แบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะ การแตง่ คาประพนั ธ์ ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ ชดุ ที่ ๒ ฝกึ หดั แต่งคาประพนั ธ์ สาหรบั นักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑-๓ นางสาวณชิ นนั ท์ กาทองทุง่ ตาแหนง่ ครู คศ.๑ โรงเรียนบ้านทงุ่ โฮง้ (อภิวงั วิทยาลัย) สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาแพร่ เขต ๑
คำนำ เอกสารฉบับน้ี เป็นเอกสารของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สาหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา ปีท่ี ๑ ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการแต่งคาประพันธ์ ประเภทกาพย์ยานี ชุดท่ี ๒ ฝึกหัดแต่งคาประพันธ์ น้ีได้จัดทาขึ้นให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขัน้ พืน้ ฐานกลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ซึง่ ประกอบด้วยแบบฝกึ เสริม ทกั ษะจานวน ๒ ชดุ ดังน้ี ชุดท่ี ๑ ชดุ ที่ ๑ ฝกึ คดิ เขียนสมั ผัสคลอ้ งจอง ชุดท่ี ๒ ฝึกหัดแต่งคาประพันธ์ แบบฝึกเสริมทักษะการแต่งคาประพันธ์ ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ชุดที่ ๒ ฝึกหัดแต่ง คาประพันธ์ แบบฝึกเสริมทักษะชุดน้ีถือเป็นสื่อการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งที่มีความสาคัญต่อการจัดการ เรียนรู้ จะช่วยให้นักเรียนมีพัฒนาการทางภาษาเข้าใจในบทเรียน ซ่ึงจะช่วยให้นักเรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับการเลือกใชค้ ามาแตง่ คาประพันธ์และสามารถเลือกใชค้ าได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ตามแบบแผนฉันทลักษณ์ดีขึ้น ขณะเดียวกันนักเรียนมีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรู้เรื่อง การแต่ง คาประพนั ธ์ พัฒนาสูก่ ารแตง่ เพลงพ้ืนบา้ นไทยพวน และเกดิ ความภาคภมู ใิ จในผลงานของตนเอง ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบฝึกเสริมทักษะการแต่งคาประพันธ์ ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ชุดท่ี ๒ ฝึกหดั แตง่ คาประพนั ธ์ เลม่ นจี้ ะช่วยพัฒนาทักษะการแต่งกาพยย์ านี ๑๑ ของนักเรยี นได้อย่าง มปี ระสทิ ธภิ าพ และนักเรียนมีความสุขกบั การปฏิบตั ิกิจกรรม ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้คาแนะนา และ ให้ความอนเุ คราะห์ในการจดั ทาแบบฝกึ ทกั ษะเล่มน้ีจนสาเร็จด้วยดี ผู้จดั ทา
สำรบัญ หนำ้ ก คานา ข สารบัญ ๑ คาช้ีแจงในการใช้แบบฝกึ เสริมทักษะ ๒ คาชี้แจงสาหรบั ครู ๓ คาชแ้ี จงสาหรบั นักเรยี น ๔ สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย ๕ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เร่ือง แตง่ คาประพนั ธ์ ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ ๖ ใบความรู้ เรอ่ื ง กาพย์ยานี ๑๑ และกลวธิ กี ารแตง่ ๑๑ แบบฝกึ เสรมิ ทักษะท่ี ๒.๑ อา่ นคาประพนั ธ์ ๑๓ แบบฝกึ เสรมิ ทักษะท่ี ๒.๒ เตมิ คาใหส้ มั พนั ธ์ ๑๔ แบบฝกึ เสริมทักษะที่ ๒.๓ เติมวรรคตอนให้ถกู ต้อง ๑๕ แบบฝกึ เสรมิ ทักษะท่ี ๒.๔ แตง่ กาพย์ยานี ๑๑ ๑๖ แบบฝกึ เสริมทักษะที่ ๒.๕ เรียงเปน็ กาพย์ยานี ๑๑ ๑๗ แบบฝึกเสริมทักษะที่ ๒.๖ แต่งกาพย์ยานี ๑๑ ตามหวั ขอ้ ท่ีกาหนดให้ ๑๘ แบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง แตง่ คาประพนั ธ์ ประเภทกาพยย์ านี ๑๑ ๑๙ ภาคผนวก ๒๕ บรรณานุกรม
๑ คำชีแ้ จงในกำรใช้แบบฝกึ ทกั ษะ แบบฝกึ ทักษะการแต่งคาประพนั ธ์ ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ รายวชิ าภาษาไทย มีจดุ มุ่งหมาย เพื่อใหน้ ักเรียนไดฝ้ กึ ทักษะการแต่งคาประพันธ์ ประเภทกาพยย์ านี ตามหัวข้อเร่อื ง เน้ือหาทีแ่ ตกต่าง กัน โดยมีแบบฝึกเสริมทกั ษะทง้ั หมด ๒ ชดุ ดังรายละเอียดตอ่ ไปนี้ ชุดท่ี ๑ ฝึกคดิ คลอ้ งจองประลองสัมผัส ชุดที่ ๒ ฝึกหดั แตง่ คาประพันธ์ โครงสร้างของแบบฝึกเสริมทักษะการแต่งคาประพนั ธ์ ประเภทกาพย์ยานี แตล่ ะชุด ประกอบดว้ ย - มาตรฐานการเรยี นรู้ และตวั ชว้ี ดั - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ใบความรู้ - แบบฝึกเสริมทักษะ - แบบทดสอบหลงั เรียน - เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรียน - เฉลยแบบฝกึ เสรมิ ทักษะ
๒ คำชแี้ จงสำหรบั ครู การใชแ้ บบฝกึ เสรมิ ทกั ษะการแต่งคาประพนั ธ์ ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ มคี าชี้แจงสาหรับครู ดังนี้ ๑. ศึกษาสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนเรียนรู้และตัวช้ีวัด เน้ือหาและข้ันตอนการจัด กจิ กรรมตา่ ง ๆ ในแผนการจัดการเรยี นร้ใู หเ้ ขา้ ใจ ๒. จัดเตรยี มสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ทใ่ี ช้ในการจัดการเรยี นรใู้ หพ้ ร้อมก่อนจัดการเรียนรู้ ๓. ครูดาเนนิ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ตามลาดับขนั้ ตอนในแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ดงั นี้ ๓.๑ ครูบอกจุดประสงคก์ ารเรยี นรูใ้ ห้นกั เรียนไดท้ ราบ ๓.๒ วดั และประเมนิ ผลหลงั จากการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔. ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น
๓ คำชแ้ี จงสำหรบั นักเรียน แบบฝึกเสรมิ ทักษะการแต่งคาประพันธ์ ประเภทกาพย์ยานี ๑๑ เล่มนเ้ี ปน็ แบบฝึกทักษะที่ใช้ ประกอบการเรียน นักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง ตามคาแนะนาในการใช้เอกสารและปฏิบัติ กิจกรรมแต่ละข้ันตอน ซึ่งจะทาให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความรู้และ ความเข้าใจ ในการแต่งกาพย์ยานี ๑๑ โดยปฏบิ ตั ิตามขนั้ ตอน ดังน้ี ๑. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน แลว้ ตรวจคาตอบท่เี ฉลยไว้ทา้ ยเอกสาร ๒. ศึกษาเน้ือสาระ ว่าเม่ือจบบทเรียนน้ีแล้ว นักเรียน ได้เรียนรู้อะไรบ้าง และเกิดผลกับ นกั เรยี นอยา่ งไร ๓. ศึกษาแบบฝึกเสรมิ ทักษะและฝึกทากจิ กรรมตามท่ีกาหนดไว้ ๔. เมื่อนักเรียนมีปัญหาตอนใดเก่ียวกับเร่ืองท่ีศึกษาน้ีรีบขอคาแนะนาหรือปรึกษาครูผู้สอน ทันที ๕. ขอใหน้ กั เรยี นปฏิบัติกจิ กรรมในแต่ละหน้าดว้ ยความต้งั ใจและสนกุ สนานกับบทเรียน ๖. ทาแบบทดสอบหลังเรียนเพ่ือวดั ความร้คู วามเขา้ ใจอีกครั้งหนึ่ง
๔ สำระที่ ๔ หลักกำรใช้ภำษำไทย มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและ พลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ ๑. นักเรียนอ่านคาประพันธ์ไดถ้ ูกต้อง ๒. นกั เรียนเติมคาใหส้ ัมพนั ธไ์ ดถ้ กู ต้อง ๓. นกั เรียนเตมิ วรรคตอนให้ถูกต้อง ๔. นักเรยี นแตง่ กาพยย์ านีได้ถูกตอ้ ง ๕. นกั เรียนเรียงเปน็ กาพยย์ านีไดถ้ ูกตอ้ ง ๖. นักเรยี นแตง่ กาพย์ยานีตามหัวข้อท่ีกาหนดให้ได้ถูกต้องเรียบรอ้ ย และแสดงถึงความคิด สรา้ งสรรคไ์ ด้
๕ แบบทดสอบกอ่ นเรียน เรอ่ื ง แต่งคำประพนั ธ์ ประเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนทาเคร่อื งหมาย เลอื กคาตอบที่ถกู ทสี่ ุดเพยี งคาตอบเดียว ๑. คาในขอ้ ใดมีความหมายวา่ “นักปราชญ์” ก. เทวนิ ทร์ ข. บณั ฑิต ค. ปกั ษา ง. อสรู ๒. ขอ้ ใดมสี ัมผัสอักษรเหมือนกับคาวา่ “วอ่ งไว” ก. ว่ายนา้ ข. วุ่นวาย ค. วง่ิ เรว็ ง. วดั ใจ ๓. คาใดที่มีเสยี งวรรณยุกต์เหมอื นคาวา่ “ยิ้มแย้ม” ก. เกร้ยี วกราด ข. หน้ารอ้ น ค. ทอ้ งฟา้ ง. ผกู้ ลา้ ๔. “โครงการไม่วา่ งเว้น พ่อมุ่งเนน้ ดับทุกข์เข็ญ” คาที่ขดี เส้นใตเ้ ป็นเสยี งวรรณยกุ ต์ใด ก. จัตวา – โท ข. เอก – โท ค. ตรี - ตรี ง. โท – เอก ๕. “ฉันไปโรงเรยี น อา่ น........หนงั สอื ” ควรเตมิ คาคล้องจองใด ก. เขยี น ข. ออก ค. ฟงั ง. ดู ๖. ขอ้ ใดเป็นคาคล้องจองของคาว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ก. หลอ่ เล้ียงไทย ข. ไทยช่วยไทย ค. เพือ่ คนไทย ง. พน่ี อ้ งไทย ๗. “วารที ่ไี หลหลงั่ คือมนต์ขลังแห่งภูผา” จากกาพย์ยานีข้างต้น คาใดทมี่ คี วามหมาย เหมือนกับคาว่า “สายชล” ก. ภผู า ข. มนต์ขลงั ค. ไหลหลั่ง ง. วารี ๘. “กราบไหว้พระไตรรัตน์ .......................................” ขอ้ ความในข้อใดเติมในวรรคหลังแล้วถูกตอ้ งทง้ั เน้ือความและฉันทลักษณ์ ก. เทพไท้ป้องผองภัยพาล ข. ต่อเกยี รติก้องซอ้ งประสาน ค. เอกราชซาติสยาม ง. พรพพิ ฒั นเ์ ลิศสนอง ๙. “ฉตั รแก้วปกใจ.......... ธ เทิดศาสน์แผ่นดิน............. ป่าดินมสี ้นิ งาม ทุก...........เขตพระเมตตา” ควรเติมข้อความใดให้ไดเ้ น้ือความถูกต้อง ก. ราษฎร์ สยาม ยาม ข. ราษฎร์ สถาน นาม ค. ราษฎร์ สยาม คาม ง. ราษฎร์ สถาน คาม ๑๐. “พอเพยี งเล้ยี งชพี ได้ พ่อทาให้เปน็ แบบอย่าง” ข้อใดคอื สมั ผสั บังคับของกาพยย์ านี ขา้ งตน้ ก. พอ – เพียง ข. เพยี ง - เสยี ง ค. เป็น - แบบ ง. ได้ – ให้ คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน
๖ ใบควำมรู้ เรื่องกำพย์ยำนี และกลวธิ ีกำรแตง่ กำพย์ยำนี ราตรี โพธิ์เต็ง (๒๕๕๑, หนา้ ๒๓๐) กลา่ วถงึ ลกั ษณะบงั คบั ของกาพย์ยานี ๑๑ ไวด้ ังน้ี ๑. คณะ กาพย์ยานี มีคณะดังน้ี บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทหน่ึงมี ๒ วรรค วรรคแรกมี ๕ คา วรรคหลัง ๖ คา รวมเปน็ ๑๑ คา บาทแรกเรียกว่า บาทเอก บาทท่สี อง เรยี กว่าบาทโท จะต้องแต่งให้ จบในบาทโทเสมอ ๒. สัมผัส สัมผัสบงั คบั คือ คาสดุ ท้ายของวรรคท่ี ๑ ส่งสมั ผัสไปยงั คาท่ี ๓ ของวรรคท่ี ๒ หรอื บางคร้ังอาจเล่ือนไปเป็นคาที่ ๑ หรือ ๒ ก็ได้ คาสุดท้ายของวรรคที่ ๒ (ในบาทเอก) ส่งสัมผัสไปยังคา สุดทา้ ยของวรรคท่ี ๓ (ในบาทโท) คาสุดท้ายของวรรคท่ี ๔ ใบบทท่ี ๑ จะส่งสัมผสั ไปยังคาสดุ ทา้ ยของ วรรคท่ี ๒ ในบทที่ ๒ ตอ่ (เรียกวา่ สัมผัสระหว่างบท) สัมผสั เชือ่ มระหว่างบทในกรณที ี่แตง่ เกินกวา่ หน่ึงบท ตอ้ งสง่ สมั ผัสเช่อื ม คือ คาสดุ ท้ายของ วรรคทสี่ องในบาทโท สง่ สัมผัสเชื่อมกับคาสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ในบาทเอกของบทตอ่ ไปสมั ผสั ในไม่ บงั คบั นยิ มเช่นเดยี วกับกลอน ตัวอยำ่ งคำประพนั ธ์ สิบเอ็ดคาจาอยา่ คลาย วรรคหลังหกยกแสดง กาพย์ยานีลานา ไม่สาคัญอยา่ ระแวง วรรคหน้าหา้ คาหมาย ให้ถกู ต้องตามวิธี ครลุ หนุ ั้น (หลกั ภาษาไทย : กาชัย ทองหลอ่ ) สัมผัสตอ้ งจดั แจง
๗ ตัวอยำ่ งคำประพนั ธ์ พระเสดจ็ โดยแดนชล ทรงเรอื ต้นงามเฉดิ ฉาย กิ่งแก้วแพรวพรรณราย พายอ่อนหยบิ จบั งานงอน นาวาแนน่ เป็นขนัด ล้วนรูปสัตวแ์ สนยากร เรอื รว้ิ ทวิ ธงสลอน สาครล่ันครน่ั ครื้นฟอง (กาพย์เห่เรอื เห่ชมกระบวนเรือ : เจ้าฟา้ ธรรมธเิ บศร)์ จากแผนผงั และตวั อย่างกาพย์ยานี อธิบายลกั ษณะสมั ผัสนอกหรอื สัมผสั บังคบั ของกาพยย์ านี ได้ ดงั นี้ - ๓ คาสุดท้ายของวรรคท่ี ๑ ส่งสัมผัสไปยังคาท่ี ๓ ของวรรคท่ี ๒ หรือบางคร้ังอาจเลื่อนไป เป็นคาที่ ๑ หรือ ๒ กไ็ ด้ - คาสุดทา้ ยของวรรคท่ี ๒ (ในบาทเอก) ส่งสมั ผสั ไปยังคาสดุ ท้ายของวรรคที่ ๓ (ในบาทโท) - คาสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ในบทที่ ๑ จะส่งสัมผัสไปยังคาสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ในบทท่ี ๒ ตอ่ (เรียกวา่ สมั ผสั ระหว่างบท) ๒.๑ สัมผสั นอก บงั คบั ไวด้ ังน้ี ตัวอย่าง ลักษณะบงั คับตามแผนผงั ของกาพย์ยานี และ ตวั อยา่ งประกอบสองบท ดังน้ี ๒.๒ สัมผัสใน คือ สัมผัสระหว่างวรรค เป็นสัมผัสไม่บังคับจะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่ถือเป็น ข้อบังคับและไม่เคร่งครัดมากนัก แต่ถ้ามีก็จะทาให้กาพย์ยานี้มีความไพเราะมากขึ้นการเล่นสัมผัสใน นิยมดังนี้ คือ วรรคท่ี ๑ คาท่ี ๒ สัมผัสกับคาที่ ๓ หรอื คาท่ี ๔ วรรคท่ี ๒ คาท่ี ๓ สมั ผัสกับคาท่ี ๔ หรือ คาที่ ๕ วรรคท่ี ๓ และวรรคท่ี ๔ กเ็ ช่นเดียวกัน สมั ผสั ในจะมีทงั้ สัมผสั อักษรและสัมผัสสระ เชน่
๘ รอนรอนอ่อนอัสดง พระสุรยิ งเย็นยอแสง ช่วงดงั นา้ คร่งั แดง แฝงเมฆเขาเงาเมรธุ ร (กาพย์เหเ่ รือ : เจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศร์) นอกจากน้ี ยังสามารถเล่นสัมผัสสระและสัมผัสอกั ษร เพื่อความไพเราะไดอ้ กี ดว้ ย ดงั ตวั อยา่ ง ลิงคา่ งครางโครกครอก ฝงู จ้ิงจอกออกเห่าหอน ชะนีวิเวกวอน นกหกรอ่ นนอนรังเรียง อา้ ปากรอ้ งซ้องแซเ่ สียง ลูกนกยกปกี ป้อง เล้ียงลกู ออ่ นป้อนอาหาร แม่นกปกปกี เคยี ง เคียงคลึงเคล้าเยาวมาลย์ สงสารน้องหมองพักตรา ภธู รนอนเนินเขา ตกยากจากศฤงคาร (กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา : สุนทรภู่) การแบ่งคาภายในวรรคเพื่อให้เกิดสัมผัสในมีลักษณะคล้ายกับกลอน ตามปกติกาพย์ยานี แต่ละวรรคแบ่งเป็น ๒ ห้วง วรรคหน้าท่ีมี ๕ คา จะแบ่งออกเป็นห้วงแรก ๒ คา ห้วงหลัง ๓ คา และ วรรคหลงั ซงึ่ มี ๖ คา แบง่ ออกเปน็ ๒ ห้วงเชน่ กนั แตง่ หว้ งละ ๓ คา ๓. ควำมไพเรำะในเชิงลีลำของกำพย์ยำนี บารมี ถาวระ (๒๕๔๑, หน้า ๖๔-๖๗) ได้กล่าวถึงความ ไพเราะในเชิงลีลาของกาพย์ ว่าในการแต่งกาพย์ยานีให้มีความไพเราะมีหลักและข้อคานึงในการแต่ง ดังน้ี - การใช้คารับส่งสัมผัส ถ้าสามารถใช้คาที่มีเสียงวรรณยุกต์ต่างกันจะไพเราะกว่าคาท่ีมีเสียง วรรณยกุ ตเ์ หมือนกนั และคาจบบาทไมค่ วรใช้คาทมี่ ีรูปวรรณยุกต์ ๓.๑ จงั หวะของคำแต่ละวรรค การแบ่งช่วงจังหวะของคาในแต่ละวรรค ตอ้ งใชใ้ ห้เหมาะสม สอดคล้องกับจังหวะการอ่านคาประพันธ์ชนิดนั้นและถ้าให้คารับส่ง สัมผัสในของแต่ละวรรคถูกต้อง ลงจังหวะในการอ่าน จะชว่ ยให้กาพย์ยานีมีความไพเราะมายง่ิ ขน้ึ เช่น - จังหวะในการอ่านกาพย์ยานีใช้จังหวะ ๓ – ๓ (ในวรรคหน้า) และ ๓ – ๓ (ในวรรคหลัง) ดงั ตวั อย่าง
๙ จากตัวอยา่ งคาว่า ชัย-ไว ในวรรคที่ ๑ คาวา่ จรงิ -ย่งิ ในวรรคที่ ๒ คาว่า เช้า-เรา้ ในวรรคที่ ๓ และคาว่า เย็น-เดิน ในวรรคท่ี ๔ เป็นสัมผัสในประเภทสัมผัสสระ ท่ีจะช่วยให้เสียงของกาพย์ยานี ไพเราะข้ึนถ้าออกเสียงอ่านดัง ๆ จะบอกได้ทันทีว่าลงจังหวะตรงคาใด จึงกล่าวได้ว่าสัมผัสในของ กาพย์ จะมีความสัมพันธ์กับการกาหนดจังหวะในการอ่านกาพย์ชนิดนั้นด้วย การเลือกใช้คาในแต่ละ วรรคจึงไม่ควรเลือกใช้คาสองพยางค์ท่ีตอ้ งอ่านแยกคาเพื่อให้ลงจังหวะถูกต้องแต่ทาให้การอ่านคานัน้ ไม่ถูกต้องตามหลักการอ่านออกเสียง ซ่ึงไม่นิยมแยกเสียงของคาหลายพยางค์และจะทาให้ขาดความ ไพเราะไปด้วย ดังตวั อยา่ ง เม่อื ดวงจติ จากไกล สุดจะอาลยั แกว้ พ่ี (กาพยเ์ หเ่ รือ : เจา้ ฟ้าธรรมธิเบศร์) กาพย์ข้างต้นถ้าจะอ่านให้ถูกจังหวะจะต้องอ่านแยกคาว่า ดวงจิต และ อาลัย ออกจากกัน เป็น เม่ือดวง / จิตจากไกล สุดจะอา / ลัยแก้วพ่ี ทาให้ไม่ถูกหลักการอ่านคาและถ้าไม่แยกคาก็จะทา ใหล้ งจังหวะผดิ การใช้คาในลกั ษณะดังกลา่ วจึงไม่เพราะและไม่ควรใช้ ๓.๒ กำรใช้สัมผัสใน สัมผัสในของกาพย์ยานีกเ็ หมือนกับคาประพันธ์ชนิดอื่นท่ีมีใช้ทัง้ สัมผัส สระและสัมผัสอักษร สัมผัสในของกาพย์ยานีท่ีเป็นสัมผัสสระน้ันถ้ามีควรให้อยู่ระหว่างจังหวะคา คือ ให้เป็นคาสดุ ท้ายของช่วงจังหวะหนา้ กับคาแรกของชว่ งจังหวะถดั ไป ดงั ตวั อยา่ ง สายหยดุ พดุ จบี จนี เจา้ มีสนิ พม่ี ีศักด์ิ ทัง้ วงั เขาชงั นกั แตพ่ รี่ ัก เจา้ คนเดียว (กาพย์เหเ่ ร่อื : เจ้าฟา้ ธรรมธิเบศร์) จากตัวอยา่ งกาพยย์ าน้ีขา้ งบน คาสมั ผสั สระในวรรคที่หนึง่ และวรรคทสี่ าม คือคาวา่ หยดุ -พูด และคาว่า วงั -ขงั ส่วนสัมผัสใน ถ้าไม่ใช่ช่วงลงจังหวะการอ่าน ก็จะมีกวีส่วนมากนิยมใช้สัมผัสอักษร อาจจะ เป็นสัมผัสชดิ หรอื สัมผัสคัน่ กไ็ ด้ และสัมผสั อกั ษรยังใชใ้ นช่วงลงจงั หวะการอ่านของคาก็ได้ ๓.๓ เสียงของคำทำ้ ยวรรค กาพย์ยานีจะไม่จากัดเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรค จะใช้เสียงวรรณยุกต์ใดก็ได้ตามท่ีผู้แต่ง เหน็ สมควรวา่ ไพเราะ สว่ นคาท้ายบทถ้าใช้คาที่มีเสยี งจัตวาในอักษรสงู ก็จะสามารถทาให้กาพย์ยานี มี ความไพเราะข้ึนโดยเฉพาะการอา่ นเอื้อนเสียง
๑๐ กลวธิ ใี นกำรแต่งกำพย์ยำนี ๑๑ กาพยย์ านี ๑๑ มวี ธิ ีที่แตง่ แลว้ ทาให้ไพเราะได้ ประหยดั แม่นสุข (๒๕๕๗, หนา้ ๓๙-๔๐) ดงั นี้ ๑. นยิ มใชส้ ัมผสั ในเหมอื นกลอน ท้งั สมั ผัสพยญั ชนะ และสมั ผัสสระ เรียนทกุ ขจ์ ากทกุ ขแ์ ท้ ใชพ้ ่ายแพแ้ ตเ่ พมิ่ เพียร ทุกขต์ ่นื ทุกขด์ ำษเดียร คอื ดวงเทยี นทิพยห์ ทัย ทกุ ขร์ อ้ นจะสอนเธอ ผพู้ บเจอประจกั ษใ์ จ ทุกขเ์ ขญ็ ทุกขเ์ ขน่ ใคร ทกุ ขไ์ ฉนในทกุ ข์นัน้ (กาไรจากรอยเท้า : ศิวกานท์ ปทมุ สตู ิ) ๒. ถ้าจะให้ไพเราะยิ่งขึ้นควรจะให้คาสุดท้ายของวรรคท่ี ๓ สัมผัสกับคาท่ี ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของวรรคท่ี ๔ นอกเหนอื ไปจากทบี่ ังคบั ในวรรคท่ี ๑ และ ๒ ของแตล่ ะบท ๓. คาสุดท้ายของบท ห้ามใช้คาตายหรอื คาทีม่ รี ูปวรรณยุกต์ ดงั ต่อไปน้ี เรื่อยเร่ือยมาเรียงเรยี ง นกบนิ เฉียงไปทัง้ หมู ตัวเดยี วมาไรค้ ู่ เหมือนพีอ่ ยเู่ พยี งเอกา อกสะทอ้ นอ่อนใจขา้ รา่ รา่ ใจรอนรอน โถแก้วตามาหมางเมนิ ดวงใจไยหนหี น้า (กาพย์เหเ่ รอื่ : เจา้ ฟ้าธรรมธิเบศร)์ ๔. กาพย์ยานี ๑๑ มีจังหวะที่ดาเนินช้า จึงนิยมแต่งในความพรรณนา เช่น ชมนก ชมไม้ พรรณนาความสวยงามของธรรมชาติ ภูมิประเทศต่าง ๆ พรรณนาอารมณ์โศก คร่าครวญ หรือใช้แต่ง บทสวด บทสรภญั ญะทใี่ ชใ้ นบทละคร
๑๑ แบบฝกึ เสริมทักษะท่ี ๒.๑ อ่ำนคำประพันธ์ คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนอา่ นคาประพนั ธต์ ่อไปนี้ แลว้ ทายคาตอบใหถ้ ูกต้อง และแตง่ คาประพันธ์ ทายปญั หาจานวน ๒ บท มีรูปภาพประกอบพรอ้ มเฉลยคาตอบ ตวั อยำ่ ง ฉนั นมี้ ีสองหู ต้องเก่ยี วอยู่กับสองขา หลายใบซอ้ นงามตา น้ิวพกพาไปได้ไกล สาหรบั ใสอ่ าหาร ท้งั คาวหวานใชถ้ ูกใจ คิดได้ตอบเร็วไว คืออะไรไทยนิยม เฉลย...ป่ินโต ๑. ผลฉนั ไม่เลก็ นัก ใบหยกั หยกั เน้ือสกุ หวาน ออกผลตลอดกาล เป็นอาหารไดอ้ ย่างดี ผดั แกงหรือส้มตา อร่อยล้าค่ามากมี เขยี วเหลอื งคือผิวสี ชื่อฉนั นคี้ ืออะไร ๒. ชอื่ ฉันนัน้ บอกสี แต่ไม่มสี ีท่ฉี ัน มที ัง้ เปร้ียวหวานมัน เปลอื กออ่ นน้ันเขยี วขจี ยามสุกเปลือกสเี หลอื ง คนทงั้ เมืองกินไดด้ ี ขา้ วเหนียวคู่เข้าที ผลฉนั นคี้ ืออะไร ๓. ฉนั นี้มที ุกภาค หาไม่ยากมที ่ัวไทย มเี นื้อสีขาวใส ผลกใ็ หญ่ดูน่ากนิ เนื้อฉนั เหมือนข้าวสาร รสเปรี้ยวหวานมีท้งั สิน้ ปตั ตาเวียหวานตดิ ลน้ิ ใครได้กนิ ลองทายดู ๔. ฉันน้ีมสี ข่ี า ทุกเวลาอยใู่ นบ้าน คนเลี้ยงมาช้านาน ชว่ ยทางานได้อย่างดี กินปลาเป็นอาหาร เห็นหนผู ่านไม่รอรี จัดการทันท่วงที เป็นสัตว์ดคี ืออะไร ๕. ฉันน้ีชอบกินหญา้ หนา้ คล้ายม้าทางานดี นิทานเล่าขานมี วา่ ฉนั น้โี งจึงตาย อดหญา้ กนิ น้าค้าง ทาตามอยา่ งจิง้ หรดี ใช้ อย่าเชอ่ื ใครง่ายง่าย คดิ ช่อื ได้ตอบเรว็ พลนั
๑๒ คำชีแ้ จง : แบบฝกึ เสรมิ ทักษะที่ ๒.๑ อ่ำนคำประพันธ์ (ตอ่ ) ให้นักเรยี นแตง่ กาพยย์ านี ทายคาาถาม จานวน ๒ บท ตดิ รูปภาพ ........................................................... ........................................................... ........................................................... ........................................................... ........................................................... ........................................................... ........................................................... ........................................................... เฉลยคาตอบ................................... เกณฑก์ ำรประเมนิ คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน ๔ - ๕ ขอ้ ได้ระดบั ๓ หมายถงึ ดี ๒ - ๓ ขอ้ ได้ระดับ ๒ หมายถึง พอใช้ ๐ – ๑ ขอ้ ได้ระดับ ๑ หมายถงึ ปรบั ปรงุ
๑๓ แบบฝึกเสรมิ ทักษะท่ี ๒.๒ เตมิ คำให้สมั พันธ์ คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นเตมิ คาท่ีกาหนดใหล้ งในช่องว่างใหส้ ัมผัสถกู ต้อง และมใี จความสัมพนั ธก์ บั ขอ้ ความเดิม เรียนรำ่ ชำวนำ ลำ้ เลศิ เตบิ ใหญ่ อวยชัย ๑. พระคณุ แม่.............................. แสนประเสรฐิ กวา่ ใครใคร ๒. เลี้ยงลูกจน.............................. บม่ นสิ ยั เปน็ คนดี ๓. ส่งให้ได.้ .................................. เพื่อไดน้ าทางชวี ี ๔. เมอ่ื ถงึ วันปใี หม่....................... ขอ ..................... ให้โชคดี ๕. ตะวนั ลบั ขอบฟา้ เห็น..................... เดินจงู ควาย ให้เตมิ คาที่เหมาะสมลงในช่องว่างใหส้ ัมผสั ถูกต้อง และมีใจความสมบรู ณ์ ๖. นา้ ตกจาก................................ ไหลลงมาดังซา่ ซ่าน ๗. ผลไม้ของไทยนี้ มี...............เงาะ พุทรา ๘. ดอกไม้ที่เบง่ บาน แหล่ง .............ของแมลง ๙. พากเพยี ร................................. จะไดด้ ีในวันหนา้ ๑๐. ชงโคโยทะกา ....................หอมชืน่ ใจ เกณฑ์กำรประเมนิ คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน ๘ – ๑๐ ขอ้ ไดร้ ะดบั ๓ หมายถึง ดี ๕ – ๗ ข้อ ได้ระดับ ๒ หมายถงึ พอใช้ ๐ – ๔ ข้อ ไดร้ ะดับ ๑ หมายถงึ ปรับปรุง
๑๔ แบบฝึกเสริมทักษะท่ี ๒.๓ เตมิ วรรคตอนใหถ้ กู ต้อง คำช้แี จง : ให้นักเรยี นเติมวรรคตอนให้ถูกตอ้ งตามรปู แบบการเขยี นกาพย์ยานี และมีความหมาย สมั พนั ธ์กบั ข้อความเต็ม ๑. ทะเลแสนงามตา โค้งขอบฟ้าจรดกัน ............................................. สอ่ งสว่างกลางชลา ๒. ............................................. เกิดเป็นคนงามเพราะแต่ง ช่วยเติมแต่งให้คนงาม ความดีมีฤทธิ์แรง ให้เรียงข้อความที่กาหนดให้ เป็นรูปแบบกาพย์ยานี ๑๑ ท่ถี ูกต้อง ๓. ตัวฉันน้ีรบั น้าตา ชมพดู สู วยดี ใตด้ วงตาสองขา้ งมี ฉนั อยู่บนใบหนา้ ............................................. ............................................. ............................................. ............................................. ๔. สเี ขยี วแดงชมพู ใครทายถูกลองคิดดู ทุกคนรูจ้ ักฉันดี ผลฉนั คลา้ ยจมกู ............................................. ............................................. ............................................. ............................................. ๕. นักเลงรอ้ งเพลงพลาง เอาหลงั นง่ั เอียงอิง ตรงหนา้ ตา่ งไขว่ห้างหย่ิง มือถือนิ่งตดี ังดงั ............................................. ............................................. ............................................. ............................................. เกณฑ์กำรประเมนิ คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน ๘ – ๑๐ ข้อ ไดร้ ะดับ ๓ หมายถงึ ดี ๕ – ๗ ข้อ ไดร้ ะดบั ๒ หมายถึง พอใช้ ๐ – ๔ ข้อ ไดร้ ะดบั ๑ หมายถงึ ปรับปรงุ
๑๕ แบบฝกึ เสรมิ ทักษะท่ี ๒.๔ แต่งกำพย์ยำนี ๑๑ คำชี้แจง : ให้นักเรยี นแต่งกาพยย์ านี จานวน ๑ บท ใหส้ อดคล้องตรงกบั ภาพ เรอื่ ง................................................... ....................................................... ..................................................... ....................................................... ..................................................... เกณฑ์กำรประเมนิ เขยี นตรงภาพกาหนด มสี มั ผสั ถกู ต้อง และใช้คาเหมาะสม ได้ระดบั ๓ หมายถงึ ดี คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน เขียนตรงภาพกาหนด มสี ัมผสั ถกู ต้อง ได้ระดบั ๒ หมายถงึ พอใช้ เขียนตรงภาพกาหนด ได้ระดับ ๑ หมายถงึ ปรบั ปรุง
๑๖ แบบฝกึ เสรมิ ทักษะที่ ๒.๕ เรียงเปน็ กำพย์ยำนี ๑๑ คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนนาขอ้ ความทก่ี าหนดให้เรียงเปน็ กาพย์ยานี้ใหถ้ กู ต้องตามรูปแบบ ววั ขอเขา้ โรงม้า จึงตดิ หาท่รี ่ม ววั ส่ันงกั ทกุ ข์ระทม เห็นม้ายอมแบง่ ปนั ววั พบความสบาย กอ็ ยากได้มากกวา่ นนั้ คืนหน่ึงฝนตกหนกั ให้รน่ื รมย์เชน่ มา้ มี ครึ่งกายากย็ ินดี ยอมแบ่งทีใ่ หว้ วั พลัน ยิง่ กระช้ันเบยี ดเขา้ ไป ม้ามใี จอารี คืนหนงึ่ ฝนตกหนกั ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ววั ขอเข้าโรงมา้ ................................................... ................................................... ................................................... ................................................... ววั พบความสบาย ................................................... เกณฑก์ ำรประเมิน คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน เติมวรรคถูกต้อง ๗ – ๙ วรรค ไดร้ ะดับ ๓ หมายถงึ ดี เตมิ วรรคถูกต้อง ๓ – ๖ วรรค ไดร้ ะดับ ๒ หมายถงึ พอใช้ เติมวรรคถูกต้อง ๐ – ๒ วรรค ไดร้ ะดบั ๑ หมายถึง ปรับปรุง
๑๗ แบบฝึกเสรมิ ทักษะที่ ๒.๖ แตง่ กำพย์ยำนตี ำมหวั ข้อท่กี ำหนดให้ คำชแี้ จง : ให้นักเรยี นแตง่ กาพยย์ านีตามหวั ข้อท่ีกาหนดให้ ๓ หัวข้อ เลอื กเพียง ๑ หวั ข้อเขียนไม่ นอ้ ยกว่า ๒ บท ใหถ้ ูกต้องตามรปู แบบฉนั ทลกั ษณ์ เรื่อง................................................... ....................................................... ..................................................... ....................................................... ..................................................... ....................................................... ..................................................... ....................................................... ..................................................... ....................................................... ..................................................... ....................................................... ..................................................... เกณฑ์กำรประเมิน คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน เขยี นตรงภาพกาหนด มสี ัมผัสถกู ต้อง และใช้คาเหมาะสม ได้ระดบั ๓ หมายถึง ดี เขยี นตรงภาพกาหนด มสี มั ผสั ถูกตอ้ ง ได้ระดบั ๒ หมายถึง พอใช้ เขียนตรงภาพกาหนด ไดร้ ะดับ ๑ หมายถึง ปรับปรงุ
๑๘ แบบทดสอบหลังเรียน เร่อื ง แต่งคำประพนั ธ์ ประเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนทาเครื่องหมาย เลอื กคาตอบท่ถี กู ท่ีสดุ เพียงคาตอบเดยี ว ๑. คาใดท่ีมเี สียงวรรณยุกตเ์ หมือนคาว่า “ย้ิมแย้ม” ก. เกร้ยี วกราด ข. หน้ารอ้ น ค. ท้องฟา้ ง. ผกู้ ลา้ ๒. “โครงการไมว่ า่ งเวน้ พ่อมงุ่ เน้นดับทุกขเ์ ข็ญ” คาทข่ี ีดเสน้ ใตเ้ ปน็ เสียงวรรณยกุ ต์ใด ก. จตั วา - โท ข. เอก – โท ค. ตรี - ตรี ง. โท ตรี ๓. คาในข้อใดมคี วามหมายวา่ “นักปราชญ์” ก. เทวินทร์ ข. บัณฑติ ค. ปกั ษา ง. อสูร ๔. ข้อใดเปน็ คาคลอ้ งจองของคาว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ก. หลอ่ เลี้ยงไทย ข. ไทยช่วยไทย ค. เพ่อื คนไทย ง. พ่ีน้องไทย ๕. “วารีที่ไหลหลงั่ คือมนต์ขลงั แห่งภผู า” จากกาพย์ยาน้ีขา้ งต้นคาใดท่ีมีความหมาย เหมือนกบั คาวา่ “สายชล” ก. ภูผา ข. มนตข์ ลงั ค. ไหลหล่ัง ง. วารี ๖. ขอ้ ใดมีสัมผัสอักษรเหมือนกบั คาวา่ “ว่องไว” ก. วา่ ยนา้ ข. วุน่ วาย ค. ว่ิงเรว็ ง. วดั ใจ ๗. “ฉนั ไปโรงเรยี น อา่ น................หนังสอื ” ควรเตมิ คาคล้องจองใด ก. เขยี น ข. ออก ค. ฟัง ง. ดู ๘. “พอเพยี งเลี้ยงชีพได้ พ่อทาใหเ้ ป็นแบบอย่าง” ข้อใดคอื สมั ผัสบงั คบั ของกาพยย์ านีข้างต้น ก. พอ – เพยี ง ข. เพยี ง - เสยี ง ค. เป็น – แบบ ง. ไต้ - ให้ ๙. “กราบไหว้พระไตรรตั น์ ...............................” ขอ้ ความในข้อใดเติมในวรรคหลังแลว้ ถกู ตอ้ งทั้งเนื้อความและฉนั ทลักษณ์ ก. เทพไท้ปอ้ งผองภัยพาล ข. ต่อเกยี รตกิ ้องซอ้ งประสาน ค. เอกราชซาติสยาม ง. พรพพิ ฒั นเ์ ลศิ สนอง ๑๐. “ฉตั รแกว้ ปกใจ.......... ธ เทิดศาสน์แผน่ ดนิ ………….. ปา่ ดนิ มสี ิ้นงาม ทกุ …………….เขตพระเมตตา” ควรเติมข้อความใดให้ไดเ้ น้ือความถูกต้อง ก. ราษฎร์ สยาม ยาม ข. ราษฎร์ สถาน นาม ค. ราษฎร์ สยาม คาม ง. ราษฎร์ สถาน คาม คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน
๑๙ ภำคผนวก
๒๐ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น เรือ่ ง แต่งคำประพันธ์ ประเภทกำพยย์ ำนี ๑๑ คำชแี้ จง : ให้นักเรยี นทาเครือ่ งหมาย เลอื กคาตอบทถ่ี กู ที่สดุ เพียงคาตอบเดยี ว ๑. คาในข้อใดมีความหมายวา่ “นกั ปราชญ์” ก. เทวินทร์ ข. บณั ฑิต ค. ปกั ษา ง. อสรู ๒. ขอ้ ใดมีสมั ผสั อักษรเหมือนกับคาว่า “ว่องไว” ก. ว่ายนา้ ข. วนุ่ วาย ค. ว่ิงเรว็ ง. วัดใจ ๓. คาใดทม่ี เี สยี งวรรณยกุ ตเ์ หมือนคาวา่ “ย้ิมแยม้ ” ก. เกร้ียวกราด ข. หนา้ รอ้ น ค. ทอ้ งฟา้ ง. ผู้กลา้ ๔. “โครงการไมว่ า่ งเว้น พ่อมุ่งเน้นดับทกุ ขเ์ ขญ็ ” คาท่ีขดี เส้นใตเ้ ปน็ เสยี งวรรณยกุ ตใ์ ด ก. จตั วา – โท ข. เอก – โท ค. ตรี - ตรี ง. โท – เอก ๕. “ฉนั ไปโรงเรยี น อ่าน........หนงั สือ” ควรเตมิ คาคล้องจองใด ก. เขยี น ข. ออก ค. ฟงั ง. ดู ๖. ขอ้ ใดเป็นคาคลอ้ งจองของคาว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ก. หลอ่ เล้ียงไทย ข. ไทยชว่ ยไทย ค. เพอ่ื คนไทย ง. พ่นี ้องไทย ๗. “วารที ไี่ หลหลั่ง คือมนต์ขลงั แห่งภผู า” จากกาพย์ยานขี ้างต้น คาใดทีม่ ีความหมาย เหมือนกับคาว่า “สายชล” ก. ภูผา ข. มนตข์ ลงั ค. ไหลหล่ัง ง. วารี ๘. “กราบไหว้พระไตรรตั น์ .......................................” ข้อความในข้อใดเติมในวรรคหลงั แลว้ ถูกตอ้ งทง้ั เน้ือความและฉันทลักษณ์ ก. เทพไท้ป้องผองภยั พาล ข. ต่อเกยี รติก้องซ้องประสาน ค. เอกราชซาติสยาม ง. พรพิพฒั นเ์ ลิศสนอง ๙. “ฉตั รแก้วปกใจ.......... ธ เทดิ ศาสน์แผ่นดิน............. ป่าดินมสี ิน้ งาม ทกุ ...........เขตพระเมตตา” ควรเตมิ ข้อความใดใหไ้ ดเ้ นื้อความถกู ต้อง ก. ราษฎร์ สยาม ยาม ข. ราษฎร์ สถาน นาม ค. ราษฎร์ สยาม คาม ง. ราษฎร์ สถาน คาม ๑๐. “พอเพยี งเลยี้ งชีพได้ พ่อทาใหเ้ ป็นแบบอย่าง” ข้อใดคือสมั ผสั บังคับของกาพย์ยานี ข้างตน้ ก. พอ – เพยี ง ข. เพยี ง - เสยี ง ค. เป็น - แบบ ง. ได้ – ให้ คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน ๑๐ คะแนน
๒๑ เฉลยแบบฝึกเสริมทกั ษะ แบบฝกึ เสรมิ ทักษะท่ี ๒.๑ อ่ำนคำประพันธ์ เฉลยทำยคำถำมกำพย์ยำนี ๑๑ ๑. มะละกอ ๒. มะม่วง ๓. สม้ โอ ๔. แมว ๕. ลำ เฉลยแตง่ กำพย์ยำนี ๑๑ ทำยคำถำม จำนวน ๒ บท ฉันนอ้ี ยใู่ นบ้าน ชอบอยรู่ า้ นงานเสริมสวย คนจนและคนรวย ให้ฉนั ช่วยเสริมความงาม ใครใครที่มีผม มกั นยิ มใช้ทุกยาม ผมเรยี บไม่รุ่มร่าม ตอบใหง้ ามคืออะไร เฉลยคำตอบ......หนงั สอื (ข้ึนอยู่กบั ดุลยพินิจของครูผสู้ อน)
๒๒ เฉลยแบบฝกึ เสรมิ ทกั ษะ (ตอ่ ) แบบฝกึ เสริมทักษะท่ี ๒.๒ เตมิ คำให้สมั พันธ์ ๑. พระคณุ แม.่ .....เลศิ ล้า............. แสนประเสรฐิ กว่าใครใคร ๒. เล้ียงลกู จน......เตบิ ใหญ่........... บม่ นสิ ยั เปน็ คนดี ๓. สง่ ใหไ้ ด้...........เรียนร่า............. เพื่อไดน้ าทางชีวี ๔. เมื่อถงึ วันปีใหม.่ ...................... ขอ ........อวยชัย.......... ให้โชคดี ๕. ตะวนั ลบั ขอบฟา้ เห็น........ชาวนา........... เดนิ จงู ควาย ๖. นา้ ตกจาก..........ฟากฟา้ ........... ไหลลงมาดังซา่ ซา่ น ๗. ผลไม้ของไทยน้ี ม.ี ....สาล่ี......เงาะ พทุ รา ๘. ดอกไม้ทีเ่ บ่งบาน แหลง่ ......ผสาน.......ของแมลง ๙. พากเพียร.......เรยี นทกุ ปี........... จะได้ดีในวันหนา้ ๑๐. ชงโคโยทะกา ........มะลลิ า..........หอมช่นื ใจ (ขอ้ ๖ – ๑๐ ข้ึนอยูก่ บั ดลุ ยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) แบบฝึกเสรมิ ทักษะท่ี ๒.๓ เติมวรรคตอนให้ถูกต้อง ๑. ทะเลแสนงามตา โค้งขอบฟา้ จรดกัน .............มองนภาแสนสุข................ ส่องสว่างกลางชลา ๒. ......................ไกง่ ามเพราะมขี น........... เกิดเปน็ คนงามเพราะแตง่ ช่วยเตมิ แตง่ ใหค้ นงาม ความดีมีฤทธแิ์ รง ๓. ตัวฉนั นีร้ ับนา้ ตา ชมพดู สู วยดี ใต้ดวงตาสองขา้ งมี ฉันอยูบ่ นใบหนา้ ฉนั อยูบ่ นใบหนา้ ใตด้ วงตาสองข้างมี ผลฉนั คล้ายจมูก ชมพูดสู วยดตี วั ฉนั น้ีรบั น้าตา ๔. สีเขยี วแดงชมพู ใครทายถูกลองคดิ ดู ทุกคนรู้จักฉันดี ผลฉันคล้ายจมูก ใครทายถูกลองคิดดู สเี ขยี วแดงชมพู ทกุ คนร้จู ักฉนั ดี ๕. นกั เลงร้องเพลงพลาง เอาหลงั น่ังเอียงอิง ตรงหนา้ ต่างไขวห่ า้ งหย่งิ มือถือนง่ิ ตีดังดัง นกั เลงรอ้ งเพลงพลาง ตรงหนา้ ต่างไขวห่ า้ งหย่งิ เอาหลงั นั่งเอยี งอิง มือถือน่งิ ตดี ังดงั (ข้อ ๑ – ๒ ข้นึ อย่กู ับดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
๒๓ เฉลยแบบฝกึ เสรมิ ทักษะ (ตอ่ ) แบบฝกึ เสริมทักษะท่ี ๒.๔ แตง่ กำพย์ยำนี ๑๑ คำตอบขึ้นอยู่กับดลุ ยพนิ ิจของครผู ู้สอน แบบฝกึ เสรมิ ทักษะท่ี ๒.๕ เรียงเป็นกำพย์ยำนี ๑๑ คนื หน่งึ ฝนตกหนัก ววั สัน่ งกั ทุกข์ระทม จึงคดิ หาทร่ี ม่ ให้รื่นรมย์เชน่ มา้ มี ววั ขอเขา้ โรงมา้ ครึ่งกายาก็ยนิ ดี มา้ มีใจอารี ยอมแบง่ ท่ีใหว้ ัวพลัน ววั พบความสบาย ก็อยากได้มากกวา่ นนั้ เห็นม้ายอมแบ่งปนั ยิ่งกระชั้นเบียดเขา้ ไป แบบฝกึ เสริมทักษะท่ี ๒.๖ แตง่ กำพย์ยำนี ๑๑ ตำมหวั ขอ้ ทกี่ ำหนด คำตอบข้ึนอยู่กับดลุ ยพินิจของครูผ้สู อน
๒๔ เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง แต่งคำประพันธ์ ประเภทกำพย์ยำนี ๑๑ คำช้แี จง : ใหน้ ักเรียนทาเคร่ืองหมาย เลอื กคาตอบทถี่ ูกท่ีสดุ เพยี งคาตอบเดียว ๑. คาใดทม่ี เี สยี งวรรณยกุ ตเ์ หมือนคาว่า “ย้ิมแยม้ ” ก. เกรยี้ วกราด ข. หน้ารอ้ น ค. ทอ้ งฟา้ ง. ผู้กลา้ ๒. “โครงการไม่วา่ งเวน้ พ่อม่งุ เนน้ ดบั ทุกขเ์ ข็ญ” คาท่ีขดี เส้นใตเ้ ป็นเสยี งวรรณยกุ ต์ใด ก. จัตวา - โท ข. เอก – โท ค. ตรี - ตรี ง. โท ตรี ๓. คาในข้อใดมคี วามหมายวา่ “นกั ปราชญ์” ก. เทวนิ ทร์ ข. บณั ฑติ ค. ปกั ษา ง. อสรู ๔. ขอ้ ใดเปน็ คาคลอ้ งจองของคาว่า “เศรษฐกจิ พอเพียง” ก. หล่อเลีย้ งไทย ข. ไทยช่วยไทย ค. เพื่อคนไทย ง. พน่ี อ้ งไทย ๕. “วารที ่ไี หลหล่ัง คอื มนต์ขลังแห่งภผู า” จากกาพย์ยาน้ีขา้ งต้นคาใดทมี่ ีความหมาย เหมอื นกับ คาวา่ “สายชล” ก. ภูผา ข. มนตข์ ลงั ค. ไหลหล่งั ง. วารี ๖. ขอ้ ใดมสี มั ผสั อักษรเหมอื นกับคาว่า “ว่องไว” ก. ว่ายนา้ ข. วุ่นวาย ค. วิง่ เรว็ ง. วดั ใจ ๗. “ฉันไปโรงเรยี น อ่าน................หนงั สือ” ควรเติมคาคล้องจองใด ก. เขียน ข. ออก ค. ฟงั ง. ดู ๘. “พอเพยี งเลย้ี งชีพได้ พ่อทาให้เป็นแบบอย่าง” ข้อใดคือสัมผสั บงั คบั ของกาพย์ยานขี ้างต้น ก. พอ – เพยี ง ข. เพียง - เสียง ค. เปน็ – แบบ ง. ได้ - ให้ ๙. “กราบไหว้พระไตรรัตน์ ...............................” ขอ้ ความในข้อใดเตมิ ในวรรคหลงั แลว้ ถกู ต้องทัง้ เนื้อความและฉนั ทลักษณ์ ก. เทพไท้ปอ้ งผองภัยพาล ข. ตอ่ เกียรตกิ อ้ งซอ้ งประสาน ค. เอกราชซาติสยาม ง. พรพพิ ฒั น์เลศิ สนอง คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน ๑๐. “ฉตั รแก้วปกใจ.......... ธ เทิดศาสน์แผน่ ดนิ ………….. ทุก…………….เขตพระเมตตา” ๑๐ คะแนน ป่าดนิ มสี ้ินงาม ควรเติมข้อความใดให้ไดเ้ น้ือความถูกต้อง ก. ราษฎร์ สยาม ยาม ข. ราษฎร์ สถาน นาม ค. ราษฎร์ สยาม คาม ง. ราษฎร์ สถาน คาม
๒๕ บรรณำนุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๕๑). หลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พนื้ ฐำนพทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑ กรงุ เทพฯ : กระทรงศึกษาธกิ าร. กาชัย ทองหล่อ. (๒๕๕๔). หลกั ภำษำไทย. กรงุ เทพฯ : อมรการพมิ พ์ บรรจง ชาครติพงศ์. (๒๕๕๑). เคล็ดลบั กำรแตง่ คำประพนั ธ์ : โคลง ร่ำย ฉันท์ กำพย์ กลอน. กรุงเทพฯ : ดอกหญา้ บารมี ถาวระ. (๒๕๔๑). ลักษณะคำประพันธ์ไทย. นครศรีธรรมราช : สถาบนั ราชภฏั นครศรีธรรมราช ปฤษณา แจ้มแจ้ง. (๒๕๕๔). กำรพัฒนำทกั ษะกำรแต่งคำประพนั ธข์ องนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษำ ปีที่ ๕ โดยใช้ชุดกำรสอนกำรแตง่ คำประพันธต์ ำมแนวววัฏจกั รกำรเรยี นรู้ วทิ ยานพิ นธ์ การศกึ ษามหาบัณฑติ สาขาการศึกษาและการสอน (ประถมศกึ ษา) มหาวทิ ยาลัยทักษิณ. ประหยดั แม่นสขุ . (๒๕๕๗. กำรพฒั นำแบบฝึกทักษะกำรเขยี นรอ้ ยกรอง (กำพย์ยำนี ๑๑) กลุ่มสำระกำรเรียนรูภ้ ำษำไทย ของนกั เรียนช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ ๖. ปรญิ ญานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑติ สาขาวิชาการพัฒนาหลกั สูตรและการเรยี นการสอน บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุบลราชธานี ยุทธ โตอดเิ ทพย.์ (๒๕๕๒). คูม่ อื เรียนเขียนกลอน. กรงุ เทพฯ : แม่คาผาง เยาวดี วิบูลยศ์ ร.ี (๒๕๔๕). กำรวดั และกำรสร้ำงแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์.ิ กรงุ เทพฯ : สานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . เยาวลกั ษณ์ ชาตสิ ุขศิรเิ ดช. (๒๕๕๓). เรยี งถอ้ ย รอ้ ยกรอง. กรุงเทพฯ : อักษรเจรญิ ทศั น์ สาลี รักสทุ ธ์ิ. (๒๕๕๔). คู่มือกำรจัดทำสอ่ื นวัตกรรมและแผนประกอบส่ือนวัตกรรม กรุงเทพฯ : พัฒนาศึกษา สุคนธ์ สนิ ธพานนท์. (๒๕๕๑). นวตั กรรมกำรเรียนกำรสอนเพอ่ื พัฒนำคุณภำพของเยำวชน กรงุ เทพฯ : เทคนิปร้ินติง้ เสนยี ์ วิลาวรรณ และชัยวฒั น์ สีแก้ว (๒๕๔๙). หลกั กำรใช้ภำษำไทย ชว่ งช้นั ท่ี ๒. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช จากัด
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: