Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องมือ(วิจัย)

เครื่องมือ(วิจัย)

Published by nononinew, 2021-09-26 02:40:35

Description: เครื่องมือ(วิจัย)

Search

Read the Text Version

เคร่ืองมอื และการเก็บรวบรวมขอ้ มลู นางสาวเจนจริ า สวุ รรณชาตรี 128 นางสาวสกุ ัญญา สุวรรณมณี 143 นายจริ ายทุ ธ์ สุขสวสั ดิ์ 126 นายรังสวิ ฒุ ิ สงั ขแ์ ทน่ 139 นางสาวปารฉิ ัตร นวลนาค 133 นางสาวสุกัลยา แกว้ รุ่งเรอื ง 144

ความหมายของเคร่อื งมือการวจิ ัย หมายถงึ วัสดุ อปุ กรณ์หรอื เทคนคิ วิธีการท่ผี ู้วจิ ัยใช้ในการเก็บขอ้ มลู การวิจยั รวมทั้ง โดยการพจิ ารณาเลอื กใชเ้ คร่อื งมอื และเทคนคิ วิธีการท่มี ผี ู้เช่ยี วชาญหรอื นักวิชาการได้คดิ สร้างไว้เพื่อใชใ้ นการวิจัย เช่น แบบสอบถามวดั ทัศนคติของ Thurstone มาตราส่วน ประมาณค่าของ Likert และวธิ กี าร Semantic Differential ของ Osgood เปน็ ต้น และหรอื โดยการสร้างเครือ่ งมอื วิจัย ไดแ้ กแ่ บบสอบถาม (Questionnaires) แบบ สมั ภาษณ์ ( Interview) และแบบสงั เกตการณ์ ( Obsevtion ) เปน็ ตน้ โดยอาศยั ธรรมชาตแิ ละหลกั การของปัญหาการวจิ ัย รวมท้ังเกณฑ์มาตรฐาน แลว้ จงึ นาไปทดลอง ใช้ ( Try Out ) ปรับปรุงแก้ไขแลว้ จงึ นาเครอื่ งมือการวิจยั ไปใชใ้ นภาคสนาม ดาเนนิ การสารวจและเก็บขอ้ มูลการวิจยั จรงิ ตอ่ ไป

แบบสอบถาม แบบสอบถามเป็นเครือ่ งมือท่ีใช้รวบรวมขอ้ มลู ประกอบด้วยชดุ ของข้อคาถาม ที่ตอ้ งการใหก้ ลมุ่ ตวั อยา่ งตอบ โดยกาเครอ่ื งหมายหรอื เขยี นตอบ หรือกรณีทีก่ ลุม่ ตัวอยา่ งอา่ นหนังสอื ไม่ไดห้ รืออา่ นไดย้ าก อาจใช้วิธีสมั ภาษณต์ ามแบบสอบถาม นยิ มถามเกย่ี วกับข้อเทจ็ จริง ความคิดเห็นส่วนบุคคล โครงสร้างของแบบทดสอบ

แบบสอบถาม - คาชี้แจงในการตอบ ท่ปี กของแบบสอบถามจะเปน็ คาช้ีแจง ซงึ่ มักจะระบถุ ึงจดุ ประสงค์ในการ ใหต้ อบแบบสอบถาม หรอื จดุ ม่งุ หมายของการทาวิจยั อธบิ ายลกั ษณะของแบบสอบถาม วิธกี ารตอบ แบบสอบถามพรอ้ มตัวอยา่ ง - สภาพสว่ นตัวของผู้ตอบ ทปี่ กของแบบทดสอบถามจะเป็นคาชีแ้ จง ซ่ึงมกั จะระบุถึงจุดประสงค์ ในการให้ตอบแบบสอบถาม หรอื จดุ มุ่งหมายของการทาวจิ ยั อธิบายลกั ษณะของแบบสอบถาม วิธีการ ตอบแบบสอบถามพร้อมตัวอยา่ ง - สถานภาพส่วนตวั ของผูต้ อบ สว่ นที่ 2 แบบสอบถามจะใหต้ อบเกีย่ วกับรายระเอียดสว่ นตวั เชน่ ชือ่ -สกุล เพศ อายุ ระดับการศกึ ษา อาชีพ ฯลฯ - ข้อคาถามเกีย่ วกบั ข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเห็น เปน็ ส่วนสุดท้ายและสว่ นท่สี าคัญทสี่ ุด ซง่ึ จะชว่ ยให้ ขอ้ มูลรายระเอียดเก่ยี วกับเรอ่ื งทตี่ ้องการศึกษา

แบบสอบถาม ข้อดี 1. เปน็ เคร่ืองมอื ท่ใี ชไ้ ดก้ บั บุคคลจานวนมากได้ในเวลาพร้อมกนั ทาใหป้ ระหยัดเวลา และค่าใช้จา่ ย 2. แบบสอบถามเป็นเครอ่ื งมอื ทใี่ หเ้ วลาในการตอบอยา่ งอสิ ระได้ โดยให้ผ้ตู อบรับไปตอบ และนัด หมายเวลา ส่งคืน ซึ่งไม่สรา้ งความตึงเครยี ดให้ผู้ตอบ 3. สามารถฝากส่งและรับแบบสอบถามคนื ได้หลายวธิ ี ทาใหม้ ีความสะดวกในการใชเ้ ครือ่ งมอื 4. แบบสอบถามที่ประกอบด้วยขอ้ คาถามปลายปิดที่ออกแบบดี จะช่วยให้สะดวกในการรวบรวมคาตอบ และ วเิ คราะห์คาตอบ

แบบสอบถาม ข้อจากัด 1. แบบสอบถามเหมาะสาหรับผทู้ ่ีอ่านและเขียนหนงั สือคลอ่ งเทา่ นั้น 2. ผูต้ อบแบบสอบถามอาจไมไ่ ดต้ ้ังใจตอบ หรือไมใ่ หค้ วามสาคัญต่อขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ จริงหรอื มอบใหค้ นอื่นตอบแทน ทาใหข้ ้อมลู ที่ไดม้ าไมต่ รงหรอื คลาดเคลอ่ื นจากความจรงิ 3. คาถามบางขอ้ อาจไมช่ ดั เจนสาหรบั ผู้ตอบบางคน และไม่มีโอกาสได้รบั คาช้ีแจง ทาให้ คาตอบทไ่ี ด้มาไม่มี ประโยชน์

การสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์ หมายถงึ การสนทนากันอย่างมเี ป้าหมาย ระหว่างผสู้ ัมภาษณ์กับผ้ใู ห้สัมภาษณ์ โดย มีวัตถุประสงคเ์ พือ่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ ขอ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ งเที่ยงตรง และเพื่อบรรลวุ ัตถุประสงค์ดังกลา่ ว ผู้สือ่ ขา่ วตอ้ งพึง ระมดั ระวังเรอื่ งความเปน็ กลางเปน็ พเิ ศษ เชน่ ข้อผิดพลาดอนั เกิดจากการถกู ชกั จงู โดยแหลง่ ขา่ ว วตั ถปุ ระสงคข์ องการสมั ภาษณ์ - เพอื่ ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ประกอบขา่ ว หรอื ส่วนหนง่ึ ของขา่ ว ในฐานะท่เี ปน็ ข้อความสัมภาษณท์ ่ไี ดจ้ ากแหลง่ ขา่ ว ซึ่งมีประโยชน์ดงั นี้ - ทาให้ข่าวมีคณุ คา่ และมคี วามนา่ เช่อื ถอื มากข้นึ - เพื่อปรงุ แต่งใหข้ า่ วน้นั สมบูรณ์ สนองความสนใจของผู้อา่ นได้ฉับพลัน

การสมั ภาษณ์ - เปน็ การเพม่ิ สาระสาคัญสว่ นท่ีเหตกุ ารณต์ อบตัวของมนั เองไม่ได้ - เป็นการเปดิ โอกาสใหท้ ุกฝ่ายท่ีเกีย่ วข้องได้แสดงความคิดเห็นโดยตรง - ใหร้ สชาตทิ างศาสนารสู้ กึ ตา่ งๆ - ให้ข้อคิดอันจะนาไปสู่การวิพากษว์ จิ ารณ์ - เพ่อื นาขอ้ มลู ทีไ่ ด้จากการสมั ภาษณ์ไปเขยี นเปน็ บทความสัมภาษณโ์ ดยตรง - เพอื่ กระตนุ้ ให้เกิดการกรทา การสมั ภาษณใ์ นลักษณะมงุ่ ตรวจสอบผู้ท่ีมีหน้าที่รับผดิ ชอบต่อสงั คมว่า ไดท้ าตามหน้าท่แี ลว้ หรอื ไม่และอยา่ งไร การติดตามสอบถามความคบื หนา้ ของการดาเนนิ งานท่เี ป็นประโยชน์ ต่อสังคมเปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถอื เปน็ หนา้ ท่ีส่วนหนง่ึ ของสอื่ มวลชน

การสมั ภาษณ์ องคป์ ระกอบของการสัมภาษณ์ - ผสู้ มั ภาษณ์ - ผู้ใหส้ มั ภาษณ์ - เร่ืองท่ีจะสมั ภาษณ์ - เป้าหมายการสัมภาษณ์ - วิธีการสัมภาษณ์

การสมั ภาษณ์ ลักษณะการสัมภาษณ์ - การสมั ภาษณเ์ ป็นรายบคุ คล - การสัมภาษณท์ ม่ี ไิ ดน้ ัดหมายลว่ งหนา้ การสมั ภาษณล์ กั ษณะน้อี าจ เกดิ ข้นึ ทไี่ หนหรอื เมื่อใดกไ็ ด้ อาจเปน็ สถานทีค่ าดหวงั เอาไว้หรือไมก่ ไ็ ด้ - การสมั ภาษณท์ ่มี กี ารนดั หมายไวล้ ่วงหนา้ - การสมั ภาษณ์ในการเปดิ ประชุมแถลงข่าว

การสมั ภาษณ์ ขอ้ ดี 1. แบบสมั ภาษณเ์ ป็นเครอื่ งมือท่ีชว่ ยใหผ้ วู้ ิจัยทราบขอ้ มูลท่ีแอบแฝงอยู่ในใจของผ้รู ับการสัมภาษณไ์ ด้ โดยใช้ เทคนคิ การพดู คุยท่ฉี ลาดจะทาใหผ้ ถู้ ูกสัมภาษณ์ยอมเปดิ เผยข้อมูลออกมา 2. การสมั ภาษณ์จะช่วยใหไ้ ดข้ อ้ มลู ประกอบเกี่ยวกบั บุคลกิ ภาพของผู้ถูกสมั ภาษณ์ ซงึ่ สามารถสังเกตไป พรอ้ ม กับการสมั ภาษณ์ 3. แบบสมั ภาษณเ์ ปน็ เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ได้กับบคุ คล ทกุ เพศ ทกุ วัย โดยไมข่ น้ึ กับระดับการศกึ ษา

การสัมภาษณ์ ข้อจากดั 1. เนือ่ งจากต้องสมั ภาษณแ์ บบคนตอ่ คน ทาให้ต้องสน้ิ เปลอื งเวลามาก และในกรณที ตี่ ้องเดนิ ทางสมั ภาษณ์ นอก สถานท่ี จะสนิ้ เปลืองค่าใช้จ่ายและเวลาเพิ่มขึ้น 2. เปน็ วิธีการทีต่ อ้ งรบกวนผู้ถกู สมั ภาษณ์ มกั จะสรา้ งความเบ่ือหนา่ ยราคาญและอาจจะไม่ได้รบั ความรว่ มมอื เทา่ ทค่ี วร 3. ขอ้ มูลท่ีได้จากการสัมภาษณ์คอ่ นข้างเปน็ อตั นยั ความเทย่ี งตรงของขอ้ มลู จงึ ขน้ึ อยู่กับความสามารถในการ ตคี วาม และสรุปความของผสู้ ัมภาษณ์ 4. ถา้ ผสู้ มั ภาษณ์ไมม่ เี ทคนคิ ในการพดู คยุ หรอื มีบุคลิกภาพทไ่ี มด่ ี อาจไม่ได้รับความไว้วางใจและไม่ไดข้ ้อมูล ที่ เปน็ จริง

การสังเกตการณ์ การสงั เกตการณเ์ ปน็ เทคนคิ การรวบรวมขอ้ มลู การวิจยั อยา่ งหนึ่ง ที่ผสู้ งั เกตการณใ์ ชส้ ายตาเฝ้าดู หรอื ศึกษาเหตกุ ารณ์ ปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจลักษณะธรรมชาติและความเกี่ยวข้องกันระหวา่ ง องค์ประกอบตา่ ง ๆ ของเหตกุ ารณ์หรอื ปรากฏการณ์นั้น ๆ - การสังเกตกาปรณระท์ เาภงทตขรอง งก( าDรirสeังctเกตObกsาeรrvณ2at์ iแonบง่)ไดเป้ น็ 2กาปรสรงัะเเกภตทการคณือ์ทผ่ี สู้ งั เกตการณส์ ัมผัส กบั เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขนึ้ โดยตรงดว้ ยตนเอง - การสงั เกตการณ์ทางออ้ ม ( Indirect Observation ) เป็นการสังเกตการณ์ท่ีผูส้ ังเกตการณ์ไม่ได้ เฝ้าดหู รือศึกษาเหตุการณ์หรือปรากฏการณน์ นั้ ๆ โดยตรง แตจ่ ะดูหรอื ศกึ ษาจากทไ่ี ด้บันทึกมา เช่น ภาพยนตร์ โทรทศั น์ เทปบนั ทกึ ภาพ (วิดีโอ) เป็นต้น

การสังเกตการณ์ หลักในการสงั เกตการณ์ - มีเป้าหมายในการสังเกตที่แนน่ นอน - ทาการสงั เกตอยา่ งพนิ จิ พิเคราะห์ - พทายกาายราบมนัสทังเึกกกตาใรหส้ไังดเก้ข้อตมลู จานวนมาก2 - - ศึกษาทฤษฎที ่ีจะชว่ ยในการศกึ ษาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งเหตกุ ารณ์ และขอ้ มูลนั้น ๆ - กาหนดระยะเวลาในการสังเกตใหแ้ น่นอน - วางตัวเปน็ กลาง

การสงั เกตการณ์ คุณสมบตั ขิ องผู้สงั เกตการณ์ทด่ี ี - มีความไวในการรับรู้และส่อื ความหมาย - มคี วามละเอียดรอบคอบและชา่ งสงั เกต - ความตง้ั ใจในการสงั เกต 2 - มีความยตุ ธิ รรม(เปน็ กลาง )

แบบทดสอบ คอื ชดุ ของคาถาม งานหรือสถานการณ์ที่กาหนดขึ้น เพ่ือใช้เป็นสง่ิ เร้าใหบ้ ุคคลแสดง พฤตกิ รรมตอบสนองออกมา ซ่ึงพฤติกรรมดงั กล่าวนมี้ คี วามหมายครอบคลมุ ทัง้ ด้านพทุ ธิพิสัย จติ พสิ ยั และทกั ษะพสิ ัย แบบทดสอบ (ขอ้ สอบ) เป็นเคร่อื งมือหลักท่ีครูต้องใช้วดั ผลการเรยี นของ สผร้เู รา้ ียงขนึ้นมโาดโยดใยชต้หลลอกั ดสตู หรลกั มใานตกราฐราสนร้าตงแวั ชบ้ีวบดั ทเปดน็สกอร2บอบในกการารกสาหรนา้ งดแบเนบือ้ ทหดาสขอองบแนบ้ันบแทบดบสอทบดสโอดบยจะถกู แบบทดสอบจะมีหลกั ในการสร้างดังตอ่ ไปนี้

แบบทดสอบ 1. วเิ คราะห์จดุ ประสงค์ เนอ้ื หาวชิ า กาหนดพฤติกรรมทต่ี อ้ งการวดั โดยวิเคราะห์ดูวา่ เนอื้ หา สาระ ใดบา้ งที่ ต้องการให้ผเู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ แตล่ ะหวั ข้อเหลา่ น้ันต้องการใหผ้ เู้ รยี นเกิดพฤตกิ รรมอะไร จากน้นั ผู้วิจยั จะตอ้ งจดั ทาตาราง วิเคราะหม์ าตรฐานและตัวชว้ี ดั 2. ตารางวิเคราะหม์ าตรฐานและตวั ชีว้ ดั มักจาแนกพฤตกิ รรมของผู้เรียนตามแนวคดิ ของ บลมู และ คณะ ได้แก่ ความจา ความเข้าใจ การประยกุ ตใ์ ช2้ การวเิ คราะห์ การประเมนิ การสงั เคราะห์และ สรา้ งสรรค์ 3. กาหนดรูปแบบของแบบทดสอบให้สอดคล้องกบั มาตรฐาน ตวั ชวี้ ดั เน้อื หาและระยะเวลาและ ศกึ ษาวิธกี าร สรา้ ง การหาคณุ ภาพของแบบทดสอบดว้ ย

แบบทดสอบ 4. ลงมือเขียนขอ้ คาถามตามจดุ ประสงคท์ ่กี าหนดไว้ โดยเลอื กสถานการณ์และเนือ้ หามาเปน็ สิง่ เร้า ให้ผตู้ อบ แสดงพฤตกิ รรมออกมา 5. นาแบบทดสอบทเี่ ขยี นไวม้ าทบทวน แล้วนาไปใหผ้ ้เู ชย่ี วชาญพิจารณาความเที่ยงตรงเชิงเนอ้ื หา และ พฤติกรรมทีต่ ้องการวัด 6. พิมพแ์ บบทดสอบทั้งฉบบั ตรวจแกไ้ ขแล้วนาไ2ปทดลองใชก้ ับกลุ่มทีม่ ีลกั ษณะใกล้เคียง กบั กลุ่ม ตัวอย่างที่ จะใช้แบบทดสอบในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล เพ่อื ตรวจสอบคุณภาพในด้านความยากงา่ ย อานาจจาแนกและความเช่ือม่นั

แบบทดสอบ 7. ปรบั ปรุงแก้ไข พมิ พแ์ บบทดสอบฉบบั จริง แล้วนาไปเก็บรวบรวมขอ้ มลู กับกลุ่มตวั อย่างทใ่ี ช้ใน การวจิ ัย ตารางวิเคราะหม์ าตรฐานและตัวช้วี ัด มปี ระโยชนอ์ ย่างมากตอ่ การสร้างแบบทดสอบในการ วิจยั หรอื การวัดและ ประเมนิ ผลการเรียนรู้ ทาให้ผวู้ ิจยั หรือครผู ู้สอนรวู้ า่ จะต้องออกข้อสอบใน มาตรฐานนก้ี ข่ี ้อ ตัวชีว้ ดั นก้ี ่ีข้อ และตอ้ งออกข้อสอบ วดั พฤตกิ รรมของผูเ้ รยี นในด้านใดบา้ ง จานวนกี่ ขอ้ และเมือ่ ผู้วิจยั นาแบบทดสอบไปให้ผูเ้ ช่ียวชาญ/ผ2ู้ทรงคุณวุฒปิ ระเมนิ คณุ ภาพของแบบทดสอบ ด้านความเท่ียงตรง กจ็ ะทาให้ผเู้ ชี่ยวชาญ/ผ้ทู รงคุณวฒุ สิ ามารถตรวจสอบไดว้ ่าแบบทดสอบท่ผี วู้ ิจัย สรา้ งข้ึนนั้นวัดไดต้ รงตามคณุ ลกั ษณะทต่ี ้องการวดั ตามหลักสูตร มาตรฐานและตัวชี้วดั หรอื ไม่ และ คาถามในแบบทดสอบนั้น ครอบคลุมเนือ้ หา

แบบทดสอบ มีสดั สว่ นของจานวนข้อคาถามในแตล่ ะเนื้อหาตรงตามท่รี ะบไุ วใ้ นตารางวเิ คราะหห์ ลักสูตร มาตรฐานและตัวชว้ี ัดหรอื ไม่ และตรวจสอบได้วา่ แบบทดสอบทส่ี รา้ งข้ึนวัดพฤตกิ รรมของ ผูเ้ รียนท้งั 6 ระดับสอดคลอ้ งกับท่ีกาหนดไว้หรอื ไม่ ถ้ามีก็แสดงวา่ แบบทดสอบนัน้ มีความ ผเท้วู ย่ีิจงยั ตกร็สงาเมชางิ รเนถรื้อวู้หา่ าขอ้นนอนั้กอจยากูใ่ นนั้นมาแตลร้วฐในานกแรณละที ต่ีแ2วั บช้วีบัดทใดดสโดอบยแบบางบขท้อไดมส่มอคี บณุ มทีภาั้งพขอ้ แดลีแะถลูกะข้อตจัดาทก้ิงัด ดังน้ี

แบบทดสอบ ขอ้ ดี 1. เปน็ เครอื่ งมือท่ีเหมาะสาหรับใช้วดั พฤตกิ รรมด้านปัญญา หรอื ดา้ นพทุ ธพิ สิ ัยไดด้ ีกว่าเครือ่ งมือชนิดอื่น 2. แบบทดสอบมีหลายชนิด หลายรูปแบบ ทาให้สามารถเลอื กสร้าง และใชใ้ หเ้ หมาะจดุ ม่งุ หมายทีต่ ่างกนั 3. ใช้ได้สะดวก และประหยดั เนื่องจากใช้สามารถใชส้ อบนักเรยี นได้จานวนมากในเวลาเดียวกนั ขอ้ จากัด2 1. แบบทดสอบทมี่ ีคณุ ภาพดี ต้องใชเ้ วลาสรา้ งนาน ต้องใช้ความรู้และประสบการณด์ า้ นการวัดผลมาเป็น พนื้ ฐาน ในการสร้างจึงจะช่วยใหม้ ีคุณภาพทเ่ี ท่ียงตรงดีย่งิ ขึ้น 2. สร้างแบบทดสอบใหม้ ีคณุ ภาพเป็นมาตรฐานตายตวั ไม่ได้ เพราะคาถามหรือสถานการณท์ ก่ี าหนดเปน็ เพยี ง ตวั แทนของพฤติกรรมทคี่ รสู มุ่ ขนึ้ มา ซ่ึงอาจจะเปลีย่ นแปลงหรือปรบั ปรุงใหม่ได้เสมอไมม่ ที ส่ี ิ้นสุด 3. คะแนนผลการสอบมคี วามผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้เสมอไมม่ ากก็น้อย

แบบสงั เกต คอื เคร่อื งมอื ทใี่ ชป้ ระกอบการสงั เกตเปน็ ชดุ ของพฤติกรรมท่ผี ู้วจิ ยั ต้องการ ศึกษา แบบสงั เกตมีหลายชนิด เช่น ระเบยี นพฤติกรรม แบบตรวจสอบรายการ (checklist) และแบบจดั อันดับคณุ ภาพ (rating scale) การสงั เกตเป็นวิธีการซึง่ ใชป้ ระสาทสมั ผัสของผู้สงั เกต โดยเฉพาะตา และหู เพอ่ื ติดตามศกึ ษาพฤตกิ รรมที่บคุ คลท่ี แสด2งออกไดท้ กุ ดา้ น แบบสงั เกตเป็นเครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ น การวิจัยทผ่ี ู้วิจัยสามารถใช้ไดต้ ลอดเวลา หลักในการสรา้ งแบบสังเกต ในการสรา้ งแบบสงั เกตน้นั ประเดน็ ในการสังเกตจะถกู สร้างขึ้นจากกรอบแนวคดิ ทฤษฎขี องตวั แปรทีต่ อ้ งการ สังเกตหรือต้องการ วดั โดยแบบสงั เกตจะมหี ลกั ในการสร้างดังต่อไปนี้ ....

แบบสงั เกต 1. ศกึ ษาพฤตกิ รรมที่จะสังเกต โดยการศึกษาพฤติกรรมย่อยทีต่ ้องการสังเกตให้ชัดเจน ว่ามกี ่ี พฤติกรรม อะไรบ้าง โดยการศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ตัวแปรทจ่ี ะสงั เกต/วดั แล้วสรปุ เป็นนยิ ามตวั แปรในเชิงปฏบิ ัติการ 2. นิยาม หรือใหค้ วามหมายพฤตกิ รรมยอ่ ยเหล่าน2ั้น ซึง่ เปน็ การนยิ ามแบบวัดไดเ้ ป็นพฤตกิ รรมที่ สังเกตเหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน เชน่ การเข้าห้องเรยี นตรงเวลา 3. เขียนโครงร่างพฤตกิ รรมยอ่ ยและสว่ นประกอบของแบบสังเกตและกาหนดว่าจะเก็บข้อมูลเชงิ คณุ ภาพ หรือเชิงปรมิ าณ

แบบสังเกต 4. ตรวจสอบแบบสังเกตดา้ นความเท่ียงตรงด้วยตนเองและผ้เู ช่ยี วชาญ และนาผลท่ไี ด้ มาปรบั ปรงุ แกไ้ ข 5. ทดลองใช้เพอ่ื หาคา่ ความเช่ือม่ัน โดยการน าแบบสงั เกตไปทดลองใช้กบั กลุ่มทไ่ี มใ่ ช่กลมุ่ ตัวอยา่ ง หรือกลุ่ม ทจ่ี ะนาแบบสังเกตไปใช้จริงและนาผลทไี่ 2ด้มาคานวณหาคา่ ความเชื่อมั่น 6. ปรับปรงุ แกไ้ ข พิมพแ์ บบสังเกตฉบับจริง แลว้ นาไปเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลกับกลุ่มตวั อย่างที่ใชใ้ น การวจิ ัย

แบบสังเกต ข้อดี 1. แบบสงั เกตสามารถเป็นเคร่อื งมือทใี่ ชต้ ดิ ตามศึกษาพฤติกรรมของบคุ คลที่แสดงออกมาได้ทุกด้าน 2. แบบสังเกตเปน็ เคร่อื งมือทใ่ี ช้ได้สะดวก ใช้ไดท้ กุ เวลา และใชไ้ ดท้ กุ สถานท่ี 3. แบบสังเกตใช้สงั เกตพฤติกรรมของบุคคล ทกุ เ2พศ ทกุ วัย โดยไม่ขึ้นอยกู่ บั ระดับการศึกษา

แบบสังเกต ขอ้ จากัด 1. พฤติกรรมหลายอยา่ งสงั เกตไดย้ าก และตอ้ งสังเกตหลายครั้ง ทาใหเ้ สียเวลาสงั เกตนาน 2. ถา้ ผ้สู งั เกตขาดความพรอ้ ม และทกั ษะในการสงั เกต จะทาให้การบันทกึ ขอ้ มูลลงในแบบสังเกตเป็น ข้อมูลทไ่ี ม่ มปี ระโยชน์หรือมีความผิดพลาด 2 3. ผู้สังเกตอาจมีความลาเอยี งหรืออคตติ ่อผู้ถกู สงั เกตบางคน ทาใหไ้ ดข้ ้อมูลทบี่ ันทกึ ลงใน แบบสงั เกต บดิ เบอื น ทาใหก้ ารแปลผลการสงั เกตคลาดเคลื่อน 4. ถา้ ผถู้ กู สงั เกตรูต้ ัว จะเกดิ การระวงั ตัวและปิดบังพฤตกิ รรมทีแ่ ทจ้ รงิ

แบบประเมนิ การปฏิบัติ คือ เคร่ืองมอื ทใี่ ชป้ ระกอบการประเมินการให้ปฏบิ ัติจรงิ มักเปน็ แบบบันทกึ ผลการปฏิบัติตลอด กระบวนการโดยการให้ปฏบิ ตั ิเปน็ รูปแบบ หรือวิธีการที่กาหนดขน้ึ เพอื่ วดั ความสามารถ ในการปฏิบตั งิ าน หรือปฏบิ ัติกจิ กรรมทีจ่ ดั เป็นพฤติกรรมดา้ นทักษะพิสยั เชน่ เรม่ิ วดั ตง้ั แต่ความสามารถในการเตรยี มงานวดั การลงมอื ปฏบิ ัติในแต่ละขัน้ ตอน วดั ผลงานและวดั พ2ฤติกรรมดา้ นจติ พิสัยบางประการ หลกั ในการสร้างแบบประเมินการปฏิบตั ิ ในการสร้างแบบประเมินการปฏบิ ตั ิน้ัน ประเดน็ การประเมินจะถูก สร้างข้ึนจากกรอบแนวคิดทฤษฎขี องตวั แปรท่ี ต้องการศกึ ษาหรอื ต้องการวดั โดยแบบประเมินการปฏบิ ัติจะ มหี ลักในการสร้างดงั ต่อไปนี้

แบบประเมินการปฏิบตั ิ 1. ศึกษาพฤติกรรมทีจ่ ะใหป้ ฏบิ ัติ หรอื วเิ คราะหจ์ ดุ ประสงคส์ าคัญทต่ี ้องการประเมินผลการปฏบิ ตั ิ 2. นยิ ามหรือความหมายพฤตกิ รรมที่จะให้ปฏบิ ตั ิ และกาหนดรปู แบบของวิธีการประเมินให้สอดคล้องกับ พฤติกรรมทต่ี ้องการ ว่าจะใชร้ ปู แบบ ท่ีให้แสดงออกถงึ ความสามารถทางอ้อม หรือให้ปฏิบตั ใิ นสถานการณ์ จาลอง หรือให้ ปฏิบตั ิในสถานการณจ์ รงิ เชน่ ในการ2สรา้ งเกณฑ์การประเมินทักษะการสร้างสื่อการสอนของ ครู ผูว้ จิ ยั ควรศึกษาแนวคดิ ทฤษฎี องคป์ ระกอบของส่อื วา่ ประกอบด้วยอะไรบ้าง เช่น การประเมนิ เนอ้ื หา ลกั ษณะของสอ่ื การพมิ พ์ ขนาด รูปเล่ม คณุ คา่ และประโยชน์ ความสะดวกในการนาไปใช้ 3. สร้างเครือ่ งมือบันทึกผลการประเมนิ ตามรายการท่วี เิ คราะห์ไว้ ซง่ึ อาจจะเป็นแบบสารวจรายการหรือ แบบจดั อนั ดับคณุ ภาพกไ็ ด้

แบบประเมนิ การปฏิบัติ 4. กาหนดเกณฑ์ หรือ มาตรฐานขัน้ ตา่ ที่ใช้ตดั สิน และสรุปผลการปฏบิ ตั งิ าน 5. ตรวจสอบแบบประเมินการปฏิบตั ดิ า้ นความเที่ยงตรงด้วยตนเองและผเู้ ชี่ยวชาญ และนาผลทไี่ ด้ มา ปรับปรุง แก้ไข 6. ทดลองใชเ้ พอ่ื หาค่าความเช่ือมนั่ นาแบบประเมนิ 2การปฏิบตั ไิ ปทดลองใชก้ บั บคุ คลท่ไี ม่ใช่กล่มุ ตัวอยา่ ง หรือกลุ่มท่จี ะนาแบบประเมินการปฏิบตั ไิ ปใชจ้ รงิ และนาผลทไ่ี ดม้ าคานวณหาคา่ ความเชอ่ื มน่ั 7. ปรับปรุงแกไ้ ข พมิ พแ์ บบประเมนิ การปฏิบตั ิฉบับจรงิ แลว้ นาไปเก็บรวบรวมขอ้ มลู กับกลุ่มตวั อยา่ งทใี่ ช้ใน การวิจัย

แบบประเมนิ การปฏิบตั ิ ข้อดี 1. เปน็ เคร่ืองมือท่ีเหมาะสาหรับใช้วัดพฤติกรรมด้านทกั ษะการใชก้ ล้ามเน้ือ หรอื ด้านทกั ษะพสิ ัย 2. รปู แบบของวธิ ีการวดั ในแบบประเมนิ การปฏิบตั ิเป็นแบบอิสระ สามารถกาหนดขน้ึ ให้เหมาะกบั งานหรอื กิจกรรมทีต่ ้องการวดั ซง่ึ แตกตา่ งกันไปตามธรร2มชาตขิ องแต่ละงานหรือกจิ กรรม

แบบประเมนิ การปฏิบัติ ข้อจากดั 1. ต้องใชเ้ วลาในการวดั มาก โดยเฉพาะการวัดเป็นรายบคุ คล เพราะตอ้ งพจิ ารณาตลอดทง้ั กระบวนการ ปฏิบตั ิ ตง้ั แตเ่ ร่มิ ต้นจนเกดิ ผลสมบูรณ์ 2. ควบคุมสถานการณก์ ารสอบวัดใหเ้ ปน็ แบบเดียว2กันโดยให้ทุกคนแสดงความสามารถของตนเองอยา่ ง อสิ ระ ไมไ่ ด้ 2.1 ถา้ สอบวดั พรอ้ มกนั โดยให้ทางานหรอื กจิ กรรมเดียวกัน กจ็ ะมีปญั หาเร่อื งการควบคมุ การปฏบิ ตั ิ ของแต่ ละกลมุ่ ให้เป็นอิสระไมไ่ ด้ และการตรวจวดั ผลงานของทุกคนในกล่มุ ทาได้ ไม่ท่ัวถึง และไม่ทันเวลา

แบบประเมนิ การปฏิบัติ 2.2 ถา้ สอบวดั โดยให้ทางานหรอื กจิ กรรมตา่ งกนั กจ็ ะเกิดความไม่เท่าเทียมกันเรอื่ งความยากง่ายของ กิจกรรม หรืออาจกาหนดกิจกรรมไดไ้ มค่ รบทกุ ดา้ น ท าให้ผลการวัดเอามาใช้ประโยชนใ์ นการเปรียบเทยี บ หรือตดั สนิ ไมไ่ ด้ 2.3 ถ้าสอบวัดโดยให้บคุ คลปฏิบตั งิ านเป็นก2ลุม่ ทกุ คนในกลุม่ ก็ควรจะได้คะแนนเทา่ กันทง้ั ทีม่ ี ความสามารถ หรือทกั ษะไม่เท่ากัน คะแนนของบางคนจึงไม่สอดคล้องกันตามสภาพจรงิ 3. การพิจารณาคะแนนผลการปฏบิ ัติงาน หรอื ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม ทาได้ยากเพราะคอ่ นขา้ ง เปน็ อตั นยั แมจ้ ะ มแี บบฟอร์มกาหนดรายการวัด และบรรยายคณุ ภาพตามคะแนนไว้อย่างชดั เจนแล้วกต็ าม การใหค้ ะแนนแต่ละรายการก็ จาเป็นต้องใชค้ วามรูส้ กึ สว่ นตัวช่วยตัดสินดว้ ย

บทสรปุ ในการเลือกใช้เคร่ืองมอื สาหรบั การวจิ ัยนั้น ผ้วู จิ ยั ควรระลกึ เสมอว่า ตอ้ งเลือกใช้ เคร่อื งมือใหต้ รงกับพฤติกรรมท่ี ตอ้ งการวดั และตอ้ งสรา้ งเครื่องมือให้มีคณุ ภาพ การใช้ เครอื่ งมอื ให้ตรงกับคุณลกั ษณะหรือพฤติกรรมทต่ี ้องการวัดสามารถ สรปุ ได้ดังนี้ แบบทดสอบ ใชว้ ัดความรู้ ความเขา้ ใจ พฤตกิ รรมทางสมอง แ2บบสงั เกต พฤติกรรมใช้สงั เกตพฤติกรรม คุณธรรม หรือลักษณะนิสัย บุคลิกภาพของบคุ คล แบบสมั ภาษณ์ ใช้ในการศึกษาข้อเทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั สถานภาพส่วนตวั ประสบการณ์ ความรู้สกึ หรือความคดิ เห็นตอ่ ส่งิ ใด รวมทง้ั ความรู้ ความคิดด้านวชิ าการของบคุ คล แบบสอบถาม ใช้วัดความรสู้ ึกนึกคดิ ความเห็น ขอ้ เทจ็ จริงทพี่ บ แบบประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิใช้วัดทักษะการปฏบิ ัติ

บทสรุป นอกจากนเี้ ครือ่ งมอื ที่มีคณุ ลกั ษณะทีด่ ี จะมี ลักษณะดงั นี้ ไดแ้ ก่ มีความเทีย่ งตรง ความเชื่อมนั่ มคี วามเปน็ ปรนัย และมปี ระสทิ ธิภาพ ในกรณีที่เป็นเคร่อื งมอื ประเภท แบบทดสอบตอ้ งการ คุณลักษณะสาคัญเพมิ่ อีก เช่น มคี วามยากพอเหมาะ มีอานาจจาแนก มีความยตุ ธิ รรม ถามลึก ลักษณะ จงู ใจใหท้ าข้อสอบ ในการสรา้ งเครอ่ื งมอื ทุกชนิดผู้วิจ2ยั ตอ้ งคานงึ ถึงพฤติกรรมที่ต้องการวัด โดยผู้วิจยั จะมีการศึกษาเอกสาร และงานวิจยั ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับพฤติกรรมทีต่ ้องวดั หรือต้องการเก็บรวบรวมขอ้ มูลไว้ แล้วและมีการสรปุ เปน็ นิยามปฏบิ ัตกิ าร จากนั้นผวู้ ิจยั จงึ สร้างเครอ่ื งมือใหส้ อดคล้องกบั นิยามและสภาพ ความเป็นจรงิ หรอื บริบทท่ีจะต้องนาเครอื่ งมอื นนั้ ไปใช้

บทสรปุ นอกจากน้ันแลว้ ในการน าเครอ่ื งมอื ไปใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มูล ผวู้ ิจัยต้องคานงึ ถึงข้อดแี ละ ขอ้ จากัดในการนาเคร่ืองมือแต่ ละชนดิ ไปใชด้ ว้ ย เชน่ แบบสอบถามสามารถรบั และส่งไดห้ ลายวธิ ที ้ัง การรับ-สง่ ทางไปรษณียด์ ว้ ย แต่การส่งไป-ส่งกลบั ทาง ไปรษณีย์อาจทาใหล้ ่าชา้ สญู หายหรือไดร้ ับ กลบั คืนไม่ครบ ซ่งึ โดยท่วั ไปแล้วผ้วู จิ ยั ควรจะได้รบั 2เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการเก็บ รวบรวมขอ้ มูลกลับคนื มา ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเครอื่ งมือทส่ี ง่ ไป จึงจะสามารถวเิ คราะหข์ อ้ มลู ได้

ขอบค2 ุณคะ่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook