อย่างไรก็ตามมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวถึงเมืองเวียงคุกในช่วงสมัยพระเจ้า- พระหนิ ทรายรูปกลบี ขนนุ สรุ ยิ วงศาธรรมกิ ราช (พ.ศ. ๒๑๘๓-๒๒๓๗) จากบนั ทกึ การเดนิ ทางสนู่ ครเวยี งจนั ทนข์ อง วาน วสู ทอฟ ทูตการค้าชาวฮอลันดา ในป ี พ.ศ. ๒๑๘๔ ได้กลา่ วถงึ เมืองคุก หรอื เมืองเวียงคุก วา่ “เมอื งคุก นอกจากนีบ้ ริเวณรอบอุโบสถ มีการนา� กลีบขนนุ ของประสาทหนิ มาใช้ โดยกลบี ขนนุ หิน เสนาอามาดของเจ้าชีวิตเวียงจันทน์ลงมาพบพวกเฮาอยู่ที่น้ัน เซิ่งบ่ห่างจากเวียงจันทน์ปานใด สลกั เปน็ เทวรปู และรปู คลา้ ยพญานาคเหลา่ น ี้ คาดวา่ มอี ายอุ ยใู่ นศตวรรษท ่ี ๑๖-๑๘ ซงึ่ เปน็ โบราณ พวกเพ่ินพิจาระนาและตวดดเู นอื้ ความของสาน เซงิ่ ทา่ นผวู้ า่ ราชกานโฮลงั ดาท่อี ินดูเนซีถือมานั้น วตั ถทุ มี่ คี วามนา่ สนใจ โดยชาวบา้ นถอื เปน็ ของดปี ระจา� หมบู่ า้ นและเอาไวโ้ ชวน์ กั ทอ่ งเทย่ี วทเ่ี ขา้ มา กานตวดนี้เฮ็ดไปตามขนบประเพณีทางราชกานอานาจักลาว...” (เขียนตามต้นฉบับภาษาลาว) เท่ยี วชม ซ่ึงแสดงใหเ้ หน็ วา่ ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเมอื งเวยี งคกุ เปน็ เมืองทา่ ทางการค้า สา� หรบั เมอื งเวยี งคกุ นน้ั ตามเอกสารประวตั จิ งั หวดั หนองคาย เขยี นเอาไวว้ า่ เมอื งเวยี งคกุ - สว่ นพระธาตทุ ง้ั สององคข์ องวดั เทพพลประดษิ ฐารามไมพ่ บประวตั ศิ าสตรก์ ารสรา้ งทแี่ นช่ ดั ซายฟอง ตัง้ อยู่ที่บ้านเวยี งคกุ ตา� บลเวียงคุก อา� เภอเมอื ง จงั หวัดหนองคาย ส่วนเมืองซายฟองนน้ั โดย “พระธาตอุ งคท์ ศิ ใต”้ และ “พระธาตอุ งคท์ ศิ เหนอื ” ทง้ั สององคม์ ลี กั ษณะโดยรวมคลา้ ยคลงึ กนั อยู่ตรงกันข้ามกับเวียงคุก ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้�าโขง ในอดีต คือ เมืองเดียวกัน คล้ายกัน แต่มีรายละเอียดบางประการแตกต่างกัน และแลดูทรวดทรงองค์ทิศเหนือเพรียวกว่าองค์ทิศใต้ กับเวียงจันทน์ที่เป็นเมืองเดียวกับเมืองพานพร้าว (ศรีเชียงใหม่) ยังเป็นท่ีวิเคราะห์กันไม่จบว่า โดยพระธาตุองค์ทิศใต้ พระธาตุประธานของวัดเทพพลประดิษฐารามเป็นเจดีย์ทรงปราสาท ระหว่างเวียงคุกฝั่งไทย กับเมืองซายฟอง ฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมืองไหน ยอดองคร์ ะฆงั เพมิ่ มมุ กอ่ ดว้ ยอฐิ ถอื ปนู รปู แบบทเี่ หน็ ในปจั จบุ นั ผา่ นการบรู ณะมาจากกรมศลิ ปากรแลว้ จะเปน็ เมอื งเวยี งคา� คแู่ ฝดเมอื งเวยี งจนั ทน ์ ทเ่ี คยมคี วามสา� คญั มากในสมยั พทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๖-๑๙ มขี นาดความกว้างและความยาวด้านละ ๑๐.๕๐ เมตร สงู ประมาณ ๒๐-๒๑ เมตร ประกอบด้วย ล�าดับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของเมืองเวียงคุก มีปรากฏไว้ในมุขปาฐะพื้นบ้าน ส่วนฐาน ส่วนเรือนธาตุและส่วนยอด พระธาตุองค์ทิศเหนือ พระธาตุบริวารของ ตา� นานอุรังคธาตุ กระท่งั หลักฐานทางโบราณคด ี ซึง่ สามารถสรปุ ได้วา่ เมอื งเวยี งคุกเปน็ ท่ีต้งั ของ วัดเทพพลประดิษฐาราม เป็นเจดีย์ทรงปราสาทยอดองค์ระฆังเพิ่มมุม ก่อด้วยอิฐและฉาบปูน ชมุ ชนโบราณต้ังแตก่ ่อนพทุ ธศตวรรษท ี่ ๑๘-๑๙ ซ่งึ เปน็ ชว่ งทีก่ ลุม่ ชนลาวลา้ นชา้ งได้อพยพลงมา มีรูปแบบคล้ายกับพระธาตุทิศใต้ ปัจจุบันผ่านการบูรณะจากกรมศิลปากรแล้ว มีขนาด จากแควน้ ทางใตแ้ ละเขา้ ครอบครองดนิ แดนบา้ นเมอื งแถบลมุ่ แมน่ า้� โขงตอนกลาง ซง่ึ เปน็ ทต่ี ง้ั ของ ความกวา้ ง ๑๐.๒๖ เมตร ความยาว ๑๐.๔๕ เมตร สงู ประมาณ ๑๙-๒๐ เมตร ประกอบดว้ ย สว่ นฐาน เมืองเวยี งจันทน–์ เวยี งค�า สว่ นเรือนยอด และส่วนยอด เวยี งคกุ ในพทุ ธศตวรรษท ี่ ๑๔-๑๙ ดงั ทก่ี ลา่ วมาแลว้ วา่ เมอื งเวยี งคา� (เวยี งคกุ ) เปน็ คแู่ ฝด นอกจากน้ันกลุ่มโบราณสถานเมืองเวียงคุก ที่เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยล้านช้างมีอยู่ ของเมอื งเวยี งจนั ทน ์ ในขณะทศี่ นู ยอ์ า� นาจการปกครองของพวกลาวลา้ นชา้ งยงั อยทู่ างแควน้ เหนอื หลายแหง่ อาท ิ วัดสาวสวุ รรณ พบพระธาตขุ นาดยอ่ ม มรี ูปสลักเทวดา หรอื พระโพธิสตั ว์ และ (ตั้งแต่บริเวณเมืองชวา–หลวงพระบาง ไปถึงหนองแสตอนใต้ของจีน) ชุมชนบ้านเมือง นางปรชั ญาปรามติ า ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ศลิ ปะขอม วดั ยอดแกว้ มโี บราณวตั ถทุ สี่ า� คญั คอื พระพทุ ธรปู หินลักษณะคล้ายพระพุทธรูปที่ระเบียงวัดพระธาตุหลวง เวียงจันทน์ นักวิชาการสันนิษฐานว่า หนองคาย 101 เป็นเทวรูปฉลองพระองค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ และอาจดัดแปลงเป็นพระพุทธรูปภายหลัง และวัดศรมี งคลพบโบราณวตั ถสุ �าคญั คอื เสมาหิน ๘ ใบ มอี ายุตรงกบั สมยั ทวารวดแี ละอาจจะ ร่วมสมัยกับโบราณวัตถุที่เมืองเวียงค�า (ซายฟอง) ฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งอย่ฝู ่ังตรงข้ามเมอื งเวยี งคุก 100 เส้นทางทอ่ งเท่ียว มรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
ในแถบลมุ่ แมน่ ้า� โขงท่ตี งั้ เมืองเวียงจันทน์–เวยี งคุก (เวียงคา� ) คือ กล่มุ ทน่ี กั ประวตั ิศาสตรเ์ รียกวา่ พระธาตุบงั พวน สว่ นหนงึ่ ของเจนละบก ซงึ่ หลกั ฐานทมี่ อี ยใู่ นเมอื งเวยี งคกุ เรมิ่ ปรากฏชดั ขน้ึ ในสมยั ทวาราวดตี อนตน้ จนถึงตอนปลาย เนื่องจากพบทั้งเทวรูปหินสมัยก่อนพระนคร (นครวัด–นครธม) ที่วัดยอดแก้ว วัดพระธาตุบังพวน ต้ังอยู่ท่ีอ�าเภอเมือง จังหวัดหนองคาย อยู่ห่างจากถนนมิตรภาพ สันนษิ ฐานวา่ อาจจะเปน็ รปู เคารพพระอศิ วร ของกลุ่มผนู้ บั ถอื ศาสนาพราหมณ์–ฮินดู นอกจากน้ี เพยี งแค ่ ๑๘ กโิ ลเมตรเทา่ นนั้ วดั แหง่ นสี้ รา้ งเมอ่ื พ.ศ. ๒๒๐๐ ตามตา� นานกลา่ วไวว้ า่ เมอื่ ประมาณ ก็มีเสมาหินในพระพุทธศาสนาสมัยทวารวดีอีกมากตามโบราณสถานวัดวาอารามเก่าในเขตเมือง สองพันปีเศษ พระอรหันต์เข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ได้น�าพระบรมธาตุ เวียงคกุ รวมทงั้ ศิลปะสมยั ทวารวดีแบบลพบรุ ดี ว้ ย ของพระพทุ ธเจ้าสว่ นทเี่ ป็นหวั หนา่ วมาดว้ ย นอกจากนั้นในต�านานพระอุรังคธาตุ ระบุว่ามีกลุ่มคนทางแคว้นศรีโคตรบูร อพยพจาก จากนั้นพระยาจันทบุรีประสิทธ์ิ สักกเทวะ เมืองเวียงจันทน์ ทราบเรื่องจึงมาสักการะ เมอื งรอ้ ยเอด็ มาตง้ั เมอื งทป่ี ากหว้ ยคคุ า� ซงึ่ เปน็ ชว่ งเวลาเดยี วกบั ทม่ี กี ารตง้ั บรเิ วณหนองคนั แทเสอ้ื นา�้ และสรา้ งเจดยี ข์ นึ้ บรรจพุ ระธาตเุ รยี กกนั วา่ พระธาตบุ งั พวน สมยั ตอ่ มาพระไชยเชษฐาธริ าชกษตั รยิ ์ ของเมืองสุวรรณภูมิแต่ก่อนเป็นเมืองเวียงจันทน์ แสดงว่าในช่วงก่อนพุทธศตวรรษท่ี ๑๔-๑๕ แหง่ ลา้ นชา้ ง ไดม้ าบรู ณะเจดยี แ์ ละสรา้ งวดั ขนึ้ หลงั จากนน้ั มกี ารสรา้ งและพฒั นาวดั จนถงึ ปจั จบุ นั ชุมชนเมืองเวียงคุกเคยเป็นบ้านเป็นเมืองมาก่อนหน้านี้ แล้วต่อมาจึงได้พัฒนามากขึ้นตามล�าดับ ไดร้ บั พระราชทานวสิ งุ คามสมี า เมอ่ื พ.ศ. ๒๒๑๐ เขตวสิ งุ คามสมี า กวา้ ง ๔.๒๐ เมตร ยาว ๑๒.๖๐ เมตร การรับเอาอิทธิพลวัฒนธรรมท่ีกลุ่มคนจากแคว้นทางใต้น�ามาจากบ้านเมืองของตน และผสม วดั พระธาตบุ งั พวน ตง้ั อยเู่ ลขท ่ี ๑๗๒ บา้ นพระธาตบุ งั พวน หมทู่ ี่ ๓ ตา� บลพระธาตบุ งั พวน กลมกลืนกับวัฒนธรรม หรือ มีอิทธิพลเหนือกว่าในล�าดับต่อมา ซ่ึงรูปแบบการแย่งชิงอ�านาจ อ�าเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ท่ีดินตั้งวัดมีเน้ือท่ี เหนอื ดนิ แดนอน่ื โดยเฉพาะพน้ื ทหี่ า่ งไกลจากศนู ยก์ ลางการปกครองอยา่ งเวยี งจนั ทน–์ เวยี งคกุ (เวยี งคา� ) ๑๐๒ ไร่ ๒ งาน ปชู นียวตั ถุมพี ระธาตุบังพวนบรรจุอัฐิองค์สัมมาสมั พุทธเจ้า พระปรางค์ ๓ องค ์ อาจเปน็ แบบคอ่ ยเปน็ คอ่ ยไป เชน่ อยใู่ นรปู แบบของการแผอ่ ทิ ธพิ ลทางความคดิ ความเชอื่ มากกวา่ เจดียเ์ ลก็ ๗ องค์ พระพทุ ธรปู พระประธานใหญ ่ และพระนาคปรกขนาดใหญ่ จะเป็นการแยง่ ชงิ ดว้ ยอาวธุ และก�าลงั ทหาร ล�าดับต่อมาเมื่อขอมเรืองอ�านาจ สามารถแผ่อิทธิพลไปท่ัวดินแดนสุวรรณภูมิจนถึง หนองคาย 103 ลมุ่ แมน่ า้� โขงตอนกลางนด้ี ว้ ย ในชว่ งพทุ ธศตวรรษท ่ี ๑๖-๑๗ ซงึ่ พบพระพทุ ธรปู หนิ รวมทงั้ ศลิ าจารกึ และปราสาทขอมโบราณกระจายอยู่ท่ัวไปในเขตเวียงคุกและซายฟอง (ที่ชัดเจนที่สุดคือ เทวรูป ฉลองพระองค์ของพระเจ้าชัยวรมันท่ี ๗ เวียงคุกพบท่ีวัดยอดแก้ว ส่วนซายฟองก็พบพร้อม ปราสาทขอม) แสดงว่าชุมชนเมืองเวียงคุกในสมัยนั้นคงมีขนาดใหญ่และมีความส�าคัญขนาดที่ กษัตรยิ ์ขอมโบราณต้องแผ่อทิ ธิพลมาให้ถงึ ทต่ี ง้ั : ๔ หมทู่ ่ี ๒ บา้ นเวยี งคกุ ถนนแกว้ วรวฒุ ิ ตา� บลเวยี งคกุ อา� เภอเมอื ง จงั หวดั หนองคาย กำรเดนิ ทำง : สามารถเดนิ ทางเขา้ สู่ตา� บลเวยี งคกุ ได้สองทางคือ ตามเสน้ ทางหนองคาย- ท่าบ่อ ระยะทางประมาณ ๑๕ กิโลเมตร และเส้นทางจากตา� บลบังพวน-เวียงคุก ระยะทาง ๘ กิโลเมตร เบอรต์ ดิ ตอ่ : สา� นกั งานวัฒนธรรมจงั หวดั หนองคาย ๐ ๔๒๔๑ ๓๒๔๗-๘ 102 เสน้ ทางท่องเที่ยว มรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม
พระพุทธรปู โบราณและพระนาคปรก “สัตตมหาสถาน” และบอ่ พญานาค ซ่งึ เป็นบ่อน้�าศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิของจังหวัดหนองคาย ตามต�านานเล่าว่า ในสมัยพระเจ้าจันทบุรีครอง ส�าหรับการบูรณะพระธาตุบังพวนนั้นได้รับการบูรณะเรื่อยมา จนต่อมาระยะขาดการ นครเวียงจันทน์ ได้ตรัสสั่งให้หมื่นกางโฮงมาเป็นเจ้าเมือง บูรณะจนองคพ์ ระธาตุบงั พวนทรุดโทรมลงตามกาลเวลา จนเอียงจากศูนย์ ประมาณ ๔๐ องศา เวียงคุก ในครั้งน้ันมีพระอรหันต์ ๓ องค์ ต่อมาได้น�า กระทั่งวันที่ ๒๑ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๑๙ กรมศลิ ปากรได้บูรณะขน้ึ ใหม่โดยสา� รวจขดุ เจาะฐานลึก พระบรมธาตุหัวหน่าวไปประดิษฐานที่ภูเขาหลวงคือ ถึง ๕ เมตร แบบเห็นหินหนาจึงหยุดขุด แล้วก่อสร้างโครงเหล็กรอบฐานก่อคอนกรีตเสริมใหม ่ พระธาตบุ งั พวน เมอื่ พระเจา้ กรงุ เวยี งจนั ทนแ์ ละหมนื่ กางโฮง ฐานล่างเป็นศิลาแลงสงู เมตรเศษ ต่อมาเป็นอิฐฐานทกั ษิณ ๓ ช้นั บัวคว�า่ ๒ ชัน้ ตอ่ ดว้ ยรปู ปรางค ์ ทราบเร่ือง จึงพรอ้ มกนั สร้างพระเจดียธ์ าตุบงั พวน (ข้โี ผ่น) สเ่ี หลยี่ มบวั ปากระฆงั ระฆงั ควา�่ บวั สายรดั ๓ ชนั้ รบั ดวงปลบี วั ตมู แลว้ ตงั้ ฉตั ร ๕ ชนั้ เนอ้ื ทองแดง ขน้ึ ประดษิ ฐานพระบรมธาต ุ ปดิ ทอง ชว่ งบนนซี้ มุ้ ปฏมิ าฐานลา่ งกวา้ งดา้ นละ ๑๗.๒๐ เมตร สงู ถงึ ยอดฉตั ร ๓๔.๒๔ เมตร ศลิ ปะ ต่อมาในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชย้ายราชธานี ประยกุ ตจ์ ากเชงิ บัวรับปรางค์ซุ้มเหมอื นพระธาตุพนม จากหลวงพระบางมายงั นครเวยี งจนั ทนใ์ นราว พ.ศ. ๒๑๐๓ วนั ท ่ี๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐ สมเดจ็ พระสงั ฆราช (วาสนมหาเถระ) เสดจ็ มาบรรจพุ ระอรุ งั คธาตุ ทรงเกิดพระศรัทธา โปรดฯ ให้ก่อพระเจดีย์ใหญ่ครอบ ซ่ึงแบ่งมาจากพระธาตุพนมที่ล้มลง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ ประดิษฐานไว้บนพระธาตุบังพวน พระธาต ุ เสรมิ ทบั ดว้ ยอฐิ เผา ภายหลงั วดั พระธาตุบังพวน องค์ปัจจุบัน วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ ไดถ้ กู ทงิ้ รา้ งไปจนกระทง่ั พ.ศ. ๒๔๙๒ พระครเู จตยิ านรุ กั ษ์ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ในรชั กาลท ี่ ๙ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอเจา้ ฟา้ ๒ พระองค ์ ได้บูรณะวัดข้ึนใหม่จนเป็นที่เคารพศรัทธาแก่คนทั่วไป เสด็จมาเปน็ องคป์ ระธานฯ และร่วมยกฉัตรสยู่ อดพระธาตบุ ังพวน ท่ามกลางพุทธบรษิ ทั ลน้ หลาม ครั้นเม่ือวันท่ี ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๓ องค์พระธาตุ ถึงกว่า ๓๐,๐๐๐ คน รว่ มในพธิ ี ไดห้ กั พงั ลงมาตงั้ แตส่ ว่ นยอดถงึ องคร์ ะฆงั ในป ี พ.ศ. ๒๕๒๑ ทตี่ ้งั : ๑๗๒ หมู่ที่ ๓ ตา� บลพระธาตุบงั พวน อ�าเภอเมือง จังหวัดหนองคาย กรมศลิ ปากรจึงได้ดา� เนินการปฏิสังขรณ์ กำรเดนิ ทำง : หา่ งจากตวั เมอื งหนองคายประมาณ ๒๐ กโิ ลเมตร ตามถนนมติ รภาพ ขบั รถ ลกั ษณะศลิ ปกรรมพระธาตบุ งั พวนเปน็ กลมุ่ โบราณสถาน จากตวั เมอื งหนองคายประมาณ ๑๑ กโิ ลเมตร เจอแยกเลย้ี วขวาไปตามถนนหลวงหมายเลข ๒๑๑ ขนาดใหญ่ ประกอบด้วย เจดีย์จ�านวน ๑๕ องค์ วิหาร (หนองคาย-ทา่ บอ่ ) ขบั ตรงไปถึงบริเวณกโิ ลเมตรท ่ี ๑๐ วดั จะอยูท่ างขวามือ ๓ หลัง อุโบสถ ๑ หลัง บ่อน้�าโบราณ และเนินดินอีก เบอรต์ ิดตอ่ : ส�านักงานวฒั นธรรมจังหวดั หนองคาย ๐ ๔๒๔๑ ๓๒๔๗-๘ ๙ เนิน ล้อมรอบด้วยแนวก�าแพงอิฐด้านทิศเหนือมีขนาด ความยาว ๑๗๐ เมตร มปี ระตอู ยกู่ งึ่ กลางกา� แพง ดา้ นทศิ หนองคาย 105 ตะวนั ตก ยาว ๑๕๕ เมตร ดา้ นทศิ ตะวนั ออก ยาว ๑๘๕ เมตร สว่ นด้านทิศใต้ถกู ท�าลายไปมาก พระธาตุเจดยี ์มหี ลายขนาด องคใ์ หญท่ ่สี ดุ คือ พระธาตบุ ังพวน นอกนน้ั เปน็ เจดยี บ์ รวิ ารรปู ทรงและขนาดตา่ ง ๆ อาท ิ เจดยี ท์ รงปราสาทมซี มุ้ จระนา� เจดยี ท์ รงกลม เจดีย์ทรงแปดเหลีย่ ม เป็นต้น วิหาร ๓ หลงั ประกอบด้วย วิหารใหญ ่ (วหิ ารพระเจ้าใหญ)่ บรู ณะและท�าหลังคาคลมุ ไว ้ ยังคงเหลือเสาศิลาแลงขนาดใหญ่ดั้งเดิมอย ู่ ๔ ต้น วิหารอกี หลังคอื วหิ ารพระนาคปรกและวหิ าร นอ้ ยอีกหนงึ่ หลัง โดยท่ีวัดพระธาตบุ งั พวนนี้ ไดม้ ีการกอ่ สรา้ งเจดยี ์ “สตั ตมหาสถาน” ครบท้ัง ๗ สัปดาห์ ซึ่งเป็นทีน่ า่ เที่ยวชมยิง่ นัก 104 เส้นทางทอ่ งเท่ยี ว มรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม
ศลิ าจารกึ วัดแดนเมือง ตอ่ มา เมืองปากห้วยหลวงในฐานะเพอื่ นเมืองของราชอาณาจักรลา้ นช้างเชยี งทอง จงึ ทวี ความส�าคัญมากข้ึน เมื่อเวียงจันทน์เป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองในสมัยต่อมา หลักฐาน วดั บ้านแดนเมือง (วดั ปจั จันตบุรี) ทีพ่ บในเมืองโบราณปากหว้ ยหลวง ซ่งึ ตัง้ อยู่ ณ ปากน้�าห้วยหลวง หรือ ทต่ี งั้ ของอ�าเภอโพนพิสัย อ�าเภอโพนพิสัย หรือ เมืองโพนพิสัยในอดีต คือ เมืองปากห้วยหลวง มีฐานะเป็นเมือง จังหวัดหนองคายปัจจุบัน พบว่ามีซากวัดร้างจ�านวนมากและวัดที่ยังใช้การอีกจ�านวนหน่ึง ลูกหลวงมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านช้างเชียงทอง (หลวงพระบาง) โดยเจ้าเมืองปากห้วยหลวง และพบวา่ มศี ลิ าจารกึ มากทส่ี ดุ แหง่ หนง่ึ ในการสา� รวจเมอื งโบราณ ภาคอสี านและลาวเปน็ ศลิ าจารกึ มีราชทินนามว่า พระยาปากห้วยหลวง เมืองปากห้วยหลวงน่าจะเป็นบ้านเป็นเมืองมาต้ังแต่ ด้วยอักษรไทน้อย (คล้ายอักษรลาว) แต่การกล่าวถึงเมืองปากห้วยหลวงในพงศาวดารลาว สมัยปลายทวารวดี ปรากฏช่ือเมืองปากห้วยหลวงในพงศาวดารลาวมาต้ังแต่สมัยพระเจ้าฟ้างุ้ม มอี ยบู่ า้ งและไมต่ อ่ เนอื่ ง การศกึ ษาพฒั นาการของเมอื งปากหว้ ยหลวงจงึ เทยี บเคยี งจากพงศาวดารลาว แหง่ อาณาจกั รลา้ นชา้ งประวตั ศิ าสตรล์ าว ทม่ี หาสลิ า วรี ะวงศ ์ เรยี บเรยี งไวถ้ งึ ตอนทพ่ี ระเจา้ ฟา้ งมุ้ ทเี่ คยกลา่ วถงึ เจา้ เมอื งปากหว้ ยหลวงในเหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ในราชอาณาจกั รลา้ นชา้ ง และศลิ าจารกึ ยกทพั มาตเี อาเวยี งจนั ทน ์ เวยี งคา� และบา้ นเมอื งแถบทางใตอ้ าณาจกั รลา้ นชา้ งเชยี งทอง ครง้ั นนั้ ได้ ทพ่ี บอยู่ในบรเิ วณเมอื งปากห้วยหลวง เมอื งปากหว้ ยหลวงรวมไวใ้ นราชอาณาจกั รของพระองคด์ ว้ ย จงึ นา่ จะยนื ยนั ไดว้ า่ เมอื งปากหว้ ยหลวง และตามต�านานการก่อสร้างเมืองโพนพิสัยน่ีเอง ทุกวันนี้ยังปรากฏหลักศิลาจารึกอยู่ มีความส�าคัญมาในยคุ เดียวกนั กบั เวยี งจนั ทน์ เวียงคา� ๒ หลัก ท่ีวดั แดนเมอื ง โดยจารกึ วดั แดนเมือง ตา� บลวดั หลวง อ�าเภอโพนพสิ ยั จังหวัดหนองคาย เมื่อสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงย้ายเมืองหลวงมาตั้งท่ีนครเวียงจันทน์ เมื่อปี ต้งั วัดเมือ่ พ.ศ. ๒๓๒๐ เปน็ วัดที่ชาวบ้านช่วยกนั สรา้ งอยู่ก่งึ กลางระหว่างเมืองโพนพิสัยกบั เมอื ง พ.ศ. ๒๐๙๓ แลว้ เมอื งปากหว้ ยหลวงกย็ งั มฐี านะเปน็ เมอื งลกู หลวงดงั ทเ่ี คยเปน็ มา ตง้ั แตเ่ มอื งหลวง อ้ายหูด ชื่อวัดแดนเมืองตามชื่อหมู่บ้าน ต่อมาพระมหาอูดเจ้าคณะอ�าเภอโพนพิสัยได้เปล่ียนช่ือ ตงั้ อยทู่ เี่ ชยี งทอง (หลวงพระบาง) เจา้ เมอื งปากหว้ ยหลวงทกุ พระองคท์ ม่ี าเปน็ พระยาปากหว้ ยหลวง เปน็ วัดปจั จนั ตบรุ ีและไดร้ บั พระราชทานวสิ งุ คามสมี าเม่ือ พ.ศ. ๒๓๔๘ นับว่าเป็นบุคคลส�าคัญในราชวงศ์ของอาณาจักรล้านช้าง เพราะถือว่าเมืองปากห้วยหลวง แตป่ ระวัติการก่อสร้างวดั จากศลิ าแดนเมอื ง ๑ วา่ เกา่ แกไ่ ปกวา่ นั้น คอื ระบวุ า่ สร้างในปี เป็นเมืองส�าคัญเมืองหนึ่งรองมาจากเวียงจันทน์ ตามล�าดับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ จลุ ศกั ราช ๘๙๒ ตรงกบั พ.ศ. ๒๐๗๓ อยใู่ นชว่ งสมยั พระเจา้ โพธสิ าลราช แหง่ ลา้ นชา้ ง โดยเจา้ ปาก การต้ังถิ่นฐานของกลุ่มชนในแถบลุ่มแม่น�้าโขงตอนกลาง ที่ต่อมาหลังพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ (เจ้าเมืองปากห้วยหลวง) ได้รับพระบรมราชโองการจากพระยาโพธิสาลราช พระราชทานที่ดิน สันนิษฐานวา่ เวียงนกยูง เวยี งจัว่ เวยี งจนั ทน ์ เวียงคา� และเปงจาน อาจลดความส�าคัญลงในสมยั สร้างวัดแดนเมือง สร้างให้แก่ พระยานคร (เจ้าเมืองนคร) ผู้มากินเมือง คือ มาครองเมืองเป็น ทีร่ าชอาณาจกั รล้านชา้ งเชยี งทองเข้มแข็งจนกลายเปน็ ศูนยก์ ลางแหง่ อา� นาจในแถบลมุ่ แม่นา�้ โขง เจ้าเมืองห้วยหลวงคนใหม่ นอกจากน้ียังได้ปรากฏประวัติการสร้างวัดแดนเมืองในศิลาจารึก แทนพวกขอมซ่งึ เคยแผ่อ�านาจการปกครองมาถึงบริเวณน ้ี ท่พี ิพธิ ภัณฑ์หอพระแก้ว เมอื งเวียงจันทน ์ เลขทะเบยี น หพก I/๖ ระบุจุลศกั ราช ๙๖๖ ตรงกับ พ.ศ. ๒๑๔๗ มีข้อความกล่าวว่า พระโพธิวรวงสากษัตราธิราชเจ้า พระราชทานเขตที่ดินแก่ 106 เส้นทางท่องเทย่ี ว มรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรม วัดแดนเมืองเปน็ อุปการแกพ่ ระรตั นตรยั ซงึ่ นา่ จะเป็นวดั เดยี วกบั วัดแดนเมอื ง รูปแบบศิลปกรรมเป็นศิลาจารึกแดนเมือง ๑ เป็นใบเสมาหินทรายแบบแผ่นแบนหัก เปน็ ๒ ทอ่ น ทอ่ นบนสูง ๘๑ เซนติเมตร กวา้ ง ๕๐.๕ เซนติเมตร ท่อนลา่ งสงู ๔๑ เซนติเมตร ปัจจุบันทางวัดได้หลอ่ ปนู เช่ือมตดิ แลว้ จารึกดว้ ยอกั ษรไทน้อยรุ่นแรกทย่ี งั ไม่มอี ิทธิพลของอกั ษร ธรรมมาปะปน จารึกท้งั ๒ ดา้ น มดี วงฤกษ ์ ระบจุ ลุ ศกั ราช ๘๙๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๐๗๓ หนองคาย 107
ค�าอ่านศลิ าจารกึ วดั แดนเมอื ง วหิ ารทส่ี รา้ งเพ่ือจัดแสดงศลิ าจารกึ วัดแดนเมือง ด้านท ่ี ๑ ศิลาจารึกวัดแดนเมือง ๒ เป็นใบเสมาหินทรายแบบแผ่นแบน มีความสูงขนาด คา� อา่ นศิลาจารกึ วดั แดนเมอื ง ๑๓๙ เซนติเมตร กวา้ ง ๗๑ เซนติเมตร จารกึ ดว้ ยอกั ษรไทนอ้ ยด้านเดียวจา� นวน ๒๘ บรรทัด ระบุ ด้านท่ี ๒ จลุ ศกั ราช ๘๙๗ ตรงกบั พ.ศ. ๒๐๗๘ เนอ้ื ความกลา่ วถงึ พระบรมราชโองการของพระเจา้ โพธสิ าลราช ได้ประกาศให้ช่วยกันฟื้นฟูพุทธศาสนา 108 เสน้ ทางท่องเทย่ี ว มรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม อารามต่าง ๆ ในเมอื งจนั ทบรุ ี (เวยี งจนั ทน์) ปัจจุบันบริเวณวัดปัจจันตบุรีไม่มีร่องรอย อาคารโบราณ คงเหลอื แตศ่ ลิ าจารกึ ๒ หลกั นี้ ทไ่ี ดถ้ กู เกบ็ รกั ษาเอาไวใ้ นวหิ ารปญั ญาโสภณ อนุสรณ์ เพ่ือให้ประชาชนได้เข้าไปเย่ียมชม และสกั การะพระพทุ ธรปู ในวิหารดังกลา่ ว เจดียภ์ ายในวดั แดนเมือง หนองคาย 109
ศาลากลางหลงั แรกและจวนผู้ว่าราชการเก่าเมอื งหนองคาย อโุ บสถและศาลาการเปรยี ญภายในวดั แดนเมือง ศาลากลางหลงั แรก ท่ปี ัจจุบันไดบ้ รู ณะและน�ามาท�าเป็นพิพธิ ภณั ฑจ์ งั หวัดหนองคาย นอกจากนั้นในวัดแดนเมืองแห่งนี้ยังมีอาคารศาลาการเปรียญขนาดใหญ่ที่สร้างด้วย ศาลากลางหลังแรก ไม้ แม้จะมีร่องรอยการช�ารุดเสียหายไปบ้าง แต่ยังมีการใช้ประโยชน์ด้านพระพุทธศาสนาอยู่ เมอื งหนองคาย และใกล้ ๆ กันมีอุโบสถสร้างใหม่สวยงามที่ใช้ในการประกอบศาสนพิธีและบวชพระสงฆ์ด้วย เช่นกัน พระครูวุฒิปัญญาโสภณ เจ้าอาวาสวัดปัจจันตบุรี (วัดแดนเมือง) บอกว่า ส�าหรับ จังหวดั หนองคายมีสถาปตั ยกรรมดเี ดน่ อย่ ู ๒ แห่งคือ ศาลากลางจงั หวัดหลงั เก่า หลังท่ี ๑ หลักศิลาจารึกท้ัง ๒ แผ่นน้ัน เดิมวางไว้ท่ีศาลาริมน้�าโขง มีคนเข้าออกไปเย่ียมชมอยู่เร่ือย ๆ และจวนผู้ว่าราชการหลังเก่า โดยศาลากลางจังหวัดหลังเก่า หลังที่ ๑ ตั้งอยู่ท่ี อ�าเภอเมือง แต่เกรงจะหาย พอมีการสร้างวิหารปัญญาโสภณอนุสรณ์แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ท่ีผ่านมา จงั หวดั หนองคาย ตงั้ อยดู่ า้ นหลงั ของศาลากลางหลงั ท ี่ ๓ ทป่ี จั จบุ นั เลกิ ใชแ้ ลว้ เปน็ ศาลากลางหลงั แรก จึงไดน้ �าเอาหลักศลิ าจารกึ ทง้ั ๒ แผน่ เขา้ มาตดิ ตัง้ ภายในวิหารเพือ่ กันแดด กันฝน และเปดิ โอกาส ของจงั หวดั หนองคายทตี่ งั้ อยใู่ กลแ้ มน่ า�้ โขงมากกวา่ ศาลากลางหลงั อนื่ ทสี่ รา้ งในสมยั ตอ่ มา ถอื เปน็ ให้ญาติโยมไดเ้ ขา้ เยย่ี มชมอย่างท่ัวถึง โดยภายในวิหารมีพระพทุ ธรูปประดิษฐานอยดู่ ว้ ย อาคารตกึ หลังแรกของมณฑลลาวพวน สร้างในปี พ.ศ. ๒๔๔๐-๒๔๔๔ สา� หรบั วดั แดนเมอื งนต้ี ง้ั อยกู่ อ่ นเขา้ พน้ื ทอี่ า� เภอโพนพสิ ยั หา่ งจากตวั อา� เภอเมอื งหนองคาย ลักษณะทางสถาปัตยกรรม ถือว่าเป็นอาคารที่ทันสมัยและสวยงามที่สุดในสมัยนั้น คือ ประมาณ ๓๐ กโิ ลเมตร อยฝู่ ่งั ด้านซา้ ยมือก่อนเขา้ ตวั อา� เภอโพนพิสยั ประมาณ ๘ กิโลเมตร โดยมี เป็นอาคารตกึ ก่ออิฐถือปูนแบบชั้นเดยี ว ศิลปะโคโลเนยี ล (Colonial) ตามแบบฝรั่งเศสผสมญวน ป้ายบอกช่ือวัดอย่างชดั เจนอยบู่ ริเวณซา้ ยมือ ซงึ่ เปน็ ทนี่ ยิ มกนั ในยคุ สมยั นน้ั คอื มมี ขุ หนา้ ยนื่ ออกมาดา้ นหนา้ อาคารและหนา้ ตา่ งทา� เปน็ อารค์ โคง้ ทต่ี ง้ั : วดั ปัจจนั ตบรุ ี หมูท่ ี่ ๓ ต�าบลวัดหลวง อา� เภอโพนพิสัย จงั หวัดหนองคาย ๔๓๑๒๐ ที่มบี วั หัวเสารองรบั จงึ ดสู วยงามกลมกลืนตลอดทัง้ ตวั อาคาร พ้ืนปูดว้ ยไม้กระดาน ส่วนหลังคา ท�าเปน็ ชัน้ ลดหลน่ั เปน็ ระดบั ตามลักษณะของอาคารทม่ี หี ้องใหญ่ ๆ อย ู่ ๓ ห้องคือ มุมดา้ นซา้ ย กำรเดนิ ทำง : เดนิ ทางตามถนนสาย หนองคาย–โพนพสิ ยั พอขา้ มหว้ ยหลวงเข้าอ�าเภอ มมุ ดา้ นขวา และหอ้ งทมี่ มี ขุ หนา้ อยตู่ รงกลาง โดยทา� ทางเดนิ เปน็ ระเบยี งหนา้ อาคารเชอื่ มหอ้ งตา่ ง ๆ โพนพิสัย สังเกตซ้ายมือจะมีป้ายวัดปัจจันตบุรี อยู่ด้านซ้ายและเล้ียวรถเข้าไป วัดจะอยู่ด้าน เข้าด้วยกนั มงุ ด้วยกระเบอ้ื งดินเผา ซ้ายมือตดิ แมน่ า้� โขง เบอร์ติดต่อ : เจา้ อาวาสวัดพระครวู ุฒิปญั ญาโสภณ ๐๘ ๑๗๒๖ ๙๔๕๖ หนองคาย 111 110 เสน้ ทางท่องเทย่ี ว มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
ศาลากลางหลังแรกในประวัติศาสตร์ จวนผูว้ า่ ราชการจังหวัดหนองคาย (หลงั เกา่ ) เมืองหนองคาย นอกจากนนั้ ยงั มจี วนผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หนองคาย โดยจวนผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หนองคาย ผอู้ อกแบบและควบคมุ การกอ่ สรา้ ง คอื มหาอา� มาตยต์ รพี ระยาอดลุ ยเดช สยาเมศวรภกั ด ี หลังเก่าน้ี ตัง้ อยเู่ ลขท่ี ๒๔๙ ถนนมีชยั ตา� บลในเมือง อ�าเภอเมอื ง จงั หวดั หนองคาย มีเนอื้ ท่ี ๘ ไร่ พริ ิยะพาหะ (อยุ้ นาครทรรพ) เมอ่ื คร้งั ท่านดา� รงตา� แหนง่ เป็นขา้ หลวงโยธาธกิ ารมณฑลลาวพวน ๓ งาน ๒๒ ตารางวา ตามหนังสอื ส�าคัญ ส�าหรบั ท่หี ลวง (นสล) ฉบับท่ี ๕๘๒/๒๕๓๐ ที่มีสัมพันธ์อันดีกับฝรั่งเศสที่อยู่ตามแนวชายแดนจึงได้ข้ามไปเรียนวิชาวิศวะ-สถาปัตย์กับชาว ลักษณะรูปทรงเปน็ อาคารตกึ แบบป้นั หยา ๒ ชัน้ ก่ออฐิ ถอื ปูน ขนาด ๓,๑๔๓ ตารางเมตร ฝรั่งเศสและญวนที่เมืองเวียงจันทน์เสมอ จนสามารถออกแบบอาคารหลังน้ีได้ส�าเร็จ โดยสั่งให้ หลังคามุงกระเบื้องลอนคู่ใหญ่ เสาและพ้ืนสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นสถาปัตยกรรมแบบ แรงงานชาวเมอื งหนองคายชว่ ยกันก่ออิฐเผากระเบ้ืองเพือ่ ทา� การกอ่ สรา้ ง อาคารตกึ หลังแรกของ ฝร่งั เศส มณฑล เลา่ กันว่าท่านควบคุมการก่อสร้างโดยใกล้ชิดถึงกับปีนหลงั คามุงกระเบื้องด้วยตวั เอง ประวัติความเปน็ มานั้น ประกอบ วเิ ศษสนุ ทร, ๒๕๓๑ ระบวุ ่า จวนผวู้ า่ ราชการจังหวัด หนองคายหลังน้ี สร้างข้ึนเม่ือปีพุทธศักราช ๒๔๗๒ โดยอ�ามาตย์เอกพระปทุมเทวาภิบาล ภาพเก่าและหลักศิลาจารึกทถ่ี ูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑจ์ งั หวัดหนองคาย (เยยี่ ม เอกสทิ ธ ์ิ หรอื นาทะทดั ) ขณะดา� รงตา� แหนง่ ขา้ หลวงประจา� จงั หวดั หนองคาย หรอื ตา� แหนง่ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั หนองคาย เปน็ ผคู้ วบคมุ ดแู ลการกอ่ สรา้ งเปน็ เวลา ๓ ป ี โดยใชง้ บประมาณแผน่ ดนิ เสร็จแล้วจึงใช้เป็นท่ีว่าราชการเมืองหนองคายมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๔๗๒ จึงมีการสร้าง จ�านวน ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) โดยมี นายพรมหม สูตรสุคนธ์ (ณ นครพนม) ศาลากลางจงั หวดั หลังใหม่ขนึ้ (หลังท ี่ ๒ และที ่ ๓) สว่ นอาคารหลงั เดิมน้มี กี ารซอ่ มแซมครงั้ ใหญ่ ขณะนน้ั เปน็ เสมยี นตราจงั หวดั หนองคาย อา� นวยการกอ่ สรา้ ง และมผี รู้ บั เหมาคอื ขนุ พพิ ฒั นโ์ ภคา ในปนี ัน้ และใช้เป็นสว่ นราชการหน่วยอื่นตลอดมา สว่ นศาลากลางหลังน้ ี ปัจจุบันองค์การบริหาร- ส่วนจังหวัดหนองคาย ได้น�ามาใช้เป็นพิพิธภัณฑ์จังหวัดหนองคาย เก็บรวบรวมเร่ืองราวประวัติ หนองคาย 113 ความเปน็ มาของชาวหนองคาย ต้ังแตอ่ ดีตถงึ ปัจจุบันเอาไวท้ ีน่ ่ที งั้ หมด 112 เส้นทางท่องเทีย่ ว มรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม
จุดเด่นของอาคารอยู่ท่ีมุมด้านหน้าช้ันบนซ่ึงเป็นห้องโถง มีหน้าต่างโดยรอบสวยงาม ๗.๔ แหล่งท่องเท่ยี วโดยชุมชน ความสา� คัญของจวนผ้วู ่าราชการจงั หวัดหนองคาย เม่อื ปพี ทุ ธศักราช ๒๕๐๙ ได้จดั เป็นทีป่ ระทบั โฮมสเตย์บ้านสีกาย ตั้งอยู่เลขท่ี ๒๕ หมู่ ๖ ต�าบลสีกาย อ�าเภอเมืองหนองคาย ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว รชั กาลท ่ี ๙ และสมเด็จพระนางเจา้ สิรกิ ิตพิ์ ระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ซ่ึงเสด็จพระราชด�าเนินมาเยือนหนองคาย ประทับแรม เสวยพระกระยาหาร ความเป็นมาของโฮมสเตย์ ในช่วงเทศกาลออกพรรษา จังหวัดหนองคาย ในวันขึ้น ๑๕ ค่�า และโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระชาชนชาวจงั หวดั หนองคายไดเ้ ขา้ เฝา้ ชมพระบารมอี ยา่ งใกลช้ ดิ และเคยเปน็ เดอื น ๑๑ จะมปี รากฏการณบ์ ง้ั ไฟพญานาคเกดิ ขน้ึ ในลา� แมน่ า้� โขงมนี กั ทอ่ งเทย่ี วมาดบู งั้ ไฟพญานาค บา้ นพกั ของผูว้ า่ ราชการจงั หวดั หนองคาย มผี ้วู า่ ราชการจงั หวดั หนองคายพกั อาศยั ทงั้ สนิ้ ๒๘ คน ท�าให้โรงแรมในตัวจังหวัดเต็มหมด จึงท�าให้หมู่บ้านในแถบริมแม่น้�าโขงได้มีแขกขอเข้าพักอาศัย โดยเริ่มตั้งแต่พระปทมุ เทวาภิบาล (เยี่ยม เอกสทิ ธ์ิ) เป็นตน้ มา (มหาดไทย, กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ตอ่ มาทางการจงึ ไดเ้ ขา้ มาสนบั สนนุ เปดิ การฝกึ อบรมและการศกึ ษาดงู านเกย่ี วกบั การจดั ทา� และกรมศิลปากร, ๒๕๔๒) หมบู่ า้ นโฮมสเตยข์ นึ้ พรอ้ มทงั้ มอบหมายใหส้ า� นกั งานพฒั นาชมุ ชนจงั หวดั เปน็ หนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบ คร้ังแรกเปิดรับนักท่องเท่ียวมีเพียง ๑๕ ครัวเรือน ต่อมาได้ด�าเนินการประสบผลส�าเร็จได้ขยาย การตกแต่งภายในจวนผู้ว่าราชการจงั หวัดหลังเกา่ ไปเป็น ๔๐ ครัวเรือน จุดเด่นของโฮมสเตย์บ้านสีกาย คือ หาดสีกาย เป็นหาดท่ีขาวยาวท่ีสุด สถานท่ีแห่งนี้ก่อนหน้าน้ีช�ารุดเสียหาย ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน สวยงามมากแต่ทุกวันน้ีหาดทรายหายไป เพราะเขื่อนในแม่น้�าโขง บางส่วนแต่ได้รับการซ่อมแซมและยังใช้ประโยชน์ใน กนั้ น้�าเอาไวแ้ ละปลอ่ ยน้�าไมเ่ ปน็ เวลาทา� ให้หาดทรายหายไปในชว่ งฤดรู อ้ น ปัจจุบัน โดยใช้จัดงานต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและ ได้เสนอสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ โฮมสเตย์บ้านจอมแจง้ ตง้ั อยู่เลขที่ ๔๕ หมู่ ๑ บา้ นจอมแจง้ ตา� บลสกี าย อา� เภอเมือง ข้ึนทะเบียนสถาปตั ยกรรมดีเดน่ พ.ศ. ๒๕๔๔ อีกด้วย หนองคาย ตั้งขึ้นเม่ือปี พ.ศ. ๒๓๙๙ เดิมเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ไม่มีช่ือ สมัยก่อนการคมนาคม ตอ้ งอาศยั เรอื ตามลา� โขง ชว่ งหนา้ แลง้ นา้� นอ้ ยเรอื ตอ้ งจอดพกั ทบ่ี รเิ วณนจี้ นแจง้ (สวา่ ง) จงึ จะเดนิ ทาง ท่ีตั้ง : ตั้งอยู่ถนนมีชัย เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ตรงข้ามกับห้องสมุดประชาชน ตอ่ ไปได ้ จงึ ไดช้ อื่ วา่ “บา้ นแจง้ ” ตอ่ มาไดเ้ พม่ิ คา� วา่ “จอม” นา� หนา้ ชาวบา้ นประกอบอาชพี การทา� นา จังหวดั หนองคาย เย้อื ง ๆ กับโรงพยาบาลหนองคาย เกษตรกรรม และการประมงนา�้ จดื ไดร้ บั รางวลั โลพ่ ระราชทานจากสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ กำรเดินทำง : เดนิ ทางมาตามถนนหายโศก ก่อนจะเลยี้ วซา้ ยเขา้ ถนนมชี ยั และจวนผ้วู า่ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่เป็นหม่บู า้ นเศรษฐกจิ พอเพยี งตวั อยา่ ง ป ี พ.ศ. ๒๕๔๙ ราชการจังหวดั หลงั เกา่ ตง้ั อยมู่ มุ ถนนดา้ นซา้ ยมอื เบอรต์ ดิ ตอ่ : ส�านักงานวัฒนธรรมจังหวดั หนองคาย ๐ ๔๒๔๑ ๓๒๔๗-๘ โฮมสเตย์ปากโสม-ลําภูพาน ตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ บ้านล�าภูพาน ต�าบลผาตั้ง อ�าเภอสังคม รองรับนักท่องเทีย่ วท่ีอยากชม “ธรรมชาติบนฐานธรรมมะ” สมั ผสั วถิ ชี วี ติ ชมุ ชน ขนบธรรมเนียม 114 เสน้ ทางทอ่ งเทีย่ ว มรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม ประเพณี วัฒนธรรมของชาวต�าบลผาต้ัง อ�าเภอสังคม และได้รับมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย จากกรมการทอ่ งเทยี่ วเมอื่ ป ี พ.ศ. ๒๕๕๗ และมสี นิ คา้ ทก่ี ลมุ่ โฮมสเตยผ์ ลติ เอง เชน่ นา้� ดม่ื สมนุ ไพร จากหมากหลอด หมากเบน็ สบู่ เปน็ ตน้ โฮมสเตย์บ้านวังน้ํามอก ตั้งอยู่หมู่ท่ี ๕ บ้านวังน้�ามอก ต�าบลพระพุทธบาท อ�าเภอ ศรีเชียงใหม่ เป็นโฮมสเตย์ท่ีมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนและ ทางดา้ นวฒั นธรรมทชี่ ดั เจน นกั ทอ่ งเทย่ี วสามารถพกั คา้ งคนื แบบโฮมสเตยแ์ ละเทยี่ วเดนิ ปา่ รวมทงั้ ยังรว่ มพิธบี ายศรีสูข่ วญั และซมุ ข้าวพาแลง (รับประทานอาหารเยน็ ดว้ ยกนั ) ซึ่งเปน็ ประเพณขี อง ชาวบ้านวังน�้ามอกในการต้อนรับคนแปลกถิ่นที่มาเยือน จึงสร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือน เป็นอย่างดี มีการจ�าหน่ายสินค้าที่ชุมชนผลิตเอง ได้แก่ ผ้าฝ้าย โคมไฟพาแลง เสื้อผ้าส�าเร็จรูป เปน็ ตน้ โฮมสเตยบ์ า้ นวงั นา�้ มอกไดร้ บั รางวลั กนิ ร ี Award จากการทอ่ งเทย่ี วแหง่ ประเทศไทย เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ และปี พ.ศ. ๒๕๕๓ สาขาองคก์ รสง่ เสรมิ การท่องเที่ยวดีเดน่ หนองคาย 115
โฮมสเตย์บ้านปะโคใต้ ได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์มาต้ังแต่ ๒๘ สิงหาคม พ่อสมจิตร จันท�ามา ประธานท่องเที่ยวชุมชน เล่าถึงชุมชนบ้านเดื่อหมู่บ้านริมฝั่งโขง พ.ศ. ๒๕๕๖ จุดเด่น คอื เป็นศูนย์เรียนร ู้ แหลง่ ศกึ ษาดูงาน เช่น การเลย้ี งปลากระชงั ในแมน่ ้�าโขง กอ่ นจะมาเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ววา่ วถิ ชี วี ติ ของคนในชมุ ชนเปน็ วถิ ชี วี ติ ทเี่ รยี บงา่ ย ชาวบา้ นสว่ นใหญ่ การท�าขนม การท�าปลารมควัน แหล่งเรียนรู้การเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง (ปลูกผักปลอดภัย มีอาชีพท้ังการประมง การเกษตร ท่ีเป็นหัวใจหลักและการท�าปลูกพืชผักแบบข้ันบันได ที่บ้านนาพิพาน หมู่ ๔ เพ่ือส่งขายให้ร้านแหนมเนืองท่ีข้ึนชื่อของหนองคายและอุดรธานี) ตามริมฝั่งแม่น้�าโขง ต่อมาทางชุมชนได้รับการสนับสนุนจากโครงการประชารัฐและสมาคม การจักสานจากไม้ไผ่-เชือกไนล่อน เช่น กระติบข้าว กระเป๋า พานบายศรี เป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่งเสริมธุรกิจทอ่ งเทย่ี วจงั หวัดหนองคายเข้ามาส่งเสริมการทอ่ งเทีย่ ว โดยสา� นักงานพฒั นาชมุ ชน เชงิ อนรุ กั ษธ์ รรมชาตแิ ละวฒั นธรรม มกี ารอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมหมอลา� กลอนพน้ื บา้ น ศาสนสถานโบราณ จังหวัด ท�าให้คนในชุมชนได้รวมตัวกันขึ้นจนกลายเป็น “แหล่งท่องเที่ยวชุมชนบ้านเด่ือ” ในป ี ส�าคัญในพ้ืนท่ี คือ พระธาตุโพนจิกเวียงงัว พระธาตุบุ วิหารวัดใหญ่ศิลปะล้านช้างอายุเกือบ พ.ศ. ๒๕๖๐ ทผ่ี ่านมา ๒๐๐ ปี และจุดชมวิวแม่น้�าโขงหมู่บ้านโอทอปเพ่ือการท่องเที่ยววังบัวแดง บ้านโคกป่าฝาง บ้านหนองบ่อ สถูปทา้ วบารสอยู่ในวดั อดุ มสรรพผล (วัดใหญ)่ บา้ นเดือ จากหมบู่ า้ นเกษตรรมิ โขงสหู่ มบู่ า้ นทอ่ งเทยี่ วรมิ โขง บา้ นเดอื่ เปน็ เพยี งหมบู่ า้ น เล็ก ๆ ห่างจากตวั เมืองหนองคาย ๒๔ กิโลเมตร สภาพหมู่บ้านถกู แยกเป็น ๒ ฝงั่ ฝงั่ แมน่ า้� โขง และฝ่ังฟากถนน ฟากถนนเปน็ ที่นาเอาไว้ทา� นากิน แต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก เพราะนาปีจะถกู น�้าท่วม เสยี หายทงั้ หมดเปน็ เชน่ นม้ี ายาวนาน เพราะหมบู่ า้ นนแ้ี ละจงั หวดั หนองคายทง้ั จงั หวดั มสี ภาพเปน็ เกาะ ลอ้ มรอบดว้ ยนา้� ทงั้ นา้� โขงและลา� นา้� สวย รวมถงึ ลา� นา�้ สาขาของแมน่ า�้ โขงสายอน่ื ๆ ดว้ ย พอถงึ ฤดฝู น นา้� โขงหนนุ ทา� ใหพ้ นื้ ทภ่ี ายในถกู นา้� ทว่ มทง้ั หมด ขา้ วนาปจี งึ กลายเปน็ ขา้ วทง้ิ เพราะนา้� ทว่ มตลอด แต่ชาวบ้านก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะน้�าท่าอุดมสมบูรณ์น้ีเอง จึงฝากชีวิตไว้กับข้าวนาปรัง ซงึ่ พอได้ผลและเอามาไว้กนิ ได้ตลอดปเี ชน่ กนั จากหมู่บา้ นเล็ก ๆ ที่เปน็ เพียงทางผา่ นไปยงั อา� เภอโพนพิสัยและอา� เภอรัตนวาปี อยู ่ ๆ พ่อสมจติ ร จันทา� นา ก็พัฒนาใหเ้ ปน็ หมบู่ ้านท่องเที่ยวท่แี ม้แต ่ พล.อ.ประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชา นายก รัฐมนตรกี ย็ งั มาเยือน พอ่ สมจิตร จันทา� มา และ ขนษิ ฐา จันท�ามา (ลูกสาว) แปลงผักปลอดสารพิษรมิ ฝง่ั โขง 116 เส้นทางท่องเที่ยว มรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม สว่ นอาชพี ของคนในชมุ ชน การปลูกผักแบบขั้นบนั ไดกเ็ ปน็ อีกทางเลือกหนึ่ง เพราะเรม่ิ มี ตลาดเขา้ มา ชาวบา้ นทนี่ จี่ ะใชช้ ว่ งเวลานา้� ในแมน่ า�้ โขงลดระดบั ลงจงึ จะทา� การปลกู ผกั เพราะเมอ่ื ชว่ งนา้� หลาก แลว้ ถงึ เวลานา�้ ลดลง ทา� ใหด้ นิ ตามลา� นา้� โขงจะตกตะกอนเปน็ ดนิ ทด่ี ไี มต่ อ้ งใชป้ ยุ๋ และ ยาฆา่ แมลง ท�าใหผ้ กั ของคนทน่ี เ่ี ปน็ ผกั ปลอดสารพิษ ๑๐๐ เปอร์เซน็ ต ์ สว่ นอาหารท่ีท�าใหล้ กู ค้า กน็ �าผักสวนครัวท่ีสมาชิกปลูก เพือ่ เปน็ การส่งเสริมอาชีพแก่สมาชิกด้วย บางครง้ั มอี อเดอรส์ ่ังผัก เข้ามา ท�าใหม้ กี ารตลาดเกดิ ขน้ึ กับชาวชมุ ชนบา้ นเดือ่ ดว้ ย หนองคาย 117
โฮมสเตย์บา้ นเด่ือ แปรรปู มะเด่ือสผู่ ลติ ภัณฑช์ ุมชน วุ้นมะเด่อื น้�าชามะเดื่อ หากมาทช่ี มุ ชนบา้ นเดอ่ื แลว้ สงิ่ หนง่ึ ทถี่ อื เปน็ เสนห่ แ์ ละความแตกตา่ งทที่ า� ใหช้ มุ ชนบา้ นเดอ่ื พอมีอาหารคาวแลว้ ก็มขี องหวาน ผลมะเดือ่ สกุ ยงั สามารถเอาไปท�าเปน็ วุ้นทม่ี สี ว่ นผสมของ ไมเ่ หมอื นใคร คอื การหยบิ ยกเอาลกู มะเดอ่ื ไมย้ นื ตน้ ทม่ี กั จะเกดิ ตามรมิ ฝง่ั นา้� โดยเฉพาะแมน่ า้� โขง เนื้อมะพร้าว ซ่ึงน�ามาเป็นของหวานในส�ารับอาหารท่ีเอาไว้ต้อนรับนักท่องเท่ียวได้อีก นอกจากนั้น ที่เป็นชื่อหมู่บ้านมาเป็นจุดเด่นและจุดขายของชุมชน โดยพวกเขาได้น�าเอาลูกมะเดื่อมาแปรรูป นา้� ทเี่ อามารบั แขกยงั เปน็ นา�้ ชามะเดอื่ ทม่ี รี สชาตอิ รอ่ ย ไมห่ วานมากนกั แถมดมื่ แกก้ ระหายไดอ้ กี ดว้ ย ทา� เป็นอาหาร นา�้ ด่ืม และสบู่ ซึง่ เปน็ เร่ืองท่นี ่าสนใจอยา่ งมาก นอกจากอาหารและของหวานแล้ว ห่อหมกมะเด่ือ เร่ิมต้นจากอาหาร ที่ชาวชุมชนได้น�า สบูม่ ะเดอื่ ผลมะเดอ่ื สกุ ชาวชมุ ชนยงั เอามาแปรรปู ทา� เปน็ มะเด่ือไปท�าเป็นห่อหมก โดยเอามะเด่ือไป ถุงใสผ่ ลติ ภณั ฑ์ของฝากของชุมชน สบเู่ พอื่ สขุ ภาพไดอ้ กี นอกจากจา� หนา่ ยยงั เอาไว้ มะเดื่อเป็นผกั กินกบั นา�้ พรกิ หมากเลน เป็นส่วนผสมกับปลาและเคร่ืองแกง และน�า เป็นของฝาก และของที่ระลึกส�าหรับคนที่ เอาใบออ่ นของมะเดื่อไปรองหอ่ หมก และทา� ไปเย่ียมเยือนได้อีก เรียกว่าครบวงจรส�าหรับ 118 เสน้ ทางทอ่ งเทย่ี ว มรดกภมู ิปัญญาทางวฒั นธรรม ออกมาหนา้ ตาสวยงาม แถมรสชาตอิ รอ่ ยมาก บ้านเด่ือ กับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ของชุมชน อย่างไมเ่ คยกินที่ไหนมากอ่ น เพ่อื เป็นจดุ ขายให้กับท้องถนิ่ อีกดว้ ย นอกจากนั้นผลของมะเดื่อยังเอา และนอกจากการแปรรูปอาหาร ไปกินเป็นผักแนมกับน้�าพริกได้อีกด้วย ของคนบ้านเดื่อแล้ว ในหมู่บ้านน้ียังอาศัย โดยน�้าพริกที่หมู่บ้านนี้ท�าเรียกว่า “น้�าพริก หาอยหู่ ากนิ ในแมน่ า้� โขง โดยเฉพาะการหาปลา หมากเลน” หรอื นา�้ พรกิ มะเขอื เทศ ทมี่ รี สชาติ พบว่า คนหาปลามีความรู้ในการเข้าถึงปลา อร่อย แปลก พอกินคู่กบั ผกั นานาชนดิ ที่เก็บ ท่ีหลากหลายโดยพิจารณาจากเคร่ืองมือ ได้จากริมฝั่งแม่น้�าโขงที่ชาวบ้านปลูกเอาไว ้ หาปลาพนื้ บา้ นทม่ี หี ลากหลายชนดิ ทอี่ อกแบบ แถมยังเป็นผักปลอดสารพิษ ก็ย่ิงท�าให้กิน มาให้เหมาะสมกับระบบนิเวศย่อยต่าง ๆ ได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจแถมอร่อยมาก ๆ ข อ ง แ ม ่ น�้ า โ ข ง แ ล ะ พ ฤ ติ ก ร ร ม ข อ ง ป ล า อกี ดว้ ย แตล่ ะชนดิ คนหาปลายงั มคี วามรเู้ กย่ี วกบั ปลา ทส่ี งั่ สมจากบรรพบรุ ษุ ทง้ั เรอื่ งของพฤตกิ รรมปลา และการสงั เกตธรรมชาติต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กับ พฤติกรรมของปลา หนองคาย 119
โฮมสเตยบ์ ้านเดือ สว่ นบา้ นแมม่ ำลยั ตอง ใจบญุ นน้ั สามารถรบั นกั ทอ่ งเทย่ี วได ้ ๑๒-๑๔ คน เปน็ บา้ นสองชนั้ ความแตกต่างของบา้ นพักโฮมสเตยท์ นี่ ี่ คือ นกั ทอ่ งเท่ยี วจะเห็นวิถชี วี ิตของคนลมุ่ น�้าโขง แต่ส�าหรับนักท่องเที่ยวจะพักชั้นล่าง ซึ่งจะคล้ายคลึงกับบ้านแม่หนูพิศ แต่จะรับจ�านวนคนเพิ่ม ท่ีคนในชุมชนมีต้นทุนอยู่แล้วคือ “แม่น�้าโขง” และวิวริมน�้าโขง อีกท้ังยังมีสถานท่ีท่องเท่ียว ไดม้ ากกว่า ภายในตัวบา้ นน้ันมที วี ีทสี่ ามารถเปิดดูได ้ มีหนงั สอื ใหห้ ยบิ อา่ นได้ ทางดา้ นวัฒนธรรม มีพระไชยเชษฐา วดั พงั โคน มีวังปนู่ าคา ยา่ นาคี วงั ไคร้ และวงั หลวงพ่อใหญ่ ส�าหรบั ชุมชนบ้านเดื่อนัน้ เรม่ิ กอ่ ตั้งประมาณ ป ี พ.ศ. ๒๔๐๐ ค�าวา่ บ้านเดอื่ ตง้ั ชอื่ ตามชือ่ ทันใจ ทนี่ ักทอ่ งเท่ียวจะสามารถมาเยี่ยมชมได้ ตน้ ไมท้ ี่มจี า� นวนมากบริเวณนัน้ คือ ตน้ มะเดื่อ ชาวบา้ นจงึ เรยี กชื่อหม่บู า้ นน้ีว่า “บ้านเดื่อ” ไมม่ ี ปัจจุบันโฮมสเตยบ์ า้ นเด่อื ทา� ขนึ้ เมือ่ ป ี ๒๕๖๐ พักคนื ละ ๑๕๐ บาท โดยจะมีการแบง่ ประวตั แิ ละไมม่ ใี ครทราบวา่ บคุ คลกอ่ ตงั้ บา้ นนคี้ นแรกชอ่ื อะไร แตส่ นั นษิ ฐานวา่ นา่ จะอพยพมาจาก เงนิ กองกลางจากค่าทพ่ี ักหัวละ ๓๐ บาท เพือ่ นา� มาจดั ทา� อาหารให้กบั นักท่องเท่ียวทม่ี าพกั และ ต�าบลสกี ายส่วนหนง่ึ อัตลักษณข์ องชมุ ชนบา้ นเด่อื คือ การคงไวซ้ ่งึ ศลิ ปวฒั นธรรมพ้ืนบา้ น ทา� ให้ นอกจากนัน้ ก็จะเปน็ รายไดใ้ ห้กับเจ้าของโฮมสเตย ์ พนื้ ท่ีหมู่ท่ี ๒ ต�าบลบ้านเด่อื อ�าเภอเมืองหนองคาย ไดใ้ ชเ้ ปน็ สถานท่ีจัดงาน “เบ่ิงโขง ชมจนั ทร ์ ส่วนค่าอาหารคิดเป็นหัว หัวละ ๘๐-๒๐๐ บาท มีบริการนวด ชั่วโมงละ ๑๕๐ บาท บา้ นเดอ่ื พาแลง แงงวฒั นธรรมรมิ ฝง่ั โขง” ซงึ่ ภายในงานมกี ารสาธติ การทา� กระทงดอกไม ้ การทา� นก ซงึ่ คา่ บรกิ ารนวดจะหกั จากคา่ นวดหวั ละ ๕๐ บาท เพอื่ นา� ไปซอ้ื อปุ กรณก์ ารนวดใหก้ บั นกั ทอ่ งเทยี่ ว จากใบลาน นัง่ รถสามล้อรอบบ้าน ไหว้พระสิ่งศกั ดสิ์ ิทธิค์ บู่ า้ นคู่เมืองชาวบา้ นเดอ่ื ดว้ ย ในครง้ั ตอ่ ไป บา้ นโฮมสเตยท์ ง้ั หมด มอี ย ู่ ๒๐ หลงั คาเรอื น ซงึ่ รบั จา� นวนคนไดท้ งั้ หมดกวา่ ๒๐๐ คน มีทั้งบ้านที่อยู่ติดและไม่ติดริมแม่น�้าโขง อาชีพหลักส่วนใหญ่ของชาวบ้านท่ีท�าโฮมสเตย ์ คือ ทา� นา ท�าสวน และเลีย้ งปลา ส่วนอาหารทจ่ี ดั ให้กบั นกั ท่องเท่ยี วกจ็ ะไปท�ารวมกันในตอนเช้า ทีว่ ดั บา้ นพักแบบโฮมสเตย์ท่บี ้านเด่อื การมาเยือนของนกั ท่องเทยี่ วและผวู้ า่ ราชการจังหวดั หนองคาย อาหารวา่ งและซุ้มรา้ นคา้ รองรับนักท่องเที่ยว ซง่ึ โฮมสเตยแ์ ตล่ ะหลงั จะมลี กั ษณะหอ้ งพกั ทแี่ ตกตา่ งกนั อาท ิ บา้ นแมห่ นพู ศิ อารสิ าโพธิ์ ที่พักของนักท่องเท่ียวจะอยู่ชั้นล่างของบ้านแม่หนูพิศ ส่วนท่ีนอนน้ันเป็นการปูเสื่อเรียงติดกัน ทตี่ งั้ : หากใครสนใจไปเทย่ี วชม ๖ คน และมีผา้ มา่ นปดิ กนั้ จากดา้ นนอก ภายในบา้ นมีเครอื่ งด่มื บรกิ ารฟรี เช่น กาแฟ โอวลั ติน หรอื นอนพักที่บ้านเด่ือแห่งนี ้ สามารถ และน�า้ ดมื่ หากตอ้ งการชมบรรยากาศและเรียนร้วู ถิ ชี วี ติ คนรมิ โขงกส็ ามารถเดนิ ไปไดโ้ ดยใช้เวลา ติดตอ่ ไดท้ ่ี ขนษิ ฐา จนั ทา� มา ประธาน ไมถ่ งึ ๓ นาที ก็จะถงึ จุดชมวิวและในยามเช้าของทกุ วันจะมีบรกิ ารพานกั ทอ่ งเท่ียวออกไปสมั ผสั กลมุ่ ท่องเท่ยี วบ้านเด่อื วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้านทั้งการล่องเรือไหว้พระ และเก็บพืชผักปลอดสารพิษท่ีปลูกริมฝั่งโขง กำรเดินทำง : ใช้เส้นทาง มีทงั้ ผกั กาด กระหล�่าปล ี ผักชี มะเขือเทศ ตน้ หอม และอนื่ ๆ มากมาย หนองคาย–โพนพิสัย กิโลเมตรที่ ๒๔ มองด้านซ้ายมือจะเห็นป้ายท่องเที่ยว 120 เสน้ ทางทอ่ งเทีย่ ว มรดกภมู ิปญั ญาทางวฒั นธรรม วถิ ชี มุ ชนบ้านเด่ือ เบอร์ตดิ ต่อ : ขนิษฐา จนั ท�ามา ๐๘ ๖๙๕๓ ๙๙๙๗ หนองคาย 121
ชมุ ชนทอ่ งเท่ยี วบ้านสีกาย ชุมชนท่องเที่ยวบ้านสีกาย อ�าเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เป็นอีกหน่ึงชุมชนท่ีจัดเป็น ปลาร้าฟสู มุนไพรพรอ้ มจา� หน่าย หมู่บ้านท่องเทย่ี ว โดยปัจจบุ ันได้ยกระดบั เปน็ หมู่บา้ นทอ่ งเทีย่ วนวตั วถิ ี ที่มีคนมาเยี่ยมชมทุกวนั กลอ่ งละ ๑๐๐ บาท และสามารถรองรบั นกั ท่องเที่ยวไดเ้ ป็นจา� นวนมาก โดยหมบู่ ้านแหง่ น้นี อกจากจะมีบ้านพกั ท่ีไดร้ ับมาตรฐานแลว้ ยงั มเี สนห่ ท์ น่ี า่ สนใจมากคือ การท�าปลาร้าฟูสมุนไพร ถือเป็นภูมิปัญญาของคนในหมู่บ้านน้ี การท�าไม่ได้ยากแต่ก็ เรอื่ งอาหารวถิ ถี น่ิ ทนี่ า� เอาผลผลติ จากแมน่ า้� โขงมาแปรรปู และมาทา� เพอื่ ตอ้ นรบั นกั ทอ่ งเทย่ี วจนได้ ไม่งา่ ยหากไม่มีความชา� นาญ เริม่ ตน้ จากการเอาปลารา้ ปลานลิ ท่ีหมกั เอาไวจ้ นไดท้ ่ี มายา่ งให้สุก รบั เสียงช่นื ชมมากมายไมว่ า่ จะเปน็ ปลาร้าฟ ู มะเขือเทศแชอ่ ิม่ มะพรา้ วแกว้ หมอนสมนุ ไพร แล้วแกะเอาเฉพาะเนื้อปลา จากนั้นเอาเน้ือปลาไปทอดให้ฟูพักเอาไว้ ก่อนจะเอาเครื่องปรุง โดยชมุ ชนสกี ายแหง่ นี้อยหู่ ่างจากตัวอา� เภอเมอื งแค่เพียง ๑๘ กโิ ลเมตรเทา่ น้ัน แถมการ ไมว่ ่าจะเป็น พริก หอม กระเทียม ตะไคร ้ ใบมะกรดู ไปทอดใหห้ อม เวลาจะเอาขึ้นโต๊ะ คอ่ ยเอา เดนิ ทางยงั สะดวก โดยหากออกจากวดั โพธชิ์ ยั หลงั ไปกราบนมสั การหลวงพอ่ พระใสแลว้ กส็ ามารถ สว่ นผสมทัง้ หมดมาคลุกผสมกัน เพอ่ื ให้กรอบและฟนู า่ รบั ประทาน เลี้ยวออกหน้าวัด มุ่งตรงไปตามถนนเลียบแม่น�้าโขง ซ่ึงเป็นถนนสายสวยงามและหมู่บ้านแห่งนี้ นอกจากจะไดท้ านทบ่ี า้ นสกี ายแลว้ ยงั สามารถซอื้ เอากลบั ไปกนิ บา้ นไดด้ ว้ ยราคากลอ่ งละ จะอยตู่ รงสดุ ถนนพอดี แค ่ ๑๐๐ บาทเท่านั้นเอง แถมยงั เก็บไดน้ านอีกดว้ ย และจุดรองรับนักท่องเท่ียว และเม่ือมีของคาวก็ย่อมมีของหวาน ของหวานที่หมู่บ้านนี้สามารถเก็บไว้กินนาน ๆ ได้ ก็จะอยู่ภายในวัดและจัดแต่งสวยงาม นอกจากมะพร้าวแก้วที่ขึ้นช่ือแล้ว ยังมีมะเขือเทศแช่อิ่ม พร้อมบริการอาหารท่ีได้มาจากการเอา ทอี่ รอ่ ยและรสชาตดิ ีซง่ึ มะเขอื เทศทเ่ี อามาแชอ่ มิ่ คอื มะเขอื เทศ ผลิตภัณฑ์ในแม่น�้าโขงมาบริการอย่าง ที่เก็บจากริมโขง หากปีไหนราคามะเขือเทศตกต่�า ชาวบ้าน “ปลารา้ ฟสู มนุ ไพร” ทก่ี ลายเป็นอาหาร สามารถเก็บมาแปรรูปขายได้ราคาดี แถมได้ก�าไรครึ่งต่อคร่ึง ขน้ึ โตะ๊ ของเมืองนี้ไปแล้วด้วยเชน่ กัน โดยขายกนั กลอ่ งละ ๓๕ บาท ขายเหมาแบบ ๓ กลอ่ ง ๑๐๐ บาท ขายดีจนท�าไมท่ นั เลยทเี ดยี ว มะเขอื เทศปลอดสารพษิ ริมโขง ก่อนน�ามาแปรรูป ส่วนประกอบการทา� ปลาร้าฟูสมุนไพร มะเขือเทศสดน�ามากรีดเอาเมล็ดออก นา� มะเขอื เทศไปตม้ ใส่น้�าตาล อาหารขึน้ ช่ือบ้านสีกาย หนองคาย 123 122 เส้นทางท่องเทย่ี ว มรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม
ชาวบา้ นสีกายต้อนรบั นักทอ่ งเทย่ี วพรอ้ มกิจกรรมท่นี า่ สนใจมากมาย ข้าวจแี่ ละสนิ คา้ ตลาดทา่ เสด็จ นอกจากนั้นบ้านสกี ายแห่งน ี้ ยังตอ้ นรับแขกบ้านแขกเมอื งและผูส้ นใจมาเยอื น ดว้ ยการ ๗.๕ แหลง่ ท่องเทีย่ วอืน ๆ จัดกิจกรรมการแสดงต้อนรับ อาหาร และตื่นเช้ามานักท่องเท่ียวยังจะได้สัมผัสอากาศริมโขง ตลาดท่าเสด็จ อยู่ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย ติดริมแม่น้�าโขงเดิมเคยเป็นท่าเรือ ทเ่ี ยน็ สบาย พร้อมกับกิจกรรมตักบาตรข้าวเหนยี วรมิ โขงเป็นทีป่ ระทับใจแก่คนมาเยือนย่ิงนัก ทตี่ งั้ : ๔๒๕ หม่ ู ๖ บ้านสกี ายเหนอื ตา� บลสีกาย อา� เภอเมอื ง จงั หวดั หนองคาย โดยสารขา้ มแมน่ า้� โขงไปยงั ฝง่ั ลาว (ปจั จบุ นั ทา่ เทยี บเรอื ไดย้ า้ ยไปอยขู่ า้ งวดั หายโศก) และมรี า้ นคา้ กำรเดนิ ทำง : ใชท้ างหลวงหมายเลข ๒๑๒ (หนองคาย-โพนพสิ ยั ) มงุ่ หนา้ ไปอา� เภอโพนพสิ ยั จา� หนา่ ยสนิ คา้ เปิดทุกวันตง้ั แตเ่ วลา ๐๘.๐๐-๑๘.๐๐ น. มสี นิ ค้าจากกลมุ่ ประเทศอนิ โดจนี เชน่ ประมาณกโิ ลเมตรท่ี ๑๘ มีทางแยกเข้าหมู่บ้านสีกายเหนือ ระยะทางประมาณ ๒ กโิ ลเมตร ประเทศไทย สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว สาธารณรฐั สงั คมนยิ มเวยี ดนาม สาธารณรฐั เบอรต์ ดิ ตอ่ : ดวงไพศร ี นลิ เกต (ประธานกลมุ่ บา้ นสกี ายเหนอื โฮมสเตย)์ ๐ ๔๒๙๐ ๑๐๓๑, ประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี เป็นท่ีนิยมของนักท่องเท่ียว มีสินค้าจ�าหน่ายเป็นจ�านวนมาก ๐๘ ๙๕๗๗ ๔๒๖๗ เชน่ ของทร่ี ะลึก เคร่ืองเงิน เซรามกิ ผ้าไหม อาหารพ้นื เมอื ง เปน็ ตน้ 124 เสน้ ทางทอ่ งเทย่ี ว มรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม ศาลาแก้วกู่ (วัดแขก) ศาลาแก้วกู่ หรือ เรียกกันว่าวัดแขก มีรูปปั้นต่าง ๆ มากมาย ตามคตคิ วามเชอื่ ในพทุ ธศาสนาเรมิ่ สรา้ งเมอื่ ป ี พ.ศ. ๒๕๒๑ โดยหลวงปบู่ ญุ เหลอื สรุ รี ตั น ์ เปน็ สถานท่ี ท่ีมีเทวรูป พระพุทธรูปในปางและขนาดต่าง ๆ จากแดนสวรรค์และนรก เป็นความเช่ือตาม หลักค�าสอนของทุกศาสนา เช่น ศาสนาพุทธ พราหมณ์ ฮินดู ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของ พทุ ธมามกะสมาคมหนองคาย ศาลาแกว้ กตู่ ัง้ อยู่ห่างจากตวั เมืองหนองคาย ประมาณ ๓ กโิ ลเมตร ตามเส้นทางสายหนองคาย-โพนพสิ ยั เปิดเข้าชมต้ังแตเ่ วลา ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น. พพิ ธิ ภณั ฑ์สตั ว์น้ําหนองคาย ตั้งอยู่ภายในพื้นทข่ี องมหาวิทยาลยั ขอนแก่น วทิ ยาเขต หนองคาย เลขท ี่ ๑๑๒ หมทู่ ่ี ๗ ถนนเฉลมิ พระเกยี รต ิ ตา� บลหนองกอมเกาะ อา� เภอเมอื งหนองคาย ห่างจากตัวจังหวดั หนองคายประมาณ ๘ กิโลเมตร เป็นสถานท่แี สดงพันธุ์สัตวน์ �้าที่เปิดจดั แสดง พนั ธ์ุปลาชนดิ ต่าง ๆ ทง้ั ปลาน้�าจืดและปลาน�้าเค็ม พพิ ิธภณั ฑ์สัตว์นา�้ หนองคาย เปิดทุกวนั องั คาร -อาทติ ย์ เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น. หยุดทุกวนั จันทร ์ โดยจะมีโชว์ดา� น�า้ ให้อาหารปลาในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ ์ โดยชว่ งเวลา ๑๓.๔๕ น. จะเป็นเวลา ใหอ้ าหารปลา หนองคาย 125
126 เสน้ ทางท่องเทยี่ ว มรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม หนองคาย 127
เส้นทางท่องเท่ียว วดั จอมทองธรรมคณุ วัดอาฮงศิลาวาส ตลาดริมโขง สาธารณรฐั ประชาธิปไตย มรดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม ประชาชนลาว กลุม่ จังหวัดภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ตอนบน ๑ อุดรธานี หนองคาย เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬ บงกา ำโขง อ ปากคาด ชุมชนบานหนองเด่ิน แม นำโขง ม ศาลเจาแมสองนาง วัดถ้ำศรีธน วัดโพธาราม อ บงุ คลา หนองกดุ ทิง แน (วดั สวางอารมณ) ภสู งิ ห แมนำโขง ภวู วั จวนผูวาราชกตารลวจาศัดังดาหโทลพวาเธดัจเสช์ิาหแดยัลมจ็งั สเกอางนางอ รตั นวาป สาธารณรัฐประชาธิปไตย 2095 ขวางโหวด ประชาชนลาว บัง้ ไฟพญานาค วดั สังขลิการาม อ ศรวี ิไล ภทู อก 212 (การเลนของเด็กไทย) โฮมสเตยบานสกี ายเหนอื สวนศลิ ปริมโขง เลย 211 นำ้ ตกธารทอง พระธาตกุ ลางน้ำ พพิ ิธภัณฑชมุ ชนมชี วี ิต อ โซพสิ ัย 2095 222 น้ำตกชะแนน น้ำตกเจด็ สี บานหาดเบี้ย อ ปากชม ภลู ำดวน แหลงทำครกหนิ ต ชมุ ชาง เขตหามลาสตั วปา อ ปากชม น้ำตกธารทิพย อ สังคม หนองคาย อ พรเจริญ บึงโขงหลง วัดไทย 2267 ศาลปอู อื ลอื อ โพนพิสยั 2267 แกงคดุ คู สวนลุงเผือก จุดชมวิวภูหอ วดั ผาตากเสอื้ วดั หนิ หมากแปง อ เซกา 2026 อ บึงโขงหลง (เกษตรแบบผสมผสาน) ถำ้ ศรมี งคล (ถ้ำดนิ เพยี ง) โฮมสเตยบานเด่อื 212 วดั บานแดนเมอื ง (วัดปจจันตบุรี) อ ศรีเชียงใหม ภูลงั กา วัดศรีคณุ เมือง ชุมชนบานไมโบราณ 2108 ศาลาแกวกู อ เฝาไร ถนนชายโขง หาดนางคอย (พ ศจกิ ายน-พ ษภาคม) อุทยานประวตั ิศาสตร สาธารณรฐั ประชาธิปไตย พระพทุ ธนวมินทรมงคล อ เชยี งคาน พระพทุ ธบาท วัดปาภกู อน ภพู ระบาท อนสุ าวรยี ปราบฮอ 2230 ประชาชนลาว ลลี าทวินคราภิรกั ษ ภทู อก ภคู วายเงนิ อ นายูง อ โพธต์ิ าก อ ทาบอ แทงางนหชยาวงก พพิ ธิ ภณั ฑหนองคาย 2096 วดั เซกาเจติยาราม 2376 2094 2226 หลวงพอ อทุ ยานกดุ ซาง ไป จ นครพนม จบพุดรโชิษคม1มรพเ2ณกวง6รบิวลก8ะุโาาาธลนตรวาอหสากัดตามนรศุดงแาอแรนิ งนงีโตปแพสวกทาอพิมธสนิ์ชรรนพอะัยารรทุแางไภะาปยรสแสูธชาางวาหอดยนอจภตนำไแนาวพดุศรทดหคิษิร2รางรสี1าณชไ1นยอท3าุโงซลบบยตหรกอาิอากัผตันเายากถผเงห2หลกบีเ1มกอืรมวงุ9วรบ็โัดอืว5เบตมกนเดังเนร-าเทแำ้โ2พผาพ(รพว1อหพ2ผาณนม1ัด1ิพธรบวร2ีตหน4ทิตปโชิ์ย0ธิาานอบม้ำหว1าัยนนภโนตาอมบ3ิปเนขนณัำ้ไยนกงุสิเาสฮนาไาตไจน็แหนฑพรตกรสพ)ุดอศณกมไอทราานภึงเชรฮริงกกงามอสาูอยมตชะุนกอืงเีกัถวาธาแลถงษากวิงชรขดศิ่ิน(นราธงาเมโนันทตปวซดิ ราเ2แาพ2ดะค1แยก1รกทอ2ม9ลงะศ2ลีป5-ะตเ9เนูมุพกเลปา4ชยวียยดจงิิสบษรขจ(วเมาตรกภาัยดั หิกิง่ิษากสเากคาตมมอริจรมรือเวสชผดนน)งทชิ วุมล็จ)เิำ้านนวาชภิตตกศำ้สนลเเูกาจรลตออวกสร่ีุดอืยกำราดอชปเภรร2าภง2พมคลท0นคูเอภอวรบ92ารอจพอทุเูภ9ะิว0บารจงอืน2เยืช9ูหธเนือเาลุด3ล9าทาล9สยชยนตีย่9ววมหแสุวงเนวงขหหจั หิวาตจลงภ2อ2รชะว211ผูมักาง39าษ9ตป25ห90เิาตหู จว1อหพออลดย6งวันนาุยน2ยี2-ยวงภ1ธบภ1พำ้ดักจเ1ว5สุูปชูนหกอพิ5รถัน4ัดัตาอบ็แมาะิธ้ำทถอเวงงานลทปผภ้ำสปคเนะนา้ำงิาัณผกภาาับบะ้ำา็บโภฑูหรตง้ิปนูหกลู ้ำลวตเเ2ทนวพวิหำ02วำ้งหยีง1า1สเร4งน2ลถ0พด0โศกัย1าคสนิบกุทพนูศ6นรวลาธรยหูนงแนนุมชนะวก2วยปหกทยแำ้2ัอายศดานินั5อตมรหเถิลนเง0ลผผวตบกกซม้ำปปธาาาีาวงัยีโูบลสร(งไพนนฮน2สทาราาริผ0เธอุงนแมมนิเละ1าิสเลิมลวยธก็นพอตัจย2ัะรนี่ยใาอว2นเุงงำ้งนห4วลไปต-9วโธยทผนลากัดร)าใกสวรถอหเิเวนมกำ้ตญงนผิ้งไอศอหทาหุทวอดหินอยนร2ำมมาอ1เาาน3อกถ8ดผภรฮำ้ ผูวามาอา2ขงโวล4หเศลผา0อัณลฬนูอา0วลมอนางยมิงแรากเชงรพายั-ือรผเวอราอพังินวียเเกรดันลทนะงิ้ ถารรนา้ำูเชอศเวผยัรรางัศศนษยรวฐ้ำาศอนีรกโมาิลำ้ 2ิจสงหหา1พเม4มวากอห1ไรยงศ2็บหเถตบามค1ลอพาวช0ำ้าลบูน้ิลวเียหเนทศาตอังสคองตพใลผยี่นทวมรหรหวรลวาสทอาาเมีบนงะอดห2ำวยงอุวศป3พอภนิ็จณัอุญผ4ลิขูรงูทุทคยา8บาาสรเอธหราหรหมกัวรวแยบิมณินนิอกงรนอืเแภปาหตลคสมบัรทกคหผูลนงาบัคลอโอืแนิบาลงนอหูกงงกยลวังนงนแบลาาโบำบทสาบใถบกาัว2งตบันนยร0้ำางาานด9ผสนตนณ7างาุวคสจแมนไค2รูหศท่ปีมห3ะราดาา5พป-ูณดไลีหพล2นฟตวอางศอคหัานนโยาหยหูบบลลพแบลตนหนาาารกัหอิพปาาพนิงนลอาเ2ลนิธูหมกณใ0ำงพิโบตงภบผ9ค1อืลนบภธิเค8ัณาอืเ5นงกบุมตูัวภสด0นคาอืฑัณโมโีสองนนสลผาฑพีนนนาุสือวานทดาดันนนัตปอถอนห้ำอง2กกนร3คขลลกอ1อตาา4อยงดุอื้วงงบพงเจ2วัารพส1ับโะลว4คพพแ26นบ20ทุลรธ3า2ะะธ1า0บขนบเต5ธบพคราาผาาโณาราวนอนนอืวตทอ่ืนเ2ะนังโนกุบง0ใบคหหบาหเรท22ปงั มงาทนวั211ียพนมพันนสยอื20แรบอวิพด6ศวองาดงงน3หทนิอริธยรปางงรกัภมพีุดเรวผคษณัอรญะาวัธลิณ2จฑอาา1ำซักน1นกษมหอาีลาคนอพวนวรอดั ัดเงท2โ2อแพ3พ1ธอสพ3โิสนลงมสศปนภหารรลรลสะะ2ณหวด0ะใลง2ษิ คักอพ2ฐอ2เรอาม32า12นอืรเด65พงาา5มค็ญวัดมอชัพปณระรมิ2ธ0ะาา2วจ5ตาอุนกั สอ2าษก3ง2หเศมุ 9พ2นลิภ3ญ็ 12ปอว22างาพหปคอทรามะะสธเน2ลา0รอบ2ต2า30วับุ ง2พแาวพ2ค2นดดับิแร3งอเสะ9หลูด3พมมลียยสทุงออมรโรธ2บบสี2กทรกั าร3ปูะ2ูแษนงุ9า0ออณฝเ9กางช6ดคคนว2ียผยบแ2ดงอา2าสี ม2ม5นน0ดัคอเ9ชหรอ6ายีมไมบชงี่ แบคยา2หาำ2นวนชว7พาเ0ะด2ชิพโน3งุียน9ธิ งด3ภณั ฑไทพ2ว2น8บ1 าน2เ0ช9ยี 2ง (สวนลิงวอก) นครพนม เ ย หนองบัว อุ รธานีไป ไป จ สกลนคร ไป อ วารชิ ภูมิ สกลนคร ทุงตนนางพญาเสอื โครง บานกุดกวางสรอย ต บานถน่ิ 227 (ซากุระเมอื งไทย) 227 ภลู มโล ต กกสะทอน ไป อ หลมสกั จ เพชรบูรณ แหลงโบราณคดีโนนพราว อ ศรธี าตุ 2023 อ วงั สามหมอ 228 ต กดุ คู อุทยานแหงชาติ กลุมโฮมสเตยวสิ าหกจิ 2231 2289 ภกู ระดงึ ชุมชนบานเชียงแหว 2019 2133 อทุ ยานแหงชาตภิ ูเกา อ ภกู ระดงึ อ โนนสัง ภูพาน ต บานกอ พิษณุโลก นำ้ ตกตาดฮอง อางเกบ็ นำ้ 2109 เขือ่ นอุบลรตั น ไป จ ชัยภมู ิ สัญลกั ษณในแผนที่ ไป จ ชัยภมู ิ 227 ไป จ กาฬสนิ ธุ ทางหลวงแผนดนิ ชนดิ คู ไป จ ขอนแกน ทางหลวง 2 ชองจราจร เสนทางรถไฟ เสนแบงเขตแดน จงั หวัด อำเภอ แหลงทองเทีย่ ว แมน้ำ 128 เสน้ ทางทอ่ งเท่ียว มรดกภูมปิ ญั ญาทางวฒั นธรรม หนองคาย 129
บรรณานุกรม อรุณศักด์ิ ก่ิงมณี .(๒๕๔๒).ข้อมูลโบรำณคดีโบรำณวัตถุสถำนและแหล่งศิลปกรรมจังหวัดหนองคำย เล่ม ๑ อ�ำเภอเมืองหนองคำย, ส�ำนกั งำนโบรำณคดแี ละพิพธิ ภณั ฑสถำนแหง่ ชำติท่ี ๗ ขอนแกน่ . ขอนแกน่ กรมศลิ ปากร. (๒๕๔๒). ทะเบยี นโบรำณวตั ถ ุ ศลิ ปวตั ถใุ นครอบครองของวดั และเอกชน เลม่ ๔, กรงุ เทพฯ : สา� นกั (เอกสารอัดส�าเนา) พิมพ์สมาพนั ธ์ จา� กดั . เวบ็ ไซต์ กองบรรณาธิการข่าวสด.(๒๕๕๓).เทพ-เทพวะ ศักดสิ์ ิทธ–ิ์ สกั กำระ.กรงุ เทพฯ : มติชน. กลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร ส�านักงานจังหวัดหนองคาย.(๒๕๕๗).แผนพัฒนำจังหวัดหนองคำย เกศิน ี ศรวี งคษ์ า .(๒๕๕๒).เจดยี ท์ รงปรำสำทยอดในศลิ ปะลำ้ นชำ้ ง ภำคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ป ี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๗.สบื คน้ เมอ่ื ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒. จาก http://๒๐๒.๒๘.๑๑๘.๘/nk๒๐๑๕/web/ : กรณศี กึ ษำกลมุ่ พระธำตบุ งั พวน. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญา ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าประวตั ศิ าสตร์ document/index?id=๒๐ ศลิ ปะ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. ทนงศักด ์ิ เลิศพิพฒั น์วรกลุ .(๒๕๖๑).วัดหนิ หมำกเปง้ : หลักหิน เสมำหิน และพิพิธภัณฑ์หลวงป่เู ทสก.์ สืบค้น เขมโชต ภู่ประเสริฐและคณะ.(๒๕๕๑).พัฒนาการชุมชนประวัติศาสตร ์ ริมแม่น้�าโขงจังหวัดหนองคาย.งานวิจัย เมื่อ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒. จาก http://www.sac.or.th/databases/archaeology/ นิเวศวฒั นธรรมริมน�้าโขงจงั หวดั หนองคาย มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . ตรโี รจน์ ไพบลู ย์พงษ์.(๒๕๕๙).ตำมรอยควำมเชอื่ ในเรือ่ งของนำค ณ ดนิ แดนแถบลมุ่ แมน่ ำ�้ โขง. สบื ค้นเมอื่ ๙ ธวชั ปุณโณทก.(๒๕๓๑). ศลิ ำจำรกึ อีสำนไทย-ลำว, กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลัยรามค�าแหง. มกราคม ๒๕๖๒.จาก http://www.lek-prapai.org/watch.php?id=๗๔๐ ธดิ ารตั น ์ สหี ะเกรยี งไกร.(๒๕๕๘).ตำ� นำนและพธิ กี รรมทเ่ี กยี่ วกบั เจำ้ แมส่ องนำง วดั หำยโศก จงั หวดั หนองคำย. วดั ผำตำกเสอื้ เกลด็ พญำนำครมิ โขง.(ม.ป.ป. ) สบื คน้ เมอ่ื ๙ มกราคม ๒๕๖๒. จาก https://www.paiduaykan. (รายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ รายวชิ าคตชิ นวทิ ยา สาขาวชิ าภาษาไทย คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ com/province/Northeast/nongkhai/watphataksue.html มหาวิทยาลัยขอนแก่น) ศรศี กั ร วลั ลโิ ภดม.(ม.ป.ป.).ประวตั อิ ำ� เภอศรเี ชยี งใหม.่ สบื คน้ เมอ่ื ๑๕ มกราคม ๒๕๖๒. จาก http://srichiangmai. ปฐม หงษ์สุวรรณ. (๒๕๕๔). แม่น�้ำโขง : ต�ำนำนปรัมปรำและควำมสัมพันธ์กับชนชำติไท. รายงานวิจัย go.th/files/dynamiccontent/file-๑๓๑๘๐.pdf สนบั สนุนโดยส�านักงานกองทุนสนับสนนุ การวิจยั และส�านกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา. MRG Online.(๒๕๕๐).หนองคำยเปดิ ใชเ้ ขอ่ื นปอ้ งกนั ตลง่ิ แมน่ ำ�้ โขง.สบื คน้ เมอ่ื ๙ มกราคม ๒๕๖๒.จาก http:// ______________. (๒๕๕๔). แม่น้�ำโขง : ต�ำนำนปรัมปรำและควำมสัมพันธ์กับชนชำติไท. รายงานวิจัย www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=๙๕๐๐๐๐๐๑๐๐๗๓๘. สนบั สนุนโดยสา� นักงานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั และส�านกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา. รวบรวมและเรียบเรียงโดย : สมุ าลี สวุ รรณกร ... (ม.ป.ป.) การซอ่ มแซม “สมิ เกำ่ ขำ้ งวดั ผดงุ สขุ ” บำ้ นถนิ่ ดงุ ตำ� บลวดั หลวง อำ� เภอโพนพสิ ยั จงั หวดั หนองคำย, กองบรรณำธิกำร : ธิดารัตน ์ สหี ะเกรยี งไกร พรพรรณ เพช็ รแสน ยวุ ดี วงษส์ ิงห ์ ภรู ฉิ ตั ร ศริ โิ ชคชยั (เอกสารทางทอ้ งถ่นิ สง่ ใหส้ �านักโบราณคดีและพพิ ิธภณั ฑสถานแห่งชาติ) ภำพประกอบโดย : มหาดไทย,กระทรวง กระทรวงศกึ ษาธกิ าร และกรมศลิ ปากร. (๒๕๔๒).วฒั นธรรม พฒั นำกำรทำงประวตั ศิ ำสตร์ กา� ธร กองสมบัต ิ เอกลักษณ์และภมู ปิ ญั ญำจงั หวดั หนองคำย.กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าวฯ. อนศุ าสตร์ โคตรเพชร พระปลดั วิทยา สริ ิภทโท . (๒๕๕๓). ศึกษำควำมเช่อื และพธิ ีกรรมกำรบชู ำพระธำตุของชำวพุทธ : กรณีศกึ ษำ พรพรรณ เพ็ชรแสน พระธำตุหล้ำหนองของประชำชน จงั หวัดหนองคำย. วิทยานิพนธ ์ พทุ ธศาสตร์ มหาบณั ฑิต สาขาวิชา ยวุ ด ี วงษส์ งิ ห ์ พระพทุ ธศาสนา บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. ภรู ฉิ ัตร ศิรโิ ชคชยั ฤดมี าส หนิ นะ .(๒๕๖๒,๑๕ มกราคม). สัมภาษณ.์ นกั เรยี น โขงรัก ค�าไพโรจน์ ภาณุพงศ์ อุดมศิลป.์ (๒๕๕๔).ลทั ธิพธิ กี ำรนับถือเจำ้ แม่สองนำงกบั ชุมชนชำยฝงั่ ลมุ่ น�ำ้ โขง สา� นักงานการท่องเท่ยี วจงั หวดั อุดรธาน ี วทิ ยานพิ นธ ์ ปรญิ ญาอกั ษรศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ สาขาวชิ าภาษาไทย ภาควชิ าภาษาไทย คณะอกั ษรศาสตร ์ อบต.แกง้ ไก ่ อา� เภอสังคม จังหวดั หนองคาย จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . เพจเฟซบุ๊กของทอ่ งเที่ยววิถชี ุมชนบ้านสกี ายเหนือ อ�าเภอเมือง จังหวัดหนองคาย สรุ ศกั ด์ิ ศรีส�าอาง.(๒๕๔๕).ล�ำดบั กษัตรยิ ์ลำว.กรุงเทพฯ : โจเซฟ ปร๊ินทต์ ้งิ เพจเฟซบกุ๊ ของทอ่ งเท่ียววถิ ชี ุมชนบ้านเด่อื อา� เภอเมอื ง จังหวดั หนองคาย ส�านักงานวัฒนธรรมจงั หวดั หนองคาย.(๒๕๔๘).เทศกำลกำรเล่นโหวด ต�ำบลแกง้ ไก่ อ�ำเภอสงั คม จังหวดั หนองคำย.แบบจัดท�ารายการเบอ้ื งต้นมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม (เอกสาร) หนองคาย 131 อภริ ตั นช์ ยั จอมศร.ี (๒๕๓๘).พธิ เี ปดิ ศำลจงั หวดั บงึ กำฬ.หนงั สอื ทร่ี ะลกึ เนอื่ งในวโรกาส สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกุมาร เสด็จฯ แทนพระองค์ประกอบพิธีเปดิ อาคารศาลจังหวัดบงึ กาฬ. 130 เสน้ ทางทอ่ งเท่ียว มรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม
132 เสน้ ทางทอ่ งเทย่ี ว มรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม หนองคาย 133
Search