Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เปตอง

เปตอง

Published by campza.215, 2021-02-04 07:02:32

Description: เปตอง

Search

Read the Text Version

เปตอง ย เช่น กฬี ประวตั เิ ปตอง กตกิ า และความเป็นมา about751.jpgกฬี าเปตองเบีอ้ งตน้ ประวตั คิ วามเป็นมากฬี าเปตองในประเทศไทย กีฬาเปตองไดเ้ รม่ิ เขา้ มาในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2518 โดยการรเิ ร่มิ ของนายจนั ทร์ โพยหาญ นากฬี าเป ตองเขา้ มาเผยแพรใ่ หค้ นรูจ้ กั อย่างเป็นทางการคนแรก นายจนั ทร์ โพยหาญไดร้ ่วมกบั นายศรีภูมิ สขุ เนตร ซ่ึงเป็นอดตี นกั เรยี นเกา่ ฝร่งั เศส ซ่งึ มีความรูค้ วามสามารถในดา้ นกฬี าเปตองเป็นอย่างดี ไดร้ ว่ มกนั จดั ตงั้ สมาคมเปตอง และโรปวงั ซาล แห่งประเทศไทย ขนึ้ เมือ่ วนั ท่ี 18 พฤศจิกายน 2519 โดยมีนายศรีภมู ิ สขุ เนตร เป็นนายกสมาคมคนแรกเมอ่ื จดั ตง้ั สมาคมเรยี บรอ้ ยแลว้ คณะกรรมการไดช้ ว่ ยกนั รณรงคเ์ ผยแพร่ และสาธติ การเลน่ เปตองมาโดยตลอด แต่ไม่ไดร้ บั ความสาเรจ็ เทา่ ท่ีควร ต่อมาสมเด็จพระศรนี ครินทราบรมราชนนที รงชว่ ยส่งเสรมิ และเผยแพรใ่ หอ้ กี ทางหนงึ่ โดยทรงรบั ส่งั ให้ จดั การแขง่ ขนั เปตองชิงชนะเลศิ ภาคตะวนั ออกเฉยี งประวตั เิ ปตอง กตกิ า และความเป็นมา about751.jpgกีฬาเปตองเบีอ้ งตน้ ประวตั ิความเป็นมากฬี าเปตองในประเทศไทย กฬี าเปตองไดเ้ รมิ่ เขา้ มาในประเทศไทยเม่ือปี พ.ศ. 2518 โดยการริเริ่มของนายจนั ทร์ โพยหาญ นากฬี าเป ตองเขา้ มาเผยแพรใ่ หค้ นรูจ้ กั อย่างเป็นทางการคนแรก นายจนั ทร์ โพยหาญไดร้ ่วมกบั นายศรีภูมิ สขุ เนตร ซึ่งเป็นอดีตนกั เรยี นเกา่ ฝร่งั เศส ซึ่งมีความรูค้ วามสามารถในดา้ นกฬี าเปตองเป็นอยา่ งดี ไดร้ ว่ มกนั จดั ตงั้ สมาคมเปตอง และโรปวงั ซาล แหง่ ประเทศไทย ขนึ้ เมื่อวนั ที่ 18 พฤศจิกายน 2519 โดยมีนายศรภี มู ิ สขุ เนตร เป็นนายกสมาคมคนแรกเมือ่ จดั ตง้ั สมาคมเรยี บรอ้ ยแลว้ คณะกรรมการไดช้ ว่ ยกนั รณรงคเ์ ผยแพร่ และสาธิตการเลน่ เปตองมาโดยตลอด แตไ่ ม่ไดร้ บั ความสาเร็จเทา่ ที่ควร ตอ่ มาสมเด็จพระศรนี ครนิ ทราบรมราชนนที รงชว่ ยสง่ เสรมิ และเผยแพรใ่ หอ้ ีกทางหน่งึ โดยทรงรบั ส่งั ให้ จดั การแข่งขนั เปตองชงิ ชนะเลศิ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขนึ้ ซง่ึ พระองคท์ ่านและสมเด็จพระพน่ี างเอเจา้

ทีบ่ งั คบั ใหฝ้ ่ายฟ้ากลั ยานวิ ฒั นาฯ ทรงไดล้ งรว่ มทาการแข่งขนั ในครง้ั นดี้ ว้ ย และอีกหลาย ๆ รายการจงึ ให้ สมญานามกีฬาเปตองว่า “กฬี าสมเด็จย่า” ใน พ.ศ. 2527 สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี ทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ รบั สมาคมเปตองและโปรวงั ซาล แห่งแระเทศไทย ไวใ้ นพระอปุ ถมั ภ์ และวนั ท่ี 22 เมษายน 2530 เปลีย่ นช่ือสมาคมเปตองฯ เป็นสหพนั ธเ์ ปตอง แหง่ ประเทศไทยในพระอปุ ถมั ภ์ สานกั งานตง้ั อยทู่ ี่ 2088 อนิ เดอรส์ เตเดยี้ ม หวั หมาก กรุงเทพฯ ปัจจุบนั กีฬาเปตอง มีการบรรจเุ ขา้ ในการแขง่ ขนั กฬี า ของส่วน ราชการตา่ ง ๆ รวมทง้ั ภาคเอกชนดว้ าแหง่ ชาติ กีฬาเขตการศึกษา กฬี ากองทพั ไทย กฬี ามหาวิทยาลยั กฬี าของ กระทรวงตา่ ง ๆ กฬี ารฐั วิสาหกจิ เป็นตน้ จุดเดน่ ของกีฬาเปตอง1. เป็นพนื้ ฐานในการเลน่ กฬี าประเภทอืน่ ๆ ลกั ษณะของการเลน่ เป็นการ เสริมสรา้ งแนวความคดิ และสติปัญญาของผเู้ ลน่ 2. ในระหวา่ งการเล่นรา่ งกายจะไดร้ บั การบริหารทุกส่วน กลา่ วไดว้ ่าในการเลน่ เปตอง 6 เกมส/์ วนั จะตอ้ งออกกาลงั ในการ ใชล้ กู บลทู ่ีมีนา้ หนกั 680/700 กรมั ถงึ ประมาณ 200 ครงั้ กม้ ขนึ้ ลงประมารณ 250 ครงั้ เดนิ ไปมาในสนามประมาณ 3 กโิ ลเมตร 3. การเล่นกีฬาประเภทนงี้ า่ ย และสะดวก เล่นไดท้ ุกเวลาทง้ั ในรม่ และกลางแจง้ สนามเดิน หญ้า และลกู รงั ประโยชนข์ องกฬี าเปตอง พฒั นาทางดา้ นรา่ งกาย – กาลงั แขน ผเู้ ลน่ จะฝึกการใชก้ าลงั ทง้ั นวิ้ มือ ขอ้ มือ แขน ขอ้ ศอก และหวั ไหล่ใหส้ ัมพนั ธกื ัน เพ่ือการบงั คบั ลกู ใหไ้ ดจ้ งั หวะ และระยะที่ตอ้ งการ – กาลงั ขา ผเู้ ล่นจะตอ้ งเดินไปเดินมาตามความยาวของสนามซ่งึ มีขนาดยาว 15 เมตร กวา้ ง 4 เมตร ลกุ น่งั เพ่ือการวาง หรือเขา้ ลกู ตลอดเวลาการเล่น – สายตา กฬี าเปตองช่วยใหเ้ กิดการทางานที่สมั พนั ธก์ นั ระหว่างสายตา และมือ เนื่องจากตอ้ งใช้สายตา กะระยะทาง พจิ ารณาแงม่ มุ ตา่ ง ๆ ท่จี ะเขา้ ลกู ตีลกู เพอ่ื ใหไ้ ดป้ ระสิทธภิ าพตามตอ้ งการ พฒั นาการทางดา้ นสตปิ ัญญา – กฬี าเปตองเป็นเกมการเลน่ ที่จาเป็นตอ้ งอาศยั การคดิ คาดคะเน และการอ่านเกมในการเลน่ อยา่ งจริงจงั คดิ เกมรบั เมอื่ เป็นฝ่ายเสียเปรียบ และเกมรุกตรงขา้ มเลน่ ตามเกมที่เราวางไว้

พฒั นาการทางดา้ นจติ ใจ – กฬี าเปตองมที งั้ เดี่ยว คูท่ มี ผเู้ ลน่ จะตอ้ งเขา้ ใจถึงจติ ใจของผรู้ ่วมทีมเป็นอย่างดี มีการปรกึ ษาหารือกนั ยอมรบั ความคดิ ของกัน และกัน แสดงใหเ้ ห็นถงึ การเป็นผนู้ า และผตู้ ามท่ีดี สมาธิเป็นสว่ นสาคัญอยา่ งย่งิ ไม่ว่าเปน้ การเลน่ ประการใด ๆ ผู้ เลน่ จะตอ้ งฝึกการวางเฉย ทาจิตใหส้ งบ ทาสมาธิใหไ้ ด้ ตงั้ ความหวงั ใหน้ อ้ ย กวา่ ความเป็นจรงิ ไม่วิตกกงั วลเกนิ ไป ไม่ ทอ้ ถอยในการเล่น ไม่สนใจเสียงขม่ ขวญั เสียงเชยี รท์ ่ดี ัง การสอนเกมการเล่นของฝ่ายตรงขา้ ม เพราะส่งิ ต่าง ๆ เหลา่ นจี้ ะ ทาใหเ้ กดิ ความกังวลสบั สน จะมีผลตอ่ เกมการเล่น ถา้ สมาธิไม่ดีพอ การพฒั นาการทางดา้ นสงั คม – กีฬาเปตอง เป็นกฬี าทเี่ ล่นไดไ้ ม่ยาก จงึ มีผนู้ ิยมเลน่ กันอย่างแพร่หลายจะเห็นไดว้ ่าในหมบู่ า้ น หนว่ ยงานของรัฐและ เอกชนไดจ้ ดั ใหม้ ีการแขง่ ขนั เพื่อใหผ้ เู้ ลน่ ไดม้ าพบปะสังสรรคไ์ ดร้ ูจ้ กั และไดร้ ว่ มสนุกกนั นบั เป็นการสรา้ งสงั คมอนั ดีแก่ นกั กีฬา นอกจากนีย้ งั ลดปัญหาสารเสพตดิ เน่อื งจากคนหนั มาเลน่ กฬี าล่งผลใหป้ ัญหาอาชญากรรมลดลง – ดงั นน้ั การเลน่ กีฬาเปตองจาเป็นตอ้ งรูพ้ ืน้ ฐานของการเลน่ การใชเ้ ทคนิคทกุ รูปแบบ thumbnailshow94808 อปุ กรณก์ ารเลน่ เปตอง 1. ลกู เปตอง (ลกู บูล) เป็นลกู ทรงกลมดา้ นในกลวง ทาดว้ ยโลหะมีเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางระหว่าง 71-76 ม. มนี า้ หนกั 350-800 กรมั มีเครอ่ื งหมายของโรงงานผู้ผลิต ตวั เลขแสดงนา้ หนกั และเลขรหสั ปรากฎอย่บู นลกู บูลอยา่ งชดั เจน หมายเหตุ : ปัจจบุ นั ประเทศไทยมีลกู เปตองท่ที าดว้ ย พลาสติกเรยี กว่า “ลกู พลาสตอง” ผลิต จาหนา่ ย โดยบรษิ ัท มาราธอน มขี นาด นา้ หนกั มาตรฐาน ใกลเ้ คยี งกับลกู เปตองสามารถใชเ้ ล่นฝึกซอ้ ม หรือแขง่ ขนั ไดใ้ นบางรายการ 2. ลกู เป้า เป็นลกู ทรงกลมทาดว้ ยไมเ้ นือ้ แข็ง หรือพลาสติก มีเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางระหวา่ ง 25-35 ม.ม. ทาสที ี่สามารถ มองเหน็ ไดช้ ดั เจน 3. สนามเลน่ สามารถเล่นไดท้ กุ สนาม ทม่ี ีดา้ นหนา้ เรยี บยาวตรงพอประมาณ ขนาดของสนามกวา้ ง 4 เมตร ยาว 15 เมตร (ยกเวน้ พนื้ ไม้ พืน้ คอนกรตี ลาดยาง) ประเภทการเล่น

แบ่งประเภทการเล่นเป็น 3 ประเภท คอื 1. ประเภทเดี่ยว ใชล้ กู บูล 3 ลกู 2. ประเภทคู่ คผู่ สม ใชล้ กู บูลคนละ 3 ลกู 3. ประเภททีม ใชล้ กู บูลคนละ 2 ลกู วิธกี ารเลน่ เปตอง แบ่งผเู้ ล่นออกเป็น 2 ฝ่าย ๆ ละเท่า ๆ กนั ใหล้ กู บูลมีลวดลายตา่ งกนั – เรม่ิ ดว้ ยการเส่ยี ง เพือ่ ตดั สนิ ว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายไดเ้ ริ่มเล่นก่อน – ฝ่ายชนะเสืย่ งเริ่มเล่นคนใดคนหนึ่ง เลอื กจุดเริ่มตน้ เขยี นวงกลมบนพืน้ สนามเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง ระหวา่ ง 35-50 ซม. ห่าง จากเสน้ สนามไดน้ อ้ ยกว่า 1 เมตร – ฝ่ายชนะการเส่ยี งคนใดคนหนึ่งเขา้ ไปโยนลกู เป้าในสนาม ใหห้ ่างจากจุดเริม่ ตน้ ตามระยะดังนี้ – สาหรบั เด็กเล็ก ไม่นอ้ ยกว่า 4 เมตร ไม่เกนิ 8 เมตร – สาหรบั เยาวชน ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 เมตร ไมเ่ กิน 9 เมตร – สาหรบั เยาวชน ไม่นอ้ ยกว่า 6 เมตร ไม่เกิน 9 เมตร – ผใู้ หญ่หรือท่วั ไป ไมน่ อ้ ยกวา่ 6 เมตร ไม่เกนิ 10 เมตร การบริหารร่างกายก่อนและหลงั การฝึกก่อนการเลน่ การบรหิ ารร่างกายเป็นสงิ่ สาคญั สาหรบั นกั กีฬาทุกคน และตอ้ งปฏิบตั เิ ป็นประจา ก่อนและหลงั การฝึกซอ้ มทกุ ครงั้ เพอื่ เป็น การกระตนุ้ เตอื นใหร้ ะบบภายในตา่ ง ๆ ของร่างกายต่ืนตัว ระบบประสาทมีความฉบั ไวในการรบั คาส่งั จากสมอง ไม่เกิด อาการเฉ่อื ยชา ระบบการหายใจทางานไดส้ ะดวก หวั ใจสบู ฉีดโลหิตไดด้ ี ปอดมีการขยายตวั ทาใหม้ ีความจขุ องปอดทา ออกซิเจนเขา้ ส่รู ่างกายไดเ้ พยี งพอ นอกจากนนั้ ยงั ทาใหก้ ลา้ มเนือ้ ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายยดื หยนุ่ แข็งแรงทนทานพรอ้ มท่ี จะเรม่ิ ตน้ ฝึกซอ้ มได้ หลงั การเลน่ หลงั การฝึกซอ้ มทกุ ครงั้ ส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกายเกดิ ความตึงเครียด และเสยี พลังงานไปเป็นจานวนมาก การบรหิ ารรา่ งกาย หลงั การฝึกซอ้ ม เช่น บบี นวด กด จบั ทุกสลบั กันไป จะเป็นการผอ่ นคลายความตึงของกลา้ มเนือ้ ส่วนตา่ ง ๆ ไมใ่ ห้เกิด ความเมื่อยลา้ และนอกจากนีย้ งั ช่วยให้ระบบภายในสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกายกลบั สสู่ ภาพปกติโดยเร็วท่ีสดุ

116210 กติกาเปตอง วธิ กี ารจบั ลกู เปตอง 1. หงายมอื วางลกู บูลลงไปในอุม้ มอื ในทา่ ท่ีสบาย (รูปที1่ ) 2. หรือควา่ มือจบั ลกู (รูปที่2) 3. ทง้ั นจี้ ะจบั แบบใดกไ้ ดแ้ ต่ความถนดั ของแต่ละบุคคล 4. ก่อนโยนลกู ใหค้ วา่ มือลงดงั รูปท่ี 3,4,5,6 เหตทุ ตี่ อ้ งควา่ มือเพราะจะสามารถบงั คบั ลกู ใหไ้ ปตามทิศทางท่ีเราตอ้ งการได้ ไมว่ ่าลกู ทป่ี ลอ่ ยไปนน้ั เป็นลกู เขา้ หรือลกู ตี 5. ก่อนโยนใหห้ กั ขอ้ มือลง และมว้ นเขา้ หาขอ้ มือ ในจงั หวะสุดทา้ ย ทีจ่ ะปลอ่ ยลกู ให้ใชอ้ ุง้ มอื ส่งลกู ออกไป โดยใชป้ ลายนิว้ บงั คบั ลูก หลกั การบงั คบั ลูกเปตอง นกั เปตองทีฝ่ ึกหดั ใหม่ มกั จะประสบปัญหาเกีย่ วกับการบงั คบั ลูกเปตองอยา่ งมาก สาเหตอุ าจมาจากการฝึกทีผ่ ิด หรือการ ไปจาวธิ ีการผอู้ นื่ แลว้ นามาฝึกอย่างผดิ โดยขาดการแนะนา หรอื จากการฝึกทฝี่ ืนธรรมชาติของตนเอง การฝึกการบงั คบั ลกู ไมว่ ่าจะเป็นลกู เขา้ หรอื ลกู ตี ลกู หมนุ ซา้ ย หมนุ ขวา หรือลกู สกรู (ลูกหมนุ กลบั หลงั ) ปลายนิว้ มือและขอ้ มอื มสี ่วนสาคญั เป็น อยา่ งมากในการบงั คบั ลูก หลกั การเขา้ ลกู บูล การเขา้ ลกู บูล ถอื เป็นหวั ใจสาคญั ของการเลน่ เปตอง ซ่งึ เป็นเรอื่ งที่ยุ่งยากพอสมควร มีหลกั การเขา้ ลกู ดงั นี้ 1. ใชค้ วามสงั เกต และจดจาปัญหาต่าง ๆ ทเ่ี กิดขนึ้ กับตนเอง และค่ตู อ่ สู่ 2. ศึกาพืน้ สภาพทใ่ี ช้ฝึก หรือแขง่ ขนั วา่ มีสภาพเป็นเชน่ ไร แข็ง เรียบ ขรุขระ ฯลฯ 3. หาจุดตก เพือ่ จะไดค้ านวณนา้ หนกั มือที่จะสง่ ลกู ใหพ้ อเหมาะกับระยะ 4. ไม่ควรโยนลกู ออกจากมือ ถา้ สมาธิยงั ไม่ดพี อ

นอกเหนอื จาก 4 ประการนีแ้ ลว้ สิง่ ทีอ่ าจทาใหก้ ารเขา้ ลกู ไมด่ เี ทา่ ที่ควรก็คือ ลกู บูลนา้ หนักและมือไม่สมดุลกัน การเขา้ ลูกมี 2 ลกั ษณะ คือ น่งั กบั ยืน ไม่ว่าจะเป็นการน่งั หรอื ยนื เทา้ ทงั้ สองขา้ งจะตอ้ งอยู่ในวงกลม ไมเ่ หยียบกัน และไมย่ กเทา้ ในขณะโยนลกู นอกเหนอื จาก 4 ประการนีแ้ ลว้ สิ่งทีอ่ าจทาใหก้ ารเขา้ ลกู ไม่ดเี ทา่ ที่ควรก็คอื ลกู บูลนา้ หนกั และมอื ไมส่ มดุลกัน การเขา้ ลูกมี 2 ลกั ษณะ คอื น่งั กับยืน ไมว่ ่าจะเป็นการน่งั หรอื ยนื เทา้ ทง้ั สองขา้ งจะตอ้ งอยู่ในวงกลม ไม่เหยียบกนั และไม่ยกเทา้ ในขณะโยนลกู ลกั ษณะการน่งั เขา้ ลกู น่งั บนสน้ เทา้ มเี ทา้ นา และเทา้ ตาม เขย่งสน้ เทา้ ขึน้ และเทา้ ทง้ั สองตอ้ งอย่ใู นวงกลมไม่เหยยี บเสน้ ยนื เขา้ แบบเทา้ คูล่ กั ษณะการยนื เขา้ หรอื การตลี กู ยนื เทา้ คู่ หรอื แบบมีเท้านากไ็ ดแ้ ลว้ แต่ความถนดั ของแต่ละบุคคล แตถ่ ้า ถนดั โยนลกู , ตีลูก ดว้ ยมอื ขวา ควรยืนเทา้ ขวานาเลก็ นอ้ ย เพอื่ ใหก้ ารทรงตวั มฐี านที่ม่นั คง วิธกี ารเขา้ ลกู วธิ ีการเขา้ ลกู มอี ยู่ 3 แบบ คอื 1. การโยนลกู ระยะใกล้ (ลกู ไลน)์ การโยนลกู ระยะใกล้ (ลกู ไลน)์ เป็นการโยนลูกใหต้ กต้ังแต่จุดโยนหรือไมเ่ กนิ 3 เมตร จาก จุดโยน ใชแ้ รงเหว่ียงจากแขน ขอ้ มอื และปลายนิว้ ส่งลูก ระยะทางที่ลกู บูลว่ิงเขา้ หาเปา้ จะมีระยะทางไกลทิศทางของ ลกู บูลอาจมีการเปลยี่ นแปลงไดง้ ่ายตามลกั ษณะของพืน้ สนามการโยนลกู นีเ้ หมาะสาหรบั สนามเรียบเท่านนั้ 2. การโยนลกู ระยะกลาง (ฮาฟดรอ๊ ป) การโยนลกู ระยะกลาง (ฮาฟดร๊อป) เป็นการโยนลกู ใหต้ กเกือบกง่ึ กลางระหว่างจุด เริ่มกบั ลกู เหา้ ตอ้ งโยนลกู ใหส้ งู กวา่ การโยนลกู ระยะใกล้ และทุกลกู ท่ีโยนออกไปตอ้ งเป็นลกู ท่ีหมนุ กลบั หลัง (ลกู สกรู) ขอ้ สาคัญของการโยนลกู คอื จุดตก การโยนลกู นีเ้ หมาะสาหรบั พืน้ สนามท่ีไม่เรียบ เป็นหลมุ พืน้ สนามแข็ง ขระขระ หรือ จุด ตกของการปล่อยลูกระยะใกลเ้ ป็นหลมุ ไม่สามารถหาจดุ ตกได้ 3. การโยนลกู โด่ง (ดร๊อฟ) การโยนลกู โด่งตอ้ งโยนให้สงู กว่าลกู ระยะกลาง และตอ้ งให้ลกู หมนุ กลบั หลงั (สกรู) มากกวา่ โดยใชป้ ลายนิว้ สกรูลกู ไม่ใชเ่ ป็นการกระดกขอ้ มลู การโยนลกู นีจ้ ุดตกมีความสาคัญมาก ลกู นีเ้ หมาะสมกับพนื้ สนามทไ่ี ม่ เรียบ เปียกแฉะ เป็นหลมุ เป็นบ่อ ตอ้ งโยนใหเ้ กือบถึงลกู เปา้ หา่ งจากลกู เปา้ ประมาณ 50-100 ซม. ทงั้ นตี้ อ้ งแลว้ แตพ่ ืน้ สนาม ในการแข่งขนั ระดบั โลกสว่ นใหญจ่ ะใชโ้ ยนลกู ลกั ษณะนี้ เพราะสนามแขง่ ขนั เป็นหินเกร็ด วิธีการฝึกเขา้ ลกู

วิธที ี่ 1 ใหเ้ ขยี นวงกลมเป็นเปา้ หมายซอ้ นกันหลาย ๆ วง วงในสดุ มีเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 20 ซม. วงนอกต่อ ๆ มา หา่ งกนั วงละ 10-15 ซม. กาหนดคะแนนวงในให้ 5 คะแนน วงตอ่ ๆ มาเป็น 4,3,2,1 ตามลาดบั แลว้ ฝึกเขา้ ลกู จากระยะ 6 เมตร 6,5,7,7.5 ไปเรอื่ ย ๆ จนถงึ 11 เมตร ฝึกโยนทกุ ระยะ ระยะละ 40-50 ลกู แลว้ จดบนั ทึกคะแนนแตล่ ะระยะไวเ้ พอื่ เปรยี บเทยี บถงึ ความบกพรอ่ ง ระยะใดท่มี คี วามบกพรอ่ งมากก็ใหฝ้ ึกระยะนนั้ มากขนึ้ วิธีท่ี 2 ใหเ้ ขียนสเ่ี หลยี่ มมีลกู เป้าอยใู่ นส่ีเหลย่ี มในสดุ ซึ่งมรี ศั มี 20 ซม. จากนน้ั ใหท้ าสี่เหล่ียมซอ้ นไปเร่ือย ๆ เสน้ หา่ ง 5-10 ซม. กาหนดคะแนน 5,4,3,2,1 ตามลาดบั ในแต่ละเสน้ ล่างของส่ีเหลย่ี มจะมลี กู บูลอยูโ่ ดยวางแบบสลบั ฟันปลา กาหนดจดุ ในการฝึกเหมือนวิธีที่ 1 ระยะใดบกพร่องกใ็ ห้ฝึกระยะนน้ั มาก ๆ วิธีที่ 3 การฝึกเขา้ เหมือนแบบท่ี 1 แต่เพิ่มลกู บูลดกั ไว้ ถา้ เขา้ ถกู ลกู บูลทวี่ างไวถ้ อื ว่าฟาวลต์ องติดลบคะแนน ฝึกใหช้ านาญ วธิ ีการฝึกตีลกู การตีลกู เป็นสว่ นสาคญั ของการเลน่ เปตองอีกประการหนง่ึ เม่ือไม่สามารถเขา้ ลกู ให้ชนะคู่ต่อสไู้ ด้ ตอ้ งอาศยั การตลี ูก เพ่อื ใหล้ กู ของคู่ต่อสอู้ อกจากจุดท่ตี ้งั อยู่ ผเู้ ลน่ ที่ฝึกหดั ใหมม่ กั เผชิญต่อความยากลาบากในการตีและบังคบั ลกู สาเหตอุ าจ มาจากขอ้ บกพร่องดงั นี้ 1. ผเู้ ลน่ จบั ลูกไม่ถูกวิธี และขาดสมาธิ 2. ผเู้ ล่นอาจตีลกู ชา้ หรอื เร็วเกนิ ไป 3. การประสานงานของแรงตีลกู ไมถ่ ูกจงั หวะ 4. การวางตวั และวางเทา้ ผิดจากความถนดั ของตนเอง 5. แขนงอ หรอื แกวง่ ขณะตีลกู 6. ขาดความเชื่อม่นั ในตวั เอง 7. ขาดการฝึกซอ้ มหรอื เวน้ ระยะการฝึกซอ้ มนานเกนิ ไป 8. ลกู เปตอง (ลกู บูล) มีขนาดและนา้ หนกั ไม่สมดูลกนั แตถ่ า้ ผู้ฝึกพบว่าสาเหตุต่าง ๆ ของการตีเกิดขนี้ เพราะสาเหตุใด หรือหลายสาเหตุ ใหแ้ กไ้ ขดดั แปลงวธิ ีการฝึกทีละขนั้ แต่ ตอ้ งจบั และวางลาตวั เทา้ ใหถ้ ูกตอ้ ง โดยอาศยั แรงจาก 3 แหล่งใหญ่ คือ 1. แรงตีที่เกดิ จากการเหวย่ี งของแขน 2. แรงตีทเ่ี กิดจากการดีดตวดั ขอ้ มือและนิว้ มือ

3. แรงตีที่เกดิ จากาลงั ขาทง้ั สองขา้ ง โดยการย่อเข่าชว่ ยเล็กนอ้ ย วิธกี ารฝึกตลี กู วธิ ที ี่ 1 การตีลกู เลียด (ตไี ลน)์ เป็นการตีลกู ลกั ษณะเกี่ยวกับการเขา้ ลกู ระยะใกล้ แตใ่ ชค้ วามแรงมากกว่า และเหมาะสาหรบั พนื้ สนามเรียบเท่านน้ั ทศิ ทางของลกู ทตี่ ีไปหาความแนน่ อนไมไ่ ด้ หากมีลกู ของฝ่ายตรงข้ามหรือของตน ขวางหนา้ ก็ไม่สามารถตีลกู ลกั ษณะนีไ้ ด้ วิธีการฝึก – หาจดุ ตกของลกู ซึ่งควรเป็นทีเ่ รยี บท่ีสดุ – จดุ ตกท่ีดีไมค่ วรห่างจากลกู ท่ีจะตีเกิน 2 เมตร (ยิ่งจดุ ตกหา่ งลกู ท่ีตีมากมีโอกาสเปล่ียนแปลงไดม้ าก) – ก่อนทจี่ ะตลี ูกตอ้ งมีสมาธิ และความเช่อื ม่นั ในตนเอง – ฝึกการประสานงานของแรงท่ีใชใ้ นการตี เช่น แขน มอื นิว้ มอื ขอ้ มอื และขาทงั้ สองขา้ ง – ฝึกอยา่ งสม่าเสมอและจริงจริง วธิ ีท่ี 2 การตีลกู ถึงตวั (ตเี จาะ) การตีลกู นีเ้ หมาะกบั สภาพสนามทุกรูปแบบ และเป็นลกู ทีน่ ักกฬี าเปตองท่วั ไปใชก้ ันมาก ทส่ี ดุ เน่ืองจากการฝึกตลี กู นีห้ ากตไี ดอ้ ย่างแม่นยา ลกู ท่ีต่าไปถูกลกู คตู่ อ่ สู้ เป็นจงั หวะเดียวกบั ลูกตกถกู พืน้ พอดี ลกู ทต่ี ีมี โอกาสอยู่แทนท่ไี ดด้ ว้ ย การฝึกตีลกู นีน้ กั กฬี าไม่ตอ้ งพะวงว่าจะมีลูกขวางหนา้ ทา่ ทางในการตีลกู – ยนื ในทา่ ที่ถนดั ที่สดุ แตเ่ ทา้ ทง้ั สองขา้ งตอ้ งไมเ่ หยียบเสน้ และอยูในวงกลม – ตงั้ ลกู ตามตอ้ งการเพื่อฝึกตี – เรมิ่ ฝึกตีจากระยะใกล้ ๆ ก่อน จาก 3 เมตร 4 เมตร 5 เมตร ตอ่ ไปเรื่อย ๆ จนถงึ ระยะ 12 เมตร แลว้ จดสถติ ิไวท้ ุกวนั ๆ เพื่อนามาแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ ง – ฝึกการประสานงานของแรงทใี่ ชใ้ นการตลี กู ให้สมั พนั ธก์ นั ระหวา่ งการดีดตวดั ขอ้ มือ นิว้ มอื และขาทง้ั สองขา้ ง ระบบการ หายใจก็มีส่วนสาคญั เกยี่ วกับกับการตลี ูกมาก ควรจะไดม้ ีการฝึกใหป้ ระสานงานใหด้ ี – กอ่ นตลี กู จะตอ้ งมีสมาธิ และความเช่อื ม่นั ในตวั เอง – ฝึกอย่างสม่าเสมอและจรงิ จงั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook