Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักเกณฑ์การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคค

หลักเกณฑ์การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคค

Published by สพป.ราชบุรี เขต 2, 2021-08-08 08:00:42

Description: O27 หลักเกณฑ์การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคค

Search

Read the Text Version

O27 หลกั เกณฑ์การบริหาร และพฒั นาทรพั ยากรบุคคล

สารบัญ หน้า 1 1. พระราชบญั ญัติระเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 27 2. ระเบยี บสาํ นักนายกรฐั มนตรวี ่าดว้ ยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 39 3. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรอื่ ง ค่าตอบแทนและสทิ ธิประโยชน์ 51 ของพนักงานราชการ และท่แี ก้ไขเพ่มิ เติม 63 4. ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรอ่ื ง หลักเกณฑ์ วธิ กี ารและเงื่อนไข 74 การสรรหาและการเลือกสรรพนักงานราชการ และแบบสญั ญาจ้างของพนักงานราชการ พ.ศ. 2552 ลงวนั ท่ี 11 กันยายน พ.ศ. 2552 76 5. ประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการ เร่ือง แนวทางการประเมนิ ผลการปฏิบัติงาน ของพนักงานราชการ พ.ศ. 2554 ลงวนั ท่ี 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 78 6. หนงั สือสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ ศธ 04009/ว 1214 94 ลงวนั ท่ี 27 ตลุ าคม 2559 เรือ่ ง กรอบอัตรากาํ ลังพนักงานราชการ รอบท่ี 4 ปีงบประมาณ 2560 – 2563 147 7. คําสั่งสํานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ที่ 511/2559 ลงวันที่ 28 กนั ยายน พ.ศ. 2559 เร่อื ง การมอบอํานาจการปฏบิ ัติราชการแทน 150 เกยี่ วกบั พนักงานราชการ 8. หนังสอื สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ด่วนท่สี ดุ ที่ ศธ 04009/ว 4562 152 ลงวนั ท่ี 24 กรกฎาคม 2560 เรือ่ ง แนวทางการสรรหาและบรหิ ารอัตรากําลงั พนักงานราชการและลูกจ้างชั่วคราว สังกัดสาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน 9. พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ 10. ประกาศสาํ นักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต ๒ เรือ่ ง รายละเอียด และองค์ประกอบการพิจารณาความดีความชอบของข้าราชการครแู ละบุคลากร ทางการศึกษา ตําแหนง่ บุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา ๓๘ ค.(๒) พ.ศ. 2558 ประกาศ ณ วันท่ี 14 สงิ หาคม พ.ศ. 2558 11. ประกาศสํานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาราชบรุ ี เขต ๒ เรอ่ื ง แนวทางการประเมิน เพ่ือพิจารณาความดีความชอบของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ตําแหน่งบคุ ลากรทางการศึกษาอ่ืนตามมาตรา ๓๘ ค.(๒) พ.ศ. 2558 ประกาศ ณ วันท่ี 14 สงิ หาคม พ.ศ. 2558 12. ประกาศสาํ นักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต ๒ เรอ่ื ง มาตรการในการบรหิ าร ผลการปฏบิ ตั งิ านและการดําเนินการกับเจ้าหนา้ ทีผ่ ู้มผี ลสมั ฤทธ์ิการปฏบิ ัตงิ านต่าํ ประกาศ ณ วันที่ 5 มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕61

13. ประกาศคณะกรรมการศึกษาธิการจงั หวัดราชบุรี เรื่อง รายละเอียดองคป์ ระกอบการประเมิน ตวั ชีว้ ดั ตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการเปล่ียนตําแหน่ง การย้าย และการโอนข้าราชการครแู ละ บุคลากรทางการศกึ ษา และการย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญ ไปบรรจุและแตง่ ต้งั ใหด้ ํารงตําแหนง่ บุคลากรทางการศกึ ษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (๒) ประกาศ ณ วนั ที่ 13 มิถนุ ายน พ.ศ. 2561 154 14. ประกาศคณะกรรมการศึกษาธิการจงั หวัดราชบรุ ี เรอื่ ง การกําหนดรายละเอียดองคป์ ระกอบ การประเมนิ ตวั ชว้ี ัด ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการพิจารณายา้ ยข้าราชการครแู ละบุคลากร ทางการศึกษา ตาํ แหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา ๓๘ ค.(1) สงั กัดสํานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษา ประกาศ ณ วันท่ี 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 158 15. หนังสือสํานักงาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.5/ว 30 ลงวนั ที่ 28 กันยายน 2560 เรอ่ื ง หลักเกณฑ์ และวิธกี ารเปลี่ยนตําแหนง่ การย้าย และการโอนขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา และการยา้ ยขา้ ราชการพลเรือนสามัญ ไปบรรจุและแตง่ ต้ังใหด้ าํ รงตาํ แหนง่ บคุ ลากร ทางการศึกษาอน่ื ตามมาตรา 38 ค. (๒) 162 16. หนังสอื สํานักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.5/ว 29 ลงวันท่ี 28 กันยายน 2560 เร่ือง หลักเกณฑ์ และวิธีการโอนพนกั งานส่วนท้องถน่ิ และขา้ ราชการอืน่ มาบรรจแุ ละแต่งตง้ั เปน็ ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ตาํ แหนง่ บคุ ลากรทางการศึกษาอ่ืนตามมาตรา 38 ค. (๒) 173 17. ประกาศคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดราชบรุ ี เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์และวิธีการโอนพนักงานสว่ นท้องถ่ิน และข้าราชการอืน่ มาบรรจแุ ละแต่งตั้งเปน็ ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ตําแหนง่ บุคลากรทางการศกึ ษาอ่ืนตามมาตรา 38 ค. (๒) 190 18. หนงั สือสาํ นกั งาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.4/ว 24 ลงวนั ที่ 28 ธนั วาคม 2559 เรอ่ื ง หลักเกณฑแ์ ละ วิธกี ารย้ายขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ตําแหน่งครู สงั กัดสํานกั งานคณะกรรมการ การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน 194 19. หนังสือสํานกั งาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.7/ว 19 ลงวันท่ี 25 ตลุ าคม 2561 เร่ือง วิธกี าร เตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม 202 20. หนังสือสาํ นักงาน ก.ค.ศ. ด่วนที่สุด ที่ ศธ 0206.4/ว 19 ลงวนั ท่ี 14 มถิ ุนายน 2555 เรอ่ื ง หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการเกลี่ยอัตรากาํ ลังข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา 233 21. หนงั สือสาํ นกั งาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.6/ว 23 ลงวนั ที่ 23 ธนั วาคม 2563 เรอื่ ง เกณฑ์อัตรากาํ ลงั ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา สังกดั สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน 242 22. กฎ ก.ค.ศ. การเลอ่ื นเงนิ เดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2561 262 23. หนงั สอื สํานกั งาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.7/ว 4 ลงวนั ที่ 21 มกราคม 2562 เรื่อง หลกั เกณฑ์ และวิธกี ารพัฒนาขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งต้งั ใหด้ ํารงตาํ แหน่ง ผอู้ ํานวยการสถานศึกษา สงั กัดสาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน และสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 271 24. หนงั สือสํานกั งาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.4/ว 16 ลงวนั ที่ 29 พฤษภาคม 2563 เร่ือง การปรับปรุง คณุ สมบัติเฉพาะสําหรบั ผู้ดาํ รงตําแหน่ง ตามมาตรฐานตาํ แหนง่ ของข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา สายงานบริหารสถานศึกษา สายงานบริหารการศึกษา และสายงานนเิ ทศการศึกษา 276

25. หนังสอื สํานกั งาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว 7 ลงวันท่ี 12 พฤษภาคม 2564 เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์ 282 และวธิ กี ารย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สงั กดั กระทรวงศึกษาธิการ 301 26. หนังสอื สาํ นักงาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.3/ว 9 ลงวันท่ี 20 พฤษภาคม 2564 เรือ่ ง หลักเกณฑ์ 322 และวธิ กี ารประเมินตําแหน่งและวทิ ยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตาํ แหนง่ ครู 27. หนงั สอื สาํ นกั งาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/ว 11 ลงวันท่ี 20 พฤษภาคม 2564 เรอ่ื ง หลักเกณฑ์ และวธิ ีการประเมินตําแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ตําแหน่งศกึ ษานิเทศก์

1 พระราชบัญญตั ิ ระเบยี บบริหารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. ๒๕๔๖ ภมู ิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นปที ่ี ๕๘ ในรัชกาลปจั จบุ ัน พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศว่า โดยที่เปน็ การสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยระเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของรัฐสภา ดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชกากระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖” มาตรา ๒๑ พระราชบญั ญตั ิน้ใี ห้ใชบ้ ังคับตั้งแตว่ ันถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลกิ (๑) พระราชบัญญัตริ ะเบยี บการปฏิบัตริ าชการของทบวงมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๒๐ (๒) พระราชบัญญัตริ ะเบยี บการปฏิบัตริ าชการของทบวงมหาวิทยาลยั (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๗ (๓) พระราชบญั ญัติคณะกรรมการการประถมศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๒๓ (๔) พระราชบญั ญัตคิ ณะกรรมการการประถมศึกษา (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ (๕) พระราชบัญญตั คิ ณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ บรรดากฎหมาย กฎ ข้อบงั คบั อื่นในส่วนที่มีบญั ญัตไิ ว้แล้วในพระราชบัญญัติน้ี หรือซ่ึงขัดหรือแย้งกับ บทบญั ญัตแิ หง่ พระราชบญั ญัตินี้ ให้ใชพ้ ระราชบญั ญัตนิ ี้แทน มาตรา ๔ ให้นากฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายว่าด้วยการศึกษา แหง่ ชาติมาใช้บังคับแก่กระทรวงศกึ ษาธกิ ารโดยอนุโลม เวน้ แต่ในพระราชบญั ญตั ินจี้ ะได้บญั ญตั ิไวเ้ ปน็ อย่างอื่น มาตรา ๕ กระทรวงศกึ ษาธิการมีอานาจหน้าที่ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการศึกษาแห่งชาติ และกฎหมาย วา่ ดว้ ยการปรับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม ๑ ราชกิจจานเุ บกษา เล่ม ๑๒๐/หน้า ๑/ตอนท่ี ๖๒ ก/๖ กรกฎาคม ๒๕๔๖

-๒- 2 มาตรา ๖ ให้จดั ระเบียบราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร ดงั น้ี (๑) ระเบียบบริหารราชการในสว่ นกลาง (๒) ระเบียบบริหารราชการเขตพืน้ ท่ีการศึกษา (๓) ระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐทีจ่ ัดการศกึ ษาระดับปริญญาทเ่ี ป็นนิติบุคคล มาตรา ๗ การกาหนดตาแหนง่ และอัตราเงินเดือนของขา้ ราชการในกระทรวงศกึ ษาธิการ ให้คานึงถึง คณุ วฒุ ิ ประสบการณ์ มาตรฐานวชิ าชพี ลักษณะหน้าที่ความรบั ผดิ ชอบ และคณุ ภาพของงาน แล้วแตก่ รณี การบรรจุและการแต่งต้ังบุคคลให้ดารงตาแหน่งหน้าท่ีราชการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย การน้นั มาตรา ๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ี และให้มีอานาจ ออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศเพ่ือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี รวมท้ังให้มีอานาจตีความและวินิจฉัย ช้ีขาดปัญหาอนั เก่ยี วกับการปฏบิ ตั กิ าร อานาจหน้าท่ีของผู้ดารงตาแหน่งหรือหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่กาหนดไว้ ในบทเฉพาะกาลของพระราชบญั ญัติน้ี กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศน้นั เมื่อไดป้ ระกาศในราชกิจจานเุ บกษาแล้ว ให้ใช้บงั คับได้ หมวด ๑ การจดั ระเบยี บบริหารราชการในส่วนกลาง สว่ นที่ ๑ บททั่วไป มาตรา ๙ ให้จัดระเบยี บบริหารราชการในสว่ นกลาง ดงั น้ี (๑) สานกั งานปลดั กระทรวง (๒) สว่ นราชการท่ีมหี วั หนา้ ส่วนราชการข้นึ ตรงตอ่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร มาตรา ๑๐ การแบง่ สว่ นราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธกิ ารให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ น้ี โดยใหม้ ีหวั หนา้ สว่ นราชการขึน้ ตรงต่อรฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการ ดังนี้ (๑) สานักงานรัฐมนตรี (๒) สานักงานปลัดกระทรวง (๓) สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา (๔) สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน (๕) สานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา (๖) สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

-๓- 3 ส่วนราชการตาม (๒) (๓) (๔) (๕) และ (๖) มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วย ระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดนิ มาตรา ๑๑ การแบ่งส่วนราชการภายในส่วนราชการตามมาตรา ๑๐ ให้ออกเป็นกฎกระทรวงและ ใหร้ ะบุอานาจหนา้ ที่ของแต่ละส่วนราชการไวใ้ นกฎกระทรวงว่าดว้ ยการแบง่ ส่วนราชการดังกล่าว มาตรา ๑๒ กระทรวงศึกษาธกิ ารมีรัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ ารเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และกาหนดนโยบาย เป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ของงานในกระทรวงศึกษาธิการ ให้สอดคล้องกับนโยบายท่ี คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา หรือท่ีคณะรัฐมนตรีกาหนดหรืออนุมัติ โดยจะให้มีรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงศึกษาธิการเปน็ ผู้ชว่ ยสง่ั และปฏิบัติราชการก็ได้ ในกรณีท่ีมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การสั่งหรือการปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร ใหเ้ ป็นไปตามทรี่ ัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ ารมอบหมาย มาตรา ๑๓ ในกรณีท่ีสภาการศึกษา คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน คณะกรรมการการ อุดมศึกษา และคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เสนอความเห็นหรือคา แนะนาต่อรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการแล้ว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนาความเห็นหรือคาแนะนามาประกอบการ พิจารณาเพอ่ื ให้เหมาะสมกบั การศึกษาของชาติ มาตรา ๑๔ ใหม้ ีสภาการศึกษา มีหน้าที่ (๑) พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติท่ีบูรณาการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และกีฬากับ การศกึ ษาทกุ ระดบั (๒) พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศกึ ษาให้ดาเนินการเป็นไปตามแผนตาม (๑) (๓) พจิ ารณาเสนอนโยบายและแผนในการสนบั สนนุ ทรพั ยากรเพื่อการศึกษา (๔) ดาเนินการประเมนิ ผลการจัดการศึกษาตาม (๑) (๕) ใหค้ วามเหน็ หรือคาแนะนาในเรือ่ งกฎหมายและกฎกระทรวงทีเ่ กย่ี วกับการศึกษา การเสนอนโยบาย แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ และมาตรฐานการศึกษา ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี นอกจากหนา้ ที่ตามวรรคหนึ่ง ให้สภาการศึกษามหี นา้ ท่ใี หค้ วามเห็นหรือคาแนะนาแก่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการหรือคณะรัฐมนตรี และมีอานาจหน้าท่ีอ่ืนตามที่กฎหมายกาหนด หรือตามที่ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธกิ ารมอบหมาย ให้คณะกรรมการสภาการศึกษา ประกอบด้วยรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการโดยตาแหน่งจาก หน่วยงานที่เก่ียวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ พระภิกษุ ซ่ึงเป็นผู้แทนคณะสงฆ์ ผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรศาสนาอื่น และ กรรมการผูท้ รงคุณวฒุ ซิ ง่ึ มจี านวนไมน่ ้อยกว่าจานวนกรรมการประเภทอ่ืนรวมกัน จานวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ วาระการดารง ตาแหน่ง และการพน้ จากตาแหน่งของกรรมการให้เปน็ ไปตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง

-๔- 4 ให้สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาทาหน้าท่ีรับผิดชอบงานเลขานุการของสภาการศึกษาและมี อานาจหน้าที่ตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการตามมาตรา ๑๑ โดยมีเลขาธิการสภา การศึกษาทาหน้าท่ีเปน็ กรรมการและเลขานุการของสภาการศกึ ษา มาตรา ๑๕ ให้มีคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนา มาตรฐาน และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานท่ีสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนการศกึ ษาแห่งชาติ การสนับสนนุ ทรัพยากร การตดิ ตามตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน และเสนอแนะในการออกระเบียบ หลกั เกณฑ์ และประกาศท่ีเกีย่ วกับการบรหิ ารงานของสานกั งาน นอกจากหน้าท่ีตามวรรคหน่ึง ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานมีหน้าที่ให้ความเห็นหรือให้ คาแนะนาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือคณะรัฐมนตรี และมีอานาจหน้าท่ีอ่ืนตามท่ีกฎหมาย กาหนดหรอื ตามทีร่ ฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมาย ให้คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ประกอบด้วย กรรมการโดยตาแหน่งจากหนว่ ยงานท่ีเกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซ่ึงมี จานวนไม่นอ้ ยกว่าจานวนกรรมการประเภทอ่ืนรวมกนั จานวนกรรมการ คณุ สมบตั ิ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลอื กประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดารงตาแหน่งและการพ้นจากตาแหนง่ ของกรรมการให้เปน็ ไปตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง ให้สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ทาหน้าท่ีรับผิดชอบงานเลขานุการของ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมีอานาจหน้าที่ตามที่กาหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วน ราชการตามมาตรา ๑๑ โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานทาหน้าท่ีเป็นกรรมการและ เลขานกุ ารของคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน มาตรา ๑๖ ให้มีคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีหน้าท่ีพิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา และ มาตรฐานการอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ การสนบั สนุนทรพั ยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยคานึงถึง ความเป็นอิสระและความเป็นเลิศทางวิชาการของสถานศึกษาระดับปริญญา ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้ง สถานศึกษาแต่ละแห่งและกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง และเสนอแนะในการออกระเบียบ หลักเกณฑ์ และประกาศท่ี เก่ยี วกับการบริหารงานของสานักงาน นอกจากหน้าท่ตี ามวรรคหน่ึง ให้คณะกรรมการการอุดมศึกษามีหน้าที่ให้ความเห็นหรือให้คาแนะนา แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือคณะรัฐมนตรี และมีอานาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกาหนดหรือ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมาย ตลอดทั้งให้มีอานาจเสนอแนะและให้ความเห็นในการ จัดสรรเงนิ อดุ หนุนทั่วไปใหแ้ กส่ ถานศึกษาระดบั ปริญญา ทั้งท่ีเป็นสถานศึกษาในสังกัดและสถานศึกษาในกากับ แกค่ ณะรัฐมนตรี ให้คณะกรรมการการอุดมศึกษาประกอบด้วย กรรมการโดยตาแหน่งจากหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมี จานวนไม่น้อยกว่าจานวนกรรมการประเภทอื่นรวมกัน

-๕- 5 จานวนกรรมการ คณุ สมบตั ิ หลกั เกณฑ์ และวิธกี ารสรรหา การเลอื กประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดารงตาแหน่งและการพ้นจากตาแหน่งของกรรมการ ใหเ้ ปน็ ไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง ใหส้ านักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา ทาหน้าทร่ี บั ผิดชอบงานเลขานุการของคณะกรรมการการ อดุ มศึกษา และมีอานาจหน้าท่ีตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการตามมาตรา ๑๑ โดยมี เลขาธกิ ารคณะกรรมการการอุดมศกึ ษาทาหนา้ ทเี่ ปน็ กรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการการอุดมศกึ ษา มาตรา ๑๗ ให้มีคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐาน และหลักสูตรการอาชีวศึกษาทุกระดับ ท่ีสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและ แผนการศึกษาแห่งชาติ การส่งเสริมประสานงานการจัดการอาชีวศึกษาของรัฐและเอกชน การสนับสนุน ทรพั ยากร การตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา โดยคานึงถึงคุณภาพและความ เป็นเลิศทางวิชาชีพ และเสนอแนะในการออกระเบียบ หลักเกณฑ์ และประกาศที่เกี่ยวกับการบริหารงานของ สานกั งาน เพ่ือประโยชน์ในการพิจารณานโยบาย แผนพัฒนา และมาตรฐานการอาชีวศึกษาระดับปริญญา ให้ คณะกรรมการการอาชีวศึกษาพิจารณาให้สอดคล้องกับนโยบาย แผนพัฒนา และเป็นไปตามมาตรฐาน การศกึ ษาระดบั อุดมศึกษาของคณะกรรมการการอดุ มศึกษา นอกจากหน้าที่ตามวรรคหน่งึ ใหค้ ณะกรรมการการอาชีวศึกษามหี น้าทใ่ี ห้ความเห็นหรือให้คาแนะนา แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือคณะรัฐมนตรี และมีอานาจหน้าที่อ่ืนตามที่กฎหมายกาหนดหรือ ตามท่ีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ ารมอบหมาย ให้คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประกอบด้วย กรรมการโดยตาแหน่งจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมี จานวนไมน่ อ้ ยกวา่ จานวนกรรมการประเภทอน่ื รวมกนั จานวนกรรมการ คณุ สมบัติ หลกั เกณฑ์ และวิธกี ารสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดารงตาแหน่ง และการพน้ จากตาแหนง่ ของคณะกรรมการ ให้เป็นไปตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง ให้สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทาหน้าที่รับผิดชอบงานเลขานุการของคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา และมีอานาจหน้าที่ตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการตามมาตรา ๑๑ โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทาหน้าท่ีเป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการการ อาชีวศกึ ษา มาตรา ๑๘ สภาการศึกษา คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา และ คณะกรรมการการอาชีวศึกษา อาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทางานเพ่ือพิจารณาเสนอความเห็นใน เร่ืองหน่ึงเร่ืองใด หรือมอบหมายให้ปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดอันอยู่ในอานาจหน้าที่ของสภาหรือ คณะกรรมการก็ได้ มาตรา ๑๙ สานักงานรฐั มนตรมี อี านาจหน้าท่ีเก่ียวกบั ราชการทางการเมือง มีเลขานุการรัฐมนตรีซึ่ง เป็นข้าราชการการเมืองเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสานักงาน รัฐมนตรีซ่ึงหัวหน้าส่วนราชการข้ึนตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และจะให้มีผู้ช่วยเ ลขานุการ

-๖- 6 รัฐมนตรีซ่ึงเป็นข้าราชการการเมืองคนหน่ึงหรือหลายคนเป็นผู้ช่วยส่ังหรือปฏิบัติราชการแทนเลขานุการ รฐั มนตรีกไ็ ด้ มาตรา ๒๐ ให้กระทรวงศึกษาธิการมีผู้ตรวจราชการของกระทรวง เพื่อทาหน้าท่ีในการตรวจ ราชการ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ติดตาม และประเมินผลระดับนโยบาย เพื่อนิเทศให้คาปรึกษาและแนะนาเพื่อ การปรบั ปรงุ พฒั นา ในระดับสานักงานคณะกรรมการหรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืน ให้ทาหน้าที่ติดตามและ ประเมินผลนโยบายตามภารกิจ ตลอดจนนิเทศ ใหค้ าปรึกษาและแนะนาเพอ่ื ปรับปรุงพฒั นา ในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ให้เป็นการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย นิเทศ ติดตาม และประเมินผลการ บรหิ ารและการดาเนนิ การโดยมุง่ เนน้ ผลสมั ฤทธิข์ องหน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัดเขตพ้ืนท่ีการศึกษา เพื่อ การเตรยี มการรบั การนเิ ทศ ติดตาม และประเมินผลจากหนว่ ยงานภายนอก การดาเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสาม ให้มีคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล การจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการและคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศ การศึกษาของเขตพื้นท่ีการศึกษา เป็นผู้รับผิดชอบดาเนินการ สาหรับกระทรวงศึกษาธิการหรือสาหรับแต่ละ เขตพื้นท่ีการศึกษา ทั้งนี้ จานวน หลักเกณฑ์ และวิธีการได้มาของคณะกรรมการดังกล่าวให้เป็นไปตามท่ี กาหนดในกฎกระทรวง การดาเนินการในเร่ืองการตรวจราชการและการดาเนินการของคณะกรรมการต่าง ๆ ที่กาหนดใน มาตรานี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎกระทรวง ระเบียบ หรือข้อบังคับของกระทรวงหรือส่วนราชการ หรือมติ คณะรัฐมนตรี หรอื คาส่ังของนายกรัฐมนตรี ทงั้ นี้ จะต้องไม่กระทบกระเทือนตอ่ สาระการบริหารและการจัดการ ของสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในสายบังคับบัญชาของสานักงาน คณะกรรมการการอุดมศึกษาท่ีสามารถดาเนินกิจการได้โดยอิสระ พัฒนาระบบบริหาร และการจัดการท่ีเป็น ของตนเอง มีความคล่องตัว มีเสรีภาพทางวิชาการ และอยู่ภายใต้การกากับดูแลของสภาสถานศึกษาตาม กฎหมายวา่ ด้วยการจดั ต้ังสถานศกึ ษานัน้ มาตรา ๒๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัด การศึกษาขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน และมีหน้าที่ในการประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สามารถจัดการศึกษา สอดคล้องกับนโยบายและได้มาตรฐานการศึกษา รวมท้ังการเสนอแนะการจัดสรร งบประมาณอุดหนนุ การจัดการศึกษาขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินให้ เปน็ ไปตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๒ ในกรณีที่เขตพ้ืนที่การศึกษาตามมาตรา ๓๓ ไม่อาจบริหารและจัดการการศึกษาขั้น พ้ืนฐานบางประเภทได้ และในกรณีการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ากว่าปริญญาบางประเภท สานักงานปลัดกระทรวงหรือสานักงานต่าง ๆ ตามท่ีกาหนดในส่วนที่ ๓ อาจจัดให้มีการศึกษาข้ันพ้ืนฐานหรือ การศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ากว่าปริญญา เพ่ือเสริมการบริหารและการจัดการของเขตพื้นที่การศึกษา ดงั ต่อไปน้กี ็ได้

-๗- 7 (๑) การจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานสาหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสอ่ื สารและการเรยี นรู้ หรือมรี ่างกายพกิ าร หรือทุพพลภาพ (๒) การจดั การศกึ ษาข้นั พนื้ ฐานท่ีจดั ในรปู แบบการศกึ ษานอกระบบหรือการศึกษาตามอธั ยาศัย (๓) การจดั การศึกษาข้นั พนื้ ฐานสาหรบั บุคคลทมี่ ีความสามารถพิเศษ (๔) การจัดการศกึ ษาทางไกล และการจดั การศึกษาทใ่ี ห้บริการในหลายเขตพื้นท่ีการศกึ ษา (๕) การจัดการศึกษาระดบั อุดมศึกษาระดับต่ากว่าปรญิ ญาในรูปแบบวิทยาลัยชุมชนและรูปแบบอ่นื สาหรับสถานศึกษาของรัฐระดับอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาระดับต่ากว่าปริญญาซ่ึงไม่มีฐานะเป็น นิติบุคคลและมิได้มีกฎหมายอ่ืนกาหนดหลักเกณฑ์การบริหารงานไว้โดยเฉพาะให้มีคณะกรรมการสถานศึกษา และผู้อานวยการสถานศึกษาเป็นผูร้ บั ผดิ ชอบ การจัดต้ัง การบริหารงาน สังกัดและการจัดประเภทของสถานศึกษาของรัฐระดับอุดมศึกษาที่จัด การศึกษาระดับต่ากว่าปริญญา ตลอดจนหลักเกณฑ์อ่ืนในการบริหารงานและการดาเนินการทางวิชาการ ให้ เป็นไปตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง ส่วนที่ ๒ การจัดระเบยี บราชการในสานกั งานปลัดกระทรวง มาตรา ๒๓ กระทรวงศึกษาธกิ ารมีปลดั กระทรวงคนหนึ่งมีอานาจหนา้ ที่ ดงั นี้ (๑) รับผิดชอบควบคุมราชการประจาในกระทรวง แปลงนโยบายเป็นแนวทางและแผนปฏิบัติ ราชการ กากับการทางานของส่วนราชการในกระทรวงให้เกิดผลสัมฤทธ์ิ และประสานการปฏิบัติงานของส่วน ราชการในกระทรวงให้มเี อกภาพสอดคลอ้ งกนั รวมทั้งเร่งรดั ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วน ราชการในกระทรวงให้เปน็ ไปตามแผนงานของกระทรวง (๒) เป็นผ้บู งั คบั บญั ชาขา้ ราชการของส่วนราชการในสานกั งานปลดั กระทรวงรองจากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศกึ ษาธิการ และรบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ิราชการของสานกั งานปลดั กระทรวง ในการปฏิบตั ริ าชการของปลัดกระทรวงตามวรรคหนึง่ ให้มรี องปลดั กระทรวงเปน็ ผ้ชู ่วยส่ังและปฏิบัติ ราชการ และจะให้มผี ูช้ ว่ ยปลดั กระทรวงเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการด้วยก็ได้ ในกรณีท่ีมีรองปลัดกระทรวง หรือผู้ช่วยปลัดกระทรวง หรือมีท้ังรองปลัดกระทรวงและผู้ช่วยปลัดกระทรวง ให้รองปลัดกระทรวงหรือผู้ช่วย ปลดั กระทรวงเปน็ ผู้บังคับบญั ชาข้าราชการและรับผดิ ชอบในการปฏิบตั ริ าชการรองจากปลัดกระทรวง ให้รองปลัดกระทรวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวง และผู้ดารงตาแหน่งท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นในสานักงาน ปลัดกระทรวง มอี านาจหน้าที่ตามทีป่ ลัดกระทรวงกาหนดหรอื มอบหมาย มาตรา ๒๔ สานักงานปลดั กระทรวงมีอานาจหนา้ ที่ ดังน้ี (๑) ดาเนินการเกยี่ วกับราชการประจาท่วั ไปของกระทรวงและราชการที่คณะรัฐมนตรีมิได้กาหนดให้ เปน็ หน้าทขี่ องสานกั งานใดสานักงานหน่ึงในสังกดั กระทรวงโดยเฉพาะ

-๘- 8 (๒) ประสานงานต่าง ๆ ในกระทรวง และดาเนินงานต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นงานท่ีต้องปฏิบัติตาม สายงานการบังคับบัญชาอันเป็นอานาจหน้าท่ีซึ่งจะต้องมีการกาหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือกาหนดใน กฎหมายอนื่ (๓) จัดทางบประมาณและแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง เร่งรัด ติดตามและประเมินผลการ ปฏบิ ตั ริ าชการในกระทรวงให้เปน็ ไปตามนโยบาย แนวทาง และแผนปฏบิ ตั ิราชการของกระทรวง (๔) ดาเนินการเก่ียวกบั กฎหมายวา่ ด้วยการศึกษาแหง่ ชาตทิ ม่ี ไิ ด้อยใู่ นอานาจของส่วนราชการอื่น (๕) ดาเนินการอน่ื ตามที่กาหนดในกฎกระทรวงวา่ ด้วยการแบ่งส่วนราชการ มาตรา ๒๕ สานกั งานปลัดกระทรวง อาจแบ่งสว่ นราชการ ดังนี้ (๑) สานกั อานวยการ (๒) สานัก สานกั บริหารงาน หรือส่วนราชการท่ีเรียกชื่ออย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทียบเท่าสานักหรือสานัก บรหิ ารงาน ในกรณีที่มีความจาเป็น สานักงานปลัดกระทรวงอาจแบ่งส่วนราชการโดยให้มีส่วนราชการอื่น นอกจาก (๑) หรอื (๒) ก็ได้ ส่วนราชการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้มีอานาจหน้าท่ีตามท่ีกาหนดไว้ให้เป็นของส่วนราชการ น้ัน ๆ โดยให้มีผู้อานวยการสานักอานวยการ ผู้อานวยการสานัก ผู้อานวยการสานักบริหารงาน หรือหัวหน้า ส่วนราชการที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนที่มีฐานะเทียบเท่าสานักหรือสานักบริหารงาน หรือหัวหน้าส่วนราชการตาม วรรคสอง เปน็ ผู้บงั คบั บัญชาขา้ ราชการและรบั ผิดชอบปฏบิ ตั ิราชการ มาตรา ๒๖ สานกั อานวยการมอี านาจหนา้ ท่ีเกย่ี วกับราชการทัว่ ไปของสานักงานปลัดกระทรวง และ ราชการท่ีมิได้แยกให้เป็นหน้าที่ของสานักงานหรือส่วนราชการใดโดยเฉพาะ โดยมีผู้อานวยการสานัก อานวยการเปน็ ผูบ้ ังคับบญั ชาขา้ ราชการและรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ริ าชการ สานักบริหารงานเป็นส่วนราชการของสานักงานปลัดกระทรวง ซ่ึงทาหน้าท่ีเป็นหน่วยบริหารงาน ทั่วไปของคณะกรรมการที่ทาหน้าท่ีกาหนดนโยบายหรือประสานงานหรือบริหารงานบุคคล ซึ่งมีกฎหมายหรือ กฎกระทรวง กาหนดใหม้ ีข้ึนตามความจาเป็นและสภาพของภารกจิ ของสานกั บรหิ ารงานน้นั สานักบริหารงานมีผู้อานวยการสานักบริหารงานคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของ สานกั บรหิ ารงานให้เป็นไปตามนโยบายหรือมติของคณะกรรมการท่ีสานักบริหารงานนั้นเป็นหน่วยธุรการ และ เปน็ ไปตามนโยบายและการสง่ั การของปลัดกระทรวง มาตรา ๒๗ ใหม้ ีคณะกรรมการส่งเสริมสนับสนนุ และประสานความร่วมมือการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยในสานักงานปลัดกระทรวงทาหน้าท่ีเป็นองค์กรให้คาปรึกษา และมีอานาจหน้าท่ีตามท่ี กาหนดไว้ในกฎหมาย กฎกระทรวง หรือประกาศกระทรวงว่าด้วยการดังกล่าว ทั้งนี้ จานวน หลักเกณฑ์ และ วธิ ีการไดม้ าของคณะกรรมการดังกล่าวใหเ้ ปน็ ไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง

-๙- 9 ส่วนท่ี ๓ การจัดระเบยี บราชการในสานกั งาน มาตรา ๒๘ ใหส้ านักงานท่มี หี วั หน้าสว่ นราชการขึ้นตรงตอ่ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตาม มาตรา ๑๐ (๓) (๔) (๕) และ (๖) มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และ รบั ผิดชอบในการปฏิบตั ิราชการของสานักงาน และอาจแบ่งส่วนราชการ ดังน้ี (๑) สานักอานวยการ (๒) สานัก สานกั บริหารงาน หรือส่วนราชการท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นท่ีมีฐานะเทียบเท่าสานักหรือสานัก บรหิ ารงาน สานักงานใดมคี วามจาเปน็ อาจแบง่ ส่วนราชการใหม้ สี ว่ นราชการอ่นื นอกจาก (๑) หรอื (๒) กไ็ ด้ ส่วนราชการตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง ให้มีอานาจหน้าท่ีตามท่ีกาหนดไว้ให้เป็นของส่วนราชการ นนั้ ๆ โดยใหม้ ผี อู้ านวยการสานกั อานวยการ ผ้อู านวยการสานัก ผอู้ านวยการสานกั บรหิ ารงานหรือหัวหน้าส่วน ราชการท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าสานักหรือสานักบริหารงาน หรือหัวหน้าส่วนราชการอ่ืนตาม วรรคสอง เปน็ ผู้บงั คับบัญชาข้าราชการและรบั ผดิ ชอบปฏิบตั ิราชการ มาตรา ๒๙ ให้ส่วนราชการท่ีมีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตามมาตรา ๑๐ (๓) (๔) (๕) และ (๖) มีเลขาธิการซ่ึงมีฐานะเทียบเท่าปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชาและ รบั ผิดชอบในการปฏิบตั ริ าชการของส่วนราชการนัน้ ใหเ้ ป็นไปตามพระราชบัญญตั นิ ี้ มาตรา ๓๐ เลขาธิการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของส่วนราชการตามมาตรา ๒๘ มีอานาจหน้าท่ี ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) รับผิดชอบควบคุมราชการประจาในสานักงาน แปลงนโยบายเป็นแนวทางและแผนปฏิบัติการ กากับการปฏิบัติงานของส่วนราชการในสานักงานให้เกิดผลสัมฤทธ์ิ รวมท้ังเร่งรัดติดตามและประเมินผลการ ปฏบิ ัติราชการของส่วนราชการในสานักงาน (๒) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสานักงานรองจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและ รับผดิ ชอบในการปฏบิ ัตริ าชการของขา้ ราชการในสานักงาน ตลอดจนการจดั ทาแผนพฒั นาของหน่วยงาน ให้เลขาธิการสภาการศึกษารับผิดชอบบังคับบัญชาสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาตามมาตรา ๑๐ (๓) ให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งรับผิดชอบบังคับบัญชาสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา ๑๐ (๔) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือใน สถานศกึ ษาทอ่ี ยใู่ นสังกัดสานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาด้วย ให้เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาซ่ึงรับผิดชอบบังคับบัญชาสานักงานคณะกรรมการการ อดุ มศึกษาตามมาตรา ๑๐ (๕) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสถานศึกษาของรัฐในสังกัดที่เป็นนิติบุคคลที่จัด การศกึ ษาระดับปริญญาด้วย

- ๑๐ - 10 ให้เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาซ่ึงรับผิดชอบบังคับบัญชาสานักงานคณะกรรมการการ อาชีวศึกษาตามมาตรา ๑๐ (๖) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสถานศึกษาของรัฐในสังกัดสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศึกษาด้วย ในการปฏิบัติราชการของเลขาธิการตามมาตราน้ีให้มีรองเลขาธิการเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการ และจะให้มีผู้ชว่ ยเลขาธกิ ารเป็นผู้ชว่ ยสง่ั และปฏิบตั ิราชการด้วยกไ็ ด้ ในกรณีท่ีมีรองเลขาธิการหรือผู้ช่วยเลขาธิการ หรือมีทั้งรองเลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการให้ รองเลขาธิการหรือผู้ช่วยเลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการรองจาก เลขาธิการ ให้รองเลขาธิการ ผู้ช่วยเลขาธิการ และผู้ดารงตาแหน่งท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนในสานักงานเลขาธิการ มีอานาจหน้าท่ีตามที่เลขาธิการกาหนดหรือมอบหมาย มาตรา ๓๑ สานักอานวยการมีอานาจหน้าท่ีเก่ียวกับราชการทั่วไปของสานักงาน และราชการท่ี มิได้แยกให้เป็นหน้าที่ของสานักงานหรือส่วนราชการใดโดยเฉพาะ โดยมีผู้อานวยการสานักอานวยการเป็น ผู้บังคับบญั ชาขา้ ราชการและรบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ัตริ าชการ ส า นั กบ ริ ห า ร ง า น เ ป็ น ส่ ว น ร า ช กา ร ของ ส า นั กง า น ท่ี ท า ห น้ า ท่ี เ ป็ น ห น่ ว ย บ ริ ห า ร ง า น ท่ั ว ไป ขอ ง คณะกรรมการท่ีทาหน้าที่กาหนดนโยบายหรือประสานงานหรือบริหารงานบุคคลซึ่งมีกฎหมายหรือ กฎกระทรวงกาหนดใหม้ ีข้นึ ตามความจาเป็นและสภาพของภารกจิ ของสานักบรหิ ารงานนนั้ สานักบริหารงานมีผู้อานวยการสานักบริหารงานคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบงานของ สานกั บรหิ ารงานให้เปน็ ไปตามนโยบายหรือมติของคณะกรรมการที่สานักบริหารงานนั้นเป็นหน่วยธุรการ และ เป็นไปตามนโยบายและการสัง่ การของเลขาธิการท่เี ปน็ ผู้บงั คบั บญั ชาของสานกั บรหิ ารงานนัน้ มาตรา ๓๒ ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาพิเศษ ในสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พ้ืนฐานทาหน้าที่เป็นองค์กรส่งเสริมและให้คาปรึกษาเก่ียวกับการจัดการศึกษาสาหรับบุคคล ซึ่งมีความ บกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสาร และการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือ ทุพพลภาพ หรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพ่ึงตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาส และมีอานาจหน้าท่ีตามที่ กาหนดไวใ้ นกฎหมาย กฎกระทรวง หรือประกาศกระทรวงวา่ ด้วยการนั้น ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาสาหรับบุคคลซ่ึงมีความสามารถพิเศษในสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ทาหน้าที่เป็นองค์กรส่งเสริมและให้คาปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการศึกษา สาหรับบุคคลซ่ึงมีความสามารถพิเศษ และมีอานาจหน้าท่ีตามท่ีกาหนดไว้ในกฎหมาย กฎกระทรวง หรือ ประกาศกระทรวงว่าด้วยการนัน้ จานวน หลักเกณฑ์ และวิธีการได้มาของคณะกรรมการตามวรรคหน่ึงและวรรคสองให้เป็นไปตามที่ กาหนดในกฎกระทรวง

- ๑๑ - 11 หมวด ๒ การจดั ระเบียบบริหารราชการเขตพน้ื ท่ีการศึกษา มาตรา ๓๓๒ การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพ้ืนท่ีการศึกษา โดยคานึงถึง ระดับของการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน จานวนสถานศึกษา จานวนประชากร วัฒนธรรม และความเหมาะสมด้านอื่น ด้วย เวน้ แต่การจัดการศึกษาขั้นพืน้ ฐานตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการอาชีวศกึ ษา ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคาแนะนาของสภาการศึกษามีอานาจประกาศในราช กิจจานุเบกษากาหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพ่ือการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานแบ่งเป็นเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาและเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา ในกรณีท่ีสถานศึกษาใดจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานท้ังระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาการ กาหนดให้สถานศึกษาแห่งน้ันอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษาใด ให้ยึดระดับการศึกษาของสถานศึกษาน้ันเป็นสาคัญ ทง้ั นี้ ตามท่รี ัฐมนตรีประกาศกาหนดโดยคาแนะนาของคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน ในกรณีท่ีมีความจาเป็นเพื่อประโยชน์การจัดการศึกษาหรือมีเหตุผลความจาเป็นอย่างอ่ืนตามสภาพ การจัดการศึกษาบางประเภท คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานอาจประกาศกาหนดให้ขยายการบริการ การศึกษาขั้นพ้ืนฐานของเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาหน่ึงไปในเขตพ้ืนที่การศึกษาอืน่ ได้ มาตรา ๓๔ ใหจ้ ดั ระเบยี บบริหารราชการของเขตพน้ื ที่การศึกษา ดังนี้ (๑) สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา (๒) สถานศึกษาที่จดั การศึกษาข้นั พ้นื ฐานหรอื สว่ นราชการทเี่ รยี กชอื่ อยา่ งอ่ืน การแบ่งสว่ นราชการภายในตาม (๑) ให้จัดทาเป็นประกาศกระทรวงและให้ระบุอานาจหน้าที่ของแต่ ละส่วนราชการไวใ้ นประกาศกระทรวง ทัง้ น้ี โดยคาแนะนาของคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน การแบ่งส่วนราชการภายในตาม (๒) และอานาจหน้าที่ของสถานศึกษาหรือส่วนราชการที่เรียกช่ือ อย่างอ่นื ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบทีค่ ณะกรรมการเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาแต่ละเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษากาหนด การแบ่งส่วนราชการตามวรรคสองและวรรคสามให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑท์ ีก่ าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๓๕ สถานศกึ ษาทจ่ี ัดการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานตามมาตรา ๓๔ (๒) เฉพาะที่เป็นโรงเรียน มีฐานะ เปน็ นิติบุคคล เมอื่ มกี ารยุบเลิกสถานศกึ ษาตามวรรคหน่ึง ใหค้ วามเป็นนติ ิบุคคลส้นิ สดุ ลง มาตรา ๓๖ ในแต่ละเขตพ้ืนที่การศึกษา ให้มีคณะกรรมการและสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา มี อานาจหน้าท่ีในการกากับดูแล จัดต้ัง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพ้ืนที่การศึกษา ประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนสถานศึกษาเอกชนในเขตพื้นที่การศึกษา ประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ิน ให้สามารถจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานการศึกษา ส่งเสริมและสนับสนุนการจัด ๒ มาตรา ๓๓ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓

- ๑๒ - 12 การศกึ ษาของบุคคล ครอบครัว องคก์ รชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวชิ าชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอ่ืนที่จัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายในเขตพื้นที่การศึกษา และปฏิบัติหน้าท่ีอ่ืนที่ เก่ียวข้องกับอานาจหนา้ ทท่ี ี่ระบไุ ว้ขา้ งตน้ ทงั้ นี้ ตามท่กี าหนดในกฎกระทรวง คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาประกอบด้วย ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพบริหาร การศกึ ษา ผู้แทนสมาคมผ้ปู กครองและครู และผู้ทรงคุณวุฒดิ า้ นการศกึ ษา ศาสนา ศลิ ปะและวฒั นธรรม จานวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดารงตาแหนง่ และการพ้นจากตาแหนง่ ให้เปน็ ไปตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง ใหผ้ อู้ านวยการสานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาเป็นกรรมการและเลขานกุ ารของคณะกรรมการเขตพื้นท่ี การศกึ ษา ในการดาเนินการตามวรรคหนึ่งในส่วนท่ีเก่ียวกับสถานศึกษาเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน วา่ จะอยู่ในอานาจหน้าทีข่ องเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาใด ใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศึกษาธิการประกาศ กาหนดโดยคาแนะนาของคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน๓ มาตรา ๓๗ ให้มีสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา เพ่ือทาหน้าท่ีในการดาเนินการให้เป็นไปตามอานาจ หน้าท่ขี องคณะกรรมการตามทก่ี าหนดไวใ้ นมาตรา ๓๖ และให้มีอานาจหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษา ตามท่ีกาหนด ไวใ้ นกฎหมายนหี้ รอื กฎหมายอน่ื และมีอานาจหน้าที่ ดังน้ี (๑) อานาจหน้าที่ในการบริหารและการจัดการศึกษา และพัฒนาสาระของหลักสูตรการศึกษาให้ สอดคล้องกบั หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (๒) อานาจหน้าทใี่ นการพัฒนางานด้านวชิ าการและจดั ใหม้ ีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ร่วมกบั สถานศกึ ษา (๓) รับผิดชอบในการพิจารณาแบ่งส่วนราชการภายในสถานศึกษาของสถานศึกษาและสานักงาน เขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา (๔) ปฏิบัติหนา้ ทีอ่ ่นื ตามท่ีกฎหมายกาหนด สานักงานตามวรรคหนึ่ง มีผู้อานวยการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติ ราชการของสานักงานให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวง ในกรณีท่ีมี กฎหมายอื่นกาหนดอานาจหน้าที่ของผู้อานวยการไว้เป็นการเฉพาะการใช้อานาจและการปฏิบัติหน้ าที่ตาม กฎหมายดงั กลา่ วให้คานงึ ถงึ นโยบายทีค่ ณะรัฐมนตรกี าหนดหรืออนุมัติแนวทางและแผนการปฏิบัติราชการของ กระทรวงดว้ ย ในสานักงานตามวรรคหน่งึ จะใหม้ รี องผ้อู านวยการเป็นผ้บู ังคับบัญชาข้าราชการรองจากผู้อานวยการ เพ่ือชว่ ยปฏบิ ัติราชการก็ได้ รองผู้อานวยการหรือผู้ดารงตาแหน่งที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนในสานักงาน มีอานาจหน้าที่ตามที่ ผอู้ านวยการกาหนดหรอื มอบหมาย ๓ มาตรา ๓๖ ววรคห้า เพิ่มโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓

- ๑๓ - 13 มาตรา ๓๘ ให้มีคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ากว่า ปริญญา และสถานศึกษาอาชีวศึกษาของแต่ละสถานศึกษา เพ่ือทาหน้าที่กากับและส่งเสริมสนับสนุนกิจการ ของสถานศึกษา ประกอบด้วยผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนครู ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ผู้แทนศิษย์เก่าของสถานศึกษา ผู้แทนพระภิกษุสงฆ์และหรือผู้แทนองค์กรศาสนาอ่ืนในพื้นที่ และ ผูท้ รงคุณวฒุ ิ จานวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดารงตาแหนง่ และการพ้นจากตาแหนง่ ให้เป็นไปตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง องค์ประกอบ อานาจหน้าท่ี หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา และจานวนกรรมการในคณะกรรมการ สถานศึกษาสาหรับสถานศกึ ษาบางประเภทท่ีมสี ภาพและลักษณะการปฏิบัติงานแตกต่างไปจากสถานศึกษาขั้น พืน้ ฐานโดยท่ัวไป อาจกาหนดให้แตกต่างไปตามสภาพและลักษณะการปฏิบัติงานตลอดท้ังความจาเป็นเฉพาะ ของสถานศึกษาประเภทนนั้ ได้ ทั้งนี้ ตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง ใหผ้ ้บู ริหารสถานศกึ ษาเปน็ กรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการสถานศึกษา ความในมาตรานี้ไม่ใช้บงั คบั แกส่ ถานพฒั นาเด็กปฐมวัยและศนู ยก์ ารเรยี น มาตรา ๓๙ สถานศึกษาและส่วนราชการตามมาตรา ๓๔ (๒) มีอานาจหน้าท่ีตามที่กาหนดไว้ให้เป็น หนา้ ที่ของส่วนราชการนั้น ๆ โดยใหม้ ีผู้อานวยการสถานศึกษา หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกช่ืออย่างอื่นเป็น ผบู้ งั คับบญั ชาข้าราชการและมีอานาจหน้าท่ี ดงั น้ี (๑) บริหารกิจการของสถานศึกษาหรือส่วนราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ของทางราชการและของสถานศึกษาหรือส่วนราชการ รวมท้ังนโยบายและวัตถุประสงค์ของสถานศึกษาหรือ ส่วนราชการ (๒) ประสานการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา รวมทั้งควบคุมดูแลบุคลากร การเงิน การพัสดุ สถานที่ และทรัพย์สินอ่ืนของสถานศึกษาหรือส่วนราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับของ ทางราชการ (๓) เปน็ ผแู้ ทนของสถานศึกษาหรือส่วนราชการในกิจการทั่วไป รวมท้ังการจัดทานิติกรรมสัญญาใน ราชการของสถานศึกษาหรือส่วนราชการตามวงเงินงบประมาณที่สถานศึกษาหรอื ส่วนราชการได้รับตามท่ีได้รับ มอบอานาจ (๔) จัดทารายงานประจาปีเก่ียวกับกิจการของสถานศึกษาหรือส่วนราชการเพื่อเสนอต่อ คณะกรรมการเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา (๕) อานาจหนา้ ท่ีในการอนุมัติประกาศนียบัตรและวุฒิบัตรของสถานศึกษาให้เป็นไปตามระเบียบท่ี คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐานกาหนด (๖) ปฏิบัติงานอ่ืนตามท่ีได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวง เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการ อดุ มศกึ ษา เลขาธกิ ารคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และผอู้ านวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา รวมท้ังงาน อ่นื ทก่ี ระทรวงมอบหมาย สถานศึกษาและส่วนราชการตามมาตรา ๓๔ (๒) จะให้มีรองผู้อานวยการหรือรองหัวหน้าส่วน ราชการรองจากผอู้ านวยการหรอื หัวหนา้ ส่วนราชการเพอื่ ชว่ ยปฏบิ ัตริ าชการก็ได้

- ๑๔ - 14 สถานศึกษาและส่วนราชการตามมาตรา ๓๔ (๒) ใดที่ยังไม่สามารถปฏิบัติงานบางประการตามท่ี กาหนดในกฎหมายหรือท่ีได้รับมอบหมายได้ อาจขอให้สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาท่ีสถานศึกษาหรือส่วน ราชการน้นั สงั กดั เป็นผรู้ ับผิดชอบปฏบิ ตั ิงานเฉพาะอยา่ งให้แทนเป็นการช่ัวคราวได้ ทง้ั นี้ ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และลักษณะของงานท่ีจะให้ปฏิบตั ิแทนไดท้ ่ีกาหนดในกฎกระทรวง หมวด ๓ การจัดระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรฐั ท่ีจดั การศึกษา ระดับปริญญาทีเ่ ป็นนติ ิบคุ คล มาตรา ๔๐ ระเบียบปฏิบัติราชการหรือระเบียบปฏิบัติงานของสถานศึกษาของรัฐท่ีจัดการศึกษา ระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาท่ีเป็นนิติบุคคลทั้งท่ีเป็นสถานศึกษาในสังกัดและที่เป็นสถานศึกษาในกากับให้ เปน็ ไปตามกฎหมายวา่ ด้วยการดงั กล่าว การแบ่งส่วนราชการภายในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาที่เป็น ส่วนราชการและเป็นนิตบิ คุ คลในสายการบงั คับบญั ชาของสานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษาให้เป็นไปตาม กฎหมายวา่ ด้วยการจดั ต้ังสถานศึกษานัน้ มาตรา ๔๑ เพือ่ ประโยชนใ์ นการดาเนินการตามมาตรา ๔๐ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีอานาจหน้าที่ ดงั ต่อไปนี้ (๑) เสนอแนะการจัดสรรเงินงบประมาณให้แก่สถานศึกษาของรัฐท่ีจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาในสังกัด สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาในกากับ และสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับต่ากวา่ ปริญญาตอ่ คณะรฐั มนตรี (๒) ประสานงานจัดการศึกษาระหว่างสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับ ปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในสังกัด สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคลในกากับ สถานศกึ ษาเอกชนท่ีจัดการศึกษาระดบั ปรญิ ญา และสถานศึกษาระดบั อุดมศกึ ษาระดบั ต่ากว่าปรญิ ญา (๓) เสนอการจัดต้ัง ยุบ รวม ปรับปรุงและเลิกสถานศึกษาของรัฐท่ีจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาทีเ่ ปน็ นติ บิ คุ คลในสังกดั และสถานศกึ ษาระดับอดุ มศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาที่เป็นนิตบิ ุคคลในกากับ (๔) วางระเบียบการปฏิบัติราชการเพ่ือส่งเสริมและสนับสนุนกิจการต่าง ๆ ร่วมกันของสถานศึกษา ของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศกึ ษาระดบั ปริญญาท่ีเป็นนิติบุคคลในสังกัดอันมิใช่กิจการของสถาบันแห่งหน่ึง แหง่ ใดโดยเฉพาะ มาตรา ๔๒ ใหม้ ีคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื นในมหาวิทยาลยั เรยี กโดยย่อว่า ก.ม. ทาหน้าที่เป็น องค์กรบริหารงานบุคคลสาหรับข้าราชการพลเรือนในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับ ปริญญาในสงั กัด ตามหลักเกณฑท์ ่ีกาหนดในกฎหมายว่าดว้ ยการดังกลา่ ว มาตรา ๔๓ กระทรวงศึกษาธิการอาจขอให้กระทรวง ทบวง กรมอื่น และองค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ินท่ีมีสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาในสังกัดเสนอโครงการและแผนงานเกี่ยวกับการศึกษา

- ๑๕ - 15 ของสถานศึกษานั้น ตลอดจนรายละเอียดทางวิชาการ การเงิน สถิติ และเรื่องท่ีจาเป็นแก่การปฏิบัติงานใน อานาจหน้าทีไ่ ด้ หมวด ๔ การปฏบิ ตั ริ าชการแทน มาตรา ๔๔ ให้ปลัดกระทรวง เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พน้ื ฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษากระจายอานาจ การบริหารและการจัดการศึกษาทง้ั ดา้ นวชิ าการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารท่ัวไป ไปยัง คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา และสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาและสถานศึกษาโดยตรง ในกรณีที่มี กฎหมายกาหนดให้เป็นอานาจหน้าท่ีของปลัดกระทรวง เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการ การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาไว้ เป็นการเฉพาะ ให้ผู้ดารงตาแหน่งดังกล่าวมอบอานาจให้แก่ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือ ผู้อานวยการสถานศึกษา แล้วแต่กรณี ทง้ั นี้ ให้คานึงถึงความเป็นอิสระ และการบริหารงานท่ีคล่องตัวในการจัด การศกึ ษาของสานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศกึ ษา ภายใตห้ ลักการบริหารงานการศึกษา ดังตอ่ ไปน้ี (๑) อานาจหน้าท่ีในการพิจารณาให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับงบประมาณและการดาเนินการทาง งบประมาณของผู้อานวยการสถานศึกษาหรือผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา รวมตลอดถึงหลักการ การให้สถานศึกษาหรือสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามีอานาจทานิติกรรมสัญญาในวงเงินงบประมาณท่ีได้รับ อนุมัติแล้ว (๒) หลักเกณฑ์การพิจารณาความดีความชอบ การพัฒนา และดาเนินการทางวินัยกับครูและ บุคลากรทางการศึกษาโดยสัมพันธ์กับแนวทางท่ีกาหนดในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศกึ ษา การกระจายอานาจและการมอบอานาจตามวรรคหน่งึ ให้เป็นไปตามทกี่ าหนดในกฎกระทรวง ปลัดกระทรวง เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เลขาธิการ คณะกรรมการการอดุ มศึกษา และเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อาจกาหนดให้หัวหน้าส่วนราชการ ในสังกัดมอบอานาจในส่วนที่เกี่ยวขอ้ งกบั ภารกิจที่ตนรบั ผดิ ชอบไปยงั ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และผู้อานวยการสถานศึกษาในเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาโดยตรงก็ได้ ทั้งน้ี ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ท่ีผู้ดารงตาแหน่ง ในการบงั คับบัญชาส่วนราชการดังกลา่ วเปน็ ผูก้ าหนด ผอู้ านวยการสานักบรหิ ารงานในสังกัดสานักงานปลัดกระทรวง และผู้อานวยการสานักบริหารงานใน สังกัดสานักงานคณะกรรมการต่าง ๆ อาจมอบอานาจในส่วนท่ีเกี่ยวกับภารกิจท่ีตนรับผิดชอบ หรือท่ีได้รับ มอบหมายตามระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ จากสานักงานคณะกรรมการต่าง ๆ ไปยังผู้อานวยการสานักงานเขต พื้นท่ีการศึกษา หรือผู้อานวยการสถานศึกษา หรือหัวหน้าหน่วยงานท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนที่มีฐานะเทียบเท่า ผู้อานวยการสถานศึกษาโดยตรงได้ ทั้งน้ี โดยจะต้องไม่ขัดต่อนโยบายหรือการส่ังการของกระทรวง หรือ คณะกรรมการตน้ สงั กัด

- ๑๖ - 16 มาตรา ๔๕ อานาจในการส่ัง การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการหรือการดาเนินการอ่ืนที่ ผู้ดารงตาแหน่งใดในพระราชบญั ญัตนิ ้จี ะพงึ ปฏบิ ัติหรือดาเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคาสั่งใด หรอื มตขิ องคณะรฐั มนตรใี นเร่ืองใด ถ้ากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคาส่ังน้ัน หรือมติของคณะรัฐมนตรีใน เรื่องน้ัน มิได้กาหนดเร่ืองการมอบอานาจไว้เป็นอย่างอื่น หรือมิได้ห้ามเรื่องการมอบอานาจไว้ ผู้ดารงตาแหน่ง น้ันอาจมอบอานาจให้ผู้ดารงตาแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนได้ โดยคานึงถึงความเป็นอิสระ การบริหารงานที่ คล่องตัวในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาและของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่บัญญัติในมาตรา ๔๔ (๑) และ (๒) ดงั ต่อไปนี้ (๑) รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธิการอาจมอบอานาจใหร้ ัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวง เลขาธิการ หรือหัวหน้าส่วนราชการซึ่งดารงตาแหน่งเทียบเท่าอธิการบดีในสถานศึกษาของรัฐที่ จัดการศกึ ษาระดบั ปริญญาในสงั กัด หรือผ้วู ่าราชการจงั หวัด (๒) ปลัดกระทรวงอาจมอบอานาจให้รองปลัดกระทรวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวงหรือเลขาธิการ อธิการบดีในสถานศึกษาของรัฐท่ีจัดการศึกษาระดับปริญญาในสังกัด หรือผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษา หรอื ผูอ้ านวยการสถานศกึ ษา หรือผวู้ า่ ราชการจงั หวัด (๓) เลขาธิการอาจมอบอานาจให้รองเลขาธิการ ผู้ช่วยเลขาธิการ อธิการบดีในสถานศึกษาของรัฐท่ี จัดการศึกษาระดับปริญญาในสังกัด ผู้อานวยการสานัก ผู้อานวยการสานักบริหารงานหรือผู้ดารงตาแหน่ง เทยี บเท่า ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษา หรอื ผ้อู านวยการสถานศกึ ษาหรือผวู้ ่าราชการจงั หวดั (๔) ผูอ้ านวยการสานกั ผอู้ านวยการสานักบรหิ ารงาน หรือผู้ดารงตาแหน่งเทียบเท่าอาจมอบอานาจ ให้ผูอ้ านวยการสานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา หรือผดู้ ารงตาแหน่งเทียบเท่า (๕) ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาหรือผู้ดารงตาแหน่งเทียบเท่า อาจมอบอานาจให้ ข้าราชการในสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา หรือผู้อานวยการสถานศึกษาหรือหัวหน้าหน่วยงานท่ีเรียกชื่อ อย่างอื่นในเขตพ้ืนท่ีการศึกษาท่ีตนรับผิดชอบได้ตามระเบียบท่ีเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กาหนด (๖) ผู้อานวยการสถานศึกษาหรือผู้ดารงตาแหน่งเทียบเท่า อาจมอบอานาจให้ข้าราชการใน สถานศกึ ษาหรือในหน่วยงานทเ่ี รยี กชือ่ อย่างอนื่ ได้ ตามระเบยี บท่คี ณะกรรมการเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษากาหนด (๗) ผู้ดารงตาแหนง่ (๑) ถึง (๖) อาจมอบอานาจให้บคุ คลอน่ื ได้ตามระเบยี บทคี่ ณะรัฐมนตรกี าหนด การมอบอานาจตามมาตรานี้ใหท้ าเปน็ หนงั สือ คณะรัฐมนตรีอาจกาหนดให้มีการมอบอานาจในเรื่องใดเรื่องหน่ึง ตลอดจนการมอบอานาจให้ทา นิตกิ รรม ฟ้องคดี หรือดาเนินคดแี ทนกระทรวงหรอื ส่วนราชการตามมาตรา ๑๐ หรือกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขในการมอบอานาจให้ผูม้ อบอานาจหรอื ผูร้ ับมอบอานาจตามวรรคหนงึ่ ตอ้ งปฏบิ ัติกไ็ ด้ มาตรา ๔๖ เมอ่ื มกี ารมอบอานาจตามมาตรา ๔๕ โดยชอบแลว้ ผู้รับมอบอานาจมีหน้าที่ต้องรับมอบ อานาจนั้น และจะมอบอานาจน้ันให้แก่ผู้ดารงตาแหน่งอื่นต่อไปไม่ได้ เว้นแต่กรณีการมอบอานาจให้แก่ ผวู้ ่าราชการจังหวัดตามมาตรา ๔๕ (๑) (๒) หรอื (๓) ผู้วา่ ราชการจังหวัดจะมอบอานาจน้ันต่อไป ตามกฎหมาย ว่าด้วยระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดนิ ก็ได้ ในการมอบอานาจของผู้ว่าราชการจังหวัดตามวรรคหน่ึงให้แก่รองผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ช่วย ผวู้ า่ ราชการจังหวดั ให้ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั แจง้ ให้ผู้มอบอานาจชั้นต้นทราบ ส่วนการมอบอานาจให้แก่บุคคลอื่น

- ๑๗ - 17 นอกจากรองผ้วู ่าราชการจงั หวดั หรอื ผชู้ ว่ ยผวู้ า่ ราชการจังหวัดจะกระทาได้ต่อเมื่อไดร้ ับความเห็นชอบจากผู้มอบ อานาจชน้ั ตน้ แล้ว มาตรา ๔๗ ในการมอบอานาจตามมาตรา ๔๕ (๑) ถึง (๖) ให้ผู้มอบอานาจพิจารณาถึงการอานวย ความสะดวกแก่ประชาชน ความรวดเร็วในการปฏิบัติราชการ การกระจายความรับผิดชอบตามสภาพของ ตาแหนง่ ของผู้รบั มอบอานาจและผ้รู บั มอบอานาจตอ้ งปฏิบัตหิ นา้ ท่ีท่ีไดร้ ับมอบอานาจตามวตั ถุประสงค์ของการ มอบอานาจดังกล่าว เมอ่ื ไดม้ อบอานาจแลว้ ผู้มอบอานาจมีหน้าที่กากับติดตามผลการปฏิบัติราชการของผู้รับมอบอานาจ และให้มอี านาจแนะนาและแก้ไขการปฏบิ ตั ิราชการของผรู้ บั มอบอานาจได้ หมวด ๕ การรกั ษาราชการแทน มาตรา ๔๘ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจ ปฏิบัตริ าชการได้ ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงศึกษาธิการหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใดคน หน่ึงเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจ ปฏบิ ตั ิราชการได้ ให้คณะรฐั มนตรีมอบหมายใหร้ ัฐมนตรคี นใดคนหน่งึ เป็นผู้รักษาราชการแทน มาตรา ๔๙ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดารงตาแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีหลายคนให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการมอบหมายให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีคนใดคนหน่ึงเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งต้ังข้าราชการในกระทรวงคนหน่ึงเป็น ผู้รักษาราชการแทน มาตรา ๕๐ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดารงตาแหน่งปลัดกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ รองปลัดกระทรวงเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองปลัดกระทรวงหลายคน ให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารแต่งตั้งรองปลดั กระทรวงคนใดคนหนง่ึ เปน็ ผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรอง ปลัดกระทรวง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งต้ังข้าราชการใน กระทรวงซึ่งดารงตาแหนง่ ไม่ตา่ กว่าเลขาธกิ ารหรอื เทียบเทา่ เป็นผู้รักษาราชการแทน มาตรา ๕๑ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดารงตาแหน่งเลขาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ รองเลขาธิการเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองเลขาธิการหลายคน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่งตั้งรองเลขาธิการคนใดคนหน่ึงเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองเลขาธิการ หรือมีแต่ ไมอ่ าจปฏิบัติราชการได้ ให้รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการแต่งต้ังข้าราชการในสานักงานซ่ึงดารงตาแหน่ง เทียบเท่ารองเลขาธิการ หรือข้าราชการตาแหน่งเลขาธิการสานักหรือผู้อานวยการสานักหรือเทียบเท่าขึ้นไป

- ๑๘ - 18 คนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอาจแต่งตั้งข้าราชการคนหนึ่งซึ่งดารง ตาแหนง่ ไมต่ ่ากว่ารองเลขาธกิ ารหรอื เทยี บเทา่ มาเป็นผู้รักษาราชการแทนก็ได้ มาตรา ๕๒ ในกรณีท่ีไม่มีผู้ดารงตาแหน่งผู้อานวยการสานัก หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ รองผู้อานวยการสานักเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองผู้อานวยการสานักหลายคน ให้ปลัดกระทรวงหรือ เลขาธิการ แล้วแต่กรณี แต่งต้ังรองผู้อานวยการสานักคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดารง ตาแหน่งรองผู้อานวยการสานัก หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ปลัดกระทรวงหรือเลขาธิการแต่งตั้ง ขา้ ราชการในสานกั ซ่ึงดารงตาแหนง่ เทยี บเท่ารองผ้อู านวยการสานักคนหนึ่ง เป็นผู้รักษาราชการแทน ในกรณีที่ ไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองผู้อานวยการสานัก หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ปลัดกระทรวงหรือเลขาธิการ แล้วแต่กรณี แต่งตั้งข้าราชการในสานักบริหารงานหรือสานักซึ่งดารงตาแหน่งเทียบเท่ารองผู้อานวยการสานัก เป็นผู้รักษาราชการแทนกไ็ ด้ มาตรา ๕๓ ในกรณที ไี่ มม่ ผี ดู้ ารงตาแหน่งผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา หรือมีแต่ไม่อาจ ปฏิบัติราชการได้ ให้รองผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษารักษาราชการแทน ถ้ามีรองผู้อานวยการ สานักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาหลายคน ให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานแต่งต้ังรองผู้อานวยการ สานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาคนใดคนหน่งึ รกั ษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดารงตาแหน่งรองผู้อานวยการสานักงาน เขตพื้นท่ีการศึกษา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานแต่งต้ัง ข้าราชการในเขตพื้นท่ีการศึกษาซ่ึงดารงตาแหน่งเทียบเท่ารองผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาหรือ ดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าผู้อานวยการสถานศึกษาหรือตาแหน่งเทียบเท่าขึ้นไปคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการ แทนกไ็ ด้ มาตรา ๕๔ ในกรณีทไ่ี ม่มผี ดู้ ารงตาแหน่งผู้อานวยการสถานศึกษา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองผู้อานวยการสถานศึกษารักษาราชการแทน ถ้ามีรองผู้อานวยการสถานศึกษาหลายคน ให้ผู้อานวยการ สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาแต่งต้ังรองผู้อานวยการสถานศึกษาคนใดคนหน่ึงรักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดารง ตาแหน่งรองผู้อานวยการสถานศึกษา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาแตง่ ตั้งข้าราชการในสถานศึกษาคนใดคนหนง่ึ เป็นผ้รู กั ษาราชการแทนกไ็ ด้ ให้นาความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับส่วนราชการท่ีเรียกชื่ออย่างอ่ืนและมีฐานะเทียบเท่า สถานศึกษาดว้ ยโดยอนโุ ลม มาตรา ๕๕ ใหผ้ ู้รกั ษาราชการแทนตามความในพระราชบัญญัติน้ีมีอานาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซ่ึงตน แทน ในกรณีท่ีผู้ดารงตาแหน่งใดหรือผู้รักษาราชการแทนผู้ดารงตาแหน่งนั้นมอบหมาย หรือมอบอานาจ ให้ผู้ดารงตาแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทน ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอานาจหน้าท่ีเช่นเดียวกับผู้ซึ่งมอบหมาย หรอื มอบอานาจ ในกรณีที่มีกฎหมายอื่นแต่งต้ังให้ผู้ดารงตาแหน่งใดเป็นกรรมการหรือให้มีอานาจหน้าที่อย่างใด ให้ ผู้รักษาราชการแทนหรือผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอานาจหน้าท่ีเป็นกรรมการหรือมีอานาจหน้าท่ีเช่นเดียวกับ ผดู้ ารงตาแหนง่ น้นั ในการรักษาราชการแทนหรือปฏิบัตริ าชการแทนดว้ ย แล้วแตก่ รณี

- ๑๙ - 19 มาตรา ๕๖ การเป็นผู้รักษาราชการแทนตามพระราชบัญญัติน้ีไม่กระทบกระเทือนอานาจของ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร ปลัดกระทรวงหรือผู้ดารงตาแหน่งเทียบเท่าปลัดกระทรวง เลขาธิการหรือผู้ดารงตาแหน่งเทียบเท่าเลขาธิการ ซ่ึงเป็นผู้บังคับบัญชาท่ีจะแต่งต้ังข้าราชการอ่ืน เป็นผู้รักษา ราชการแทนตามอานาจหน้าทท่ี ี่มอี ยูต่ ามกฎหมาย ในกรณีท่ีมีการแต่งต้ังผู้รักษาราชการแทนตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ดารงตาแหน่งรองหรือผู้ช่วยพ้นจาก ความเป็นผูร้ ักษาราชการแทนนับแต่เวลาท่ผี ู้ไดร้ ับแตง่ ตงั้ ตามวรรคหนึง่ เข้ารบั หน้าที่ บทเฉพาะกาล มาตรา ๕๗ ให้โอนอานาจหน้าที่เก่ียวกับราช การของสานักงานเลขานุการรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ และสานักงานเลขานุการรัฐมนตรี ทบวงมหาวิทยาลัย ไปเป็นของสานักงานรัฐมนตรี กระทรวงศกึ ษาธิการทจ่ี ดั ตั้งขนึ้ ตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ มาตรา ๕๘ ใหโ้ อนบรรดากิจการ ทรัพยส์ นิ หนี้ อัตรากาลงั ข้าราชการ ลกู จา้ ง และเงินงบประมาณ ของสานักงานเลขานุการรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ และสานักงานเลขานุการรัฐมนตรีทบวงมหาวิทยาลัย ไปเป็นของสานักงานรัฐมนตรี กระทรวงศกึ ษาธิการท่ีจดั ตั้งข้ึนตามพระราชบญั ญตั ินี้ มาตรา ๕๙ ให้โอนบรรดาอานาจหน้าท่ีที่เก่ียวกับราชการของสา นักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ยกเว้นสานักงานศึกษาธิการจังหวัดและสานักงานศึกษาธิการอาเภอ และบรรดาอานาจ หน้าท่ีของเจ้าหน้าที่สานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ยกเว้นสานักงานศึกษาธิการจังหวัดและ สานกั งานศึกษาธกิ ารอาเภอ ไปเป็นของสานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงศึกษาธกิ าร ให้โอนบรรดาอานาจหน้าท่ีที่เกี่ยวกับราชการของกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ และสานักงานคณะกรรมการข้าราชการครู กระทรวงศกึ ษาธกิ าร และบรรดาอานาจหน้าท่ีของเจ้าหน้าท่ีกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ และสานักงานคณะกรรมการข้าราชการครู กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของสานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศกึ ษาธิการ มาตรา ๖๐ ใหโ้ อนบรรดากิจการ ทรัพยส์ นิ หนี้ อตั รากาลัง ข้าราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณ ของสานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ยกเว้นสานักงานศึกษาธิการจังหวัดและสานักงาน ศกึ ษาธิการอาเภอ ไปเปน็ ของสานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงศึกษาธกิ าร ให้โอนบรรดากจิ การ ทรัพยส์ ิน หนี้ อัตรากาลัง ข้าราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณของกรมการ ศกึ ษานอกโรงเรยี น กระทรวงศึกษาธกิ าร สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ และ สานักงานคณะกรรมการข้าราชการครู กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของสานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

- ๒๐ - 20 การโอนตามวรรคสอง ไม่รวมถึงข้าราชการครูสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งให้โอนไปสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพ่ือปฏิบัติงานในเขต พนื้ ท่ีการศึกษา ตามระเบียบบรหิ ารราชการเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาที่บญั ญตั ไิ วใ้ นหมวด ๒ ของพระราชบญั ญัตินี้ มาตรา ๖๑ ให้โอนบรรดาอานาจหน้าท่ีเก่ียวกับราชการของสานักงานคณะกรรมการการศึกษา แห่งชาติ สานักนายกรัฐมนตรี และบรรดาอานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษา แหง่ ชาติ สานักนายกรฐั มนตรี ไปเป็นของสานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา มาตรา ๖๒ ให้โอนบรรดากิจการ ทรพั ยส์ ิน หนี้ อัตรากาลัง ข้าราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณ ของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สานักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นของสานักงานเลขาธิการสภา การศึกษา มาตรา ๖๓ ให้โอนบรรดาอานาจหน้าท่ีเก่ียวกับราชการของสานักงานคณะกรรมการการ ประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กรมวิช าการ กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานศึกษาธิการจังหวัด และสานักงานศึกษาธิการอาเภอ ในสังกัดสานักงาน ปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ และบรรดาอานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ีสานักงานคณะกรรมการการ ประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานศึกษาธิการจังหวัด และสานักงานศึกษาธิการอาเภอ ในสังกัดสานักงาน ปลดั กระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน มาตรา ๖๔ ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพยส์ นิ หนี้ อตั รากาลงั ขา้ ราชการ ลกู จา้ ง และเงินงบประมาณ ของสานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานศึกษาธิการจังหวัด และสานักงาน ศึกษาธิการอาเภอ ในสังกัดสานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของสานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน มาตรา ๖๕ ให้โอนบรรดาอานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการของทบวงมหาวิทยาลัย สานักงานสภา สถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ และกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนที่เก่ียวกับราชการของ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และบรรดาอานาจหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ทบวงมหาวิทยาลัย สานักงานสภาสถาบัน ราชภฏั กระทรวงศกึ ษาธิการ และกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนที่เก่ียวกับราชการของสถาบัน เทคโนโลยปี ทมุ วนั ไปเปน็ ของสานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ให้อานาจหน้าที่ของเลขาธิการสภาสถาบันราชภัฏ เป็นอานาจหน้าท่ีของเลขาธิการคณะกรรมการ การอดุ มศกึ ษาตามพระราชบัญญตั ิน้ี ให้อานาจหน้าที่ของอธิบดีกรมอาชีวศึกษา ในส่วนที่เกี่ยวกับราชการของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เปน็ อานาจหนา้ ท่ีของเลขาธกิ ารคณะกรรมการการอดุ มศึกษาตามพระราชบัญญตั ิน้ี

- ๒๑ - 21 มาตรา ๖๖ ให้โอนบรรดากจิ การ ทรพั ย์สิน หน้ี อัตรากาลัง ข้าราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณ ของทบวงมหาวิทยาลัย สานักงานสภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของสานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา มาตรา ๖๗ ให้โอนบรรดาอานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการของกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ยกเวน้ สถาบันเทคโนโลยีปทมุ วัน และบรรดาอานาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ยกเว้นสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ไปเป็นของสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา มาตรา ๖๘ ให้โอนบรรดากจิ การ ทรพั ย์สนิ หนี้ อัตรากาลัง ข้าราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณ ของกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ยกเว้นสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ไปเป็นของสานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา มาตรา ๖๙ ใหห้ นว่ ยงานทางการศึกษาท่ีจัดการศึกษาในลักษณะโรงเรียน วิทยาลัยหรือสถานศึกษา ที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนของกระทรวงศึกษาธิการ ที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ในสังกัดกรมสามัญศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ เป็นสถานศึกษาในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พน้ื ฐานเพอื่ การบรหิ ารและการจัดการในแตล่ ะเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาท่ีสถานศึกษานั้นตั้งอยู่ เว้นแต่ศูนย์การศึกษา พเิ ศษสาหรับคนพิการและโรงเรียนสาหรบั คนพกิ ารโดยเฉพาะ การกาหนดรายชือ่ สถานศึกษาและการแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาตามวรรคหน่ึงในวาระเริ่มแรก ให้ เปน็ ไปตามทีค่ ณะกรรมการเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาแตล่ ะเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาเป็นผกู้ าหนด การจัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษา หรือการดาเนินการอื่นใดเก่ียวกับสถานศึกษาตามมาตราน้ี ใหเ้ ป็นไปตามประกาศของเขตพืน้ ที่การศึกษาทเี่ กี่ยวขอ้ ง มาตรา ๗๐ ในวาระเริ่มแรกระหว่างท่ียังมิได้มีการกาหนดตาแหน่งหรือวิทยฐานะของข้าราชการท่ี โอนมาสังกดั สานักงานรัฐมนตรี กระทรวงศกึ ษาธิการ สานกั งานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ สานักงาน เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตามมาตรา ๕๘ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๒ มาตรา ๖๔ มาตรา ๖๖ มาตรา ๖๘ และมาตรา ๘๒ วรรคหนึ่ง ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย และ ข้าราชการครู ยังคงดารงตาแหน่งเดิมโดยให้มีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินประจาตาแหน่ง ตลอดจนมีสิทธิอื่น ๆ ตามท่ีเคยมีสิทธอิ ยู่ตามกฎหมายท่ีเกีย่ วขอ้ งไปพลางก่อน จนกวา่ จะมกี ารกาหนดตาแหน่งหรอื วทิ ยฐานะใหม่ มาตรา ๗๑ ให้บรรดาอานาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการ ทบวงมหาวิทยาลัย และอานาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในส่วนที่เก่ียวกับการปฏิบัติราชการของสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติตามท่ีมีกฎหมายกาหนดไว้ เป็นอานาจหน้าท่ีของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๗๒ ให้บรรดาอานาจหน้าท่ีของรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย และอานาจหน้าที่ของ ปลดั ทบวงมหาวทิ ยาลัย ในสว่ นท่เี กย่ี วกบั การปฏิบตั ิราชการของทบวงมหาวทิ ยาลัย ตามท่ีมีกฎหมายกาหนดไว้

- ๒๒ - 22 เป็นอานาจหน้าท่ีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาตาม พระราชบญั ญตั ิน้ี แลว้ แต่กรณี ใหบ้ รรดาอานาจหนา้ ทีข่ องรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร และอานาจหน้าท่ีของปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ ที่เก่ียวกับการปฏิบัติราชการของสานักงานสภาสถาบันราชภัฏ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล และ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ที่มีอยู่ก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเป็นอานาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ และปลัดกระทรวงศึกษาธิการตามพระราชบัญญัติน้ี แล้วแต่กรณี ท้ังน้ี จนกว่าจะมีการ ตรากฎหมายวา่ ด้วยสถาบนั ราชภฏั สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล และสถาบนั เทคโนโลยปี ทุมวนั มาตรา ๗๓ บรรดาบทกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ และคาสั่งเก่ียวกับการศึกษาที่ใช้ บังคับอยู่ในวันก่อนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของพระราชบัญญัติน้ียังคงใช้ บังคบั ได้ต่อไป จนกว่าจะไดม้ กี ารดาเนินการปรับปรุงแก้ไขตามหลกั เกณฑท์ ่ีกาหนดในพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทีแ่ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ และพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ใชบ้ งั คบั มาตรา ๗๔ ให้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงดารงตาแหน่งอยู่ในวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งดารงตาแหน่งอยู่ในวันท่ี พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ให้เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งดารงตาแหน่งอยู่ในวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ รักษาราชการแทน เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการซึ่งดารง ตาแหนง่ ไม่ต่ากวา่ อธิบดหี รือตาแหนง่ ทีเ่ ทียบเทา่ ในวันทพ่ี ระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ชบ้ งั คับ รกั ษาราชการแทนเลขาธิการ คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน และเลขาธกิ ารคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา การรักษาราชการแทนตามวรรคหน่ึงและวรรคสองให้รักษาราชการแทนไปจนกว่าจะมีการแต่งต้ัง ปลัดกระทรวงหรอื เลขาธกิ ารตามที่กาหนดในพระราชบัญญัตินี้ แต่ท้ังน้ีจะต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่ วันท่ีพระราชบญั ญัติน้ใี ช้บงั คับ มาตรา ๗๕ ในวาระเร่ิมแรก เม่ือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประกาศในราชกิจจานุเบกษา กาหนดเขตพ้ืนท่ีการศึกษาแล้ว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งข้าราชการในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าท่ีผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาตามจานวนเขตพื้นท่ี การศึกษาท่ีประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้ผู้ปฏิบัติหน้าท่ีผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็น ผู้บังคับบญั ชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาตามมาตรา ๓๗ ไปจนกวา่ จะมีการแต่งต้ังผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาตามท่ีกาหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา มาตรา ๗๖ ในวาระเร่ิมแรกในระหว่างที่ยังมิได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสภาการศึกษาและ คณะกรรมการการอุดมศึกษา ให้คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการ การศึกษาแห่งชาติ และคณะกรรมการทบวงมหาวิทยาลัย ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบการปฏิบัติราชการของ

- ๒๓ - 23 ทบวงมหาวิทยาลัย แล้วแต่กรณี ซึ่งดารงตาแหน่งอยู่ในวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ปฏิบัติหน้าที่สภาและ คณะกรรมการดังกล่าว ท้ังน้ี จนกว่าจะได้มีการแต่งต้ังคณะกรรมการสภาการศึกษาและคณะกรรมการ การอดุ มศึกษาตามพระราชบัญญัตนิ ี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๑๔ เพ่ือท่ีจะให้คาแนะนาในการกาหนดหรือเปลี่ยนแปลงเขตพ้ืนที่ การศึกษาตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคาแนะนาของคณะกรรมการ การศกึ ษาแหง่ ชาตติ ามวรรคหน่ึง มีอานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพ่ือกาหนดหรือเปล่ียนแปลงเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษา ในวาระเริ่มแรกในระหว่างท่ียังมิได้มีการแต่งต้ังคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานและ คณะกรรมการการอาชีวศึกษาขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ ถ้ามีความจาเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดาเนินการใด ๆ ท่ีพระราชบัญญัติน้ีกาหนดให้เป็นอานาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารเปน็ ผใู้ ช้อานาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าว จนกว่าจะได้มีการแต่งต้ังคณะกรรมการ ตามบทบัญญัตแิ ห่งพระราชบัญญตั ิน้ี มาตรา ๗๗ ให้โอนบรรดาอานาจหน้าท่ีเกี่ยวกับ อ.ก.พ. สานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ อ.ก.พ. กรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ อ.ก.พ. สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ และ อ.ก.พ. สานักงานคณะกรรมการข้าราชการครู กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของ อ.ก.พ. ของสานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ที่จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบญั ญตั ิน้ี ให้โอนบรรดาอานาจหน้าท่ีเก่ียวกับ อ.ก.พ. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สานัก นายกรฐั มนตรี ไปเปน็ ของ อ.ก.พ. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ให้โอนบรรดาอานาจหน้าที่เก่ียวกับ อ.ก.พ. สานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธกิ าร อ.ก.พ. กรมสามัญศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ อ.ก.พ. กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ไปเปน็ ของ อ.ก.พ. สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน ให้โอนบรรดาอานาจหน้าที่เกี่ยวกับ อ.ก.พ. ทบวงมหาวิทยาลัย อ.ก.พ. สานักงานปลัดทบวง ทบวงมหาวิทยาลัย อ.ก.พ. สานักงานสภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของ อ.ก.พ. สานักงาน คณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา ให้โอนบรรดาอานาจหน้าทเี่ กย่ี วกบั อ.ก.พ. กรมอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ ไปเปน็ ของ อ.ก.พ. สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ให้ อ.ก.พ. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ซ่ึงมีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับยังคงปฏิบัติหน้าที่ ต่อไปและทาหน้าที่ อ.ก.พ. กระทรวงตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบียบขา้ ราชการพลเรอื นดว้ ย มาตรา ๗๘ ใหข้ ้าราชการครใู นสงั กัดสานักงานสภาสถาบนั ราชภฏั สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล และ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน กรมอาชีวศึกษา อยู่ในวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ยังคงเป็นข้าราชการครู ตาม กฎหมายวา่ ด้วยระเบยี บขา้ ราชการครูต่อไปจนกวา่ จะมกี ารกาหนดตาแหน่งหรือวิทยฐานะตามกฎหมายว่าด้วย ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศกึ ษา

- ๒๔ - 24 เพ่ือประโยชน์ในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูตามวรรคหนึ่ง ให้ อ.ก.ค. สานักงานสภา สถาบันราชภัฏ และ อ.ก.ค. สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ยังคงปฏิบัติ หนา้ ท่ีตอ่ ไป และให้ อ.ก.พ. สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ทาหนา้ ที่ อ.ก.ค. กรมอาชีวศึกษา ในส่วนท่ี เกี่ยวกับข้าราชการครูของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน โดยให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ทาหน้าที่คณะกรรมการข้าราชการครู ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูต่อไปจนกว่าจะมีกฎหมาย ว่าดว้ ยระเบียบขา้ ราชการพลเรือนในสถาบนั อดุ มศึกษาขึน้ ใช้บังคับสาหรับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการ ดงั กลา่ ว มาตรา ๗๙ ให้โอนบรรดาอานาจหน้าที่เก่ียวกับ อ.ก.ค. สานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ อ.ก.ค. กรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ และ อ.ก.ค. สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของ อ.ก.ค. สานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศกึ ษาธิการท่ีจดั ต้ังขึ้นตามพระราชบญั ญตั ินี้ ให้โอนบรรดาอานาจหน้าที่เก่ียวกับ อ.ก.ค. สานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ อ.ก.ค. กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ อ.ก.ค. จังหวัด และ อ.ก.ค. กรงุ เทพมหานคร ไปเปน็ ของ อ.ก.ค. สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน ใหโ้ อนบรรดาอานาจหน้าที่เกย่ี วกบั อ.ก.ค. กรมอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของ อ.ก.ค. สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และให้ อ.ก.ค. กรมอาชีวศึกษา ซึ่งอยู่ในวันท่ีพระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับ ยังคงปฏิบัติหน้าท่ีเป็น อ.ก.ค. สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ขา้ ราชการครูดว้ ย ในวาระเร่ิมแรกให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้ง อ.ก.ค. สานักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ และ อ.ก.ค. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีไปจนกว่าจะมี คณะกรรมการบริหารงานบุคคลตามที่กาหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทาง การศึกษา มาตรา ๘๐ ในระหว่างท่ียังมิได้ดาเนินการให้มี อ.ก.พ. ของสานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศกึ ษาธกิ าร อ.ก.พ. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา อ.ก.พ. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน อ.ก.พ. สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและ อ.ก.พ. สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาที่ ทาหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวงในแต่ละส่วนราชการ ให้องค์กรต่อไปน้ีปฏิบัติหน้าท่ีบริหารงานบุคคลเป็น การชวั่ คราวสาหรับขา้ ราชการแตล่ ะสงั กดั (๑) ให้ อ.ก.พ. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ อ.ก.พ. สานักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา สาหรบั ข้าราชการพลเรือนสามัญในสังกัดสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (๒) ให้ อ.ก.พ. ทบวงมหาวิทยาลัย ปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะ อ.ก.พ. สานักงานคณะกรรมการ การอดุ มศกึ ษา สาหรับขา้ ราชการพลเรือนสามัญในสงั กดั สานักงานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา (๓) ให้ อ.ก.พ. กระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะ อ.ก.พ. สานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธกิ าร สาหรบั ขา้ ราชการพลเรอื นสามญั ในสังกดั สานักงานรฐั มนตรี และสานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการตามพระราชบัญญัตินี้ ในฐานะ อ.ก.พ. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน

- ๒๕ - 25 สาหรับข้าราชการพลเรือนสามัญในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และในฐานะ อ.ก.พ. สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา สาหรบั ขา้ ราชการพลเรือนสามัญในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการ อาชวี ศึกษา ในกรณีที่ผู้ท่ีปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมการตามวรรคหน่ึง ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้เพราะผู้ดารง ตาแหนง่ กรรมการวา่ งลงหรอื ไมค่ รบจานวนตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการมีอานาจแต่งตั้งบุคคลท่ีเห็นสมควรทาหน้าท่ีเป็นกรรมการเพิ่มเติมให้ครบจานวนตามท่ี กฎหมายกาหนดได้เปน็ การชวั่ คราว และให้บุคคลท่ีแต่งต้ังเพิ่มเติมดังกล่าว ปฏิบัติหน้าท่ีอยู่ตามวาระการดารง ตาแหน่งเดิมของผทู้ ่ีปฏิบตั หิ นา้ ทใ่ี นคณะกรรมการนั้น ๆ มาตรา ๘๑ ใหด้ าเนนิ การออกกฎกระทรวงตามมาตรา ๑๑ มาตรา ๑๔ วรรคห้า มาตรา ๑๕ วรรคส่ี มาตรา ๑๖ วรรคสี่ มาตรา ๑๗ วรรคห้า มาตรา ๓๔ วรรคสี่ มาตรา ๓๖ วรรคสาม มาตรา ๓๘ วรรคสองและ วรรคสาม และมาตรา ๓๙ วรรคสาม ภายในหนึ่งรอ้ ยแปดสิบวนั นับแตว่ ันท่พี ระราชบญั ญตั ินี้ใชบ้ ังคับ มาตรา ๘๒ ให้สถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาระดับปริ ญญาที่เป็นสถานศึกษาในสังกัด ทบวงมหาวิทยาลัย และให้สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงมีกฎหมายว่าด้วยการ จัดตั้งสถานศึกษาน้ันโดยเฉพาะ และมีฐานะเป็นกรมตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินอยู่ใน วันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ มีฐานะเป็นสถานศึกษาท่ีเป็นนิติบุคคลในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการ อุดมศึกษา โดยให้สถานศึกษาดังกล่าวยังคงมีอานาจในการบริหารบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หน้ี ข้าราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณ ตลอดจนบังคับบัญชาข้าราชการและลูกจ้างของสถานศึกษานั้น ๆ ตาม พระราชบัญญัติน้แี ละตามกฎหมายจัดตั้งสถานศึกษาน้ัน ตลอดท้ังกฎหมายอนื่ ทีเ่ กีย่ วขอ้ งต่อไป ให้สถานศึกษาตามวรรคหน่ึงมีฐานะเป็นส่วนราชการตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการ งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ เพ่ือประโยชน์ในการจัดตง้ั งบประมาณ ตลอดจนการบริหารและการดาเนินการอ่ืนใด ที่เกี่ยวกบั งบประมาณแผ่นดนิ ด้วย ผูร้ บั สนองพระบรมราชโองการ พันตารวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรฐั มนตรี

- ๒๖ - 26 หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยที่เป็นการจาเป็นต้องกาหนดขอบเขต อานาจหน้าท่ีของส่วนราชการต่าง ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการให้ชัดเจน เพื่อมิให้การปฏิบัติงานซ่ึงซ้อนทับกัน ระหวา่ งสว่ นราชการของกระทรวง และจาเป็นทจ่ี ะตอ้ งจดั ระบบบริหารราชการในระดบั ต่าง ๆ ของกระทรวงให้ มเี อกภาพ สามารถดาเนนิ การให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ และนโยบายท่ีรัฐมนตรีกาหนด ได้ ประกอบกับสมควรมีการกาหนดขอบข่ายของอานาจหน้าท่ีและการมอบอานาจให้ปฏิบัติราชการแทนให้ ชัดเจน เพ่ือไม่ให้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติราชการในกากับควบคุมดูและการปฏิบัติราชการของราชการ ซึ่ง ปฏิบัติในแต่ละระดับให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพ่ือให้ การบริหารและการจัดการศึกษา ซ่ึงมีลักษณะและวิธีปฏิบัติงาน ตลอดท้ังระบบบริหารงานบุคคลท่ีมีลักษณะ พิเศษแตกต่างไปจากการปฏิบัติราชการในกระทรวงอื่น ๆ ในระบบราชการปัจจุบันให้สามารถดาเนินการได้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ จึงจาเป็นต้องตราพระราชบญั ญตั ินี้ พระราชบัญญัตริ ะเบียบบริหารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕ ใหร้ ฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคาแนะนาของสภาการศึกษามีอานาจประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเพื่อกาหนดหรือแก้ไขเปล่ียนแปลงเขตพื้นท่ีการศึกษาสาหรับเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้ บงั คับ หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยที่การจัดระเบียบบริหารราชการในเขต พ้ืนที่การศึกษากาหนดให้แต่ละเขตพ้ืนที่การศึกษาประกอบด้วยการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับ มัธยมศึกษา ซึ่งมีการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานรวมอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละเขตพื้นท่ี การศึกษา ทาให้เกิดความไม่คล่องตัวในการบริหารราชการ สมควรแยกเขตพื้นท่ีการศึกษาออกเป็นเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาและเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เพื่อให้การบริหารและการจัดการศึกษามี ประสิทธิภาพ อันจะเป็นการพัฒนาการศึกษาแก่นักเรียนในช่วงชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้สัมฤทธิผล และมีคุณภาพย่ิงขึ้น ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ จึงจาเป็นต้องตรา พระราชบัญญตั ินี้ ๔ ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๑๒๗/หน้า๔/ตอนที่ ๔๕ ก/๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓

27 ระเบียบสาํ นักนายกรฐั มนตรี วา ดวยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยทเี่ ปนการสมควรกาํ หนดใหมกี ารปรบั ปรุงกระบวนการจา งงานภาครฐั ในสว นของ ลูกจางของสว นราชการใหม คี วามหลากหลาย เพ่ือใหเกิดความเหมาะสมในการใชกําลังคนภาครฐั และใหการปฏบิ ัติราชการมีความคลองตัวเกดิ ประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล โดยสอดคลอ งตามแนว ทางการบรหิ ารจดั การภาครฐั แนวใหม คณะรัฐมนตรจี ึงเห็นสมควรใหม กี ารจา งพนักงานราชการ สาํ หรับการปฏิบตั ิงานของสว นราชการ อาศัยอาํ นาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แหง พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บบรหิ าร ราชการแผนดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรฐั มนตรโี ดยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรี จงึ วางระเบียบไว ดังตอไปน้ี ขอ ๑ ระเบียบนีเ้ รียกวา “ระเบยี บสาํ นกั นายกรัฐมนตรี วาดวยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗” ขอ ๒ ระเบยี บนี้ใหใชบังคบั ต้ังแตวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เปน ตน ไป ขอ ๓ ในระเบียบนี้ “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการ “สว นราชการ” หมายความวา กระทรวง ทบวง กรม หรอื สวนราชการที่เรียกช่อื อยา งอื่นและมฐี านะเปน กรม หรือหนวยงานอ่นื ใดของรฐั ที่มฐี านะเปนสว นราชการตามกฎหมาย วา ดวยระเบียบบรหิ ารราชการแผน ดินและกฎหมายวา ดวยการปรบั ปรุงกระทรวง ทบวง กรม เวนแตราชการสว นทองถน่ิ “หัวหนา สว นราชการ” หมายความวา ปลดั กระทรวง ปลดั ทบวง อธบิ ดหี รอื หัวหนา สว นราชการทีเ่ รยี กช่ืออยา งอน่ื และมีฐานะเปน กรม หรือหวั หนาหนว ยงานอ่นื ของรฐั ทม่ี ีฐานะเปน สว นราชการ และผูวา ราชการจังหวดั ซ่ึงเปนผวู า จา งพนกั งานราชการ

28 ๒ “พนักงานราชการ” หมายความวา บุคคลซง่ึ ไดรบั การจางตามสัญญาจางโดย ไดร ับคา ตอบแทนจากงบประมาณของสวนราชการ เพ่อื เปนพนกั งานของรฐั ในการปฏิบัตงิ าน ใหกบั สวนราชการน้นั “สัญญาจาง” หมายความวา สัญญาจางพนักงานราชการตามระเบยี บน้ี ขอ ๔ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ ขอ บงั คบั คําส่ัง หรือมติคณะรฐั มนตรี ที่กําหนดใหขา ราชการหรอื ลูกจา งของสวนราชการมีหนา ทีต่ องปฏิบัตหิ รอื ละเวนการปฏบิ ตั หิ รือเปน ขอหา มในเรอ่ื งใด ใหถ ือวาพนกั งานราชการมีหนาทีต่ อ งปฏิบตั ิหรอื ละเวน การปฏิบตั ิหรือตอ งหา ม เชน เดยี วกบั ขาราชการหรอื ลูกจางดวย ท้ังน้ี เวน แตเ รื่องใดมกี ําหนดไวแ ลวโดยเฉพาะในระเบียบน้ี หรอื ตามเงอ่ื นไขของสญั ญาจา ง หรือเปน กรณีทสี่ วนราชการประกาศกําหนดใหพนกั งานราชการ ประเภทใดหรือตาํ แหนง ในกลมุ งานลกั ษณะใด ไดรับยกเวน ไมต อ งปฏบิ ตั ิเชนเดยี วกบั ขา ราชการ หรือลกู จา งในบางเรื่องเพ่ือใหเ หมาะสมกับสภาพการปฏิบตั งิ านของพนกั งานราชการ ในกรณีทค่ี ณะกรรมการเห็นสมควรอาจกาํ หนดแนวทางการดาํ เนินการตามวรรคหนง่ึ เพ่อื เปน มาตรฐานทวั่ ไปใหสว นราชการปฏิบัติก็ได ขอ ๕ ใหเ ลขาธิการคณะกรรมการขา ราชการพลเรอื นรกั ษาการตามระเบียบนี้ หมวด ๑ พนกั งานราชการ ขอ ๖ พนักงานราชการมสี องประเภท ดังตอ ไปน้ี (๑) พนกั งานราชการท่ัวไป ไดแ ก พนกั งานราชการซึ่งปฏบิ ัติงานในลักษณะเปน งาน ประจําท่วั ไปของสว นราชการในดา นงานบริการ งานเทคนิค งานบริหารทั่วไป งานวิชาชพี เฉพาะ หรือ งานเช่ียวชาญเฉพาะ (๒) พนกั งานราชการพเิ ศษ ไดแก พนกั งานราชการซึ่งปฏบิ ัตงิ านในลกั ษณะท่ตี อ ง ใชค วามรหู รือความเชย่ี วชาญสูงมากเปน พิเศษเพ่ือปฏิบตั งิ านในเรื่องทีม่ คี วามสําคัญและจําเปนเฉพาะ เร่ืองของสว นราชการ หรือมคี วามจาํ เปนตอ งใชบคุ คลในลกั ษณะดงั กลาว

29 ๓ ขอ ๗ ในการกาํ หนดตาํ แหนงของพนักงานราชการ ใหกําหนดตาํ แหนงโดยจาํ แนก เปนกลมุ งานตามลกั ษณะงานและผลผลิตของงาน ดงั ตอไปน้ี (๑) กลมุ งานบริการ (๒) กลมุ งานเทคนคิ (๓) กลมุ งานบริหารท่วั ไป (๔) กลุม งานวชิ าชีพเฉพาะ (๕) กลุม งานเชีย่ วชาญเฉพาะ (๖) กลุม งานเชีย่ วชาญพเิ ศษ ในแตล ะกลุมงานตามวรรคหนง่ึ คณะกรรมการอาจกําหนดใหม ีกลุมงานยอ ยเพื่อให เหมาะสมกบั ลกั ษณะงานของพนกั งานราชการได การกําหนดใหพ นกั งานราชการประเภทใดมีตําแหนงในกลุมงานใด และการกําหนด ลกั ษณะงานและคณุ สมบัตเิ ฉพาะของกลมุ งาน ใหเปน ไปตามประกาศของคณะกรรมการ สว นราชการซ่งึ เปน ผวู า จางพนักงานราชการอาจกําหนดชือ่ ตําแหนงในกลมุ งานตาม ความเหมาะสมกับหนาที่การปฏบิ ตั ิงานของพนกั งานราชการทีจ่ างได ขอ ๘ ผซู ง่ึ จะไดรบั การจางเปน พนักงานราชการ ตอ งมีคณุ สมบตั แิ ละไมมีลักษณะ ตอ งหา ม ดังตอ ไปน้ี (๑) มสี ัญชาติไทย (๒) มีอายุไมตาํ่ กวาสบิ แปดป (๓) ไมเปน บุคคลลม ละลาย (๔) ไมเปน ผูมกี ายทพุ พลภาพจนไมสามารถปฏบิ ตั หิ นา ทไี่ ด ไรค วามสามารถ หรือจิตฟน เฟอ นไมส มประกอบ หรอื เปน โรคตามทกี่ ําหนดไวใ นกฎหมายวาดวยระเบียบขา ราชการ พลเรือน (๕) ไมเปนผูด าํ รงตาํ แหนง ทางการเมือง กรรมการพรรคการเมอื ง หรอื เจาหนาท่ี ในพรรคการเมือง (๖) ไมเ ปนผูเ คยตองรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถงึ ทสี่ ดุ ใหจําคกุ เพราะกระทาํ ความผดิ ทางอาญา เวนแตเปนโทษสําหรับความผดิ ท่ไี ดกระทําโดยประมาทหรือความผิดลหโุ ทษ (๗) ไมเปนผเู คยถูกลงโทษใหออก ปลดออก หรอื ไลออกจากราชการ รฐั วิสาหกิจ หรอื หนว ยงานอืน่ ของรฐั (๘) ไมเ ปนขา ราชการหรือลูกจา งของสวนราชการ พนักงานหรอื ลกู จา งของหนวยงาน อ่นื ของรฐั รฐั วสิ าหกิจ หรอื พนักงานหรือลกู จา งของราชการสวนทองถ่นิ

30 ๔ (๙) คณุ สมบัตหิ รือลกั ษณะตอ งหา มอื่นตามทสี่ ว นราชการกาํ หนดไวในประกาศ การสรรหาหรือการเลือกสรรบคุ คลเพ่ือจา งเปน พนักงานราชการ ทงั้ น้ี ตองเปนไปเพอื่ ความจาํ เปน หรอื เหมาะสมกบั ภารกิจของสว นราชการนนั้ ความใน (๑) ไมใหใ ชบังคับกบั พนักงานราชการชาวตา งประเทศซึ่งสว นราชการจาํ เปน ตองจา งตามขอ ผูกพนั หรือตามความจาํ เปน ของภารกิจของสวนราชการ ในกรณที ่ีเห็นสมควรคณะกรรมการอาจประกาศกําหนดคุณสมบัตหิ รือลกั ษณะ ตอ งหามเพม่ิ ข้ึน หรอื กาํ หนดแนวทางปฏิบัติของสวนราชการในการจา งพนักงานราชการเพ่อื ให สอดคลอ งกับวตั ถปุ ระสงคข องการกาํ หนดใหมีพนักงานราชการตามระเบียบน้ี ขอ ๙ ใหสวนราชการจัดทํากรอบอตั รากาํ ลังพนักงานราชการเปน ระยะเวลาสปี่  โดยใหส อดคลอ งกับเปา หมายการปฏบิ ตั ิราชการของสว นราชการและแผนงบประมาณเชิงกลยทุ ธ ทั้งนี้ ตามแนวทางการจัดกรอบอตั รากําลังพนักงานราชการทคี่ ณะกรรมการกําหนด กรอบอตั รากําลงั พนักงานราชการของสวนราชการตามวรรคหน่งึ จะตอ งเสนอตอ คณะกรรมการเพื่อใหความเหน็ ชอบ เมือ่ คณะกรรมการใหความเหน็ ชอบแลว ใหส าํ นกั งบประมาณ สนบั สนนุ งบประมาณเพอ่ื เปน คา ใชจายดานบคุ คลตามความจําเปน และสอดคลองกับกรอบอตั รา กาํ ลงั พนกั งานราชการดงั กลาว ทั้งนี้ การเบิกจา ยงบประมาณใหเปน ไปตามประเภทรายจา ยที่ไดร บั การจัดสรรตามหลักเกณฑและวธิ กี ารท่กี ระทรวงการคลังกาํ หนด ในกรณที ม่ี ีเหตุผลความจําเปน สว นราชการอาจขอใหเปล่ียนกรอบอตั รากําลัง พนักงานราชการได โดยไดร ับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ และแจง ใหส ํานักงบประมาณทราบ ขอ ๑๐ การสรรหาและการเลือกสรรบุคคลเพ่ือจางเปนพนกั งานราชการใหเปนไป ตามหลกั เกณฑ วิธกี าร และเงื่อนไขทค่ี ณะกรรมการกําหนด ในกรณที ี่สว นราชการใดจะขอยกเวน หรอื เพ่ิมเตมิ เกีย่ วกบั การสรรหาหรอื การ เลือกสรรตามทค่ี ณะกรรมการกาํ หนดตามวรรคหน่งึ ใหสามารถกระทาํ ไดโ ดยทาํ ความตกลงกับ คณะกรรมการ ขอ ๑๑ การจา งพนกั งานราชการใหกระทําเปนสญั ญาจา งไมเกินคราวละส่ีปห รอื ตามโครงการที่มกี าํ หนดเวลาเร่ิมตน และสิ้นสดุ ไว โดยอาจมกี ารตอสญั ญาจางได ทัง้ นี้ ตามความ เหมาะสมและความจําเปนของแตล ะสว นราชการ แบบสัญญาจา งใหเปน ไปตามทคี่ ณะกรรมการกําหนด

31 ๕ การทาํ สัญญาตามวรรคหน่งึ ใหห ัวหนา สว นราชการหรอื ผูซึง่ ไดร บั มอบหมายจาก หวั หนาสวนราชการเปน ผูลงนามในสญั ญาจางกบั ผูไดรับการสรรหาหรอื การเลอื กสรรเปน พนักงาน ราชการ ขอ ๑๒ การแตงกายและเครื่องแบบปกติ ใหเปนไปตามที่สวนราชการกําหนด เคร่อื งแบบพธิ ีการใหเปน ไปตามทค่ี ณะกรรมการกาํ หนด ขอ ๑๓ วนั เวลาการทาํ งาน หรอื วธิ ีการทํางานในกรณีท่ีไมตองอยูปฏิบตั ิงานประจํา สว นราชการ ใหเปนไปตามท่ีสว นราชการกาํ หนด ซ่งึ อาจแตกตางกันไดตามหนา ทข่ี องพนกั งานราช การในแตล ะตาํ แหนง โดยคาํ นงึ ถงึ ผลสาํ เรจ็ ของงาน หมวด ๒ คา ตอบแทนและสิทธปิ ระโยชน ขอ ๑๔ อตั ราคา ตอบแทนของพนักงานราชการใหเ ปนไปตามทค่ี ณะกรรมการ ประกาศกาํ หนด ขอ ๑๕ สว นราชการอาจกาํ หนดใหพนกั งานราชการประเภทใดหรือตําแหนงใน กลุมงานใดไดร ับสิทธิประโยชนอยางหนึง่ อยางใด ดังตอ ไปน้ี (๑) สทิ ธิเกยี่ วกับการลา (๒) สทิ ธใิ นการไดร บั คาตอบแทนระหวา งลา (๓) สิทธิในการไดร ับคา ตอบแทนการปฏบิ ตั ิงานนอกเวลางาน (๔) คาใชจายในการเดินทาง (๕) คาเบยี้ ประชมุ (๖) สทิ ธิในการขอรับเคร่อื งราชอิสริยาภรณ (๗) การไดร ับรถประจาํ ตําแหนง (๘) สทิ ธิอ่ืน ๆ ท่ีคณะกรรมการประกาศกาํ หนด หลกั เกณฑก ารไดรบั สิทธติ ามวรรคหน่งึ ใหเ ปน ไปตามท่สี วนราชการกาํ หนด ท้งั น้ี เทา ทไี่ มข ดั หรือแยงกบั หลกั เกณฑท ่กี าํ หนดเกยี่ วกับการไดรับสิทธนิ ัน้ ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือมตคิ ณะรฐั มนตรี ในกรณที เี่ ห็นสมควรคณะกรรมการอาจเสนอตอคณะรฐั มนตรีเพ่อื ให แกไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรอื มติคณะรัฐมนตรี เพอ่ื ใหไดร บั สิทธปิ ระโยชนตามวรรคหนึ่ง

32 ๖ ในกรณีทีเ่ ห็นสมควรคณะกรรมการอาจกําหนดมาตรฐานทว่ั ไปเกยี่ วกับการกาํ หนด สิทธิประโยชนใหแ กพ นกั งานราชการเพ่อื ใหสวนราชการปฏบิ ัติก็ได ขอ ๑๖ ใหค ณะกรรมการพิจารณาทบทวนอัตราคาตอบแทนและสิทธปิ ระโยชน ของพนักงานราชการตามขอ ๑๔ และขอ ๑๕ เพอ่ื ปรับปรงุ ใหเ หมาะสมเปนธรรมและมมี าตรฐาน โดยคาํ นึงถึงคาครองชพี ทเี่ ปล่ียนแปลง คา ตอบแทนของเอกชน อัตราเงินเดอื นของขา ราชการ พลเรอื น และฐานะการคลังของประเทศ รวมท้ังปจจัยอ่นื ท่เี กย่ี วของ ขอ ๑๗ ใหพนกั งานราชการไดร ับสิทธิประโยชนแ ละมหี นาท่ีตอ งปฏิบตั ติ าม กฎหมายวาดว ยการประกนั สงั คม ขอ ๑๘ สว นราชการอาจกําหนดใหพ นกั งานราชการประเภทใดหรือตาํ แหนง ใน กลมุ งานใดไดร ับคา ตอบแทนการออกจากงานโดยไมม ีความผดิ ไดตามหลักเกณฑทคี่ ณะกรรมการ กําหนด หมวด ๓ การประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ าน ขอ ๑๙ ในระหวางสญั ญาจา ง ใหสวนราชการจัดใหม ีการประเมินผลการปฏบิ ตั งิ าน ของพนกั งานราชการ ดังตอไปน้ี (๑) การประเมินผลการปฏบิ ตั งิ านของพนกั งานราชการทั่วไป ใหกระทาํ ในกรณี ดังตอ ไปนี้ (ก) การประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงานประจําป (ข) การประเมินผลการปฏบิ ัติงานเพือ่ ตอ สัญญาจา ง (๒) การประเมินผลการปฏบิ ัตงิ านของพนักงานราชการพิเศษ ใหก ระทาํ ในกรณี การประเมนิ ผลสาํ เร็จของงานตามชว งเวลาท่กี าํ หนดไวในสัญญาจา ง การประเมินผลการปฏิบตั งิ านของพนกั งานราชการตามวรรคหน่ึง ใหเ ปนไป ตามหลกั เกณฑและวธิ กี ารทีส่ ว นราชการกําหนด ในการนคี้ ณะกรรมการอาจกาํ หนดแนวทาง การประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงานดงั กลาวเพื่อเปนมาตรฐานท่วั ไปใหส ว นราชการปฏิบตั กิ ็ได

33 ๗ ขอ ๒๐ พนกั งานราชการผูใดไมผ านการประเมนิ ผลการปฏิบัติงานตามขอ ๑๙ ใหถ ือวา สัญญาจางของพนกั งานราชการผนู ้ันสน้ิ สุดลง โดยใหสว นราชการแจง ใหพนกั งานราชการ ทราบภายในเจ็ดวนั นับแตว นั ทีท่ ราบผลการประเมินผลการปฏบิ ตั งิ านของพนกั งานราชการผนู นั้ ขอ ๒๑ ใหส วนราชการรายงานผลการดาํ เนนิ การจางพนักงานราชการ รวมทง้ั ปญหาอปุ สรรคหรือขอ เสนอแนะตอคณะกรรมการภายในเดอื นธันวาคมของทุกป หมวด ๔ วนิ ยั และการรกั ษาวนิ ัย ขอ ๒๒ พนักงานราชการมีหนาทีต่ อ งปฏิบัตงิ านตามที่กําหนดในระเบยี บน้ี ตามท่ี สวนราชการกําหนด และตามเงอื่ นไขท่กี ําหนดไวใ นสัญญาจา ง และมีหนา ทตี่ อ งปฏบิ ตั ติ ามคาํ สงั่ ของ ผูบงั คบั บัญชาซ่งึ ส่งั ในหนา ที่ราชการโดยชอบดวยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ขอ ๒๓ พนกั งานราชการตอ งรักษาวินยั โดยเครงครดั ตามท่ีกาํ หนดไวเปนขอ หาม และขอปฏิบตั ิทส่ี ว นราชการกําหนด พนกั งานราชการผูใดฝา ฝน ขอ หามหรอื ไมปฏิบัตติ ามขอ ปฏบิ ัติตามวรรคหนึ่ง พนักงานราชการผนู ัน้ เปน ผูก ระทําผดิ วนิ ัยจะตอ งไดร บั โทษทางวินัย ขอ ๒๔ การกระทาํ ความผดิ ดังตอไปนี้ ถอื วาเปน ความผิดวินัยอยางรา ยแรง (๑) กระทาํ ความผดิ ฐานทจุ รติ ตอ หนาที่ราชการ (๒) จงใจไมปฏิบัตติ ามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ บงั คับ หรอื เงือ่ นไขท่ีทางราชการ กําหนดใหปฏบิ ตั จิ นเปน เหตุใหทางราชการไดรบั ความเสียหายอยางรา ยแรง (๓) ปฏบิ ัตหิ นา ทโี่ ดยประมาทเลนิ เลอจนเปนเหตุใหท างราชการไดร ับความเสยี หาย อยางรา ยแรง (๔) ไมปฏิบตั ติ ามเง่อื นไขทีก่ าํ หนดในสญั ญา หรือขดั คาํ สง่ั หรอื หลีกเลี่ยงไมปฏบิ ัติ ตามคาํ ส่ังของผูบงั คบั บัญชาตามขอ ๒๒ จนเปน เหตุใหท างราชการไดร ับความเสียหายอยางรา ยแรง (๕) ประมาทเลินเลอ จนเปนเหตุใหทางราชการไดร บั ความเสียหายอยางรา ยแรง (๖) ละท้ิงหรือทอดท้ิงการทํางานเปน เวลาติดตอกนั เกนิ กวา เจ็ดวัน สาํ หรบั ตาํ แหนง ทส่ี วนราชการกําหนดวันเวลาการมาทาํ งาน

34 ๘ (๗) ละทิ้งหรือทอดทงิ้ การทาํ งานจนทําใหง านไมแ ลวเสรจ็ ตามระยะเวลาท่ีกําหนด จนเปนเหตใุ หทางราชการไดรับความเสียหายอยางรายแรง สาํ หรบั ตาํ แหนงท่สี ว นราชการกําหนด การทาํ งานตามเปา หมาย (๘) ประพฤตชิ ่ัวอยางรายแรง หรอื กระทาํ ความผิดอาญาโดยมีคําพพิ ากษาถงึ ท่ีสดุ ใหจ ําคุกหรือหนกั กวาโทษจําคุก (๙) การกระทาํ อืน่ ใดท่ีสวนราชการกาํ หนดวาเปน ความผิดวินยั อยางรายแรง ขอ ๒๕ เมอ่ื มกี รณีทพ่ี นกั งานราชการถกู กลา วหาวา กระทําผดิ วนิ ัยอยา งรายแรง ใหห ัวหนาสว นราชการจดั ใหมีคณะกรรมการสอบสวนเพ่ือดําเนนิ การสอบสวนโดยเรว็ และตอง ใหโอกาสพนกั งานราชการทถ่ี กู กลา วหาช้ีแจงและแสดงพยานหลกั ฐานเพอ่ื ใหเ กดิ ความเปน ธรรม ในกรณีท่ีผลการสอบสวนปรากฏวา พนักงานราชการผูน ั้นกระทําความผิดวนิ ยั อยา งรา ยแรง ใหห วั หนา สว นราชการมคี ําสั่งไลอ อก แตถาไมมมี ูลกระทําความผิดใหส ่งั ยตุ ิเรอื่ ง หลักเกณฑแ ละวิธีการการสอบสวนพนกั งานราชการ ใหเปนไปตามทส่ี ว นราชการ กําหนด ขอ ๒๖ ในกรณีทป่ี รากฏวา พนกั งานราชการกระทาํ ความผดิ วนิ ัยไมรายแรงตามที่ สว นราชการกําหนด ใหห วั หนา สวนราชการสั่งลงโทษภาคทัณฑ ตดั เงินคาตอบแทน หรือลดขั้นเงนิ คาตอบแทน ตามควรแกก รณีใหเ หมาะสมกับความผดิ ในการพิจารณาการกระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนง่ึ ใหห วั หนาสวนราชการพิจารณา สอบสวนใหไ ดค วามจรงิ และยุตธิ รรมตามวธิ กี ารท่ีเห็นสมควร ขอ ๒๗ ในกรณที คี่ ณะกรรมการเห็นสมควรอาจกําหนดแนวทางการดาํ เนนิ การ ทางวนิ ัยแกพ นักงานราชการ เพ่อื เปนมาตรฐานทั่วไปใหสวนราชการปฏบิ ัตกิ ็ได หมวด ๕ การสิน้ สุดสญั ญาจาง ขอ ๒๘ สัญญาจา งสิน้ สดุ ลงเมอ่ื (๑) ครบกําหนดตามสญั ญาจา ง (๒) พนักงานราชการขาดคุณสมบตั หิ รือมีลักษณะตอ งหามตามระเบยี บนีห้ รือตามที่ สวนราชการกาํ หนด

35 ๙ (๓) พนักงานราชการตาย (๔) ไมผ า นการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านตามขอ ๑๙ (๕) พนักงานราชการถูกใหออก เพราะกระทาํ ความผิดวนิ ยั อยา งรายแรง (๖) เหตอุ ืน่ ตามท่กี ําหนดไวใ นระเบยี บนหี้ รอื ตามขอ กําหนดของสวนราชการ หรอื ตามสญั ญาจาง ขอ ๒๙ ในระหวา งสญั ญาจาง พนักงานราชการผใู ดประสงคจะลาออกจากการ ปฏิบตั งิ าน ใหย่ืนหนังสอื ขอลาออกตอ หวั หนา สวนราชการตามหลกั เกณฑท สี่ วนราชการกาํ หนด ขอ ๓๐ สว นราชการอาจบอกเลิกสัญญาจา งกบั พนักงานราชการผใู ดกอนครบ กาํ หนดตามสัญญาจางได โดยไมตองบอกกลาวลวงหนา และไมเปน เหตุทพ่ี นกั งานราชการจะ เรียกรอ งคาตอบแทนการเลิกสญั ญาจา งได เวนแตส ว นราชการจะกําหนดใหในกรณีใดไดรบั คาตอบแทนการออกจากงานโดยไมมคี วามผิดไว ขอ ๓๑ เพอ่ื ประโยชนแ หงทางราชการ สวนราชการอาจสัง่ ใหพนักงานราชการ ไปปฏบิ ัตงิ านนอกเหนอื จากเง่ือนไขท่กี าํ หนดไวในสัญญาจา งได โดยไมเปนเหตใุ หพนกั งานราชการ อา งขอเลิกสญั ญาจา งหรือเรยี กรอ งประโยชนตอบแทนใด ๆ ในการน้ีสว นราชการอาจกาํ หนดให คาลว งเวลาหรือคา ตอบแทนอนื่ จากการสัง่ ใหไปปฏิบตั งิ านดังกลา วกไ็ ด ขอ ๓๒ ในกรณที ี่บคุ คลใดพนจากการเปน พนักงานราชการแลว หากในการ ปฏิบตั ิงานของบุคคลนัน้ ในระหวา งท่ีเปน พนักงานราชการกอใหเกดิ ความเสยี หายแกสว นราชการ ใหบ คุ คลดงั กลา วตอ งรับผดิ ชอบในความเสยี หายดังกลา ว เวน แตความเสยี หายนั้นเกดิ จากเหตสุ ดุ วสิ ยั ในการนสี้ ว นราชการอาจหกั คาตอบแทนหรอื เงินอ่นื ใดท่บี ุคคลน้นั จะไดร บั จากสวนราชการไวเ พอื่ ชาํ ระ คาความเสียหายดงั กลา วก็ได ขอ ๓๓ ในกรณีทคี่ ณะกรรมการเหน็ สมควรอาจกําหนดแนวทางการดาํ เนินการ เก่ียวกบั การเลิกสญั ญาจา งตามหมวดน้ี เพ่ือเปนมาตรฐานท่วั ไปใหส วนราชการปฏิบัติก็ได

36 ๑๐ หมวด ๖ คณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการ ขอ ๓๔ ใหมคี ณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกวา “คณะกรรมการบริหารพนกั งาน ราชการ” เรยี กโดยยอวา “คพร.” ประกอบดวยรองนายกรฐั มนตรหี รือรฐั มนตรซี ่ึงนายกรัฐมนตรี มอบหมาย เปน ประธานกรรมการ เลขาธกิ ารคณะกรรมการขาราชการพลเรอื น เปนรองประธาน กรรมการ ผอู าํ นวยการสํานกั งบประมาณ เลขาธกิ ารคณะกรรมการกฤษฎกี า เลขาธิการคณะกรรมการ พฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหงชาติ เลขาธิการสํานกั งานประกนั สงั คม อัยการสงู สุด อธบิ ดี กรมบญั ชกี ลาง ผูแ ทนกระทรวงกลาโหม ผูแ ทนกระทรวงการคลัง ผแู ทนกระทรวงแรงงาน ผแู ทน สาํ นักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลสวนทองถน่ิ เปนกรรมการ และกรรมการ ผูทรงคณุ วุฒิจาํ นวนสี่คนซึ่งประธานกรรมการแตงตั้งจากผเู ชย่ี วชาญในสาขาการบรหิ ารงานบุคคล กฎหมาย เศรษฐศาสตร และแรงงานสัมพันธ สาขาละหน่งึ คน ใหผูแทนสาํ นักงานคณะกรรมการขา ราชการพลเรอื น เปนกรรมการและเลขานุการ และผูแทนสํานักงบประมาณและผแู ทนกรมบญั ชกี ลาง เปน กรรมการและผชู วยเลขานุการ ขอ ๓๕ กรรมการผทู รงคุณวุฒใิ หมวี าระการดาํ รงตําแหนง คราวละสองป กรรมการ ผทู รงคณุ วฒุ ซิ ึ่งพนจากตาํ แหนง อาจไดรบั แตงตั้งอกี ได ขอ ๓๖ นอกจากการพน จากตําแหนง ตามวาระแลว กรรมการผทู รงคณุ วฒุ ิพน จาก ตําแหนง เมอ่ื (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ประธานกรรมการใหออก ในกรณีทม่ี ีการแตง ต้งั กรรมการผทู รงคุณวฒุ ิแทนตําแหนง ท่วี างหรือแตงตั้งเพิ่มขน้ึ ใหผ ูซ ึ่งไดร ับแตง ต้ังมีวาระเทากบั วาระการดํารงตําแหนงทเี่ หลืออยูข องกรรมการผทู รงคณุ วฒุ ซิ ง่ึ ยงั อยู ในตําแหนง ขอ ๓๗ ใหค ณะกรรมการมอี ํานาจหนาท่ดี งั นี้ (๑) กําหนดแผนงานและแนวทางปฏิบตั ิ รวมทง้ั เสนอแนะสวนราชการในการ ปรบั ปรุงหรือแกไขระเบยี บหรือประกาศเก่ยี วกบั การบรหิ ารพนกั งานราชการเพือ่ ใหเ ปนไปตาม ระเบียบนี้

37 ๑๑ (๒) กําหนดหลักเกณฑ วิธกี าร และเงอื่ นไขเกี่ยวกับการสรรหาและการเลือกสรร บคุ คลเพือ่ จา งเปน พนักงานราชการ รวมทง้ั แบบสญั ญาจา ง (๓) กาํ หนดกลุมงานและลกั ษณะงานในกลุมงาน และคณุ สมบัตเิ ฉพาะของกลมุ งาน ของพนกั งานราชการ (๔) ใหความเหน็ ชอบกรอบอตั รากําลงั พนักงานราชการท่ีสวนราชการเสนอ (๕) กําหนดอัตราคา ตอบแทนและวางแนวทางการกําหนดสทิ ธปิ ระโยชนอ ื่นของ พนกั งานราชการ (๖) กาํ หนดมาตรฐานการประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ านของพนักงานราชการ (๗) ตคี วามและวินจิ ฉยั ปญหาท่ีเกดิ ขึ้นจากการใชบ ังคบั ระเบยี บน้ี (๘) แตง ตง้ั คณะอนุกรรมการตามที่เห็นสมควร (๙) อาํ นาจหนาที่อน่ื ตามทีก่ าํ หนดไวในระเบยี บนี้หรอื กฎหมายอื่น ขอ ๓๘ ใหสาํ นกั งานคณะกรรมการขา ราชการพลเรอื นรบั ผดิ ชอบในงานธรุ การของ คณะกรรมการและปฏบิ ตั ิหนาทีต่ ามทคี่ ณะกรรมการมอบหมาย ขอ ๓๙ ในกรณที ีเ่ รือ่ งใดตามระเบียบน้ีกําหนดใหส วนราชการกาํ หนดหลกั เกณฑ หรือปฏบิ ตั ิในเรื่องใด คณะกรรมการอาจกําหนดใหเ รอ่ื งนั้นตองกระทาํ โดย อ.ก.พ. กรม องคก าร บรหิ ารงานบคุ คลอนื่ ของสว นราชการ หรือใหหวั หนาสวนราชการแตงตง้ั คณะกรรมการเปน ผูดําเนนิ การกไ็ ด บทเฉพาะกาล ขอ ๔๐ ในระหวางทีย่ ังไมม คี ณะกรรมการตามระเบียบน้ี ใหค ณะกรรมการ บริหารงานลูกจางสัญญาจา งตามคาํ สัง่ คณะกรรมการกาํ หนดเปาหมายและนโยบายกาํ ลังคน ภาครัฐ ที่ ๓/๒๕๔๖ เรอื่ ง แตงตงั้ คณะกรรมการบรหิ ารงานลกู จางสญั ญาจา ง ลงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ ปฏบิ ัตหิ นา ท่ีเปน คณะกรรมการตามระเบยี บน้ี จนกวา คณะกรรมการ ตามระเบียบนีจ้ ะเขารับหนาที่ ขอ ๔๑ ในกรณที ่สี ว นราชการยงั จดั ทํากรอบอัตรากําลงั พนกั งานราชการไมแ ลวเสร็จ ถา มีความจาํ เปน ตองจางพนักงานราชการในกลุม งานเชี่ยวชาญพเิ ศษ ใหด ําเนนิ การจางไดใ นกรณี ท่มี ีงบประมาณและโครงการแลว หรอื สําหรบั โครงการใหม โดยเสนอคณะกรรมการพจิ ารณาอนมุ ัติ การจาง

38 ๑๒ ขอ ๔๒ ในกรณที ี่อตั ราลกู จา งประจาํ วางลงและคณะกรรมการกาํ หนดเปา หมายและ นโยบายกําลังคนภาครัฐกําหนดใหจา งเปน ลกู จา งช่ัวคราว สว นราชการจะดําเนนิ การจางเปนพนักงาน ราชการตามระเบียบนไ้ี ดตงั้ แตป งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ เปนตน ไป หรือตามทีค่ ณะกรรมการ กาํ หนด ขอ ๔๓ ในกรณีทอี่ ัตราลูกจา งประจําวา งลงระหวางป ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗ ซงึ่ ตอ งยบุ เลิกตาํ แหนง นน้ั ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เม่อื วันท่ี ๒๓ กนั ยายน ๒๕๔๖ หากสว นราชการยังมี ความจาํ เปนและไมใ ชก รณีการจางเหมาบริการ ใหขออนมุ ตั คิ ณะกรรมการเพ่อื พจิ ารณากําหนดใหเ ปน พนกั งานราชการ

39

40

41

42

43

44

45

46 .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook