POLYMER จดั ทาํ โดยนางสาวปภาวี ศรเี พชร ม.6/1 เลขที่ 10 โรงเรียนหว ยนางราษฎรบ าํ รงุ
พอลิเมอร์ พอลิเมอร์ (Polymer) คือ คืออะไร ? สารประกอบทีมีโมเลกุลขนาดใหญ่ และมีมวลโมเลกุลมาก ประกอบ ด้วย หน่วยเล็ก ๆ ของสารทีอาจจะ เหมือนกันหรือต่างกันมาเชือมต่อ กันด้วยพันธะโคเวเลนต์ มอนอเมอร์ (Monomer) คือ หน่วยเล็ก ๆ ของสารในพอลิเมอร์
พอลเิ มอร์ แบ่งตาม แบง่ ตามชนดิ ของมอนอ เกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี เมอร์ทีเปนองคป์ ระกอบ แบ่งตามการเกิด 1. โฮมอลเิ มอร์ เปนพอลิเมอรท์ ี ประกอบดว้ ยมอนอเมอรช์ นิด 1. พอลิเมอร์ธรรมชาติ เปนพอลิเมอร์ เดยี วกนั เชน่ แปง พอลิเอทลิ นี ทเี กิดขึนเองตามธรรมชาติ เช่น PVC โปรตีน แปง เซลลโู ลส ยางธรรมชาติ 2. พอลิเมอร์สังเคราะห์ เปนพอลเิ ม 2. โคพอลเิ มอร์ เปนพอลเิ มอรท์ ี อร์ทเี กดิ จากการสังเคราะห์เพือใช้ ประกอบดว้ ยมอนอเมอร์ตา่ งชนิด ประโยชนต์ า่ ง ๆ เชน่ พลาสติก กัน เช่น โปรตนี พอลเิ อสเทอร์ ไนลอน ดาครอนและลูไซต์
โครงสรา้ งของพอลิเมอร์ 1. พอลิเมอร์แบบเส้น เปนพอลิเมอร์ทีเกดิ จากมอนอเมอร์ สร้างพันธะต่อกันเปนสายยาว โซ่พอลิ เมอร์เรียงชิดกนั มากวา่ โครงสร้างแบบ อืน ๆ จึงมคี วามหนาแน่น และ จุดหลอมเหลวสูง มลี กั ษณะแขง็ ขนุ่ เหนยี วกว่าโครงสร้างอืนๆ ตวั อยา่ ง PVC พอลสิ ไตรีน พอลเิ อทลิ ีน
โครงสรา้ งของพอลิเมอร์ 2. พอลิเมอร์แบบกิง เปนพอลิเมอรท์ ีเกิดจากมอนอเมอรย์ ดึ กันแตกกิงกา้ นสาขา มที ังโซส่ ันและโซ่ ยาว กงิ ทีแตกจาก พอลเิ มอร์ของโซ่ หลกั ทาํ ใหไ้ มส่ ามารถจดั เรียงโซพ่ อลเิ ม อร์ใหช้ ิดกันไดม้ าก จงึ มคี วามหนาแน่น และจดุ หลอมเหลวตํายดื หย่นุ ได้ ความ เหนยี วตาํ โครงสร้างเปลียนรูปไดง้ ่าย เมืออุณหภูมิเพิมขึน ตัวอยา่ ง พอลเิ อทิ ลนี ชนิดความหนาแน่นตาํ
โครงสร้างของพอลเิ มอร์ 3. พอลิเมอร์แบบร่างแห เปนพอลิเมอร์ทีเกดิ จากมอนอ เมอร์ตอ่ เชือมกันเปนรา่ งแห พอ ลเิ มอรช์ นดิ นมี ีความแข็งแกรง่ และเปราะหกั งา่ ย ตัวอย่าง เบกาไลต์ เมลามีนใชท้ ําถว้ ยชาม
ผลติ ภณั ฑจ์ ากพอลิเมอร์ พลาสตกิ (Plastic) 1. เทอร์มอพลาสติก เปนพลาสตกิ ทีอ่อนตัวเมอื ได้รบั ความร้อน พอลิเมอร์ทีนํามาขนึ รูปเปนผลติ ภณั ฑ์ เพือใช้งานในรปู แบบตา่ งๆ เชน่ ถว้ ย และเมืออณุ หภมู ลิ ดลงจะแขง็ ตวั ถา้ ให้ความ จาน ชาม เกา้ อี รองเท้าด้ามปากกาถงุ ร้อนอีกกจ็ ะอ่อนตวั และสามารถทําใหก้ ลับเปน ใส่ของ ภาชนะ เรียกรวมว่า ผลิตภัณฑ์ รูปร่างเดมิ หรอื เปลียนรูปรา่ งได้ พลาสติก เมือใชก้ ารเปลียนแปลงของ 2. พลาสตกิ เทอรม์ อเซ็ต พลาสตกิ เมอื ไดร้ บั ความร้อนเปนเกณฑ์ จําแนกพลาสติกได้ 2 ประเภท ดงั นี เปนพลาสติกทขี ึนรูปด้วยการผา่ นความรอ้ น หรือแรงดนั แลว้ จะมส่ ามารถนาํ กลบั มาขนึ รปู ใหม่ได้อกี เพราะพอลเิ มอร์ประเภทนี มีการ เชือมตอ่ ระหวา่ งโซ่โมเลกุลแบบรา่ งแห เมือ แข็งตัวแล้วจะมคี วามแขง็ มาก ทนตอ่ ความ ร้อนและความดนั ได้ดีกว่าเทอรม์ อพลาสติก
ประเภทของพลาสตกิ ที รีไซเคิลได้ 1. โพลเี อทลิ นี เทอรฟ์ ะธาเลต คุณสมบตั ิ : พลาสติกโพลีเมอร์ใส เนือเหนยี ว มี ความทนทานตอ่ แรงกระแทก และมีคณุ สมบัตใิ น การปองกันการแพร่ผ่านของก๊าซได้ดี ประโยชน์ : นาํ มาใช้ในการผลิตขวดเครืองดมื ทีไม่ ได้บรรจแุ อลกอฮอล์ เชน่ ขวดนาํ ดมื และขวดนํามนั พืช
ประเภทของพลาสติกที รีไซเคิลได้ 2. โพลเี อทิลนี ความหนาแนน่ สูง คณุ สมบัติ : พลาสติกชนิดนีมคี วามหนาแนน่ สูง ทาํ ใหแ้ ขง็ แรง แตโ่ ปรง่ แสงน้อยกว่าโพลีเอทลิ ีน ความหนาแน่นตาํ ทนกรดและด่าง ทงั ยังปองกันการ แพร่ผา่ นของความชืนไดด้ ี ประโยชน์ : นํามาใช้ในการผลติ ขวดนม ขวดเครอื ง สําอาง ถุงพลาสตกิ ถังขยะ ถังบรรจุสารเคมี เชน่ ถงั นาํ มนั รถ
ประเภทของพลาสตกิ ที รีไซเคลิ ได้ 3. โพลีไวนลิ คลอไรด์ คณุ สมบตั ิ : เปนพลาสติกใสทีมีความแขง็ แรง มาก ไอนาํ และอากาศซึมผา่ นไดพ้ อสมควร แต่ ปองกนั ไขมนั ได้ดี ประโยชน์ : นาํ มาใช้ในการผลติ ท่อนําประปา หนงั เทียม ฉนวนหมุ้ สายไฟ ขวดเครืองดมื แอลกอฮอล์ และอุปกรณ์การแพทย์
ประเภทของพลาสติกที รไี ซเคิลได้ 4. โพลเี อทลิ ีนความหนาแนน่ ตํา คณุ สมบัติ : เปนพลาสติกโปร่งแสง ทีมี ปรมิ าตรสูง แต่ความหนาแน่นตํา ประโยชน์ : นําไปใช้ในการผลิตถุง บรรจุอาหารแช่แขง็ แผ่นฟล์ม ถงุ ใส่ ของ และสายหมุ้ ทองแดง
ประเภทของพลาสตกิ ที รีไซเคลิ ได้ 5. โพลีโพรพิลนี คุณสมบัติ : เปนพลาสตกิ ทมี ีนําหนักเบาทีสุด แต่มคี วามแข็งแรง ทนทานตอ่ แรงกระแทก และความร้อนสูง ประโยชน์ : นาํ ไปใช้ในการผลติ ฉนวนไฟฟา บานพับ ฝาขวด ภาชนะบรรจอุ าหาร ถุงร้อน และหลอดดูด
ประเภทของพลาสติกที รีไซเคลิ ได้ 6. โพลีสไตรีน คณุ สมบตั ิ : เปนพลาสติกทีมีความโปรง่ ใส เปราะ บาง แตท่ นต่อกรดและดา่ ง ผลติ เปนรปู ต่าง ๆ ได้ ง่าย ไอนาํ และอากาศซึมผ่านไดพ้ อสมควร ประโยชน์ : นํามาผลติ อุปกรณ์ไฟฟาและ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ภาชนะ เชน่ ถว้ ย จาน และกลอ่ ง โฟม
ประเภทของพลาสตกิ ที รไี ซเคิลได้ 7. พลาสติกอืน ๆ คุณสมบัติ : พลาสตกิ ชนิดอนื ๆ ทีไม่ใช่ 6 ชนดิ แรก เชน่ โพลคี าร์บอเนต (Polycarbonate : PC) เปนพลาสติกโปรง่ ใส มคี วามแข็งแรง ทน ตอ่ ความรอ้ น กรด และแรงกระแทกได้ดี ประโยชน์ : นาํ มาใช้ในการผลิตปากกา ขวดนม เด็ก หมวกนิรภัย ไฟจราจร ปายโฆษณา
เส้นใย คอื พอลเิ มอร์ชนดิ หนงึ ทีมีโครงสร้างของโมเลกลุ สามารถ นาํ มาเปนเส้นด้าย เส้นใย เส้นใยธรรมชาติ : เส้นใยเซลลโู ลส ทํามาจากลนิ นิ ปอ เส้นใย สับปะรด เส้นใยโปรตนี : ขนสัตว์ เช่น ขนแกะ ขนแพะ เส้นใยไหม : เส้นใยจากรงั ไหม เส้นใยสังเคราะห์ เช่น เซลลูโลสแอซเี ตด ไนลอน ดาครอน Orlon
ประเภทของเส้นใย 1.เส้นใยธรรมชาติ ดูดนาํ ได้ดี แต่ยบั ง่าย แห้งช้า ไม่ทนตอ่ เชอื รา แบ่งยอ่ ยไดอ้ ีก 3 ประเภท คือ - เส้นใยเซลลโู ลสทีพบในส่วนต่าง ๆ ของพืช เชน่ เส้นใยฝาย นุ่น ปาน ปอ ใยมะพรา้ ว ลนิ นิ ใยสับปะรด - เส้นใยจากสัตว์ เชน่ ขนแกะ ขนแพะ ใยไหมซงึ เปนโปรตนี - เส้นใยทไี ดม้ าจากแรธ่ าตุ เช่น เส้นใยหิน (asbestos)
ประเภทของเส้นใย 2.เส้นใยสังเคราะห์ เกิดจากการนาํ พอลเิ มอรส์ ังเคราะห์มาปน โมเลกุลของเส้นใย ต้องมีขนาดยาวและมกี ารเรยี งตวั ของโมเลกลุ เปนระเบยี บตาม แนวแกนของเส้นใย เช่น ไนลอน พอลิเอสเทอร์ เส้นใย สังเคราะหม์ สี มบัติไม่ยับงา่ ย ไมด่ ดู นํา ซักงา่ ย แหง้ เร็ว ทนตอ่ เชือรา แตม่ ีขอ้ เสีย คือ การระบายความรอ้ นไม่ดี จงึ ไมเ่ หมาะ ทจี ะนาํ มาทอเปนเสือผา้
ยาง
ยาง ยางสังเคราะห์ มกี ารผลิตขึนมาใช้หลายชนิด เช่น พอลบิ ิวทาได อีน มสี ูตรโครงสรา้ งพอลิเมอรค์ อื (–CH2–CH=CH–CH2–)n เปนยางสังเคราะหช์ นดิ แรกของโลก ผลิตขึนในประเทศเยอรมนี ในชว่ งสงครามโลกครงั ที 2 เนอื งจากการขาดแคลนยาง ธรรมชาตโิ ดยใช้มอนอเมอร์คือ บิวทาไดอนี (CH2=CH–CH=CH2) เมอื ผา่ นกระบวนการวัลคาไนเซชันแลว้ มี ความยดื หยุ่นนอ้ ยกวา่ ยางธรรมชาติ ใช้ทาํ ยางรถยนตไ์ ด้
การเพิมขนึ ของปริมาณการใชพ้ อลิเมอร์โดยเฉพาะพลาสติก จึงเกดิ ปญหาต่อสิงแวดลอ้ มตามมา คือ ปญหาขยะพลาสติก และการกําจัด เนอื งจากสมบตั ิทดี ขี องพอลิเมอรม์ ีความคงทน ต่อสภาวะแวดล้อมต่างๆ เมืออตั ราการผลิตเพิมขนึ อย่าง มหาศาล การกําจดั ขยะพลาสตกิ จงึ ทําไดย้ าก หากจะทิงให้ ย่อยสลายกใ็ ชเ้ วลานานหลายสิบป หรือบางชนิดก็ไม่ยอ่ ย สลายเลย
แนวทางการแก้ปญหา สงิ แวดลอ้ มทีเกิดจากพอลเิ มอร๋ คอื การลดการใช้ (Reduce) การนํากลบั มาใช้ใหม่ (Reuse) และการรีไซเคลิ (recycle) ซงึ ทงั 3 แนวทางนี จะส่งผลใหม้ กี ารยดื อายกุ ารใชง้ านของ พอลเิ มอรใ์ หย้ าวขึน และมปี ระสิทธภิ าพมากขึนโดย จะส่งผลใหก้ ารผลิตพอลิเมอร์ใหมล่ ดลง
THANK YOU
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: