Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปความรู้ซ่อมเสริม มผด.1 บทที่ 4

สรุปความรู้ซ่อมเสริม มผด.1 บทที่ 4

Published by 2pitcha2529, 2021-06-24 09:25:10

Description: ประกอบการเรียนซ่อมเสริม บทที่ 4
โดย อาจารย์ พิชชาภรณ์ สาตะรักษ์

Search

Read the Text Version

สรุปความรู้ซ่อมเสริม มผด.1 บทที่ 4 Windows User [ช่อื บรษิ ทั ] | [ทอ่ี ยบู่ รษิ ทั ]

[วนั ท]่ี [ชอ่ื เอกสาร] [ช่อื เรอ่ื งรองของเอกสาร] WINDOWS USER [ชอ่ื บรษิ ทั ] [ทอ่ี ยบู่ รษิ ทั ]

เรยี นซ่อมเสริม บทท่ี 4 การวินิจฉัยและการประเมนิ ภาวะสุขภาพ การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันปญั หาสุขภาพของ มารดาและทารกในระยะต้ังครรภ์ การตงั้ ครรภ์ หมายถึง การทีม่ กี ารปฏิสนธิและมีพฒั นาการของตวั อ่อนจนสมบรู ณ์ ใชเ้ วลาประมาณ 40 สปั ดาห์ หรอื 280 วัน แบ่งออกเป็น 3 ระยะดงั ต่อไปน้ี first trimester →เดอื นที่ 1 ถึง เดอื นที่ 3 หรือประมาณ 1- 14 สปั ดาห์ second trimester →เดอื นที่ 4 ถึง เดอื นที่ 6 หรือประมาณ 15- 28 สปั ดาห์ third trimester → เดือนท่ี 7 ถงึ ครบกำหนดคลอด หรือประมาณ 29- 42 สปั ดาห์ 4.1 การวนิ จิ ฉัยการตง้ั ครรภ์ อาการแสดงสงสัยว่าตง้ั ครรภ์ ( presumptive signs) 1.1 ขาดประจำเดือน (amenorrhea) 1.2 อาการแพ้ท้อง (nausea and vomitting) 1.3 การเปลยี่ นแปลงของเต้านม (breast changes) 1.4 การเปลีย่ นแปลงของผวิ หนัง (Skin change) 1.5 ปัสสาวะบอ่ ย (urinary frequency) 1.6 อ่อนเพลีย (fatigue) 1.7 มารดารสู้ ึกเด็กดิ้น (quickening) อาการแสดงว่านา่ จะตง้ั ครรภ์ (probable signs) 2.1 ทอ้ งโตขึ้น (enlargement of the abdomen) 2.2 การเปล่ยี นแปลงของรปู ร่าง ขนาด และความนุ่มของมดลกู (Changes in the uterus) 2.3 มกี ารเปลยี่ นแปลงที่ปากมดลกู (Changes in the cervix) 2.4 การหดรัดตวั ของมดลูก (Braxton Hicks Contraction) 2.5 Ballottement 2.6 คลำได้ขอบเขตของทารก (out lining) 2.7 ผลการทดสอบทางฮอร์โมนให้ผลบวก (positive pregnancy test) อาการแสดงการตง้ั ครรภแ์ นน่ อน (positive signs) 3.1 ตรวจพบการเตน้ ของหัวใจทารก (fetal heart sound) 3.2 การตรวจพบการเคลือ่ นไหวของทารกในครรภ์ (fetal movement and fetal part) 3.3 ตรวจพบทารกโดยภาพรังสี (roentgenogram) 3.4 การตรวจพบทารกโดยวิธขี องคลืน่ เสยี งความถีส่ ูง (Ultrasonography)

4.2 การประเมนิ ภาวะสุขภาพมารดา ทารก และการคดั กรอง - การซกั ประวัติ 1. ชอื่ และประวัตทิ างสังคม หรือประวตั ิสว่ นตวั >> โรคประจำตวั งานท่ที ำ ยาทใี่ ช้ สารเสพติด 2. ประวตั ปิ ระจำเดือน >> วนั แรกของการมปี ระจำเดือนครั้งสุดทา้ ย เป็นสิ่งสำคญั ในการคำนวณ อายุครรภ์ 3. ประวตั ิการต้งั ครรภ์ >> ถามการตง้ั ครรภ์ทุกครัง้ ทีผ่ ่านมา 4. ประวตั ิการเจ็บปว่ ยในอดีต >> เป็นขอ้ มูลสำหรบั การรักษา 5. ประวัตคิ รอบครัว >> ลกั ษณะครอบครัว อยกู่ ับสามีหรือไม่ 6. ประวตั กิ ารไดร้ ับวคั ซนี >> เคยได้รบั / ไม่ได้รบั จำได/้ หรือจำไม่ไดเ้ ลย การบันทกึ ประวตั ทิ างสตู กิ รรม บันทึกด้วยระบบตัวอกั ษร GP G = Gravida หมายถึง จำนวนครั้งการตั้งครรภ์ท้ังหมด โดยไม่คำนงึ ถงึ จำนวนทารกท่เี กดิ มาว่ามชี ีวติ หรือไม่ รวมทั้งครรภ์ปจั จุบนั P = Para หมายถึง จำนวนครัง้ ของการคลอดที่ทารกสามารถ มชี วี ิตรอดไดห้ รือเมื่ออายุ ครรภ์ ตั้งแต่ 28 สปั ดาห์ ขึ้นไป บนั ทกึ ด้วยระบบตวั อักษร (GPAL) เชน่ G3P1A1L1 หมายความว่า มกี ารต้งั ครรภค์ รัง้ นี้เปน็ ครงั้ ท่ี 3 คลอดบุตร 1 คร้ัง แท้ง 1 ครัง้ และบุตรมชี ีวิตอยู่ 1 คน หรือ ระบบรหัสตัวเลข 4 หลัก (TPAL 4 digit) T หมายถึง จำนวนครัง้ ท่ีคลอดครบกำหนด (อายุครรภ์ตั้งแต่ 37-42 สปั ดาห์ ) P หมายถงึ จำนวนครั้งท่ีคลอดก่อนกำหนด (อายุครรภ์ตงั้ แต่ 28 สัปดาห์ แต่ น้อยกวา่ 37 สปั ดาห)์ A หมายถงึ จำนวนครั้งของการแทง้ ไมว่ ่าทำแทง้ หรอื แท้งเอง (อายคุ รรภน์ อ้ ยกวา่ 28 สปั ดาห)์ L หมายถึง จำนวนบุตรท่มี ีชีวิตอยู่ เชน่ P0-1-1-1 หมายถงึ ไมม่ ีบุตรคลอดครบกำหนด คลอดบุตรกอ่ นกำหนด 1 คน แทง้ 1 คร้ัง และบตุ รมีชีวิตอยู่ 1 คน ตัวอย่าง G4P2-1-1-1 หมายถึง .........................................

- การตรวจร่างกายและการตรวจครรภ์ ต้องมีความเขา้ ใจในการคำนวณอายุครรภ์และการคาดคะเนวนั คลอด ซ่ึงขอ้ มูลท่สี ามารถนำมาคำนวณอายุครรภ์ได้ คือ 1.ประวัติ LMP ตอ้ งซกั ประวตั ใิ ห้ดีว่าใชก่ ารมปี ระจำเดือนหรือไม่ 2.ตามวธิ ีของ Mc.Donale ด้วยการใชส้ ายวดั วัดความสูงของยอดมดลกู เป็น เซนตเิ มตร สตู ร อายคุ รรภ์ = 8/7 คณู ความสูงของระดบั ยอดมดลูก *แมน่ !!! ในรายท่ีอายคุ รรภ์ > 20 สัปดาห์ ทารกอยู่ในแนวยาว 3.ประวัตทิ ารกดน้ิ 4.ประวตั กิ ารทำ USG 5. การวัดระดับยอดมดลูกและขนาดของมดลกู ข้อมลู สำหรับการคาดคะเนวนั กำหนดคลอด 1.การคาดคะเนวันครบกำหนดคลอดตามวิธีของ Naegele's Rule 2.คำนวณจากประวัติทารกด้ินคร้ังแรก (Quickening) การตรวจครรภ์ 4 ทา่ วธิ ขี อง leopold handgrip >> ไม่ใช่ว่าทุกอายุครรภ์จะสามารถตรวจไดท้ งั้ 4 ถ้า ถ้าอายุครรภ์ยังน้อยจะสามารถตรวจไดบ้ างทา่ เท่าน้ัน สตรีต้งั ครรภท์ ไี่ ม่มีความเสีย่ ง จึงจะได้รับการดแู ลตามระบบการดแู ลสตรีต้ังครรภ์ แนวใหม่ จะนัด หมายการดูแล 5 คร้ัง ดังนี้ (กรมอนามยั ) การฝากครรภค์ ณุ ภาพ >> โดยจะกำหนดได้ต้องทราบอายุครรภ์ เสียก่อน ครงั้ แรกเมอื่ อายุครรภ์12 สปั ดาห์ ครั้งท่ี 2 อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ คร้ังที่ 3 อายุครรภ์ 26 สัปดาห์ ครง้ั ท่ี 4 อายุครรภ์ 32 สปั ดาห์ และครั้งท5่ี อายุครรภ์ 36-38 สัปดาห์ - การติดตามผลการตรวจทางห้องปฏบิ ตั กิ าร >> ปกตทิ ุกตวั เว้นแต่อาจพบ Urine albumin / sugar ผล trace ไปจนถึง +1 ได้ แตจ่ ะไม่พบตลอดการต้ังครรภ์ - การคดั กรองภาวะเส่ียง ในเร่ืองน้จี ำเปน็ ต้องใช้ความรู้ในหลายเรอ่ื งของระยะต้งั ครรภ์ เชน่ ++ ขนาดของอายุครรภ์ที่ไมส่ ัมพันธก์ ับอายุครรภ์ ++ความไมส่ ุขสบายบางอยา่ งทอ่ี าจเกดิ ขึ้นได้ แต่ไมถ่ ือว่าผดิ ปกติ เพราะเกิดสมั พนั ธ์กบั อายุ ครรภ์ หรอื การเปลีย่ นแปลงทางสรรี วิทยา ++คดั กรองไดจ้ ากซักประวตั ิ หรือจากการตรวจร่างกาย >> ขาบวม +1 (บวมท่สี ่วนใดของ ร่างกาย) ความดนั โลหิตเปลย่ี น (เปลีย่ นไดเ้ ท่าไหร่) น้ำหนกั ท่ีเพม่ิ ขนึ้ มาก (เพิ่มเดือนละเท่าใด)

อย่างไรกต็ ามเมือ่ คน้ พบภาวะเส่ยี ง ควรต้องรายงานแพทย์ หรือหากไมแ่ น่ใจกใ็ หท้ บทวนและตรวจในรายการ น้ันๆซ้ำอีก เช่น พบความดนั โลหิตสงู ปัสสาวะพบนำ้ ตาล /โปรตนี / แบคทีเรยี - การให้ภูมคิ ุ้มกัน ปจั จบุ นั มี 2 อยา่ งทใี่ ห้ในสตรีตั้งครรภ์ >> วัคซีนปอ้ งกัน บาดทะยัก วคั ซนี ป้องกัน ไขห้ วดั ใหญ่ 4.3 การส่งเสริมสขุ ภาพมารดาในระยะตั้งครรภ์ หลักในการสง่ เสริมสขุ ภาพน้นั ควรใหเ้ หมาะสมกบั ไตรมาส เพราะสตรีต้งั ครรภจ์ ะสนใจการ เปลย่ี นแปลงทางสรรี วิทยาของตนเอง และจะใคร่สนใจในเร่ืองของตนเองนน้ั เรยี งตามไตรมาส ไตรมาสท่ี 1 ช่วงอายคุ รรภ์ 1-14 สปั ดาห์ ควรแนะนำเร่ืองตา่ ง ๆ ดงั นี้ การพักผอ่ นและการนอนหลบั การออกกำลงั กาย การทำงาน การเดนิ ทาง การมเี พศสัมพันธ์ การทรงตวั ทีถ่ ูกตอ้ ง การรบั ประทานอาหารและยา การดแู ลรักษาสุขภาพของปากและฟัน อาการผิดปกติ และการมาตรวจตามนดั ไตรมาสที่ 2 ช่วงอายุครรภ์ 15-28 สัปดาห์ ควรแนะนำในเรื่อง การแตง่ กาย การดูแลผิวหนัง การดแู ลเต้านม ไตรมาสท่ี 3 ช่วงอายุครรภ์ 15-28 สัปดาห์ ควรแนะนำในเร่ือง การนับเด็กดนิ้ เร่มิ นบั เม่ืออายคุ รรภ์ 28-32 สปั ดาห์ เปน็ ต้นไป การเตรยี มตวั เพื่อการคลอด การเตรยี มตวั ใหน้ มบุตร การเตรยี มสิง่ แวดล้อมท่ีบ้าน อาการเจบ็ ครรภ์คลอด การเตรยี มเคร่ืองใช้สำหรับมารดาและทารก การเตรยี มตวั เพื่อการคลอด 1.ให้ความรู้ ใหค้ วามรเู้ กย่ี วกับการตง้ั ครรภแ์ ละการคลอด สตรีต้ังครรภ์และสามีเข้าร่วมฟงั การบรรยาย ทัง้ ใน ไตรมาสท่ี 1, 2 และ 3 2.การเตรยี มร่างกาย การออกกำลังกายเพ่ือให้อุ้งเชงิ กราน ตน้ ขาแขง็ แรง 1.ท่านัง่ ขดั สมาธหิ ลวม (Tailor sitting) ทำใหก้ ล้ามเนื้อขาแข็งแรง และฝเี ย็บยืดขยาย 2.ทา่ นงั่ ยอง (Squatting) ช่วยให้กล้ามเนื้อฝเี ยบ็ ยดื ขยาย ท่าน้ียังใชเ้ ปน็ ท่าคลอดได้อีกด้วย

3.การบริหารต้นขาให้ยืดขยาย ท่าคลา้ ยท่าขดั สมาธิ (Tailor press ) 4. การบริหารกล้ามเนื้ออุง้ เชงิ กราน (kegel exercise) เป็นทา่ ทีช่ ว่ ยใหก้ ล้ามเน้อื ฝเี ย็บ แข็งแรง พร้อมสำหรับการคลอด และช่วยให้การหายของแผลฝีเยบ็ หลังคลอดหายเรว็ ข้ึน ป้องกันการกลั้น ปสั สาวะไม่อยู่ภายหลังคลอด เพ่มิ ประสิทธิภาพในการมเี พศสมั พนั ธ์ 5. ท่าบรหิ ารเชิงกราน (pelvic rocking หรอื pelvic tilt) ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังท่มี กั เกิดกบั สตรตี ง้ั ครรภ์ 3.การสอนบรรเทาความเจ็บปวดเพอื่ การเผชิญความเจบ็ ปวดในระยะคลอด 1.Dick-Read ให้ความรสู้ ำหรับเตรียมตัวคลอด fear-tension- pain เพราะความกลัวและ ความเครียดมีผลทำใหร้ า่ งกายหลัง catecholamines และ cortisol เพ่ิมข้ึน ซ่ึงจะยับยงั้ การทำงานของ ฮอร์โมน Oxytocin 2.Lamaze -การเพ่งจดุ สนใจหรือสรา้ งจนิ ตนาการ (Focusing or imagery) -การลบู หนา้ ท้อง (effleurage) -การฝกึ การผ่อนคลาย (relaxation) -การฝึกการควบคมุ การหายใจ (controlled breathing) 3.Robert Bradley การจดั ส่ิงแวดลอ้ มให้สงบ และใหส้ ามสี นับสนุนในระยะคลอด - โภชนาการและการใชย้ า อาหารควรแนะนำให้เหมาะสมตามไตรมาส ยาต้องใชย้ าบำรุงเสริมตามหลักการใช้ยาสมเหตผุ ล - การมีเพศสมั พนั ธ์ >> สามารถมไี ดโ้ ดย.......... - การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเพื่อให้อุ้งเชงิ กราน ต้นขาแข็งแรง 1.ทา่ นั่งขัดสมาธิหลวม (Tailor sitting) ทำให้กลา้ มเนื้อขาแข็งแรง และฝีเย็บยืดขยาย 2.ท่านั่งยอง (Squatting) ช่วยใหก้ ลา้ มเนื้อฝีเยบ็ ยืดขยาย ท่าน้ียงั ใช้เป็นท่าคลอดไดอ้ ีกด้วย 3.การบริหารต้นขาใหย้ ืดขยาย ท่าคลา้ ยทา่ ขดั สมาธิ (Tailor press ) 4. การบรหิ ารกลา้ มเน้ืออุ้งเชิงกราน (kegel exercise) เป็นทา่ ท่ชี ว่ ยใหก้ ลา้ มเนือ้ ฝเี ย็บ แข็งแรง พรอ้ มสำหรับการคลอด และช่วยใหก้ ารหายของแผลฝเี ยบ็ หลังคลอดหายเร็วขึ้น ป้องกันการกลนั้ ปัสสาวะไม่อยูภ่ ายหลงั คลอด เพิ่มประสทิ ธภิ าพในการมเี พศสมั พันธ์ 5. ทา่ บรหิ ารเชงิ กราน (pelvic rocking หรือ pelvic tilt) ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังทม่ี กั เกิดกับสตรตี ้ังครรภ์

- การพกั ผอ่ น >> รวมถงึ อนื่ ๆไปดว้ ย การทำงาน การเดินทาง การสง่ เสริมสขุ ภาพคอื ดูแลทุกเรื่อง จะใหค้ ำแนะนำท่ีสอดคล้องตามไตรมาส และอาการที่เปลีย่ นตามสรีรวทิ ยา 4.4 การกระตนุ้ พฒั นาการทารกในครรภ์ การกระต้นุ พัฒนาการของทารกในครรภ์ วธิ กี ารกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ 1. ด้านอารมณ์ สตรีตั้งครรภ์ควรปรับอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ ลดสิ่งเร้าที่จะก่อให้เกิดความเครียด ซ่ึง เมื่อสตรีตั้งครรภ์อารมณ์ดีอยู่เสมอ ร่างกายจะหล่ังสาร Endorphin ออกมาผ่านทางสายสะดือไปยังทารกใน ครรภ์ ทำให้ทารกมี IQ และ EQ ดี 2. ระบบรับความรู้สึกและการเคลื่อนไหว เม่ือทารกในครรภ์อายุ 20 สัปดาห์ข้ึนไป ระบบประสาท การเคล่อื นไหวของทารกจะมคี วามพรอ้ มต่อการรับร้กู ารสัมผสั ของมารดา 2.1 ความรูส้ ึก การลูบหน้าท้อง และสัมผัสทารกผ่านทางหน้าท้อง จะพัฒนาเส้นใยประสาทสมองรับความรู้สึก เพิ่ม ประสทิ ธิภาพและความไวในการรับรูข้ องทารก -การลูบสมั ผสั -สัมผสั กบั ลูกเป็นจงั หวะ -สมั ผัสน้ำอนุ่ นำ้ เย็น -ตบหนา้ ทอ้ งเบาๆ ขณะลูกด้ิน วิธนี ีค้ ุณแม่ปฏบิ ัตไิ ด้เมอ่ื อายุครรภ์ 7 เดอื น -ฉีดนำ้ บริเวณหน้าทอ้ ง สามารถปฏบิ ัตไิ ด้เมอื่ อายคุ รรภ์ 7 เดอื น 2.2 ด้านการเคล่ือนไหว การน่ังเก้าอ้ีโยก กระตุ้นเซลล์สมองส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการเคลื่อนไหว และช่วยให้ทารกใน ครรภ์ปรบั ตัวเข้าหาสง่ิ แวดลอ้ มใหมๆ่ ไดด้ ี -น่ังเก้าอี้โยกหน้าหลัง เริ่มปฏิบัติได้เมื่ออายุครรภ์ 5 เดือน โดยการนั่งเก้าอ้ี โยกหน้าหลัง และอาจเปดิ เพลงฟงั ไปด้วย -นัง่ เก้าอห้ี มนุ ซ้ายขวา เริม่ ปฏบิ ัตไิ ด้เม่ืออายุครรภ์ 7 เดอื นโดยการนงั่ เกา้ อ้หี มุนซ้ายขวา 3. การได้ยิน เมื่อทารกในครรภอ์ ายุ 24 สัปดาห์ข้ึนไป ระบบการได้ยินของทารกจะมีการพฒั นาเตม็ ที่ โดยรบั รู้และตอบสนองตอ่ เสยี งทอี่ ยู่รอบตวั ได้ -เสียงพ่อแม่ -เสยี งดนตรี เปดิ เพลงให้อยู่ห่างจากหนา้ ท้องประมาณ 1 ฟุต เปดิ วันละคร้งั คร้ังละ 5-10 นาที

4. ระบบการมองเห็น ทารกสามารถกระพริบตาเพื่อตอบสนองต่อแสงไฟท่ีมากระตุ้น และรับรู้ผ่าน การมองเหน็ ไดเ้ มื่ออายุครรภ์ 28 สปั ดาห์ขน้ึ ไป -การใชแ้ สงสว่างตามธรรมชาติ คือ การอยู่ในสถานที่ท่ีมีท้องฟ้าแจ่มใส เงียบสงบ เช่น การเดิน เลน่ ท่ีๆ มีตน้ ไมร้ ม่ รน่ื หรือการเดนิ เลน่ บริเวณชายหาด -การใช้แสงสว่างจากส่ิงประดษิ ฐ์ สามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ดงั น้ี สอ่ งไฟฉายอยู่กับที่ กิจกรรมน้ีเริ่มได้เมื่ออายุครรภ์ 7 เดือน ส่องไฟฉายเคลอื่ นท่ี เมอื่ เข้าเดือนท่ี 8 ของการต้ังครรภใ์ ห้เปล่ยี นวธิ ีใหม่ เพ่ือไมใ่ ห้ทารก เบื่อ โดยการเคล่ือนท่ีไฟฉายจากซา้ ยไปขวา 4.5 การสรา้ งเสริมสมั พนั ธภาพระหวา่ งมารดา ทารก และครอบครัว การเตรียมบทบาทการเปน็ บิดา มารดา การปรับตวั เขา้ สบู่ ทบาทการเปน็ มารดา หญงิ ตั้งครรภจ์ ะตอ้ งทำภารกิจไปตามพฒั นากจิ ของการต้ังครรภ์ (Task of pregnancy) ซ่ึงถา้ ประสบความสำเร็จสามารถบรรลถุ งึ เปา้ หมายของพัฒนากิจก็จะมีความสุข และมีวฒุ ิภาวะในข้ันตอนตอ่ ไป ซึ่ง พฒั นกิจมีดังน้ี 1. Pregnancy validation การสรา้ งความมนั่ ใจและการยอมรับการตงั้ ครรภ์ หาความมั่นใจให้ ตนเองวา่ ตนเองตง้ั ครรภ์จริง 2. Fetal embodiment การมตี วั ตนของบุตร ดแู ลตนเองเปน็ อยา่ งดี ป้องกนั อนั ตรายท่ีจะมีต่อบตุ ร 3. Fetal distinction ยอมรบั ว่าบุตรเป็นอีกบคุ คลหนงึ่ ทแี่ ตกตา่ งไปจากตน จะมีการต้งั ชอื่ จัดหา เสื้อผา้ 4.Role transition การเปล่ียนบทบาทการเป็นมารดา จัดเตรยี มทกุ อยา่ งไว้อยา่ งสมบูรณ์ แต่อาจมี ความกงั วลเก่ยี วกบั การเจบ็ ครรภ์ และการพ่งึ พาผู้อ่ืน การปรบั ตัวตอ่ การเป็นบิดา ไตรมาส 1 สามจี ะประกาศการต้ังครรภ์ใหผ้ ้อู ื่นทราบ สับสน กงั วล ตอ่ บทบาทใหม่ อาจมอี าการ คลน่ื ไส้ อาเจยี น คล้ายสตรีตง้ั ครรภ์ ไตรมาส 2 สามีจบั ท้องของสตรีตงั้ ครรภ์ สนใจต่อการฝากครรภ์ และกิจกรรมในการฝากครรภ์ ไตรมาส 3 เตรยี มพรอ้ มต่อการคลอด และกงั วลเก่ียวกับการคลอดของภรรยา ซงึ่ บดิ าตะต้องมีการแสดงพฤตกิ รรม และการตอบสนองต่อบทบาทในการเปน็ บิดานน้ั ต้งั แตภ่ รรยา ต้ังครรภ์จนถงึ ระยะคลอด ผทู้ ีก่ ำลงั จะเปน็ บิดาจะมกี ารแสดงความรูส้ กึ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และ สังคม เพ่ือทีจ่ ะปรบั ตัวต่อการเปน็ บิดาเชน่ เดียวกบั ผทู้ ่ีจะเป็นมารดา

การสร้างสัมพันธภาพบิดา-มารดา –ทารกในระยะตงั้ ครรภ์ Bonding & Attachment (ความรักใครผ่ กู พัน และสมั พนั ธภาพ) Bonding ความรักใครผ่ ูกพนั ของมารดาท่มี ตี อ่ บุตร Attachment สัมพันธภาพของทารกที่มีตอ่ มารดา กระบวนการเหล่านลี้ ้วนเกดิ ตั้งแตเ่ รม่ิ ตงั้ ครรภ์ โดยสตรีต้ังครรภจ์ ะมีพฤติกรรมท่แี สดงออกถึง Bonding & Attachment ดังนี้ -การมีปฏิสัมพนั ธก์ ับทารกในครรภ์ พูดคุย ลบู ท้อง -การยอมรับความเป็นบคุ คลของตน และทารกในครรภ์ รบั รวู้ า่ เปน็ เลือดเน้ือเช้ือไข การรบั รวู้ ่าทารก ดน้ิ การเหน็ ภาพจากอลั ตราซาวน์ -การแสดงบทบาทมารดา มีการคดิ ฝนั ถงึ วธิ กี ารเลีย้ งบตุ ร เฝา้ รอคอยจะได้อุ้มบุตร -การแสดงความสนใจต่อคุณลักษณะของทารก หน้าตา รูปร่าง -การอทุ ิศตนเพ่ือทารกในครรภ์ จะดแู ลตนเองเปน็ อยา่ งดี โดยปัจจัยท่ีอาจมีผลต่อการสร้างสัมพนั ธภาพบิดา-มารดา –ทารกในระยะตั้งครรภ์ ดงั น้ี 1.วฒุ ภิ าวะทางอารมณ์ 2.เจตคติ และความต้องการการตงั้ ครรภ์ 3.ความคาดหวังในเพศของบุตร 4.ฐานะและสังคม 5.ปฏิสัมพันธ์กับบคุ คลใกลช้ ดิ และคนุ้ เคย เช่น สามี บิดา มารดา สตรีตัง้ ครรภ์มาความต้องการการสนับสนุนทางสังคม และสมั พนั ธภาพท่ีดจี ากสามีเป็นอยา่ งยิ่ง ซึ่งจะส่งผลดี ตอ่ สมั พันธภาพของบดิ า มารดา และทารกในครรภ์ บทบาทพยาบาลในการสง่ เสรมิ ความรกั ใคร่ผกู พันระหวา่ งมารดา-ทารกและครอบครวั ระยะตัง้ ครรภ์ 1. ใหค้ วามรู้แก่มารดาเกี่ยวกับเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และการปฏิบัติตนในระยะตัง้ ครรภ์กระตุน้ การรบั รู้ ของมารดาต่อทารก เพ่อื ให้มารดาเกิดความรกั ความผกู พนั กับทารกในครรภ์ 2.พยาบาลควรให้ความรเู้ กย่ี วกับสภาพรา่ งกายและลักษณะทวั่ ไปของทารกแรกเกิดและพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ ทารกแสดงออก 3. การให้ความรแู้ ก่บิดาเกย่ี วกบั การเตรียมตวั เป็นบิดา การมีส่วนร่วมของบดิ าในการให้การสนับสนนุ ช่วยเหลือ ประคับประคองจิตใจภรรยาในระยะตง้ั ครรภ์ เสริมสรา้ งกำลังใจแก่ผเู้ ปน็ บดิ า โดยการจัดกลมุ่ ให้คำปรึกษา ให้ โอกาสแกผ่ ูเ้ ปน็ บิดาได้พบประสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความคดิ เห็นตา่ ง ๆ เพ่ือใหบ้ ิดามีความม่ันใจใน การแสดงบทบาทของตน กระตุ้นความสนใจของผูท้ จ่ี ะเป็นบดิ าในช่วงเวลาทส่ี ำคญั

4. เปิดโอกาสใหไ้ ด้ฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ การคลำทา่ ของทารก และการสัมผสั การดิ้นของ ทารก 5. มกี ารเตรยี มมารดาในการเผชญิ ความเจ็บปวดในระยะคลอด มีการสอนวิธบี รรเทาความเจบ็ ปวด ขณะเจ็บ ทอ้ งคลอด พาหญิงตงั้ ครรภเ์ ยย่ี มชมสถานทภี่ ายในห้องคลอด และหลังคลอดเพ่ือสรา้ งความคุ้นเคย ลดความ วิตกกงั วล 6. บทบาทของพยาบาลในการส่งเสริมแรงสนบั สนนุ ทางสงั คม แรงสนบั สนุนทางสงั คมมีบทบาทในการสง่ เสรมิ สัมพันธภาพ ความรักความผกู พนั ระหว่างมารดาและทารก เน่อื งจากการตั้งครรภ์เป็นภาวะทีเ่ กิดข้นึ ตาม ระยะพัฒนาการ ขณะตงั้ ครรภม์ ารดาจะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณม์ าก การดแู ลด้านจติ สังคมของหญิงตง้ั ครรภ์ พฒั นกจิ ของมารดาในระยะตง้ั ครรภ์ (developmental tasks during pregnancy) -การสรา้ งความเช่อื มน่ั ต่อความปลอดภัยของการตง้ั ครรภแ์ ละคลอด -การแสวงหาการยอมรบั ทารกในครรภจ์ ากบุคคลอื่น -การแสวงหาความรบั ผิดชอบและการยอมรับบทบาทการเป็นมารดา -เรยี นร้ทู ี่จะเสยี สละเพ่ือทารกในครรภ์ การเปลีย่ นแปลงทางดา้ นอารมณ์ จำแนกตามไตรมาสได้ดังน้ี -ไตรมาสท่ี 1 1.ความไม่แนใ่ จ (uncertainty), และความรู้สึกกำ้ ก่งึ (ambivalence) 2. ความรสู้ กึ เสียใจ (grief) 3. ความกลัวและความเพ้อฝนั (fear and fantasies) 4. อารมณแ์ ปรปรวน (mood swing) 5.ความสนใจและความต้องการตอ้ งการทางเพศ (changes in sexual desire) อาจไมเ่ ปลี่ยนแปลง หรือลดลง -ไตรมาสท่ี 2 1.การยอมรบั การต้งั ครรภ์ (acceptace of preganancy) 2.รักและใส่ใจตนเอง (narcissism and introversion) 3.การรบั รภู้ าพลักษณ์ (Body image and boundary) 4. ความสนใจและความต้องการทางเพศ (changes in sexual desire) อาจไม่เปล่ียนแปลง หรอื มี ความสขุ เพิ่มมากขึน้ -ไตรมาส 3 1.ความเครยี ด (stress) 2.ความสนใจและความตอ้ งการทางเพศ (changes in sexual desire) ลดลง

การพยาบาล ไตรมาสท่ี 1 -ประเมนิ การยอมรับการตัง้ ครรภ์ ความรู้สกึ ไม่แน่ใจ แบบแผนการดำเนนิ ชีวิต ไตรมาสที่ 2 -ประเมนิ การยอมรับการเป็นการบุคคลของทารกในครรภ์ การดูแลตนเอง การรับประทานอาหาร ภาพลกั ษณ์ พดู คุยกับสตรตี ง้ั ครรภ์รายอน่ื ไตรมาสท่ี 3 -ประเมินความเครยี ดความวิตกกังวลต่อการคลอด ใหเ้ ขา้ กลุ่มฝกึ การเตรยี มตวั คลอด การเปลยี่ นแปลงทางดา้ นอารมณ์ของสามี →จะคล้ายกบั ภรรยาตามไตรมาส ---จะแสดงพฤตกิ รรมในแบบ ผชู้ าย การพยาบาล ไตรมาส 1 ประเมินความวิตกกังวล การยอมรับการตงั้ ครรภ์ การจดั การกบั อารมณข์ องภรรยา ไตรมาส 2 ประเมินการปรับบทบาทต่อการเป็นบิดา ดแู ลภรรยา หารายได้ ไตรมาส 3 ประเมินความพรอ้ มเขา้ สบู่ ทบาทการเป็นบิดา บิดาจะร้สู กึ กังวลตอ่ สุขภาพของบตุ ร ความสนใจในการเตรยี มคลอดของภรรยา การเตรยี มบ้านเตรยี มอปุ กรณ์ในการเลี้ยงดูบุตร 4.6 การพยาบาลภาวะไม่สุขสบาย >> ไปอ่านเอง ในสว่ นของ แตล่ ะอาการเกดิ ข้ึนไดอ้ ย่างไร มีวิธกี ารแก้ไข อย่างไร 4.7 การนำภูมิปัญญาท้องถ่ินมาใช้ในการดูแลสุขภาพมารดาและทารก >> ศกึ ษาเอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook