำ�้ , หรอื เฒา่ จ้�ำ เป็นผูด้ ูแลและ ผู้นำ� ในการทำ� พธิ เี ซ่นไหวต้ า่ งๆ
16 ผทู้ ่ีจะเปน็ กวนประจำ� หอได้นัน้ จะต้องเป็นผู้ทีช่ าวบา้ นเลือก สว่ นใหญเ่ ปน็ ชายสูงอายุที่ มคี วามประพฤติอยู่ในศีลธรรม เปน็ ท่ยี อมรบั ของชาวบา้ น หอทกุ หอจะมีกำ� หนดการเซ่นไหวข้ องหอเป็นประจ�ำทกุ ๆปี ซงึ่ ระยะเวลาจะแตก ตา่ งกนั ไปแต่ละชุมชน นอกจากพธิ ีกรรมเซ่นไหวป้ ระจ�ำปีของหอแลว้ ยงั มพี ธิ กี รรมกา รบะ พิธกี รรมนใ้ี ชเ้ พื่อให้การอธษิ ฐานขอไว้จะได้สำ� เร็จดงั ปรารถนา ผทู้ ่ีทำ� การบะจะ มีเรอ่ื งสำ� คัญทีต่ ้องการความชว่ ยเหลือ เช่น มีคดีความ, มกี ารเจบ็ ป่วย, มีการทำ� ธุรกจิ การค้า, มภี าระพเิ ศษ จะต้องเดินทาง, มีวาระท่ตี อ้ งสอบแข่งขนั หรือมีการคดั เลือกต่างๆ หรือมีเร่อื งอนื่ ๆ เม่ือเร่ืองที่อธิฐานไวส้ �ำเรจ็ แล้วก็จะไดน้ �ำเครือ่ งทบ่ี ะไวม้ าถวายเปน็ การ แกบ้ ะ ถอื เป็นธรรมเนยี มปฏิบตั ทิ ีส่ บื ทอดกันต่อมา วัด เป็นสถานทีศ่ กั ดสิ ทิ ธ์ทิ างพุทธศาสนา เจา้ หง้ิ เจ้าหอหรือกวนจะต้องมาปฏิบัติ บารม ี และสรา้ งกศุ ลให้กบั ดวงวญิ ญาณทสี่ ถิตในหง้ิ ,หอและสิ่งศกั ดิสิทธ์ิอน่ื ทเี่ ป็นของ รกั ษาในบา้ น สาเหตทุ ี่เรยี กผตี าโขน เนอ่ื งจากไมอ่ าจค้นควา้ หาหลักฐาน หรือการบนั ทึกได้ จงึ ต้องใชว้ ธิ ีการสอบถาม จากคนเฒ่าคนแกผ่ ูม้ ีอาวโุ สของอำ� เภอดา่ นซา้ ย ซง่ึ กม็ ขี ้อสนั นษิ ฐาน ดังน้ี ๑. ผีตามคน จากการบอกเลา่ ของเจา้ พอ่ กวนในขณะเข้าทรงบอกว่า เป็นผที ตี่ าม คนมาในงานบุญพระเวส (บญุ เผวส หรอื บญุ มหาชาติ) ตอ่ มาจงึ เพีย้ นเปน็ ผตี าโขน ๒. คนป่า ผีตาโขนเปน็ คนป่าเผา่ หนึง่ (คล้ายผตี องเหลอื ง) ซ่งึ อาศัยอยใู่ นเขาวงกต ขณะท่ีพระเวสสนั ดรและพระนางมัทรีได้บวชเป็นดาบส พระองค์ได้แผ่บารมี จนเป็นทีน่ ับถือของคนปา่ (ผตี าโขน) เหลา่ นเี้ ปน็ อย่างยิง่ เมื่อเพระเวสสนั ดรเสดจ็ กลบั เข้าเมอื ง คนป่าจึงตามมาสง่ เสด็จด้วย แต่เน่ืองจากคนปา่ มีความอาย
17 เมือ่ จะเขา้ เมืองจงึ หาส่ิงปกปดิ รา่ งกาย โดยเฉพาะใบหนา้ จงึ ใชก้ าบลาง (สว่ นท่หี อ่ หมุ้ ตา ของต้นไผ่) เจาะรูทีต่ าใหม้ องเห็น ใชเ้ ถาวัลย์ หรือตอกผกู สองขา้ งรัดศีรษะด้านหลงั กัน หลน่ ต่อมาเมอื่ มงี านบญุ พระเวส จึงมีผูท้ �ำหน้ากากสวมใส่เขา้ ขบวนแหพ่ ระเวส แทนคน ป่า จึงเรยี กวา่ ผีตาโขน ๓. ผีตาโขน เป็นผีท่ีมรี ปู ร่างหน้าตาคล้ายหัวโขนทีป่ ้นั หรือท่ที ำ� ขึ้นให้น่าเกลยี ดนา่ กลวั เม่ือมกี ารละเลน่ ผีตาโขน ผู้เล่นจะท�ำหน้ากากผใี หน้ ่าเกลียดนา่ กลัวสวมใส่ คล้ายการละเลน่ โขนละคร เป็นการสวมหัวโขนรูปผีตา่ ง ๆ จงึ เรยี กว่า ผีตาโขน ๔. ผีตาขน เดิมเรยี กการละเลน่ น้วี ่า ผตี าขน ตอ่ มาจึงเพีย้ นเปน็ ผตี าโขน วัดพระ ธาตุศรีสองรัก วัดพระธาตุศรีสองรักในอำ� เภอดา่ นซา้ ย จงั หวดั เลย ทกุ ๆปีมจี ะมงี าน บูชาหรืองานนมสั การจะมใี นวันขน้ึ 15คำ่� ของเดือน 6 ของ พิธที ่ีสำ� คัญคอื พิธกี รรมทาง พระพุทธศาสนา มีการอปุ สมบทเปน็ ประจ�ำทุกปีเป็นประเพณีทข่ี าดไม่ได ้ กวนหรอื เจา้ กวนของแตล่ ะหมบู่ า้ นตลอดจนบา้ นใดที่มีหง้ิ บชู าก็จะมกี ารตงั้ กองบวชอุทิศกศุ ลให้ กับดวงวิญญาณทส่ี ถติ อย่ทู ห่ี อและหิ้ง แล้วจึงมีพธิ กี รรมบูชาพระธาตุศรีสองรัก การ บูชาพระธาตุด้วยต้นผง้ึ เปน็ ส�ำคญั ดังน้นั การก�ำหนดวนั บชู าพระธาตแุ ตโ่ บราณมาน้ัน ได้ก�ำหนดในวนั ขนึ้ 15 ค่ำ� เดือน 6 ของทกุ ปโี ดยไมต่ ้องเลอื นตามปฏิทนิ ที่เปน็ ปีอธกิ มาศ เจ้าหง้ิ เจา้ หอแตล่ ะชุมชนแตล่ ะหมู่บ้านและชาวเมืองจะมารวมพิธีกรรมโดยไม่ ต้องนดั หมาย ถือปฏบิ ตั ิกันมาเป็นประเพณจี นถึงปัจจบุ นั
ขัน้ ตอนการเลน่ ผตี าโขน 18 การเลน่ ผตี าโขนจะเรม่ิ ในวนั แรกของงานประเพณบี ญุ หลวง แตม่ ีข้อห้ามว่าจะออก เลน่ กอ่ นการท�ำพิธีเบิกพระอปุ คุตไมไ่ ด้ เม่อื ชาวบ้านได้อญั เชิญ พระอปุ คตุ จากล�ำน้�ำหมนั มาประดิษฐานทีห่ อพระอปุ คตุ ท่วี ัดโพนชัยแลว้ จะรว่ มกัน ท�ำบุญตักบาตร แล้วทุกคนก็จะไปร่วมพิธบี ายศรสี ูข่ วัญเจา้ พ่อกวน จนกระท่ัง เสรจ็ พธิ ี บรรดาผตี าโขนใหญ่ และผีตาโขนนอ้ ย จงึ ไปรวมกันทห่ี น้าบา้ นเจา้ พ่อกวน และ ท�ำการเล่นถวย (ถวาย) เจา้ นาย ซึง่ เจา้ พอ่ กวนและเจ้าแมน่ างเทยี มก็จะ ออกมาตอ้ นรบั และน�ำเหลา้ ยามาเลยี้ งดบู รรดาผีตาโขน จากนนั้ เจ้าพ่อกวนจะนำ� ขบวน ซ่ึงประกอบด้วย เจา้ แมน่ างเทียม พ่อแสน แม่นางแต่งและประชาชนทัว่ ไป รวมทั้งบรรดาผีตาโขนไปยงั วัดโพนชยั ขบวนจะเวียนรอบพระอโุ บสถ ๓ รอบ เมื่อครบ ๓ รอบแลว้ บรรดาผีตาโขนและการละเล่น อืน่ ๆ ในขบวนก็จะจับกลมุ่ แยกยา้ ยกันไปเลน่ ตามอธั ยาศัย สมัยกอ่ นผู้เล่นผีตาโขนจะแยกย้ายกนั ไปเปน็ กลมุ่ ตามท้องถนนหรอื ละแวกบา้ น ใกลเ้ คียง โดยท�ำการกระเซ้าเยา้ แหยผ่ ้คู นตามถนนหนทางท่ผี ่านไปท�ำใหผ้ คู้ นทพ่ี บเห็น ตกใจ กลุ่มคนทผี่ ตี าโขนนิยมหยอกล้อมากทส่ี ุดคอื เด็ก และ สาว ๆ ซงึ่ จะตกใจง่าย ท�ำให้เกิดความสนกุ คร้ืนเครงเป็นพเิ ศษ เมอื่ ผีตาโขนผ่านไปถึงบ้านของใคร เจา้ ของบ้าน จะบรจิ าคเงนิ หรือเลย้ี งเหลา้ ยาอาหาร บางคร้ังผตี าโขนผา่ นเรือกสวน กจ็ ะถอื โอกาส ขโมย กลว้ ย ออ้ ย หรือผลไมต้ ่าง ๆ ไปกนิ โดยทีเ่ จ้าของไม่ถือสาหาความ หรอื แม้แตผ่ ่าน ตลาดพบขนม ข้าวต้ม ทว่ี างขายอย่กู ็จะหยบิ ฉวยกนิ ได้ โดยทีเ่ จา้ ของไม่ว่าอะไร ถือว่า เป็นการทำ� บญุ ทำ� ทาน ปหี นงึ่ มีครัง้ เดียว
19 นอกจากการละเลน่ ผตี าโขนแล้ว จะมกี ารละเลน่ อืน่ ๆ เช่น การเซิ้ง การเล่นควายตู้ (ไถนา) การเล่นทอดแหหาปลา การขายตวั หม่อน การเลน่ ขายยาการเลน่ ถ่งั บั้ง การ เลน่ กลองยาว ฯลฯ ซ่ึงจะเล่นสนกุ สานกนั จนกระท่ังดกึ หรอื บางกลุ่มกเ็ ล่นกนั จนสว่าง ในวันทส่ี องของงานบญุ หลวง ผตี าโขนทั้งหลายก็จะออกเล่นเช่นเดียวกบั วนั แรกจน กระท่ังเวลา ๑๕.๐๐ น. ผตี าโขนทุกตัวจะไปร่วมในพธิ ีอญั เชญิ พระเวสสนั ดรเข้าเมอื งซ่ึง ในขบวนแหพ่ ระเวสสนั ดรเขา้ เมอื งนี้ จะมขี บวนแห่บงั้ ไฟด้วย ผตี าโขนจะเข้าร่วมใน ขบวนแห่บงั้ ไฟอยา่ งสนกุ สนานเต็มที่ เพราะถือวา่ เป็นช่วงสุดทา้ ยของการเลน่ แล้ว เม่ือ พธิ ีอญั เชิญพระเวสสันดรเข้าเมืองเสรจ็ สน้ิ ลงก็ถือว่าการเลน่ ผีตาโขนเสร็จสน้ิ ลงเหมือน กนั จากนัน้ บรรดาผตี าโขนกจ็ ะนำ� หน้ากากผตี าโขนและอปุ กรณ์การเล่นทุกอยา่ งไปทงิ้ ลงน้�ำ ตอ่ จากนัน้ ก็จะไม่มีใครเลน่ ผตี าโขนอีกเลยจนกวา่ จะถงึ งานประเพณบี ุญหลวงในปี ตอ่ ไป งานบญุ หลวง งานประเพณีบญุ หลวง เป็นประเพณีที่ส�ำคญั ของชาวอ�ำเภอดา่ นซ้าย จังหวัดเลย ถอื เป็นประเพณที ่ยี ง่ิ ใหญ่ท่สี ดุ ประเพณีหน่ึง ทัง้ นี้ เนอ่ื งจากเปน็ การ น�ำเอาประเพณี ๒ อย่างมารวมกัน คือ งานบุญพระเวส (บญุ เผวส หรือบญุ มหาชาต)ิ และบญุ บง้ั ไฟ เนื่องจากชาวอำ� เภอด่านซา้ ย มคี วามเชือ่ ถอื ในภูตผี วญิ ญาณ และยึดม่นั ในความ ศกั ดสิ์ ิทธิ์ขององคพ์ ระธาตศุ รสี องรัก จึงทำ� ใหเ้ กิดประเพณเี ฉพาะ ซง่ึ เปน็ เอกลักษณข์ องทอ้ งถนิ่ เชน่
20 ประเพณีเซน่ ไหว้หรอื เล้ยี งบา้ นเจ้าเมืองกลาง ปฏิบตั ิในเดอื น ๔ ประเพณเี ซ่นไหวห้ รือเล้ียงบ้านเจ้าเมืองวงั ปฏบิ ตั ิในเดอื น ๕ ประเพณีนมัสการพระธาตุศรสี องรัก ปฏิบัติในเดอื น ๖ เมื่อมีขอ้ จ�ำกดั ด้วยเวลาการจัดงาน ท�ำใหอ้ ำ� เภอด่านซา้ ยไมอ่ าจจัดงานบุญพระเวส ในเดอื น ๔ และจดั งานบญุ บัง้ ไฟในเดือน ๖ ได้ เหมอื นชาวอีสาน โดยท่ัวไป จงึ ได้นำ� เอางานประเพณี ๒ งาน ดงั กลา่ วมารวมกนั เปน็ ประเพณีเดยี ว เรียกวา่ “ บญุ หลวง ” ซ่ึงจะจดั ขึน้ ระหว่างปลายเดือน ๗ หรือต้นเดือน ๘ ทงั้ นี้ การกำ� หนดจดั งานแตล่ ะปนี ้นั จะตอ้ งใหเ้ จ้าพอ่ กวนเปน็ ผกู้ �ำหนด โดยการเขา้ ทรง (ทรงเจา้ ) ชาวบ้านจะก�ำหนดกันเองไมไ่ ด้
ขัน้ ตอนพิธีการบญุ หลวง 21 งานประเพณบี ุญหลวง จะมกี ิจกรรมนานถึง ๓ วนั โดยมีข้ันตอนดังน ้ี วนั แรกของงาน เรยี กวา่ “ วนั โฮม ” (วันรวม) เป็นวันทป่ี ระชาชนจากหมู่บา้ นต่าง ๆ จะเดนิ ทางมาร่วมงาน งานพิธจี ะเรม่ิ แต่เช้ามืด เวลา ๐๔.๐๐ น. โดยประชาชนจะไปรวมกันท่ีวัดโพนชัย เพอ่ื ประกอบพธิ เี บิกพระอุปคตุ ซง่ึ จะมแี สน แกว้ อนุ่ เมือง เปน็ ผทู้ �ำหนา้ ท่เี ป็นผเู้ ชญิ พระอุปคุต โดยคณะพอ่ แสนจะน�ำเอา อุปกรณท์ ี่เตรียมไว้ มีดาบ มดี หอก ฉัตร ซ่งึ ท�ำดว้ ยไม้ ถือเดนิ น�ำขบวนประชาชนไปยงั ริมฝัง่ ลำ� น้ำ� หมัน ซ่งึ ถือเปน็ แม่น้ำ� ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ เพราะลำ� นำ้� น้จี ะไหลไปทางทศิ เหนือ เมอ่ื ถงึ ริมฝ่งั น�้ำหมัน ทุกคนจะอย่ใู นอาการสงบ แสนแก้ว อ่นุ เมือง จะกล่าวคาถาบชู า พระอุปคุต ๓ จบ เมอื่ กล่าวจบบทแรก จะตีฆอ้ งชยั ๑ ครัง้ จบบทที่ ๒ จะตี ๒ ครั้ง จบบทที่ ๓ จะตี ๓ ครง้ั ต่อจากนน้ั พ่อแสนอีกทา่ นหนง่ึ จะลงไปงมหาพระอุปคุตใน ลำ� น้�ำหมนั โดยจะใช้หินสขี าวใสเป็นสิง่ สมมตุ ิ เมอ่ื ไดพ้ ระอุปคุตแล้ว จะนำ� ขึ้น มาวางไวใ้ นพานซงึ่ เตรยี มมา ท�ำการจุดประทัดหรอื ยิงปืน ดนตรีต่าง ๆ ทเ่ี ตรยี มมา เชน่ ฆ้อง กลอง ฉาบ ฉง่ิ พณิ แคน จะเร่ิมบรรเลง ประชาชนโห่ร้องชยั โย แห่พระอุปคุตไปประดษิ ฐานไวท้ ห่ี อพระอุปคุตท่วี ัดโพนชยั โดยจะจัดหอใหญไ่ ว้ทางทิศ ตะวันออกของโบสถ์ และมีหอเลก็ อีก ๓ หอ โดยรอบโบสถ์ (จดั ไว้ ๔ ทิศ) เมอื่ มกี ารเชญิ พระอปุ คุตขนึ้ หอแต่ละทิศนั้น จะมีการยิงปนื ขนึ้ ทศิ ละ ๑ นดั มลู เหตทุ ม่ี กี ารเชิญพระอปุ คุตเช่อื ว่า พระอุปคตุ น้ัน เป็นพระเถระผ้มู ีฤทธ์ไิ ดเ้ นรมิต กุฏอิ ยกู่ ลางมหาสมุทร สามารถปราบพวกมารไดร้ าบคาบ เมื่อมีการจดั งานบุญหลวง จึง ได้เชิญพระอปุ คตุ มาประดษิ ฐานไวใ้ นงานดว้ ย เพือ่ ใหเ้ กดิ ความสวัสดมี ชี ยั การจดั งาน ส�ำเรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดี ต่อจากน้นั กจ็ ะมพี ธิ ีทำ� บญุ ตักบาตรท่วี ดั โพนชัย เสร็จแลว้
22 ประชาชนและบรรดาผีตาโขนทงั้ หลายก็จะไปร่วมในพธิ ีบายศรีสู่ขวญั เจา้ พอ่ กวน และ แห่ขบวนเขา้ มายงั วดั โพนชยั อีกครงั้ หนึ่งกอ่ นท่ผี ตี าโขนและประชาชนจะแยกยา้ ยกนั ไป เลน่ สนุกสนานต่อไป ในงานบุญหลวงนี้ นอกจากการเลน่ ผตี าโขนแลว้ จะมีการละเลน่ ท่ีสนกุ สนานอกี หลายอย่าง เช่น การเซง้ิ ส่วนใหญจ่ ะเปน็ ขบวนของผเู้ ฒา่ ผแู้ กท่ ง้ั ชาย และ หญงิ รวมกนั เป็นกลุม่ มีหัวหนา้ กลุ่มนำ� เซ้งิ กลา่ วนำ� เซ้ิง แลว้ ลกู คู่ก็จะร้องรบั ตาม และจะมีดนตรปี ระกอบ เชน่ ฆอ้ ง กลอง ฉงิ่ ฉาบ แคน พณิ หรอื มีการเคาะไม้ โลหะ ตามดว้ ย ทั่งบั้ง หรือคนป่ากระทงุ้ พลอง ผู้เล่นจะเป็นชายล้วน แตง่ กายคล้ายคน ป่า โดยใชเ้ ศษผา้ หรอื ใบตองมาปกปิดร่างกายเฉพาะอวยั วะท่สี �ำคญั ใช้ดินหม้อ โคลน หรือสีด�ำ ทาตามตัวและใบหน้า ทกุ คนจะถอื บ้งั ไมไ้ ผ่ เพอ่ื กระทงุ้ พนื้ ใหเ้ กดิ เสียงดัง และเป็นจงั หวะควายตู้ (เล่นไถนา) มกั จะทำ� จากไม้ไผ่ สานเป็นรปู ควาย ห้มุ ดว้ ยกระดาษหรอื กระสอบ ทาสดี ำ� เจาะตรงกลาง ให้ผเู้ ลน่ เข้าไปอยู่ได้ จากน้นั ผู้ทเ่ี ล่นก็ จะนำ� ควายดงั กลา่ วออกว่งิ หยอกล้อผคู้ น ขายยา ซง่ึ ภาษาชาวบ้านเรียกวา่ “ ยาซมุ ” ผู้เล่นจะน�ำไม้หลาย ๆ ชนิดมาใส่ใน ภาชนะ โดยสมมุติเปน็ ยาสมนุ ไพร แล้วเทย่ี วเจรจาขายยา ท�ำให้สนุกสนาน เช่นกัน ทอดแห ผเู้ ล่นจะน�ำแหเก่า ๆ มาทอดตามทอ้ งถนน และท�ำเป็นงมหาปลาดว้ ย กรยิ าอาการตา่ ง ๆ ท�ำให้ตลกขบขนั หรือบางครงั้ จะน�ำสัตว์ หรอื ท่อนไม้ ท่ีทำ� เปน็ อวยั วะเพศมาเลน่ ประกอบด้วย ขบวนร�ำ หรือขบวนฟ้อนเซงิ้ สว่ นใหญจ่ ะเปน็ หนมุ่ สาว ซ่ึงเป็นการแสดงออกถงึ ศิลปะวฒั นธรรมประจำ� ถิ่นของชาวอสี าน
23 ในการเลน่ ในงานบุญหลวงน้ี มีสัญลักษณ์ทีต่ อ้ งมีอีกประการหนง่ึ คอื การเล่นสัญลักษณ์ เครื่องเพศ ซึ่งจะมีท้งั สัญลกั ษณ์ ของหญิงและชาย แต่ทน่ี ิยม เลน่ มากที่สุดคอื ของเพศชาย โดยจะเห็นจาก ดา้ มดาบของผตี าโขนนอ้ ย การเลน่ ขายยา ทอดแห ตกเบด็ กจ็ ะมีสัญลักษณ์เครือ่ งเพศทงั้ ส้ิน แม้แตผ่ ตี าโขนใหญ่ก็จะมี การแสดงเครอ่ื งเพศอยา่ งชดั เจน การละเล่นสัญลักษณเ์ คร่ืองเพศน้ี ไมไ่ ด้ถือเป็นเรื่องลามกอนาจารแตอ่ ย่างใด ถอื เปน็ เรื่องธรรมดา เพือ่ ใหเ้ กิดความสนุกสนาน เพราะปหี น่ึงจะเล่นได้ เพยี งครัง้ เดียวเทา่ นนั้ การละเล่นสัญลกั ษณเ์ คร่ืองเพศนี้ มจี ุดประสงค์ คอื ๑. เล่นเพ่อื ขอฝน ชาวบ้านเช่อื วา่ การเล่นในลกั ษณะนจ้ี ะทำ� ใหฝ้ นตกต้องตาม ฤดกู าล ยิ่งเล่นมากจะทำ� ให้ปรมิ าณน้�ำฝนมีมากขึน้ ด้วย ๒. เพื่อเป็นการหลอกล่อพญามาร โดยใหพ้ ญามารมาหลงระเริงในการเล่นน้ีจนลืม ที่จะไปกอ่ ความวนุ่ วายในงานบุญหลวง จะทำ� ให้การจัดงาน เป็นไปดว้ ยความราบร่นื ๓. เลน่ เป็นประเพณี ชาวบ้านเชอื่ วา่ หากไมเ่ ลน่ จะท�ำใหผ้ ดิ ประเพณี และการทำ� ผิดประเพณนี ีถ้ อื วา่ ร้ายแรงมาก จะท�ำใหเ้ จ้านายพิโรธ จะท�ำใหเ้ กดิ ส่งิ เลวรา้ ยขน้ึ เชน่ ฝนแล้ง ขา้ วปลาอาหารไม่อุดมสมบูรณ์ สตั วเ์ ล้ยี งล้มตาย หรือแม้ กระทงั่ ท�ำใหค้ นในสงั คมเกดิ ความว่นุ วาย ลม้ ตาย ได้ วนั ทสี่ องของงาน บรรดาผตี าโขนทงั้ หลายกจ็ ะเท่ยี วหลอกหลอนชาวบา้ นและมี การละเล่นสนุกสนานต่าง ๆ เชน่ เดยี วกับวนั แรก สว่ นใหญ่จะเข้าไป เล่นในลานวัด คร้ันเวลา ๑๕.๐๐ น. คณะเจ้าพ่อกวน เจ้าแม่นางเทยี ม คณะพ่อแสน และนางแตง่ พรอ้ มประชาชน จะมาพร้อมกันทสี่ ี่แยกบ้านเดน่ิ เพือ่ ท�ำการ บายศรสี ขู่ วญั พระเวส เสรจ็ แล้วจะน�ำขบวนแหพ่ ระเวสเขา้ เมือง โดยมพี ระพทุ ธรูป ๑ องค์ เปน็ ตวั แทนพระเวส และมีพระสงฆ์อกี ๔ รปู จะนงั่ อยบู่ นเสลย่ี งมคี น หาม เจา้ พอ่ กวนจะนงั่ อย่บู นคานหาม สว่ นคนอน่ื ๆ จะเดนิ ตามขบวน ขบวนแหจ่ ะ เขา้ ไปยงั วัดโพนชัย แห่รอบโบสถ์ ๓ รอบ แลว้ อัญเชิญพระพทุ ธรปู ซ่ึงถอื เป็น
23 องค์แทนพระเวส เขา้ โบสถ์ เจา้ พอ่ กวนและคณะพรอ้ มกับประชาชนก็จะเขา้ ไปในโบสถ์ ดว้ ย บรรดาผีตาโขนท่ตี ามขบวนมา ก็จะสิน้ สดุ การเลน่ ผีตาโขน และนำ� เอา หน้ากากและอปุ กรณใ์ นการเล่นไปทงิ้ น�้ำ ตอ่ จากน้ันกจ็ ะมพี ธิ ีการจุดบ้งั ไฟ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. ประชาชนทง้ั หลายจะไปรวมกันทวี่ ดั โพนชยั อีกครั้งหนง่ึ เพอื่ ฟงั พระสงฆเ์ จรญิ พระพทุ ธมนต์ เทศนาพระมาลยั หม่นื พระมาลยั แสน จนกระทง่ั จบ จงึ แยกยา้ ยกนั กลับ วันทสี่ ามของงาน จะเร่มิ ตงั้ แตเ่ วลาประมาณ ๐๓.๐๐ น. ชาวบ้านจะทำ� พิธแี ห่ข้าว พันกอ้ นไปบูชาพระอปุ คุตที่วัด โดยน�ำขา้ วไปวางไว้ตามภาชนะทเี่ ตรยี มไว้ และในวนั น้ีจะมีการอาราธนาพระสงฆ์เทศน์พระเวสสันดรชาดก (เทศมหาชาต)ิ เม่อื พระ สงฆ์เทศน์จบแต่ละกณั ฑ์ กจ็ ะมีการถวายกัณฑเ์ ทศ หรอื กัณฑห์ ลอน ดว้ ย เอกสารอ้างอิง และผ้ใู หข้ ้อมูล กาญจนา สวนประดิษฐ.์ ผตี าโขน ศึกษาเฉพาะกรณีอำ� เภอด่านซา้ ยจังหวัดเลย. ปรญิ ญานพิ นธ์ : มศว.มหาสารคาม , ๒๕๓๓ ส�ำนักงานศกึ ษาธกิ ารอ�ำเภอดา่ นซา้ ย. ผตี าโขน จุลสารเผยแพรว่ ฒั นธรรม ประเพณที อ้ งถ่ิน อ�ำเภอดา่ นซ้าย จังหวดั เลย นายถาวร เช้ือบุญมี (เจา้ พอ่ กวน) นายสมบรู ณ์ ศรีพรหม อาจารยใ์ หญโ่ รงเรยี นชมุ ชนบ้านด่านซา้ ย ผเู้ ฒ่าผ้แู ก่ของอ�ำเภอด่านซา้ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: