Sexual transmitted disease :STDs AIDS การวินจิ ฉยั นอกจากจะทาได้โดยการซกั ประวตั ิ และการตรวจรา่ งกายแลว้ การวนิ จิ ฉัยท่สี าคัญอกี วธิ คี ือ การ ตรวจทางห้องปฏิบัติการ ซ่งึ ทาง CDC (Center for Disease Control and Prevention), ACOG(American College of Obstetricians and Gynecologists;2011) , AAP (American Academy of Pediatrics) แนะนาใหต้ รวจคดั กรองหาการตดิ เชื้อเอชไอวใี นสตรตี ง้ั ครรภโ์ ดยใช้วธิ ี Opt-out approach คือ สตรตี ังครรภ์ทุกรายจะได้รับการแจ้งว่ามีการทดสอบการตดิ เชือเอชไอวรี วมอยใู่ นการตรวจเลือดเพือ่ ฝาก ครรภ์ โดยไดร้ ับขอ้ มูลเกี่ยวการติดเชอื เอชไอวี และไมจ่ ้าเปน็ ต้องเซ็นใบยนิ ยอมเพ่ือรับการทดสอบ แตอ่ าจ ปฏเิ สธไม่รบั การทดสอบกไ็ ด้ ทมี่ า:https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/index.php?option=com_content&view=article&id=1293:2016-12-10-23-36- 57&catid=45&Itemid=561
Sexual transmitted disease :STDs AIDS การวนิ จิ ฉัย สตรตี งั้ ครรภท์ กุ คน ควรได้รบั การตรวจหาเชอ้ื HIV ดังน้ี 1.การตรวจเพอ่ื คัดกรองการตดิ เช้ือ HIV คือ การตรวจ Elisa การตรวจน้ีมคี วามไวรอ้ ยละ 93-99 2.การตรวจเพอ่ื ยนื ยันการตดิ เชอ้ื HIV คอื การตรวจ Western blot Immunofloresence assay (IFA) test ใชต้ รวจหลงั จากการตรวจดว้ ยวิธี Elisa ให้ผลบวก ผลของการตรวจจะยืนยนั การติดเชอ้ื HIV วธิ ีนม้ี ี ความไว รอ้ ยละ 99 การตรวจหาระยะของโรค -CD4 –T lymphocyte คา่ ปกตคิ ือ 500-1,300 cell/mm3 -Viral load Assay ถ้ามเี ชอื้ ไวรสั 10,000-50,000 copies/ml แสดงว่าโรคกาลังดาเนินอยา่ งรวดเร็ว แตถ่ า้ มีนอ้ ยกว่า 5,000 copies/ml แสดงวา่ ความเส่ียงตา่ และโรคจะไมล่ ุกลามใน 5 ปี
Sexual transmitted disease :STDs AIDS ผลของการต้ังครรภ์ต่อโรคเอดส์ จากการศึกษายงั ไมพ่ บว่าการต้งั ครรภ์มีผลกระทบต่อโรค แตก่ ารลดลงของระบบภมู คิ ุ้มกนั ของ ร่างกายในขณะตัง้ ครรภ์ อาจทาให้มโี อกาสแสดงอาการของโรคได้ ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์ สตรีตงั้ ครรภ์ ได้แก่ อาจต้องยุติการตั้งครรภ์ หรอื มีการตดิ เชื้อในโพรงมดลูกหลงั คลอด ทารก ได้แก่ IUGR, DFIUหรอื ตายคลอด, นา้ หนักทารกแรกเกิดน้อย, Preterm, เกิดการติดเชื้อจาก มารดาสู่ทารก ซึง่ อตั ราการตดิ เชอื ขนึ กับปริมาณเชอื HIV ในเลอื ดมารดาซงึ่ สามารถติดเชือจากการ สมั ผัสและกลนื สารคัดหล่งั ท่มี เี ชอื ของมารดาขณะคลอด หรือได้รับเชอื ผ่านทางนา้ นม
Sexual transmitted disease :STDs AIDS การรกั ษา
SSeexxuuaalltrtarannsmitted disease :STDs AIDS การรักษา
Sexual tranmitted disease :STDs AIDS การรกั ษา
Sexual tranmitted disease :STDs AIDS การรกั ษา
SSeexxuuaalltrtarannsmitted disease :STDs AIDS การรักษา การพจิ ารณาวิธกี ารคลอด มีหลักการ คือ การดูแลทารกไมใ่ ห้สัมผัสเลอื ดหรือสารคัดหลงั่ ของมารดาใน ระหว่างการคลอด ดังนน้ั การสิ้นสุดการตัง้ ครรภท์ ่ีดีทีส่ ุด คอื การนัดเพอ่ื การ ผ่าตัดคลอดทางหนา้ ท้อง (Elective cesarean section)
SSeexxuuaalltrtarannsmitted disease :STDs AIDS การพยาบาล ระยะตั้งครรภ์ 1.พาสามมี าตรวจเลือด 2.รับประทานยา 3.สวมถงุ ยางอนามัยเมื่อมเี พศสมั พันธ์ 4.ดูแลตนเองให้แข็งแรง 5.งดเครือ่ งดื่มแอลกอฮอล์
SSeexxuuaalltrtarannsmitted disease :STDs AIDS การพยาบาล ระยะคลอด 1.เตรียมผ่าตดั คลอด 2.ถา้ ถุงน้าแตก ตอ้ งเรง่ คลอด 3.หลกี เลีย่ งการตรวจภายใน 4.หลกี เลย่ี งการใช้หตั ถการในการชว่ ยคลอด 5.หลีกเล่ยี งการตดั ฝีเยบ็ 6.ตดั และผูกสายสะดือโดยเรว็
SSeexxuuaalltrtarannsmitted disease :STDs AIDS การพยาบาล ระยะหลงั คลอด 1.ทาความสะอาดทารก รบี อาบนา้ ให้ทารก 2.งดใหบ้ ตุ ร ดูดนม 3.คุมกาเนิดโดยการทาหมนั สวมถุงยางอนามยั ฉีดยาคมุ กาเนดิ 4.พาทารกมาตรวจตดิ ตาม
โรคตดิ เชื้อรว่ มกับการต้งั ครรภ์ Rubella โรคหดั เยอรมนั โรคหดั เยอรมัน เปน็ viral infection ทเ่ี กิดจาก Rubella virus (German measle virus) ซง่ึ เป็น RNA Paramyxovvirus มกี ารติดเช้ือโดยสัมผสั โดยตรงต่อสาร คัดหลง่ั จากโพรงจมูก และปากของผู้ติดเช้อื
โรคติดเชอ้ื ร่วมกับการตั้งครรภ์ Rubella โรคหัดเยอรมัน การแพรก่ ระจายเชอื้ : เชื้อจะอยู่ในสารคดั หล่งั จากจมกู และชอ่ งปาก จึงแพรก่ ระจายเชือ้ ได้ทาง นา้ มูก นา้ ลายของคนที่มเี ชื้อ ของคนที่ไอ จาม หายใจรดกนั การแพร่เชอื้ จากมารดาสู่ทารก: ทางกระแสเลอื ด ไปท่รี ก ทาใหร้ กมกี ารตดิ เชื้อ เช้ือจากรกแพร่เขา้ สู่ระบบไหลเวยี น โลหติ ของทารก ทาให้หลอดเลอื ด และอวัยวะต่างๆขาดเลือดไปเล้ียง การพฒั นา ของอวยั วะต่างๆจะเสยี ไป เกิดเปน็ ความผดิ ปกตแิ ตก่ าเนดิ
โรคติดเชอื้ รว่ มกับการตง้ั ครรภ์ Rubella โรคหดั เยอรมัน พยาธสิ ภาพ สตรมี คี รรภ์ทีไ่ มม่ ภี ูมิคุ้มกันต่อหัดเยอรมนั เม่อื ได้รบั เชือ้ จะตรวจพบไวรัสในเลอื ด กอ่ นท่ีจะมอี าการของโรคประมาณ 1 สัปดาห์ อาการของโรคจะมีเพียงเล็กนอ้ ย ได้แก่ ผื่น (ประมาณ 3 วนั ) ตอ่ มน้าเลืองโตทวั่ ร่างกาย (โดยเฉพาะ Postauricular และ occipital) หลงั จากนัน้ จะมผี ่ืน ปวดขอ้ และขอ้ อักเสบ แอนติบอดยี จ์ ะขน้ึ สงู สุดประมาณ 1-2 สัปดาหห์ ลงั เร่มิ มผี ่ืน โดยระยะแพร่กระจายเชอ้ื คอื 7 วนั กอ่ นผืน่ ขึ้นจนถงึ 7 วนั หลังมผี ืน่
โรคติดเชือ้ ร่วมกับการตงั้ ครรภ์ Rubella โรคหัดเยอรมัน อาการและอาการแสดง ไมม่ ีอาการทางคลินิก มเี พียงอาการคลา้ ยไข้หวัด แล้วมาตรวจพบภมู ิค้มุ กนั เช้ือหัดเยอรมนั ในเลือดพบเฉลีย่ รอ้ ยละ 25 มีอาการทางคลนิ กิ มกี ารติดเช้อื หดั เยอรมนั เช่น ไข้หวดั ไขต้ ่าๆ ปวดเม่ือยตามรา่ งกาย ปวดหัว ปวดเขา่ ต่อมนา้ เหลืองหลงั หโู ต ต่อมนา้ เหลืองทีท่ ้ายทอยโต และต่อมนา้ เหลอื งทล่ี าคอส่วนหลงั โต เบอ่ื อาหาร ตาแดง ไอ จาม มีอาการเจบ็ คอ และมผี ื่นขนาดเล็กสแี ดง ลักษณะเปน็ ผ่ืน Maculopapula เกิดที่ใบหนา้ กระจายมาทค่ี อ ลาตวั ต้นแขน และสว่ นของแขน ขาตามลาดบั ในสปั ดาห์แรก โดยอาการจะเกิดอยา่ งชัดเจนในวันท่ี 7-10
โรคตดิ เชือ้ ร่วมกบั การตั้งครรภ์ Rubella โรคหดั เยอรมนั การวินิจฉัย 1.การซักประวัติ ประวตั เิ ส่ียง และติดเช้ือหดั เยอรมัน 2.การตรวจรา่ งกาย อาจจะไมพ่ บอาการ หรอื พบผื่นสแี ดงคลา้ ยหดั ตาแดง ไอ จาม เจ็บคอ ปวดเมอ่ื กลา้ มเนื้อ 3.การตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัติการ การวินจิ ฉยั โรคหัดเยอรมนั โดยตรวจไตเตอรข์ องภูมิค้มุ กันต่อหัดเยอรมัน ซง่ึ มีหลายวธิ ี วิธีท่นี ยิ มมากที่สดุ คือ การทดสอบยบั ยัง้ การเกาะกลุม่ ของเม็ดเลือดแดง (Hemagglutination nhibition test: HAI) เปน็ วธิ ีทมี่ คี วามไวในการการตรวจสงู
โรคตดิ เช้อื ร่วมกับการตง้ั ครรภ์ Rubella โรคหัดเยอรมัน การวินจิ ฉยั การตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการ ในสตรตี ้งั ครรภแ์ ยกไดเ้ ปน็ 3 ลักษณะ ดังนี้ 3.1 กลุ่มสตรตี งั้ ครรภ์ท่ัวไป ถา้ อยูใ่ นฤดูทีม่ กี ารระบาดจากเช้ือหัดเยอรมนั ตรวจคัดกรองผู้ตดิ เช้ือหัด เยอรมนั โดยหา Rubella titer หรอื HAI เมอื่ มาฝากครรภค์ รั้งแรก ถา้ ผลพบ Rubella titer น้อยกว่า 1:8 หรือ 1:10 แสดงวา่ ไมต่ ิดเช้อื และไมม่ ีภมู ิคุม้ กัน 3.2 กล่มุ สตรีตัง้ ครรภท์ มี่ ีการสัมผัสเชื้อหดั เยอรมนั โดยไม่มอี าการแสดง ดังนี้ -ถ้า HAI titer นอ้ ยกวา่ 1:8 หรือ 1:10 ตอ้ งตรวจ HAI titer คร้ังท่ี 2 เพื่อยนื ยนั การตดิ เชอื้ อีกคร้งั -ถา้ HAI titer มากกวา่ หรือเท่ากบั 1:8 หรอื 1:10 จะตอ้ งตรวจ HAI titer ครั้งท่ี 2 ใน 2 สปั ดาห์ แปลผลการตรวจกลมุ่ ไม่มอี าการทางคลนิ กิ ดังน้ี
โรคตดิ เชอ้ื รว่ มกบั การต้ังครรภ์ Rubella โรคหัดเยอรมนั การวินจิ ฉยั แปลผลการตรวจกล่มุ ไม่มอี าการทางคลนิ ิก ดังนี้ HAI titer ครั้งที่ 1 HAI titer ครง้ั ที่ 2 การแปลผล ไมต่ ิดเชือ้ หดั เยอรมันและยังไมม่ ีภูมคิ มุ้ กันต่อเช้อื หดั เยอรมนั < 1:8 (1:10) เทา่ เดิม ตดิ เชื้อหัดเยอรมัน ไม่ตดิ เชอื้ หดั เยอรมัน แตม่ ีภมู ิค้มุ กันต่อเชือ้ หัดเยอรมนั < 1:8 (1:10) สงู กว่าเดิม ตอ้ งตรวจหา IgM > 1:8 (1:10) เท่าเดมิ >1:8 (1:10) 1:64 (1:80)
โรคติดเชื้อร่วมกบั การตง้ั ครรภ์ Rubella โรคหัดเยอรมัน การวนิ จิ ฉัย 3.3 กลุ่มสตรตี ้ังครรภท์ ี่มผี ่นื หรอื มอี าการทางคลนิ ิก ตอ้ งตรวจหา HAI titer ทันทีและนัดให้มาฟงั ผลการตรวจภายใน 1-2 สัปดาห์ ผลของ การตรวจแปลผล ดังน้ี ระยะเวลาท่มี าพบ ระดบั HAI titer การแปลผล แพทยห์ ลังมผี ่นื < ๓ วัน ครั้งท่หี นึ่ง ครั้งทส่ี อง ไม่ใช่หัดเยอรมนั และไมม่ ีภมู ิค้มุ กนั เป็นหดั เยอรมัน ๓-๗ วัน < ๑:๘ หรอื ๑:๑๐ เทา่ เดิม ไมใ่ ช่หดั เยอรมนั มภี มู ิต้านทานแล้ว ไม่ใช่หดั เยอรมนั มภี มู ิคุม้ กัน > ๗ วัน < ๑:๘ หรอื ๑:๑๐ ๔ เทา่ ไมใ่ ช่หัดเยอรมัน มภี ูมคิ ้มุ กนั แลว้ ไม่แน่ ให้ตรวจหา IgM > ๑:๘ หรือ ๑:๑๐ เท่าเดมิ ไมใ่ ชห่ ดั เยอรมนั และยังไมม่ ภี มู ิคมุ้ กนั ไม่ใช่หัดเยอรมันและมภี มู คิ มุ้ กันแลว้ > ๑:๘ หรือ ๑:๑๐ เท่าเดมิ อาจใช่หดั เยอรมนั ให้ตรวจหา IgM ๑:๘-๑:๓๒ หรือ ๑:๑๐-๑:๔๐ เท่าเดิม > ๑:๖๔ หรอื ๑:๘๐ สงู กว่าเดิม > ๑:๘ หรอื ๑:๑๐ - ๑:๘-๑:๓๒ หรอื ๑:๑๐-๑:๔๐ - > ๑:๖๔ หรอื ๑:๘๐ -
โรคตดิ เชอื้ รว่ มกับการตง้ั ครรภ์ Rubella โรคหดั เยอรมนั ผลของการตงั้ ครรภต์ อ่ โรคหดั เยอรมนั : พบวา่ ไมแ่ ตกต่างจากผ้ทู ่ีไมไ่ ด้ตงั้ ครรภ์ ผลกระทบ: ตอ่ มารดา: สตรีตง้ั ครรภ์ท่ตี ดิ เชอ้ื หดั เยอรมัน จะมีความรสู้ กึ ไม่สุขสบายตัวเลก็ น้อย ผลตอ่ การต้งั ครรภ์ เชื้อหดั จะทาลายเนือ้ รก ทาเกิดการแทง้ บุตร หรือคลอดทารกพกิ ารแตก่ าเนดิ ต่อทารก: มผี ลต่อการเจริญเติบโต และพฒั นาการของทารกในครรภ์ ทารกมคี วามพิการแตก่ าเนดิ แท้ง หากมีการติดเชือ้ ก่อนอายคุ รรภ์ 12 สปั ดาห์ เช้ือหัดเยอรมนั มีโอกาสทาอนั ตรายแกท่ ารก ทาให้ทารกพิการแต่กาเนดิ
โรคตดิ เช้ือร่วมกับการตั้งครรภ์ Rubella โรคหดั เยอรมนั
โรคตดิ เช้ือร่วมกับการตั้งครรภ์ Rubella โรคหดั เยอรมนั
Rubella โรคหัดเยอรมัน โรคตดิ เชื้อรว่ มกับการต้ังครรภ์ Congenital rubella syndrome: CRS
โรคติดเช้ือร่วมกับการตง้ั ครรภ์ Rubella โรคหดั เยอรมัน การรักษา มีแนวทางดังนี้ 1.การปอ้ งกันการติดเชื้อหดั เยอรมัน 1.1 ใหว้ ัคซนี เชอื้ หัดเยอรมันร่วมกบั วัคซีนอืน่ แก่เดก็ ผหู้ ญงิ 1.2 ใหว้ คั ซีนเช้อื หัดเยอรมันแกส่ ตรกี อ่ นสมรส ทีไ่ มเ่ คยไดร้ ับวัคซีนมากอ่ น 1.3 ให้วัคซีนเชื้อหดั เยอรมันแกส่ ตรตี ้ังครรภ์หลังสมรสแตก่ ่อนตั้งครรภ์ สตรวี ัยเจริญพนั ธ์ุ วางแผนจะตงั ครรภ์ ควรฉีดวัคซีนก่อนตังครรภ์อย่างน้อย 3 เดือน และคุมกา้ เนิดอย่าง น้อย 3 เดอื น เนื่องจากวคั ซนี นเี ปน็ วคั ซีนมชี วี ิต อาจท้าให้เชือไปสูท่ ารกได้ ทารกจะเกิดความพกิ าร 2.ปอ้ งกนั การกาเนิดทารกพิการ ถ้าตรวจพบ Rubella titer มากกวา่ 1:8 ในระหวา่ งต้ังครรภ์ 1-12 สัปดาห์แรกของ การตงั้ ครรภ์ จะมีความเสยี่ งสงู ต่อความพิการ และมคี วามรนุ แรง ตอ้ งใหค้ ้าปรึกษาเพ่อื ยุตกิ ารตังครรภ์ 3.รกั ษาการติดเชอ้ื หดั เยอรมันในทารก ทารกทเ่ี กดิ จากมารดาท่ีตดิ เชื้อหดั เยอรมัน หลงั คลอดตอ้ งเก็บเลือดจากสะดอื สง่ ตรวจเพอ่ื ยืนยันเชือ้ ตรวจรา่ งกายทารกเพอ่ื ประเมนิ ความรุนแรงจากผลกระทบของการติดเช้อื หดั เยอรมนั
โรคตดิ เชอ้ื รว่ มกบั การตัง้ ครรภ์ Rubella โรคหดั เยอรมัน การพยาบาล -แนะนาใหเ้ ห็นความสาคญั ของการมาฝากครรภ์ หลกี เล่ยี งการสมั ผัสเชอื้ -สตรตี ง้ั ครรภท์ ่ีมกี ารตดิ เชือ้ ต้องอธิบายผลเกิดกบั ทารกในครรภ์ใหท้ ราบ -สตรตี ง้ั ครรภท์ มี่ ีการตดิ เช้อื ในระยะคลอด ต้องใชเ้ ทคนคิ การป้องกันการตดิ เชื้อจากระบบ ทางเดนิ หายใจ (respiratory isolation) แยกหอ้ ง ปดิ ประตู ผเู้ ขา้ เยี่ยม ใหก้ ารพยาบาลตอ้ งสวมหน้ากาก ผูค้ ลอดออกจากหอ้ งตอ้ งสวมหนา้ กาก -ทารกทค่ี ลอดจากมารดาท่มี ีการติดเช้ือ จะแยกทารกออกจากมารดา
โรคตดิ เชือ้ ร่วมกับการตั้งครรภ์ ตับอกั เสบ บี การตดิ เช้ือไวรัสตบั อักเสบน้นั มไี ดท้ ้ังหมด 5 ชนดิ ไดแ้ ก่ ไวรัสตับอกั เสบ ชนดิ A,B,C,D และ E แต่เนอ่ื งด้วยไวรสั ตับอักเสบชนิด B มกั ก่อให้เกดิ การติดเชื้อทารกในครรภแ์ ละ ทารกแรกเกิด ดงั นัน้ สาระของการเรยี นรจู้ ะกลา่ วถงึ การการติดเชอ้ื ไวรัสตบั อักเสบB ใน สตรตี งั้ ครรภ์ การตดิ ตอ่ 1.ทางเลอื ดที่มเี ชอื้ ไวรัสตบั อักเสบ บี 2. ทางเพศสมั พนั ธโ์ ดยเข้าทางผิวหนัง เยอ่ื บุ ทถ่ี ลอก ทารกติดจากแม่ 1.จากเลอื ดผ่านรกส่ทู ารกในครรภ์ ได้อยา่ งไร 2.ระหว่างการคลอดและหลังคลอด ผ่านทางผวิ หนังทถ่ี ลอก หรอื ทารกสาลักเช้ือเขา้ ไปในขณะคลอด 3.ผา่ นทางน้านม (ทารกทีไ่ ด้รับวคั ซีนแรกเกดิ แลว้ ความเส่ียงต่อการตดิ เชือที่ผ่านทาง นา้ นมจะไม่เพม่ิ ขนึ )
ตับอักเสบ บี โรคตดิ เชื้อร่วมกับการต้งั ครรภ์ พยาธสิ ภาพ เมอื่ เชอ้ื ไวรสั ตบั อกั เสบ บี (HBV) เขา้ ส่รู า่ งกาย เชอื้ จะไปท่ีตับ แลว้ เพม่ิ จานวนเซลลต์ ิดเชอ้ื ไวรัส ตบั อกั เสบ บี ท่ตี ับ เมื่อการทาลายตับมากขน้ึ จะทาให้ตับแข็งและเปน็ มะเร็ง การตดิ เชอื ของทารกในครรภ์ การตดิ เชอื ส่วนมากเกิดในระยะคลอดและหลังคลอด จากเลือด ผา่ นแผลถลอกหรือผา่ นนา้ นม เข้าไปในร่างกายทารก และเพมิ่ จานวนเชอื้ อยา่ งช้าๆ ทาให้เซลล์ตบั ตาย ซึ่ง ต่อไปจะเปน็ พงั ผดื ตับแข็ง และเปน็ มะเรง็ ตบั เมือ่ เปน็ ผู้ใหญ่ต่อไป
ตับอักเสบ บี โรคตดิ เชอ้ื รว่ มกบั การตัง้ ครรภ์ อาการและอาการแสดง 1. กลุ่มทไ่ี ม่มีอาการทางคลนิ กิ มักเป็นพาหะเรอ้ื รงั จงึ พบ HBsAg บวกในเลือดเทา่ นน้ั 2. กลมุ่ กาลงั ปว่ ยดว้ ยตบั อกั เสบ จะพบผ่นื ขึ้นตามร่างกาย มอี าการของไข้หวดั ออ่ นเพลียยาวนาน ปวดกลา้ มเนอ้ื ปวดเขา่ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน มอี าการตาและตวั เหลือง และมีอาการคนั ที่ผวิ หนงั
ตบั อกั เสบ บี โรคติดเชอื้ รว่ มกบั การตั้งครรภ์ การวนิ จิ ฉัย 1.การซกั ประวัติ 2.การตรวจรา่ งกาย 3.การตรวจทางห้องปฏบิ ัติการ การทางานของตับ และทีส่ าคัญคือการตรวจหา marker ของเช้อื ไวรสั จากนา้ เหลอื ง ไดแ้ ก่ HBsAg, HBsAb (anti-HBs),HBcAg, HBcAb (anti-HBc), HBeAg และ anti-HBe โดยถา้ ตรวจพบ HBsAg แสดงว่ามกี ารติดเช้อื และถา้ ตรวจพบ HBeAg ร่วมดว้ ยจะมี โอกาสแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผอู้ นื่ รวมท้ังทารกได้สงู
โรคตดิ เชื้อร่วมกบั การตัง้ ครรภ์ ตับอักเสบ บี การแปลผลการตรวจเลือดหาไวรัสตบั อกั เสบบี การตรวจ ผลการตรวจ การแปลผล HBsAg Anti-HBc Negative ไม่มีภมู ติ า้ นทาน มีโอกาสติดเช้ือไดง้ า่ ย anti-HBs HBsAg Negative Anti-HBc anti-HBs negative HBsAg Anti-HBc Negative มภี ูมติ า้ นทานจากการตดิ เชื้อตามธรรมชาติ anti-HBs Positive Positive Negative มีภมู ิตา้ นทานจากการไดร้ บั วคั ซนี Negative Positive
ตับอกั เสบ บี โรคตดิ เช้อื ร่วมกับการตงั้ ครรภ์ ตารางแสดงการตรวจหาแอนตเิ จนและแอนติบอดีเพื่อดูระยะการติดเชอื้ การตรวจพบ HBsAg HBeAg anti-HBs anti-HBe Anti-HBc ผล เฉยี บพลนั + + - - +/- เร้อื รงั + - - + + เคยติดเชือ้ มากอ่ น - - +/- +/- + เคยได้รบั วัคซีนมากอ่ น - -+ - -
โรคติดเช้ือร่วมกับการต้ังครรภ์ ตบั อกั เสบ บี ผลของการตง้ั ครรภ์ตอ่ โรคไวรสั ตับอกั เสบ บี โดยท่ัวไปการต้งั ครรภ์ไมม่ ผี ลตอ่ โรค ผลกระทบ ตอ่ มารดา: -การดาเนนิ ของโรคไม่แตกต่างจากคนที่ไม่ไดต้ งั้ ครรภ์ -ถา้ เปน็ แบบเฉียบพลันและรนุ แรง อาจทาใหแ้ ทง้ คลอดก่อนกาหนด และทารกตายในครรภ์ ต่อทารก: -ตดิ เช้ือไวรัสตับอกั เสบ บี จากมารดา -ทารกคลอดก่อนกาหนด ทารกมนี า้ หนักตัวนอ้ ย ทารกเสียชวี ิตเมื่อแรกคลอด
ตับอกั เสบ บี โรคติดเชือ้ ร่วมกบั การตงั้ ครรภ์ แนวทางการรักษา 1.ระยะตัง้ ครรภ์ สตรตี ง้ั ครรภท์ ุกรายตอ้ งได้รบั การตรวจคัดกรองการตดิ เช้ือไวรสั ตับอักเสบ บี 2.ระยะคลอด ระยะน้ีเป็นระยะทท่ี ารกจะติดเชอ้ื จากผูค้ ลอดโดยตรง คอื การสมั ผัสส่งิ คดั หลง่ั จากปาก มดลูก ช่องคลอด การดแู ลระยะนี้ คอื หลีกเลี่ยงการเจาะถุงนา้ ครา่ เจาะเลือด การตรวจทางชอ่ งคลอด การตรวจทางทวารหนัก 3.ระยะหลังคลอด ทารกทค่ี ลอดจากมารดาทเ่ี ปน็ พาหะหรอื ติดเช้ือไวรัสตับอักเสบ บี ให้ภูมิคุ้มกัน HBIC และวัคซนี HBV
ตบั อกั เสบ บี โรคตดิ เชือ้ รว่ มกบั การตงั้ ครรภ์ การให้วคั ซีน การตรวจ ผลจากมารดา วคั ซนี เวลาทใ่ี ห้ HBsAg negative HBV 0.5 ml. MI vastus lateralis 0 (กอ่ นกลับบา้ น), 2, 6 เดอื น HBsAg ภายใน 12 ชว่ั โมงแรกคลอด HBsAg ไมม่ ผี ล HBV 0.5 ml. MI vastus lateralis เรว็ ทสี่ ดุ หลังอาบน้าทารก ภายใน 12 ชั่วโมงแรกคลอด 0 (เรว็ ที่สดุ หลังอาบนา้ ทารกภายใน 12 ชั่วโมง), 1, 6 Positive HBIG 0.5 ml. MI vastus lateralis HBV 0.5 ml. MI vastus lateralis
ตบั อกั เสบ บี โรคตดิ เชื้อร่วมกบั การต้ังครรภ์ การพยาบาล ระยะตง้ั ครรภ์ -พกั ผ่อนใหเ้ ต็มท่ี ทานอาหารทม่ี ีโปรตนี สูง ไขมันนอ้ ย ดืม่ น้ามากๆงดเคร่ืองดืม่ ท่ีมแี อลกอฮอล์ ออกกาลงั กาย สมา่ เสมอ -ป้องกนั การแพร่กระจายเช้ือ สวมถงุ ยางอนามยั เม่อื ร่วมเพศ -ให้บุคคลในครอบครวั มาตรวจเลือด -หากมีอาการตับอักเสบเฉยี บพลนั คลนื่ ไส้ อาเจยี น อาจทาใหเ้ กิดการขาดน้า ควรดแู ลใหไ้ ดร้ บั สารนา้ อย่าง เพยี งพอ
ตบั อักเสบ บี โรคติดเชือ้ รว่ มกับการตงั้ ครรภ์ การพยาบาล ระยะคลอด -ทาคลอดในห้องแยก (ถ้าทาได้) -แยกของใช้ไมป่ ะปนกบั ผู้คลอดรายอ่นื -suction ในปาก และจมูก ใหเ้ รว็ และมากที่สดุ ระวงั ทารกกลนื เลือด และนา้ คร่า -อาบนา้ ทาความสะอาดทารก ไมจ่ าเป็นต้องแยกทารกจากทารกอืน่ -ก่อนฉีดยา หรือทาหัตถการใด ควรทาความสะอาดรา่ งกายทารกใหส้ ะอาด
โรคตดิ เช้ือรว่ มกับการตงั้ ครรภ์ ตับอกั เสบ บี การพยาบาล ระยะหลังคลอด -รบั ประทานอาหารย่อยง่าย โปรตีนสงู ไขมนั ตา่ พกั ผ่อนใหเ้ พียงพอ ออกกาลังกาย ทางานได้ตามปกติ - เลี้ยงบุตรดว้ ยนมมารดาได้ หากไม่มหี วั นมแตก เป็นแผล - ให้ภูมิตา้ นทาน HBIG (passive immunization) , ให้วัคซีน เชน่ HB Vax, Engeric B เป็นตน้ (active immunization) ให้พร้อมกับHBIG ใหม้ ารดามาตรวจหลงั คลอด 4-6 สัปดาหห์ ลังคลอด
อสี ุกอใี ส โรคตดิ เชอ้ื ร่วมกับการต้ังครรภ์ -โรคสกุ ใส หรอื อสี กุ อีใส (Chicken pox) เกิดจากการติดเชอ้ื ไวรสั ทม่ี ชี ือ่ วา่ ไวรัสวาริเซลลา (varicella virus) ตดิ ตอ่ โดยการหายใจเอาเชือ้ ไวรัสทแี่ พรก่ ระจายอยูใ่ นอากาศ -โรคสกุ ใสเกิดข้นึ ตัง้ แต่แรกคลอด จะเรียกวา่ congenital varicella syndrome ซงึ่ เกดิ จากการติด เชื้อตงั้ แต่อยู่ในครรภ์ จากการท่ีมารดาติดเชื้อไวรสั สกุ ใสขณะตงั้ ครรภ์ ซง่ึ จะมผี ลตอ่ ความพกิ ารของ ทารกในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตดิ เช้ือในช่วง 3 เดอื น ของการต้ังครรภ์ ซ่งึ จะสง่ ผลทาใหเ้ กิด ความพกิ ารของทารกในครรภไ์ ดส้ ูง
โรคติดเชอ้ื รว่ มกบั การต้งั ครรภ์ อีสกุ อีใส เช้อื จะอยูใ่ นละออง นา้ มกู นา้ ลาย เสมหะ และน้าในตุ่มใสพองใส แพร่ไดท้ ั้งแบบ airbone, droplet และ contact ช่องทางการตดิ ต่อ -เชือ้ โรคสามารถผา่ นทางรก จากแมส่ ูล่ ูก -หลงั คลอด ไม่จาเปน็ ต้องงดนมแม่ ให้บีบนา้ นมแม่ การวนิ จิ ฉยั -การตรวจรา่ งกาย -ตรวจเลอื ดดเู ชอ้ื สุกใส หรือดภู ูมติ ้านทาน -เอาเนอ้ื เย่ือในตุ่มใสมาสอ่ งดู เพื่อหาลกั ษณะเฉพาะของเช้ือสกุ ใสได้
โรคติดเช้อื รว่ มกบั การตั้งครรภ์ อีสกุ อใี ส ผลกระทบ -มีความเสีย่ งพอๆ กันในทุกไตรมาสของการตง้ั ครรภ์ -แต่การตดิ เชื้อในไตรมาสแรกจะมคี วามรนุ แรงท่สี ุด เน่อื งจากเชื้อโรคผ่านรกในชว่ งของการสร้างอวัยวะ จึงอาจเกิดผลกระทบทาให้สมองฝ่อ มีความผิดปกตขิ องกระดกู ขาและผิวหนังได้ ถา้ มีการติดเชอื้ สุกใสในหญิงตง้ั ครรภร์ ะยะสามเดอื นแรก อาจทาใหท้ ารกในครรภ์พิการได้ นอกจากนห้ี ญิงตง้ั ครรภท์ ี่เปน็ สุกใสในระยะก่อนคลอด 5 วันหรอื หลังคลอด 2 วัน ทารกทเ่ี กิดมาอาจเปน็ สุกใสชนดิ รุนแรงได้ ทม่ี า:https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=1090
โรคตดิ เชือ้ รว่ มกบั การตง้ั ครรภ์ อสี ุกอใี ส การรักษา -ในมารดาที่ยงั ไม่มภี ูมคิ มุ้ กัน และตดิ เชอื้ อีสุกอใี ส ควรได้รับอมิ มโู นโกลบลู นิ (VZIG) ทนั ทีหลงั สมั ผัสเชอื้ ซ่งึ VZIG จะมปี ระสทิ ธภิ าพสูงสดุ ถา้ ได้รบั ภายใน 72 ชัว่ โมง หลังสมั ผสั เชื้อ -ในทารกที่คลอดจากมารดาทต่ี ิดเชอ้ื 5 วัน กอ่ นคลอด ถึง 2 วันหลงั คลอด รวมถึงทารกทีค่ ลอดก่อนอายุ ครรภ์ 28 สปั ดาห์ หรือ น้าหนักนอ้ ยกว่า 1,000 กรมั ถอื เป็นกลมุ่ เสี่ยง ควรได้รับ VZIG (125 iu. IM) หรือ IVIG (400 มก./กก.) ทนั ทีหลังคลอด กรณีทไี่ มส่ ามารถปอ้ งกนั การเกิดโรคได้ ใหร้ กั ษาด้วย acyclovir (80 มก./กก./วัน) ต่อ -ในกรณีไม่สามารถให้ VZIG หรอื IVIG ใหเ้ ฝ้าสงั เกตอาการ เมอ่ื เรมิ่ มีไข้ ผนื่ ขน้ึ มารบี ให้ยา acyclovir ทนั ที
โรคตดิ เชื้อรว่ มกับการตง้ั ครรภ์ อีสุกอีใส การดูแล -หลีกเลย่ี งการใช้ยาแอสไพรนิ เพราะอาจทาให้เกดิ ภาวะแทรกซ้อนทอี่ นั ตรายได้ -ถ้ามีไข้ ใหใ้ ช้ยา Paracetamol
โรคตดิ เช้ือร่วมกบั การตงั้ ครรภ์ อีสุกอีใส การป้องกัน -ควรใหว้ คั ซนี ป้องกันโรคไข้อสี ุกอใี ส แก่หญิงวยั เจริญพนั ธุ์ทุกรายท่ีไมม่ ภี ูมิ โดยให้ 2 เข็ม ห่างกัน 4 – 8 สัปดาห์ และตอ้ งใหก้ อ่ นการตั้งครรภ์อยา่ งนอ้ ย 28 วัน -หากใหก้ ่อนตงั้ ครรภ์ไม่ได้ ควรใหห้ ลังคลอดกอ่ นจาหน่ายออกจากโรงพยาบาล และอกี 1 เขม็ ห่างกัน 4 - 8 สปั ดาห์ โดยสามารถใหน้ มบตุ รไดอ้ ยา่ งปลอดภัย -วคั ซีนป้องกนั โรคอสี กุ อใี สถอื เปน็ ข้อห้ามสาหรบั หญงิ ต้งั ครรภเ์ ชน่ เดียวกับวัคซนี หัดเยอรมัน คางทมู แตถ่ า้ ไดร้ ับ ระหว่างตงั้ ครรภ์ หรือกอ่ นต้ังครรภ์ 28 วนั พบวา่ โอกาสเกดิ ความผิดตอ่ ทารกในครรภน์ อ้ ยมาก จึงไม่เป็นขอ้ บ่งชี้ใน การยุตกิ ารต้งั ครรภ์
Search