Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ท่องเที่ยว

ท่องเที่ยว

Published by baobao tian, 2019-05-30 04:13:04

Description: ท่องเที่ยว

Search

Read the Text Version

35 ภาพท่ี 2.4 การพฒั นาศักยภาพการท่องเท่ียวชุมชนเชิงสร้างสรรค์ ตาบลอาจสามารถ อาเภอเมือง จงั หวดั นครพนม การพัฒนาอย่างย่งั ยนื การพัฒนาอย่างย่ังยืน เป็นแนวทางในการยกระดับของการพัฒนาเพื่อให้คานึงถึง อัตลักษณ์และ บริบทตา่ งในชุมชนเพ่ือใหเ้ กิดความสมดุลของมติ ิตา่ ง เชน่ วฒั นธรรม สังคม สิ่งแวดลอ้ มและเทคโนโลยี ดลฤทัย โกวรรธนะกุล (2554) Seafield Research and Development Service ได้จัดพิมพ์ รายงาน The Bruntland Report (1987 อ้างถึงใน ดรฤทัย โกวรรธนะกลุ , 2554) โดยแบ่งประเดน็ การพฒั นา อย่างยง่ั ยนื ออกเปน็ 9 แนวคิด ดังนี้คอื 1. การพัฒนาความต้องการปราศจากการต่อรองความสามารถของคนรุ่นต่อไปพบความ ต้องการของตน 2. การปรบั ปรงุ ศักยภาพการรองรบั ของระบบนเิ วศวทิ ยา 3. การคงสภาพทุนทางธรรมชาติ 4. การคงสภาพและปรบั ปรุงระบบ 5. การเปลี่ยนแปลงในทางทดี่ ี 6. ความยง่ั ยืนในการดารงอย่ขู องมนุษยชาติ 7. การปกป้องและฟ้นื ฟสู ิง่ แวดล้อม 8. การต่อต้านการเจริญเติบโต 9. ความซบั ซอ้ นของสิ่งทสี่ าคัญ 5 อย่าง คือ 1) การบรู ณาการของอนุรกั ษ์และพัฒนา 2) การ ตอบสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ 3) ความสาเร็จของทุนทางสังคม และ 5) การรักษาความอุดม สมบูรณ์ของระบบนเิ วศ บทที่ 8 ของ Agenda 21 เรียงร้องให้แต่ละประเทศพัฒนายุทธศาสตร์ของตนเองสาหรับการพัฒนา อย่างย่ังยืนโดยคานึงถึงความเหมาะสมของเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อมในประเทศของตนเอง National Strategies for Sustainable Development (NSSD) 5 ปี ถัดมา ปี 1997 Special of the General Assembly ย้าถึงความสาคัญ ของการจัดท า ยุทธศาสตร์ชาติ (ประเทศไทยใช้วาระแห่งชาติ...) โดยกาหนดให้ปี 2002 ควรมีการกาหนดรูปแบบและ คาอธิบายขึ้น In 2002, the World Summit for Sustainable Development (WSSD) ย้าถึงแนวคิดนี้อีก ครั้งถึงการเริ่มท่ีจะกาหนดระเบียบปฏิบัติ (Implementation) ที่ควรเริ่มใช้ในปี 2005 ซ่ึงถือเป็นเป้าหมาย

36 สาคัญของสหประชาชาติ (United Nations) ท่ีประกาศ Millennium Declaration เพื่อให้บรรลุเป้า หมายความยัง่ ยืนของสงิ่ แวดล้อม to reach the goal of environmental sustainability นสิ า บุญทะสอนและคณะ (2557) ได้กลา่ วถงึ การพฒั นาอย่างยัง่ ยืน หมายถึง การพัฒนาทีต่ อบสนอง ต่อความต้องการของคนในรุ่นปัจจุบันโดยไม่กระทบกระเทือนความสามารถของคนในรุ่นต่อไปในการท่ีจะ ตอบสนองความต้องการของตนเอง สรปุ การพัฒนาและการพฒั นาอย่างยั่งยนื คือ การเปล่ียนแปลง สร้างส่ิงใหม่ส่ิงใดก็ตามที่มีอยู่เดิมให้ดี ขึ้นไปในทิศทางบวกและลดผลกระทบที่ตามมาให้น้อยท่ีสุด โดยผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเพื่อ นาไปส่คู วามย่ังยืนก็คือ คนในชมุ ชนน้ันๆ โดยนักพฒั นาจะต้องเข้าใจบรบิ ทของชมุ ชน เข้าถงึ จติ ใจและรากเหง้า ของชมุ ชน จงึ จะนาไปสูก่ ารพัฒนาอย่างย่ังยนื ต่อไป องคป์ ระกอบของการพฒั นาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน การพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยั่งยืนมีองค์ประกอบที่จะต้องศึกษาเพ่ือเป็นหลักการสาคัญที่จะบรรลุ วัตถุประสงค์ในการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืนโดยองค์ประกอบที่จะกล่าวถึงมีความสาคัญและสอดคล้อง กนั เป็นอยา่ งมาก บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548) ได้กล่าวถงึ องค์ประกอบหลักของการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบย่งั ยนื พอ สรุปได้ 6 ด้านดงั ตอ่ ไปน้ี 1. องค์ประกอบด้านการพัฒนาทรัพยากรท่องเที่ยว เป็นการพัฒนาสถานที่อันเป็นจุดหมาย ปลายทางทีน่ ักท่องเท่ียวจะเดินทางเข้ามาท่องเท่ียว พร้อมสิ่งอานวยความสะดวกและบริการทางการทอ่ งเท่ยี ว ให้สามารถดึงดูดใจนักท่องเท่ียวเดินทางเข้ามาเย่ียมเยือน โดยมีการประเมินศักยภาพขีดความสามารถในการ รองรับของพ้ืนท่ี และกาหนดกิจกรรมท่องเที่ยวที่อนุรักษ์ทรัพยากรท่องเท่ียวและสิ่งแวดล้อม พร้อมท้ังให้ ความรูเ้ กยี่ วกบั แหล่งท่องเท่ียวแก่นักท่องเทย่ี วด้วย 2. องค์ประกอบด้านการพัฒนาส่ิงแวดล้อมในแหล่งท่องเท่ียว เป็นการพัฒนาเพื่ออนุรักษ์ ส่ิงแวดล้อมในแหลง่ ทอ่ งเท่ียวให้อย่ใู นสภาพเดิมหรือดีกว่าเดิมและป้องกนั ผลกระทบด้านลบจากการท่องเที่ยว โดยต้องมกี ารตดิ ตามประเมนิ ผลกระทบจากการทอ่ งเทยี่ วอย่างต่อเน่ือง 3. องคป์ ระกอบด้านการพัฒนาธุรกจิ ทอ่ งเทย่ี ว เป็นการพฒั นาธุรกิจด้านบริการอานวยความสะดวก โดยตรงแก่นักท่องเท่ียวเพ่ือตอบสนองความต้องการของนักท่องเท่ียวให้ได้รับความพึงพอใจโดยมีความ รบั ผดิ ชอบตอ่ การอนรุ ักษ์ทรัพยากรท่องเทยี่ วและส่งิ แวดล้อมด้วย 4. องค์ประกอบด้านการพัฒนาการตลาดท่องเท่ียว เป็นการพัฒนาเพื่อแสวงหานักท่องเท่ียวท่ีมี คุณภาพซ่ึงมีลักษณะเป็นคุณประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรท่องเท่ียวและสิ่งแวดล้อมให้เข้ามาท่องเท่ียว โดยใหน้ ักท่องเทย่ี วเหล่านไี้ ด้รบั ความรู้และประสบการณจ์ ากการท่องเทย่ี วตามที่เขาพึงพอใจ 5. องค์ประกอบด้านการพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการท่องเที่ยวของชุมชนท้องถ่ิน เป็นการพัฒนา ในการสร้างโอกาสให้ชุมชนท้องถ่ินมีส่วนร่วมทางการท่องเท่ียว เพื่อสร้างความเข้มแข้งให้แก่ชุมชนท้องถิ่นให้ สามารถจัดการการท่องเที่ยวของตนเองและได้รับผลประโยชน์จากการท่องเท่ียวอันจะทาให้ชุมชนท้องถิน่ เกิด ความหวงแหนและรกั ษาไว้ซง่ึ ทรัพยากรท่องเทย่ี วและสงิ่ แวดล้อมใหค้ งอย่ตู ลอดไป 6. องค์ประกอบด้านการพัฒนาจิตสานกึ ทางการท่องเท่ียว เปน็ การพัฒนาการสร้างจิตสานกึ ในการ อนุรักษ์ทรัพยากรท่องเท่ียวและสิ่งแวดล้อมแก่ผู้เก่ียวข้องกับการท่องเท่ี ยวทุกฝ่ายโดยการให้ความรู้และส่ือ ความหมายในการอนุรกั ษท์ รัพยากรท่องเท่ียวและสิ่งแวดล้อมเพอ่ื ปลูกฝงั จิตสานึกทางการทอ่ งเที่ยวแบบย่ังยืน ใหท้ ุกฝา่ ยเกิดความรักความหวงแหนทรพั ยากรท่องเท่ยี วและสิง่ แวดลอ้ ม

37 องคป์ ระกอบด้านการ องค์ประกอบด้าน องคป์ ระกอบดา้ นการ พัฒนาจติ สานกึ ทางการ การพฒั นาทรัพยากร พัฒนาส่งิ แวดล้อม ศกึ ษาในแหล่ง ทอ่ งเที่ยว ท่องเท่ยี ว ทอ่ งเท่ยี ว องคป์ ระกอบด้านการ องค์ประกอบหลักของการ พฒั นาการมีสว่ นรว่ ม พัฒนาการทอ่ งเที่ยวแบบ องค์ประกอบด้านการ ทางการทอ่ งเทย่ี วของ พัฒนาธรุ กจิ ทอ่ งเทยี่ ว ยง่ั ยนื มี 6 ดา้ น ชมุ ชนท้องถนิ่ องคป์ ระกอบด้านการ พฒั นาการตลาดท่องเทย่ี ว ภาพท่ี 2.5 องคป์ ระกอบหลักของการพฒั นาการท่องเท่ียวแบบยั่งยืน ทีม่ า : บญุ เลศิ จติ ตั้งวัฒนา (2548) Doiron., S, & Weissenberger., S. (2014) ได้ศึกษาเก่ียวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในฮอนดูรัส การพัฒนา อตุ สาหกรรมท่องเที่ยวระบบนิเวศควรจะเป็นศนู ย์กลางของการพัฒนากลยุทธ์ทางดา้ นการท่องเทีย่ ว เน่ืองจาก ระบบนิเวศเป็นรากฐานของการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี Roatan ประเทศฮอนดูรัส มีกิจกรรม ท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับคุณภาพของระบบนิเวศ การรักษาธรรมชาติเป็นต้นทุน เป็นแก่นสารในการพัฒนาการ ทอ่ งเท่ยี ว นาไปส่กู ารพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมใหม้ คี วามยงั่ ยนื ตามภาพที่ 2.6 การเปลย่ี นแปลง สภาพภมู อิ ากาศ ผล กระทบ ระบบนเิ วศ ให้สทิ ธ์ิ ความดนั การ การพฒั นา ทอ่ งเทีย่ ว การพฒั นาสงั คม เศรษฐกิจ ภาพท่ี 2.6 แผนผงั การพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื ใน Roatan ออนดูรสั ท่ีมา : Doiron., S, & Weissenberger., S. (2014)

38 องคป์ ระกอบของการพฒั นาอย่างยัง่ ยนื ตารางท่ี 2.1 องค์ประกอบของการพฒั นาอยา่ งยง่ั ยืน การกาหนดระบบนิเวศวทิ ยา การสนับสนุนคุณค่าของมาตรฐานการบริโภคซึ่งอยภู่ ายในระบบนเิ วศวทิ ยา และปรับปรงุ มาตรฐาน และทุกคนปรารถนาทรพั ยากรอย่างมเี หตุผล กจิ กรรมทางเศรษฐกิจและ พบความต้องการทจี่ าเป็นในสว่ นของการเจริญเตบิ โตอย่างประสบ การทบทวนการจัดสรร ความสาเร็จและการพฒั นาท่ียงั่ ยืนอย่างชัดเจนซึ่งต้องมกี ารเจริญเตบิ โตทาง ทรัพยากร เศรษฐกิจมาแทนท่ี การควบคมุ ประชากร ไมใ่ ช่แค่ประเด็นเร่ืองของขนาดประชากร แต่หากยังเกย่ี วเนื่องไปถงึ การ กระจายทรัพยากร การพัฒนาอย่างย่ังยืนเปน็ วธิ ีการเดียวที่จะหยุดการ พฒั นาประชากรศาสตรใ์ นทิศทางท่กี ลมกลืนกบั ศักยภาพการผลิตที่ เปล่ยี นแปลงไปของระบบนิเวศวิทยา การอนุรักษ์ทรัพยากรหลัก การพัฒนาอยา่ งยั่งยืนตอ้ งไมเ่ ป็นอนั ตรายต่อระบบธรรมชาติซง่ึ สนับสนุน การดารงชีวิตบนโลก บรรยากาศ นา้ ดนิ และสิง่ มชี วี ิต การเข้าถงึ ทรัพยากร การเจริญเตบิ โตไม่มีการควบคุมหรอื ทรัพยากรถูกใช้อยู่บนหายนะของ ระบบนเิ วศวิทยา ความย่ังยืนท่ตี อ้ งการยาวนานที่พยายามจะใหม้ ีการยนื ยนั ถึงการเข้าถึงทรัพยากรอย่างเท่าเทยี มกนั ศักยภาพการรองรบั อย่าง ทรัพยากรท่เี กดิ ข้นึ มาใหมเ่ ปน็ ส่วนหนงึ่ ของความซบั ซ้อนและเช่อื มโยง ยัง่ ยืน ระบบนเิ วศวิทยา ความยั่งยืนมากท่ีสุดท่จี ะต้องตระหนกั ถึงหลงั จากทมี่ ี การทาให้ทรพั ยากรยังคงอยู่ ผลกระทบเป็นวงกวา้ งจากการใชง้ าน การพัฒนาอยา่ งยัง่ ยนื ต้องการอัตราการลดการใชง้ านทรัพยากรท่ไี ม่ สามารถสร้างขนึ้ มาใหม่ไดเ้ พื่อเป็นทางเลือกสาหรับอนาคตเทา่ ทีจ่ ะเป็นไป ได้ ความหลากหลายของพนั ธุ์ การพฒั นาอยา่ งยัง่ ยืนต้องการการอนุรักษ์พืชและพนั ธ์สุ ัตว์ การลดผลกระทบ การพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื ต้องการลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ นา้ และ องค์ประกอบทางธรรมชาตทิ ี่จะมีส่วนเสมอื นความย่งั ยนื ต่อระบบ นิเวศวทิ ยาองค์รวม การควบคมุ ชุมชน ชุมชนควบคมุ การพัฒนาทเ่ี กินความจาเป็นในการตดั สินใจต่อระบบ นเิ วศวิทยาท้องถน่ิ กรอบนโยบายระดบั ชาติ ชัน้ บรรยากาศเปน็ เหมือนบา้ นของมนุษยชาติและเป็นการเชื่อมตอ่ การ และนานาชาติ จัดการของบรรยากาศที่เป็นตัวสกัดความปอ้ งกันภยั การเมืองโลก เศรษฐกิจ ชุมชนตอ้ งชกั ชวนใหม้ สี ภาพเศรษฐกจิ ทดี่ ีขึน้ ขณะเดียวกนั ก็ตอ้ งตระหนกั ถึง นโยบายของรัฐบาลที่ต้องจากัดการเจริญเตบิ โตของวัตถดุ ว้ ย คณุ ภาพสิ่งแวดล้อม นโยบายผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มทม่ี ตี ่อการขยายการจัดการคุณภาพโดยรวม การตรวจสอบสงิ่ แวดลอ้ ม ระบบการตรวจสอบผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ มทเี่ ป็นเสมือนส่วนกลางของ การจัดการสงิ่ แวดล้อมทด่ี ี ท่มี า :John Swarbrooke (1998 : 5 อา้ งถึงในดลฤทัย โกวรรธนะกุล, 2554)

39 แนวทางการขบั เคลื่อนการพฒั นาอย่างย่งั ยืนเพือ่ การทอ่ งเท่ียวของไทย เทิดชาย ช่วยบารุง (2552) ได้กล่าวถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะต้องมีแนวทางการขับเคล่ือนเพื่อให้ การท่องเทย่ี วของประเทศไทยสามารถพฒั นาได้ถูกต้องตามหลักการและสามารถยืนหยดั เปน็ อตุ สาหกรรมทีท่ า รายไดใ้ หก้ บั ประเทศเปน็ อันดบั 1 ในการพัฒนาอยา่ งยัง่ ยนื ตอ้ งดาเนนิ การดังตอ่ ไปน้ี 1. สรา้ งบทบาทการมสี ว่ นร่วมของภาคีทกุ ภาคส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเป็นภาคหี ลกั ในการดาเนินงานในระดับพ้ืนที่มีภาคประชาสังคมมี ส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวในท้องถ่ินของตนเองโดยภาคีท่ีเก่ียวข้องท้ังภาครัฐ เอกชนและประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิบตั เิ พอ่ื ให้บรรลุเป้าหมายและตอบสนองความต้องการของชมุ ชนอยา่ งแท้จรงิ สถาบนั การศึกษาในพ้ืนท่ีเป็นภาคีหน่ึงท่ีมีบทบาทสาคัญต่อการสร้างองค์ความรู้หรอื เป็นคลัง สมองในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างย่ังยืนเน่ืองจากมีบุคลากรท่ีมีความรู้จะเป็นตัวเช่ือมระหว่างหน่วยงาน ต่างๆกับภาคประชาชนโดยการแปลงแนวคิดสู่การปฏิบัติ การตอ่ ยอดและขยายแนวคิดสู่กจิ กรรมการทอ่ งเทย่ี ว รวมถงึ การจดั ทาหลกั สตู รเพอื่ พฒั นาบคุ ลากรทางการทอ่ งเที่ยว เปน็ ต้น หน่วยงานราชการในพ้ืนที่ทั้งภายในและภายนอกชุมชนจะเป็นหน่วยสนับสนุนทางด้าน วชิ าการทเี่ ก่ียวข้องตามความต้องการของท้องถิ่นซ่ึงในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกฬี าจะมีหน่วยงาน ทั้งในระดับภาคและระดับจังหวัดกระจายอยู่ท่ัวประเทศ ได้แก่ สานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด การ ทอ่ งเท่ียวแห่งประเทศไทยซึ่งมีสานักงานทัว่ ประเทศโดยแบ่งความรับผิดชอบกนั ไปในแต่ละพื้นที่เพ่ือสนับสนุน การพัฒนาและสง่ เสรมิ การท่องเทย่ี วในแต่ละพื้นท่ี 2. การขับเคลื่อนผ่านกระบวนการเรียนรู้ การดาเนินงานเพื่อส่งเสริมพหุภาคีในการพัฒนาการ ท่องเท่ียวในพื้นท่ีผ่านกลไกการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนโดยการเรียนรู้ร่วมกันของพหุภาคี ต้ังแต่เจ้าหน้าที่ จากส่วนกลาง จังหวดั องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ชมุ ชนและภาคเอกชน โดยสร้างความเข้าใจรว่ มกันในแนว ทางการดาเนินงานทุกข้ันตอนและมีกระบวนการสรุปและถอดบทเรียนเป็นระบบของการดาเนินงานซึ่งจะ ส่งผลให้มีการปรับปรุงเทคนิคการทางานเพื่อให้มีประสิทธิภาพทาให้การขับเคลื่อนงานเป็นไปในทิศทาง เดียวกนั เสริมสรา้ งการท่องเทย่ี วในพนื้ ท่ใี ห้ยั่งยืนเป็นเอกภาพ 3. พัฒนาเคร่ืองมือชี้วัดท่ีเป็นมาตรฐานและเป็นท่ียอมรับ เพ่ือเสริมสร้างกลไกและกระบวนการ ขบั เคลื่อนรวมทง้ั ขยายแนวคิดการพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างยง่ั ยนื ให้เป็นไปอยา่ งต่อเนื่อง 4. ส่งเสริมใหเ้ กดิ เครือข่าย เพอื่ สร้างกลไกการขับเคลื่อนการทางานอยา่ งมีพลังและมศี ักยภาพในการ พัฒนาการท่องเท่ียวสู่ความย่ังยืนอย่างเป็นระบบก่อให้เกิดการพึ่งพาช่วยเหลือกันซ่ึงจะนาไปสู่การพัฒนาการ ทางานในระยะยาวตอ่ ไป

40 แนวคิดเกีย่ วกับการพัฒนาการทอ่ งเท่ียวแบบยัง่ ยนื การพฒั นาการท่องเทยี่ วแบบยัง่ ยืนจะตอ้ งศึกษาแนวคิดเบื้องต้นเพ่อื ให้เขา้ ใจถึงความสาคญั ของ แนวคิดจะนาไปสู่การพฒั นาที่มปี ระสิทธภิ าพและประสิทธผิ ลและเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548: 19-20) ได้กล่าวถึงแนวคิดของการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนพอ สรปุ ได้ 3 มิติดังตอ่ ไปนค้ี อื 1. มิติด้านการสร้างจิตสานึกการอนุรักษ์ทรัพยากรท่องเที่ยวและส่ิงแวดล้อมให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุก ฝ่ายในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบย่ังยืนต้องมีแนวคิดท่ีจะให้ความรู้ ความเข้าใจ และสร้างจิตสานึกแก่ ผู้เก่ียวข้องกับการท่องเที่ยวทุกฝ่ายในการปกป้องรักษาทรัพยากรท่องเท่ียวและสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก เพ่ือให้คงไว้ซ่ึงความสวยงามและคุณค่าทรัพยากรท่องเที่ยว ซึ่งวิธีการสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์ทรัพยากร ท่องเที่ยวมีหลายรูปแบบ เช่น การเน้นวิธีการจัดทาโปรแกรมส่ือความหมายธรรมชาติหรือวัฒนธรรมในแหล่ง ท่องเทยี่ ว การจัดให้มีนิทรรศการ/แผ่นป้ายบรรยายตามบริเวณหรือจุดทอ่ งเทย่ี วต่างๆ การจดั ให้มีเส้นทางเดิน เท้าหรือเส้นทางเดินป่าท่ีให้ประสบการณ์ในการเรียนรู้ธรรมชาติหรือวัฒนธรรมแก่ผู้มาเยือนรวมถึงการ ฝึกอบรมมัคคุเทศก์และเจ้าหน้าที่ของรัฐท่ีรับผิดชอบแหล่งท่องเที่ยวให้สามารถชี้แนะและอธิบายเกี่ยวกับ ธรรมชาตแิ ละวฒั นธรรมที่นกั ทอ่ งเท่ียวพบเหน็ เป็นต้น 2. มิติด้านการสร้างความพึงพอใจให้แก่นักท่องเที่ยว ในการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืนต้องมี แนวคิดให้กับนกั ท่องเท่ยี วที่มีความปรารถนาหรือสนใจท่ีจะศึกษาเรียนรู้เก่ียวกับธรรมชาติและวัฒนธรรม เช่น การส่งเสรมิ การท่องเทีย่ วดว้ ยการจดั ให้มีการสื่อความหมายธรรมชาติหรอื วัฒนธรรมเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจ เก่ียวกับธรรมชาติหรือวัฒนธรรม ซ่ึงเป็นการเพ่ิมพูนความรู้ประสบการณ์แก่นักท่องเที่ยวให้ได้รับความพึง พอใจกลบั ไป เป็นตน้ 3. มิติดา้ นการสร้างความมสี ว่ นร่วมในผลประโยชน์ให้แก่ชมุ ชนทอ้ งถ่นิ ในการพัฒนาการทอ่ งเที่ยว แบบย่ังยืนต้องมีแนวคิดในการมีบทบาทสาคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนท้องถ่ินได้รับ ผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การลงทุนด้านสิ่งอานวยความสะดวกขนาดเล็ก การเป็นมคั คเุ ทศก์ การนาสนิ คา้ หตั ถกรรมพ้นื บ้านมาขาย การจา้ งงานในธุรกจิ ทอ่ งเท่ยี วเปน็ ต้น องค์กรการท่องเท่ียวโลก (2549 อ้างถึงในดลฤทัย โกวรรธนะกุล,2554)) กล่าวถึงแนวทางและการ จดั การการพัฒนาการทอ่ งเท่ียวอย่างยั่งยืนต้องสอดคล้องกบั การท่องเที่ยวทกุ รปู แบบในแหล่งทอ่ งเทยี่ ว รวมไป ถงึ การทอ่ งเท่ียวขนาดกลุม่ ใหญ่ 9Mass Tourism) และการท่องเท่ียวแบบเฉพาะกลุ่ม (Niche Tourism) หลัก ความยั่งยืนอ้างถึงความสามารถของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในระยะยาว โดยอาจมี แนวทางดังน้ี 1. การใชท้ รัพยากรสงิ่ แวดล้อมใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุด และรกั ษากระบวนการของระบบนิเวศวทิ ยา ขณะทย่ี งั คงอนรุ ักษ์มรดกทางธรรมชาติและหลากหลายทางชวี ภาพ 2. เคารพความมเี อกลักษณ์และคณุ ค่าทางดา้ นสงั คมวัฒนธรรม อนรุ ักษ์สิง่ ท่ีมนษุ ย์สร้างขนึ้ ทง้ั มรดกทางธรรมชาติหรอื วฒั นธรรม และกอ่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจการยอมรับต่างวฒั นธรรม 3. ศึกษาความเป็นไปได้ กระบวนการดาเนินเศรษฐกจิ ระยะยาว ผลประโยชน์ทางสงั คมและ เศรษฐกจิ กระจายส่ผู มู้ ีสว่ นเกี่ยวข้องอย่างเปน็ ธรรม มีการจ้างงาน และการสรา้ งโอกาสในการเกดิ รายได้ การ บริการสงั คมสชู่ ุมชนท้องถน่ิ เพ่ือแก้ไขปัญหาความยากจน ในการพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืนนั้น ผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุกส่วนจะต้องก่อให้เกิดการมีส่วนร่วม การท่องเท่ียวอย่างยั่งยืนจะประสบความสาเร็จได้น้ันจะต้องมีกระบวนการและมีขั้นตอนการตรวจสอบ ผลกระทบ โดยนามาตรการท่ีจาเป็นมาใช้ และก็ต้องสร้างความพอใจให้แก่นักท่องเที่ยวด้วยเพ่ือให้ได้รับ

41 ประสบการณ์การท่องเท่ียว พร้อมทั้งก่อให้เกิดการตระหนักถึงความยั่งยืนและเกิดการปฏิบัติอย่างแท้จริง (องค์กรการทอ่ งเที่ยวโลก, 2551อา้ งถงึ ในดลฤทยั โกวรรธนะกุล, 2554) โดยหลักการการท่องเท่ยี วอย่างยงั่ ยนื จะครอบคลุมประเดน็ ตอ่ ไปน้ี 1. การบรู ณาการการทอ่ งเท่ยี วสูน่ โยบายการพฒั นาอยา่ งยัง่ ยืน 2. กลยุทธ์ระดับชาติ 3. ความร่วมมือและการประสานงานระดบั นานาชาติ 4. การจดั การเชงิ บูรณาการ 5. การแก้ไขปัญหาข้อขดั แย้งในการใช้ทรพั ยากร 6. การพฒั นาการท่องเทย่ี วอย่างยัง่ ยืน 7. บทบาทของการวางแผน 8. การวางแผนการพฒั นา และการใช้ท่ดี นิ ระดบั ท้องถนิ่ 9. การประเมนิ ผลกระทบส่ิงแวดลอ้ ม (Environmental Impact Assessment-EIA) 10. การวางแผนมาตรการ 11. การจัดการการท่องเที่ยว 12. แนวคดิ จากภาคอุตสาหกรรม 13. กระบวนการติดตาม 14. เทคโนโลยี 15. เสริมสรา้ งกระบวนการ 16. เงือ่ นไขในการประสบความสาเรจ็ 17. การมสี ่วนรว่ มของผู้มีสว่ นเก่ยี วขอ้ ง 18. การแลกเปล่ียนข้อมลู ขา่ วสาร 19. การสรา้ งศกั ยภาพ (Capacity Building) (โปรแกรมการพฒั นาของสหประชาชาติ, 2549 อา้ งถงึ ในดลฤทัย โกวรรธนะกลุ , 2554) จากขอ้ มูลข้างต้น ผู้เขียนสรปุ ว่าการท่องเทย่ี วแบบยั่งยนื ควรคานึงถึงบรบิ ทระดบั โลก และต้องตรงกับ ความต้องการของประเทศ ปกป้องความเป็นของแท้ คุณค่า และบูรณาการแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และ ชมุ ชนภายใตก้ ารปรับให้เขา้ กับทอ้ งถ่ิน โดยมีทรัพยากรหลกั และสิ่งดึงดดู ใจ 1. องค์ประกอบสนับสนุนและทรพั ยากร 2. การผ่านระดบั มาตรฐานและทวคี ูณ determinants 3. นโยบายแหล่งทอ่ งเที่ยว การวางแผน และการพัฒนา 4. การจดั การแหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว 5. การเปรียบเทยี บขอ้ ดี 6. การแขง่ ขันข้อดี 7. ส่งิ แวดล้อมระดับมหภาค 8. การแข่งขันส่ิงแวดล้อมระดบั จุลภาค

42 การท่องเที่ยวแบบย่ังยืน ไซเลย์ เอดเบอร์ (Shirley Edber, 1993 อ้างถึงในดลฤทัย โกวรรธนะกุล, 2554) ไดใ้ หห้ ลกั การสาคัญ ดังน้ี 1. การอนุรักษ์และใช้ทรัพยากรอย่างพอดี ทั้งท่ีเป็นทรัพยากรธรรมชาติ สังคม และวัฒนธรรมที่ สาคญั และเปน็ แนวทางการทาธรุ กิจในระยะยาว 2. การลดปริมาณท่ีมากเกินจาเป็นและการลดของเสียจะช่วยเล่ียงค่าใช้จ่ายในการทานุบารุง สงิ่ แวดล้อมที่ถกู ทาลายในระยะยาว 3. การรักษาและส่งเสรมิ ความหลากหลายของธรรมชาติ สังคม และวฒั นธรรม มีความสาคัญต่อการ ทอ่ งเทย่ี วในระยะยาว และจะช่วยขยายฐานของอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยว 4. การประสานการพัฒนาการท่องเท่ียวเข้ากับกรอบแผนกลยุทธ์การพัฒนาแห่งชาติและการพัฒนา ท้องถิ่น และการประเมนิ ผลกระทบจะช่วยขยายศักยภาพการท่องเทยี่ วในระยะยาว 5. การทอ่ งเทีย่ วท่ีรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของท้องถนิ่ โดยที่ได้พจิ ารณาด้านราคาและคุณค่าของ ส่งิ แวดล้อมไว้ 6. การมีส่วนร่วมอย่างเต็มท่ีของท้องถ่ินในสาขาการท่องเท่ียว ซึ่งจะไม่เพียงแต่สร้างผลตอบแทนแก่ ประชาชนและส่ิงแวดล้อมโดยรวม แต่ยังจะชว่ ยยกระดบั คณุ ภาพการจดั การการท่องเท่ียวอีกด้วย 7. การปรึกษาหารืออย่างสม่าเสมอระหว่างผู้ประกอบการ ประชาชนท้องถิ่น องค์กร และสถาบันที่ เกี่ยวข้อง มีความจาเปน็ ในอนั ท่จี ะร่วมงานกันไปในทิศทางเดยี วกัน 8. การฝึกอบรมบุคลากรโดยสอดแทรกแนวคิด และวิธีปฏิบัติในการพัฒนาแบบยั่งยืนแก่บุคลากร ท้องถ่ินทุกระดบั จะชว่ ยยกระดับของการบริการการทอ่ งเทย่ี ว 9. การตลาดที่จัดเตรียมข้อมูลข่าวสารอย่างเพียงพอ จะทาให้นักท่องเท่ียวเข้าใจและเคารพใน ส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติ สังคม และวัฒนธรรมของแหล่งท่องเที่ยว และจะช่วยยกระดับความพอใจของ นักทอ่ งเทีย่ วดว้ ย 10. การวิจัยและการติดตามตรวจสอบอย่างมีประสิทธิภาพ จาเป็นต่อการช่วยแก้ปัญหาและเพ่ิม ผลประโยชน์ตอ่ แหล่งท่องเทย่ี ว นักทอ่ งเท่ียว และนกั ลงทุน ชูสิทธ์ิ ชูชาติ (2553) ได้กล่าวถึงการท่องเที่ยวอย่างย่ังยนื ได้แนวคิดมาจากการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดย ยดึ หลกั การพัฒนา 3 อยา่ งคือ สังคม เศรษฐกจิ Social Economic ส่ิงแวดล้อม Environment ภาพที่ 2.7 การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทมี่ า : ชูสทิ ธ์ิ ชชู าติ (2553)

43 การพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยัง่ ยืน การพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยั่งยืน ได้มผี ู้ให้ความหมายและคาจากัดความไวด้ ังน้ี UNWTO (2537อ้างถึงใน e – TAT Tourism Journal การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,2552 )ได้ให้ คาจากัดความของคาว่า “การพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน” ว่าหมายถึง การพัฒนาการท่องเที่ยวท่ีสนอง ความจาเป็นของนักท่องเท่ียวและแหล่งท่องเท่ียวพร้อมมีการปกป้องรักษาและจัดการทรัพยากรท่ีสา มารถคง ความเปน็ ประโยชน์ทางเศรษฐกจิ สงั คมและสงิ่ แวดลอ้ มได้ในระยะยาว บุญศิลป์ จิตตะประพันธ์และคณะ (2556) ได้กล่าวถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นแนวคิดที่ ประกอบด้วยหลายมิติ (Multi – dimensional concept) ดังนั้นการท่องเท่ียวซึ่งเป็นส่วนหน่ึงของ กระบวนการพัฒนาอย่างยั่งยืนย่อมประกอบไปด้วยหลายมิติเช่นกันจะเห็นได้จาก Tourism Canada (1990) ได้กล่าวว่า การพฒั นาการทอ่ งเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism development) คือ การท่องเท่ียวท่ี มีการจัดการทรัพยากรท้ังมวลในลักษณะที่สามารถตอบสนองความต้องการทางเศรษฐกิจ สังคมและ สุนทรียภาพในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาความสมบูรณ์และระบบสนับสนุนชีวิต (Life supporting system) จากคาจากัดความข้องตน้ สะท้อนใหเ้ หน็ มิตติ ่างๆของการพัฒนาการท่องเที่ยวทยี่ ่ังยนื ถึง 7 มิติ คอื 1. การจัดการทรัพยากร 2. สนองตอบต่อความตอ้ งการทางเศรษฐกิจ 3. สนองตอบต่อความตอ้ งการของชุมชน 4. สนุ ทรยี ภาพของแหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว 5. คานงึ ถงึ กระบวนการของระบบนิเวศ 6. อนรุ ักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ 7. ดารงไว้ซ่งึ ระบบสนบั สนนุ ชวี ติ แนวคดิ การพฒั นาทีย่ ่งั ยืนสามารถพจิ ารณาไดจ้ ากองค์ประกอบ 4 ประการคือ 1. การดาเนินกิจกรรมการท่องเทีย่ วในขอบเขตของความสามารถของธรรมชาติชุมชน ขนบธรรมเนียม ประเพณี วฒั นธรรมและวถิ ชี ีวติ ความเปน็ อยขู่ องชมุ ชนต่อกิจกรรมการท่องเทยี่ ว 2. การตระหนักในกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีผลกระทบต่อชุมชนขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และวถิ ชี ีวติ ความเป็นอยู่ของชุมชน 3. การมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมการท่องเท่ียวท่ีมีผลกระทบต่อระบบนิเวศชุมชน ขนบธรรมเนียม ประเพณี วฒั นธรรม และวิถีชีวติ ท่ีมตี อ่ การทอ่ งเท่ียว 4. การประสานความต้องการทางเศรษฐกิจ การคงอยู่ของสังคม และการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมอย่าง ยั่งยืน (การท่องเที่ยวอย่างย่ังยืน.http://anurak0017dpu-anurakaimserak.blogspot.com/2011/02 /sustainable-tourism-4-3-using-resource.html.) Swarbrooke (1998 :14) ได้กลา่ วถึงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการทอ่ งเท่ยี วอย่างยั่งยนื กับการทอ่ งเท่ียว แบบอนื่ โดยให้หลกั การเกย่ี วกับการจัดการการทอ่ งเทยี่ วอยา่ งยั่งยืนว่า การท่องเท่ียวทุกรปู แบบจะมีความ เกีย่ วเนอื่ งและสัมพนั ธก์ บั กับการท่องเท่ยี วอย่างยงั่ ยืน การทอ่ งเทยี่ วอย่างยง่ั ยนื เปน็ จดุ ศูนย์กลางหรอื จดุ สาคญั ของการท่องเท่ยี ว โดยไม่ว่าจะเป็นการทอ่ งเท่ียวรปู แบบใดก็สามารถเป็นการท่องเทย่ี วอย่างย่ังยนื ได้ ตามภาพ 2.8

44 การท่องเทีย่ วอยา่ ง การทอ่ งเท่ียว ย่ังยนื ความ ทางเลอื ก รบั ผดิ ชอบ การทอ่ งเท่ียวอย่าง การทอ่ งเทีย่ วอย่างย่งั ยนื การท่องเทย่ี วเชิง นมุ่ นวล นเิ วศ การท่องเทีย่ วแบบ การท่องเที่ยวแบบ ลดผลกระทบ รักษาสิ่งแวดล้อม ภาพท่ี 2.8 ความสมั พันธร์ ะหวา่ งการท่องเทย่ี วอย่างยั่งยืนและการท่องเทยี่ วประเภทอน่ื ๆ ทีม่ า : John Swarbrooke (1998) ข้อควรคานงึ ของการพัฒนาการทอ่ งเท่ียวแบบยั่งยนื ในการพฒั นาการท่องเทยี่ วแบบยั่งยนื จะต้องมีขอ้ ควรคานึงถงึ ดังนี้ บุญเลิศ จิตต้ังวัฒนา (2548 : 18-19) ได้อธิบายไว้ว่าในการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืนมีข้อควร คานึงทสี่ าคญั อยู่ 8 ประการคอื 1. การพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนควรคานึงถึงความต้องการของชุมชนท้องถิ่นในแหล่งท่องเท่ียว น้ันว่า พวกเขาต้องการเปิดบ้านเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมหรือไม่ ถ้าหากพวก เขายังไม่พร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเทยี่ ว ก็ควรชะลอการพฒั นาท่องเที่ยวแบบยัง่ ยืนออกไปก่อน มฉิ ะนั้นจะเกิด ความขัดแย้งกับชุมชนท้องถ่ินหรือมีการทาร้ายนักท่องเที่ยว ซ่ึงจะทาให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวแย่ลง นักท่องเท่ยี วอาจไมก่ ลา้ เดินทางเข้าไปท่องเทย่ี วได้ แต่ถ้าหากพวกเขามีความพร้อมทีจ่ ะเปิดเปน็ แหล่งท่องเที่ยว และพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยว ก็จะเป็นแนวทางพิจารณาส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อชักจูงให้นักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาท่องเท่ียวเพิม่ มากขึน้ 2. การพัฒนาท่องเที่ยวแบบย่ังยืนควรคานึงถงึ ความต้องการของนักท่องเทย่ี วต่อแหล่งท่องเท่ียวนั้นว่า นักท่องเท่ียวมีความต้องการจะเห็นส่ิงใดจากแหล่งท่องเที่ยวน้ันหรือต้องการได้ประโยชน์อะไรจากแหล่ง ท่องเท่ียวนั้น ซ่ึงจะเป็นแนวทางพิจารณาจัดหาหรือจัดสร้างกิจกรรมเสริมในการตอบสนองความต้องการของ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เพ่ือสร้างความพึงพอใจแก่นักท่องเที่ยวมากท่ีสุด อันจะเป็นการดึงดุดให้นักท่องเท่ียว เดินทางมาเท่ยี วแหลง่ ทอ่ งเท่ยี วนี้มากข้ึน ทาให้มีรายได้จากการท่องเทยี่ วเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย 3. การพัฒนาท่องเท่ียวแบบย่ังยืนควรคานึงถึงสิ่งอานวยความสะดวกในแหล่งท่องเที่ยวน้ันว่า มีสิ่ง อานวยความสะดวกอะไรอย่บู ้างแล้ว มีความเพียงพอกับความต้องการหรอื ไม่และตอ้ งการเพิ่มส่ิงอานวยความ สะดวกอื่นอีกหรือไม่ จะเพ่ิมในปริมาณมากน้อยเพียงใดซ่ึงจะเป็นแนวทางพิจารณาจัดหาสิ่งอานวยความ

45 สะดวกทั้งทางตรงและทางอ้อมให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างเพียงพอพร้อมทั้งฝึ กอบรมพนักงานในการให้บริการ ดา้ นต่างๆอยา่ งมีประสิทธิภาพและเพยี งพอดว้ ย 4. การพฒั นาท่องเท่ียวแบบย่ังยืนควรคานึงถงึ คุณค่าของสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมในแหล่งท่องเท่ยี ว นั้นว่า จะถูกกระทบหรือถูกทาลายหรือไม่ซ่ึงจะเป็นแนวทางพิจารณาในการดูแลรักษาคุณค่าของส่ิงแวดล้อม ทางธรรมชาติและดารงรกั ษาวัฒนธรรมประเพณที ี่ดีงามของท้องถ่ินไวด้ ้วย 5. การพัฒนาท่องเที่ยวแบบย่ังยืนควรคานึงถึงขีดความสามารถในการรองรับของแหล่งท่องเที่ยวน้ัน ว่า จะสามารถรองรับนักท่องเท่ียวได้มากน้อยเพียงใดจึงจะเหมาะสมซึ่งเป็นแนวทางพิจารณาในการกาหนด ปริมาณและมาตรฐานของบริการด้านสิ่งอานวยความสะดวกทางการท่องเที่ยวพร้อมทั้งกาหนดกิจกรรม ท่องเที่ยวแบบยัง่ ยืนท่เี หมาะสมและพิจารณามาตรการจากดั นกั ท่องเทยี่ วดว้ ย 6. การพัฒนาท่องเท่ียวแบบยั่งยืนควรคานึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในแหล่งท่องเท่ียวน้ัน ว่า จะให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมและได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างไรซ่ึงจะเป็นแนวทางพิจารณา ในการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ในแหล่งท่องเทย่ี วให้มีรายได้เพิม่ ข้นึ และมคี วามเป็นอยทู่ ่ีดีขึ้นด้วย 7. การพัฒนาท่องเที่ยวแบบยั่งยนื ควรคานึงถึงสิ่งก่อสร้างในแหลง่ ท่องเที่ยวนั้นว่ามีความกลมกลืนกับ สภาพแวดล้อมหรือไม่ ในขณะเดียวกันได้เน้นการจัดการด้านความสะอาดความสะดวกสบายตาม มาตรฐานสากลหรือไม่ ทาใหส้ ะทอ้ นถึงความสาเร็จทเ่ี กิดจากความสามารถในการเชอ่ื มโยงเอกลักษณ์ท้องถ่ินท่ี มีเสน่ห์เฉพาะตัวกับมาตรฐานสากล ซึ่งจะเป็นแนวทางพิจารณาในการสร้างความสมดุลระหว่างการดารง เอกลกั ษณ์ทอ้ งถนิ่ กบั การเตรียมพรอ้ มสาหรับยคุ โลกานวุ ัตรดว้ ย 8. การพัฒนาท่องเที่ยวแบบยั่งยืนควรคานึงถึงความสาเร็จของแหล่งท่องเที่ยวอ่ืนทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันว่าเขาพัฒนากันอย่างไรจึงประสบความสาเร็จซึ่งเป็นแนวทาง พจิ ารณาในการศกึ ษาและเปรยี บเทียบพร้อมท้ังเปน็ แบบอย่างในการประยุกตใ์ ห้ดีกวา่ เขา ภาพที่ 2.9 การพัฒนาการทอ่ งเทีย่ วอยา่ งยืนยืนโดยคานึงถึงสภาพแวดลอ้ มโดยรวมของพน้ื ที่

46 การทอ่ งเทย่ี วเชงิ ภาคเอกชนและระบบขนส่ง ขาดการกาหนด ขาดหลักฐานทเ่ี ป็น นิเวศ สาธารณะ ตัวช้วี ดั ข้อเทจ็ จริง การใหค้ วามรูแ้ ก่ อิทธพิ ลของต่างชาติต่อ นกั ท่องเท่ียว ประเทศกาลังพฒั นา จรรยาบรรณและ การทอ่ งเทย่ี วอย่างยั่งยืน ให้ความสาคยั กับ การอนรุ กั ษ์ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ภาษีนักท่องเทีย่ ว นกั ทอ่ งเทยี่ วสีเขยี ว และราคายุติธรรม หลักการมีสว่ นร่วม บทบาทของ อุตสาหกรรม De-marketing - Place นกั คิด - Time - people บทบาทของการวางแผนภาค การจัดการนกั ทอ่ งเท่ียว สาธารณชน อานาจ โดยปราศจากความ ศักยภาพการ รสี อรท์ ทีม่ กี ารจัดการโดย รับผดิ ชอบ รองรบั ตนเอง ภาพท่ี 2.10 ประเด็นโตเ้ ถยี งในการพัฒนาการท่องเทีย่ วอย่างยง่ั ยืน ท่มี า : John Swarbrooke (1998 : 25)

47 บทสรุป บทนี้จะกล่าวถึงแนวคิดการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนและ องค์ประกอบของการพัฒนาการ ท่องเที่ยวแบบย่ังยืน เป็นหลักการท่ีสาคัญเป็นพื้นฐานในการกาหนดทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของ ประเทศไทยให้มีแนวทางในการพัฒนาให้สอดคล้องกับความย่ังยืนซึ่งจะเป็นตัวกาหนดอนาคตของการ ท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งการพัฒนาการท่องเท่ียวของประเทศไทยจะต้องคานึงถึงความย่ังยืนเป็นหลักใน การพัฒนา และคานึงถึงองค์ประกอบที่มีความเก่ียวข้องกับการพัฒนาการท่องเท่ียวเพ่ือให้เข้าใจ เข้าถึงและ พัฒนาแหล่งท่องเท่ียวนั้นๆให้มีความย่ังยืนโดย ยึดหลักการและแนวคิด เช่น ลักษณะของการพัฒนา การ พัฒนาอย่างย่ังยืน องค์ประกอบของการพัฒนาอย่างยงั่ ยืน แนวคดิ เก่ียวกับการพัฒนาการท่องเท่ยี วแบบยง่ั ยืน องค์ประกอบของการพัฒนาการท่องเทย่ี วแบบยั่งยืน การพัฒนาการท่องเทีย่ วแบบย่ังยืน ข้อควรคานึงของการ พัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืน ซึ่งแนวคิดเหล่านี้เป็นจุดแข็งในการสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาการ ทอ่ งเทย่ี วของประเทศไทยในอนาคตต่อไป แบบฝึกหัดท้ายบท 1. จงอธบิ ายความหมายและลักษณะของการพัฒนามาใหเ้ ขา้ ใจและถูกต้อง 2. จงอภิปรายแนวคิดการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยั่งยืนกับสถานการณ์ด้านต่างในปัจจุบัน เช่น เศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม สง่ิ แวดล้อม 3. จงอธบิ ายองค์ประกอบของการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบย่ังยืนกับการประยุกต์ใชใ้ นการจัดการการ ทอ่ งเทย่ี วในปจั จบุ นั 4. จงอภิปรายในประเด็นจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค ของการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบย่ังยืน ของประเทศไทย 5. จงบูรณาการแนวคิดการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบยั่งยืนและองค์ประกอบของการพัฒนาการ ท่องเท่ยี วแบบย่งั ยืนกบั สถานการณ์การท่องเทีย่ วของประเทศไทยในการเข้าสูป่ ระชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 6. ให้นักศึกษาอภิปรายการใช้แนวคิดองค์ประกอบหลัก 5 ด้านของการพัฒนาชุมชนว่ามีความ เหมาะสมกบั สถานการณข์ องประเทศไทยอย่างไร 7. ให้นักศึกษาอธิบายแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยยึดหลักการพัฒนา 3 อย่างคือ อะไรและมี ความสอดคลอ้ งกนั อย่างไร 8. ให้นกั ศึกษาอธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่างการท่องเที่ยวอย่างย่ังยืนและการท่องเทย่ี วประเภทอ่นื ๆมี ความสมั พนั ธ์กนั อยา่ งไร 9. จงอธบิ ายข้อควรคานงึ ของการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบย่ังยนื มีอะไรบ้าง 10. ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประเด็นโต้เถียงในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พรอ้ มทง้ั อธิบายเหตุผลประกอบ

48 เอกสารอ้างอิง ชูสทิ ธ์ิ ชูชาติ. (2553). ค่มู อื การทอ่ งเทย่ี วในมิติเศรษฐกจิ พอเพยี ง.มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม.่ ชานาญ วัฒนศริ .ิ (2543). ความเข้มแขง็ ของชุมชนและประชาคม. วารสารพัฒนาชุมชน, มกราคม, 24- 26. ดลฤทัย โกวรรธนะกุล. (2556).การพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน.เอกสารประกอบการสอน คณะวิทยาการจดั การ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ . เทดิ ชาย ช่วยบารงุ . (2552).บทบาทขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ กับการพัฒนาการท่องเที่ยวอยา่ ง ยัง่ ยืน บนฐานเศรษฐกิจพอเพยี ง.วทิ ยาลยั การปกครองทอ้ งถิน่ สถาบันพระปกเกลา้ . นสิ า บญุ ทะสอนและคณะ (2557). การพฒั นาการตลาดและการท่องเท่ียวของธุรกจิ ชมุ ชนส่วู สิ าหกจิ ชมุ ชน เพ่ือส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในอาเภอหันคา จังหวัดชัยนาท. สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภฏั จนั ทรเกษม. บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา. (2542). การวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. เชียงใหม่ : คณะ มนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่. บุญศิลป์ จิตตะประพันธ์และคณะ. (2556). การท่องเท่ียวทางทะเลและชายฝ่ังในจังหวัดชุมพร: สถานะ ความตอ้ งการ ปญั หา และแนวโนม้ ในการพัฒนาการท่องเทีย่ วอยา่ งยงั่ ยนื . มหาวิทยาลัยแมโ่ จ.้ พจนา สวนศรี (2556). คมู่ ือการจดั การทอ่ งเทย่ี วโดยชุมชน. โครงการทอ่ งเท่ียวเพือ่ ชวี ติ และธรรมชาต.ิ พิมพร์ ะวี โรจนร์ งุ่ สตั ย์ (2553). การท่องเทีย่ วชมุ ชน. พิมพค์ รั้งท่ี 1: กรุงเทพ สานกั พมิ พโ์ อเดียนสโตร.์ วชิ ุดา สายสมทุ ร. (2558). ล่องแกง่ หนานมดแดง จังหวดั พัทลุง. คณะวิทยาการจัดการ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ อดุ รธานี. (ภาพถ่าย) สนธยา พลศรี. (2547). ทฤษฏีและหลักการพัฒนาชมุ ชน.พิมพค์ ร้งั ที่ 5: กรุงเทพ สานกั พมิ พโ์ อเดยี นสโตร์. อนุรักษ์ อิม่ สิรักษ์. (2554) การท่องเที่ยวอย่างย่ังยืน.สืบค้นเมอื่ วนั ท่ี 24 เมษายน 2558.จาก http://anurak0017dpuanurakaimserak. blogspot. com/2011/02 /sustainable- tourism-4-3-using-resource.html. UNWTO. (2537). e – TAT Tourism Journal. การท่องเที่ยวอย่างย่ังยืน: กระบวนทัศน์การส่งเสริมและ พัฒนาการท่องเท่ยี วยุคใหม่การทอ่ งเทย่ี วแหง่ ประเทศไทย 2552. Doiron.,S,&Weissenberger.,S. (2014).Sustainabledrive tourism: Social and environmental impacts – The case of Roatan, Honduras.Tourism Management Perspectives10 (2014) 19-26. John Swarbrooke. (1998). Sustainable Tourism manage. Principal Lecturer in Tourism School of Leisure and Food Management Sheffield Hallam University Sheffield,UK.

49 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 3 การท่องเทย่ี วชุมชน เนือ้ หาประจาบท 1. หลกั การและความหมายของการทอ่ งเท่ียวโดยชมุ ชน 2. ความหมายของการทอ่ งเท่ียวโดยชมุ ชน 3. การทอ่ งเทีย่ วชมุ ชนมีข้อดีหรือขอ้ เสยี อย่างไร 4. หลกั ในการวางแผนพฒั นาการท่องเทีย่ วชมุ ชน 5. องค์ประกอบและข้นั ตอนการพัฒนาการท่องเทีย่ วชมุ ชน 6. สรุป 7. แบบฝึกหัดทา้ ยบท วัตถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. อธิบายหลกั การและความหมายของการท่องเทย่ี วโดยชุมชน 2. บอกความหมายของการท่องเทยี่ วโดยชุมชน 3. บรรยายการทอ่ งเทีย่ วชุมชนมขี ้อดีหรือข้อเสยี อย่างไร 4. สรปุ หลกั ในการวางแผนพัฒนาการท่องเท่ยี วชมุ ชน 5. อธบิ ายองคป์ ระกอบและขั้นตอนการพฒั นาการท่องเที่ยวชุมชน วธิ ีสอน 1. ศกึ ษาจากเอกสารประกอบการสอนวิชาการพฒั นาการท่องเท่ยี วอย่างย่งั ยนื 2. อาจารยผ์ ้สู อนให้หัวขอ้ ผ้เู รียนอภปิ รายผลและสรปุ 3. ใช้ปัญหาเปน็ ฐาน ถาม-ตอบผ้เู รียน 4. บรรยายและยกตัวอยา่ งประกอบ กิจกรรม 1. แบ่งกลุ่มใหน้ กั ศึกษาสรปุ เนอื้ หาสาคัญและนาเสนอ 2. การแสดงบทบาทสมมติ 3. คน้ คว้าเพิ่มเติมจากอนิ เตอร์เนต็ 4. ตอบคาถามระหวา่ งบรรยาย 5. ทาแบบฝกึ หดั ท้ายบท

50 สอ่ื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยนื 2. PowerPoint ประกอบการบรรยาย 3. ภาพประกอบต่างๆจากอนิ เตอร์เน็ต การวดั และประเมนิ ผล 1. ประเมินผลจากการนาเสนอรายงาน 2. ประเมนิ ผลจากการทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท 3. สังเกตพฤติกรรมผเู้ รยี นในการถาม-ตอบ 4. สังเกตจากพฤติกรรมความสนใจและการรว่ มกิจกรรมในชั้นเรยี น

51 บทที่ 3 การทอ่ งเท่ียวชมุ ชน การท่องเที่ยวชุมชน เป็นการทอ่ งเท่ียวที่คานึงถึง บริบทและอตั ลักษณ์ทเี่ ป็นตวั ตนที่แทจ้ ริงของชมุ ชน ซ่ึงชุมชนร่วมกันค้นหาและนามาสร้างเป็นจุดขายให้กับพื้นท่ีน้ันๆ ในการดึงดูดนักท่องเท่ียวให้เข้าไปสัมผัสกับ วิถีความเป็นชุมชน เป็นการประชาสัมพันธ์ชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างความเข้มแข็งและสร้างความ ยัง่ ยืนใหก้ ับชุมชน ผลักดันใหช้ ุมชนมีส่วนรว่ มในการดแู ลรกั ษาทรัพยากรแหล่งท่องเท่ยี วในชุมชน พร้อมทัง้ รว่ ม การอนุรักษ์เผยแพร่ วัฒนธรรม ประเพณี ที่ดีงามของชุมชนให้เป็นที่รู้จักโดยอยู่ภายใต้แนวคิด การท่องเท่ียว อย่างย่ังยืน บทนี้จะกล่าวถึง หลักการและความหมายของการท่องเท่ียวโดยชุมชน ความหมายของการ ท่องเที่ยวโดยชุมชน การท่องเที่ยวชุมชนมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร หลักในการวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยว ชมุ ชน องค์ประกอบและขน้ั ตอนการพัฒนาการท่องเท่ยี วชุมชน หลกั การและความหมายของการท่องเที่ยวโดยชุมชน การท่องเท่ียวมีรูปแบบและหลักการท่ีแตกต่างกันแต่สิ่งสาคัญคือการมีส่วนร่วมของชุมชนในท้องถิ่น น้ันๆจะต้องเข้าใจหลักการและความหมายของการท่องเที่ยวโดยชุมชนว่ามีความสาคัญอย่างไรในการจัดการ ท่องเที่ยวโดยนาชุมชนเข้ามาเป็นจุดศูนย์กลางในการพัฒนาการท่องเที่ยวแข่งขันกับระบบทุนนิยมได้อย่าง เขม้ แข็งและยั่งยนื โดยหลกั การและความหมายของการท่องเท่ยี วโดยชมุ ชนมรี ายละเอยี ดดังนี้ พจนา สวนศรี (2556) ได้อธิบายถึงหลักการและความหมายของการท่องเที่ยวโดยชุมชน ชุมชนไม่ สามารถโดดเด่ียวตนเองได้ท่ามกลางการเปล่ียนแปลงของสังคมในระบบโลกาภิวฒั น์ การเผชิญหน้าของชุมชน ต่อโลกภายนอกย่อมมิใช่เร่ืองง่ายถ้าชุมชนไม่มี “ ทุนทางสังคม วัฒนธรรม และฐานการผลิต ” ท่ีเข้มแข็งพอ ชุมชนไทยผ่านช่วงของการพึ่งตนเอง สู่การพ่ึงพาภายนอกมากขึ้น ในขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นฐาน การผลิตที่สาคัญถูกทาลาย กระแสการบริโภคนิยมเข้าไปสั่นคลอนระบบสังคมและวัฒนธรรมของชุมชน การศึกษาและการปกครองที่ต้องเปน็ มาตรฐานทสี่ รา้ งจากรฐั ส่วนกลางทาใหช้ ุมชนตอ้ งขน้ึ อยู่กบั รฐั มากข้ึน จากกระแสของคนในสังคมท่ีเกิดความตื่นตัวเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความเป็นประชาธิปไตยของสังคมไทยที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการแสดงความคิดเห็นและ กาหนดทิศทางการพัฒนามากขึ้น การให้ความสาคัญของเร่ืองสิทธิมนุษยชนโดยการเคารพสิทธิความเป็น มนุษย์และความเท่าเทียมของคนในสังคม ซ่ึงกระแสเหล่านี้อิงกับกระแสโลกโดยสหประชาชาติ องค์กร นานาชาติ นักวิชาการ และนักอนุรักษท์ ีพ่ ูดถึงการพฒั นาท่ีย่งั ยืน โดยทีค่ วามเขา้ ใจของคนในสังคมที่มีต่อชุมชน ชนบทท่ีเป็นฐานสาคัญของการพัฒนายังมีช่องว่าง การท่องเท่ียวจึงเป็นช่องทางหน่ึงที่จะนาพาผู้คนต่าง วัฒนธรรมให้ได้เรยี นร้แู ลกเปลยี่ นกัน สรา้ งความเขา้ ใจทีแ่ ท้จริงและสรา้ งพันธมิตรในการพัฒนาสังคม อย่างไรก็ตาม บทเรียนของการท่องเท่ียวกว่า 50 ปีนับแต่โลกเข้าสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ชุมชน ได้ประโยชน์น้อยมากหรือแทบจะไมไ่ ดป้ ระโยชน์จากการท่องเท่ียวเลย ในทางตรงข้ามกลับได้รับผลกระทบจาก การท่องเท่ียวในหลายด้านท้ังการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ การเปล่ียนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม การ ท่องเที่ยวโดยชุมชนไม่ได้เกิดจากการตอบคาถามว่า “ ชุมชนจะได้ประโยชน์อย่างไรจากการท่องเท่ียว ” แต่ เปน็ การสร้างโจทยใ์ หมว่ า่ “ การท่องเทีย่ วจะเป็นประโยชนต์ อ่ การพฒั นาชมุ ชนได้อย่างไร ”

52 การทอ่ งเที่ยวโดยชมุ ชน ( Community Based Tourism – CBT ) การท่องเที่ยวชุมชนเป็นการท่องเท่ียวท่ีมีรูปแบบลักษณะที่นาเอกลักษณ์ อัตลักษณ์และทรัพยากรใน ด้านต่างๆท่ีมีอยู่ในชุมชนนามาเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่โดยการ ท่องเท่ียวชุมชนควรพิจารณาถึงผลกระทบท้ังด้านบวกและด้านลบในการจัดการท่องเท่ียว จะนาไปสู่การ ท่องเท่ยี วทมี่ ีสว่ นร่วมและเกิดความยง่ั ยนื อย่างแท้จรงิ พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553) ได้อธิบายถึงการท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community Based Tourism – CBT ) เป็นรูปแบบการท่องเท่ียวที่มีลักษณะเฉพาะตัว แตกต่างอย่างส้ินเชิงจากการท่องเที่ยว โดยทั่วไป ซึ่งผู้ที่จะนาแนวคิดนี้ไปปฏิบัติควรต้องทาความเข้าใจถึงเบ้ืองหลัง ความคิด หลักการ ความหมาย และองคป์ ระกอบที่สาคญั ของ CBT CBT ไม่ใช่เพียงแค่ “ ผลิตภัณฑ์การท่องเท่ียว ( Tourism product ) ” ซ่ึงเมื่อถูกผลิตแล้วจะหมุน ไปตามกลไกตลาดและอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว หากแต่ CBT เป็นการพัฒนาชุมชนที่ใช้การท่องเท่ียวเป็น เครื่องมือโดยการสร้างความเข้มแข็งขององค์กรชาวบ้านในการจัดการทรัพยากรการท่องเท่ียวโดยการมีส่วน ร่วมของประชาชนในท้องถิ่น CBT ไม่ใช่คาตอบสาเร็จรูปและไม่ใช่คาตอบสุดท้ายของชุมชน ไม่ใช่ยาวิเศษหรือ อัศวินม้าขาวท่ีจะเข้าไปแก้ไขปัญหาชุมชน ในทางกลับกันหากไม่ระมัดระวัง CBT ก็อาจจะกลายเป็นยาพิษ เป็นช่องทางในการนาหายนะสู่ชุมชนได้เช่นกัน ก่อนจะลงไปสนับสนุนการทา CBT จึงต้องคัดเลือกชุมชนท่ี เหมาะสม มกี ารเตรยี มความพร้อมชมุ ชนกอ่ นการตัดสินใจดาเนินการ CBT และสามารถหยุดการดาเนินงานได้ เมือ่ เกินความสามารถของชุมชนในการจัดการหรือก่อผลกระทบตอ่ ชุมชน ความหมายของการทอ่ งเทย่ี วโดยชมุ ชน พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553) ได้ให้ความหมายของการท่องเท่ียวชุมชนต้องทราบถึงหัวใจของการ ท่องเทย่ี วชมุ ชนกอ่ นว่าหากจะดาเนินการจัดการการทอ่ งเท่ยี วชุมชนที่สมบูรณน์ ้ันต้องให้ชมุ ชนมีสว่ นรว่ มในทุก กระบวนการของการพัฒนาการท่องเท่ียวสาหรับความหมายของชุมชนในองค์กรประกอบของการท่องเที่ยว ชมุ ชน คอื 1. กลุ่มคนท่ีอยู่ร่วมกัน ร่วมเป็นเจ้าของในพ้ืนท่ีหน่ึงร่วมกันและเกิดกระบวนการการสร้างความเป็น เอกลักษณข์ องกลุ่มคนนน้ั ขึน้ 2. มีปฏิสัมพันธ์ในสังคมของคนแต่ละคน จนรวมเป็นการปฏิสัมพันธ์ของกลุ่มคนและองค์กรในพ้ืนที่ เฉพาะพน้ื ที่ใดพ้ืนที่หนึง่ ขึน้ อย่างไรก็ตามผู้มีส่วนร่วมหลักท่ีควรนามาร่วมในกระบวนการพัฒนาและจัดการการท่องเที่ยวชุมชน ด้วยนอกจากสว่ นของชุมชนแล้วคือ ผู้มีอานาจตัดสินใจ เช่น ภาครฐั (Decision maker) ภาคธรุ กิจ (Business operator) และไม่ควรลืม นักท่องเที่ยว (Visitor) ท่ีควรสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวท่ีมาในชุมชน เน่ืองจากการประชาสัมพันธ์เรื่องราวของชุมชนท่ีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและมีประสิทธิภาพท่ีสุดคือ การบอกต่อ ด้วยความประทับใจของนักท่องเที่ยวท่ีเคยมาชุมชนต่อไปและพวกเขาจะกลับมาอีกเร่ือยๆ หากเกิดความ ประทับใจ มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (2544 อ้างถึงใน สินธ์ุ สโรบล และคณะ, 2546) ได้อธิบายถึงการ ทอ่ งเทยี่ วโดยชุมชนเป็นการจดั การท่องเท่ียวโดยชุมชนเปน็ คนกาหนดทิศทางการทอ่ งเที่ยว หมายถึง จัดการ โดยชุมชนตอบสนองความต้องการของชุมชน โดยคานึงถึงความย่ังยนื ในเรอ่ื งสิง่ แวดลอ้ มและวฒั นธรรม ไมใ่ ช่ เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของการท่องเที่ยวเท่าน้ัน ซึ่งความแตกต่างที่ชดั เจนก็คือ ชุมชนอยู่ในบทบาทของ เจ้าของกิจกรรมการท่องเทีย่ วไมใ่ ช่เปน็ เพียงผู้ใหค้ วามร่วมมอื

53 พจนา สวนศรี (2542) ไดอ้ ธิบายว่าการทอ่ งเท่ยี วโดยชุมชนมีพฒั นาการมาจากการท่องเทยี่ วโดยการ มีส่วนร่วมของประชาชนและการท่องเท่ียวท่ีย่ังยืนโดยมีชุมชนเป็นฐาน (Community Based Sustainable Tourism - CBST) จนสุดท้าย เกิดแนวคิดการท่องเที่ยวที่มีชุมชนเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวว่า “การ ท่องเที่ยวโดยชุมชน” ตามมา การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นฐาน หมายถึง การจัดการท่องเท่ียวโดยชุมชน ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเข้มแข็งของชุมชน ส่งเสริมความภาคภูมิใจในตนเองและศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ ยกระดับคณุ ภาพชีวิตใหป้ ระชาชนมมี าตรฐานประจาวนั ดขี ้นึ และมรี ายได้เพ่มิ ขน้ึ Country style (2553) ได้กล่าวถึงการท่องเท่ียวชุมชนเป็นการรวมท้ังวิธีการ เครื่องมือและการ ทางานรว่ มกนั เพ่ือพฒั นาสงั คม เศรษฐกจิ ของชมุ ชนเป็นการประเมินการพัฒนาท้งั ด้านธรรมชาตแิ ละทรัพยากร วัฒนธรรมชุมชนท่ีพยายามจะเพ่ิมมูลค่าให้กับประสบการณ์ของผู้เข้าชมทั้งในประเทศและต่างประเทศและ พร้อมที่จะปรับปรงุ คุณภาพของชมุ ชน วีระพล ทองมาและประเจต อานาจ (2547 อ้างถึงใน พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์,2553) ได้ให้ ความหมายของการท่องเท่ียวชุมชนว่า “เป็นเรื่องของการเรียนรู้ร่วมกันของคนในชุมชนท้องถิ่นและผู้มาเยือน ในการท่ีจะดูแลรักษาทรัพยากรด้านต่างๆของชุมชนที่มีอยู่แล้วตลอดจนเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชนให้ เกิดความยงั่ ยืน อนั เกิดจากการมีสว่ นร่วมของทกุ ภาคส่วนในชมุ ชนเพ่อื ประโยชน์แก่ชมุ ชน” รชพร จันทร์สวา่ ง (2546) ได้ให้ความหมายของการท่องเที่ยวชุมชนวา่ เปน็ การท่องเท่ียวในแหล่ง ท่องเท่ียวที่มลี ักษณะเปน็ ชุมชนพ้ืนฐานท่ีสาคัญ คือ การมีสว่ นร่วมของชมุ ชนในการจัดการการทอ่ งเที่ยวของ พื้นที่ การท่องเที่ยวชุมชนมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของท้องถ่ินด้วยการสร้างงานและกระจายรายได้ ขณะเดยี วกันก็ชว่ ยในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณขี องชมุ ชนซ่ึงมเี อกลกั ษณ์เฉพาะตน พจนา สวนศรี (2546) ได้ให้นิยามของการท่องเท่ียวโดยชุมชนว่าเป็นการท่องเท่ียวที่คานึงถึงความ ยง่ั ยืนของส่ิงแวดล้อม สังคมและวฒั นธรรม โดยกาหนดทิศทางโดยชุมชน จัดการโดยชุมชนเพ่ือชุมชน และ ชมุ ชนมีบทบาทเปน็ เจา้ ของมีสิทธใิ นการจัดการดูแลเพ่อื ให้เกิดการเรยี นรู้แก่ผู้มาเยอื น ราไพพรรณ แก้วสรุ ิยะ (2544) ได้กล่าวว่าการจัดการทอ่ งเที่ยวโดยชุมชนมีส่วนร่วม หมายถึง การ ให้โอกาสชุมชนยอมรับกิจกรรมการท่องเที่ยวแต่ละประเภท ร่วมดาเนินการ คือ ร่วมวางแผนการจัดการ ด้วยกัน ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนด้วยกัน และได้รับผลประโยชน์ ท้ังรายได้และผลกาไรอย่างเสมอภาคกัน ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า การท่องเท่ียวโดยชุมชน หมายถึง การท่ีชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกาหนด บริบทของการท่องเท่ียวบนพื้นฐานแนวคิด ชุมชนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และชาวบ้านทุกคนเป็นเจ้าของ ทรพั ยากรที่มีอยูใ่ นท้องถนิ่ ด้านต่างๆ ร่วมกัน ไม่วา่ จะเป็นธรรมชาตปิ ระวัติศาสตรว์ ัฒนธรรมประเพณี วิถชี วี ิต โดยเน้นใหเ้ กิดความยง่ั ยนื ภายในชุมชน ยุวดี นิรัตน์ตระกูล (2544 : 5-9) ได้กล่าวถึงการท่องเที่ยวชนบทและการท่องเท่ียวชุมชน (Rural & Community-Based Tourism) ในมิติของการจัดการว่า จะได้ความสาคัญกับจิตวิญญาณของชุมชน การ รกั ษาไว้ซ่ึงสภาพธรรมชาติทส่ี วยงาม สภาพสังคม/วัฒนธรรมของชุมชน อาทิเช่น การจัดการด้านการให้บรกิ าร ทอ่ งเที่ยว เปน็ การดาเนินการโดยองค์กรพัฒนาเอกชน/ผู้ประกอบการการท่องเที่ยว/ชุมชน/สถาบันการศึกษา หรือหลายองค์กร ร่วมกันดาเนินงานเป็นการให้บริการท่องเที่ยวซึ่งไม่มีตัวแบบท่ีแน่นอน แต่จุดร่วมประการ หน่ึง คือ จะต้องสรา้ งให้เกิดความมีส่วนร่วมของชุมชน และผลประโยชน์จะต้องตกอยใู่ นชุมชน ส่ิงที่สาคัญและ เป็นด่านแรกที่ชุมชนจะต้องคิดเม่ือจะเริ่มดาเนินการเร่ืองการท่องเท่ียว คือ การสร้างให้ชุมชนหรือท้องถิ่นเกิด ความภูมใิ จในตนเอง มีทรัพยากรทีส่ ามารถพ่ึงพาตนเองไดท้ างการผลิต มีกลมุ่ องค์กรชมชนท่ีเข้มแข็งสิ่งเหล่าน้ี เป็นพื้นฐานทดี่ ี ทีจ่ ะทาให้เกดิ การพัฒนาการท่องเท่ยี วที่ยัง่ ยืนภายใต้ ต้นทนุ ชมุ ชนที่มอี ยู่

54 Caroline Ashley (2006) ได้กล่าวถึง การท่องเท่ียวชุมชนในทวีปแอฟริกาใต้ โดยสรุปได้ว่าการ ท่องเที่ยวชุมชน คือ การท่องเท่ียวที่ผู้อาศัยอยู่ในท้องถ่ินมีความตื่นตัวในการมีส่วนร่วมเป็นผู้จัดการพื้นท่ีซ่ึง ตนมธี รุ กจิ อยู่ โดยมีจดุ ประสงค์ คือ ให้ผ้อู ยู่อาศัยในทอ้ งถิ่นน้ันมีส่วนรว่ มในการตดั สินใจ เพอื่ การพฒั นาการ ท่องเท่ียวในท้องถิ่น และรวมถึงผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสยี อ่นื ๆ ในการพัฒนาโอกาสดา้ นการจา้ งงาน การจัดต้ังบริษัท พัฒนาทักษะและการพัฒนาอ่ืนๆ ของท้องถ่ิน การกระทาบางอย่าง เช่น ในการวางแผน ชุมชนอาจร่วมกัน ดาเนินการเองได้ และบางอย่างอาจจะทาโดยชาวบา้ นเพียงคนเดียวหรือเพียงครอบครัวเดียว เช่น การก่อต้ัง ธรุ กจิ ของตนเอง (อ้างในสจุ ิตราภา พนั ธว์ ิไล และธีรเทพ ชนไมตร,ี 2550) สืบชาติ อันทะไชย (2558) ได้กล่าวถึง การท่องเท่ียวชุมชนว่าเป็นการท่องเที่ยวท่ีคานึงถึงการมี ส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการการท่องเท่ียวของพ้ืนที่ สร้างความย่ังยืนของส่ิงแวดล้อม สังคมและ วัฒนธรรม โดยกาหนดทิศทางโดยชุมชน บริหารจัดการโดยชุมชน การท่องเท่ียวชุมชนมีส่วนช่วยในการ กระต้นุ เศรษฐกิจของท้องถน่ิ ด้วยการสร้างงานและกระจายรายได้ ดังนั้นโดยสรุปแล้วนิยามของการท่องเที่ยวชุมชน คือ การค้นหาอัตลักษณ์ที่มีอยู่ในชุมชน นามา สร้างเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดบุคคลจากภายนอกชุมชนให้เดินทางเข้าไปสัมผัสและค้นหาส่ิงต่างๆในชุมชน เช่น วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ เป็นต้น โดยคานึงถึง การมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการ การดู และรกั ษาทรพั ยากรในท้องถิ่น ข้อปฏิบัติและการจัดการผลประโยชน์ท่ีได้ เป็นต้นให้เป็นสว่ นหน่ึงส่วนเดยี วกัน ของคนในชมุ ชนทง้ั หมด โดยคานึงถึง การอนุรักษท์ รพั ยากรต่างๆที่มีอยูจ่ ริงในชุมชนให้เกดิ ความยัง่ ยนื ภาพที่ 3.1 การท่องเทย่ี วชมุ ชนกลุ่มชาตพิ ันธไุ์ ทดา บ้านนาป่าหนาด ตาบลเขาแก้ว อาเภอเชยี งคาน จังหวัดเลย

55 การท่องเท่ยี วชุมชนมขี อ้ ดีหรือข้อเสียอยา่ งไร การท่องเที่ยวชุมชนเป็นเคร่ืองมืออย่างหนึ่งในการพัฒนาชุมชน โดยเน้นการท่ีชุมชนได้มีส่วนร่วม บริหารจัดการ จากทุกภาคส่วนที่เก่ียวข้อง ซ่ึงชุมชนที่จัดการการท่องเท่ียวชุมชนจะต้องคานึงถึงข้อดีหรือ ข้อเสียในการจัดการท่องเท่ียวชุมชน จะทาให้ชุมชนสามารถจัดการท่องเที่ยวได้อย่างถูกวิธีและมีความถูกต้อง ชัดเจนและยง่ั ยนื นรเพชร ฟองอ่อน (2558) ได้กล่าวถึงการท่องเที่ยวชุมชนเป็นการท่องเที่ยวท่ีคานึงถึงการมีส่วนร่วม ของชุมชนโดยมีภาคส่วนต่างๆเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมทุกกระบวนการ โดยมีข้อดีและข้อเสียท่ีส่งผล กระทบต่อชุมชน เช่น ข้อดี เกิดการจ้างงาน สรา้ งอาชีพ ข้อเสยี การย้ายถิ่นฐานของคนจากท่ีอ่ืนเขา้ มาทางาน ยังแหล่งท่องเที่ยวอาจส่งผลต่อ การจ้างงานของคนในพ้ืนท่ีก่อน ข้อดี เกิดการแลกเปล่ียนวัฒนธรรม ข้อเสีย การเปลยี่ นแปลงของวัฒนธรรมทอ้ งถ่ิน เป็นต้น พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553) ในการศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียของการท่องเท่ียวชุมชนนั้นเป็นสิ่ง สาคัญที่ชุมชนหรือผู้พัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนควรที่จะเข้าใจก่อนท่ีจะดาเนินการพัฒนาการท่องเท่ียวสาหรับ ชุมชน ในเร่ืองนี้เป็นข้ันตอนการเตรียมการ เพื่อให้ทราบถึงปัญหาที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ และสามารถ คาดการณ์ได้ว่าการจัดการการท่องเที่ยวภายในชุมชนนั้นสามารถท่ีจะเตรียมรับมือกับปัญ หาท่ีอาจเกิดขึ้นได้ หรือไม่ ความรู้ในเรื่องข้อดีและข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นสาหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนท่ีสาคัญน้ี ผู้เขียนได้ ทาการวิจัยเกี่ยวกับทศั นคตขิ องผู้เชี่ยวชาญทางดา้ นการท่องเท่ียวชมุ ชนถงึ ผลดีและผลเสยี โดยรวมทอ่ี าจเกดิ ข้ึน ได้ในการดาเนินการพัฒนาการท่องเท่ียวชุมชนก่อนการตัดสินใจดาเนินการพัฒนา เพื่อเป็นพ้ืนฐานและสร้าง ความเข้าใจในเรือ่ งการท่องเทยี่ วชุมชนทง้ั แงด่ แี ละแงล่ บ ภาพท่ี 3.2 ผลกระทบการจัดการทอ่ งเทยี่ วชุมชน ณ ภูทับเบกิ จังหวดั เพชรบรู ณ์ ที่มา : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม (2558) http://www.mnre.go.th/ewt_news.php?nid=7139

56 ตารางท่ี 3.1 ทศั นคติโดยรวมในแงบ่ วกเกย่ี วกบั การท่องเที่ยวชุมชน ทศั คตใิ น 1) 2) 3) แงบ่ วก ผลประโยชน์ทาง การควบคมุ และเรมิ่ ต้น ความย่ังยืนท่ีเกิด ตัวอยา่ งที่ เศรษฐกจิ ของชุมชน โดยชมุ ชน - การจัดการในรูป อธิบาย ทพี่ อเพียง - เกดิ การจา้ งงานใน - ชุมชนควบคมุ ดูแล - การเกิดการท่อง ชมุ ชน จัดการการท่องเท่ียว แบบยง่ั ยืน - เกดิ รายได้ในชุมชน - การเริม่ ตน้ จากราก หญา้ ทัศคตใิ น 7) 8) 9) ผลประโยชนด์ ้าน ความเทา่ เทยี ม แงบ่ วก การร่วมมือจากหลาย สิ่งแวดล้อม ฝ่าย ตัวอยา่ งที่ - การรว่ มมอื จากภาค - การอนุรักษท์ รัพยากร - เกิดประชาธปิ ไต อธิบาย ส่งิ แวดล้อม รว่ ม ชมุ ชน - การสรา้ งเครือข่าย - ชุมชนไดร้ ับโอกา อยา่ งเท่าเทียม ท่ีมา: พมิ พ์ระวี โรจน์รงุ่ สตั ย์ (2553)

56 4) 5) 6) ดข้ึน เอกลักษณ์ของชมุ ชน การมีส่วนรว่ มของ ผลประโยชน์ทาง ชมุ ชน สงั คมของชมุ ชน ปแบบ - ความภูมิใจใน - การมีส่วนรว่ มใน - การยกระดบั ทอ้ งถิ่น กิจกรรมด้านการ มาตรฐานชีวิตของ งเท่ียว - วัฒนธรรมในชมุ ชนที่ ท่องเที่ยว คนในชมุ ชน โดดเด่น - การมีส่วนรว่ มในการ - ประวตั ิศาสตรช์ มุ ชน บรหิ ารการท่องเท่ียว 10) 11) มกัน ภาพลักษณใ์ นดา้ นดี การเปดิ ชุมชนสู่ ภายนอก ตยใน - สง่ิ ท่ีดึงดูดทางการ - แลกเปล่ยี นวัฒนธรรม ทอ่ งเทย่ี วเปน็ สิง่ ที่ และเข้าใจซงึ่ กนั และ าส แปลกใหม่ กนั ระหว่างชุมชนกับ นกั ทอ่ งเท่ยี ว -

ตารางที่ 3.2 ทศั นคตโิ ดยรวมในแงล่ บเก่ยี วกบั การท่องเที่ยวชุมชน ทศั คติในแงล่ บ 1) 2) ข้อจากัดท่เี กิด ความไมเ่ ทา่ เทียมกัน ตัวอย่างท่ีอธิบาย - ขอ้ จากัดดา้ น - ผลประโยชนไ์ ม่กระจาย ผ้เู ชย่ี วชาญทแ่ี นะนา - ข้อจากัดดา้ น ส่ชู ุมชนจริง งบประมาณ - นายทนุ รวยฝ่ายเดียว - ข้อจากัดทางด้าน ความรทู้ างด้าน การตลาด ทศั คติในแง่ลบ 6) 7) ความขดั แย้ง ขาดคณุ ภาพ ตวั อย่างท่ีอธิบาย - ไมส่ ามารถนาสู่จดุ - เนน้ เชงิ พาณิชยม์ าก ความคิดเห็นทรี่ ่วมกัน เกินไป ได้ในชมุ ชน - ขาดเอกลักษณ์ของ ชุมชน ท่มี า: พิมพ์ระวี โรจน์รงุ่ สัตย์ (2553)

57 3) 4) 5) ปญั หาสงั คมในชุมชน ความไมช่ ัดเจน นาส่กู ารปฏบิ ัติไมไ่ ด้/ขาด - ปัญหาดา้ นวัฒนธรรม - ความไม่ชดั เจนในการ ประสทิ ธภิ าพ เสอ่ื มลง จดั การการท่องเท่ียว - ปญั หาทีก่ ระทบวิถชี ีวิต - เป็นอุดมการณ์เกนิ ไป - ต้องใช้เวลาในการ - ปัญหาสงั คมเส่ือมลง พฒั นานาน - ไมเ่ กิดผลกาไร 8) 9) 10) การทาลายส่ิงแวดลอ้ ม ผลกระทบทาง ความยั่งยืน เศรษฐกจิ - การเตบิ โตของการ ทอ่ งเทย่ี วท่ไี มส่ ามารถ - สภาพแวดล้อมเสื่อม - ฤดูกาลทางการ ควบคุมได้ โทรม ทอ่ งเท่ียวทาให้ เศรษฐกจิ ชมุ ชนไม่ แน่นอน -

58 พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553) จากตารางท่ี 1 และตารางท่ี 2 ที่แสดงถึงผลดีและผลเสียที่เป็น ภาพรวมของการท่องเที่ยวชุมชนนั้น จะเห็นว่าการดาเนินการพัฒนาและการจัดการการท่องเที่ยวชุมชนควร คานึงถึงผลทง้ั สองดา้ นน้ีก่อน เพ่ือนามาช่วยในการประเมนิ ผลการดาเนินการเป็นระยะๆ หากประสบกับปัญหา ก็จะสามารถร่วมกันแก้ไขได้ทันกาล ตารางดังกล่าวเป็นการเรียงลาดับความถ่ีในการตอบถึงผลดีและผลเสียที่ อาจเกิดข้ึน จึงพิจารณาได้ว่าผลดีที่หลายๆ คนมองการท่องเที่ยวชุมชนว่าจะนาผลประโยชน์มาสู่ชุมชนคือ ใน เรอ่ื งของเศรษฐกิจท่ีดใี นชุมชนเปน็ ประการสาคัญ เน่อื งจากมีการจา้ งงาน รวมทั้งรายไดม้ าสู่ชมุ ชนท้องถิน่ ผลดี ลาดับต่อมาคือ การท่องเที่ยวชุมชนนั้นสามารถให้ชุมชนเปน็ ผู้มีส่วนร่วมในการดาเนินการและควบคมุ ดูแลการ ทอ่ งเทยี่ วไดเ้ อง และผลดีทเี่ ห็นชดั เจนคือ หากเกิดกระบวนการมสี ่วนร่วมที่แทจ้ ริงของชุมชนแล้วจะสามารถนา ความยั่งยืนมาส่ชู ุมชนน้นั ๆ ไดใ้ นระยะยาว สาหรับอีกแง่หนึ่งคือ ผลลบที่ไม่ควรมองข้าม 3 ผลกระทบหลักๆ ท่ีเห็นชัดเจนคือ ปัญหาข้อจากัด ภายในชุมชนเองเมื่อมีการพัฒนาการท่องเที่ยวข้ึน โดยเฉพาะในประเทศท่ีกาลังพัฒนา กล่าวคือ เรื่องของ ผู้เช่ียวชาญที่จะให้คาปรึกษาหากชุมชนไม่เข้าใจหรือเกิดปัญหาข้ึนในระหว่างกระบวนการ พัฒนาและจัดการ การท่องเท่ียว หรือข้อจากัดในด้านของงบประมาณการพัฒนา และการตลาด เป็นต้น สาหรับผลกระทบ รองลงมาคือ เรื่องของความไม่เท่าเทียมกันที่เกิดขึ้นในการจัดการการท่องเท่ียวชุมชน หรือรายได้ที่ได้มาไม่ได้ ลงสู่ชมุ ชนอย่างแทจ้ รงิ หากแต่ไปส่นู ายทุนทอ่ี าจอยู่หรือไม่อย่ใู นชุมชนก็ได้ และขอ้ ผลกระทบทส่ี าคัญอีกแง่มุม หน่ึงคือ ปัญหาสังคมทอ่ี าจเกิดขน้ึ ภายในชมุ ชนเอง เช่น วฒั นธรรมที่เสื่อมโทรมลงจากการที่มวี ัฒนธรรมทไ่ี ม่น่า พึงประสงค์ของนักท่องเที่ยวต่างวัฒนธรรมเข้าไป ปัญหาความไม่เท่าเทียมทาให้ชุมชนไม่พอใจและอาจเกิด ปัญหาอาชญากรรมตามมา ซึ่งเป็นข้อที่ควรคานึงถึงและป้องกันไว้ต้ังแต่เนิ่นๆ ในการพัฒนาการท่องเที่ยว ชุมชน ท่ีจะกล่าวต่อไปน้ีคือตัวอย่างผลกระทบทางด้านลบที่อาจเกิดขึ้นได้ของการพัฒนาและจัดการการ ท่องเทย่ี วชมุ ชน การมองข้อดีข้อเสียท่ีอาจเกิดข้ึนจากการตีความแบบสว็อท (SWOT คือ S-จุดแข็ง W-จุดอ่อน O-โอกาส และ T-อปุ สรรค) พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553) วิธีการที่ไม่ยุ่งยากในการมองภาพของชุมชนให้เข้าใจและชัดเจนขึ้น กอ่ นการพัฒนาการทอ่ งเท่ยี ว คือ การตีความแบบสวอ็ ท ซึ่งมีการพิจารณาจุดแข็งจุดอ่อนที่เกิดข้ึนในชุมชนเอง รวมทั้งโอกาสและอุปสรรคท่ีเป็นผลจากภายนอกท่ีมีต่อชุมชน ทั้งน้ีการพิจารณาเพ่ือให้เห็นถึงความน่าจะเป็น หรือแนวทางที่ถูกต้องในการดาเนินการพัฒนาการท่องเท่ียวชุมชน วิธีการน้ีเป็นมาตรฐานท่ีจะช่วยในการ พิจารณาประเด็นต่างๆ ท่ีเกี่ยวเน่ืองกับการพัฒนาการท่องเที่ยวได้ชัดเจนยิ่งข้ึน ทาให้สามารถประมวลผลดี และผลเสียท่ีอาจเกิดขึ้นได้ ก่อนการตัดสินใจดาเนินการพัฒนาการท่องเที่ยว การตีความแบบสว็อทน้ีถือเป็น ประโยชน์ต่อการวางแผนเพ่อื พัฒนาดา้ นการทอ่ งเทย่ี วใหเ้ ป็นไปอย่างระมดั ระวังขน้ึ การมองข้อดีข้อเสียท่ีอาจเกิดข้ึนจากการตีความตามแบบสว็อท (SWOT คือ S-จุดแข็ง W-จุดอ่อน O- โอกาส และ T-อุปสรรค) พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553) วิธีการที่ไม่ยุ่งยากในการมองภาพของชุมชนให้เข้าใจและชัดเจนขึ้น ก่อนการพัฒนาการท่องเท่ียว คือการตีความแบบสว็อท ซ่ึงมีการพิจารณาจุดแข็งจุดอ่อนที่เกิดข้ึนในชุมชนเอง รวมท้ังโอกาสและอุปสรรคที่เป็นผลจากภายนอกที่มีตอ่ ชุมชน ทั้งน้ี การพิจารณาเพ่ือให้เห็นถึงความน่าจะเป็น หรือแนวทางท่ีถูกต้องในการดาเนินการพัฒนาการท่องเที่ยวของชุมชน วิธีการน้ีเป็นมาตรฐานท่ีจะช่วยในการ พิจารณาประเด็นต่างๆ ที่เก่ียวเน่ืองกับพัฒนาการท่องเที่ยวได้ชัดเจนยิ่งข้ึน ทาให้สามารถประมวลผลดีและ

59 ผลเสียท่ีอาจเกิดขึ้นได้ ก่อนการตัดสินใจดาเนินการพัฒนาการท่องเที่ยว การตีความแบบสว็อทนี้ถือเป็น ประโยชน์ต่อการวางแผนเพอ่ื พฒั นาการท่องเที่ยวให้เปน็ ไปอยา่ งระมดั ระวังขึน้ ในวิธีการนี้ควรท่ีจะต้องพิจารณาจุดแข็งและจุดอ่อนของสถานการณ์ในปัจจุบันและความเป็นไปได้ใน อนาคตด้วย อย่างไรก็ตามจุดอ่อนและอุปสรรคน้ันสามารถถูกเปล่ียนเป็นจุดแข็งและโอกาสได้หากเข้าใจ จุดอ่อนและอุปสรรคน้ันๆ และปรบั ให้เกิดเป็นผลดี หาทางแกไ้ ขกลับให้กลายเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ได้ การตีความแบบสวอ็ ทน้จี ะช่วยให้เกิดมุมมองโดยกวา้ งของการทอ่ งเทีย่ วในชมุ ชนท่จี ะเกิดข้ึน และชว่ ย ในการเห็นถึงประเด็นต่างๆ อย่างชัดเจนได้ ประโยชน์ที่จะเกิดจากการใช้วิธีการตีความแบบสว็อทนั้น คือการ ช่วยในการตัดสินใจได้แม่นยาข้ึน ตัวอย่างเช่น การตัดสินใจด้านกระบวนการหรือทิศทางการพัฒนาการ ท่องเท่ียว ตารางที่ 3.3 คาถามทส่ี ามารถนามาใช้ในการตีความแบบสวอ็ ทได้ จุดแข็ง โอกาส - ชมุ ชนน้นั มแี หลง่ ท่องเท่ียวที่เป็นท่ีรจู้ ักหรอื ไม่ - มกี ารประชาสมั พันธเ์ กย่ี วกับทรพั ยากรทาง - ลักษณะดา้ นทรัพยากรสง่ิ แวดล้อมใดบ้างทไ่ี ดม้ ี ธรรมชาติและวฒั นธรรมของชมุ ชนให้แก่ การจัดการอยา่ งดีแล้ว นกั ท่องเที่ยวหรอื ไม่ - มีผ้ทู มี่ ีความรูห้ รือเชี่ยวชาญมาดาเนนิ การดา้ น - มคี นในชมุ ชนทีส่ นใจรว่ มทางานดา้ นการจัดการ การจัดการการท่องเทีย่ วหรอื ไม่ ดา้ นการท่องเทีย่ วหรือไม่ - จุดแขง็ ของบุคลากรดา้ นการบริการหรอื ผทู้ ี่มี - มีโอกาสเปิดสาหรับผู้ท่สี นใจจะเขา้ มามสี ่วนรว่ ม สว่ นเก่ยี วขอ้ งเป็นอยา่ งไรบา้ ง ทั้งภายในและภายนอกชุมชนหรือไม่ - ชุมชนใหค้ วามร่วมมืออย่างเข้มแข็งหรือไม่ - สถานการณ์แวดลอ้ มภายนอกชมุ ชนสง่ เสรมิ การ ทอ่ งเท่ียวของชุมชนนน้ั ๆ หรือไม่ จุดอ่อน อปุ สรรค - วิธกี ารดาเนนิ การด้านการท่องเท่ยี วปจั จุบนั ที่ใช้ - มอี ุปสรรคใดทส่ี ่งผลกระทบต่อคณุ คา่ ทาง อยู่นั้นล้าสมัยหรอื ไม่ ควรทจี่ ะไดร้ บั การปรับปรุง เอกลักษณ์ดา้ นประเพณแี ละวัฒนธรรมของ หรือไม่ ชุมชน - มปี จั จยั ทางกายภาพของชมุ ชนเร่ืองใดบา้ งทท่ี า - มอี ุปสรรคใดที่สง่ ผลกระทบต่อสภาพทาง ใหก้ ารจัดการเกีย่ วกบั นักท่องเทย่ี วเปน็ ไปดว้ ย กายภาพของชมุ ชน - มอี ปุ สรรคใดท่สี ง่ ผลกระทบต่อชวี ติ ความเปน็ อยู่ ความยากลาบาก - มปี จั จยั ใดท่ีทาใหเ้ กิดปัญหาด้านการตลาด หรือเศรษฐกิจท่ดี าเนินอยู่หรอื สังคมที่ดาเนนิ อยู่ เก่ียวเนือ่ งกับการทอ่ งเทย่ี วของชมุ ชน ของชมุ ชน - ทาอย่างไรให้ผลการประเมนิ ทเ่ี กีย่ วกับการ - มีอุปสรรค/ภยั คุกคามใดท่ีอาจเกดิ ข้ึนไดจ้ ากการ ท่องเทยี่ วทีม่ ีอยู่ดีขึน้ กวา่ เดิม คาดการณ์ด้านความเสีย่ งทอ่ี าจเกดิ ขึ้น - เกิดปัญหาการขาดการฝึกอบรมหรอื ขาด ศักยภาพด้านบุคลากรหรือไม่ ที่มา: พมิ พร์ ะวี โรจน์รงุ่ สัตย์ (2553)

60 การพิจารณาเปรียบเทียบระหวา่ งผลเสยี ที่อาจเกิดข้ึนและผลประโยชนท์ จ่ี ะไดร้ บั การพิจารณ าเปรียบเทียบระห ว่างผ ลเสีย ท่ีอาจ เกิดขึ้น และผล ประโยชน์ ที่จะได้รั บท่ีเกิดจากการ ท่องเทย่ี วมีรายละเอียดดงั น้ี พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553) ได้ศึกษาวิธีการในการค้นหาสว็อทน้ันเป็นวิธีการที่ไม่ซับซ้อนและใช้ กนั อย่างกว้างขวาง วิธีการน้ีเป็นการนาคุณค่าเก่ียวกับประโยชน์ของการปฏิบัติงานหรือความคิดอย่างใดอย่าง หนง่ึ มาพิจารณาและคานวณผลด้านลบของเร่ืองน้ันๆ ท่อี าจเกดิ ข้ึน ผลด้านลบน้ันอาจเป็นส่ิงที่เกดิ ขนึ้ ครั้งเดยี ว หรือเป็นส่ิงที่จะส่งผลต่อไปก็ได้ สาหรับผลประโยชน์ด้านบวกน้ันโดยทั่วไปควรจะเป็นผลบวกท่ีน่าจะเพ่ิมข้ึน เรอ่ื ยๆ และนามาเปรียบเทยี บกันเพอ่ื การตดั สนิ ใจท่ถี กู ต้องยงิ่ ขึ้น ผลทางลบและผลทางบวกนั้นสามารถมองในด้านของการเงนิ ส่งิ แวดล้อม และสังคม การพิจารณาผล ลบและผลบวกทางด้านเก่ียวกับการเงินซ่ึงเป็นสิ่งท่ีจับต้องไม่ได้นั้น เป็นเร่ืองท่ีท้าท้ายและเกี่ยวกับการ คาดการณ์อย่างมาก การตีความระหว่างผลเสียที่จะเกิดขึ้นและผลประโยชน์น้ีคือการเช่ือมโยงกับหลักการ “พ้นื ฐานสามด้าน” (Triple bottom line) ซ่ึงใช้กรอบแนวทางในการวดั และรายงานผลการปฏิบัตกิ ารในเรอ่ื ง หลกั สามเรือ่ ง คอื เศรษฐกจิ สังคม และส่ิงแวดล้อม การตีความระหว่างผลทางลบและผลทางบวกน้ันสามารถทาได้อย่างเป็นทางการ เช่น การวัดจานวน เก่ยี วกับการเงินหรอื ทาอยา่ งไม่เป็นทางการก็ได้ วธิ ีการงา่ ยๆ สาหรับการวดั เชน่ น้ีคอื การสรา้ งตารางและเขียน ระบุเปรียบเทียบระหว่างผลเสียและผลประโยชน์โดยการคาดการณล์ ว่ งหนา้ ตามขอ้ มลู พ้ืนฐานท่ีมอี ยจู่ รงิ ได้ ตัวอย่างคาถามเกี่ยวกับการตีความระหว่างผลเสียและผลประโยชน์ท่ีอาจเกิดข้ึนในชุมชน หรือ โครงการทด่ี าเนินอยู่เช่นดงั ตารางตอ่ ไปน้ี ตารางที่ 3.4 ตวั อย่างคาถามทเี่ กย่ี วกับการตคี วามระหวา่ งผลเสียและผลประโยชนท์ อี่ าจเกิดขึ้นในชุมชน ผลเสยี ผลประโยชน์ - การเปิดการท่องเทย่ี วสาหรับชุมชนน้ันอาจได้รบั - จะเกิดการพัฒนาการจัดการด้านทีพ่ ักแรมที่ดีข้นึ ความสนใจทเ่ี พ่มิ ขึน้ แต่จะนาความเสี่ยง เพอ่ื แทนท่ีทพี่ ักแรมแบบเฉพาะกิจ หรือท่ีพัก ทางด้านของการทาลายทรัพยากรและชมุ ชนนนั้ แรมที่ขาดการจดั การท่ดี ีในบรเิ วณที่เคยไมไ่ ด้รับ หรอื ไม่ การดูแลหรือไม่ - จะเกดิ การจราจรบนท้องถนนทหี่ นาแนน่ ขึน้ - คณุ ลกั ษณะพเิ ศษของชุมชนจะไดร้ บั การนาเสนอ หรอื ไม่และจะตอ้ งเพ่ิมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพข้นึ โดยการพฒั นาสง่ิ อานวย เพอื่ ให้คงสภาพทีด่ หี รือไม่ ความสะดวกขน้ั พื้นฐาน เพอื่ ท่จี ะตอบรบั การ - การวางแนวทางการจดั การด้านส่ิงแวดล้อมใหด้ ี ทอ่ งเทีย่ วหรอื ไม่ ขึน้ ในชมุ ชนเพื่อเป็นสง่ิ ดึงดูดทางการท่องเทย่ี ว - นกั ท่องเทย่ี วจะพักนานขึ้นกว่าเดมิ ในชมุ ชนนนั้ จะเปน็ ค่าใชจ้ า่ ยที่เพ่ิมข้นึ มากเกินกาลงั หรือไม่ หรอื ไม่หากมีการเพ่ิมส่งิ อานวยความสะดวก/ - ปญั หาการกลืนกนิ วัฒนธรรม แหลง่ ทอ่ งเที่ยวทีส่ าคญั ใหม่ข้ึนมา - ปัญหาดา้ นสงั คมต่างๆ เชน่ อาชญากรรม - การจดั การด้านสิ่งแวดลอ้ มที่ดีสามารถนา ผลประโยชน์ระยะยาวมาสชู่ ุมชนและนามาใชใ้ น การประชาสัมพนั ธด์ า้ นการตลาดไดห้ รอื ไม่ - จะเกิดการฟน้ื ฟูและร่วมกันอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรม ประจาถ่ิน ทมี่ า: (ปรับปรงุ จากพมิ พร์ ะวี โรจนร์ ุ่งสตั ย,์ 2553)

61 พมิ พ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553) เมอ่ื การพัฒนาการท่องเท่ียวในชุมชนมีพนื้ ฐานอยู่กับความเข้าใจผลดี และผลเสียที่อาจเกดิ ข้ึนได้ รวมทั้งการพิจารณาสถานการณ์ต่างๆ ของชุมชนประกอบด้วยแลว้ การดาเนินการ พัฒนานนั้ สามารถนาไปสู่ความสาเร็จคือการท่องเที่ยวชุมชนอย่างย่ังยืนได้ เน่ืองจากการมองการท่องเท่ียวนั้น มิได้มองเพียงด้านเดียว ควรมีการเตรียมการและระมัดระวังผลในแง่ลบที่อาจเกิดข้ึนอย่างไม่ประมาท บาง ชุมชนอาจไม่ได้นาการท่องเท่ียวมาเป็นรายได้หลักหากแต่เสริมรายได้หลักท่ีมีอยู่แล้ว หรือบางชุมชนอาจมี ศักยภาพเพียงพอที่จะนาการท่องเที่ยวมาเป็นส่วนหลักของรายได้ ท้ังนี้แต่ละชุมชนก็แตกต่างกันออกไป ซึ่ง ควรท่จี ะรว่ มกันพจิ ารณาใหด้ ใี ห้รอบคอบและประเมินผลอย่างสม่าเสมอ มีการเสวนาถึงเร่ือง การท่องเท่ียวชุมชน ซ่ึงเป็นเสมือนทางเลือก หรือทางรอดของชุมชน (ผู้จัดการ รายวัน, 2551) เน่ืองจากรูปแบบการท่องเที่ยวได้ปรับเปลี่ยนไปหลายแนวทาง ทุกวันนี้ชุมชนหลายชุมชน เปดิ ตัวเองเป็นแหล่งท่องเท่ียวเพ่ือการเรียนรู้ด้วยเอกลกั ษณ์เฉพาะถิ่น ซง่ึ การท่องเท่ียวโดยชุมชนชนถือเปน็ จุด เปลี่ยนของโลกและสู่ระดับท้องถิ่น อีกทั้งเป็นทางเลือกใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว อย่างไรกต็ าม การทอ่ งเทย่ี วชุมชนน้ันมีทง้ั ผลดแี ละผลเสยี ดังที่ไดก้ ล่าวถงึ เพ่อื ผลท้ังสองทางมาวิเคราะห์แลว้ ยัง สามารถนาการวิเคราะห์จากผู้เชยี่ วชาญมาเพื่อการพิจารณาเน่ืองจากเป็นการเรียนรู้จากผู้ท่ีมีประสบการณ์ใน การจดั การโดยตรง นักพัฒนาทางการท่องเที่ยวชุมชนได้กล่าวถึงข้อดีของการท่องเท่ียวชุมชนว่า ส่ิงที่ควรทาความเข้าใจ ในหลักการก่อนคือคาว่า การท่องเท่ียวโดยชุมชน และการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งทั้งสองคานี้แตกต่างกัน “การ ท่องเท่ียวโดยชุมชน” น้ันชุมชนจะจัดการการท่องเท่ียวเอง แต่ “การท่องเท่ียวชุมชน” น้ันอาจจะต้องอาศัย องค์ประกอบของชุมชนท่ีมีอยู่แล้วหรือศักยภาพเป็นพื้นฐาน แต่ผู้ดาเนินการอาจจะเป็นผู้ประกอบการหรือรัฐ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องภายในชุมชนนั้นๆ เมื่อพิจารณาถึงผลประโยชน์สาหรับชุมชนท่ีจะได้รับนั้นมีหลายทาง คอื ประโยชน์ในด้านการพัฒนาชุมชนบางเรอ่ื ง แต่ไมไ่ ดเ้ พือ่ ความตอ้ งการทางดา้ นเศรษฐกจิ ดงั นน้ั ประโยชน์ก็ จะตอบกลับชุมชนนั้นๆ เช่น ต้องการแก้ปัญหาเรื่องของส่ิงแวดล้อม ชุมชนน้ันก็จะได้การจัดการสิ่งแวดล้อม โดยอ้อม ดังนั้นประโยชน์ก็คือสิ่งที่เป็นเป้าหมายกับชุมชนในตอนแรกเพื่อประโยชน์ทางด้านการพัฒนา การ จดั การมากกวา่ ประโยชน์ในเรื่องรายไดจ้ ากการท่องเท่ยี วโดยตรง ภาพท่ี 3.3 การท่องเที่ยวชมุ ชน กลุ่มชาตพิ ันธุ์ไทดา บ้านนาป่าหนาด ตาบลเขาแก้ว อาเภอเชียงคาน จังหวดั เลย

62 พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553) อย่างไรก็ตาม หากชุมชนน้ันไม่ได้ทราบถึงความต้องการของตนเอง อย่างแท้จริงในเบื้องต้นและยังไม่รู้ว่าชุมชนต้องการอะไร อาจจะกลับกลายเป็นข้อเสียเพราะเม่ือมีการ ทอ่ งเที่ยวเข้ามาแล้ว ความต้องการทางเศรษฐกิจก็มกั จะมาพร้อมๆ กัน คือ พอคนมาเที่ยวก็ต้องเกดิ การใช้จ่าย แตถ่ ้าผู้จัดการทอ่ งเท่ียวชมุ ชนมุ่งเห็นถึงรายได้มากกว่าเปา้ หมายต่อประโยชนข์ องชุมชน เชน่ เป้าหมายในเรือ่ ง การอนุรักษ์ การดูแลส่ิงแวดล้อม แม้กระท่ังการแก้ปัญหาความยากจน ถ้ามีการมุ่งเป้าหมายไปในเรื่องการ พัฒนาทางเศรษฐกจิ อย่างเดียวก็จะได้ขอ้ เสีย อาจมีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่เข้าใจกันหรอื ขัดแย้งกัน เพราะลืม ความต้องการของประโยชน์ต่อชุมชนโดยภาพรวมไป และอาจเกิดความต้องการถึงประโยชน์ด้านรายได้หรือ ส่วนตัวของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไป อีกปัญหาหน่ึงคือ ความไม่พร้อมเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาเย่ียมเยือนชุมชน หรอื ไม่ทราบวา่ ต้องมีการเตรยี มตัวอย่างไรหรือควรจัดระบบชุมชนอย่างไรให้เหมาะสม ซ่ึงปัญหาที่อาจจะเป็น ภยั ต่อนกั ท่องเท่ียวถ้าไม่มีการเตรยี มชุมชน อาจจะมกี ลุม่ ทาลายสิ่งแวดล้อม หรืออาจจะนาเรือ่ งของวัฒนธรรม ภายนอกเข้ามาทาให้เกิดการขัดแย้งทางวัฒนธรรม ถ้าปราศจากการเตรียมพร้อมก็จะเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดี ของชุมชน แต่ถ้ามีการเตรียมพร้อมแล้วข้อเสียก็จะเกิดขึ้นน้อยลง ดังน้ัน การจัดการการท่องเท่ียวชมุ ชนควรมี การเรยี นรทู้ ่ีจะแก้ปญั หาท่ีอาจเกดิ ขึ้น เนือ่ งจากการท่องเทย่ี วมีท้ังข้อดีและข้อเสยี ทั้งสองด้าน สาหรับประโยชน์ในส่วนของนักท่องเที่ยวเก่ียวกับการท่องเที่ยวชุมชน คอื นักท่องเที่ยวจะไดส้ ัมผสั กับ วิถีชีวิตอีกรูปแบบหน่ึงของชุมชนนั้นๆ รูปแบบของการท่องเท่ียวชุมชนน้ันจะแตกต่างไปจากการท่องเท่ียว รูปแบบอน่ื ๆ คือ จากการท่องเท่ียวชมุ ชนน้ันนกั ท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับตวั ตนท่ีแท้จรงิ ของชมุ ชน เร่อื งราวจาก ประสบการณ์การท่องเท่ียวจะถูกนาเสนอจากคนที่เป็นเจ้าของหรือคนในชุมชนเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวก็จะได้รับ ประสบการณ์ที่เปน็ ข้อเท็จจริงและจะได้เรยี นรู้ไปพร้อมๆ กนั ซ่ึงอาจจะเป็นการปลูกฝังการอนุรักษ์ส่ิงแวดลอ้ ม หรอื เรยี นร้วู ัฒนธรรมชุมชน เปน็ ตน้ สิ่งท่ีควรตระหนักและระวังในการดาเนินการจัดการการท่องเท่ียวชุมชน คือ ชุมชนต้องตระหนักถึง เป้าหมายของชุมชนเป็นสิ่งแรกว่า ชุมชนอยากท่ีจะมีการท่องเท่ียวเพื่ออะไร ไม่ใช่ตามกระแสหรือดาเนินการ ท้ังๆ ที่ยังไม่พร้อม ควรท่ีจะต้องรู้ถึงวัตถุประสงค์ของการมีการท่องเท่ียวชุมชนว่าเพ่ืออะไร เช่น เพ่ือป้องกัน การยา้ ยถนิ่ ของลูกหลาน เพ่ือการอนรุ ักษ์ เปน็ ต้น อีกเร่ืองหนึ่งท่ีควรต้องระมัดระวังก็คือ เร่ืองความชัดเจนของผู้ดาเนินการ คือ เม่ือชุมชนมีเป้าหมาย แล้ว ควรค้นหาว่าใครที่จะเป็นผู้ดาเนนิ การหลกั ทุกคนในชมุ ชนควรต้องมีส่วนรว่ มขน้ึ อยู่กบั ว่าจะมีส่วนร่วมใน ลักษณะใด เช่น ผู้นาชุมชนจะต้องมีกระบวนการวางโครงสร้างว่ากลุ่มเยาวชนจะมีหน้าที่อะไร กลุ่มแม่บ้านมี หน้าท่ีอะไร กลุ่มผู้ดาเนินการต้องมีความชัดเจน แล้วดาเนินการไปอย่างประสานความร่วมมือสามัคคีกัน ถ้า ตา่ งคนตา่ งทากอ็ าจจะขัดแย้งกันได้ การท่องเท่ียวชุมชนน้ันจะเป็นท่ีนิยมอย่างต่อเน่ือง ซึ่งมาจากเหตุผลคือ ภาครัฐให้ความสาคัญและ สนับสนุนมาก ด้านการท่องเที่ยวก็มีการจัดการการท่องเที่ยวชุมชนข้ึนมาเป็นหน่ึงกิจกรรมที่สาคัญ ชุมชน ตื่นตัวทางด้านการท่องเท่ียวมากข้ึน ซ่ึงเป็นการรับกับสภาวการณ์โลกซึ่งถือเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่ไม่ ทาลายสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามชมุ ชนควรท่ีจะต้องดูแลพ้ืนท่ีของตนเองและใส่ใจใหม้ ากขึ้น และรว่ มกันแก้ไข ปัญหาตา่ งๆ ท่อี าจเกดิ ขน้ึ ได้ สาหรับในบทบาทการปฏิบัติตัวของนักท่องเท่ียวที่ไปเที่ยวชุมชนน้ัน นักท่องเท่ียวควรที่จะต้องรู้ก่อน ว่าจะไปเท่ียวแบบไหน แล้วควรทาความเข้าใจเบื้องต้นเก่ียวกับชุมชนนั้นๆ ว่าเขาจัดการการท่องเท่ียวอย่างไร ควรท่ีจะเคารพกฎระเบียบและวัฒนธรรมชุมชนและปฏิบัติตาม เพื่อให้นกั ท่องเทีย่ วได้เรียนรู้ในกระบวนการท่ี ชุมชนได้นาเสนอ ซึ่งการท่องเทีย่ วลักษณะน้อี าจจะไม่ได้ตอบโจทย์ความสะดวกสบายหรือต้องการการพักผ่อน

63 แต่อย่างเดียว ดังนั้น การศึกษาและเข้าใจชุมชนที่จะไปเท่ียวเบ้ืองต้นนั้นควรที่จะมีก่อนการเดินทางท่องเท่ียว ทงั้ นีเ้ พ่ือใหก้ ารทอ่ งเท่ียวชมุ ชนเปน็ การท่องเท่ียวทีค่ วบคู่ไปกับการเรียนรวู้ ิถีชีวติ ของชมุ ชนอย่างแท้จริง พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553 : 67-76) นอกจากน้ีการระดมความคิดเห็นท่ีมีชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แล้วน้ัน การวางแผนงานที่ดีและชัดเจนก็เป็นสิ่งสาคัญ ตัวอย่างหน่ึงสาหรับการดาเนินการเตรียมการไปสู่การ วางแผนการดาเนินงานนน้ั มีดงั ภาพต่อไปนี้ หลกั ในการวางแผนพฒั นาการทอ่ งเทีย่ วชมุ ชน (PIC PLANING PRINCIPLE) การมสี ว่ นร่วมParticipatory  ฟงั ชมุ ชนในการต้ังเปา้ หมายใน ดา้ นการท่องเทยี่ ว  ให้ผมู้ ีสว่ นเกย่ี วมารว่ มใน กระบวนการตัดสนิ ใจ  เปิดโอกาสทางเศรษฐกจิ ชุมชน  สรา้ งความรู้และความตน่ื ตวั ใน  ชมุ ชน ความร่วมมือ Collaboration ข้นั ตอนการวางแผนงาน  ภาครัฐ  ภาคเอกชน การสรา้ งผลประโยชน์  คณะบรหิ าร Incremental  ชมุ ชน  ควรท่ีจะเลอื กแนวทางการ พัฒนาอย่างระมัดระวงั  พัฒนาอยา่ งค่อยเป็นค่อยไป  มกี ารวดั และประเมนิ ผล อย่างสม่าเสมอและตอ่ เน่อื ง ภาพท่ี 3.4 หลักในการวางแผนพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วชุมชน (ทีม่ า: Timothy, 2002 อา้ งถึงในพิมพ์ระวี โรจน์รงุ่ สัตย์, 2553) ขน้ั ตอนการดาเนนิ งานตามแผนที่ดีนนั้ ควรดาเนนิ การอย่างคอ่ ยเปน็ ค่อยไป เช่น การหาเอกลักษณ์ จุด แข็งจุดเด่นที่แท้จริงของชุมชน เป็นต้น ตัวอย่างที่กล่าวต่อไปเป็นแบบอย่างการดาเนินงานตากแผนงานเพ่ือ พัฒนาการทอ่ งเทย่ี วชุมชนท่ลี ะเอยี ด และสามารถนาไปปรับเพื่อใหเ้ หมาะสมกับชมุ ชนแตล่ ะชุมชนได้

64 การจดั การทอ่ งเที่ยวชมุ ชน การจัดการท่องเท่ียวชุมชนมีประเด็นที่ต้องศึกษาและค้นหาส่ิงท่ีจะเป็นจุดสนใจในการจั ดการ ทอ่ งเทย่ี วซง่ึ มปี ระเดน็ ควรมีการพิจารณา ดังน้ี ประเดน็ แรก คือการหาจดุ เดน่ ของชมุ ชน การค้นหาคุณค่าทางธรรมชาติและวัฒนธรรมชุมชนที่มีทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมโดยท่ัวไป แล้วจะเป็นสมบัติสาคญั ทางการท่องเท่ียว คุณลักษณะท่ีโดดเด่นหรือคุณค่าของสถานท่ีนั้นๆ สามารถที่จะเป็น สว่ นสาคัญของการท่องเท่ยี วในชุมชนและเป็นจุดขายที่สาคญั การเข้าถึงคุณค่าของทรัพยากรดังกล่าว เป็นส่วนท่ีจะทาให้เกิดประสิทธิภาพในการพัฒนาสินค้า ทางการท่องเที่ยวท่ีเกิดหรืออยู่ในชุมชน และนาไปสู่การวางแผนต่างๆ เช่น ในด้านการตลาด ในด้านการ จดั การและดาเนินการ รวมไปถึงเปน็ ส่ิงสาคัญในการพิจารณาความเหมาะสมในการนาเสนอ หรือขายกจิ กรรม การท่องเท่ียวในส่วนของชุมชนนนั้ ๆ การเข้าใจในดา้ นนี้จะช่วยใหช้ ุมชนแน่ใจไดว้ ่าการพัฒนาการทอ่ งเที่ยวนั้น จะสอดคล้องเปน็ อยา่ งดกี บั ความต้องการทจี่ ะดแู ละอนรุ ักษค์ ุณคา่ ของทพั ยากรนน้ั ๆ ไวค้ วบคกู่ ันไป ทรัพยากรดังกล่าวน้ันอาจได้รับการบันทึกไว้แล้ว หรือเป็นท่ีทราบกันดีแล้วทั่วไปในชุมชน แต่ในการ ดาเนินการควรที่จะมีการพัฒนาความรู้เก่ียวกับทรัพยากรนั้นๆ และวางวิธีการ (รวมท้ังเกณฑ์) ท่ีจะวัด ความสาคัญของทรัพยากรเพื่อดึงข้ึนมาเป็นจุดเด่นทางการท่องเท่ียว เช่น ทรัพยากรเชิงสุนทรียภาพ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมและความสาคัญทางด้านจิตใจ เป็นต้น การเร่ิมต้นที่ดีควรเร่ิมหาจากการ ลงทะเบียนทรพั ยากรของทอ้ องถน่ิ ก่อนเพอ่ื การมองโดยภาพรวมและนามาคัดเลือกทรัพยากรทเ่ี ด่นๆได้ การคน้ หาลักษณะพเิ ศษทางการทอ่ งเท่ียว ลักษณะพิเศษทางการท่องเท่ียวนั้น เป็นคุณค่าเชิงลึกของชุมชนเองที่ไม่เหมือนท่ีใด เช่น อาจเป็น เร่ืองราว ตานานของชุมชน โดยเฉพาะเร่ืองราวที่ได้ฟังจากคนในท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นส่วนที่ทาให้ชุมชนหรือ สถานที่นัน้ ๆ มีเสน่ห์ต่อผู้มาเยือน เรอ่ื งราวเหล่าน้ีคือสิ่งท่ีผู้มาเยือนจะนากลับไปด้วยกับพวกเขา และนาไปเล่า ต่อๆ กันไปให้แก่ผู้อ่ืนเมื่อพวกเขากลับไป การหลอมรวมกันของคุณค่าและลักษณะพิเศษต่างๆ ในชุมชนจะ สามารถสรา้ งประสบการณ์โดนรวมใหแ้ กผ่ ู้ท่มี าเยือนเพอ่ื ความประทบั ใจได้เป็นอย่างดี การตัดสนิ ใจว่าอะไรคือสิ่งทีท่ าให้ชมุ ชน สถานที่หรอื สนิ ค้านั้นๆ พเิ ศษ ควรท่ีจะพิจารณาคุณคา่ ท่ีเป็นที่รู้จกั กัน ทกุ ๆ ดา้ น คาถามต่อไปนจ้ี ะช่วยในการหาสว่ นประกอบของความพิเศษของชมุ ชนเป้าหมายได้ ภาพที่ 3.5 การคน้ หาอตั ลักษณ์ของชุมชนเพื่อพฒั นาสู่การท่องเท่ยี วเชงิ สรา้ งสรรค์ กลมุ่ ชาตพิ นั ธไุ์ ทข่า อาเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร

65 ตารางที่ 3.5 การค้นหาสง่ิ ทที่ าใหช้ มุ ชนและสถานที่นัน้ พิเศษขนึ้ มากกว่าที่อน่ื การคน้ หาคุณคา่ โดยทว่ั ไปในชมุ ชน การเลอื กส่งิ ท่เี หมาะสมต่อการทอ่ งเที่ยว -คุณค่าทางด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมของสถานท่ี -คุณค่าพิเศษของสถานท่ีใดในชุมชนท่ีเป็นที่รู้จักดีอยู่ นั้นๆ อะไรบา้ งท่ีเป็นทีร่ ้จู กั ท่ัวไป แล้วทางการท่องเท่ียว และสถานที่ใดที่ควรได้รับการ เปิดตวั ใหม่ -คุณคา่ ทางด้านใดบา้ งที่เป็นทีร่ จู้ ักอยา่ งแพร่หลาย -คุณค่าพิเศษของชุมชน อะไรบ้างท่ีได้รับความสนใจ เปน็ พเิ ศษในหมู่นักทอ่ งเท่ียวในปัจจุบัน -มีคุณคา่ ด้านอ่นื ดา้ นใดทอี่ าจมแี ละยังไม่เปน็ ท่ีรจู้ ัก -จะมีการนาคุณค่าใหม่ๆ มานาเสนอเพื่อเป็นที่รู้จักได้ บา้ ง อยา่ งไร -เอกลักษณท์ โี่ ดดเด่นดา้ นใดท่เี ป็นทรี่ ูจ้ กั -เอ ก ลั ก ษ ณ์ เฉ พ าะเรื่อ งใน ด้ าน ใด ที่ ใช้ ใน ก าร ประชาสมั พนั ธ์และทาการตลาดในปจั จุบัน ที่มา : พิมพ์ระวี โรจน์รงุ่ สตั ย์ (2553 ) ขั้นต่อไปหลังจากการหาเอกลักษณ์ในชุมชนท่ีจะสื่อสารต่อภายนอกได้แล้ว ควรมีข้อคาถามต่อไปน้ี เพื่อท่ีจะช่วยในการหาแนวโน้มในการท่ีจะใช้ในการพัฒนาโครงการ สถานท่ี สินค้า กิจกรรม การบริการต่อไป ด้วยอยา่ งชัดเจน ตารางท่ี 3.6 คาถามเพอื่ เข้าใจคณุ ค่าของชุมชนและสอื่ สารคณุ ค่าของชุมชนต่อภายนอก คาถาม รายละเอยี ดคาถาม ทรัพยากร และคุณค่าภายในชุมชนนั้นได้รับความ -คุณค่าที่สาคัญน้ันเป็นที่รู้จักต่อผู้มีส่วนเก่ียวข้อมาก เขา้ ใจและส่อื สารออกไปไดด้ ีเพยี งไร น้อยเพียงใด -มีความเข้าใจร่วมกันภายในชุมชนเองว่าอะไรเป็นส่ิง ทที่ าให้ชุมชนพเิ ศษหรือไม่ -หากมี ได้มีการส่ือในแผนงาน ยุทธศาสตร์และ เอกสารท่มี อี ยู่ตอ่ ภายนอกหรอื ไม่ -คุณค่าพิเศษของชุมชนท่ีสื่อสารไปแล้วน้ันในปัจจุบัน และทางด้านการตลาดมปี ระสิทธิผลหรอื ไม่ -คุ ณ ค่ า พิ เศ ษ ด้ า น ใด ท่ี ไม่ ได้ น า ม า ใช้ ท า ง ด้ า น ก า ร ท่องเทย่ี ว -คุณค่าพิเศษด้นใดท่ีสื่อออกไปได้ไม่ดีหรือส่ือผิดๆ ทางดา้ นการท่องเทีย่ ว -คุณค่าพิเศษน้ันๆ ถูกถ่ายทอดออกไปได้อย่างชัดเจน และ/หรอื เหมาะสมหรอื ไม่ -ทาอย่างงไรคุณค่าพิเศษน้ันๆ จึงจะถกู สื่อสารออกไป ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ควรมกี ารปรับวิธีอยา่ งไร ทม่ี า : พมิ พ์ระวี โรจนร์ ุ่งสัตย์ (2553 )

66 ผลของขั้นตอนน้ีสามารถนามาเสนอเป็นภาพที่ชัดเจน ที่จะอธิบายว่าทาไมชุมชนนั้นๆ จึงพิเศษ และ เหมาะสมตอ่ การพัฒนาการทอ่ งเทย่ี ว ความชัดเจนน้ีสามารถนาไปในในการพัฒนาความเข้าใจร่วมเก่ียวกับส่ิงท่ีทาให้ชุมชนนั้นพิเศษ และ แนวทางท่ีดีท่ีสุดในการนาเสนอคุณค่าน้ันๆให้แก่นักท่องเที่ยว (เช่น การปกป้องทรัพยากรในขณะท่ีพัฒนาการ ทอ่ งเทย่ี ว) เมอ่ื เกิดความเห็นรว่ มกนั แลว้ กจ็ ะเปน็ พนื้ ฐานทด่ี แี กผ่ มู้ ีส่วนเกี่ยวข้องจะดาเนนิ การข้นั ต่อไป ประเดน็ ท่ี 2 คือการพฒั นาแนวคิด เมื่อดาเนินงานถึงข้ันตอนนี้แล้ว อาจมีแนวคิดหลากหลายท่ีเกิดข้ึน ซ่ึงส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากผู้ที่ร่วม ดาเนินด้วยกัน ขั้นตอนน้ีคือ การนาทุกแนวคิดมาและนาเสนอว่าแนวคิดเหล่าน้ันเกิดผลอย่างไร อาจจะต้องมี การรวบรวมแนวคิดเฉพาะทางที่ไปในทางเดียวกันแล้วแบ่งเป็นกลุ่มๆ ตามแนวการปฏิบัติงาน ควรจะนา ประเด็นที่สาคัญมาร่วมด้วยและควรให้แน่ใจว่าได้มีการขยายโอกาสสู่ชุมชนโดยรวมอย่างทั่วถึงและสามารถ จัดการกับอปุ สรรคท่จี ะเกิดขึน้ ได้ หากแนวคิดและแนวทางที่ชัดเจนไม่สามารถเกิดข้ึนได้ในข้ันน้ี ควรที่จะพัฒนาให้ชัดเจนขึ้นโดยการ ปรึกษาหารือผู้เชี่ยวชาญ ระดมความคิดกันในเรอื่ งต่างๆ หารือเฉพาะกลุม่ หรอื การทาการประชมุ เชิงปฏิบัตกิ าร เป็นตน้ โดยท่วั ไปแล้วแนวคิดและแนวทางควรท่จี ะรวมถงึ 1. ประสบการณข์ องนกั ท่องเท่ียวทจี่ ะได้รับจากชุมชน 2. การมีส่วนร่มของชุมชน 3. การคานึงถึงสมบตั ิและทรัพยากรของชุมชน 4. สาธารณปู โภคทเ่ี หมาะสม 5. การตลาดทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ 6. การพฒั นาสินค้าทางการท่องเที่ยว 7. การสือ่ สารระหวา่ งผู้ทีม่ สี ว่ นเกี่ยวขอ้ ง 8. การฝกึ อบรมและการสรา้ งศักยภาพในระยะต่างๆ 9. การให้การสนบั สนนุ จากองคก์ รทีเ่ กยี่ วขอ้ ง องค์ประกอบและขน้ั ตอนการพฒั นาการท่องเทีย่ วชุมชนจากแหล่งอ่ืนๆ พจนา สวนศรี (2556) ไดก้ ล่าวถึงองค์ประกอบของการจดั การท่องเท่ยี วโดยชุมชนดังน้ี ทรพั ยากรธรรมชาติและวฒั นธรรม 1. ชมุ ชนมฐี านทรพั ยากรธรรมชาติที่อุดมสมบรู ณ์ 2. มวี ิถีการผลิตท่พี ึง่ พาและใชท้ รัพยากรธรรมชาติอย่างย่ังยนื 3. ชมุ ชนมวี ฒั นธรรมประเพณที ีเ่ ป็นเอกลักษณเ์ ฉพาะถิ่น องค์กรชมุ ชน 1. ชมุ ชนมรี ะบบสงั คมท่เี ข้าใจกัน 2. มปี ราชญ์ หรือผู้มีความรู้ และทกั ษะในเรื่องต่างๆท่หี ลากหลาย 3. ชมุ ชนรู้สึกเปน็ เจา้ ของและเข้ามามสี ว่ นรว่ มในกระบวนการพฒั นา

67 การจดั การ 1. มีกฎ – กติกาในการจัดการสิง่ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม และการทอ่ งเที่ยว 2. มีองค์กรหรือกลไกในการทางานเพ่ือจัดการท่องเท่ียวและสามารถเช่ือมโยงการท่องเท่ียว กับการพัฒนาชุมชนโดยรวมได้ 3. มีการกระจายผลประโยชนท์ ่เี ปน็ ธรรม 4. มีกองทุนของชมุ ชนทเ่ี อ้ือประโยชน์ตอ่ การพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมของชุมชน การเรียนรู้ 1. ลักษณะของกิจกรรมการท่องเที่ยวสามารถสร้างการรับรู้ และความเข้าใจในวิถีชีวิตและ วฒั นธรรมท่แี ตกต่าง 2. มรี ะบบการจดั การให้เกดิ กระบวนการเรยี นรรู้ ะหว่างชาวบ้านกบั ผมู้ าเยือน 3. สร้างจิตสานึกเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมท้ังในส่วนของชาวบ้าน และผูม้ าเยอื น พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553 ) ได้กล่าวถึงหนังสือหรือตาราท่ีเขียนเก่ียวกับการแนะนาการ พัฒนาการท่องเท่ียวชุมชนนั้นมีให้เห็นอยู่บ้าง และเพื่อเป็นการเปรียบเทียบแต่ละข้ันตอนหากจะนามา พิจารณาแล้ว จะเห็นว่ามีข้ันตอนท่ีคล้ายกัน ซ่ึงอาจมากน้อยแตกต่างกันไป อันที่จริงไม่มีตาราใดถูกผิด เพียงแต่ชุมชนเองต้องนาข้ันตอนที่เหมาะสมมาปรับใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์แ ละสภาพแวดล้อมของชุมน นั้นๆ เอง ตวั อยา่ งเปรยี บเทยี บดังในตารางท่ี 3.7 ตารางท่ี 3.7 ลาดับข้ันตอนการพัฒนาการท่องเทย่ี วชมุ ชน จากการศึกษาของผู้เรยี น สวนศรี (2003) Wearing และ The Mountain McLean (1998) Institute (2000) ส ร้ า ง ค ว า ม ต ร ะ ห นั ก ใ ห้ เรี ย น รู้ เก่ี ย ว กั บ ก า ร ชุมชนรู้ถงึ ข้อดี/ขอ้ เสยี ของ ท่ อ ง เ ที่ ย ว ร ว ม ทั้ ง การทอ่ งเทย่ี ว ผลกระทบและผลดี ห า ผู้ น า / ก ลุ่ ม ใน ก า ร ดาเนนิ การ สร้างโครงสร้างกลุ่มการ ดาเนินงานให้ชัดเจน เช่น รูป แ บ บ อ งค์ ก ร ห รื อ อาสาสมคั ร เข้ า ใจ ถึ ง ท รั พ ย า ก ร แ ล ะ ประชาสัมพันธส์ ่งเสริม เข้าใจและเห็นเอกลักษณ์ จดุ เดน่ ของชุมชน การท่องเท่ียวท่ีถูกทาง ข อ ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ให้ ชุ ม ช น มี ส่ ว น ร่ ว ม แ ล ะ สนับสนุนการพัฒนาการ และรูปแบบ ทอ่ งเทย่ี วในชุมชน ทอ่ งเท่ยี ว ให้ชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มเพอื่ นาชมุ ชนเขา้ มามสี ่วนร่วม การท่ องเที่ ย วแ บ บ ย่งั ยนื

68 จากการศึกษาของผู้เรียน สวนศรี (2003) Wearing และ The Mountain McLean (1998) Institute (2000) วางแผนแนวทางการ พัฒนาการทอ่ งเที่ยว เป้าหมาย และ วัตถุประสงค์ น า ทุ ก ภ า คี เข้ า ม า มี ส่ ว น ใหท้ กุ ฝ่ายมสี ่วนรว่ ม ร่วม คือ องคก์ รรัฐใน ทอ้ งถ่ิน ภาคเอกชน และชุมชน พฒั นาบุคลากรในชุมชน เตรียมการสร้างศักยภาพแก่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ พฒั นาทกั ษะให้แก่ชมุ ชน โดยการอบรมและให้ ชุ ม ช น ใน ก า ร จั ด ก า ร ก า ร มาเทยี่ ว ผา่ นการอบรมเชิง การศึกษาด้านการ ท่องเทยี่ ว ปฏิบัตกิ าร ท่องเท่ียว - เลอื กสถานที่/แหลง่ ท่องเทย่ี ว - ศึกษาศักยภาพชุมชนโดย ชุมชนมีสว่ นร่วม - ก า ห น ด วิ สั ย ทั ศ น์ แ ล ะ วตั ถุประสงคร์ ว่ มกับชุมชน - สร้างแผนการดาเนินงานเพื่อ เต รี ย ม ชุ ม ช น เข้ า ม า จั ด ก า ร ท่องเทย่ี ว - สร้างแนวทางสาหรับการ จดั การในโครงสร้างองค์กร - จัดรายการทวั ร์ - ฝึกอบรมผ้เู ป็นมคั คุเทศก์ - พัฒนาแผนการตลาด - ดาเนินการจัดทัวร์จริงเพ่ือ ทดลอง - วั ด ผ ล แ ล ะ ป ร ะ เมิ น ผ ล กระบวนการทั้งหมด ทมี่ า : พมิ พ์ระวี โรจนร์ งุ่ สัตย์ (2553 )

69 จากการศึกษาข้ันตอนการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน หากจะแบ่งกลุ่มการดาเนินน้ัน สามารถแยกได้ ชัดเจนตามความสาคญั และกล่มุ กระบวนการ ดงั ตอ่ ไปนี้ กระบวนการศกึ ษา/วจิ ยั เขา้ ใจทรัพยากรในท้องถิ่น นาทุกภาคส่วนเขา้ มามสี ว่ น ร่วมในการศึกษาดาเนนิ งาน กระบวนการสร้าง สรา้ งโครงสร้าง วางแผนให้ชัดเจน สร้างความเขา้ ใจ/ องค์กร ตระหนกั แกช่ มุ ชน หาผนู้ าหลักใน และการมสี ว่ นร่วม การดาเนนิ งาน . กระบวนการสนบั สนนุ ให้การศึกษาและอบรมชมุ ชน มีผ้เู ชีย่ วชาญท้งั ภาครฐั /เอกชน สนับสนุนแนะนา ภาพที่ 3.6 กระบวนการพัฒนาการท่องเทย่ี วชุมชน ที่มา : พมิ พร์ ะวี โรจนร์ งุ่ สตั ย์ (2553 )

70 ขั้นตอนต่างๆ นั้นเป็นแนวทางในการแนะนา เพ่ือดาเนินการพัฒนาการทอ่ งเที่ยวชุมชน อย่างไรกต็ าม เมือชุมชนนาไปปฏิบัติให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของชุมชนน้ันๆ ซ่ึงบางขั้นตอนสามารถดาเนินการไปพร้อมๆ กันได้ หรืออาจมรี ายละเอยี ดซ่ึงแตกแขนงออกไปของแตล่ ะขั้นตอนตามบริบทของชุมชนที่แตกตา่ งกัน โดยสรุปแล้วในการดาเนินการวางแผนพัฒนาเพ่ือไปสู่การท่องเท่ียวชุมชนให้ยั่งยืนน้ันเมื่อดาเนินงาน ไปแต่ละระยะ ควรมีการประเมินผลหรือตรวจสอบอย่างต่อเน่ืองตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งสามารถปรับเปล่ียน แก้ไขได้ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ อย่างไรก็ตามในเรื่องของหลักการของการท่องเท่ียวของชุมชน ควรเป็นสิ่งสาคัญท่ีคณะดาเนินงานควรพิจารณาและไม่ควรให้การดาเนินงานเพ่ือการท่องเท่ียวชุมชนหลุด กรอบหรือหลักการสาคัญ หลักการดังกล่าวได้แจ้งไว้ตามรูปภาพดังต่อไปนี้ ซ่ึงมีทางเลือกไว้ตามหัวข้อต่างๆ เพื่อนาไปสู่การปฏิบัติให้เหมาะสมกับชุมชนแต่ละชุมชน อย่างไรก็ตามกรอบกว้างๆ ของการท่องเท่ียวชุมชนที่ ดีควรมีหลักการครอบคลุมอย่ดู ว้ ย หลกั การการทอ่ งเทย่ี วชุมชน ขอ้ ปฏบิ ตั ิ ส่งิ ดึงดูด เศรษฐกจิ การจดั การ ควบคุมโดยชมุ ชนหรอื วฒั นธรรม ประเพณีและ รายได้เสริมและ การจัดการท่ีดี ผ้เู ชี่ยวชาญ ทรัพยากรทอ้ งถ่ิน รายได้หลกั ผลประโยชนส์ ู่ชุมชน ตกทอดสคู่ นรุน่ หลงั ชมุ ชนสามารถ เหมาะสมสาหรับ พึ่งตนเองได้ ชุมชนนัน้ ๆ ผลประโยชน์สู่ผ้มู ีสว่ น ประสบการณ์ทแี่ ปลกและ เกยี่ วขอ้ ง น่าประทับใจแก่ นกั ท่องเท่ียว ภาพที่ 3.7 หลักการทอ่ งเท่ยี วชมุ ชน ท่ีมา : พมิ พร์ ะวี โรจน์รุง่ สตั ย์ (2553 )

71 บทสรุป การท่องเท่ียวชุมชน คือ การค้นหาอัตลักษณ์ท่ีมีอยู่ในชุมชน นามาสร้างเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดบุคคล จากภายนอกชุมชนให้เดินทางเข้าไปสัมผัสและค้นหาส่ิงต่างๆในชุมชน เช่น วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ เป็นต้น โดยคานึงถึง การมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการ การดุและรักษาทรัพยากรในท้องถ่ิน ข้อ ปฏิบัติและการจัดการผลประโยชน์ที่ได้ เป็นต้นให้เป็นส่วนหน่ึงส่วนเดียวกันของคนในชุมชนท้ังหมด โดย คานึงถึง การอนุรักษ์ทรัพยากรต่างๆท่ีมีอยู่จริงในชุมชนโดยการท่องเท่ียวชุมชนต้องคานึงถึง หลักการและ ความหมายของการท่องเที่ยวโดยชุมชน ความหมายของการท่องเที่ยวโดยชุมชน การท่องเท่ียวชุมชนมีข้อดี หรือข้อเสียอย่างไร หลักในการวางแผนพัฒนาการท่องเท่ียวชุมชน องค์ประกอบและขั้นตอนการพัฒนาการ ท่องเที่ยวชุมชน การท่องเท่ียวชมุ ชน เป็นการท่องเท่ียวท่ีคานึงถึงอัตลักษณ์ที่เป็นตัวตนท่ีแท้จริงของชุมชน ซึ่ง ชุมชนจะเป็นคนค้นหาร่วมกันและนามาสร้างเป็นจุดขายให้กับชุมชนน้ันๆ ในการดึงดูดนักท่องเท่ียวให้เข้าไป สัมผัสกับวิถีความเป็นชุมชน เป็นการประชาสัมพันธ์ชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างความย่ังยืนให้กับ ชุมชนต่อไป แบบฝึกหดั ทา้ ยบท 1. จงอธบิ ายหลกั การและความหมายของการทอ่ งเทีย่ วโดยชุมชน 2. จงสรปุ และอภิปรายการท่องเที่ยวชุมชนมีข้อดีหรือข้อเสียอยา่ งไร 3. จงอธบิ ายหลักในการวางแผนพัฒนาการท่องเท่ยี วชุมชนกับการประยุกต์ใช้ในการจัดการการ ท่องเทีย่ วในปัจจุบนั 4. จงอภปิ รายและสรปุ หลกั ในการวางแผนพฒั นาการท่องเทีย่ วชุมชนมหี ลักในการวางแผนอย่างไร 5. จงอธบิ ายองค์ประกอบและขน้ั ตอนการพฒั นาการทอ่ งเที่ยวชมุ ชนมาให้เข้าใจ 6. จงบรู ณาการหลักการท่องเทีย่ วชมุ ชนกับวถิ ชี วี ติ วัฒนธรรม ประเพณีและกจิ กรรมตา่ งๆท่ีมอี ยู่ใน ชมุ ชนของนกั ศึกษามาให้ถกู ต้องตามหลักและวธิ ีการ 7. จงวเิ คราะห์ SWOT คอื S-จดุ แขง็ W-จุดอ่อน O-โอกาส และ T-อุปสรรค ของชมุ ชนของท่านใน การจดั การท่องเทีย่ วชุมชน 8. อะไรคอื ผลกระทบจากการทอ่ งเท่ียวชุมชนภูทับเบิก จังหวดั เพชรบรู ณท์ งั้ ด้านบวกและด้านลบ

72 เอกสารอ้างอิง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม. (2558).บูรณาการหน่วยงานภาครัฐ จัดระเบียบ “ภูทับเบิก” เพ่ือรักษาธรรมชาติให้อยู่อย่างยั่งยืนและสมดุล.สืบค้นเมื่อวันท่ี 25 กันยายน 2558.จาก http://www.mnre.go.th/ewt_news.php?nid=7139. นรเพชร ฟองอ่อน. (2558) สมั ภาษณ์ประเด็นขอ้ ดีข้อเสียของการท่องเที่ยวชุมชน. วันท่ี 24 สงิ หาคม 2558 ณ คณะวิทยาการจัดการ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธาน.ี พจนา สวนศรี. (2542). การท่องเท่ียวที่ย่ังยืนโดยชุมชน. เอกสารประกอบการบรรยายหลักสูตรปริญญาโท สาขาวิชาการจดั การอตุ สาหกรรมทอ่ งเทย่ี ว. เชยี งใหม:่ มหาวิทยาลยั เชียงใหม.่ (เอกสารอัดสาเนา). พจนา สวนศรี. (2546). คมู่ ือการจดั การท่องเที่ยวโดยชุมชน. กรุงเทพฯ: โครงการทอ่ งเทย่ี วเพอ่ื ชวี ติ . พจนา สวนศรี (2556) คมู่ อื การจัดการทอ่ งเทย่ี วโดยชมุ ชน. โครงการทอ่ งเทย่ี วเพ่ือชวี ิตและธรรมชาติ. พมิ พ์ระวี โรจนร์ ุ่งสตั ย์ (2553). การทอ่ งเทีย่ วชุมชน. พมิ พค์ รัง้ ที่ 1: กรุงเทพ สานกั พิมพ์โอเดียนสโตร์. รชพร จันทร์สว่าง. (2546). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการท่องเที่ยว .เอกสารการสอนชุดฝึกอบรมทางไกล หลักสูตรการจัดการท่องเท่ยี วชุมชนอย่างย่ังยืน. นนทบรุ ี: มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. ราไพพรรณ แก้วสุริยะ. (2544). การท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตชนบทอย่างย่ังยืน. เอกสารประกอบการบรรยาย เร่ือง การจัดการท่องเท่ียวชนบท ณ ห้องประชุมใหญ่ อาคารสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน กรงุ เทพมหานคร.26-28 กันยายน. (อัดสาเนา). ยุวดี นิรัตน์ตระกูล. (2544). Eco-Tourism การท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์: จุลสารการท่องเท่ียวปีท่ี 16 เล่มท่ี 4 ตุลาคม-ธันวาคม. กรุงเทพฯ: สานักพมิ พ์กองวิชาการและฝกึ อบรมการท่องเท่ียวแหง่ ประเทศไทย. สินธ์ุ สโรบล และอุดร วงษ์ทับทิม. (2546). การท่องเท่ียวโดยชุมชนแนวคิดและประสบการณ์พ้ืนที่ ภาคเหนือ. โครงการประสานงานวิจัยและพัฒนาเครือข่ายการท่องเท่ียวโดยชุมชน สานักงาน กองทนุ สนบั สนุนการวิจัย (สกว.). กรงุ เทพฯ: วนดิ า เพรส. สืบชาติ อันทะไชย. (2558).สัมภาษณ์ประเด็นความหมายการท่องเที่ยวชุมชน.วันท่ี 24 สิงหาคม 2558 ณ คณะวทิ ยาการจดั การ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธาน.ี สุจิตราภา พันธ์วไิ ล และธีรเทพ ชนไมตรี. (2550). ศักยภาพและความต้องการในการวางแผนและจดั การ การท่องเทย่ี วของชุมชนในจงั หวดั เชยี งราย: สานักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ัย (สกว.). Country style, (2553). Community Tourism: Principles. สืบค้นเมื่อ 23 มกราคม 2553. จาก http://www.countrystylecommunitytourism.com/ community-tourism.htm.

73 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 4 การมีสว่ นรว่ มของชุมชนทอ้ งถ่นิ ในการจัดการการท่องเท่ยี วแบบย่ังยนื เนื้อหาประจาบท 1. ความหมายของการมีส่วนร่วม 2. ความหมายของการมีสว่ นรว่ มของชมุ ชน 3. ลกั ษณะและขัน้ ตอนการมีสว่ นร่วม 4. ประโยชนข์ องการมสี ่วนรว่ มของประชาชน 5. แนวคิดเกย่ี วกบั การมสี ่วนรว่ มของชุมชนในการจัดการการทอ่ งเทยี่ ว 6. ผู้มสี ่วนเกี่ยวข้องหลักในการจัดการการท่องเท่ยี วชมุ ชน 7. วธิ กี ารในการที่จะนาผู้ท่มี ีส่วนเกี่ยวขอ้ งเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม 8. สรปุ 9. แบบฝกึ หัดท้ายบท วัตถุประสงค์เชงิ พฤติกรรม 1. อธบิ ายความหมายของการมสี ว่ นร่วม 2. อธบิ ายความหมายของการมสี ว่ นรว่ มของชุมชน 3. บรรยายลักษณะและขนั้ ตอนการมีส่วนร่วม 4. บอกประโยชนข์ องการมีส่วนรว่ มของประชาชน 5. สรุปแนวคดิ เกีย่ วกบั การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจดั การการท่องเทีย่ ว 6. อธิบายผู้มสี ่วนเก่ยี วขอ้ งหลักในการจัดการการทอ่ งเทยี่ วชุมชน 7. สรุปวิธกี ารในการท่จี ะนาผู้ทีม่ ีสว่ นเก่ียวขอ้ งเข้ามามสี ว่ นร่วม วธิ สี อน 1. ศกึ ษาจากเอกสารประกอบการสอนวชิ าการพฒั นาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยนื 2. อาจารยผ์ สู้ อนให้หวั ขอ้ ผูเ้ รียนอภิปรายผลและสรุป 3. ใช้ปัญหาเป็นฐาน ถาม-ตอบผเู้ รียน 4. บรรยายและยกตวั อยา่ งประกอบ กิจกรรม 1. แบง่ กลมุ่ ใหน้ ักศกึ ษาสรุปเน้อื หาสาคญั และนาเสนอ 2. การแสดงบทบาทสมมติ 3. คน้ คว้าเพมิ่ เติมจากอินเตอรเ์ น็ต 4. ตอบคาถามระหว่างบรรยาย 5. ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท

74 สอ่ื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยนื 2. PowerPoint ประกอบการบรรยาย 3. ภาพประกอบต่างๆจากอนิ เตอร์เน็ต การวดั และประเมนิ ผล 1. ประเมินผลจากการนาเสนอรายงาน 2. ประเมนิ ผลจากการทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท 3. สังเกตพฤติกรรมผเู้ รยี นในการถาม-ตอบ 4. สังเกตจากพฤติกรรมความสนใจและการรว่ มกิจกรรมในชั้นเรยี น

75 บทที่ 4 การมีส่วนรว่ มของชมุ ชนท้องถิ่นในการจดั การการท่องเทยี่ วแบบย่งั ยนื การมีส่วนร่วมของชุมชนน้ันเป็นสิ่งสาคัญเป็นรูปแบบและข้ันตอนในการกาหนดทิศทางร่วมกันของ ชุมชน โดยคานึงถึงผู้มีส่วนเก่ียวข้องในทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ร่วมกนั โดยยดึ หลกั การ เข้าใจความต้องการของชุมชนก่อนวา่ จะเปิดตวั เองและบริหารจัดการอย่างไร จากนั้น การเข้าถึงบริบท อัตลักษณ์และทรัพยากรในด้านต่างๆและนาผลท่ีได้จากการมีส่วนร่วมที่สรุปร่วมกันนามา จัดการและพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ในบทนี้จะกล่าวถึง ความหมายของการมีส่วนร่วม ความหมายของ การมีส่วนร่วมของชุมชน ลักษณะและขั้นตอนการมีส่วนร่วม ประโยชน์ของการมีส่วนร่วมของประชาชน แนวคิดเกีย่ วกบั การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการการท่องเทย่ี ว ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักในการจัดการการ ท่องเที่ยวชมุ ชน วธิ ีการในการที่จะนาผู้ที่มสี ว่ นเกีย่ วข้องเข้ามามสี ่วนรว่ ม ความหมายของการมีส่วนร่วม การมสี ่วนรว่ มมีผูใ้ หค้ วามหมายไวม้ ากมายดังน้ี พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553) ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมหมายถึง (Participation) ตามพจนานุกรม อังกฤษฉบับอ๊อกฟอร์ด ได้ให้คานิยามไว้ว่า “เป็นการมีส่วน (ร่วมกับคนอื่น) ในการกระทาบางอย่างหรือบาง เรื่อง” คาว่า การมีส่วนร่วม โดยมากมักจะใช้ในความหมายตรงข้ามกับคาว่า “การเมินเฉย (Apathy)” ฉะน้ัน คาว่าการมีส่วนร่วมตามความหมายข้างต้น จึงหมายถึง การที่บุคคลกระทาการในเร่ืองใดเรื่องหนึ่งหรือใน ประเด็นท่ีบุคคลน้ันสนใจ ไม่ว่าเขาจะได้ปฏิบัติการเพ่ือแสดงถึงความสนใจอย่างจริงจังหรือไม่ก็ตาม และไม่ จาเปน็ ทบ่ี ุคคลน้ันจะตอ้ งเขา้ ไปเกย่ี วข้องกบั กิจกรรมนนั้ โดยตรงกไ็ ด้ แต่การมที ัศนคติ ความคดิ เห็น ความสนใจ หว่ งใย กเ็ พยี งพอแลว้ ทีจ่ ะเรียกวา่ เปน็ การมีส่วนร่วมได้ ฝาตีม๊ะ เกนุ้ย และคณะ (2556) ได้อธิบายถึงการมีส่วนร่วม หมายถึง กระบวนการท่ีรัฐบาลทาการ ส่งเสริม ชักนา สนับสนุนและสร้างโอกาสให้ประชาชนในชุมชนทั้งในรูปส่วนบุคคลกลุ่มคน ชมรม มูลนิธิ และ องค์การอาสาสมัครรูปแบบต่างๆให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดาเนินงานเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงให้บรรลุตาม วัตถุประสงค์และนโยบายการพัฒนาท่ีกาหนดไว้ การร่วมปฏิบัติตามนโยบาย แผนงาน โครงการและกิจกรรม ให้บรรลตุ ามเป้าหมายทว่ี างไว้ และขนั้ สดุ ท้ายรว่ มกันควบคุมติดตาม ประเมนิ ผล และรว่ มบารุงรักษาโครงการ ทไ่ี ดท้ าไว้ ท้งั โดยเอกชนและรับบาลใหใ้ ช้ประโยชน์ได้ตลอดไป วีระพงษ์ บุญโญภาสและคณะ (2556) ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วม หมายถึง ความร่วมมือในการ ดาเนินงานร่วมกันระหวา่ งหน่วยงานภาครัฐและประชาชนต้งั แต่การร่วมคิด การมีส่วนร่วมวางแผน การมีส่วน รว่ มดาเนนิ การ และการมีส่วนรว่ มติดตามประเมนิ ผลเพอ่ื ใหบ้ รรลุวัตถุประสงค์หรอื จดุ หมายทีต่ ัง้ ไว้ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง (2528) ได้เสนอข้ันตอนของการมีส่วนร่วมจากประสบการณ์ภาคสนามในประเทศ ไทยว่าการมสี ว่ นรว่ มทแ่ี ท้จรงิ นนั้ น่าจะมี 4 ขน้ั ตอน คือ 1. การมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหาและสาเหตุของปัญหาของชาวชนบท – เป็นส่วนแรกที่สาคัญ ที่สุด เพราะถ้าชาวบ้านยังไม่สามารถเข้าใจปัญหาและค้นหาสาเหตุของปัญหาด้วยตัวของเขาเองได้ กิจกรรม ต่างๆ ที่ตามมาก็ไร้ประโยชน์ เพราะจะขาดความเข้าใจและมองไม่เห็นความสาคัญของกจิ กรรมน้ัน สง่ิ ท่สี าคัญ ที่สุดก็คือ ชาวบ้านเป็นผู้อยู่กับปัญหาและรู้จักปัญหาของตนเองดีที่สุด แต่อาจมากปัญหาไม่ได้เด่นชัด เจา้ หนา้ ทีห่ รือนักพฒั นาจึงเหมอื นกระจกเงา ผคู้ อยสะท้อนภาพให้ชุมชนมองเหน็ และวเิ คราะหป์ ญั หาได้

76 2. การมีส่วนร่วมในการวางแผนดาเนินกิจกรรม – เป็นข้ันตอนต่อไปท่ีขาดไม่ได้เพราะการมีส่วน ร่วมในการวางแผนจะช่วยให้ชุมชนเข้าใจปัญหา พัฒนาประสบการณ์ของตนเองและสามารถวางแผนได้ด้วย ตนเองในท่ีสุด 3. การมีส่วนร่วมในการลงทุนและการลงทุนและการปฏิบัติงาน – เป็นขั้นตอนท่ีชุมชนสามารถ ลงทุนและปฏิบัติงานได้ อย่างน้อยจากแรงงานของตนเองเป็นขั้นต่าสุดท่ีจะเข้าร่วมได้ จะทาให้ชุมชนรู้จักคิด ตน้ ทุนให้กับตวั เองในการดาเนินงานและจะระมัดระวังรักษากจิ กรรมทีท่ าให้ได้เรียนรู้การดาเนินกจิ กรรมอย่าง ใกลช้ ิด และเม่อื เหน็ ประโยชน์กส็ ามารถจะดาเนินกจิ กรรมชนดิ น้ันด้วยตนเองต่อไปได้ 4. การมีส่วนร่วมในการติดตามและประเมินผล – เป็นขั้นตอนสุดท้ายท่ีสาคัญอย่างยิ่งเช่นกัน เพราะถ้าหากการติดตามและประเมินผลขาดการมีส่วนร่วม ชุมชนก็ไม่สามารถทราบว่างานท่ีทาไปน้ันได้รับ ผลดีได้รับประโยชน์อย่างไรหรือไม่ การผสมผสานระหว่างการประเมินจากบุคคลภายนอกกับชุมชนน่าจะได้ ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์มากกว่า เพราะนอกจากจะเป็นการประเมินแล้ว ยังแลกเปล่ียนความรู้ความเข้าใจ ในกระบวนการประเมิน และเปน็ การเผยแพร่กจิ กรรมออกไปสูช่ ุมชนอื่นๆ ด้วย ประจวบ อมแก้ว (2543) ได้กล่าวถึงปัญหาของการมีส่วนร่วมของประชาชนว่า “การมีส่วนร่วม ของประชาชนเป็นการขจัดการขจัดปัญหาความขัดแย้ง มีอะไรต้องนามาพูดคุยกัน ระดมความคิดเห็นเพ่ือ ช่วยกันหาทางออกร่วมกัน ต้องมองเป็นองค์รวม โดยจริงๆ แล้ว การมีส่วนร่วมนั้น ไม่มีปัญหา หากมีการทา อย่างถูกขั้นตอนจริงๆ แต่ส่วนหน่ึงท่ีทาให้การมีส่วนร่วมมีปัญหาก็คือความเข้าใจในการมีสว่ นร่วมที่ไม่ตรงกัน ทาให้เกิดช่องว่างข้ึน ดังนั้นจึงต้องมีการตกลงรูปแบบร่วมกัน และทาอย่างตรงไปตรงมา ไม่เช่นนั้น ความ น่าเช่ือถือก็จะไม่เกิด เม่ือไม่เกิดครั้งหนึ่งแล้วคราวต่อไปก็จะไม่น่าเชื่ออีก ดังน้ัน ส่ิงท่ีสาคัญท่ีต้องทาตอนนี้คือ การให้ความรู้แก่ประชาชนก่อนเป็นประการแรก เมื่อประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในหน้าที่สิทธิและบทบาท ของตน การทาประชาพิจารณ์หรือการมีสว่ นรว่ มใดๆ ถึงแม้จะมีเป้าหมายที่เบยี่ งเบนไปบ้างแตก่ ็จะไม่มากมาย อยา่ งเช่นในปัจจุบันน้ี” เพ่ิมศักดิ์ มกราภิรมย์ (2543) ไดอ้ ธิบายว่า “องคป์ ระกอบที่สาคัญของการมีสว่ นร่วม คอื ผู้ร่วมงาน ทุกฝา่ ยต้องมอี ดุ มการณ์ เปา้ หมายและวัตถปุ ระสงค์ร่วมกัน และมผี ลประโยชนร์ ว่ มกัน” สาหรบั ประเดน็ ในการ เข้าร่วมนั้น สามารถแบ่งแยกการมีส่วนร่วมได้หลายระดับ ตามความหนักเบาของการเก่ียวข้องต้ังแต่ระดับต้น (ระดับ 1) ที่เข้าไปเตรียมการหรือจัดการอย่างเข้มเพ่ือกระตุ้นให้คนเข้ามามีส่วนร่วม จนถึงระดับสุดยอด (ระดับ 6) คือแบบสมัครใจ ประชาชนรบั รู้ตระหนักและเคลื่อนไหวผลักดนั ใหร้ ว่ มงานกันเอง โดยปราศจากการ จดั ตง้ั ใดๆ เลิศพร ภาระสกุล (2551) ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน หมายถึง กระบวนการต่างๆ ที่ ประชาชนได้เข้าไปมสี ่วนร่วมเก่ียวข้องกับการดาเนินกิจกรรมชุมชน ร่วมกันคิดแก้ไขปญั หาการดาเนินการและ กจิ กรรมในชมุ ชน โดยร่วมวางแผนโครงการร่วมปฏิบตั ิงานในลกั ษณะของการเสียสละแรงงาน บรจิ าคเงนิ วัสดุ สิ่งของ ร่วมแบ่งปันผลประโยชน์ และร่วมติดตามผลงานด้วยความสมัครใจ เพื่อพัฒนาทรัพยากรสิ่งแวดล้อม หรือชุมชนให้บรรลุเป้าหมายท่ีกาหนดไว้เพื่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงในทิศทางที่ต้องการและพึงประสงค์ของ กลมุ่ หรอื องคก์ ร ความหมายของการมีส่วนร่วม หมายถึง กระบวนการต่างๆที่ทุกภาคส่วนได้เข้าไปมีส่วนร่วม เกยี่ วขอ้ งกับการดาเนินกิจกรรมต่างๆภายในชมุ ชน เช่น รว่ มกนั วางแผน รว่ มกนั คดิ แกไ้ ขปัญหารว่ มกัน ดาเนนิ กิจกรรมต่างๆภายในชุมชน รวมท้ังรวมกันแบ่งปันผลประโยชน์และตรวจสอบการดาเนินการต่างๆภายใน ชุมชนร่วมกัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศที่เหมาะสมและถูกต้องตามความต้องการและวัตถุประสงค์ ขององค์กรและของชมุ ชน

77 ความหมายของการมีสว่ นรว่ มของชมุ ชน การมสี ว่ นร่วมของชุมชนมีผ้ใู หค้ วามหมายไวด้ งั นี้ ณักษ์ กุลิสร์และคณะ (2553) ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน หมายถึง (Community Participation) กระบวนการตัดสินใจของชุมชนในการกาหนดความต้องการ การวางแผนการดาเนินงาน การ บรหิ ารจดั การ การระดมทรัพยากร การรับผลประโยชน์และการประเมนิ ผล ทวีศิลป์ กุลนภาดล (2553) ได้อธิบายถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน หมายถึง (Community Participation) การร่วมทากิจกรรมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตาบลที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร จัดการการดาเนินการพัฒนาชุมชนตามข้ันตอนตา่ งๆ ตั้งแต่การวางแผน การปฏิบัติงาน การตรวจสอบตดิ ตาม และประเมนิ ผล สุจิตราภา พันธ์วิไล และธีรเทพ ชนไมตรี (2550) ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของชุมชนกลายเป็น องค์ประกอบท่ีสาคัญและจะขาดไปเสียไม่ได้ในการพัฒนาและจัดการดาเนินงานต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ ประชาชน และชุมชนมีเป้าหมายร่วมกัน ต้องมีการร่วมคิดค้นหาปัญหาและสาเหตุของปัญหา ร่วมตัดสินใจ ร่วมปฏิบัติและร่วมดาเนินงาน ร่วมกันติดตามประเมินผล เพื่อสรุปและนาข้อบกพร่องต่างๆ มาพัฒนา ปรบั ปรุงแก้ไข รวมท้งั รว่ มกันรักษาแบง่ ปันผลประโยชน์ การดาเนนิ การมสี ่วนรว่ มของชมุ ชนอย่างต่อเน่ืองและ สม่าเสมอมีความสาคัญ และในทุกข้ันตอนของการมีส่วนร่วมจะต้องเป็นไปโดยความสมัครใจและความต้ังใจ จริงของชุมชนอย่างแท้จริงการดาเนินกิจกรรมนั้น การมีส่วนร่วมจะต้องมีจุดประสงค์สาคัญในการให้ชุมชนได้ ร่วมรบั ผลประโยชน์อยา่ งเท่าเทยี มกัน เพอื่ ให้เกดิ ประโยชน์อยา่ งแทจ้ ริงกับประชาชนท้งั มวลท่ีเก่ียวข้อง ความหมายของการมีส่วนร่วมของชุมชน หมายถึง การท่ีชุมชนได้เข้ามีส่วนร่วมในการกาหนด ทิศทางต่างของชุมชนและเพื่อชุมชนใหด้ าเนินการไปตามความต้องการของชมุ ชน ผ่านกระบวนการ ประชา พิจารณ์และประชุมกลุ่มร่วมกันพร้อมท้ังให้ทุกคนในชุมชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ เปน็ ตน้ เพือ่ สรา้ งความรว่ มมอื สรา้ งความเขา้ ใจและสรา้ งความเขม้ แข็งใหก้ บั ชมุ ชน ความสาคัญของการมีส่วนร่วมของชุมชน การมีส่วนร่วมของชุมชนมีความสาคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาหรือสร้างศักยภาพด้านต่างๆให้กับชมุ ชน ซึง่ จะสง่ ผลให้ชุมชนมีพฒั นาการท่ีถูกต้อง เขม้ แข็ง บริหารจดั การชุมชนได้อยา่ งเหมาะสม พร้อมท้งั สร้างสมดุล ให้กบั ทรพั ยากรและวิถีชวี ิตได้พ่ึงพาอาศัยและอยรู่ ่วมกนั ได้อย่างมีความสขุ พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์ (2553 : 33-35) ได้กล่าวถึงหนังสือเรื่อง “Tourism : A Community Approach” ของ เมอร์ฟี่ (Murphy, 1985) ตพี ิมพน์ นั้ ถือเปน็ การเร่ิมต้นท่สี าคัญของแนวคิดเร่ืองการที่ชุมชนมี ส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเท่ียว และเป็นแนวทางปฏิบตั ิท่ีกล่าวถึงกันมากในการพัฒนาการท่องเท่ียวแบบ ยั่งยืน สิ่งท่ีถกเถียงกันอย่างมากก็คือ เร่ืองของประโยชนท์ ี่จะกระจายส่ชู ุมชนอย่างแท้จริง และเรื่องนี้เป็นเร่อื ง ท่ีถือว่าสาคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวไปสู่ความย่ังยืน ดังน้ัน การท่องเท่ียวชุมชนถือเป็นเคร่ืองมือในการ จัดการการท่องเท่ียว เป็นแนวคิดใหม่ของการจัดการการท่องเที่ยว จนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางใน ปัจจุบัน แนวคิดน้ีเน้นการพัฒนาการท่องเท่ียวต้องให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมและมีส่วนในการตัดสินใจ เน่ืองจากการท่องเท่ียวจะสาเร็จไม่ได้หากขาดความเต็มใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมของชุมชน เหตุผลง่ายๆ คือ การท่องเที่ยวในชุมชนจะสาเร็จต้องข้ึนอยู่กับการมีส่วนรว่ มอย่างจริงจังของผซู้ ่ึงสามารถสื่อสารวฒั นธรรมของ ตนให้แก่นักท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริง และจะทาให้การเติบโตหรือการเปล่ียนแปลงที่การท่องเท่ียวจะนามาสู่ ชมุ ชนดาเนนิ ไปในทิศทางท่ีดีที่ชุมชนเองก็พอใจ

78 งานเขียนของโทซัน และทิโมที (Tosun & Timothy, 2003 อ้างถึงในพิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์, 2553) ได้นาเสนอเหตุผลสาคญั 7 ประการ ทคี่ วรให้ชุมชนเขา้ มามสี ว่ นร่วมในการจัดการการทอ่ งเทยี่ วโดยมชี ุมชนเป็น ฐาน ซ่ึงสามารถอธบิ ายไดอ้ ย่างชดั เจน คือ 1. การมีส่วนร่วมของชุมชน เป็นองค์ประกอบที่สาคัญในการดาเนินการวางแผนและตั้งกลยุทธ์ ทางการทอ่ งเทยี่ ว 2. การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนนาสูก่ ารพัฒนาการท่องเทีย่ วอย่างย่งั ยืนในหลายๆ ทาง 3. การมสี ่วนร่วมของชุมชนทาใหเ้ พิม่ พูนความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว 4. การมีสว่ นร่วมของชุมชนช่วยให้นักวางแผนทางการท่องเทยี่ วตัดสินใจหรือวางแผนการท่องเท่ียวได้ ง่ายข้ึน 5. การมสี ่วนรว่ มของชุมชนช่วยใหเ้ กิดการกระจายผลประโยชน์ที่เกิดจากการท่องเท่ียวแกช่ มุ ชนอย่าง ทว่ั ถึง 6. การมสี ว่ นรว่ มของชุมชนช่วยให้ความต้องการของชุมชนสาเร็จได้ 7. การมีส่วนร่วมของชุมชนทาให้เกิดกระบวนการทางประชาธิปไตยอย่างแท้จริงในแหล่งท่องเท่ียว นัน้ ๆ นอกจากน้ยี งั มนี กั วิชาการทางการท่องเทยี่ วอีกหลายทา่ นท่ีกลา่ วถึงความสาคัญของการมีส่วนร่วมของ ชุมชนในการจัดการการทอ่ งเทย่ี ว คอื 1. การมีส่วนรว่ มในกระบวนการพัฒนาของชมุ ชน จะนาสกู่ ารตดั สินใจที่ดเี น่ืองจากได้รบั แรงจูงใจจาก ชุมชน (Gill, 1997อ้างถงึ ในพมิ พ์ระวี โรจนร์ งุ่ สัตย์, 2553) 2. การท่ีชุมชนมีส่วนร่วมจะเป็นการร่วมมือด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรและส่ิงแวดล้อม (Burn & Sofield, 2001อา้ งถงึ ในพิมพ์ระวี โรจนร์ ุ่งสัตย์, 2553) 3. นักท่องเที่ยวจะได้รับความพอใจมากข้ึน หากชุมชนนั้นสนับสนุนการท่องเท่ียวและภูมิใจในการ นาเสนอของดใี นชมุ ชน (Cole, 1996อา้ งถึงในพิมพร์ ะวี โรจนร์ งุ่ สัตย์, 2553) องค์การการท่องเท่ียวโลก (UNWTO) ได้มีการออกหนังสือเกี่ยวกับสิทธิท่ีชุมชนพึงมีตอ่ การมีส่วนร่วม หรือมีส่วนได้ส่วนเสียจากการท่องเท่ียวท่ีเกิดในชุมชนของตนข้ึน (Host communities-Global code of ethics for tourism) สิ่งน้ีเป็นการยืนยันถึงความสาคัญและสิทธิชุมชนต่อการท่องเท่ียวอย่างเป็นลายลักษณ์ อกั ษรและเป็นที่ยอมรบั กนั ในระดบั นานาชาติ โดย UNWTO ระบุว่า 1. ชุมชนตอ้ งมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมการท่องเทีย่ ว และรับผลประโยชน์อย่างเทา่ เทยี มทงั้ ในแง่เศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม โดยเฉพาะงานทีเ่ กิดจากการทอ่ งเที่ยวท้งั ทางตรงและทางออ้ ม 2. การท่องเทย่ี วต้องชว่ ยยกระดับของมาตรฐานชวี ิตชมุ ชน และสนองตอ่ ความต้องการในการวางแผน ดา้ นการทอ่ งเทีย่ ว 3. หากเกิดปัญหาขึ้นชุมชนต้องได้รับความเอาใจใส่ และยุติธรรม เช่น ปัญหาการละเลยประเพณีท่ี ปฏิบตั ิ 4. ผู้เช่ียวชาญด้านการท่องเที่ยว นักลงทุนและรัฐบาลควรใส่ใจผลกระทบต่อชุมชนในการวางแผน พฒั นาการท่องเทยี่ ว โดยเฉพาะสิง่ แวดล้อมชุมชน จะเห็นว่าหากจะตัดสินใจดาเนินการพัฒนาการท่องเท่ียวในชุมชนข้ึนก็ไม่อาจเลี่ยงการท่ีจะให้ชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมได้ และหากไม่มีกระบวนการในการเข้ามามีส่วนร่วมของชุมชนและการกระจายผลประโยชน์ แกช่ ุมชนโดยส่วนรวม กไ็ ม่สามารถถอื วา่ รปู แบบการท่องเทีย่ วนั้นๆ เป็นลักษณะการท่องเที่ยวชมุ ชน

79 ภาพที่ 4.1 การมสี ว่ นรว่ มของชุมชนในการวางแผนการท่องเท่ยี วชมุ ชนเชงิ สร้างสรรค์ กลุ่มชาตพิ ันธไุ์ ทข่าอาเภอดงหลวง จังหวดั มุกดาหาร ลกั ษณะและขน้ั ตอนการมีสว่ นร่วม การมีส่วนรว่ มมีลกั ษณะและข้นั ตอนดงั น้ี เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง. (2526 : 10) อนุภรณ์ สุวรรณสทิศกร. (2529 : 25) และไพรัตน์ เดชะรินทร์. (2527 : 6 อา้ งถงึ ในเลศิ พร ภาระสกลุ ,2551 : 119-123) เสนอข้ันตอนของการมสี ว่ นรว่ มไวด้ งั นี้ 1. ร่วมทาการศึกษา ค้นคว้า ปัญหา และสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนตลอดจนความต้องการ ของชมุ ชน 2. ร่วมคิดหาสร้างแบบ และวิธีการพัฒนาเพ่ือแก้ไขและลดปัญหาของชุมชน หรือเพ่ือสร้างสรรค์ส่ิง ใหม่ทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ ่อชุมชน หรอื สนองความต้องการของชมุ ชน 3. ร่วมวางนโยบาย หรอื แผนงาน หรือโครงการ หรือกิจกรรมเพอ่ื ขจัดและแก้ปัญหา และสนองความ ต้องการของชมุ ชน 4. รว่ มตดั สนิ ใจการใชท้ รัพยากรทม่ี จี ากดั ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม 5. ร่วมจัดหรือปรับปรงุ ระบบการบรหิ ารงานพัฒนาใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ล 6. ร่วมการลงทุนในกจิ กรรมโครงการของชุมชน ตามขีดความสามารถของตนเองและของหนว่ ยงาน 7. รว่ มปฏบิ ตั ิตามนโยบาย แผนงาน โครงการ และกิจกรรมใหบ้ รรลตุ ามเปา้ หมายท่วี างไว้ 8. ร่วมควบคุม ติดตาม ประเมนิ ผล และรว่ มบารงุ รกั ษาโครงการและกจิ กรรมที่ไดท้ าไว้ทงั้ โดยเอกชน และรฐั บาลให้ใช้ประโยชน์ไดต้ ลอดไป ปกรณ์ ปรียากร (2530 : 64) ได้กล่าวถึง ลักษณะการมีส่วนร่วมในการพัฒนาของประชาชน ซึ่กระทา ได้ 4 ลักษณะ คอื 1. ประชาชนเปน็ ผมู้ บี ทบาทสาคัญในการกาหนดว่า อะไรคอื ความจาเป็นขน้ั พน้ื ฐานของชุมชน 2. ประชาชนเปน็ ผ้รู ะดมทรัพยากรตา่ งๆ เพือ่ สนองตอบความจาเปน็ พ้ืนฐาน 3. ประชาชนเปน็ ผ้มู ีบทบาทในการปรับปรงุ วธิ กี ารกระจายสินค้าและบริการใหส้ มบูรณข์ ึ้น 4. ประชาชนเปน็ ผู้ไดร้ บั ความพึงพอใจ เกดิ แรงจงู ใจทจี่ ะสรา้ งกระบวนการพฒั นาอย่างต่อเนื่อง

80 การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นแนวทางและจุดมุ่งหมายปลายทางโดยตัวของมันเองในแง่ที่ว่า ประชาชนทุกคนต่างมีจิตปรารถนา และเกิดความรู้สึกพึงพอใจอย่างล้าลึกในการท่ีได้เข้ามามีบทบาทในการ ตัดสนิ ใจ และรว่ มปฏิบัตงิ านทเี่ กอื้ หนนุ ตอ่ การตอบสนองความจาเปน็ พนื้ ฐานของตน อาร์นสไตน์ (Arnstein) อ้างถึงใน ไชยชนะ สุทธิวรชัย. (2536 : 17-18) ได้เสนอมาตรวัดการมีส่วน ร่วมในรูปแบบที่เรียกว่า “บันได & ขั้นของการมีส่วนรว่ ม” ซ่ึงเสนอว่าจะเปน็ การชว่ ยลดความสับสนของการมี ส่วนรว่ ม อันเป็นการช่วยการวเิ คราะหผ์ ลในข้ันสดุ ทา้ ย ระดบั ข้ันบันไดทัง้ 8 ขัน้ ยงั แยกได้เปน็ การมสี ว่ นร่วม 3 ระดบั ดังต่อไปน้ี ระดบั สงู 8. การควบคมุ โดยประชาชน (Citizen control) ระดับท่ีอานาจเป็นของประชาชน 7. การมอบอานาจ (Delegated power) 6. การมสี ่วนร่วม (Partnership) 5. การปลอบประโลม (Placation) ระดับกลาง ระดับที่ยอมรบั ฟังการมี 4. การไดร้ บั การปรึกษาหารือ (Counseling) ส่วนรว่ ม 3. การได้รับแจง้ ขา่ วสาร (Information) 2. การถกู บาบดั รักษา (Therapy) ระดับลา่ ง ระดบั ที่ไม่ถือเป็นการมสี ว่ น 1. การถูกจดั การ (Manipulation) รว่ ม ภาพที่ 4.2 แสดงระดบั การมีสว่ นร่วมของประชาชน (ทมี่ า :ไชยชนะ สุทธวิ รชัย. 2536 : 17-18 อา้ งถึงในเลศิ พร ภาระสกลุ , 2551) จากระดับข้างบน จะเห็นว่า ระดบั 8 การควบคุมโดยประชาชน คอื ระดับของการมสี ่วนรว่ มของ ประชาชนโดยแทจ้ ริง ระดบั การมีส่วนร่วมนจ้ี ะน้อยลงตามลาดบั คอื ระดับสูงของบันได คือ (8) การควบคมุ โดยประชาชนซ่ึงประชาชนจะสามารถใช้อานาจในการ ระดับกลางของบนั ได คอื ตัดสินใจและการจดั การโดยสมบูรณ์ ระดบั ลา่ งของบนั ได คอื (7) การมอบอานาจ (6) การมีส่วนรว่ มซึ่งประชาชนสามารถจะเจรจาต่อรองและจัดการ (5) การปลอบประโลมเป็นขน้ั สงู สดุ ของระดับการเป็นสัญลักษณ์โดย ผูม้ อี านาจรู้ถงึ สิทธใิ นการตัดสนิ ใจแตไ่ ด้จากัดอานาจนนั้ ไว้ (4) การไดร้ บั การปรึกษาหารอื ซ่ึงถือเป็นระดบั ของสญั ลักษณ์ท่ีผ้มู ี อานาจจะเปิดโอกาสให้มีส่วนรว่ มไดร้ ับฟังและคดิ แตล่ ะไม่มอี านาจ การกระทาใดๆ (3) การได้รบั แจ้งข่าวสาร (2) การถูกบาบดั รกั ษา (1) การถูกจดั การหรอื ถูกเชิดใหท้ า

81 ระดับล่าง 2 ช้ันน้ีถือว่าไม่เป็นการมีส่วนร่วม ประชาชนจะไม่สามารถมีส่วนร่วมในการวางแผนหรือ กาหนดโครงการได้ แต่ผู้มีอานาจน้ันจะใช้วิธีการให้การศึกษาและการให้ความช่วยเหลือกับผู้เข้ามามีส่วนร่วม ได้ ปรัชญา เวสารัตน์ (2530 : 11-12อา้ งถงึ ในเลิศพร ภาระสกลุ ,2551) ไดก้ ล่าวถึงลกั ษณะการมีส่วน ร่วมของประชาชนว่าประกอบด้วยการมีสว่ นรว่ มแสดงความคิดเห็น ร่วมสละทรัพยากร วัสดุ ร่วมสละแรงกาย และร่วมสละเวลา ทั้งน้ี ชาแปง (chapin 1977 : 317 อ้างถึงในพรทิพย์ ตังคณานุกูลชัย. 2541 : 32) ได้เสนอ เครื่องชี้วัดระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนทางสังคมโดยกาหนดระดับความสาคัญของการมีส่วนร่วม กจิ กรรมของสมาชิกในองค์กรชมุ ชนดังนี้ 1. มีความสนใจ และร่วมประชุม ได้แก่ การให้ความสนใจติดตามข่าวสารต่างๆ ของส่วนรวม แลการ เข้าร่วมประชมุ เสนอแนะตา่ งๆ ในทีป่ ระชุมในกจิ กรรมของสานกั งาน 2. การใหก้ ารสนับสนุนช่วยเหลือ ไดแ้ ก่ การอุทศิ เงนิ เวลา ให้แก่ส่วนรวม 3. การเปน็ สมาชิกและกรรมการ ได้แก่ การอุทศิ แรงงานในการทากิจกรรมของสว่ นร่วมโดยการสมัคร เป็นสมาชกิ 4. การเป็นเจ้าหน้าที่ ได้แก่ การยอมรับใช้ในกิจกรรมต่างๆ ตามท่ีได้รับมอบหมายจากผู้มีอานาจสั่ง การ การใช้เคร่ืองช้ีวัดระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมขององค์กรชุมชนโดยสมาชิกน้ัน ฉัตราภรณ์ วิวัฒนาวานิช. (2537 : บทคัดย่ออ้างถึงในเลิศพร ภาระสกุล,2551) ได้ศึกษาถึงปัจจัยท่ีมี ความสมั พนั ธต์ อ่ การมีสว่ นร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมของประชาชนในหมบู่ า้ นพลา และหมู่บ้านหาดพยูน อาเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง สรุปได้ว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจใน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมอย่างถูกต้อง แต่มีการเข้าร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมในระดับต่า เพราะส่วนใหญ่เป็นการเข้าร่วมช่ัวคราว และไม่ได้เข้าสังกัด หรือเป็นสมาชิกชมรมหรือกลุ่มใดๆ ซ่ึงอาจเน่ืองจากการจัดตั้งเป็นชมรมหรือกลุ่มอนุรักษ์ในหมู่บ้านยังมีน้อย ทาใหก้ ารเข้ารว่ มกิจกรรมเปน็ ไปได้ในลกั ษณะของการสมคั รใจเป็นคร้งั คราว จากแนวคิดเกี่ยวกับลักษณะและข้ันตอนการมสี ว่ นร่วมดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่แลว้ จะมี ลกั ษณะและขั้นตอนท่ไี มแ่ ตกตา่ งกันมากนัก ศลิษา หมัดลัง (อ้างถึงในเลิศพร ภาระสกุล,2551) ได้สรุปแนวคิดเกี่ยวกับลักษณะและขั้นตอนการ มีสว่ นรว่ มเพอื่ กาหนดเปน็ กรอบในการศกึ ษาไว้ดงั ต่อไปนี้ 1. การร่วมประชุมวางแผนดาเนินงานโดยแสดงความคิดเห็นการให้ข้อเสนอแนะและการตัดสินใจใน โครงการ 2. การร่วมดาเนินงานตามแผนงานท่ีกาหนดไว้ โดยการเสียสละกาลังแรงงาน วัสดุ กาลังเงิน หรือ ทรัพยากรใดๆ ที่มีอยชู่ มุ ชน 3. การร่วมในการแบ่งปนั ผลประโยชน์ คือ การเขา้ ร่วมในการใช้ประโยชน์ 4. การรว่ มในการติดตามผลท่ไี ดด้ าเนินการไปแลว้ ส่วนการวัดการมีส่วนร่วมของประชาชนทั้งนี้จะดูลักษณะต่างๆ ที่แสดงออกมา คือ การเป็นสมาชิก กลุ่ม การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ การบริจาคเงินทอง วัสดุ ส่ิงของ และการเสียสละเวลา แรงงาน การเป็น สมาชกิ ของคณะกรรมการและการเป็นผูด้ าเนินการในกจิ กรรมนนั้ ๆ โดยตรง

82 ไพรัตน์ เดชะรินทร์. (2527 : 6-7อ้างถึงในเลิศพร ภาระสกุล,2551) ได้กล่าวถึง ข้ันตอนการมีส่วน รว่ มในการดาเนินงานใหบ้ รรลวุ ัตถปุ ระสงคข์ องนโยบายการพัฒนา คอื 1. ร่วมกันทาการศึกษาค้นคว้าปัญหาและสาเหตุของปัญหาท่ีเกิดขึ้นในชุมชนหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ท่ี เปน็ ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนหรอื สนองความตอ้ งการของชมุ ชน 2. ร่วมคิดหาและสร้างรูปแบบวิธีการพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาของชุมชนหรือสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ที่เป็น ประโยชนต์ ่อชุมชนหรอื สนองต่อความต้องการของชมุ ชน 3. รว่ มวางนโยบายหรอื วางแผนกจิ กรรมเพ่ือขจัดหรอื แก้ปัญหาเพื่อสนองความต้องการของชุมชน 4. ร่วมตัดสินใจใช้ทรพั ยากรทมี่ อี ยู่อย่างจากัดใหเ้ ป็นประโยชนต์ อ่ ส่วนรวม 5. ร่วมจัดหรอื ปรับปรุงการบริหารงานการพัฒนาใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ 6. รว่ มลงทนุ ในกจิ กรรมโครงการชมุ ชนตามขีดความสามารถของตนเองและหนว่ ยงาน 7. รว่ มปฏบิ ัติตามนโยบายและแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมให้บรรลุตามเปา้ หมายท่วี างไว้ 8. ร่วมควบคุม ติดตาม ประเมินผล และร่วมบารุงรักษาโครงการ และกิจกรรมที่ทาไว้โดยเอกชนและ รฐั บาลให้ใช้ประโยชนไ์ ดต้ ลอดปี กล่าวโดยสรุป การท่ีประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหรือจดั การใดๆ นั้น พวกเขาเหล่านั้น ต้องรู้สึกว่าตนเองเป็นเจ้าของและลงพัฒนาด้วยตนเองแล้วการพัฒนาน้ันไม่อาจสาเร็จไปได้ถ้าไม่มีการมีส่วน ร่วมของประชาชน ซึ่งการมีส่วนร่วมของประชาชนได้ถูกกาหนดไว้ในนโยบายและวิธีการคิดในการทางานและ พัฒนาอยู่ตลอด ซึ่งเป็นเรื่องท่ีจะต้องศึกษาและทาความเข้าใจให้ถ่องแท้ในหลายๆ ครั้ง ดังจะเห็นได้ว่าใน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (2540-2544) ด้านการท่องเท่ียวมีการกาหนดเป้าหมายใน การพัฒนาการทอ่ งเทย่ี วให้เปน็ ไปอยา่ งมีคุณภาพและย่ังยืนโดยมจี ดุ มงุ่ หมายหลักในการพัฒนาประเทศ เน้นให้ ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเท่ียวในทุกระดับท้ังทางด้านการวางแผนและการจัดการทรัพยากร การท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ซึ่งได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในการให้ความสาคัญตอ่ การมีส่วนร่วมของประชาชนใน การพฒั นาท้องถ่นิ ของตน ประโยชน์ของการมีสว่ นร่วมของประชาชน 1. คุณภาพของการตัดสินใจดีข้ึน เน่ืองจากกระบวนการปรึกษาหารือกับสาธารณชนจะช่วยสร้าง ความกระจา่ งใหก้ บั วตั ถปุ ระสงคแ์ ละความตอ้ งการของโครงการหรือนโยบาย และบ่อยคร้ังทีก่ ารมีสว่ นรว่ มของ ประชาชนนามาสู่การพจิ ารณาทางเลือกใหม่ ๆ ทน่ี า่ จะเป็นคาตอบท่ีมีประสทิ ธิผลที่สุดได้ 2. ใช้ต้นทุนน้อยและลดความล่าช้าลง แม้ว่าการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะต้องใช้เวลา และมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการตัดสินใจฝ่ายเดียว แต่การตัดสินใจฝ่ายเดียวที่ไม่คานึงถึงความต้องการแท้จริงของ ประชาชนนั้น อาจนามาซ่ึงการโต้แย้งคัดค้านหรือการฟ้องร้องกัน อันทาให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในระยะยาว เกิดความล่าช้า และความลม้ เหลวของโครงการไดใ้ นทสี่ ดุ 3. การสร้างฉันทามติ การมีสว่ นรว่ มของประชาชนจะสรา้ งข้อตกลงและข้อผูกพันอยา่ งม่ันคงในระยะ ยาวระหว่างกลุ่มท่ีมีความแตกต่างกัน ช่วยสร้างความเข้าใจระหวา่ งกลุ่มตา่ ง ๆ ลดข้อโต้แย้งทางการเมืองและ ชว่ ยให้เกดิ ความชอบธรรมต่อการตัดสนิ ใจของรฐั บาล 4. การนาไปปฏิบัติง่ายขึ้น การเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจทาให้ประชาชนมีความรู้สึกของการ เป็นเจา้ ของการตัดสนิ ใจน้ัน และทนั ทที กี่ ารตัดสนิ ใจไดเ้ กิดข้ึน พวกเขากอ็ ยากเห็นมนั เกิดผลในทางปฏิบตั ิ และ ยงั อาจเข้ามาชว่ ยกันอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook