ความรู้พนื ฐาน เกยี วกบั การ ดูแลรกั ษาผา้
คํานํา หนงั สอื เล่มนเี ปนสว่ นหนงึ ของวชิ า การจดั การงานแมบ่ า้ นโรงแรม โดย เปนการรวบรวมขอ้ มูลความรูเ้ รอื ง ความรูพ้ นื ฐานเกียวกับการดแู ลรกั ษาผา้ ในเรอื ง วธิ กี ารดแู ลเสน้ ใยผา้ วธิ กี ารขจดั รอยเปอนบนเสอื ผา้ และสญั ลักษณท์ ี ติดกับเสอื ผา้ โดยผจู้ ดั ทําหวงั เปนอยา่ งยงิ วา่ การจดั ทําขอ้ มูลครงั นีจะเปน ประโยชนแ์ ก่ผทู้ ีสนใจจะศึกษาหาความรูเ้ กียวกับเรอื งนี หากมขี อ้ ผดิ พลาดประการใด ขออภัยมา ณ ทีนดี ้วย ผจู้ ดั ทํา ทวย ลงุ มาศ ก
สารบญั หน้า เรอื ง ก ข คํานาํ สารบญั 1-7 บทที 1 วธิ กี ารดแู ลเสน้ ใยผา้ 8-19 บทที 2 วธิ กี ารขจดั รอยเปอนบนเสอื ผา้ 20-24 บทที 3 สญั ลักษณต์ ิดทีกับเสอื ผา้ 25 บรรณานกุ รม ประวตั ิผจู้ ดั ทํา 26 ข
บทที 1 วิธกี ารดูแลเสน้ ใยผา้
ชนิดของเสน้ ใยผา้ ชนดิ ของผา้ และคณุ ลักษณะของเนอื ผา้ โดยผา้ ทีเราเหน็ ตามท้องตลาด ทัวไปมหี ลายชนดิ และหลายประเภทมากซงึ ถ้าแบง่ เนอื ผา้ ตามชนดิ ของเสน้ ใย ก็สามารถแบง่ ออกได้ 3 ประเภท คือ เสน้ ใยธรรมชาติ (Natural Fiber) เสน้ ใยสงั เคราะหจ์ ากสารเคมี (Chemical Synthetic Fiber) และเสน้ ใย สงั เคราะหจ์ ากวสั ดธุ รรมชาติ (Natural Synthetic Fiber) ไปดกู ันเลยวา่ เสน้ ใย 3 ชนดิ นี มคี วามแตกต่างกันอยา่ งไรบา้ ง 1.เสน้ ใยธรรมชาติ (Natural Fiber) คือ เสน้ ใยทีมอี ยูใ่ นธรรมชาติ เชน่ ผา้ ฝายผลิตจากปุยฝายซงึ เปนสว่ นที หอ่ หมุ้ เมล็ดฝาย โดยผา้ แต่ละชนดิ มคี ณุ สมบตั ิและวธิ กี ารดแู ลรกั ษา ดังนี 1.1 เสน้ ใยฝาย (Cotton) ผลิตมาจากเสย้ ใยของต้นฝาย ทีมกี ระบวนการผลิตคือการนาํ เสน้ ใย ของปุยฝายมาปนจนเกิดเปนเสน้ ด้าย คณุ สมบตั ิ จะมคี วามบางเบา สวมใสส่ บาย แต่จะรดี ยาก มคี วามหด ยว้ ย แต่ในปจจุบนั มกี ารพฒั นาใหเ้ สน้ ด้ายมปี ระสทิ ธภิ าพทีดีมากขนึ ใน การผลิตเปนเสอื ผา้ วธิ กี ารดแู ลรกั ษา สามารถซกั กับเครอื งหรอื จะซกั ด้วยมอื ก็ได้ และยงั สามารถรดี โดยใชค้ วามรอ้ นทีอุณหภมู สิ งู ได้ ขอ้ ควรระวงั ผา้ ชนดิ นสี ามารถขนึ ราได้ 2
1.2 เสน้ ใยไหม (Silk) ผา้ ชนดิ นผี ลิตมาจากใยไหม ซงึ มาจากโปรตีนของรงั ไหม แล้วนาํ มาปน ใหเ้ กิดเปนเสน้ ด้าย เหมอื นกับผา้ ฝาย คณุ สมบตั ิ ผา้ ไหมใหส้ มั ผสั ทีนมุ่ สบาย เงางาม ดดู ความชนื ได้ดี ปรบั ตัว ได้ในอุณหภมู ทิ ีเปลียนแปลง และสามารถคงสภาพของผา้ ไวไ้ ด้ดี วธิ กี ารดแู ลรกั ษา ต้องดแู ลเปนพเิ ศษนดิ นงึ เพราะเวลาซกั ถ้าหากใชผ้ ง ซกั ฟอกทีมกี รดแรงจะทําลายเนอื ผา้ ได้ ดังนนั จงึ ควรซกั ด้วยผงซกั ฟอก ทีมฤี ทธอิ ่อนเท่านนั 1.3 เสน้ ใยลินนิ (Linen) เสน้ ใยลินนิ เปนเสน้ ใยธรรมชาติทีมคี วามแขง็ แรง คงทนมากทีสดุ แต่ ผา้ ลินนิ จะยบั ได้ง่ายมากและเวลารดี ก็จะเรยี บได้ยาก แต่ปจจุบนั มกี าร พฒั นาทําใหเ้ สอื ผา้ ทีผลิตจากผา้ ลินนิ รดี ได้เรยี บง่ายขนึ ผา้ ลินนิ สามารถ ใชอ้ ุณภมู สิ งู ในการซกั รดี ได้ คณุ สมบตั ิ มคี วามมนั เงาสวยงาม ผวิ จะเรยี บแขง็ สามารถดดู ซมึ นําได้ ดี ซงึ เสน้ ใยลินนิ ได้ผลิตมาจากต้นแฟล็กซ์ (Flex) โดยนาํ มาปนแล้ว ถักทอจนเกิดเปนผนื ผา้ ลินนิ วธิ กี ารดแู ลรกั ษา คล้ายกับผา้ ฝาย ควรมว้ นผา้ ลินนิ เพราะถ้าเกิดพบั ผา้ อาจจะทําใหเ้ สน้ ด้ายเสยี หายหรอื หกั ได้และจะทําใหผ้ า้ เสยี ทรง 3
1.4 เสน้ ใยขนสตั ว์ (Wool) เสน้ ใยขนสตั ว์ ผา้ ขนสตั วท์ ีนยิ มเอามาทําผา้ ทีสดุ คือ ขนแกะ นาํ มาปน จนเกิดเปนเสน้ ด้าย แล้วเอาไปถักทอจนเปนผนื ผา้ สว่ มมากจะนยิ มนาํ ไปทําเสอื กันหนาว คณุ สมบตั ิของผา้ ขนสตั ว์ คือสามารถดดู ความรอ้ น ถ่ายเทความชนื ได้ดี และทําใหข้ ณะทีเราสวมใสร่ ูส้ กึ อบอุ่นรา่ งกาย วธิ กี ารดแู ลรกั ษา ควรซกั แหง้ มากกวา่ เนอื งจากเวลาผา้ ขนสตั วเ์ ปยก จะหดตัวมาก เมอื ซกั เสรจ็ ควรเก็บไวใ้ นถงุ พลาสติก เพอื ปองกันมอด 2. เสน้ ใยสงั เคราะหจ์ ากสารเคมี (Chemical Synthetic Fiber) คือ เสน้ ใยทีมนษุ ยส์ งั เคราะหข์ นึ จากสารเคมแี ล้วผลิตเปนผนื ผา้ เสน้ ใยสงั เคราะหแ์ ต่ละชนดิ มคี ณุ สมบตั ิและวธิ กี ารดแู ลรกั ษา ดังนี 2.1 ผา้ โพลีเอสเตอร์ (Polyester) ผา้ โพลีเอสเตอรม์ คี ณุ สมบตั ิทีคล้ายกับผา้ คอตตอนหรอื ผา้ ฝายเปน อยา่ งมากและยงั ใชม้ ากในวงการอุตสาหกรรมเสอื ผา้ คณุ สมบตั ิ เปนเสน้ ใยทีมคี วามยาวนมุ่ เงามนั เบาบาง ยบั ยาก แต่ สามารถดดู ความชนื ได้น้อยและเมอื ใสไ่ ปนานๆ เนอื ผา้ จะเปนขุยได้ วธิ กี ารดแู ลรกั ษา สามารถใชผ้ งซกั ฟอกซกั ตามปกติได้ จะเปนผา้ ประเภท Wash and Wear คือ รดี เพยี งเล็กน้อย หรอื ไมจ่ าํ เปน ต้องรดี 4
2.2 ผา้ ไนลอน (Nylon) โดยสว่ นมากผา้ ไนลอนจะไมค่ ่อยนยิ มนาํ มาผลิตเปนเสอื ผา้ เพราะเวลา สวมใสจ่ ะไมค่ ่อยสบายตัวเท่าไหร่ แต่ถ้าหากนาํ มาผลิตเปนเสอื ผา้ ก็จะมี ราคาทีไมส่ งู สว่ นมากจะผลิตเปนกระเปา รม่ ถงุ ผา้ ไนลอนมากกวา่ คณุ สมบตั ิของผา้ ไนลอนมคี วามแขง็ แรง ทนทานมาก ไมย่ บั ง่ายและ เนอื ผา้ สามารถทรงตัวได้ดี ทนต่อเชอื รา วธิ กี ารดแู ลรกั ษา สามารถใชผ้ งซกั ฟอกซกั ตามปกติได้ 2.3 ผา้ สแปนเด็กซ์ (Spandex) ผา้ สแปนเด็กซม์ ลี ักษณะยดื หยุน่ มากๆ เชน่ กางเกงเลกกิงหรอื เสอื ที ผา้ ทีมคี วามยดื หยุน่ คณุ สมบตั ิ คือ มคี วามยดื หยุน่ สงู มาก เมอื ยดื ออกแล้วปล่อยกลับก็จะ คงอยูใ่ นรูปทรงเดิม และมนี าํ หนกั ทีเบาสบาย วธิ กี ารดแู ลรกั ษา ซกั ทําความสะอาดด้วยสารทําความสะอาดได้ทกุ ชนดิ ไมค่ วรใหถ้ กู แสงแดดจดั และไมจ่ าํ เปนต้องรดี 5
3. เสน้ ใยสงั เคราะหจ์ ากวสั ดธุ รรมชาติ (Natural Synthetic Fiber) เปนเสน้ ใยผสมระหวา่ งใยธรรมชาติและใยสงั เคราะหห์ รอื นาํ เอาเสน้ ใย ธรรมชาติมาดัดแปลงด้วยวธิ ที างเคมี เสน้ ใยสงั เคราะหจ์ ากวสั ดธุ รรมชาติ แต่ละชนดิ มคี ณุ สมบตั ิและวธิ กี ารดแู ลรกั ษา ดังนี 3.1 ผา้ เรยอน (Rayon) ผา้ เรยอนไมไ่ ด้ผลิตมาจากเสน้ ใยสงั เคราะหส์ ารเคมี แต่ผลิตมาจากวสั ดุ ธรรมชาติ ได้ผา่ นกระบวนการทางเคมี ถักทอจนเกิดเปนผนื ผา้ เรยอน คณุ สมบตั ิ เหมอื นกับผา้ ฝายคือเนอื ผา้ นมุ่ มนั เงา และสามารถระบาย ความรอ้ นได้ สว่ นมากนยิ มมาใชท้ ดแทนเสอื ผา้ ทีผลิตจากผา้ ฝายเพอื ลดต้นทนุ การผลิต ราคาถกู กวา่ วธิ กี ารดแู ลรกั ษา สามารถใชผ้ งซกั ฟอกซกั ตามปกติได้ 3.2 ผา้ ซวี ซี ี (CVC) (คือ ผา้ ทีมสี ว่ นผสมของใยฝาย 70 % และ ใยโพลีเอสเตอร์ 30 %) คณุ สมบตั ิ ผา้ ไมห่ ดตัว ใชต้ ัดเยบ็ เสอื ผา้ แทนผา้ ฝายและมคี วามทนทาน กวา่ ผา้ ฝาย วธิ กี ารดแู ลรกั ษา สามารถใชผ้ งซกั ฟอกซกั ตามปกติได้ 6
3.3 ผา้ ทีซี (TC) (คือ ผา้ ทีมสี ว่ นผสมของใยฝาย 65 % และ ใยโพลีเอสเตอร์ 35 %) คณุ สมบตั ิ ซบั เหงือได้ดีกวา่ ผา้ โพลีเอสเตอรไ์ มย่ ดื ไมห่ ด ทนต่อ การซกั ด้วยเครอื งซกั ผา้ เนอื ผา้ ไมข่ นึ เมด็ ใชต้ ัดเสอื ผา้ ทัวไป วธิ กี ารดแู ลรกั ษา สามารถใชผ้ งซกั ฟอกซกั ตามปกติได้ 3.4 อซเิ ตท (Acetate) ผา้ เนอื นมุ่ เปนเงามนั สว่ นใหญใ่ ชท้ ําผา้ แพรต่วนมกั ผสมผา้ อซเิ ตท เขา้ กับเสน้ ใยอืน เพอื ลดต้นทนุ หรอื เพมิ คณุ สมบตั ิของเสน้ ใย เชน่ ผสมกับเรยอน ทําใหย้ บั น้อยลง เหนยี ว คงทนขนึ ผา้ รกั ษารูปทรง ได้ดีขนึ รดี ใหเ้ รยี บได้ง่ายขนึ คณุ สมบตั ิคล้ายใยสงั เคราะหจ์ ากสารเคมี ไมย่ บั ไมห่ ด วธิ กี ารดแู ลรกั ษา สามารถใชผ้ งซกั ฟอกซกั ตามปกติได้ รดี ใหเ้ รยี บ ได้ง่ายแต่ต้องใชอ้ ุณหภมู ติ ําเพราะไมท่ นความรอ้ น ขอ้ ควรระวงั ถกู ความรอ้ นสงู จะละลาย ละลายใน Acetone และ ยาล้างเล็บ 7
บทที 2 วธิ ีการขจดั รอยเปอน บนเสอื ผา้
การขจัดรอยเปอนบนเสือผ้า การขจดั รอยเปอนบนเสอื ผา้ เปนการทําผา้ ใหส้ ะอาดก่อน โดยเฉพาะผา้ ที สกปรกหรอื เปอนเฉพาะจุดใหส้ ะอาดก่อนการซกั สาํ หรบั การขจดั รอยเปอนควร พจิ ราณาวา่ รอยเปอนนนั เปนรอยเปอนทีเกิดจากอาหารหรอื คราบไหม้ คราบสนทิ ฯลฯ และควรเลือกใชส้ ารใหถ้ กู ต้องตามชนดิ ของรอยเปอนนนั ๆ ด้วย นอกจากนี การขจดั รอยเปอนนนั ควรคํานงึ ถึงชนดิ ของผา้ เพราะวา่ เสอื ผา้ บางชนดิ เมอื ถกู สารเคมอี าจทําใหเ้ นอื ผา้ เสยี หายหรอื ขาดได้ ในขนั แรกควรทดสอบกับผา้ สว่ นทีอยู่ ด้านในก่อน เชน่ ตะเขบ็ รอยพบั เมอื แนใ่ จวา่ สารลบรอยเปอนทีใชจ้ ะไมท่ ําใหผ้ า้ เสยี หาย การขจดั รอยเปอนนนั ทําโดยการขยอี ยา่ งเบาๆ และใชส้ ารอยา่ งเจอื จาง หลายครงั ดีกวา่ การทําครงั เดียวและควรขจดั อยา่ งระมดั ระวงั รอยเปอนบนเสอื ผา้ ทีพบเรามกั เหน็ กันอยูบ่ อ่ ยๆ ในชวี ติ ประจาํ วนั มดี ังนี 1. รอยเปอนชอล์คเขยี นผา้ วธิ กี าร นาํ ผา้ ทีเปอนไปแชใ่ นนาํ สบูอ่ ่อนๆ หรอื นาํ ผสมผงซกั ฟอก ก่อนนาํ ผา้ ไปซกั โดยเน้นขยตี ามแนวรอยเปอนจนกวา่ รอยจะออก หรอื โรยผงซกั ฟอกทิงไวต้ าม แนวรอยเปอนก่อนนาํ ผา้ ไปซกั 9
2. คราบจากเตารดี ไหม้ วธิ กี าร ใหน้ าํ หวั หอมไปถบู รเิ วณทีมคี ราบ ทิงไวซ้ กั พกั แล้วล้างนาํ ออก 3. รอยเปอนนาํ ผลไม้ วธิ กี าร นาํ ผา้ ทีเปอนไปขงึ ใหต้ ึงบนปากกะละมงั เทนาํ เดือดลงบนรอยเปอน แล้วจงึ นาํ ผา้ ไปซกั ตามปกติ 4. รอยเปอนกาว วธิ กี าร ใชน้ าํ สม้ สายชูเชด็ ทีรอยเปอน นาํ มาแชใ่ นนาํ เยน็ แล้วซกั ตามปกติ 10
5. คราบนาํ ชา วธิ กี าร รบี เทนาํ เดือดลงบนรอยเปอนบนผา้ ทีเพงิ เปอนจนรอยจางลง จากนนั นาํ ไปซกั ในนาํ อุ่นกับสบู่ ถ้ายงั ไมอ่ อกใหใ้ ชน้ าํ ยาฟอกขาวเชด็ แล้ว นาํ ไปซกั 6. รอยเปอนกาแฟ วธิ กี าร ใชแ้ ปงขา้ วเจ้าถบู รเิ วณรอยเปอน แล้วจงึ นาํ ไปซกั ตามปกติ 7. รอยเปอนนาํ หมกึ วธิ กี าร ก่อนซกั ใหน้ าํ เกลือปนโรยตรงรอยเปอนบบี นาํ มะนาวลงไปใหช้ ุม่ จากนนั ผงึ แดดไวค้ รงึ วนั จงึ ค่อยนาํ ไปซกั 11
8. รอยเปอนสโี ปสเตอร์ วธิ กี าร ผสมแอมโมเนยี เขา้ กับนาํ สะอาดเล็กน้อย จากนนั นาํ เสอื ทีเปอน สโี ปสเตอรแ์ ชท่ ิงไวป้ ระมาณ 30 นาที เมอื สเี รมิ หลดุ ออกไปจนหมด แล้วนาํ ไปซกั ได้ตามปกติ 9. รอยเปอนชอ็ กโกแลต วธิ กี าร รบี นาํ ผา้ ทีเปอนไปแชน่ าํ อุ่นทันทีทีเปอน อาจใชน้ าํ ยาขจดั คราบ ชว่ ยด้วย จากนนั นาํ ไปซกั ตามปกติ 10. รอยเปอนดินสอ วธิ กี าร ใชย้ าสฟี นปายลงบนรอยดินสอแล้วขยี 12
11. รอยเปอนสเี มจกิ วธิ กี าร ใชผ้ า้ สะอาดชุบกับนาํ มนั สน แล้วนาํ ไปเชด็ ถลู งบนบรเิ วณทีมคี ราบสเี มจิก ติดอยู่ เมอื สเี รมิ ละลายหายไปแล้ว ก็นาํ เสอื ผา้ ไปซกั ตามปกติ 12. คราบเหงือไคล วธิ กี าร ซกั ด้วยนาํ ผสมนาํ สม้ สายชูเล็กน้อย หรอื นาํ มะนาวละลายกับยาแก้ปวด 2 เมด็ ลงในนาํ แชผ่ า้ ไวส้ กั ครู่ จงึ ค่อยซกั ตามปกติ 13. รอยเปอนลิปสติก วธิ กี าร ใชม้ นั เปลวหมูทาตรงรอยเปอน แล้วจงึ ซกั ในนาํ สบูร่ อ้ นๆ หรอื ใชผ้ ง ซกั ฟอกโรยตรงรอยเปอน แล้วขยี จากนนั จงึ ซกั ตามปกติ อีกวธิ คี ือ ใชว้ าสลินถู ตรงรอยเปอน แล้วนาํ ไปซกั ตามปกติ 13
14. รอยเปอนเลือด วธิ กี าร นาํ นมขน้ หวานทาบรเิ วณรอยเปอนทิงไวส้ กั ครูแ่ ล้วนาํ ไปขยนี าํ ออก 15. รอยเปอนคราบเลือดจางๆ (คราบเก่า) วธิ กี าร ใชเ้ บกกิงโซดาผสมนาํ สกั เล็กน้อยจนขน้ นาํ ไปถเู บาๆ ตรงรอยเปอน เมอื แหง้ จงึ ปดฝุนออก 16. รอยเปอนคราบเลือดฝงแนน่ วธิ กี าร ใชฟ้ องนาํ จุม่ นาํ เยน็ ทีผสมเกลือจนชุม่ ถเู บาๆ จนรอยค่อยๆ จางลง แล้วใชน้ าํ เปล่าถอู ีกครงั สดุ ท้ายใชท้ ิชชูซบั นาํ ใหแ้ หง้ 14
17. รอยเปอนสนมิ วธิ กี าร นาํ ผา้ มาชุบนาํ ใหเ้ ปยกก่อน บบี นาํ มะนาวลงไปบนรอยเปอนทิงไว้ สกั ครู่ แล้วจงึ นาํ ไปซกั ตามปกติ 18. เปอนครมี เนย นาํ มนั วธิ กี าร นาํ แปงฝุนทาตัวมาโรย ใชก้ ระดาษทิชชู หรอื กระดาษบางอืนๆ วางทับแล้วนาํ เตารดี ทีรอ้ นพอสมควร วางทับบนกระดาษ จนแปงดดู คราบมนั ออกหมด จงึ นาํ ไปซกั 19. คราบโคลน วธิ กี าร ปล่อยใหโ้ คลนแหง้ แล้วใชแ้ ปรงปดออกจากนนั ซกั ด้วยนาํ เยน็ หลายๆ ครงั จนไมม่ นี าํ โคลนออกมา จงึ ซกั ด้วยผงซกั ฟอก 15
20. ผา้ ขาวทีออกสเี หลือง วธิ กี าร ใชเ้ ปลือกไขป่ นละเอียด ใสใ่ นกะละมงั ซกั ผา้ แชท่ ิงไวส้ กั ครู่ แล้วจงึ นาํ ไปซกั ตามปกติ 21. รอยเปอนยาแดง วธิ กี าร เชด็ รอยเปอนด้วยแอมโมเนยี หรอื ซกั ด้วยนาํ สม้ สายชูผสมนาํ 22. ผา้ ขนึ รา (เล็กน้อย) วธิ กี าร นาํ ผา้ ไปซกั ในนาํ สบูร่ อ้ นๆ หรอื บบี มะนาวลงไปตรงทีมรี าขนึ แล้วแช่ ผา้ ไวใ้ นผงซกั ฟอกสกั ครู่ แล้วจงึ ซกั ผา้ ตามปกติ 16
23. รอยเปอนยางกล้วย วธิ กี าร ใชม้ ะนาวทีฝานเปนชนิ บางๆ ถตู รงรอยเปอนทีเปนคราบดําแล้วรบี นาํ ไปซกั ทันที 24. รอยเปอนยาทาเล็บ วธิ กี าร ซบั ทีรอยเปอนด้วยนาํ ยาล้างเล็บ และเชด็ ด้วยผา้ ทีสะอาดจนรอย เปอนจางลงแล้วนาํ ไปซกั ทันที 25. รอยเปอนหมากฝรงั วธิ กี าร ขูดยางหมากฝรงั ออกด้วยสนั มดี เบา แล้วใชน้ าํ แขง็ ถเู พอื ใหย้ าง นนั แขง็ ตัว แล้วค่อยๆ แกะออก จากนนั ใชส้ าํ ลีชุบแอลกอฮอล์เชด็ นําไป ซกั ในนาํ สบูอ่ ่อนๆ 17
26. รอยเปอนไข่ วธิ กี าร ผสมนาํ ซกั ผา้ กับนาํ อุ่น แล้วนาํ ผา้ เปอนไปซกั 27. คราบนาํ ตาเทียน วธิ กี าร ใชก้ ้อนนาํ แขง็ ขูดเกล็ดเทียนออกใหม้ ากทีสดุ จากนนั จงึ ใชก้ ระดาษ ประกบบรเิ วณทีเปอนทัง 2 ด้าน แล้วใชเ้ ตารดี อุ่นๆ รดี ทับจนนาํ ตาเทียน ซมึ ออกมาติดกับกระดาษแล้วจงึ นาํ ผา้ ไปซกั ตามปกติ 28. รอยเปอนขผี งึ วธิ กี าร วางกระดาษซบั บนรอยเปอนแล้วกดด้วยเตารดี ทีรอ้ น เปลียน กระดาษจนกระทังไขทังหมดถกู ดดู ซบั ไปหมด สาํ หรบั ผา้ เนอื บางหรอื ผา้ ไหมใหใ้ ชก้ ระดาษทิชชูซบั แทนกระดาษธรรมดา และใชเ้ ตารดี ทีไมร่ อ้ นมาก 18
29. รอยเปอนสเี ทียน วธิ กี าร นาํ เสอื ผา้ ทีเปอนสไี ปขยดี ้วยนาํ เปล่า ใหส้ บี างสว่ นหลดุ ออกไปก่อน จากนนั ใหน้ าํ ยาสฟี นมาปายลงบนคราบ แล้วลงมอื ขยผี า้ หรอื จะใช้ แปรงสฟี นเก่าถบู รเิ วณทีเปอนสขี ยไี ปเรอื ย ๆ จนกวา่ สจี ะจางและหลดุ ออกไปในทีสดุ หลังจากนนั ก็นาํ ไปซกั ทําความสะอาดได้ตามปกติ 30. รอยเปอนสนี าํ มนั วธิ กี าร ใชท้ ิชชู หรอื ผา้ ชุบนาํ มนั เบนซนิ ถตู รงทีมรี อยสใี หส้ หี ลดุ ออกมาก ทีสดุ หลังจากนนั ใหใ้ ชผ้ า้ ชุบนาํ มนั สนเชด็ ออกอีกครงั เมอื คราบสหี ลดุ ออกหมดแล้ว ใหน้ าํ ไปซกั ด้วยผงซกั ฟอกตามปกติ 19
บทที 3 สัญลกั ษณ์ติดทกี ับ เสอื ผ้า
สญั ลักษณ์ตดิ ทีกับเสอื ผา้ เสอื ผา้ แต่ละชุดผลิตมาจากใยผา้ ต่างชนดิ กัน การดแู ลรกั ษา ยอ่ มแตกต่างกันไปด้วย โดยสญั ลักษณห์ รอื ปายเหล่านเี รยี กวา่ \" สญั ลักษณท์ ีอยูบ่ นเสอื ผา้ (Laundry Symbols) \" หรอื \" ปายทีอยูบ่ นเสอื ผา้ (Care Label) \" นอกจากปายดังกล่าวจะ บอกถึงขนาดเสอื ทีสวมใส่ และชนดิ ของผา้ ทีใชแ้ ล้ว ยงั บอกถึงการ ดแู ลรกั ษาเสอื ผา้ ตัวนนั ๆ อีกด้วย เพอื ทีจะถนอมเสอื ผา้ ใหใ้ ชง้ านได้ นานขนึ เสอื ผา้ บางรุน่ บางยหี อ้ จะมรี ายละเอียดของการดแู ลรกั ษา มาพรอ้ มสญั ลักษณน์ นั ๆ แต่บางตัว ก็จะมาแค่สญั ลักษณโ์ ล้นๆ สญั ลักษณส์ ากลทีอยูบ่ นเสอื ผา้ มดี ังนี หมายเหตุ : คําอธาิ ยรายละเอียดจากด้านซา้ ยไปด้านขวา 1. การซกั (Wash) ภาพแรกเปนสญั ลักษณว์ ธิ กี ารซกั สามารถซกั ด้วยเครอื งได้ สว่ น ภาพที 2 และ 3 หมายถึง สามารถซกั เครอื งได้ แต่ใหเ้ ลือกการซกั แบบถนอมผา้ โดยดจู ากขดี ทีกําหนด , ภาพที 4 หมายถึง ใหซ้ กั ด้วยมอื , ภาพที 5 คือ หา้ มซกั และสดุ ท้าย สญั ลักษณเ์ สอื ผา้ ที หา้ มบดิ 21
2. อุณหภมู ขิ องนาํ (Water Temperature) กล่มุ สญั ลักษณน์ ี เปนกล่มุ ทีบอกถึงอุณหภมู ขิ องนาํ ทีเหมาะสมในการซกั โดยใหด้ จู ากตัวเลขทีกําหนดมา โดยสว่ นใหญแ่ ล้วเสอื ผา้ ทีควรซกั ตาม อุณหภมู ติ ามทีกําหนดมา มกั จะมคี ณุ สมบตั ิทีใยผา้ ทํามาจากผา้ ฝายหรอื ผา้ ใยสงั เคราะหท์ ีทนต่อความรอ้ น หรอื การซกั ผา้ ทีต้องการทําความสะอาด มากเปนพเิ ศษอยา่ งผา้ เชด็ ตัวหรอื เครอื งนอน 3. การรดี ผา้ (Iron) สญั ลักษณก์ ล่มุ นเี ปนสญั ลักษณท์ ีแนะนาํ ความรอ้ นในการรดี โดยในภาพ 3 รูปแรกนนั หมายถึง การใชค้ วามรอ้ นในการรดี ผา้ ตังแต่ตําจนถึงสงู ตาม จุดทีเพมิ มากขนึ , สว่ นภาพที 4 Iorn หมายถึง สามารถรดี ได้ ภาพที 5 หมายถึง หา้ มรดี และภาพสดุ ท้ายคือ หา้ มรดี ้วยเตารดี ไอนาํ 22
4. การอบแหง้ โดยการตังค่าความรอ้ นและการตากแหง้ (Tumble Dry Heat Setting and Drying) สญั ลักษณน์ เี ปนกล่มุ ของการทําใหเ้ สอื ผา้ แหง้ ด้วยเครอื งซกั ผา้ ภาพ แรกคือ สามารถอบแหง้ ได้ , ภาพที 2-4 หมายถึง อบผา้ ใหแ้ หง้ โดย การเลือกใชค้ วามรอ้ นตําจนถึงสงู , สญั ลักษณ์ Dry Flat คือ ควร ตากแบบแนวราบและสญั ลักษณส์ ดุ ท้ายหมายถึง ควรตากในทีรม่ 5. การอบแหง้ และการตากผา้ (Tumble Dry Cycle and Drying) สญั ลักษณก์ ล่มุ นยี งั คงเปนเรอื งของการอบแหง้ และการตากผา้ ดังนี รูปแรกหมายถึง ไมอ่ บแหง้ หรอื ใชค้ วามรอ้ น, รูปที 2และ3 หมายถึง สามารถปนแหง้ ได้ แต่ควรดตู ามความละเอียดอ่อนของเสอื ผา้ ตามขดี ทีระบุไว้ , ภาพที 4 หมายถึง ใชไ้ มแ้ ขวนตาก , ภาพที 5 หมายถึง ตาก กับราวแขวนผา้ โดยไมต่ ้องใชไ้ มแ้ ขวน และภาพสดุ ท้าย คือหา้ มปนแหง้ 23
6. การซกั แหง้ ทัวไป (Dryclean - Normal Cycle) สญั ลักษณก์ ล่มุ นเี ปนสญั ลักษณท์ ีบง่ บอกถึงวธิ กี ารดแู ลในการซกั เชน่ กัน ภาพแรก คือ ซกั แบบรวดเรว็ , ภาพที2 คือ ซกั แบบการลด ความชนื จากผา้ ภาพที3 คือ ซกั ด้วยการใชค้ วามรอ้ นตํา, ภาพที 4 คือ หา้ มใชไ้ อนาํ ภาพที 5 คือหา้ มซกั แหง้ และสดุ ท้ายคือ หา้ มซกั นาํ (หรอื หมายถึงซกั แหง้ เท่านนั ) 7. การซกั แหง้ แบบเพมิ เติม (Dryclean - Additional Instructions) สญั ลักษณก์ ล่มุ นี หมายถึง การดแู ลทีเฉพาะเจาะจง โดยคําอธบิ าย ดังนี ภาพแรกคือ สามารถซกั แหง้ ด้วยสารละลายชนดิ ใดก็ได้ , ภาพที 2 คือ สามารถซกั แหง้ ด้วยสารละลายชนดิ ใดก็ได้ ยกเวน้ เตตระคลอโร เอทิลีน , ภาพที 3 คือ ใชส้ ารละลายปโตรเลียมเท่านนั , ภาพที 4 คือ ใหซ้ กั แบบเปยก , ภาพที 5 หา้ มใชน้ าํ ยาซกั ผา้ ขาวทีมสี ว่ นผสมของ คลอรนี และภาพสดุ ท้าย คือ หา้ มใชน้ าํ ยาซกั ผา้ ขาวทกุ ชนดิ 24
บรรณานกุ รม บรษิ ัท สมารท์ ปรนิ แฟบรคิ จาํ กัด.“ การดแู ลรกั ษาผา้ แต่ละชนดิ ” [ระบบออนไลน]์ แหล่งขอ้ มูล.shorturl.asia/F8k7O (สบื ค้นเมอื วนั ที 21 กรกฎาคม 2564) บา้ นและสวน.(2563).“ วธิ จี ดั การกับปญหาสเี ปอนเสอื จะเลอะสชี นดิ ไหนก็ ซกั ออก ”[ระบบออนไลน]์ แหล่งขอ้ มูล.shorturl.asia/H83vN (สบื ค้นเมอื วนั ที 21 กรกฎาคม 2564) ผ.ศ.ดนตรี จริ ภัทรพมิ ล.“ความรูเ้ บอื งต้นเกียวกับเสน้ ใยการดแู ลรกั ษา” [ระบบออนไลน]์ แหล่งขอ้ มูล.shorturl.asia/ydYim (สบื ค้นเมอื วนั ที 21 กรกฎาคม 2564) วรศิ รา ตะสถิตร และศิรพิ ร ชูแสง.“ประเภทของเสอื ผา้ และการดแู ลเสอื ผา้ ” [ระบบออนไลน]์ แหล่งขอ้ มูล.shorturl.asia/3F5yI (สบื ค้นเมอื วนั ที 22 กรกฎาคม 2564) โสรญา ทองหวั เตย.“ลักษณะเสอื ผา้ และการดแู ลรกั ษาเสอื ผา้ ” [ระบบออนไลน]์ แหล่งขอ้ มูล.shorturl.asia/noFw8 (สบื ค้นเมอื วนั ที 22 กรกฎาคม 2564) Alice.“เคล็ดลับการขจดั คราบเปอนของเนอื ผา้ ”[ระบบออนไลน]์ แหล่งขอ้ มูล.shorturl.asia/hOARU(สบื ค้นเมอื วนั ที 22 กรกฎาคม 2564) Kewrite.(2563).“คําอธบิ ายลักษณะบนปายเสอื ผา้ ยงิ ซอื เสอื ผา้ มาแพง ยงิ ต้องรู”้ [ระบบออนไลน]์ แหล่งขอ้ มูล.shorturl.asia/XPrh3 (สบื ค้นเมอื วนั ที 22 กรกฎาคม 2564) Nuchdanai Na Songkhla.(2563).“ชนดิ ของผา้ มอี ะไรบา้ งและมี คณุ ลักษณะของเนอื ผา้ ”[ระบบออนไลน]์ แหล่งขอ้ มูล.shorturl.asia/TPQBV (สบื ค้นเมอื วนั ที 22 กรกฎาคม 2564)
ประวตั ิผู้จัดทํา ชอื - สกลุ นางสาวทวย ลงุ มาศ สาขาวชิ า การโรงแรม ประเภทวชิ า อุตสาหกรรมท่องเทียว ประวตั ิสว่ นตัว เกิดวนั ที 26 ตลุ าคม 2545 อายุ 19 ป ทีอยู่ (ปจจุบนั ) บา้ นเลขที 118 หมู่ 7 ตําบล เชงิ ดอย อําเภอ ดอยสะเก็ด จงั หวดั เชยี งใหม่ รหสั ไปรษณยี ์ 50220 ประวตั ิการศึกษา ป พ.ศ. 2560 มธั ยมศึกษาตอนต้น โรงเรยี นบา้ นรอ้ งขเี หล็ก ป พ.ศ. 2563 ปวช. สาขาวชิ า การโรงแรม วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษา เชยี งใหม่ ป พ.ศ. 2564 กําลังศึกษาอยูร่ ะดับชนั ปวส.1 สาขาวชิ า การโรงแรม (ทวภิ าคี) วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษา เชยี งใหม่
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: