Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การโคลนนิ่ง

การโคลนนิ่ง

Published by 945sce00451, 2021-07-12 15:27:24

Description: การโคลนนิ่ง

Search

Read the Text Version

การโคลนนิง่ (Cloning) การโคลนนงิ่ (Cloning) คือ กระบวนการสรางสิ่งมชี วี ติ ตวั ใหมข ้นึ มา ใหมีลักษณะเลียนแบบตาม พนั ธุกรรมเดิมของสิ่งมชี วี ติ ตนแบบ แตกตา งจากเดิมทก่ี ารเกิดข้ึนใหมของสิง่ มชี ีวติ ที่จะเกดิ ข้ึนจากการปฏิสนธิ กนั ระหวางเซลลสืบพันธเุ พศผูและเซลลส บื พนั ธเ พศเมยี โดยมีข้ันตอนคือนํานิวเคลยี สของเซลลรา งกายใสเขา ไปในเซลลไ ขท ่ีถูกดดู เอานวิ เคลียสออกไปกอ นแลว ดวยกระบวนการใชน ิวเคลียสจากเซลลเ ต็มวยั ของเซลล รางกายของสตั วเ พศอะไรกไ็ ดล งไปทีเ่ ซลลส ืบพันธขุ องสตั วเพศเมยี หรือเซลลไข โดยนําสารพันธุกรรม หรอื DNA ทีม่ ีอยูใ นเซลลสบื พนั ธขุ องเพศเมยี หรอื เซลลไ ขอ อกกอน เซลลไขท ีม่ ีนวิ เคลียสของเซลลรา งกายจะพฒั นา เปนส่งิ มชี ีวติ ใหมโดยใชขอมูลของสารพันธกุ รรมจากนวิ เคลียสของเซลลรางกายสงิ่ มชี วี ิตตนแบบ ส่งิ มีชีวติ ใหม จะมีรูปรา ง หนา ตา ลักษณะภายนอก เหมอื นกับสัตวต ัวท่เี ปน เจาของเซลลเ ดมิ เกือบทุกประการ ความจรงิ แลว การโคลนนง่ิ (Cloning) นั้น เปนส่งิ ที่มนษุ ยสามารถทีจ่ ะทาํ ไดมาตั้งแตสมยั โบราณแลว แตไมไดเปน ท่ีฮอื ฮาหรือกระแสขา วแตอยา งใดเพราะสง่ิ มีชวี ิตนนั้ เปนเพียง การโคลนนงิ่ ทท่ี าํ กับพืชเทานัน้ เอง ตอ มาเร่มิ เปน ท่ีสนใจของคนมากข้ึนเม่ือนกั วิทยาศาสตรช าวอเมรกิ นั คือ ดร.ทอมสั คิง (Thomas King) และ คณะ ซ่งึ ไดท ําการทดลองโคลนนง่ิ กบ ในป พ.ศ.2495 ซ่ึงถือเปน การโคลนน่ิงส่ิงมชี วี ิตท่ีไมใ ชพ ชื ครัง้ แรก นัน่ เปนเพียงจุดเร่มิ ตนทีไ่ มอาจหยุดถอยการวจิ ยั และพฒั นาตอ ไปได การโคลนนิง่ เปน ที่รูจกั และที่ กลา วถงึ เปนอยา งมากในชวงท่ีสามารถทาํ การโคลนนงิ่ สัตวเล้ียงลูกดว ยนมอยางแกะเปน ตวั แรก โดยดร.เอียน วิลมุต (Ian Wilmut) และคณะ ในป พ.ศ.2540 ประโยชน หรอื ขอดี ของการโคลนน่งิ (Advantages of Cloning) 1. ชวยในการเพิ่มจาํ นวนพันธสุ ัตวและพันธุพ ชื หายาก หรือเพม่ิ จาํ นวนพนั ธุสัตวและพนั ธพุ ชื ที่ใกลที่จะ สญู พันธุ ไดเรว็ กวาการผสมพนั ธกุ ันแบบปกตติ ามธรรมชาติ 2. ชว ยในการเพิม่ จาํ นวนสัตวท ่ีมลี ักษณะทางพนั ธกุ รรมท่ดี ี เชน หมูทใี่ หเนือ้ ในปริมาณมากหรอื โคที่ให นา้ํ นมในปรมิ าณมากที่มีความตา นทานโรคสูง เปนตน 3. ชว ยในการเพม่ิ จาํ นวนสัตวทไ่ี ดม ีการปรบั ปรุงลกั ษณะทางพันธุกรรมท้ังสตั วท ีผ่ สมพนั ธุกันดวยวิธที าง ธรรมชาติหรือผสมเทียมหรอื สตั วท เ่ี ปน จเี อ็มโอโดยสตั วเ หลานอี้ าจปรบั ปรุงพันธมุ าเพอ่ื ผลติ ยารกั ษา โรคได 4. ชว ยในการทดลองทางวิทยาศาสตรทตี่ อ งใชส ตั วทดลองทีม่ ีพันธกุ รรมและลักษณะที่เหมือนกนั เปน จาํ นวนมาก 5. เพ่อื ชวยในการผลิตอวยั วะของสตั วท ่มี ีลกั ษณะเหมอื นกนั เพอื่ ท่ีจะใชใ นการยายฝาก 6. ชว ยในการปลกู ถา ยทดแทนอวยั วะของมนุษย ซึ่งอาจไดอ วัยวะทเี่ ขากนั ไดโดยภูมคิ ุมกันตัวเองไม ตอ ตา นอวัยวะใหมที่รับเขาไปซ่งึ ชวยทําใหลดความเสี่ยงในการใชยากดภูมคิ มุ กัน

7. ชว ยใหนกั วิทยาศาสตรเขาใจกลไกการทาํ งานของยนี มากขน้ึ อยางเชน ในกรณี ผูปวยทส่ี มองตายจาก การเปน อมั พาตโดยที่อาจสามารถทําการกระตุนใหเ ซลลส มองเกิดการแบงตัวทดแทนเซลลเดมิ ท่ตี าย ไปได หรอื ในกรณีของผปู วยท่ีไตวาย อาจสามารถทําการกระตนุ การทาํ งานของไตและทําการกระตุน ใหเซลลไตท่ีเหลอื อยูเกดิ การแบงตัวแลวทําหนา ทีแ่ ทนกนั ได จะเห็นไดว าการโคลนนิง่ น้ันมขี อดหี รือประโยชนท งั้ ดานทางการแพทย การทดลองทางวทิ ยาศาสตร การรกั ษาพนั ธุ ดา นการเกษตรกรรม แตการโคลนน่งิ ยังมปี ญ หาทางดา นจรยิ ธรรมจากการปลูกถา ยทดแทน อวัยวะของมนษุ ยเพราะตองโคลนนง่ิ คนทีเ่ หมือนกันแลวนาํ อวัยวะของโคลนมาใชกบั คนทเี่ ปนเจา ของเดมิ ทําให คนท่ถี กู โคลนออกมามอี วัยวะไมค รบ แตถึงอยา งนนั้ ยังมวี ธิ ีการอน่ื ทไี่ มใชก ารโคลนน่งิ ในการสรา งอวัยวะอยู เชน สเต็มเซลลเ ปน ตน นอกจากน้ีการโคลนนิง่ ยงั ไมเปนทย่ี อมรบั จากทางศาสนาอยางนิกายโรมนั คาทอลิก และยงั ไมเ ปน ทีย่ อมรับของนกั สังคมศาสตรในแงมุมของการพสิ จู นเ อกลกั ษณบคุ คลอาจทําไดย ากขึ้นหากยอม ใหม กี ารโคลนนิง่ เกดิ ข้ึน ดังนนั้ ในปจจบุ ันน้กี ารโคลนนงิ่ มนุษยจ งึ ยงั ไมอาจจะทําได และทําใหขอมูลทางรายงาน การวิจัยเกยี่ วกบั การโคลนนงิ่ มนษุ ยย งั มอี ยนู อยมาก ขอ เสยี หรือ ผลเสยี ของการโคลนน่งิ (Disadvantages of Cloning) 1. ทําใหเ กิดความไมเปนเอกลกั ษณของสงิ่ มีชีวติ ทเ่ี ปน ตวั ตนแบบ 2. ทาํ ใหเ กิดการขาดความหลากหลายทางชีวภาพ 3. อาจทาํ ใหก ารพัฒนาสายพนั ธุที่ดีมีนอ ยลงเพราะมลี กั ษณะเหมือนกันไปหมดไมเปลี่ยนแปลง 4. อาจทําใหมวี ิวฒั นาการลดลง และอาจลดความอยูรอดของเผาพนั ธุได(เพราะมคี วามเหมอื นกันเปน จาํ นวนมาก) 5. มนุษยย งั มปี ญหาดานจริยธรรม เชน อยางในกรณีการปลกู ถา ยทดแทนอวัยวะของมนุษยเ พราะตอง ทําคนทเ่ี หมอื นกนั ออกมาแลว นําอวัยวะของโคลนนัน้ มาปลกู ถา ยแทนที่อวัยวะคนท่เี ปนตนแบบ ซ่ึงทํา ใหค นทถ่ี กู โคลนออกมามีอวยั วะไมครบ 6. มีปญหาในทางดานกฎหมายในการพสิ จู นจ ําแนกผูก ระทาํ ผดิ ในคดีตางๆ โดยใชการตรวจดเี อน็ เอ เพราะโคลนมีดีเอ็นเอหมอื นกบั คนตนแบบทําใหยากทจ่ี ะจําแนกไดวาคนท่เี ปนตนแบบหรือโคลนเปน ผูกระทําผิด หรือแมแ ตล ักษณะรปู รา งหนา ตาทเี่ หมือนกันอาจทาํ ใหพ ยานระบุผดิ คน เปนตน 7. ท่หี ากเกดิ คดั สายพันธทุ เ่ี ปน ตนแบบในการโคลนนิง่ ผิดหรือมีลกั ษณะท่ีไมด ตี ามคาดอาจมผี ลเสยี อ่ืน ตามมาทีหลงั ได นอกจากนี้แลว การโคลนนิ่งน้นั ยงั สามารถชวยในการปลูกถาย หรือทดแทนอวัยวะของ มนษุ ย ซ่งึ อาจจะเปนอวัยวะทเี่ ขา กันไดโ ดยภูมิคุมกันตวั เอง ลดความเลยี่ งในการใชยากดภมู คิ ุมกัน หรือ อาจจะชวยในการรักษาผปู วยทเ่ี ซลลส มองตาย อาจจะนาํ การโคลนนงิ่ น้นั มาพัฒนาเพอ่ื ใชก ระตนุ ใหเซลลส มองเกดิ การแบง ตัวทดแทนเซลลเดิมทส่ี ญู เสียไปแลวไดน ัน่ เอง

ถึงแมวา การโคลนนงิ่ นน้ั จะสามารถชว ยเหลือทางการแพทยไดอ ยา งมากมาย แตการโคลนนงิ่ น้นั กม็ ขี อ เสียเชน เดยี วกนั คือ อาจจะทําใหก ารพฒั นาสายพันธทุ ่ีดีมนี อยลง และ อาจจะทําให วิวฒั นาการลดลง และยงั รวมไปถึงอาจจะลดการอยูร อดของเผาพนั ธลุ งได ถงึ แมวา ปจ จุบันยังไมมกี ารยอมรบั เทคโนโลยีการโคลนนิ่งมากเทา ไหรน ัก แตน กั วทิ ยาศาสตร สวนใหญก ย็ งั คงคาดหวงั วา จะสามารถพฒั นาการโคลนน่ิงใหไปสูการโคลนนิง่ มนษุ ยได เพื่อการทดลอง ทางเทคโนโลยี สกู ารพัฒนาที่ทันสมัยและสามารถใชประโยชนจากการพัฒนาเหลานเ้ี พอ่ื ใหม นษุ ย สามารถดํารงชีวิตตอ ไปไดด ว ยความสะดวกสบายที่มากข้ึน แตถึงแมวาความสะดวกสบายตา ง ๆ จะ เปนส่ิงทมี่ นุษยท กุ คนตองการกต็ าม แตเ ราก็ควรที่จะดาํ รงและสบื ทอดเอกลกั ษณหลาย ๆ อยา งท่เี ปน สิ่งทส่ี ืบตอ กันมาจากรุนสูรนุ การประยุกตใชการโคลนนงิ่ ปจ จุบนั มสี ัตวห ลายชนดิ ท่เี กิดจากวิธีการโคลนนิง่ ไดแก แกะ โค หนถู บี จักร สกุ ร แมว กระตาย มา หนขู าว เฟอรเร็ต กระบอื และอฐู ทาํ ใหน กั วิทยาศาสตรใหค วามสนใจในการศึกษาเร่อื งตา งๆ แตกแขนง ออกไปมากขึน้ เชน การดดั แปรพันธุกรรมของเซลลตน แบบ กอ นท่จี ะนํามาโคลนนงิ่ การนาํ ตัวออ นท่ีผลติ ได จากการโคลนน่งิ มาผลติ เซลลตน กําเนดิ การโคลนน่ิง เพ่ือนําไปใชในการรกั ษาโรค ทางการแพทย การโคลนนิ่ง เพื่ออนุรักษแ ละเพ่ิมจํานวนสัตวท ใี่ กลสูญพันธุ โดยมีรายละเอียดดงั นี้ ๑ การโคลนน่งิ เพือ่ ประโยชนท างการแพทยและการรกั ษาโรค ๑.๑ การโคลนนง่ิ ผลิตเซลลตนกาํ เนดิ ตวั ออ นเพอ่ื ใชร กั ษาโรค เซลลต นกาํ เนดิ ตัวออน (embryonic stem cell) ไดจากตวั ออ นระยะกอ นฝงตวั เปนเซลลท่ยี ังไมม ี หนาท่ีเฉพาะเจาะจง สามารถแบงเซลลไดอ ยางไมจ ํากัด มีความสามารถในการพัฒนาไปเปนเซลลใดๆ กไ็ ด เมอื่ ไดรบั การกระตนุ ที่เหมาะสม จากสภาวะแวดลอ ม หรอื จากสารอาหารทีใ่ ชเ ลี้ยงเซลล การผลิตตัวออน เพ่อื นํามาผลติ เซลลต น กําเนิดนน้ั สามารถทาํ ได โดยการใชต ัวออนที่เกดิ จากการปฏิสนธิตามธรรมชาติ การทาํ ปฏสิ นธใิ นหลอดแกว หรอื การโคลนนง่ิ แลวนําตวั ออ น ที่อยใู นระยะบลาสโตซีสตม าสกดั แยกเซลลไ อซเี อม็ (ICM: Inner Cell Mass) จากนัน้ นาํ เซลลไอซเี อม็ ทไี่ ด มาเลี้ยงบนเซลลพ เี่ ลี้ยง ในน้าํ ยาทเ่ี หมาะสมนาน ๕-๗ วัน หลงั จากนน้ั เซลลไ อซเี อม็ จะเจริญเปน เซลลต นกาํ เนดิ ตัวออ น ตวั ออ นท่เี กดิ จากการปฏสิ นธิตามธรรมชาติและการปฏสิ นธใิ นหลอดแกว จะมสี ารพันธกุ รรม ของพอ และแมป นกันอยู เมอ่ื นาํ ตวั ออ นท่ีไดม าผลติ เซลลตนกําเนิดตวั ออน เพอ่ื ใชรักษาคนไข อาจทาํ ใหร างกายเกดิ การตอ ตา นเซลลท ี่ปลูกถา ย แมจะเปน บคุ คลใกลชดิ ทางพันธกุ รรมก็ตาม การนําวธิ ีการโคลนน่ิงมาใชผลิตตัว ออ น ระยะบลาสโตซสี ต เพ่อื นําตวั ออ นทีไ่ ดมาผลติ เซลลต นกําเนิดตัวออน จงึ เปนวธิ ีท่กี าํ ลังศึกษากันอยาง แพรหลาย เพราะสามารถใชเ ซลลจ ากผปู วย มาเปน เซลลตนแบบในการโคลนน่ิง เพอื่ ผลติ เซลลตนกําเนิดตัว ออ นได ซึ่งเซลลตน กําเนดิ ตัวออ นท่ไี ด จะมีการแสดงออกของระบบภมู ิคุมกนั เหมือนกับผปู วย ทเ่ี ปน เจา ของ

เซลลต น แบบ ทาํ ใหส ามารถนาํ ไปใชรักษาผปู ว ย โดยไมมกี ารตอ ตา น ของระบบภูมคิ มุ กัน เรียกวิธีน้วี า การ รกั ษาดวยเซลลตน กาํ เนดิ ที่มรี ะบบภูมคิ มุ กัน เหมอื นคนไข (patient-specific stem cell therapy) ทง้ั นี้ เซลลตนกําเนดิ จะตอ งกระตนุ ใหพ ฒั นาไปเปน เซลลเ ปาหมายทต่ี องการ นาํ ไปรักษาคนไข จึงจะสามารถใชงาน ไดจ รงิ เชน กระตุนใหเ ปนเซลลบ ตี า (beta cell) ที่ผลติ อินซูลนิ สําหรบั นาํ ไปปลกู ถายใหแกค นไข เพอ่ื ใหผลติ อินซลู นิ ออกมารักษาโรคเบาหวานในกรณีปว ยเปน โรคเบาหวานชนดิ ที่ ๑ หรือการผลติ เซลลป ระสาททส่ี ามารถ ผลิตสารส่อื ประสาทโดปามีน เพอ่ื นํามาใชร กั ษาผูปวยโรคพารกนิ สัน ซงึ่ มกี ารทดลองโคลนน่ิงเซลลตน กาํ เนดิ ตวั ออนไดเ ปนผลสาํ เร็จในลิงวอก เมือ่ พ.ศ. ๒๕๕๐ และลา สดุ ใน พ.ศ. ๒๕๕๖ ไดป ระสบความสําเร็จในมนุษย ๒. การโคลนนิง่ สัตวทดลองเพอ่ื ใชในงานวจิ ัย สัตวทนี่ ิยมนํามาใชใ นการทดลองสวนมากคือ สตั ววงศห นู ซึง่ จากการทดลองครง้ั หนึ่งๆ ตอ งใช สัตวท ดลองเปน จํานวนมาก เพอ่ื ใหไดค วามแมน ยาํ หลงั คาํ นวณคาทางสถิติ สว นหน่ึงเปนเพราะสัตวแ ตล ะตวั ที่ ใชท ดลอง มลี ักษณะทางพนั ธุกรรม ไมเหมือนกนั ทุกประการ จงึ ทาํ ใหม กี ารตอบสนองตอการทดลองไมเทา กนั การท่จี ะลดความแปรปรวนเหลานลี้ งได จะตอ งทํา โดยเพิม่ จาํ นวนสัตวทดลองใหมากขึน้ การผลติ สตั วทดลอง ทีม่ คี วามเหมือนกันทุกประการโดยวิธกี ารโคลนนิง่ ทําใหค วามแปรปรวน ของผลการทดลองมนี อยลง และใช สตั วทดลองนอ ยลง แตก ย็ งั ใหผลการทดลองท่นี า เชือ่ ถือไดเ หมือนเดิม นอกจากสตั ววงศห นแู ลว เฟอรเรต็ ยัง เปนสตั วทีน่ าสนใจในการทําโคลนน่งิ เพื่อนําลูกท่ไี ดม าทําการทดสอบตา งๆ ในการวจิ ัย เนื่องจากเฟอรเรต็ เปน สัตวท นี่ ยิ มใชในการศึกษาเกยี่ วกับกลไกท่ีทําใหเกดิ โรคของไวรสั รวมถึงการศกึ ษาเกี่ยวกบั การทําใหเ กิดโรค โดยไวรัสไขหวัดใหญในมนุษยด วย ทัง้ น้ี มีรายงานความสาํ เรจ็ ในการทําโคลนนงิ่ เฟอรเร็ตใน พ.ศ. ๒๕๔๙ อยา งไรกต็ าม การโคลนนงิ่ ยงั มีปญหาเกย่ี วกับอตั ราการแทง สงู นอกจากนย้ี งั มกี ารตายกอ นเกดิ ระหวา งเกิด และหลงั เกิดมาก จําเปน ตองหาทางแกไขปญหาเหลา น้ี จึงจะทาํ ใหสามารถผลติ ลกู สัตวโ คลนนิ่งไดจํานวนมาก พอตอ การนาํ ไปใชในงานวิจยั ๓. การโคลนนง่ิ เพอ่ื ผลิตยารกั ษาโรค การโคลนนงิ่ เพอื่ การผลติ ยารักษาโรคตองมกี ารดดั แปรพนั ธุกรรมของเซลลต นแบบกอน แลวจึงนํา เซลลตน แบบเหลา นัน้ มาโคลนนงิ่ การดัดแปรพันธุกรรม หมายถึง การนําเอายีนอืน่ มาแทรกเขา ในจีโนมของ เซลลตน แบบ โดยยีนทอ่ี ยใู นจโี นมของเซลลต น แบบ จะสามารถถา ยทอดไปยงั ลกู หลานได ยีนทนี่ ํามาใสเพ่ิมนม้ี ี ประโยชนใ นดา นตา งๆ เชน เปนยนี ทค่ี วบคุมการผลิตเอนไซม ฮอรโมน และโปรตนี ตา งๆ ทีม่ ีคุณคาและมี ประโยชนต อมนุษย โดยเปน โปรตีนทใี่ ชใ นการบําบดั รักษา (therapeutic protein) เชน ยนี แอลฟา-๑-แอน ไททริปซิน (alpha-1-antitrypsin) ใชใ นการรักษาโรคซสิ ติกไฟโบรซีส (Cystic Fibrosis: CF) และภาวะมี อากาศในเนอ้ื เยื่อ (emphysema) ยีนฮิวแมนแฟกเตอร ๘ (human factor VIII) และแฟกเตอร ๙ (factor IX) ใชร ักษาโรคฮโี มฟเลีย (hemophilia) ดังนน้ั การดัดแปรพนั ธุกรรมของเซลลต นแบบกอ นนาํ มาโคลนนงิ่ จะเปน ประโยชนอ ยา งมาก เพราะเซลลต นแบบทดี่ ัดแปรพันธกุ รรมแลว สามารถเล้ยี งใหเพิ่มจาํ นวนไดอยางไมจ าํ กัดใน สภาวะท่เี หมาะสม เมื่อนําเซลลต น แบบ ทด่ี ดั แปรพันธกุ รรมแลว ไปโคลนนิง่ ตวั ออนทุกตวั ท่ีผลติ ไดจะเปน ตัว

ออ นดัดแปรพนั ธกุ รรม และเมื่อนาํ ตัวออ นถายโอนใหต ัวรับ จะมโี อกาสไดสัตวดัดแปรพันธกุ รรมเกดิ มาจํานวน มาก การผลติ โคดดั แปรพนั ธกุ รรมถูกนาํ มาใชป ระโยชนกนั อยางแพรหลาย ในการผลิตโปรตีนที่มปี ระโยชนตอ มนษุ ย หรือโปรตีนทใี่ ชในการรกั ษาโรคซึง่ มมี ลู คาสงู เพราะสามารถผลิตไดในปรมิ าณมาก โดยการใหโ ปรตนี เหลา นัน้ หล่ังออกมากบั นา้ํ นม และนํานา้ํ นมมาสกดั โปรตีนทีต่ องการ จากน้ันจึงทําใหบ ริสุทธิ์ ปจ จุบัน มีบรษิ ทั หลายแหง ทีท่ าํ วิจัย เพื่อผลติ โปรตีนทางการแพทยท่ีใชใ นการรักษาโรค โดยการผลติ สตั วดดั แปรพนั ธุกรรม ๔. ผลติ อวยั วะสาํ รองสําหรับปลกู ถา ยใหแกผูปวย นอกจากการดดั แปรพนั ธุกรรมของเซลลต น แบบจะมีประโยชนในดา นการศึกษาวิจัย และผลิตโปรตนี ทางการแพทย ทใ่ี ชใ นการรักษาโรคแลว การนาํ เซลลต นแบบทดี่ ดั แปรพันธกุ รรมแลวมาโคลนนงิ่ ยังมี ประโยชน เพือ่ ศึกษาวจิ ัย ดานการปลกู ถายเซลล เนือ้ เย่อื หรือระหวา งอวัยวะของสัตวช นดิ หนึ่งไปยงั สตั วอกี ชนิดหนงึ่ หรอื เรียกวา การปลูกถายขา มชนิดสตั ว (xenotransplantation) ในสหรัฐอเมรกิ ามีการปลูกถา ย อวยั วะกนั มากในแตละป และยงั มผี ปู วย ที่รอการปลูกถายอวัยวะเปน จํานวนมาก การผลิตอวัยวะสาํ รอง เพื่อ ใชป ลกู ถา ยใหแกมนุษยม ักศึกษาโดยใชส กุ รเปน สตั วท ดลอง หลายคนสงสัยวา ทําไมตอ งเปน สกุ ร เนอื่ งจากสัตว ในวงศไพรเมต เชน ลิงชนดิ ตางๆ นา จะมีลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ที่ใกลเ คียงกบั มนุษยมากกวาสกุ ร แตปจจบุ นั การโคลนนง่ิ ลงิ โดยใชเซลลรา งกายลิงเปนเซลลตนแบบยังไมป ระสบความสาํ เร็จ เมือ่ ไดพ จิ ารณาจากสัตวห ลายชนิดทป่ี ระสบความสาํ เร็จในการโคลนนิง่ แลว ก็พบวาสกุ รเปนสตั วที่ เหมาะสมมากกวา สัตวชนดิ อ่นื เนอ่ื งจากอวยั วะของสุกรมีขนาดใกลเ คียงกบั อวัยวะของมนษุ ย การโคลนนิ่งสกุ ร จงึ ประสบความสาํ เรจ็ เปนอยา งดี นอกจากนี้ สุกรใหลูกเปน ครอก ครอกละหลายตวั ดังน้ัน ถา สามารถผลติ สุกรดัดแปรพันธกุ รรมจากการโคลนนิ่ง แลว นาํ สุกรทผ่ี ลิตได ไปผสมพันธุใหเ พม่ิ จํานวนมากๆ กอ นที่จะนาํ อวยั วะน้ันมาปลูกถายใหแกมนุษย กน็ า จะมีความเปนไปไดส ูง ๒. การโคลนนิ่งเพื่อเพิ่มจํานวนของสตั วป า สตั วใ กลส ญู พันธุ หรอื สตั วส ูญพนั ธุ โดยทว่ั ไปวิธีการโคลนนิง่ สามารถแบง ออกเปน ๓ ชนดิ ไดแก ๑. การโคลนนิ่งภายในชนิดเดียวกัน (Intraspecies cloning) เปน วธิ กี ารใชเซลลตนแบบและไซโทพลาซมึ ผูรบั ของสัตวชนดิ เดียวกันมาโคลนนงิ่ ๒. การโคลนนิ่งขามชนดิ และขา มสกลุ (Interspecies and genus cloning) เปน วธิ ีการใชเซลลตน แบบของสตั วช นดิ หนงึ่ และใชไซโทพลาซึมผูรบั ของสตั วอกี สกุลหน่งึ มาโคลนน่ิง ๓. การโคลนนงิ่ ขา มสกลุ (Intergeneric cloning) เปน วิธีการใชเซลลตนแบบของสัตวส กุลหน่งึ และใชไ ซโทพลาซึมผรู ับของสตั วอีกสกุลหน่ึงมาโคลนน่งิ ประโยชนของการโคลนนง่ิ มีหลายดา นดังทไี่ ดก ลา วมาขา งตน ไมว าจะเปนทางดานเทคโนโลยกี ารแพทย การ ปศสุ ตั ว การอนรุ กั ษสัตวปา หรอื การเพม่ิ จํานวนของสัตวเล้ยี ง แตเ ทคโนโลยีการโคลนนิ่งอาจเปน โทษ ถา นําไปใชผ ดิ วัตถปุ ระสงค เชน การโคลนนงิ่ มนษุ ยส าํ หรบั ใชเปน แหลง อวัยวะทดแทน อยา งไรก็ดี เทคโนโลยีนี้จะ

มปี ระโยชนหรือโทษขึ้นอยูกับผทู จี่ ะนําไปใชงาน ดงั นัน้ ควรไตรตรองเลอื กใชเ ทคโนโลยใี นทางท่เี หมาะสม เพ่ือ เปนประโยชนส ขุ ตอ มนษุ ยชาตติ อ ไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook