หนว่ ยท่ี 9 การใชส้ ูตรและฟงั ก์ชนั่ 425 เอกสารประกอบการสอนหนว่ ยท่ี 9 วชิ า คอมพิวเตอรเ์ พื่องานอาชพี สอนคร้ังท่ี 11 - 12 จาํ นวน 6 ช่ัวโมง ชื่อหน่วย การใชส้ ตู รและฟงั ก์ชั่น แผนบรหิ ารการสอนประจาํ หน่วยท่ี 9 หัวขอ้ เร่อื ง หนว่ ยที่ 9 การใช้สูตรและฟังกช์ ัน่ ประกอบไปด้วยหัวขอ้ เรือ่ งตอ่ ไปนี้ 9.1 การใชส้ ูตรคาํ นวณ 9.2 การใช้ฟังกช์ นั่ การคํานวณ สาระสาํ คญั ความสามารถในการทํางานของโปรแกรม Microsoft Office Excel นอกจากการสร้าง เอกสารในรูปแบบตารางได้อย่างรวดเร็ว สวยงามแล้ว คุณสมบัติท่ีสําคัญได้แก่การคํานวณซึ่งผู้ใช้ สามารถสร้างสูตรสําหรับใช้ในงานต่างๆ เพ่ือช่วยให้การคํานวณทําได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และการใช้ฟังก์ชั่นสําหรับการคํานวณในลักษณะงานที่แตกต่างกัน เช่น ทางด้านการเงิน สถิติ หรือเวลา เป็นต้น ทําให้สะดวกรวดเร็วในการคํานวณ สามารถเรียกมาใช้ได้ในทันที ไม่ต้องเขียนสูตร ข้นึ ใหมใ่ นการคํานวณ จดุ ประสงค์การเรยี นการสอน 1. จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป 1.1 มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกับการคํานวณในโปรแกรม Microsoft Office Excel 1.2 มีความรูค้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับฟงั ก์ช่ันการคาํ นวณในโปรแกรม Microsoft Office Excel 1.3 มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับสว่ นประกอบของฟงั ก์ชั่นในโปรแกรม Microsoft Office Excel 2. จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม เมื่อนักเรยี นเรียนเรอื่ ง การใช้สตู รและฟงั กช์ นั่ จบแลว้ นกั เรยี นสามารถ 2.1 สามารถป้อนสตู รคํานวณในโปรแกรม Microsoft Office Excel ได้ 2.2 แกไ้ ขสตู รคาํ นวณได้ 2.3 บอกส่วนประกอบของฟังก์ช่ันได้ 2.4 ใช้ฟงั ก์ช่ันท่ีใชง้ านบ่อยๆ ในโปรแกรม Microsoft Office Excel ได้
หน่วยท่ี 9 การใชส้ ตู รและฟงั ก์ชน่ั 426 กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูบอกจุดประสงคก์ ารเรยี นให้นักเรยี นทราบ 2. นกั เรยี นทําแบบทดสอบกอ่ นเรียน 3. ครูอธิบายพรอ้ มสาธติ วิธีการใชส้ ูตรและฟังก์ชั่นโดยนักเรยี นปฏบิ ัติตามทีค่ รสู าธิต 4. ครูและนกั เรียนช่วยกันสรปุ เนอื้ หาสาระสาํ คัญของเนื้อหาในหวั ขอ้ ท่บี รรยาย 5. นกั เรยี นทําแบบฝึกหดั ตามคาํ ถามท้ายหน่วยที่ 9 6. ครูเฉลยคาํ ตอบทา้ ยหนว่ ยท่ี 9 และใหน้ ักเรยี นอภปิ ราย ซกั ถาม 7. นักเรยี นปฏิบัติตามใบงานประจาํ หนว่ ยท่ี 9 8. ครเู ดนิ ตรวจผลการปฏิบัติงานตามใบงานประจาํ หนว่ ยท่ี 9 และใหน้ กั เรยี นอภิปราย ซักถาม 9. นกั เรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน สอ่ื การสอน 1. เอกสารประกอบการเรยี นหน่วยที่ 9 เร่ือง การใช้สตู รและฟังกช์ น่ั 2. โปรแกรม Microsoft Office PowerPointในแผน่ ซีดชี อื่ “การใชส้ ูตรและฟงั ก์ช่นั ” ช่อื ไฟล์ com_lesson09.pptx 3. คาํ ถามทา้ ยหน่วยที่ 9 4. ใบงานประจําหน่วยที่ 9 5. แบบทดสอบก่อนเรยี น 6. แบบทดสอบหลงั เรยี น การวดั และประเมินผล วธิ ีการประเมนิ ผล 1. จากแบบทดสอบกอ่ นเรียนและแบบทดสอบหลังเรยี น 2. ประเมินความรู้ ความเข้าใจจากการปฏิบตั ิตามใบงาน
หนว่ ยที่ 9 การใช้สตู รและฟังกช์ น่ั 427 หนว่ ยที่ 9 การใชส้ ตู รและฟังก์ชน่ั บทนาํ การใช้คุณสมบัติของโปรแกรม Microsoft Office Excel ในด้านคํานวณจะช่วยอํานวย ความสะดวก รวดเร็วในการทํางานเก่ียวกับตัวเลขและสถิติต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และหากเป็นสูตร ท่ีมีการใช้งานบ่อยๆ โปรแกรม Microsoft Office Excel จะสร้างไว้เป็นฟังก์ช่ันสําหรับเลือกใช้ ให้เหมาะสมกับลักษณะงานเพ่ืออํานวยความสะดวก และทําให้การคํานวณทําได้ถูกต้องและรวดเร็ว การศึกษาถึงรูปแบบและวิธีการใช้สูตรและฟังก์ช่ันจะช่วยให้การทํางานเก่ียวกับการคํานวณ หรือการหาค่าสถิตติ า่ งๆ ทาํ ไดร้ วดเรว็ และมีประสทิ ธิภาพมากยงิ่ ขนึ้ 9.1 การใชส้ ตู รคาํ นวณ หากต้องการคํานวณในเอ็กเซลจะต้องใส่เครื่องหมาย = (เท่ากับ) นําหน้าเสมอ มิฉะน้ันจะเป็น ข้อความธรรมดาไม่สามารถนํามาคํานวณได้ สําหรับเครื่องหมายท่ีใช้ในการเขียนสูตร ได้แก่ เครื่องหมายบวก (+) ลบ (-) คณู (*) หาร (/) ยกกาํ ลงั (^) และเครื่องหมายเปอรเ์ ซ็นต์ (%) 9.1.1 ลาํ ดับความสาํ คัญของเคร่ืองหมายในสตู ร การคํานวณในโปรแกรม Microsoft Office Excel จะต้องคํานึงถึงลําดับความสําคัญ ของเครื่องหมาย ซง่ึ มลี ําดบั ความสาํ คญั ของเครื่องหมายในการเขยี นสูตรดังนี้ ลําดบั ความสาํ คัญ เครือ่ งหมาย หมายเหตุ 1. วงเล็บ () ก า ร คํ า น ว ณ ที่ มี ลํ า ดั บ 2. เปอรเ์ ซ็นต์ % ความสําคัญเท่ากัน เช่น 3. ยกกาํ ลงั ^ คูณและหาร บวกและ 4. คูณ, หาร *, / ลบ จะกระทาํ จากซา้ ยไป 5. บวก, ลบ +, - ขวาทางสูตร ตัวอยา่ งการคาํ นวณในสตู ร = (5+2)*3^2+100*2% จะทาํ การคาํ นวณตามลําดับ ตอ่ ไปน้ี = (5+2) =7 = 2% = .02
หนว่ ยท่ี 9 การใช้สตู รและฟังก์ชนั่ 428 = 3^2 =9 = 7*9 = 63 = 100 * .02 =2 = 63 + 2 = 65 9.1.2 การปอ้ นสูตรคํานวณ เม่ือต้องการคํานวณสูตรใดๆ จะต้องป้อนข้อมูลสําหรับใช้ในการคํานวณให้เรียบร้อย เพ่ือความสะดวกในการป้อนสูตร ตัวอย่างดังในรูปที่ 9.1 ต้องการคํานวณหาผลรวมของเงินเดือน มีขน้ั ตอนดังต่อไปน้ี 9.1.2.1 พิมพ์ข้อมลู ตามตวั อย่างในรปู ที่ 9.1 พมิ พ์ขอ้ มูล รปู ท่ี 9.1 แสดงตัวอย่างการพมิ พข์ อ้ มลู สําหรับการคาํ นวณ 9.1.2.2 ใส่สูตรในการคํานวณหายอดรวมเงิน (นําเงินเดือนรวมกับโบนัส) ดังข้ันตอน ตอ่ ไปนี้ 1) คลกิ เมาส์เลอื กเซลลท์ ่ีตอ้ งการปอ้ นสูตรการคาํ นวณ ดงั ในรูปที่ 9.2 คลกิ เลอื กเซลล์ รปู ท่ี 9.2 แสดงการคลิกตําแหน่งเซลลส์ ําหรบั ใส่สตู รคํานวณ
หนว่ ยท่ี 9 การใชส้ ตู รและฟงั ก์ชน่ั 429 2) พิมพเ์ คร่ืองหมายเทา่ กับ = ลงในเซลล์ทีเ่ ลือกไว้ ดังแสดงในรปู ที่ 9.3 พมิ พ์เครอ่ื งหมาย เทา่ กบั รปู ท่ี 9.3 แสดงการพิมพ์เครอ่ื งหมายเทา่ กบั เพอื่ เริ่มป้อนสตู ร 3) คลิกเมาส์ที่เซลล์ G5 (เซลล์ท่ีคลิกเลือกจะปรากฏเส้นประล้อมรอบ ส่วนเซลล์ ทใี่ สส่ ูตรจะปรากฏชอ่ื เซลล์ทีค่ ลิกเลอื ก) ดังแสดงตัวอยา่ งในรปู ที่ 9.4 คลิกเมาส์ ช่อื เซลล์เลือก รปู ที่ 9.4 แสดงการคลกิ เมาส์เลือกเซลล์ท่ีต้องการนาํ ค่าไปใชใ้ นการคํานวณ 4) พิมพเ์ ครอ่ื งหมาย + ดังแสดงในรูปที่ 9.5 พมิ พเ์ ครอื่ งหมาย + รูปที่ 9.5 แสดงการพิมพเ์ ครื่องหมายบวก (+)
หนว่ ยท่ี 9 การใช้สูตรและฟังกช์ น่ั 430 5) คลิกเมาส์ที่เซลล์ G6 ดงั แสดงในรูปท่ี 9.6 คลกิ เมาส์ ชือ่ เซลลเ์ ลือก รูปที่ 9.6 แสดงการคลกิ เมาสเ์ ลอื กเซลล์ท่ีตอ้ งการนําคา่ ไปใช้ในการคํานวณ 6) คลกิ ปมุ่ ป้อนคา่ หรอื กดแปน้ Enter จะปรากฏผลลัพธข์ องผลรวมตามที่ใส่ สูตรไว้ (สังเกตจากแถบสตู รจะปรากฏสตู รทีป่ ้อนลงในเซลล์) ดงั แสดงในรปู ที่ 9.7 คลิกปมุ่ ป้อนค่า สูตรคาํ นวณทพี่ ิมพ์ ผลลัพธท์ ไ่ี ดจ้ ากการ คํานวณ รปู ที่ 9.7 แสดงคลกิ ปมุ่ ป้อนค่าเพอื่ ป้อนสตู รท่ีคาํ นวณในเซลล์
หน่วยที่ 9 การใชส้ ูตรและฟงั ก์ชนั่ 431 การใช้ตําแหน่งอ้างอิงเซลล์แต่ละเซลล์ในตาราง จะทําให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการคํานวณ เปลี่ยนโดยอัตโนมัติ แต่หากใส่ค่าจํานวนในสูตรเม่ือมีการแก้ไขค่าใดๆ แทนการอ้างอิงช่ือเซลล์จะต้อง แก้ไขคา่ ในเซลลด์ ว้ ย มิเช่นนน้ั ผลลพั ธ์จากสูตรทใี่ สไ่ วจ้ ะผดิ พลาดดังแสดงตวั อย่างในรปู ที่ 9.8 ขอ้ มลู เดิม แกไ้ ขข้อมลู ในเซลลโ์ ดยเปลยี่ น คา่ ตวั เลขจาก 17000 เปน็ 17500 ใสส่ ตู รเพ่ือ หาผลรวม ผลลพั ธท์ ไ่ี ดจ้ ากการคาํ นวณ สังเกตว่าเมื่อแก้ไขค่าในเซลล์ที่อ้างอิงไว้ ผลลัพธ์ที่ได้ จะเปลี่ยนไป แต่หากใส่ตัวเลขในสูตรคํานวณ ผลลัพธ์ จะไม่เปล่ียนตาม ทาํ ใหต้ ้องแกไ้ ขข้อมลู ในสตู รด้วย รปู ท่ี 9.8 แสดงการเปรียบเทียบวธิ ปี ้อนสตู รคํานวณโดยอา้ งองิ เซลลก์ ับการใส่คา่ ในสูตร 9.1.3 การแกไ้ ขสูตร เมื่อต้องการแก้ไขสูตรในเซลล์ใด สามารถทําได้ท้ังการใช้เมาส์คลิกเลือกเพ่ือแก้ไขหรือการ ใช้แป้นลดั จากแป้นพมิ พ์ ดังขัน้ ตอนตอ่ ไปนี้ 9.1.3.1 ดับเบิ้ลคลกิ เซลล์ที่มสี ตู รท่ตี อ้ งการแก้ไขเพื่อเรียกดูสูตรการคํานวณในเซลลท์ ี่เลือก ดงั แสดงในรปู ที่ 9.9 ดับเบ้ลิ คลิกเซลล์ ทต่ี ้องการแก้ไข สตู รท่ีพิมพไ์ ว้ รูปท่ี 9.9 แสดงการดับเบ้ลิ คลิกเพอ่ื เรียกดูสูตรการคํานวณในเซลล์
หน่วยท่ี 9 การใชส้ ตู รและฟงั กช์ นั่ 432 9.1.3.2 แกไ้ ขสูตร เสรจ็ เรียบร้อยแล้วคลิกปุ่ม หรือกดแปน้ <Enter> ดงั แสดงตวั อย่าง ในรปู ที่ 9.10 แก้ไขสูตร แลว้ คลกิ ปมุ่ สตู รทแี่ ก้ไขใหม่ ผลลัพธ์ที่ไดจ้ ากสูตร รปู ที่ 9.10 แสดงวธิ ีการแกไ้ ขสตู ร 9.1.4 การยา้ ยและการคดั ลอกสูตร วิธีการย้ายหรือคัดลอกสูตรสามารถทําได้เช่นเดียวกับการย้ายหรือคัดลอกข้อมูลธรรมดา ถ้าหากสูตรน้ันเป็นสูตรท่ีมีเฉพาะตัวเลข เช่น =(5+2)*4 เม่ือย้ายหรือคัดลอกไปวางยังตําแหน่งอ่ืน ผลลพั ธท์ ี่ได้จะยังคงเทา่ เดิม แตถ่ ้าหากมกี ารอ้างอิงเซลล์ในสูตรคํานวณ จะต้องทําความเข้าใจเกี่ยวกับ การอ้างอิงเซลล์แบบสัมพันธ์กับตําแหน่ง (Relative Addressing) และแบบยึดตําแหน่งเดิม (Absolute Addressing) แตเ่ พ่อื ผลลัพธ์ทถ่ี ูกตอ้ ง ดังน้ี 9.1.4.1 การคัดลอกแบบสัมพนั ธ์กบั ตําแหนง่ (Relative Addressing) สตู รท่ีมีการอา้ งอิงตําแหน่งของเซลล์ เชน่ =A5+A6 เม่ือมีการคัดลอกหรือย้ายสูตร ไปยังตําแหน่งอ่ืน ผลลัพธ์ที่ได้จากการคํานวณจะเปลี่ยนไปตามตําแหน่งท่ีอ้างอิงใหม่ท่ีเปลี่ยนไปตาม สดั สว่ นระยะทางทยี่ ้ายหรอื คัดลอกไป ดงั ตัวอย่างต่อไปน้ี 1) การคัดลอกข้อมูลจากเซลล์ ข้นั ตอนดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1) คลิกเมาส์เลอื กเซลล์ทีม่ ีสตู รคาํ นวณที่ต้องการ 1.2) คลกิ รบิ บอน หนา้ แรก (Home) 1.3) คลิกปุ่มคําส่ัง คัดลอก (Copy) สังเกตจะปรากฏเส้นประรอบเซลล์ ท่ีคัดลอก วิธกี ารดังแสดงในรูปที่ 9.11
หนว่ ยที่ 9 การใชส้ ตู รและฟงั กช์ น่ั 433 1) คลกิ เลอื กเซลล์ 2)คลิกรบิ บอน หน้าแรก ที่ตอ้ งการคดั ลอก (Home) 3)คลิกปุม่ คาํ สงั่ คัดลอก (Copy) รูปที่ 9.11 แสดงวธิ ีคัดลอกสตู ร 2) การวางเซลล์ที่คัดลอกลงในเซลล์ เม่ือคัดลอกข้อมูลจากเซลล์แล้ว การนํา ไปวางลงยังเซลล์ทต่ี อ้ งการมขี นั้ ตอนดังต่อไปน้ี 1.1) คลกิ เมาสเ์ ลือกเซลลท์ ตี่ อ้ งการวางสูตรท่คี ัดลอก 1.2) คลิกปุ่มคําส่ัง วาง (Paste) สังเกตเซลล์ท่ีวางการคัดลอกจะทําการ คํานวณค่าในเซลลด์ ้วยสูตรที่คดั ลอกมา วิธกี ารดงั แสดงในรูปที่ 9.12 2)คลกิ วาง (Paste) 1)คลกิ เลือก เซลล์ ที่ตอ้ งการ วางสูตร รปู ที่ 9.12 แสดงวิธกี ารวางสูตรท่คี ัดลอก
หน่วยท่ี 9 การใช้สูตรและฟังก์ชนั่ 434 สังเกตว่าผลลัพธ์ที่ได้จะถูกต้องเน่ืองจากค่าที่ได้เกิดจากการนําค่าเซลล์ ท่ีอ้างองิ มาคาํ นวณ วิธีนเ้ี หมาะสาํ หรับตารางที่มีรูปแบบซ้าํ ๆ กนั ทําให้ไมต่ อ้ งสร้างสตู รใหม่ 9.1.4.2 การคํานวณแบบยดึ ตาํ แหน่งเดิม (Absolute Addressing) วิธีการคัดลอกแบบสัมพันธ์กับตําแหน่ง (Relative Addressing) ไม่สามารถใช้ได้ ทุกกรณี เน่ืองจากบางกรณีอาจจะไมต่ ้องการให้ตําแหน่งอ้างอิงของเซลล์เปล่ียนไป ดังตัวอย่างในรปู ที่ 9.13 หากคัดลอกสูตรลงมาเซลล์ที่เป็นอัตรา หักภาษีจะเลื่อนลงมา 1 แถว ทําให้สูตร ผดิ พลาด รปู ท่ี 9.13 แสดงผลของการคัดลอกแบบสมั พนั ธ์กับตาํ แหนง่ ท่ีทาํ ใหส้ ตู รการคํานวณผิดพลาด จากรูป การคํานวณนําเงินเดือน (เซลล์ E5) คูณกับอัตราหักภาษี (เซลล์ G3) เมื่อใส่สูตรคํานวณและคัดลอกแบบสัมพันธ์กับตําแหน่งในตัวอย่างข้างบน จะเห็นว่าค่าท่ีได้ผิดพลาด เนื่องจากค่าท่ีต้องการคูณอยู่ในเซลล์ G3 หากลากเมาส์เพ่ือคัดลอกสูตรลงมาจะเปลี่ยนแถวจาก G3 เป็น G4 ลงไปตามระยะของการลากเมาส์ แต่ในท่ีนี้ต้องการกําหนดให้ค่าของแถวคงท่ี คือแถวที่ 3 ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนจากการคํานวณด้วยวิธีสัมพันธ์กับตําแหน่งเป็นแบบยึดกับตําแหน่ง โดยใช้เครื่องหมาย $ นําหน้าเลขแถวท่ีไม่ต้องการให้เปลี่ยน ได้แก่ แถวที่ 3 ซ่ึงจะอยู่ในรูปแบบของ G$3 หมายถึงคอลัมน์ G ยึดในแถวท่ี 3 กล่าวคือ หากลากลงหมายเลขแถว 3 จะไม่เปลี่ยน แต่หาก ลากไปทางซ้ายหรือขวา จะเปลี่ยนจากคอลัมน์ G เป็น F หรือ H หากต้องการไม่ให้คอลัมน์เปลี่ยน จะต้องใส่เครื่องหมาย $ นําหน้าคอลัมน์ด้วย อยู่ในรูปแบบของ $G$3 ซ่ึงรูปแบบน้ีไม่ว่าจะลากเมาส์ ไปทศิ ทางใดกจ็ ะยังคงเปน็ คา่ ท่อี ยูใ่ น G3 เสมอ เน่ืองจากมเี ครอื่ งหมาย $ เปน็ ตัวกํากับไมใ่ ห้เปล่ียนช่ือ คอลัมน์และช่ือแถว ในที่น้ีลักษณะของการคัดลอกสูตรจะเป็นการลากลงมาข้างล่าง จึงต้องกําหนดให้ เลขแถวไมเ่ ปลย่ี นแปลง ข้ันตอนมีดังต่อไปนี้
หน่วยที่ 9 การใชส้ ูตรและฟังก์ชนั่ 435 1) ปอ้ นสูตรในเซลล์ F5 ได้แก่ =E5*G$3 แล้วกด <Enter> ดังแสดงในรปู ที่ 9.14 ปอ้ นสตู รคาํ นวณ รปู ที่ 9.14 แสดงวิธปี อ้ นสตู รคํานวณแบบยึดตาํ แหนง่ เดมิ (Absolute Addressing) 2) ชี้เมาส์ท่ีมุมขวาล่างของเซลล์ (สังเกตจะปรากฏเคร่ืองหมาย ) เพ่ือคัดลอก ลงมายังเซลล์ขา้ งลา่ งจนครบทุกเซลล์ ดังแสดงในรปู ที่ 9.15 การคดั ลอกสตู รโดยใช้การอา้ งอิงแบบ Absolute รปู ที่ 9.15 แสดงการคดั ลอกแบบยดึ ตาํ แหน่งเดิม (Absolute Addressing) การป้อนสูตรท่ีมีเคร่ืองหมาย $ ให้กดแป้น <F4> ท่ีตําแหน่งเซลล์ที่ต้องการ ยึดตําแหน่งไปเรื่อยๆ โปรแกรมจะสลับตําแหน่งการแสดงเครื่องหมายหน้าชื่อแถว หรอื คอลัมน์ จนได้รูปแบบการอา้ งอิงเซลลท์ ต่ี ้องการ 9.1.4.2 การคดั ลอกสตู รดว้ ยคณุ สมบตั เิ ตมิ อตั โนมัติ (AutoFill) กรณีการคัดลอกสตู รไปยงั เซลล์ทอี่ ยู่ติดกัน วิธีคัดลอกสูตรคํานวณที่รวดเร็วกว่าวธิ ี คดั ลอก (Copy) แลว้ วาง (Paste) โดยใชค้ ณุ สมบัติเตมิ อัตโนมัติ (AutoFill) ซ่ึงมขี ้ันตอนดงั ต่อไปน้ี
หน่วยที่ 9 การใชส้ ตู รและฟังก์ชนั่ 436 1) คลิกเมาส์เลือกเซลล์ท่ีมีสูตรที่ต้องการจะคัดลอก แล้วชี้เมาส์ท่ีปุ่มขวาล่าง ของกรอบเซลล์ที่คัดลอกจะปรากฏเครื่องหมาย สําหรับเร่ิมการคัดลอกแบบเติมอัตโนมัติ ดังแสดง ตัวอย่างในรูปที่ 9.16 คลิกเลอื กเซลล์ แล้วชเ้ี มาส์ ที่มุมลา่ งขวาของเซลล์ จะปรากฏสญั ลกั ษณ์ (Fill Handle) รูปที่ 9.16 แสดงการเรยี กคุณสมบัติเตมิ อัตโนมตั ิ (AutoFill) 2) ลากเมาส์ไปยังเซลล์ท่ีต้องการคัดลอก แล้วปล่อยเมาส์ (คลิกเลือกเซลล์ท่ี คัดลอกสูตรไปไว้เพ่อื สังเกตสตู รที่ไดจ้ ากการคดั ลอก) ดงั แสดงตัวอยา่ งในรูปท่ี 9.17 คลิกลากเมาสไ์ ปยงั เซลล์ ที่ตอ้ งการคดั ลอก ผลลัพธ์จากการคดั ลอกเซลล์ คลกิ เมาส์ท่เี ซลล์เพ่ือสงั เกต สูตรท่ไี ดจ้ ากการคัดลอก รูปที่ 9.17 แสดงการคดั ลอกดว้ ยคณุ สมบตั ิเติมอัตโนมัติ (AutoFill)
หน่วยที่ 9 การใช้สูตรและฟังก์ชน่ั 437 9.1.4.4 การใช้สูตรกับข้อมูลท่ีอยู่ต่างสมุดงานหรือแผ่นงาน กรณีท่ีมีข้อมูลในแผ่นงานหรือ สมุดงานทีอ่ ยู่คนละแผ่นงาน ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ 1) การอา้ งอิงเซลลท์ อี่ ยู่ต่างแผ่นงาน การอ้างอิงเซลล์ท่ีอยู่ในสมุดงานเดียวกัน แต่อยู่กันคนละแผ่นงาน ดังในตัวอย่างได้แยกเก็บข้อมูลเงินเดือนของพนักงานในเดือนธันวาคม ในแผ่นงานช่ือ “SalaryDec” และเดือนมกราคม ในแผ่นงานช่ือ “SalaryJan” การคํานวณจะนําค่าผลรวมจากแผ่นงานทั้งสอง ไปวางลงในแผน่ งาน สรุปยอดเงินเดือนช่ือ “Sum” ดงั แสดงในรปู ท่ี 9.18 รูปท่ี 9.18 แสดงข้อมูลสําหรบั การคาํ นวณขา้ มแผน่ งาน
หนว่ ยท่ี 9 การใชส้ ูตรและฟังกช์ นั่ 438 ตัวอย่างขน้ั ตอนการอา้ งอิงข้ามแผน่ งาน (1) การเร่ิมต้นสูตร โดยเร่ิมจากแผ่นงานที่ต้องการวางค่าจากแผ่นงานอ่ืน มาวาง ในท่นี ี้ไดแ้ ก่ แผ่นงาน “สรปุ ยอด” ขัน้ ตอนมดี ังต่อไปนี้ (1.1) คลิกเลอื กแผ่นงาน “สรุปยอด” (1.2) คลกิ เลอื กเซลลท์ ี่ตอ้ งการนําคา่ จากแผน่ งาน “เงนิ เดือนมค.” มาวาง ตัวอย่างในทน่ี ีค้ ลิกเลอื กเซลล์ C5 แลว้ พิมพเ์ ครอ่ื งหมาย = (เท่ากบั ) วิธีการดงั แสดงตัวอยา่ งในรปู ท่ี 9.19 1) คลิกเลือก 2)คลกิ เลอื ก แผน่ งาน เซลล์ D5 สรุปยอด แลว้ พมิ พ์ เครื่องหมาย = (เท่ากับ) รปู ที่ 9.19 แสดงการเรม่ิ ตน้ วางสตู รคํานวณในแผ่นงาน “สรุปยอด” (2) การนําอ้างอิงค่าข้ามแผ่นงาน หลังจากเริ่มต้นสูตรแล้ว นําค่าจากแผ่นงาน ทต่ี ้องการมาวาง ดังมีขนั้ ตอนต่อไปน้ี (2.1) คลกิ เลอื กแผน่ งาน “เงนิ เดือนมค.” (2.2) คลิกเซลล์ที่ต้องการ ในท่ีน้ีได้แก่ เซลล์ G9 แล้วกดแป้น <Enter> จะกลบั ไปสู่แผ่นงาน “สรปุ ยอด” และวางคา่ ท่ไี ดล้ งในเซลล์ D5 วธิ ีการดงั แสดงตวั อยา่ งในรูปที่ 9.20
หนว่ ยที่ 9 การใช้สูตรและฟงั ก์ชน่ั 439 1)คลกิ เลือก 2)คลกิ เซลล์ แผ่นงาน G9 แล้ว เงินเดือนมค. กด รปู ท่ี 9.10 แสดงการนําคา่ ผลรวมจากแผน่ งาน “เงินเดอื นมค.” ตําแหน่งเซลล์ จะกลับมายงั แผ่นงาน “สรุปยอด” รปู ที่ 9.20 แสดงการอา้ งองิ เซลล์ท่อี ยตู่ า่ งแผน่ งาน สําหรับรูปแบบการอ้างอิงเซลล์ท่ีอยู่คนละแผ่นงานจะประกอบไปด้วยชื่อของ แผน่ งาน ตามดว้ ยเครอื่ งหมาย ! แลว้ ตอ่ ดว้ ยชื่อเซลลท์ ี่ต้องการอ้างอิง ดังน้ี รปู แบบการอา้ งองิ เซลล์ท่ีอยตู่ า่ งแผน่ งาน =ชอ่ื แผน่ งาน!เซลลท์ ี่ต้องการอ้างอิง
หน่วยที่ 9 การใช้สตู รและฟงั กช์ น่ั 440 ตัวอยา่ ง =SalaryDec!G9 หมายถึง เซลล์ G9 ในแผ่นงานชือ่ SalaryDec 2) การอา้ งองิ เซลล์ขา้ มสมุดงาน การอ้างอิงเซลล์เพื่อใช้ข้อมูลที่อยู่ต่างสมุดงานกันสามารถทําได้ ลักษณะ เดยี วกบั การอา้ งอิงข้ามแผน่ งาน โดยจะตอ้ งเปดิ สมุดงานท่ีตอ้ งการข้นึ มาพร้อมกัน แล้วคลกิ เลือกไปยัง สมดุ งานและแผน่ งานที่ต้องการ หรือพิมพ์ตามรปู แบบการอ้างอิงเซลลด์ งั รายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ (1) รปู แบบการอา้ งองิ เซลล์ข้ามสมดุ งานมีรปู แบบดังน้ี (ตาํ แหนง่ เกบ็ Workbook)[WORKBOOK.xlsx]WORKSHEET!CELL (2) ตวั อย่างการอ้างองิ ขา้ มสมุดงาน D:\\Job\\[ค่าใชจ้ ่าย.xlsx]Sheet1!$E$8 หมายถึง การอ้างอิงเซลล์ $E$8 ในแผ่นงานชื่อ Sheet1 ช่ือไฟล์ คา่ ใชจ้ ่าย.xlsx ท่ีเก็บอยูใ่ นโฟลเดอร์ช่ือ Job ในไดรฟ์ D: 9.2 การใช้ฟงั ก์ชั่นการคํานวณ นอกจากคํานวณโดยใช้สูตรแล้ว หากต้องการคํานวณให้ได้ผลลัพธ์อย่างถูกต้องแม่นยํา และรวดเร็ว สามารถใชฟ้ ังกช์ ัน่ ในการคาํ นวณ โดยเรยี นรู้ถึงรูปแบบและวิธีการใชง้ านดงั ตอ่ ไปนี้ 9.2.1 ความหมายของฟังก์ช่ัน ฟังก์ช่ันคือ การคํานวณแบบต่างๆ ท่ีมีการใช้งานบ่อยๆ ในโปรแกรม Microsoft Office Excel โดยจะเป็นสูตรคํานวณอัตโนมัติใช้คํานวณแทนการพิมพ์สูตรเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ เพ่ือช่วยให้ ทํางานได้สะดวก รวดเรว็ และถกู ตอ้ ง ผู้ใชส้ ามารถเลือกใชฟ้ ังกช์ ่ันท่มี ีอยู่มาใชไ้ ดใ้ นทันที 9.2.2 ส่วนประกอบของฟงั กช์ น่ั ฟังก์ช่ันในโปรแกรม Microsoft Office Excel มีมากกว่า 300 ฟังก์ชั่น แบ่งสําหรับหน้าท่ี การทํางานต่างลักษณะกัน เช่น การคํานวณ การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ การเงิน ตัวเลข ตลอดจน การจัดการฐานข้อมูล แต่โดยสรุปแล้ว สว่ นประกอบของฟังกช์ ั่นมดี ังนี้
หน่วยที่ 9 การใชส้ ตู รและฟังกช์ น่ั 441 ชือ่ ฟังกช์ น่ั เครือ่ งหมายจลุ ภาค ใชแ้ บ่งค่า argument ออกจากกนั =ชือ่ ฟังกช์ ่ัน(ค่า argument1,คา่ argument2, …) เคร่อื งหมายเท่ากับใช้เร่ิมตน้ ขอ้ มูลสาํ หรับใหโ้ ปรแกรมนําไปใช้ในการคาํ นวณ ฟังก์ชน่ั อาจมมี ากกวา่ หน่ึง argument ขึ้นอยู่กับฟังกช์ ่ันนัน้ ๆ การป้อนคา่ argument ในฟังกช์ นั จะต้องทราบวา่ ฟงั ก์ช่ันนน้ั รับคา่ argument แบบใดบ้าง คา่ ของ argument ทใ่ี ชบ้ อ่ ยๆ ตัวอยา่ งเชน่ คา่ argument ตัวอยา่ ง ความหมาย ตัวเลข =sum(15,20,45) การหาคา่ ผลรวมของคา่ 15 20 และ 45 ตําแหน่งอา้ งอิงของเซลล์ =sum(A2:A5) การหาคา่ ผลรวมของค่าในเซลล์ A2 ถงึ A5 ขอ้ ความ =concatenate(“คุณ”,B2) การเชื่อมข้อความคําว่า “คุณ” กับข้อมูล ที่ปรากฏในเซลล์ B2 โดยข้อมูลที่เป็น ขอ้ ความจะต้องอยใู่ นเครื่องหมาย “ “ เสมอ 9.2.3 การเขยี นฟังก์ชั่น วิธีการเขียนฟังก์ชั่นเร่ิมต้นด้วยเคร่ืองหมาย “=” (เท่ากับ) เช่นเดียวกับการเขียนสูตร แล้วตามด้วยชื่อฟังก์ช่ัน เช่น “=sum(“ ต่อด้วยค่า argument เข้าไปโดยตรงหรือคลิกเมาส์ เลอื กตาํ แหนง่ เซลล์ หรอื กลุม่ เซลลท์ ่ีเป็นคา่ argument ทตี่ ้องการ ดงั ตวั อย่างตอ่ ไปน้ี 9.2.3.1 คลิกเมาส์เลือกเซลล์ที่ต้องการป้อนฟังก์ช่ันในที่นี้ยกตัวอย่างเซลล์ C7 แล้วพิมพ์ ฟงั กช์ นั่ =sum( ดงั แสดงตวั อย่างในรปู ท่ี 9.21 พมิ พ์ฟังกช์ น่ั รูปที่ 9.21 แสดงการเริม่ ตน้ พิมพ์ฟงั กช์ ่ัน
หนว่ ยท่ี 9 การใช้สตู รและฟงั ก์ชน่ั 442 9.2.3.2 ลากเมาสร์ อบกล่มุ เซลล์ที่ต้องการหาผลรวม ในท่นี ี้ได้แกเ่ ซลล์ C5 ถงึ C6 ดงั แสดง ในรูปที่ 9.23 คลิกเมาส์รอบกล่มุ เซลล์ รูปที่ 9.22 แสดงการเลือกกลมุ่ เซลลท์ เ่ี ปน็ คา่ argument 9.2.3.3 กดแป้น <Enter> เพอ่ื ให้รบั ค่าฟังกช์ ั่นลงในเซลล์ ดังแสดงในรปู ที่ 9.23 สูตรการคาํ นวณ กดแป้น <Enter> ผลลพั ธจ์ ากการคาํ นวณ รปู ท่ี 9.23 แสดงการรับคา่ ฟังก์ชน่ั ลงในเซลล์ 9.2.4 การใช้ฟังก์ช่ันทส่ี ําคญั ฟังก์ชั่นในโปรแกรม Microsoft Office Excel มีจํานวนมาก เพื่อเลือกใช้ได้เหมาะกับ ลักษณะงานแต่ละประเภท เช่น การคํานวณด้านคณิตศาสตร์ การเงิน หรือสถิติ เป็นต้น ในที่น้ี จะแนะนําฟังก์ชันท่ีใช้งานบ่อยๆ สําหรับเป็นพื้นฐานในการใช้ฟังก์ช่ันซึ่งสามารถศึกษาเพ่ิมเติม ไดจ้ าก Help ฟังก์ชนั ที่สําคญั มีดังนี้
หน่วยท่ี 9 การใชส้ ตู รและฟังก์ชนั่ 443 9.2.4.1 ฟงั ก์ชัน่ หาผลรวมอัตโนมัติ การหาผลรวมเป็นการคํานวณที่ใช้งานบ่อยๆ ในโปรแกรม Microsoft Office Excel จึงมีคําส่ัง หาผลรวมอัตโนมัติ (AutoSum) สําหรับการหาผลรวมได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเขียน สตู รข้ึนเอง มขี น้ั ตอนดงั ตัวอยา่ งต่อไปน้ี 1) คลิกเมาส์เลือกเซลล์ที่ต้องการหาผลรวมในท่ีน้ีได้เซลล์ C7 ดังแสดงตัวอย่างใน รปู ที่ 9.24 คลิกเลือกเซลล์ รปู ท่ี 9.24 แสดงการคลกิ เลือกเซลล์ที่ตอ้ งการวางฟังก์ช่ัน 2) เรียกใชฟ้ งั ก์ช่นั ผลรวมอัตโนมัติ ดังข้นั ตอนตอ่ ไปนี้ ดงั แสดงตวั อย่าง 2.1) คลกิ ท่ีแท็บ สูตร (Formulas) 2.2) คลกิ เลอื กฟงั กช์ ่ัน ผลรวมอตั โนมัติ (AutoSum) ในรูปที่ 9.25 1) คลิกเลือกเซลล์ 2)คลกิ ผลรวมอตั โนมตั ิ รูปท่ี 9.25 แสดงการคลิกเลอื กสตู ร ผลรวมอัตโนมตั ิ
หน่วยท่ี 9 การใชส้ ูตรและฟังก์ชนั่ 444 3) ป้อนค่ากลมุ่ เซลลท์ ่ีต้องการนาํ ไปคาํ นวณเปน็ ผลรวม ดงั ข้นั ตอนตอ่ ไปน้ี 3.1 คลิกลากรอบกลุ่มเซลล์ท่ีต้องการ ตัวอย่างในท่ีน้ีได้แก่ เซลล์ C5 ถึง C6 (โดยปกติโปรแกรม Microsoft Office Excel จะทําการเลือกเซลล์ท่ีเป็นตัวเลขท่ีติดกับเซลล์ที่คลิก เลอื กไวแ้ สดงเป็นเส้นประรอบกลุ่มเซลลท์ ี่มีค่าตัวเลขปรากฏอยู่ หากเปน็ กลุม่ เซลลท์ ี่ต้องการ สามารถ กดแป้น <Enter> ได้ทนั ท)ี 3.2) คลิกปุ่ม ที่แถบสูตร หรือกดแป้น <Enter> เพื่อป้อนฟังก์ชั่นลงใน เซลล์ วิธกี ารดังแสดงตวั อย่างในรปู ท่ี 9.26 2) คลิกปุ่ม 1)คลกิ เลือกกลมุ่ เซลล์ รูปท่ี 9.26 แสดงการใช้ฟงั ก์ช่นั หาผลรวมอัตโนมัติ 9.2.4.2 ฟังก์ชน่ั ทางคณติ ศาสตร์ เม่ือมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขในการคํานวณทางคณติ ศาสตร์ ฟังก์ชั่นที่พบว่ามีการใช้ งานบ่อยๆ ได้แก่ การหาค่าเฉลีย่ ค่าสูงสุด ตํ่าสุด สําหรับการคาํ นวณเกี่ยวกับตัวเลขที่ละเอียดซับซอ้ น อาจต้องมีการจัดการเก่ียวกับทศนิยม ได้แก่ การปัดเศษทศนิยม จึงยกตัวอย่างของฟังก์ชั่นทาง คณิตศาสตร์ทีใ่ ชง้ านบ่อยๆ ดงั ในตารางท่ี 9.1 และแสดงตัวอย่างการใชง้ านฟงั ก์ช่ันในรูปที่ 9.27 ตารางท่ี 9.1 แสดงฟงั กช์ ั่นทางคณิตศาสตร์ ฟงั กช์ ั่น รูปแบบ ความหมาย Average Average(กลุ่มเซลล)์ หาคา่ เฉลยี่ ของกลมุ่ ข้อมูลตวั เลข Max Max(กลมุ่ เซลล)์ หาค่าสงู สุดจากกลุ่มขอ้ มูลตวั เลข Min Min(กลุม่ เซลล)์ หาคา่ ตํ่าสุดจากกลุ่มข้อมลู ตวั เลข
หน่วยท่ี 9 การใช้สูตรและฟงั ก์ชนั่ 445 ตารางที่ 9.1 แสดงฟังกช์ ั่นทางคณิตศาสตร์ (ต่อ) ฟังกช์ ่ัน รปู แบบ ความหมาย ปัดเศษตัวเลขทศนิยมให้มีจํานวนหลัก Round Round(ตวั เลข, จาํ นวนหลกั ) ทศนยิ มตามทีก่ ําหนด ปัดเศษตัวเลขทศนิยมขึ้นเสมอ โดยให้มี RoundUp Round(ตัวเลข, จํานวนหลกั ) จาํ นวนหลกั ทศนิยมตามท่กี าํ หนด ปัดเศษตัวเลขทศนิยมลงเสมอ โดยให้มี RoundDown Round(ตัวเลข, จํานวนหลกั ) จํานวนหลักทศนยิ มตามท่ีกาํ หนด รปู ท่ี 9.27 แสดงการใช้ฟังกช์ น่ั ทางคณติ ศาสตร์ ตามตัวอย่างแสดงการหาค่าเงินเดือนสูงสุด ค่าเงินเดือนตํ่าสุดและค่าเฉลี่ย ของเงินเดือนจากของเงินเดือนของพนักงานท้ัง 4 คน โดยใช้ฟังก์ช่ัน Max Min และ Average ตามลําดับ สาํ หรับการปัดเศษทศนยิ ม ตอ้ งการปัดเศษทศนยิ มจากเซลล์ผลรวมค่าคอมมิชชัน่ ไดแ้ ก่ ฟังก์ชั่น Round ในตัวอย่างได้แก่ Round(G9, 1) หมายถึง ปัดเศษทศนิยม ในเซลล์ G9 ให้เหลือค่าทศนิยม 1 ตําแหน่ง ในที่นี้จะเห็นว่ามีค่าทศนิยม 23,521.75 ปัดทศนิยม 1 ตําแหนง่ จะได้ค่าเทา่ กบั 23,521.8
หนว่ ยท่ี 9 การใช้สตู รและฟงั กช์ นั่ 446 ฟังก์ช่ัน RoundDown ในตัวอย่างได้แก่ RoundDown(G9,0) หมายถึง ปัดเศษ ทศนิยมทงิ้ ไปไมว่ า่ เศษทศนิยมนน้ั จะมคี ่าเท่ากับหรือมากกว่า 0.5 หรือไม่ ในตัวอย่างได้แก่ปดั เศษจาก 23,521.75 จะได้คา่ เทา่ กบั 23,521.00 ฟังก์ชั่น RoundUp ได้แก่ RoundUp(G9,0) หมายถึง ปัดค่าทศนิยมข้ึนไม่ว่าเศษ ทศนิยมน้ันจะมีค่าน้อยกว่า 0.5 หรือไม่ก็ตาม ดังตัวอย่างจะปัดเศษ 23,521.75 ข้ึน จะได้ค่าเท่ากับ 23,522.00 เป็นตน้ วิธีการใช้ฟังก์ชั่นดังตัวอย่างมีการทํางานลักษณะเดียวกัน ในที่นี้ยกตัวอย่าง ฟงั ก์ช่นั Round สาํ หรับการปดั เศษทศนยิ มดังขน้ั ตอนต่อไปน้ี 1) คลิกเลือกเซลล์ท่ีต้องการวางฟังก์ชั่น ในตัวอย่างคลิกเลือกเซลล์ E14 แล้วคลิก เลอื กริบบอน สตู ร ดงั แสดงในรูปท่ี 9.28 2)คลกิ สูตร (Formulas) 1)คลกิ เลือก เซลล์ รปู ที่ 9.28 แสดงการคลกิ เลอื กรบิ บอนสูตร (Formulas)
หนว่ ยที่ 9 การใชส้ ูตรและฟังก์ชนั่ 447 2) เรียกใช้ฟังก์ช่ัน Round โดยคลิกเลือกปุ่มคําส่ัง คณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ (....) คลิกเลอื ก Round จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ ดังแสดงในรปู ที่ 9.29 1)คลกิ คําส่งั คณิตศาสตร์ และ ตรโี กณมิติ 2)คลกิ ฟงั กช์ น่ั Round รปู ท่ี 9.29 แสดงการเลอื กฟังกช์ น่ั Round 3) โปรแกรมจะแสดงไดอะล็อกซบ์ อ็ กซอ์ ารก์ ิวเมนตข์ องฟังกช์ ัน ดังในรูป 9.31 รูปท่ี 9.30 แสดงไดอะล็อกซบ์ อ็ กซ์อาร์กิวเมนต์ของฟงั กช์ นั Round
หน่วยท่ี 9 การใชส้ ตู รและฟังก์ชนั่ 448 4) คลิกเลือกเซลล์ในแผน่ งานท่ตี ้องการปัดทศนิยม ในที่นี้ได้แก่เซลล์ G9 ดังแสดง ตัวอย่างในรูปท่ี 9.31 รปู ท่ี 9.31 แสดงไดอะล็อกซบ์ ็อกซอ์ ารก์ วิ เมนต์ของฟังกช์ ัน Round
หนว่ ยที่ 9 การใชส้ ูตรและฟังก์ชน่ั 449 9.2.4.3 ฟังกช์ น่ั ทางตรรกศาสตร์ ฟังก์ช่ันทางตรรกศาสตร์ใช้สําหรับการตรวจสอบเงื่อนไขเพื่อกําหนดค่าให้กับกรณี ท่ีเป็นจริงหรือเท็จ ในที่นี้ยกตัวอย่างฟังก์ช่ัน IF เพ่ือใช้ทดสอบเง่ือนไขที่กําหนดและเลือกคําตอบ ท่ีถูกต้อง โดยมีรูปแบบและตัวอย่างดังตารางที่ 9.2 และวิธีการพิมพ์ฟังก์ช่ันดังแสดงตัวอย่างในรูปท่ี 9.32 1) รูปแบบฟังก์ชน่ั IF =IF(เงอ่ื นไข,ส่วนท่กี ระทําถา้ เงือ่ นไขเป็นจรงิ ,ส่วนทก่ี ระทาํ ถ้าเงอื่ นไขเปน็ เทจ็ ) ตารางท่ี 9.2 แสดงตัวอย่างและความหมายของการใช้ฟังกช์ ่นั IF ตัวอยา่ ง ความหมาย =IF(A5>50,1,2) แสดงคา่ 1 ถา้ เซลล์ A5 มคี ่ามากกว่า 50 แสดงค่า 2 ถ้าเซลล์ A5 มคี า่ เท่ากับหรอื นอ้ ยกว่า 50 =IF(B7>=75,”ผ่าน”,”ไมผ่ ่าน”) แสดงคา่ “ผ่าน” ถา้ เซลล์ B7 มากกวา่ หรือเท่ากบั 75 แสดงค่า “ไมผ่ า่ น” ถา้ เซลล์ B7 น้อยกว่า 75 2) วิธีการป้อนพิมพ์ฟังก์ชั่น IF ตัวอย่างต่อไปน้ีเป็นการคํานวณหาค่าเปอร์เซ็นต์ ของโบนัสจากยอดขายของพนักงานแต่ละคน โดยมีเง่ือนไข คือ หากมียอดขายตํ่ากว่า 50,000 ใหโ้ บนัส 3% หากมยี อดขายเท่ากบั หรือสงู กวา่ 50,000 ให้โบนสั 7% วิธกี ารแสดงดงั ต่อไปน้ี 2.1) พิมพ์ข้อมูลสําหรบั ป้อนฟงั กช์ ั่น IF ดังในรปู ท่ี 9.32 พิมพ์ขอ้ มูล รปู ท่ี 9.32 แสดงขอ้ มูลสําหรับป้อนคา่ ฟงั กช์ ่ัน IF
หนว่ ยที่ 9 การใช้สูตรและฟงั ก์ชนั่ 450 2.2) คลิกเลือกเซลล์ที่ต้องการวางฟังก์ชั่น IF ในท่ีน้ียกตัวอย่างคลิกเลือกเซลล์ G4 แล้วพมิ พฟ์ ังกช์ ั่น =IF( ดงั แสดงในรูปที่ 9.33 คลิกเลอื กเซลล์ แลว้ พิมพฟ์ ังกช์ น่ั รปู ท่ี 9.33 แสดงขอ้ มูลสําหรบั ปอ้ นค่าฟงั กช์ ่นั IF 2.3) คลกิ เลือกเซลล์ F4 เพื่อเลอื กเซลลท์ ่ตี ้องการกําหนดให้เป็นเงือ่ นไข ดังแสดงในรูปท่ี 9.34 พิมพ์ฟังก์ชั่น รปู ที่ 9.34 แสดงการคลิกเลอื กเซลลส์ ําหรับสง่ คา่ ให้กับฟงั กช์ ั่น
หน่วยท่ี 9 การใช้สูตรและฟังกช์ น่ั 451 2.4) พิมพ์เงื่อนไขการส่งค่าจากฟังก์ชั่น ดังแสดงในรูปที่ 9.35 แล้วคลิกปุ่ม หรอื กดแปน้ <Enter> จะปรากผลลพั ธใ์ นเซลล์ สงั เกตฟังกช์ ่นั ท่ีเขียนไดจ้ ากแถบสตู ร 2) คลิกปมุ่ 1)พมิ พ์ฟังก์ชัน่ ผลลพั ธจ์ ากฟงั กช์ ่ัน รปู ที่ 9.35 แสดงการพิมพเ์ งอ่ื นไขของฟังก์ช่นั 2.5) คัดลอกฟังก์ช่ัน โดยช้ีเมาส์ที่มุมล่างขวาของเซลล์เพ่ือใช้ Fill Handle คดั ลอกไปยังเซลลด์ ้านล่าง ดังแสดงตัวอย่างในรปู ที่ 9.36 ชเ้ี มาสท์ มี่ มุ ล่าง ขวาของเซลล์ รปู ท่ี 9.36 แสดงการเรยี กใช้ Fill Handle
หน่วยที่ 9 การใชส้ ตู รและฟังกช์ นั่ 452 2.5) ลาก Fill Handle ลงมายังเซลล์ด้านล่างเพ่ือคัดลอกฟังก์ชั่น แล้วปล่อย เมาสเ์ ม่ือได้ครบจาํ นวนเซลลท์ ี่ต้องการในที่นี้ไดแ้ กเ่ ซลล์ G7 ดงั แสดงในรูปที่ 9.37 คลิกลากไปยังเซลล์ ด้านล่าง ผลจากคดั ลอกฟังก์ชนั่ รปู ท่ี 9.37 แสดงการ Fill Handle เพอื่ คัดลอกฟังก์ชนั่ 9.2.4.4 ฟงั ก์ชนั่ ทางสถติ ิ การใช้ฟังก์ชั่นทางสถิติช่วยให้อํานวยความสะดวกในการจัดการข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เป็นอย่างดี ในท่ีนี้ยกตัวอย่างฟังก์ชั่นที่ใช้ในการนับได้แก่ ฟังก์ช่ัน COUNT COUNTA และ COUNTIF ดังตารางท่ี 9.3 และตวั อย่างการใช้ฟงั กช์ ัน่ ดังรูปที่ 9.38
หนว่ ยที่ 9 การใชส้ ูตรและฟงั ก์ชนั่ 453 ตารางที่ 9.3 แสดงฟงั ก์ช่นั ทางสถติ ทิ ่ใี ช้งานบอ่ ยๆ ฟงั กช์ ัน่ รปู แบบ ความหมาย COUNT COUNT(กล่มุ เซลล์) นับจํานวนเซลล์ที่มีข้อมูลตัวเลขใน กลมุ่ เซลลท์ เ่ี ลือก COUNTA COUNTA(กลมุ่ เซลล)์ นับจํานวนเซลล์ท่ีมีข้อมูลในกลุ่ม เซลล์ทีเ่ ลือก COUNTIF COUNTIF(กลุม่ เซลล์) นับจํานวนเซลล์ท่ีตรงตามเง่ือนไขที่ เลือก ตัวอยา่ งวิธกี ารป้อน ฟงั กช์ ่ันในเซลล์ รปู ท่ี 9.38 แสดงการใช้ฟงั ก์ชนั่ ทางตรรกศาสตร์ 9.2.5 การแก้ไขฟงั กช์ ั่น วิธีการแก้ไขฟังก์ช่ันคล้ายกับการแก้ไขสูตรคํานวณ แต่มีเทคนิคช่วยให้การแก้ไขที่ทําให้ สะดวกและรวดเร็วย่งิ ขึน้ ดงั ต่อไปนี้ 9.2.5.1 การเปลยี่ นเซลลท์ ่อี ้างองิ ในสูตร การใช้ฟังก์ชั่นมักมีการอ้างอิงเซลล์ในสูตร ซึ่งหากต้องการแก้ไขทําได้โดยการ ดับเบ้ิลคลิกเซลล์ที่มีฟังก์ชั่นอยู่จะปรากฏสีล้อมกรอบเซลล์ในตารางที่ถูกอ้างอิง หากต้องการเปลี่ยน เซลล์ที่อ้างอิง ทําได้โดยการเลื่อนตัวช้ีเมาส์ไปยังกลุ่มเซลล์ใหม่ท่ีต้องการแล้วลากจนครบกลุ่มเซลล์
หนว่ ยที่ 9 การใช้สูตรและฟังก์ชนั่ 454 เสร็จแล้วกดแป้น <Enter> กรณีที่เซลล์ท่ีอยู่ไกลกัน ให้กดแป้น <Ctrl> ค้างไว้ แล้วคลิกเซลล์ ทตี่ ้องการต่อจนครบ ดังแสดงตัวอย่างในรปู ที่ 9.39 12 3 รูปที่ 9.39 แสดงการเปล่ียนเซลล์ท่อี า้ งองิ ในสูตร ตามตัวอย่างต้องการแก้ไขกลุ่มเซลล์จาก H6:H7 เป็น H5:H7 ทําได้ตามขั้นตอน ดังตอ่ ไปน้ี 1) ดบั เบลิ้ คลิกเลอื กเซลลท์ ี่มฟี ังกช์ นั่ ทีต่ ้องการแก้ไข 2) คลิกเมาสท์ ่ีกรอบสีล้อมรอบเซลลท์ ฟี่ งั กช์ ั่นอา้ งองิ 3) คลิกลากเมาส์ไปยังกลุ่มเซลล์ใหม่ที่ต้องการอ้างอิง แล้วกดแป้น <Enter> เพื่อเปลีย่ นแปลงกลมุ่ เซลลอ์ ้างองิ ในฟังกช์ ่ันใหม่ 9.2.5.2 การขอความช่วยเหลือจากโปรแกรม Microsoft Office Excel ในการขอ คําอธิบายวิธกี ารใช้ฟงั กช์ น่ั หากต้องการคําอธิบายรายละเอียดการใช้ฟังกช์ ่ันใด สามารถเรียก Help เพ่ือขอดู คาํ อธบิ ายและตัวอยา่ งการใชฟ้ ังกช์ น่ั ดังวิธกี ารตอ่ ไปน้ี 1) คลกิ เมาสเ์ ลอื กฟงั ก์ชนั ทตี่ ้องการแก้ไข 2) คลิกปุ่ม ฟงั ก์ชั่น ในแถบสูตร 3) จะปรากฏไดอะลอกบอ็ กซ์อธิบายรายละเอียดการใช้ฟังก์ช่นั ท่ีเลือกไว้ 4) หากต้องการดูรายละเอียดและตัวอย่างเพม่ิ เติมคลกิ เลอื ก วิธีการขอความช่วยเหลือจากโปรแกรม Microsoft Office Excel ในการแก้ไข ฟงั กช์ ัน่ ดังแสดงในรปู ที่ 9.40
หน่วยท่ี 9 การใชส้ ตู รและฟงั ก์ชนั่ 455 2 3 1 4 รูปท่ี 9.40 แสดงการขอความช่วยเหลือจากโปรแกรม Microsoft Office Excelในการแก้ไขฟังกช์ ัน่ สรุป การทําความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการสร้างสูตรคํานวณในโปรแกรม Microsoft Office Excel จะช่วยทําให้การใช้งานทางด้านการคํานวณทําได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้องและลดเวลา ในการคํานวณได้มาก ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาคํานวณใหม่ทุกคร้ังที่มีการเปล่ียนแปลงแก้ไขสูตร
หน่วยที่ 9 การใช้สูตรและฟงั กช์ น่ั 456 และหากต้องมีการคํานวณสูตรที่ใช้งานบ่อยๆ สามารถเลือกใช้จากฟังก์ชั่นท่ีมีอยู่แล้วในโปรแกรม เพ่ือความถูกต้อง รวดเร็ว ไม่ต้องเขียนสูตรข้ึนใหม่ อีกทั้งช่วยลดข้อผิดพลาดในการป้อนสูตร และฟังกช์ ั่นไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
หนว่ ยท่ี 9 การใช้สูตรและฟังก์ชนั่ 457 แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยท่ี 9 เรือ่ ง การใชส้ ูตรและฟังก์ชั่น คาํ ชี้แจง 1. ขอ้ สอบมีทัง้ หมด 10 ข้อ ขอ้ ละ 1 คะแนน 2. จงเลอื กคําตอบทีถ่ ูกตอ้ งท่สี ุดเพียงข้อเดยี วแล้วทําเครอื่ งหมาย X ลงในกระดาษคําตอบ 1. ผลลพั ธท์ ไ่ี ดจ้ ากสูตร =(7-5)^3*2 เท่ากบั ขอ้ ใด ก. 4 ข. 8 ค. 12 ง. 16 2. หากคลกิ เมาสล์ ากเคร่ืองหมาย ลงมายงั เซลล์ C3 จะไดผ้ ลลพั ธต์ ามขอ้ ใด ก. =B2*6% ข. =B3*5% ค. =B3*6% ง. =C2*5% 3. การคํานวณดงั ในรปู ข้างลา่ ง ข้อใดกล่าวผิด ก. การอา้ งองิ ในเซลล์ D3 เป็นการอ้างอิงแบบ Relative ข. การคํานวณในเซลล์ C3 เป็นการอ้างอิงแบบ Absolute ค. การอา้ งอิงในเซลล์ D3 คอลมั น์ เมื่อคดั ลอกสูตรไปเซลล์ D4 จะเปลยี่ นเป็น =D3*B4 ง. การอา้ งองิ ในเซลล์ C3 คอลมั น์ เมอื่ คดั ลอกสูตรไปเซลล์ C4 จะเปลี่ยนเป็น =C$3*$B4 4. ข้อมลู ในเซลลป์ รากฏเป็น =Civil!G8 หมายถงึ อะไร ก. การอา้ งอิงเซลล์ G8 ในไฟลช์ อ่ื Civil ข. การอ้างองิ เซลล์ G8 ในแผน่ งานชอ่ื Civil ค. การอ้างองิ เซลล์ G8 ในสมุดงานชอ่ื Civil ง. การอ้างอิงกลุ่มเซลล์ชอ่ื Civil ในไฟล์ชื่อ G8
หนว่ ยที่ 9 การใชส้ ตู รและฟงั กช์ นั่ 458 5. ข้อใดคือความหมายของฟงั ก์ชน่ั ก. สตู รการคาํ นวณท่ีมคี ่าตวั แปรตงั้ แต่ 2 ตวั ขน้ึ ไป ข. โจทยห์ รอื สมการท่ผี ู้ใชค้ ลิกเลอื กจากแถบเครอื่ งมือ ค. สูตรสาํ เรจ็ ที่มไี วส้ ําหรบั นําไปใชง้ านใหเ้ กดิ ผลลัพธไ์ ดท้ ันที ง. โจทย์หรอื การคํานวณทางคณติ ศาสตร์ทผ่ี ู้ใช้ปอ้ นลงในเซลล์ 6. ในเซลล์ปรากฏข้อมลู =SUM(A1:A6) ขอ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ ง ก. SUM เป็นชือ่ ของสูตร ข. A1:A6 เปน็ ค่า argument ค. ข้อมูลในเซลล์ A1 ถึง A6 มีคา่ เปน็ ตวั เลข ตัวอักษร หรือตําแหน่งอา้ งอิงเซลล์ก็ได้ ง. การอ้างค่า argument ดงั ตวั อยา่ งเป็นการอ้างค่าของเซลล์ 7. หากต้องการหาผลรวมของคา่ ในเซลล์หลายๆ เซลล์ ควรใช้วธิ ใี ด ก. เขียนสตู รด้วยเคร่อื งหมายบวกเซลลท์ ตี่ อ้ งการจนครบทุกเซลล์ ข. ใชฟ้ งั ก์ชั่น Average ค. ใชฟ้ งั กช์ นั่ Count ง. ใชฟ้ ังก์ชั่น Sum ใชร้ ูปข้างล่างน้ีตอบคําถามข้อท่ี 8 - 10 8. จากรูปหากพิมพ์ =Round(A1,1) ลงในเซลล์ A4 จะได้ผลลพั ธเ์ ท่ากบั ขอ้ ใด ก. 12.00 ข. 12.4 ค. 12.5 ง. 13.00 9. จากรปู หากพิมพ์ =Average(A1:A3) ลงในเซลล์ A4 จะไดผ้ ลลพั ธเ์ ท่ากบั ขอ้ ใด ก. 3 ข. 8.00 ค. 12.45 ง. 24.00 10. จากรูป หากพิมพ์ =Count(A1:A3) ลงในเซลล์ A4 จะไดผ้ ลลพั ธ์เท่ากับข้อใด ก. 3 ข. 8.00 ค. 12.45 ง. 24.00
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: