Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือติดต่อราชการ (สำหรับ e-book)

คู่มือติดต่อราชการ (สำหรับ e-book)

Published by sakc.coj, 2020-08-28 03:32:23

Description: คู่มือติดต่อราชการ (สำหรับ e-book)

Search

Read the Text Version

¤‹ÁÙ Í× µ´Ô µÍ‹ ÃÒª¡ÒÃÈÒÅ ©ºÑº»ÃЪҪ¹ จัดทําโดย : สวนบรกิ ารประชาชนและประชาสัมพันธ ศาลจงั หวดั สระแกว https://sakc.coj.go.th ติดตอ สอบถาม โทร 0 3742 5096-7 ตอ 105

สารบญั หนา้ เรอื ง 1. ขอ้ ควรรู้เกยี วกบั กฎหมายทวั ไป 2. การคุ้มครองสทิ ธเิสรภี าพในคดอี าญา 3. การปลอ่ ยชวั คราวและการบงั คบั คดผี ูป้ ระกนั 4. การไกลเ่ กลยี และการระงบั ขอ้ พพิ าท 5. ระบบสารสนเทศและการให้บรกิ ารประชาชน

¢ÍŒ ¤ÇÃÌÙà¡ÂÕè Ç¡ºÑ ¡®ËÁÒ·èÇÑ ä» ¤´ÕÍÒ­Ò ¤Í× ¤´Õ·èàÕ ¡´Ô ¢éÖ¹¨Ò¡¡ÒáÃзÒí ½Ò† ½¹„ ¢ÍŒ ˌÒÁ¢Í§¡®ËÁÒ·պè Ñ­­ÑµÔÇҋ ¡Òà ¡ÃзÒí ´Ñ§¡Å‹Òǹéѹ໹š ¤ÇÒÁ¼Ô´áÅÐÁºÕ ·Å§â·É ·Ò§ÍÒ­Òà¡èÂÕ Ç¡Ñº¤ÇÒÁ¼Ô´áÅÐâ·É «§èÖ ¡íÒ˹´äÇ㌠¹»ÃÐÁÇÅ¡®ËÁÒÂÍÒ­ÒáÅС®ËÁÒÂÍ×¹è «§Öè â·É ·Ò§ÍÒ­ÒÁÍÕ Â‹Ù 5 »ÃСÒäÍ× »ÃÐËÒêÇÕ Ôµ ¨Òí ¤¡Ø ¡¡Ñ ¢Ñ§ »ÃѺ áÅÐÃÔº·ÃÑ¾ÂÊ¹Ô â´Â¤´ÍÕ Ò­Òẋ§à»š¹ 2 »ÃÐàÀ· ¤×Í (1) ¤´ÕÍÒ­Ò·èÕÂÍÁ¤ÇÒÁäÁ‹ä´ËŒ ÃÍ× ¤´ÍÕ Ò­ÒἋ¹´Ô¹ ઋ¹ ¤´ÅÕ ¡Ñ ·ÃѾ ¤´©Õ ŒÍâ¡§»ÃЪҪ¹ ໚¹µŒ¹ (2) ¤´ÕÍÒ­Ò·èÕÂÍÁ¤ÇÒÁä´ËŒ Ã×ͤ´ÍÕ Ò­Ò¤ÇÒÁ¼´Ô µ‹ÍÊNj ¹µÇÑ àª‹¹ ¤´ÂÕ Ñ¡ÂÍ¡·ÃѾ ¤´©Õ ͌ â¡§ ໚¹µ¹Œ

â·É·âÒ·§ÍÉÒ­·ÒÒ§ÁÍÕ 5ҭʶÒÒ¹ 䴌ᡋ 1. »ÃÐËÒêÕÇÔµ â´Â¨íÒàŨж١´íÒà¹Ô¹¡ÒôŒÇ¡ÒéմÂÒËÃ×Í ÊÒþÉÔ ã˵Œ Ò 2. ¨íÒ¤¡Ø â´Â¨íÒàŨж١¨Í§¨Òí änjã¹àÃÍ× ¹¨íÒ ¡ÒäíҹdzÃÐÂÐàÇÅÒ ¨íҤء¨Ð¹ÑºÇѹàÃèÔÁ¨íҤءÃÇÁࢌҴŒÇ áÅйѺ໚¹ 1 ÇѹàµçÁ â´ÂäÁ‹ ¤Òí ¹Ö§¶Ö§¨íҹǹªèÑÇâÁ§ ¶ŒÒÃÐÂÐàÇÅÒ¨íҤء¡íÒ˹´à»š¹à´×͹ ¡ç¹Ñº 30 Çѹ໚¹ 1 à´×͹ ¶ŒÒ¡íÒ˹´à»š¹»‚¡ç¤íҹdzµÒÁ»‚»¯Ô·Ô¹ 㹡óշèÕ ¨íÒàŶ١µŒÍ§¢Ñ§Í‹١‹Í¹Çѹ·èÕÈÒÅÁÕ¤íÒ¾Ô¾Ò¡ÉÒ ãˌ¹íÒÁÒËÑ¡ÍÍ¡¨Ò¡ â·É¨íҤء´ÇŒ  3. ¡Ñ¡¢Ñ§ ¨íÒàŨж١¡Ñ¡¢Ñ§änjã¹Ê¶Ò¹·èÕ¡Ñ¡¢Ñ§«èÖ§¡íÒ˹´änj ᵋäÁ‹ãª‹ àÃ×͹¨íÒ 4. »ÃºÑ ¨íÒàŨеŒÍ§¹íÒà§Ô¹ÁÒªíÒÃФ‹Ò»ÃºÑ µÒÁ¤íÒ¾Ô¾Ò¡ÉҢͧÈÒÅ ËÒ¡¨íÒàÅÂäÁ‹ªíÒÃФ‹Ò»ÃѺµÒÁ¤íÒ¾Ô¾Ò¡ÉҨж١¡Ñ¡¢Ñ§á·¹¤‹Ò»ÃѺ â´Â¡Òáѡ¢Ñ§á·¹¤‹Ò»ÃѺ¨Ð¶×ÍÍѵÃÒ 500 ºÒ· µ‹ÍÇѹ áÅÐËÒ¡ ¨íÒàÅÂà¤Â¶¡Ù ¤ØÁ¢§Ñ ÁÒ¡‹Í¹äÁNj ҋ ¨Ð໚¹ª¹Ñé ÊͺÊǹËÃ×Í¢éѹÈÒÅ ÈÒÅ ¨Ð¹Òí Çѹ·è¨Õ íÒàŶ¡Ù ¤ÁØ ¢Ñ§ÁÒËÑ¡ÍÍ¡´ÇŒ  5. ÃºÔ ·ÃѾ ໹š â·É·¡Õè ÃзíÒᡋ·ÃѾ· èÕ¶¡Ù ÂÖ´äÇàŒ »¹š ¢Í§¡ÅÒ§

¤´áÕ ¾§‹ ¤×ͤ´Õ·èÕÁÕ¡ÒÃⵌጧÊÔ·¸Ô ËÃ×Í˹ŒÒ·Õè¢Í§ºØ¤¤ÅµÒÁ ¡®ËÁÒÂᾋ§ ઋ¹ ¡Òÿ‡Í§ãˌ¼ŒÙ¡ŒÙªíÒÃÐà§Ô¹µÒÁÊÑ­­Ò¡ÙŒ ËÃ×Í ¡Òÿ‡Í§ãˌ¼ÙŒ·íÒÅÐàÁÔ´ª´ãªŒ¤‹ÒàÊÕÂËÒÂ໚¹µŒ¹ ¨ÐàËç¹ä´ŒÇ‹Ò Çѵ¶Ø»ÃÐʧ¤¢Í§¡Òÿ‡Í§¤´Õᾋ§Á‹Ø§ãˌ¨íÒàŪíÒÃÐà§Ô¹ËÃ×Í ª´ãª¤Œ ҋ àÊÕÂËÒ ÁäÔ ´ŒÁ‹§Ø ¨Ðã˨Œ íÒàŵ͌ §¶¡Ù ŧâ·É ઋ¹ ¨Òí ¤¡Ø µÒÁ¡®ËÁÒÂÍÒ­Ò ¤´Õᾋ§ ¹Í¡¨Ò¡à»š¹àÃ×èͧ¾Ô¾Ò·¡Ñ¹´Ñ§¡Å‹ÒÇáÅŒÇ ÍÒ¨ ໚¹àÃ×èͧ·èÕ¡®ËÁÒ¡íÒ˹´ãˌºØ¤¤Å㪌ÊÔ·¸Ô·Ò§ÈÒÅà¾è×ÍÃѺÃͧ ¤ŒØÁ¤ÃͧÊÔ·¸Ô¢Í§µ¹ ઋ¹ ¡ÒÃÌͧ¢ÍãˌÈÒÅÁÕ¤íÒÊèѧáÊ´§ ¡ÃÃÁÊÔ·¸Ôìã¹·Õè´Ô¹ â´Â¡ÒäÃͺ¤Ãͧ»Ã»˜¡É«Öè§¶Í× à»š¹¤´ÕäÁ‹ÁÕ ¢ÍŒ ¾¾Ô Ò·

สทิ ธขิ องจาํ เลยเม่อื ถูกฟอ งคดตี อ ศาล 1. แตง ต้ังทนายความเพ่ือแกต างในชั้นไตสวนมลู ฟอง หรอื พิจารณาในศาลชน้ั ตน 2. ปรกึ ษาทนายความหรอื ผูทีจ่ ะเปนทนายความเปน การเฉพาะตวั 3. ตรวจดูสํานวนการไตส วนมลู ฟองหรอื พิจารณาของ ศาล คดั สาํ เนาหรอื ขอสาํ เนาท่ีมกี ารรบั รองวาถูกตอ ง โดยเสยี คา ธรรมเนียม 4. ตรวจดสู งิ่ ท่ยี นื่ เปนพยานหลักฐาน คัดสําเนาหรือ ถา ยรปู สิง่ นัน้ ๆ 5. ตรวจหรอื คดั สาํ เนาคาํ ใหก ารของตนในชั้นสอบสวน หรอื เอกสารประกอบคําใหการของตน 6. ย่นื คาํ รองขอปลอยช่วั คราวตอ ศาล 6. คดั คา นองคค ณะผูพ พิ ากษา

การเตรยี มตวั ไปศาลในฐานะจําเลยคดอี าญา 1. นาํ หมายนดั หรือหมายเรียก และสําเนาคาํ ฟอ งไปดวย 2. เตรียมสาํ เนาทะเบยี นบานและบัตรประจาํ ตวั ประชาชน 3. เตรยี มหลกั ทรพั ยเ พอ่ื ประกนั ตัว โดยใหสอบถาม ราคามาตรฐานกลางในการประกนั ตัวตอศาลน้ัน ๆ ไปกอ น 4. แตง กายใหส ุภาพเรียบรอย หมายเหตุ ควรปรึกษาและแตงต้ังทนายความ หากตอ งการจะตอสคู ดี

ขอ ควรปฏบิ ตั เิ มอื่ ถกู ฟองในคดอี าญา 1. เมอ่ื ถูกฟองเปน จําเลย ควรปรกึ ษาทนายความและแตงตั้งทนายความ เพ่อื วาความและดําเนินการทางศาลแทน 2. เมอ่ื จําเลยไดรับหมายเรยี กใหยน่ื คาํ ใหก าร จะตอ งยน่ื ใหก ารภาย กาํ หนดตามทีร่ ะบไุ วในหมายเรียก 3.การนบั ระยะเวลาย่ืนคาํ ใหก าร จะเร่มิ นับต้ังแตว นั ท่จี ําเลย ไดร บั หมายเรยี กและสําเนาคาํ ฟอ ง หรอื บุคคลอ่ืนท่ีอายเุ กิน 20 ป ซ่ึงอยใู นบา นหรือท่ีทาํ งานเดียวกบั จําเลย รบั หมายเรียกและสาํ เนา คาํ ฟอ งใหแกจาํ เลยดว ยการปด หมายเรียกและสาํ เนาคําฟอ งไว ท่ีบา นหรือที่ทํางานของจาํ เลย หรอื ประกาศโฆษณาทาง หนงั สือพมิ พ การนับระยะเวลาจะเร่ิมนบั เม่ือพน 15 วัน นบั แตว ัน ปดหรือวันประกาศโฆษณา ซ่ึงถาจําเลยไมส ามารถยนื่ คําใหการได โดยตอ งมเี หตุผลพเิ ศษอางเหตุท่ีขอขยายระยะเวลาน้ัน จากนัน้ จึง เปน ดลุ พินิจของศาลทีจ่ ะอนญุ าตหรือไมอ นญุ าต

4. เตรยี มหลกั ประกนั เพอื่ ย่นื คํารอ งขอปลอ ยช่ัวคราวตอศาล 5.จะตองมาศาลตามกําหนดนัด หากไมมาตามหมายเรียกหรือ หมายนดั โดยไมมีขอ แกต ัวอนั สมควรเปน เหตุใหศาลออกหมายจับได 6.หากมีขอสงสัยประการใดใหโทรศัพทสอบถามเจาหนาที่ของ ศาลทจี่ ําเลยถกู ฟองกอนไปศาล

เม่อื อยใู นหองพจิ ารณาคดี ตอ งปฏบิ ัตติ นอยางไร การปฏบิ ัติตนเม่ือเขาไปในหองพจิ ารณาคดี ควรปฏบิ ัตติ นดงั น้ี 1.เมอื่ ผูพ พิ ากษาออกน่ังบนบัลลงั ก ผทู ี่อยูใ นหอ งพิจารณา คดีตอ งลุกขนึ้ ยืนคาํ ความเคารพ 2.ขณะน่ังฟง การพิจารณาคดีตอ งไมพ ูดคุยกัน ไมน ั่งหลับ ไม สวมแวนตาดํา ไมน่ังไขวหาง ไมส ูบบหุ ร่ี ไมอานหนังสอื พิมพ ไม รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม ไมพูดคุยโทรศัพท ไมถายรูป หรือแสดงกิริยาท่ีเปนการรบกวนการพิจารณาคดีของศาล หาก บุคคลใดมีขอความจะแถลงตอศาลตองขออนุญาตศาลและลุก ขน้ึ ยืนพดู หามน่งั พดู โดยเด็ดขาด 3.เมื่อเขามาในหอ งพิจารณาคดีตอ งปดเสียงโทรศัพทมือถือ และอุปกรณอ เิ ล็กทรอนกิ สท กุ ประเภท เพ่ือมิใหเกิดเสียงรบกวน ขณะศาลพจิ ารณาคดี 4.เมื่อศาลอานรายงานกระบวนการพิจารณาคดีใด ผูท่ี เกี่ยวของคดีนั้นตองลุกข้ึนยืนฟงศาลอานรายงานกระบวน พิจารณา

การเบิกความ คืออะไร การท่ีบุคคลไปใหขอมูลแกศาลในการดําเนินกระบวน พิจารณาคดีเพ่ือใหศาลใชขอมูลท่ีไดรับประกอบการพิจารณา พพิ ากษาคดนี ้ัน โดยการใหขอ มูลดงั กลา วจะทาํ ดวยการใหบุคคล ที่ไปเบกิ ความตอบคําถามของศาลหรือของคูความแตล ะฝาย พยานควรเบิกความเฉพาะเทาท่ีตนไดเห็น ไดยิน หรือได ทราบโดยตรงเทาน้ัน และตองเบิกความดวยวาจา และหาม พยานอานขอ ความทีจ่ ดหรอื เขียนมา เวน แตจะไดรบั อนญุ าตจาก ศาล หากเกิดเหตุการณที่พยานไมแนใจหรือจําไมได ใหตอบไป ตรงๆ วาพยานไมแนใจหรือจําไมได ถาพยานฟงคําถามของ คูความหรือทนายความไมชัดเจน พยานอาจขอใหคูความหรือ ทนายความทวนคาํ ถามใหมได เมือเบิกความเสร็จแลวศาลจะอานคําเบิกความท่ีบันทึก ใหแกพยานฟง ถาพยานเห็นวามีขอความใดไมตรงกับที่ไดเบิก ความไวพ ยานก็สามารถทักทวงขอแกไ ขไดหากขอความดังกลาว ถูกตองทั้งหมดแลวศาลจะใหพยานลงลายมือช่ือไวทายคําเบิก ความและเปน อันเสรจ็ ส้นิ การเปนพยาน

ทําอยา งไร เมอ่ื ไดร ับหมายเรยี กใหไปเบกิ ความ 1.เม่ือไดรับหมายเรยี ก ควรดูอยางรอบคอบวา เปน หมาย ของศาลใดศาลน้ันต้ังอยูที่ใด ตองเบิกความในวันและเวลาใด หากมีขอสงสัยควรโทรศัพทสอบถามไปยังศาลตามหมายเลข โทรศพั ทและทอ่ี ยดู านลางของหมายเรียก 2.ไปศาลตามวันและเวลานัด แตหากมีความจําเปนไม อาจไปศาลตามกาํ หนดได ตองรีบแจง ใหศ าลทราบกอ นวนั นัด เพราะการขัดขืนไมไปศาลอาจถูกศาลออกหมายจับเพ่ือเอา ตัวกักขงั ไวจ นกวา จะเบิกความและยงั ถือวาเปนความผิด ตอง ระวางโทษจาํ คุกไมเกิน 6 เดือน หรือปรับไมเกิน 1,000 บาท หรือทง้ั จําทง้ั ปรับ 3.ตรวจหมายเลขหองพจิ ารณาคดีและรอการเบิกความ ท่ีหองพิจารณาคดี ควรนําหมายเรียกติดตัวไปศาลดวย เพ่ือ ความสะดวกในการตดิ ตอสอบถาม และเม่ือมาถงึ ศาลแลวให ตรวจสอบบัญชีนัดความของศาลหรือสอบถามจากพนักงาน ตอ นรับประจาํ ศาล

4. หากมาเปนพยานกอนเบิกความพยามตองสาบานตน ตามลัทธิศาสนาที่ตนเองนับถือหรือปฏิญาณวาจะใหการตาม ความสัตยจริงเสียกอ นยกเวน บุคคลที่มีอายตุ ่ํากวา 15 ป หรือ บุคคลท่ีศาลเห็นวา หยอนความรูสึกผิดชอบ หรือพระภิกษุหรือ สามเณรในพทุ ธศาสนา ผทู ่ขี ัดขนื คําสง่ั ของศาลท่ีใหสาบานตน จะมีความผิดระวางโทษจําคุกไมเกิน 6 เดือนหรือปรับไมเกิน 1,000 บาท หรือท้ังจาํ ทง้ั ปรบั

กรณถี กู ออกหมายจบั โดยศาล จะตอ งทาํ อยางไร การจบั บคุ คลใดตอ งมหี มายจับท่ีออกโดยศาล ยกเวน กรณดี งั นี้ 1.บคุ คลนน้ั กระทําความผดิ ซึง่ หนา 2.มพี ฤติกรรมอนั ควรสงสัยวาบุคคลน้ันนา จะกอเหตรุ ายให เกิดภยันตรายแกบุคคลหรือทรัพยสินของผูอ่ืน โดยมีเครื่องมือ อาวธุ วตั ถอุ ยางอน่ื ท่ีสามารถใชก ระทาํ ผิด 3.มเี หตทุ จ่ี ะออกหมายจับบุคคลนน้ั แตมีความจําเปน เรงดวนทไ่ี มอ าจขอใหศ าลออกหมายจับบคุ คลนั้นได 4.เปนการจบั ผูตอ งหาหรอื จําเลยทีห่ นีหรอื จะหลบหนี

เมอ่ื ถูกจบั กุมตวั ตองตรวจดูหมายจบั โดยควรตรวจสอบดงั น้ี 1.สถานทอี่ อกหมายจับ ตอ งออกโดยศาล 2.วัน เดอื น ปท่ีออกหมายจบั 3.เหตทุ ีต่ อ งออกหมายจบั 4.ชื่อ และรปู พรรณของบคุ คลทจ่ี ะจบั 5.ความผิดที่ระบุในหมายจบั 6.ลายมอื ช่อื ผูพพิ ากษา และตราประทับของศาล แมจ ะมหี มายจับ เจา พนกั งานตามหมายจบั จะไปจบั ตัวในทีร่ โหฐาน (ทีส่ ว นตวั ) ไมได เวนแต จะมหี มายคน หรอื มเี หตุตามกฎหมายทเ่ี จาพนักงานตามกฎหมายมี สทิ ธิเขา ไปในท่ีรโหฐานได

การคมุ ครองสทิ ธแิ ละ เสรภี าพ ในคดอี าญา



ผตู อ งหา : บคุ คลผถู กู กลา วหาวา ได กระทําความผิด แตยงั มไิ ดถกู ฟองตอศาล สิทธผิ ตู อ งหาตามกฎหมาย 1.สทิ ธเิ กย่ี วกบั ระยะเวลาในการควบคมุ ตัวผตู องหา ( ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 87 ) 2.สทิ ธใิ นการขอคดั คานการผดั ฟอ งหรอื ฝากขงั ( ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 ) 3.สทิ ธิในการขอปลอ ยชั่วคราว ( ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา 106 ) 4.สทิ ธิในการอุทธรณค ําสัง่ ไมอ นญุ าตใหปลอยชั่วคราว ( ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 106 ) 5.สทิ ธิในการแตงต้ังทนายความ ( ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.87,134/1)



จําเลย : บคุ คลซง่ึ ถูกฟองตอ ศาล แลว โดยขอ หาวากระทาํ ความผดิ สิทธขิ องจําเลยตามกฎหมาย 1.สิทธิทจ่ี ะไดร บั การอา นและอธบิ ายฟอ งใหฟ ง (ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 165,172) 2.สทิ ธทิ ี่จะขอใหศาลตง้ั ทนายความ (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 8,173) 3.สิทธทิ จ่ี ะรองขอใหศ าลปลอ ยช่ัวคราว (ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา มาตรา 8,173) 4.สทิ ธิอุทธรณหรอื ฎีกาคาํ พพิ ากษาหรือคาํ สัง่ ของศาล (ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 193,216) 5.เหตเุ พ่ิมโทษ ลดโทษ บวกโทษ นับโทษตอ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51-58)

6.สทิ ธทิ ่ีจะไดร บั การบรรเทาโทษ เชน มกี ารชดใช คาเสยี หาย การชาํ ระหนี้บางสว นการกระทาํ ดวยประการ อ่ืนใดเพอ่ื เปนการบรรเทาผลรายจากการกระทาํ ของ จาํ เลย การรอการกาํ หนดโทษ และการรอการลงโทษ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51-58) 7.สทิ ธทิ จี่ ะทราบระยะเวลาในการดาํ เนินคดขี ้ันตอนการ ดาํ เนนิ คดตี ้งั แตก ารส่ังฟองของพนกั งานอัยการ 8.สิทธิท่ีจะทราบอตั ราโทษทกี่ ฎหมายกาํ หนดไวสําหรับ ความผดิ น้ัน 9.สิทธทิ จี่ ะทราบถงึ พฤตกิ ารณที่มีสว นในการกําหนดโทษ 10. สทิ ธขิ องนักโทษเด็ดขาดในกรณีคดีถงึ ท่สี ดุ ตาม พระราชบญั ญัติราชทัณฑ พ.ศ.2479



ผูเ สยี หาย บคุ คลผไู ดร บั ความเสยี หาย เนือ่ งจากการกระทํา ผดิ ฐานใดฐานหน่ึง รวมทง้ั บุคคลอ่ืนที่มีอํานาจ จัดการแทน เชน ผูแทนนติ บิ คุ คล ผูแทนโดย ชอบธรรมของผเู ยาว เปนตน สทิ ธขิ องผูเสียหายตามกฎหมาย 1.สิทธใิ นการรอ งทุกขแ ละถอนคาํ รองทุกข (ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา มาตรา 3, 124, 126) 2.สิทธใิ นการเปน โจทกฟองคดีอาญาไดด ว ยตนเอง และถอนฟองคดีอาญา (ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา 3 และ 35)

3. สทิ ธิในการเปนโจทกฟอ งและถอนฟอ งคดแี พง เกยี่ วเนื่องกบั คดอี าญา (ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา ม. 3, 40 ม.15 ประกอบประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความแพง ม.175) 4.สทิ ธใิ นการเขาเปน โจทกร ว มกบั พนักงานอัยการ (ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา ม. 30) 5.สทิ ธทิ ่ีจะยื่นคํารอ งในคดอี าญาที่พนักงานอยั การ เปนโจทกโ ดยขอใหบ งั คับจาํ เลยชดใชคา สนิ ไหม ทดแทนได (ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ม. 44/1) 6. ในกรณที ่ผี เู สียหายย่นื คํารองตามมาตรา 44/1 แลว เม่อื ศาลชน้ั ตน นัดฟงคําพิพากษาใหสง หมาย นดั ฟง คาํ พพิ ากษาไปยงั ผเู สยี หายดวย และหาก ศาลพพิ ากษายกฟองคดีอาญาหรือพพิ ากษาให คา เสียหายไมเ ต็มตามคาํ ขอใหแจง สทิ ธใิ นการ อทุ ธรณคาํ รองในสวนแพงดวย

7.สทิ ธทิ ่ีจะไมตองตอบคําถามซึง่ โดยตรงหรอื โดยออ ม อาจจะทาํ ใหผ เู สยี หายในฐานะพยานถูกฟอ งคดีอาญา (ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 234) 8.สิทธิใหจัดหาลา มหรือลามภาษามือ (ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 13) 9.ผเู สยี หายท่เี ปนโจทกห รือเปนโจทกรวมกับ พนักงานอยั การมสี ทิ ธอิ ุทธรณหรอื ฎกี าได (ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา ม. 193, 216) 10.สิทธติ รวจหรือคดั สําเนาคําใหการของตนในชัน้ สอบสวน หรอื เอกสารประกอบคําใหการของตนเม่ือพนักงานอยั การ ย่ืนฟองคดีตอศาลแลว (ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 8) 11.สิทธคิ ดั คา นการปลอยช่วั คราวผูต องหาหรอื จําเลย (ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 108/2)



การขอปลอยชว่ั คราวตอศาล (การขอประกนั ตวั ) การขอปลอยชั่วคราว คือ การยื่นคํารอ งตอศาล เพ่อื ขอใหพ ิจารณาปลอ ยผูตอ งหาหรอื จาํ เลยชว่ั คราว โดยไมตอ งมีประกัน หรือมีประกัน หรือมปี ระกนั และ หลักประกัน ภายในระยะเวลาทีก่ ําหนด

ผูป้ ระกนั หรือนายประกนั หมายถึง บคุ คลทีนํา ทรพั ยส์ ินของตนซึงเรียกว่า หลกั ประกนั มาวางไวต้ ่อ ศาล เพือเป็ นหลกั ประกนั ว่าหากมีกรณีผิดสญั ญา ประกนั ตวั ผตู้ อ้ งหาหรือจาํ เลยจะยอมชําระค่าปรบั ตาม สญั ญาประกนั ต่อศาล

ชั้นฝากขงั ... เมอ่ื ผตู อ งหาถกู เจา หนาท่ีตาํ รวจหรอื พนกั งานอัยการ นาํ ตวั มาขออนุญาตศาลฝากขงั ระหวางทย่ี ังสอบสวนไม เสร็จ ชั้นพจิ ารณาคดีของศาลชน้ั ตน... เมอ่ื ผตู องหาถูกพนกั งานอยั การฟอ งตอศาลแลว ก็จะ เปลีย่ นฐานะจากผตู อ งหาเปน จาํ เลย จงึ มีสิทธขิ อ ปลอยชว่ั คราวตอศาลได หรอื ในคดีทรี่ าษฎรเปนโจทก เมือ่ ศาลประทบั ฟอ งแลว จะขอปลอยชว่ั คราวกอนวัน นดั ในวันนดั หรือหลังจากวนั นัดทร่ี ะบุในหมายเรยี กให มาแกค ดีกไ็ ด ชนั้ อทุ ธรณหรือฎกี า... กรณีทีจ่ าํ เลยถกู ขังหรอื จาํ คุกโดยผลของคาํ พิพากษา ศาลช้นั ตน ศาลอุทธรณ หรือศาลอทุ ธรณภ าค จะขอ ปลอยช่ัวคราวกอนท่ีจะย่ืนอุทธรณหรือยื่นฎีกา พรอมกนั หรอื หลังจากท่ียื่นอุทธรณห รือยนื่ ฎีกาก็ได

หลักประกันใดบางท่สี ามารถใชประกนั ตัวได? เงนิ สด กรมธรรม โฉนดท่ดี นิ , น.ส.3ก, ประกนั ภัย กรรมสทิ ธ์ิหองชดุ บคุ คล บญั ชเี งนิ ฝากประจาํ ทรพั ยสนิ สลากธนาคาร พนั ธบตั รรฐั บาล

ใครบางมสี ิทธยิ น่ื ขอประกันตัวได? บุพการี ผูส บื สันดาน สามี ภรรยา ญาตพิ ีน่ อง นายจา ง ผบู งั คับบญั ชา หรือนิติบคุ คล

การเตรียมเอกสารเบืองตน้ ... ในการยืนขอปล่อยชวั คราวต่อศาล 1. สําเนาบตั รประจําตัวประชาชน หรือสําเนาบัตรประจาํ ตวั เจา หนาที่ของรัฐ 2. สาํ เนาทะเบียนบา น 3. กรณีผูประกนั มคี สู มรสจะตอ งแสดงเอกสารเพิ่มเติม ไดแก 3.1 สาํ เนาบตั รประจําตวั ประชาชน และสําเนาทะเบียนบาน พรอ มรบั รองสําเนาถกู ตอง 3.2 สาํ เนาใบสําคญั การสมรส 3.3 หนังสือใหความยินยอมของคูสมรส และมีพยานอยา ง นอย 2 คน ลงลายมือชอื่ รับรอง 4. กรณีช่อื /สกลุ เจา ของหลักทรัพยไมตรงกบั ทปี่ รากฏใน หลักทรพั ยจะตองแสดงเอกสารเพม่ิ เตมิ ไดแ ก 4.1 หลักฐานการเปลย่ี นชื่อตัวหรอื ช่อื สกุล 4.2 ใบสําคัญการสมรส 5. กรณผี ตู องหาหรอื จําเลยเปนชาวตา งประเทศ หากมหี นงั สือ เดินทาง (Passport) ตองนาํ มาแสดงดว ย

ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา 108 ไดบ ญั ญตั ิ ใหศ าลพิจารณาจากหลกั เกณฑต าง ๆ ดงั นี้ ความหนกั เบาแหงขอหา พยานหลักฐานที่ปรากฏแลว มเี พียงใด พฤตกิ ารณแหง คดเี ปนอยางไร เชอื่ ถือผูขอประกนั หรอื หลักประกันไดเ พียงใด ผตู อ งหาหรือจําเลยนา จะหลบหนีหรอื ไม ภยั อันตรายหรือความเสยี หายที่จะเกิดจากการอนญุ าต ใหประกันตวั มเี พยี งใดหรือไม คําคดั คา นของพนกั งานสอบสวน พนักงานอัยการ โจทกห รอื ผูเสยี หาย แลว แตก รณี ขอ เทจ็ จริงหรือรายงานหรือความเห็นของเจา พนักงาน ซงึ่ กฎหมายกาํ หนดใหมีอํานาจหนาที่ทเ่ี ก่ียวกับการนน้ั

ศาลจะสั่งไมอนญุ าตใหป ลอยช่วั คราว เพราะเหตุใดบา ง??? ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยจะ หลบหนี ผูต้ อ้ งหาหรือ ผูต้ อ้ งหา จําเลยจะไปยุ่ง หรือจําเลย เหยิงกบั พยาน จะไปก่อเหตุ หลกั ฐาน อนั ตราย ประการอืน การอนุญาตใหป้ ล่อยชวั คราว ผูร้ อ้ งขอ จะเป็ นอปุ สรรคหรือก่อใหเ้ กิด ประกนั หรือ ความเสียหายต่อการสอบสวน หลกั ประกนั ของเจา้ พนกั งานหรือการดาํ เนิน ไม่น่าเชือถือ คดีในศาล **ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1

นายประกันยงั คงมีหนา ท่ใี นการนาํ ตัวผูตองหาหรือจําเลย มาสงศาลในคดีท่ตี นเปนนายประกนั ตามกําหนดนดั แต หากผตู องหาหรอื จําเลยถกู ควบคุมตวั ในคดีอ่นื นายประกนั อาจย่นื คํารอ งแถลงใหศาลทราบเพ่ือเบิกตัวผูตองหาหรือ จาํ เลยมาสอบถามวา เปน บุคคลเดียวกันหรือไม หากใช และนายประกนั ประสงคท ี่จะถอนประกนั กส็ ามารถทําได หลังจากที่มีการสอบถามแลว

ผขู อประกนั อาจถอนสัญญาประกนั หรอื ขอถอนหลกั ประกันตอ ศาลไดเสมอ โดย ตอ งสงตวั ผูตอ งหาหรือจาํ เลยคืนตอศาล เมอื่ ศาลอนญุ าตแลว ความรับผดิ ชอบ ตามสญั ญาประกันเปน อันสิน้ สุดลง

ศาลมีคาํ สงั ปรับผปู้ ระกนั เตม็ ตามสัญญา ประกนั เนืองจากผปู้ ระกนั ไมส่ ามารถส่ง ตวั ผตู้ อ้ งหาหรือจาํ เลยต่อศาลได้ โดยไม่มี เหตุสมควร จึงถือวา่ ผดิ สญั ญาประกนั แลว้ ...จะทาํ อะไรไดบ้ า้ ง?

ขอ้ ..ไมต่ ้องรอ..เมอื ศาลสงั ปรบั ผูป้ ระกนั !! นายประกันจะตองนาํ เงนิ มาชําระคาปรบั ตอ ศาลภายใน ระยะเวลาท่ศี าลกําหนด มิฉะนน้ั ศาลจะสั่งยดึ หลกั ประกนั ขายทอดตลาดเพือ่ นาํ เงินมาชําระคาปรบั ขอใหเจาพนักงานฝายปกครองหรอื ตาํ รวจที่ใกลท ี่สุด ชว ยจับตวั ผูตองหาหรอื จาํ เลยท่ีหลบหนี หรือนายประกนั สามารถจบั ผตู องหาหรอื จําเลยนัน้ ไดเอง มาสง ตัวตอ ศาล เมือ่ ศาลชัน้ ตนสั่งประการใดแลว นายประกนั หรอื พนกั งานอยั การมสี ทิ ธยิ น่ื อุทธรณค ําสงั่ ศาลชัน้ ตน นั้น ภายในกําหนด 1 เดือน นบั แตว นั อานคําส่ัง เมอื่ จบั ตวั ผตู อ งหาหรอื จาํ เลยมาสงตวั ตอ ศาลแลว ใหย นื่ คาํ รอ งขอลดคา ปรับตอ ศาลได

เมือคดีถึงทีสุดหรือศาลมีคาํ สงั อนุญาตใหถ้ อน ประกนั หรื อสญั ญาประกนั สินสุดลงดว้ ยเหตุ ค ว า ม รั บ ผิ ด ต า ม สัญ ญ า ป ร ะ กัน สิ น สุ ด ล ง ผูป้ ระกนั สามารถขอรับหลกั ประกนั คืนไดท้ นั ที โดยใหย้ ืนคาํ รอ้ งตอ่ และแนบหลกั ฐานคือ ใบรบั หลกั ฐาน หรือใบรบั เงินทีศาลออกใหเ้ มือครงั มายืนขอประกนั ตวั หาก ใบรับหลกั ฐานหรือใบรับเงิน สูญหายตอ้ งแจง้ ความตอ่ เจา้ พนักงานตาํ รวจและนําใบ แจง้ ความมาแสดงตอ่ ศาล กรณีทีผูป้ ระกนั ไมส่ ามารถมารบั ไดด้ ว้ ยตนเอง สามารถมอบฉันทะใหผ้ ูอ้ ืนมารับหลกั ทรพั ยแ์ ทนได้ โดยขอ ใบมอบฉันทะจากเจา้ หนา้ ทีศาล





ไดแ้ ก่ ผตู้ อ้ งหาหรอื จาํ เลย หรอื ผปู้ ระกนั ตายกอ่ นผิดสญั ญา ประกนั สญั ญาประกนั ยอ่ มเป็ นอนั ระงบั หรอื กรณีทีผตู้ อ้ งหาหรอื จําเลยถกู จบั หรอื คมุ ขงั ในคดีอืนอยกู่ อ่ นทีจะถึงวนั นดั

หากท่านพบบคุ คลทีแอบอา้ งว่า สามารถติดต่อวิงเตน้ ใหช้ นะคดี หรอื ช่วยใหไ้ ดร้ บั การประกนั ตวั โดยเรียกรอ้ งเอาทรพั ยส์ ินเงินทอง เป็ นการตอบแทน แสดงว่า “ท่าน กาํ ลงั ถกู หลอกลวง” ใหร้ บี แจง้ เจา้ หนา้ ทีศาลโดยเรว็

หากผตู้ อ้ งหาหรอื จาํ เลยไม่สามารถ มาศาลได้ เพราะเสียชีวิต นายประกนั ควรยนื คํารอ้ งและแนบใบมรณบตั ร ของผตู้ อ้ งหาหรอื จาํ เลยตอ่ ศาล เพือทีศาลจะพิจารณาสงั ต่อไป



อศาํ านลาจ สงั บงั คบั คดีตามสญั ญาประกนั หรือ ตามทีเห็นสมควร สงั งดการบงั คบั คดี สงั ลดจํานวนเงินค่าปรบั



สถานะของเงินสดหรือหลกั ทรพั ยท์ ีอาจเป็ นประกนั ต่อศาล ไม่อยู่ในข่ายทีจะถกู ยึดหรือ เวน้ แต่ ศาลเห็นว่าหนี อายดั ชาํ ระหนีแก่เจา้ หนีอืน ของเจา้ หนีนนั มิไดเ้ กิดจาก จนกว่าความรบั ผิดตาม กลฉอ้ ฉล และมีคําสงั สญั ญาประกนั จะระงบั ใหป้ ล่อยทรพั ย์ หลกั ประกนั ทีอย่รู ะหว่างการขายทอดตลาดเจา้ หนีอืน ของผูป้ ระกนั มีสิทธิขอเฉลียหนีจากหลกั ประกนั ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง่ มาตรา 290 ไม่ตอ้ งหา้ ม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 119 วรรคสอง เนืองจากไม่ได้ เป็ นการยึดหรืออายดั

เจ้าหนีตามคาํ พพิ ากษาของผูป้ ระกัน เจ้าพนกั งานพทิ ักษ์ทรัพย์ของผูป้ ระกัน ในกรณีผูป้ ระกันเป็ นบคุ คลล้มละลาย หน่วยงานของรัฐทีมีอาํ นาจยึดอายัดทรัพย์สิน เพอื ชาํ ระหนีได้เอง โดยไม่ต้องฟ้ อง

ผูม้ ีอาํ นาจในการ บงั คบั คดี (มาตรา 119 วรรคสาม) เจา้ พนกั งานศาล พนกั งานอยั การ ทีไดร้ บั การแต่งตงั  พ.ร.บ.องคก์ รอยั การ  ไดร้ บั การแต่งตงั จาก และพนกั งานอยั การ ศาลใหด้ าํ เนนิ การบงั คบั พ.ศ.2553 มาตรา 14 ตามสญั ญาประกนั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook