Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E8 ระบบประจุไฟแบบธรรมดา

E8 ระบบประจุไฟแบบธรรมดา

Published by yingkamnung_b, 2017-05-18 10:21:32

Description: E8 ระบบประจุไฟแบบธรรมดา

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอน วิชา งานไฟฟา้ รถยนต์ รหสั วิชา 2101-2005หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศักราช 2556 หนว่ ยที่ 8เร่อื ง ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา เรียบเรยี งโดย นายบญุ ลอื ยง่ิ คานึงตาแหน่งครู วทิ ยฐานะชานาญการแผนกวิชาช่างยนต์ วทิ ยาลัยเทคนคิ นครศรีธรรมราชสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร

342ใบเน้อื หาหนว่ ยท่ี 8.1

343รหสั วชิ า 2101-2005 ช่อื วชิ า งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเนือ้ หา I.S. 8-01ชอื่ หนว่ ย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา สอนคร้งั ท่ี 8-9 จานวน 4 ช่วั โมงสาระสาคญั ถงึ แมน้ แบตเตอรี่ในรถยนตจ์ ะสามารถจา่ ยกระแสไฟฟ้าไปยังอปุ กรณต์ ่างๆ ได้อยา่ งเพยี งพอกต็ ามแต่ไมน่ านพลงั งานที่สะสมไว้ในแบตเตอรก่ี ็จะลดลงเนื่องจากแบตเตอรไี่ ม่ใชแ่ หล่งผลติ กระแสไฟฟ้าแต่เป็นแหลง่เกบ็ ไฟฟ้าสารอง ดังนน้ั ในรถยนต์จาเปน็ ต้องมีระบบประจุไฟฟา้ เพื่อทาหน้าทผ่ี ลติ กระแสไฟฟ้าเพื่อประจเุ ขา้แบตเตอร่ีและจ่ายประจุไปยังอปุ กรณ์ไฟฟา้ ต่างๆในรถยนต์โดยใช้เร็กกูเลเตอร์ควบคมุ การประจไุ ฟอยู่ในค่าท่ีกาหนดไม่ให้เกิดความเสียหายแก่แบตเตอร่ีและอปุ กรณ์ไฟฟา้ ตา่ งๆ ซง่ึ ผู้เรียนต้องมีความรูค้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั โครงสรา้ งสว่ นประกอบ วงจร และหลักการทางานของระบบประจุไฟ เพื่อนาไปใช้ในการวเิ คราะห์และแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องต่อไปสาระการเรยี นรู้ 1. หน้าทแี่ ละหลกั การของระบบประจไุ ฟ 2. สว่ นประกอบของระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา 3. หน้าที่และส่วนประกอบของอัลเตอรเ์ นเตอร์แบบธรรมดา 4. หลักการทางานของอลั เตอรเ์ นเตอร์แบบธรรมดา 5. หน้าทแี่ ละส่วนประกอบของเรก็ กูเลเตอร์แบบรีเลย์ 6. หลักการทางานของเร็กกูเลเตอรแ์ บบรีเลย์ 7. การแกไ้ ขข้อขดั ขอ้ งของระบบประจุไฟแบบธรรมดาจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกหนา้ ทแ่ี ละหลักการของระบบประจุไฟได้ 2. บอกสว่ นประกอบในระบบประจไุ ฟแบบธรรมดาได้ 3. บอกหน้าท่ขี องสว่ นประกอบในอัลเตอร์เนเตอร์แบบธรรมดาได้ 4. อธิบายหลักการทางานของอลั เตอร์เนเตอร์แบบธรรมดาได้ 5. บอกหนา้ ทีข่ องสว่ นประกอบในเรก็ กเู ลเตอรแ์ บบรีเลย์ได้ 6. อธบิ ายหลักการทางานของเร็กกเู ลเตอร์แบบรเี ลย์ได้ 7. บอกวธิ ีแกไ้ ขข้อขดั ขอ้ งของระบบประจุไฟแบบธรรมดาได้

344รหัสวชิ า 2101-2005 ชือ่ วชิ า งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเนื้อหา I.S. 8-02ชอ่ื หนว่ ย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนครั้งที่ 8-9 จานวน 4 ชัว่ โมง1. หนา้ ท่แี ละหลักการของระบบประจไุ ฟ 1.1 หนา้ ทีข่ องระบบประจไุ ฟ 1.1.1 ผลิตกระแสไฟฟา้ หรือประจไุ ฟเข้าแบตเตอรี่เม่ือเครื่องยนต์ทางาน 1.1.2 ควบคมุ ปริมาณไฟฟ้าทีป่ ระจุเขา้ แบตเตอรี่โดยใช้เร็กกูเลเตอร์ 1.1.3 สรา้ งสัญญาณเตอื นให้ทราบวา่ มีการประจไุ ฟในระบบประจไุ ฟ 1.2 หลักการของระบบประจุไฟ เมอ่ื นาขดลวดตัวนาใหเ้ คลอื่ นทผ่ี ่านสนามแม่เหลก็ หรือ ให้สนามแมเ่ หลก็ เคลือ่ นทผี่ ่านขดลวดก็จะทาให้เกิดการเหนีย่ วนาของกระแสไฟฟ้าเกิดข้นึ ในขดลวดตวั นา ในท่ีน้ีจะขอกล่าวเฉพาะหลักการของเครือ่ งกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับซึ่งมใี ช้อยู่ในปจั จุบันหรือที่เรียกวา่ อัลเตอร์เนเตอร์ (Alternater) ดังแสดงในรปู ที่ 8.1 หลักการพนื้ ฐานของเคร่ืองกาเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลับคือเม่ือนาขดลวดมาขดเป็นวงกลมโดยต่อปลายทงั้ สองของขดลวดเขา้ กับโวลตม์ เิ ตอร์ เมื่อนาแท่งแมเ่ หลก็ ใหเ้ คลอ่ื นทีส่ อดผา่ นขดลวดตวั นา สนามแม่เหล็กจะเหนี่ยวนาใหเ้ กิดการไหลของกระแสไฟฟ้า จะเหน็ วา่ เขม็ ของโวลตม์ เิ ตอรจ์ ะกระดกิ ชค้ี ่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุดและเมื่อดงึ แทง่ แมเ่ หล็กกลบั เข็มของโวลต์จะกระดิกเชน่ กนั แตช่ ี้กลับคนละขา้ งกับตอนแรก ทง้ั นเี้ พราะวา่ ทิศทางการไหลของกระแสไฟฟา้ สลบั สลบั กนั การใช้แทง่ แม่เหล็กในเคร่ืองกาเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลบั ไม่นิยมใช้แม่เหล็กถาวรเพราะมีขนาดใหญ่ มีความหนาแน่นของสนามแมเ่ หลก็ น้อย และเม่ือใชไ้ ปนานๆความหนาแนน่ ของเส้นแรงแม่เหล็กจะลดลง จงึ ต้องใช้แม่เหล็กไฟฟา้ ซึ่งสามารถปรับความหนาแนน่ ของเสน้ แรงแม่เหลก็ ได้ การเหนีย่ วนาไฟฟา้ ที่เกดิ ข้นึ จะมากหรือน้อยข้นึ อยู่กบั ความเร็วในการเคล่ือนที่ของขดลวดสนามแม่เหล็กทเี่ คลอื่ นทีผ่ า่ นขดลวดตวั นา ความเขม้ ของสนามแมเ่ หล็ก ขนาดขดลวดตวั นา และจานวนรอบของขดลวดตวั นารปู ที่ 8.1 แสดงหลักการของเครอ่ื งกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ทม่ี า : บญุ ลือ ย่ิงคานึง, 2557

345รหสั วชิ า 2101-2005 ชอื่ วิชา งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเนื้อหา I.S. 8-03ช่อื หนว่ ย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนคร้ังท่ี 8-9 จานวน 4 ชว่ั โมงส่วนประกอบของอลั เตอร์เนเตอร์ประกอบด้วยส่วนประกอบสาคญั 2 สว่ นคอื ขดลวดสเตเตอร์ซึ่งเปน็ ตวั กาเนิดแรงเคลือ่ นไฟฟ้า โดยขดลวดจะวางอยู่กับที่ และขดลวดโรเตอร์ (ขดลวดแมเ่ หล็กไฟฟา้ ) ซง่ึจะทาให้เกดิ เสน้ แรงแม่เหลก็ แรงเคลอ่ื นไฟฟ้าเกิดข้นึ เมือ่ ขดลวดโรเตอรห์ มุนตดั ขดลวดสเตเตอร์ รปู ท่ี 8.2 แสดงส่วนประกอบหลกั ของอลั เตอรเ์ นเตอร์ ทม่ี า : บุญลอื ยิง่ คานึง, 2557 ตัวอัลเตอรเ์ นเตอร์ประกอบด้วย แมเ่ หล็กขว้ั เหนอื (N) และข้วั ใต้ (S) เมอื่ ขว้ั แม่เหล็กหมุนตดั กบัขดลวดสเตเตอร์ 1 รอบ จะมีแรงเคลือ่ นไฟฟา้ เกดิ ข้นึ ทงั้ บวกและลบ ดงั รูปที่ 8.3 กระแสไฟที่เกดิ ขึ้น เรียกวา่กระแสไฟฟา้ สลับแบบเฟสเดียวรปู ที่ 8.3 แสดงอลั เตอร์เนเตอรแ์ บบเฟสเดยี ว ท่มี า : บุญลอื ยิ่งคานึง, 2557

346รหสั วชิ า 2101-2005 ชือ่ วิชา งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเนือ้ หา I.S. 8-04ชื่อหน่วย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา สอนครั้งท่ี 8-9 จานวน 4 ชั่วโมง อัลเตอร์เนเตอร์ที่ใชใ้ นรถยนต์เปน็ อัลเตอร์เนเตอร์แบบ 3 เฟส ประกอบด้วยขดลวดสเตเตอร์ 3ชดุ (ขดลวดแต่ละชดุ จะวางห่างกันเป็นมุม 120 องศา) เม่ือขวั้ แม่เหล็กหมนุ ตดั ผา่ นขดลวดสเตเตอร์ 1 รอบจะมแี รงเคล่ือนไฟฟา้ เกิดขึ้นทั้งบวกและลบดงั รูปที่ 8.4 ขดลวดเหลา่ นี้จะเกดิ แรงเคล่อื นไฟฟา้ แยกกันคือ Vx,Vy,Vz รปู ที่ 8.4 แสดงอัลเตอรเ์ นเตอรแ์ บบ 3 เฟส ท่มี า : บญุ ลอื ยิง่ คานงึ , 2557 หลักการของเครื่องประจไุ ฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส ประกอบด้วยขดลวดสเตเตอร์ 3 ชดุ พันอยบู่ นแกนเหลก็ ทามมุ 120 องศา ปลายข้างหนึง่ ของขดลวดท้ังสามจะตอ่ รวมกนั สว่ นปลายอีกข้างหนึ่งเป็นข้ัวไฟฟ้าของแตล่ ะเฟส ซง่ึ มแี ท่งแม่เหล็กหมนุ อยภู่ ายในระหวา่ งขดลวดทัง้ สาม เส้นแรงแมเ่ หล็กจะตดั กับขดลวดสเต-เตอร์แต่ละขดท่ีพันอยู่บนแกนเหลก็ ทาให้เกิดการเหนี่ยวนาไฟฟา้ ขน้ึ แรงเคล่ือนไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในขดลวดจะเป็นคลื่นไฟฟ้ากระแสสลับการเหนยี่ วนาไฟฟ้าท่ีเกดิ ขึน้ ในขดลวดแตล่ ะขดจะเกิดขึน้ ไม่พร้อมกัน คอื จะมกี ารเหน่ียวนาไฟฟ้าในแตล่ ะขดห่างกัน 120 องศา ตามลักษณะการวางของขดลวดทาให้เกดิ คลืน่ ไฟฟา้ 3 คลน่ื(ขดละ 1 คลื่น) ท่มี ีชว่ งเหลือ่ มกนั 120 องศา ดงั รูปท่ี 8.5 และ 8.6

347รหัสวชิ า 2101-2005 ชื่อวชิ า งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเน้ือหา I.S. 8-05ชื่อหนว่ ย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา สอนครง้ั ท่ี 8-9 จานวน 4 ชั่วโมง รปู ท่ี 8.5 แสดงหลักการของเครื่องประจุไฟฟ้ากระแสสลับแบบ 3 เฟส ทมี่ า : บุญลอื ย่ิงคานึง, 2557เครอื่ งกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับทีจ่ า่ ยคล่นื ไฟฟ้า 3 คลืน่ ดงั กล่าวเรียกว่า เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าแบบ 3 เฟส และเรยี กไฟฟา้ ทไ่ี ดจ้ ากเคร่ืองกาเนดิ ไฟฟ้าแบบนว้ี า่ ไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟส ดังรปู ท่ี 8.6 รูปท่ี 8.6 แสดงรปู คลนื่ ไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟส ทมี่ า : บุญลอื ยิ่งคานึง, 2557 คลืน่ ไฟฟา้ กระแสสลับแบบ 3 เฟส ทไ่ี ดจ้ ากเครื่องกาเนดิ ไฟฟ้าจะถูกสง่ ผา่ นชดุ ไดโอดแปลงกระแส 2ชดุ คอื ชุดไดโอดบวกและชุดไดโอดลบ (2 ตวั ตอ่ 1 เฟส) ทาการแปลงไฟฟา้ กระแสสลบั ให้เปน็ ไฟฟา้ กระแส

348 รหสั วิชา 2101-2005 ช่ือวิชา งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเนื้อหา I.S. 8-06 ชื่อหน่วย ระบบประจุไฟแบบธรรมดาตรงด้วยวงจรแปลงกระแสแบบเต็มคลืน่ ดงั รปู ที่ 8.7 สอนครงั้ ท่ี 8-9 จานวน 4 ช่วั โมง รปู ที่ 8.7 แสดงรปู วงจรแปลงกระแสแบบเตม็ คล่ืน ท่ีมา : บุญลือ ยง่ิ คานงึ , 2557 เม่ือคลนื่ ไฟฟา้ กระแสสลับผา่ นชุดไดโอดแปลงกระแสแบบเตม็ คลนื่ กจ็ ะได้ไฟฟ้ากระแสตรง ดงั แสดงในรูปท่ี 8.8รปู ท่ี 8.8 แสดงรูปคลื่นไฟฟา้ กระแสตรงท่ีไดจ้ ากไดโอดแปลงกระแส ที่มา : บุญลอื ยิง่ คานงึ , 2557

349 รหัสวิชา 2101-2005 ชอื่ วิชา งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเน้ือหา I.S. 8-07 ช่ือหนว่ ย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา2. สว่ นประกอบของระบบประจุไฟแบบธรรมดา สอนคร้งั ท่ี 8-9 จานวน 4 ช่วั โมง รูปท่ี 8.9 แสดงโครงสร้างและส่วนประกอบของระบบประจุไฟแบบธรรมดา ท่ีมา : Electrical Fundamentals Toyota U.S.A. , -- ระบบประจุไฟแบบธรรมดาประกอบด้วย เครอ่ื งกาเนดิ ไฟฟ้า (อัลเตอรเ์ นเตอร์) อปุ กรณ์ควบคมุ การประจไุ ฟ (เร็กกเู ลเตอร์) แบตเตอร่ี และสวติ ช์จุดระเบิด3. หนา้ ทีแ่ ละส่วนประกอบของอลั เตอรเ์ นเตอรแ์ บบธรรมดา อลั เตอร์เนเตอร์ (Alternator) โดยทวั่ ไปเรยี กกันว่า “ไดชาร์จ” ได เปน็ คาย่อของไดนาโม (Dynamo)หมายถงึ ตวั ปั่นใหเ้ กิดกระแสไฟฟ้าหรอื เครือ่ งกาเนดิ ไฟฟ้า ชาร์จ (Charge) หมายถงึ การประจไุ ฟเข้าไปในแบตเตอรี่ อาจเรียกวา่ อดั ไฟหรอื ประจุไฟกไ็ ด้ เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้า (Generator) ในรถยนตส์ มัยก่อนจะใชเ้ ครอื่ งกาเนิดไฟฟ้าแบบกระแสตรง ซึง่ มีข้อจากัดเร่อื งการผลติ กระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอกบั การใชง้ านเม่ือใชอ้ ุปกรณ์ไฟฟ้าพร้อมกันในเวลาเดียวกัน หรอืรอบของเครื่องยนต์ต่า เชน่ รอบเดินเบา หรือ ขณะการจราจรตดิ ขัด ปจั จุบันจงึ ใช้เครื่องกาเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั ( AC Generator or Alternator) เปน็ ตวั ปนั่ ไฟ ผลติ กระแสไฟฟา้ จ่ายออกมาตอนท่ีเคร่ืองยนต์หมนุเมื่อเคร่ืองยนต์ทางานจะสง่ แรงหมุนผา่ นสายพานไปหมนุ ให้อัลเตอร์เนเตอร์ปนั่ ไฟ กระแสไฟทจี่ ่ายออกจะส่ง

350รหัสวชิ า 2101-2005 ช่ือวชิ า งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเนอ้ื หา I.S. 8-08ชอื่ หนว่ ย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนครงั้ ที่ 8-9 จานวน 4 ชั่วโมงไปประจใุ นแบตเตอรก่ี ระแสไฟบางส่วนจะนาไปใช้งานกับระบบของเครื่องยนต์และอปุ กรณอ์ นื่ ในรถยนต์โดยเครอื่ งกาเนดิ ไฟฟ้ากระแสสลับ หรือ อลั เตอรเ์ นเตอร์ มีส่วนประกอบดังนี้ รปู ที่ 8.10 แสดงโครงสรา้ งและส่วนประกอบของอัลเตอรเ์ นเตอร์แบบธรรมดา ทีม่ า : Electrical Fundamentals Toyota U.S.A. , -- 3.1 โรเตอร์ เปน็ ชน้ิ ส่วนทีห่ มุนประกอบด้วยขาแมเ่ หลก็ 6-8 คู่ แกนของโรเตอรด์ ้านในจะพันด้วยขดลวดทาหนา้ ท่เี หนี่ยวนาให้เกดิ สนามแมเ่ หลก็ ท่ขี าแมเ่ หลก็ ขดลวดที่พนั อยใู่ นโรเตอร์ เรียกว่า ขดลวดสนามแมเ่ หลก็(Field Coil) รูปที่ 8.11 แสดงโรเตอร์ ทีม่ า : บุญลือ ยง่ิ คานงึ , 2557 3.2 สเตเตอร์ ประกอบด้วยแกนของสเตเตอรแ์ ละขดลวดสเตเตอร์ แกนของสเตเตอรท์ าดว้ ยเหล็กแผน่ บางๆใช้เปน็ ทางผา่ นของเสน้ แรงแมเ่ หล็ก รอบๆ ดา้ นในของแกนสเตเตอรม์ ีร่องยึดขดลวดสเตเตอร์ ขดลวดสเตเตอร์

351รหัสวิชา 2101-2005 ชอื่ วิชา งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเนื้อหา I.S. 8-09ชื่อหนว่ ย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา สอนคร้งั ที่ 8-9 จานวน 4 ชั่วโมงทาด้วยลวดทองแดง ทาหนา้ ท่ีผลติ กระแสไฟฟ้าโดยการเหนย่ี วนาจากสนามแมเ่ หล็กขดลวดโรเตอร์ ขดลวดสเตเตอรจ์ ะพนั อยรู่ อบแกนเหลก็ อ่อนวางทามุมกนั 120 องศา รูปท่ี 8.12 แสดงสเตเตอร์ ทม่ี า : บุญลือ ยิง่ คานึง, 2557 กระแสไฟฟ้าที่ขดลวดสเตเตอรผ์ ลติ ไดข้ น้ึ อยู่กบั 1) ความเข้มของสนามแม่เหล็กที่โรเตอร์ 2) ความเรว็ รอบในการหมนุ ตัดของโรเตอร์ 3) จานวนรอบและขนาดของขดลวดสเตเตอร์ สเตเตอรใ์ นอัลเตอร์เนเตอร์หรือขดลวดตวั นาเป็นขดลวดแบบ 3 เฟสมีการต่ออยู่ 2 แบบคือแบบสตาร์ และแบบเดลตา้ รปู ที่ 8.13 แสดงการต่อขดลวดตวั นาแบบสตาร์ (WYE) ทม่ี า : Electrical Fundamentals Toyota U.S.A. , 1) ต่อแบบสตาร์ (WYE) การต่อแบบนี้นยิ มใช้ในอลั เตอรเ์ นเตอร์ขนาดเล็กในรถยนต์ โดยจะนาปลายด้านหน่งึ ของขดลวดทงั้ 3 เส้นมาต่อรวมกันและอกี ด้านจะแยกจากกนั จุดต่อร่วมกนั เรยี กว่าจุดกลาง

352รหัสวิชา 2101-2005 ชื่อวชิ า งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเน้ือหา I.S. 8-10ช่อื หน่วย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนครงั้ ที่ 8-9 จานวน 4 ช่ัวโมง(N) ขอ้ ดีของการต่อแบบน้ีคือ ให้แรงเคลือ่ นไฟฟ้ามากกว่าแบบอนื่ ที่ความเรว็ รอบตา่ และจดุ กลางนาไปใช้ควบคมุ ไฟเตือนไฟชาร์จได้2) ต่อแบบเดลต้า () การต่อแบบน้ีนิยมใช้กับเครื่องกาเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ขดลวดแตล่ ะชดุ จะตอ่ เข้าคกู่ นั การต่อแบบนี้ไม่มีจุดตอ่ ร่วม รูปท่ี 8.14 แสดงการต่อขดลวดตวั นาแบบเดลตา้ () ท่ีมา : Electrical Fundamentals Toyota U.S.A. , -- 3.3 ตวั แปลงกระแส เน่ืองจากอัลเตอรเ์ นเตอร์ทผ่ี ลติ กระแสไฟฟ้าออกมาเปน็ ไฟฟ้ากระแสสลับ แตต่ น้ กาเนิดพลังงานคือ แบตเตอร่ี และระบบไฟฟ้าตา่ งๆ ในรถยนต์ใชไ้ ฟฟา้ กระแสตรงจงึ ไมส่ ามารถนาไฟที่ชารจ์ ออกไปใชง้ านหรอื ประจุเข้าแบตเตอร่ไี ดโ้ ดยตรง ตอ้ งผา่ นการแปลงกระแสไฟฟ้าสลับใหเ้ ป็นกระแสตรงเสยี ก่อน อุปกรณ์ท่ีใช้ในการแปลงกระแสไฟฟา้ สลับใหเ้ ปน็ กระแสตรงคือ ชดุ ไดโอด (ก) (ข) รปู ที่ 8.15 แสดงชดุ ไดโอดบวกและลบ (ก) แบบรวมและ (ข) แบบแยก ที่มา : บุญลอื ยิง่ คานึง, 2557

353รหัสวิชา 2101-2005 ชอื่ วิชา งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเนอ้ื หา I.S. 8-11ช่อื หน่วย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา สอนครงั้ ท่ี 8-9 จานวน 4 ชั่วโมง ชดุ ไดโอดทใ่ี ช้แปลงไฟฟ้ากระแสสลบั ให้เปน็ ไฟฟ้ากระแสตรงในอลั เตอร์เนเตอร์ เรียกวา่ “ชุดเรก็ตไิ ฟเออร์ (Rectifier)” ชุดเร็กติไฟเออร์ประกอบด้วยไดโอด 2 ชดุ คอื ชุดบวกกับชุดลบ ในแตล่ ะชดุ จะมีไดโอด 3-4 ตวั ตวั ไดโอดยึดอยู่บนแผงโลหะเพื่อระบายความรอ้ นขณะท่ีมีกระแสไฟฟ้าไหลผา่ น คุณสมบตั ิทสี่ าคญั ของไดโอดคอื ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ในทิศทางเดยี ว การเรียงกระแสไฟฟ้าของไดโอดมี 2 แบบ คอื การเรียงกระแสแบบคร่ึงคลื่นและการเรยี งกระแสแบบเต็มคล่ืน 3.4 แปรงถา่ น แปรงถา่ นทาหน้าท่เี ป็นตัวให้กระแสไฟฟา้ ผา่ นไปเลี้ยงขดลวดโรเตอร์ ผา่ นวงแหวนสลิปรงิ ซ่งึ อยู่บนเพลาโรเตอร์ สลิปรงิ แตล่ ะตัวจะตอ่ เขา้ กบั แตล่ ะปลายของขดลวดโรเตอร์ รูปที่ 8.16 แสดงแปรงถ่านและซองแปรงถา่ น ท่ีมา : บญุ ลอื ยง่ิ คานงึ , 2557 3.5 ฝาครอบหวั ท้าย ทาหนา้ ทเี่ ป็นตวั เรอื นยึดอปุ กรณ์ทงั้ หมดเข้าดว้ ยกนั โดยยดึ สเตเตอรใ์ ห้ตดิ กับฝาครอบด้านท้ายสว่ นโรเตอรจ์ ะสามารถหมุนอยภู่ ายในสเตเตอร์ โดยมลี กู ปนื รองรับการหมนุ ของเพลาโรเตอร์ ทง้ั ดา้ นหวั และดา้ นท้าย ชุดแผงไดโอดจะยึดอยู่กบั ฝาครอบดา้ นท้าย โดยมีปลายสายของสเตเตอรบ์ ัดกรีตดิ อยูก่ ับชุดไดโอดรปู ที่ 8.17 แสดงฝาครอบหัวทา้ ย ที่มา : บญุ ลือ ย่ิงคานงึ , 2557

354รหสั วิชา 2101-2005 ชื่อวชิ า งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเน้อื หา I.S. 8-12ชอื่ หน่วย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา สอนครั้งท่ี 8-9 จานวน 4 ช่วั โมง3.6 รอกสายพานและพัดลมรอกสายพานหรอื พูลเล่ย์ ทาหนา้ ท่ีรบั กาลงั ขับจากเคร่อื งยนต์ด้วยสายพานเพ่ือหมนุ โรเตอร์ทาให้อลั เตอร์เนเตอรส์ ามารถผลิตกระแสไฟฟ้าส่งออกไปใช้งานได้ โดยพัดลมจะทาหน้าท่ีระบายความร้อนให้ส่วนประกอบตา่ งๆ ภายในอลั เตอร์เนเตอร์ รูปที่ 8.18 แสดงรอกสายพานและพดั ลม ท่มี า : บุญลอื ยงิ่ คานึง, 25574. การทางานของอัลเตอร์เนเตอรแ์ บบธรรมดา เมอ่ื โรเตอรห์ มุนตดั ขดลวดสเตเตอร์จะทาให้กระแสไหล ตามลาดับดงั น้ี 4.1 การทางานในชว่ งท่ี 1 (Z - X) รปู ที่ 8.19 แสดงการเรียงกระแสของอัลเตอรเ์ นเตอร์ชว่ งที่ 1 ท่ีมา : บุญลือ ยง่ิ คานงึ , 2557 กระแสไฟฟ้าบวก (+) จะไหลออกจากจดุ ต่อร่วม N ของขดลวดสเตอร์เฟส X ผ่านไดโอดบวก 1ไปยังขว้ั B ของอลั เตอร์เนเตอร์ไหลเข้าประจุทแ่ี บตเตอรล่ี งกราวด์ครบวงจร ส่วนกระแสไฟฟา้ ลบ (-) ไหลผา่ นไดโอดลบ 6 ผา่ นขดลวดตัวนาเฟส Z ของขดลวดสเตเตอรต์ ามลาดับ โดยจะทาให้เกดิ แรงเคลอื่ นไฟฟ้า

355รหัสวชิ า 2101-2005 ชอ่ื วิชา งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเน้ือหา I.S. 8-13ชอ่ื หน่วย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนครั้งท่ี 8-9 จานวน 4 ชว่ั โมงเป็นลบ แรงเคลอื่ นไฟฟ้าทเี่ กิดขึ้นนจ้ี ะไมไ่ หลผา่ นขดลวดตวั นาเฟสอ่นื ๆ เน่อื งจากคุณสมบัตขิ องไดโอดท่ีไม่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลย้อนกลบั ดังรูปที่ 8.19 4.2 การทางานในช่วงที่ 2 (Z - Y) จากรูปที่ 8.20 กระแสไฟฟา้ บวก (+) ไหลออกจากจุดต่อร่วม N ของขดลวดสเตอร์เฟส Y ผา่ นไดโอดบวก 2 ไปข้วั B ของอัลเตอรเ์ นเตอร์ ไหลเขา้ ประจทุ แ่ี บตเตอรี่ลงกราวด์ครบวงจร สว่ นกระแสไฟฟา้ลบ (-) ไหลผา่ นไดโอดลบ 6 ผ่านขดลวดตวั นาเฟส Z ของขดลวดสเตเตอร์ โดยจะทาใหเ้ กดิ แรงเคลื่อนไฟฟ้าเปน็ ลบ แรงเคลอ่ื นไฟฟ้าทีเ่ กิดข้นึ นี้จะไม่ไหลผา่ นขดลวดตวั นาเฟสอน่ื ๆ รปู ท่ี 8.20 แสดงการเรียงกระแสของอลั เตอร์เนเตอรช์ ่วงที่ 2 ทม่ี า : บญุ ลือ ยิ่งคานึง, 2557 4.3 การทางานในช่วงท่ี 3 (X - Y) จากรูปที่ 8.21 กระแสไฟฟ้าบวก (+) ไหลออกจากจดุ ต่อรว่ ม N ของขดลวดสเตอรเ์ ฟส Y ผ่านไดโอดบวก 2 ไปขว้ั B ของอัลเตอรเ์ นเตอร์ ไหลเข้าประจุท่ีแบตเตอร่ีลงกราวดค์ รบวงจร สว่ นกระแสไฟฟา้รปู ที่ 8.21 แสดงการเรยี งกระแสของอัลเตอรเ์ นเตอร์ชว่ งท่ี 3 ท่มี า : บุญลอื ยงิ่ คานงึ , 2557

356รหสั วิชา 2101-2005 ชอ่ื วชิ า งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเนอ้ื หา I.S. 8-14ชอื่ หน่วย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนครง้ั ที่ 8-9 จานวน 4 ชว่ั โมงลบ (-) ไหลผ่านไดโอดลบ 4 ผ่านขดลวดตัวนาเฟส X ของขดลวดสเตเตอร์ โดยจะทาให้เกดิ แรงเคล่ือนไฟฟา้เป็นลบ แรงเคล่อื นไฟฟา้ ทเี่ กิดขน้ึ นจี้ ะไมไ่ หลผา่ นขดลวดตัวนาเฟสอนื่ ๆ 4.4 การทางานในชว่ งที่ 4 (X - Z) จากรูปท่ี 8.22 กระแสไฟฟา้ บวก (+) ไหลออกจากจดุ ต่อร่วม N ของขดลวดสเตอรเ์ ฟส Z ผ่านไดโอดบวก 3 ไปขว้ั B ของอัลเตอร์เนเตอร์ ไหลเข้าประจทุ แ่ี บตเตอรล่ี งกราวด์ครบวงจร สว่ นกระแสไฟฟ้าลบ (-) ไหลผ่านไดโอดลบ 4 ผ่านขดลวดตัวนาเฟส X ของขดลวดสเตเตอร์ โดยจะทาใหเ้ กดิ แรงเคลื่อนไฟฟา้เป็นลบ แรงเคลื่อนไฟฟา้ ที่เกิดขึ้นน้ีจะไมไ่ หลผ่านขดลวดตัวนาเฟสอ่ืนๆ รูปท่ี 8.22 แสดงการเรยี งกระแสของอัลเตอรเ์ นเตอร์ชว่ งที่ 4 ทีม่ า : บญุ ลอื ยงิ่ คานงึ , 2557 4.5 การทางานในชว่ งที่ 5 (Y - Z) จากรูปที่ 8.23 กระแสไฟฟ้าบวก (+) ไหลออกจากจุดต่อร่วม N ของขดลวดสเตอร์เฟส Z ผ่านไดโอดบวก 3 ไปขั้ว B ของอัลเตอรเ์ นเตอร์ ไหลเข้าประจทุ แี่ บตเตอร่ลี งกราวด์ครบวงจร ส่วนกระแสไฟฟ้ารูปที่ 8.23 แสดงการเรยี งกระแสของอัลเตอร์เนเตอรช์ ว่ งท่ี 5 ทม่ี า : บญุ ลือ ยิง่ คานึง, 2557

357รหสั วิชา 2101-2005 ชอ่ื วิชา งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเนอื้ หา I.S. 8-15ชอ่ื หนว่ ย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา สอนครั้งท่ี 8-9 จานวน 4 ชัว่ โมงลบ (-) ไหลผ่านไดโอดลบ 5 ผ่านขดลวดตัวนาเฟส Y ของขดลวดสเตเตอร์ โดยจะทาให้เกดิ แรงเคล่ือนไฟฟา้เป็นลบ แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่เกิดขึ้นนจี้ ะไมไ่ หลผ่านขดลวดตวั นาเฟสอ่ืนๆ 4.6 การทางานในช่วงท่ี 6 (Y - X) จากรูปท่ี 8.24 กระแสไฟฟา้ บวก (+) ไหลออกจากจดุ ต่อร่วม N ของขดลวดสเตอรเ์ ฟส X ผ่านไดโอดบวก 1 ไปข้ัว B ของอลั เตอรเ์ นเตอร์ ไหลเขา้ ประจุที่แบตเตอร่ีลงกราวด์ครบวงจร ส่วนกระแสไฟฟา้ลบ (-) ไหลผ่านไดโอดลบ 5 ผ่านขดลวดตัวนาเฟส Y ของขดลวดสเตเตอร์ โดยจะทาใหเ้ กิดแรงเคลื่อนไฟฟา้เปน็ ลบ แรงเคล่อื นไฟฟ้าที่เกิดขึน้ นจ้ี ะไมไ่ หลผา่ นขดลวดตวั นาเฟสอืน่ ๆรูปที่ 8.24 แสดงการเรยี งกระแสของอัลเตอรเ์ นเตอรช์ ่วงท่ี 6 ทีม่ า : บญุ ลือ ย่งิ คานงึ , 2557

358รหสั วิชา 2101-2005 ช่อื วิชา งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเนอ้ื หา I.S. 8-16ช่ือหน่วย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนครั้งท่ี 8-9 จานวน 4 ชว่ั โมงสรปุ ระบบประจุไฟมหี น้าที่ ผลติ กระแสไฟฟา้ เพ่ือประจุไฟเข้าแบตเตอร่ีเม่ือเคร่ืองยนต์ทางานและควบคุมปริมาณไฟฟ้าทีป่ ระจเุ ขา้ แบตเตอร่โี ดยใช้เรก็ กูเลเตอร์ อีกทั้งสร้างสัญญาณเตือนให้ทราบว่ามีการประจุไฟในระบบประจุไฟ หลกั การของระบบประจุไฟ ใช้หลกั การของสนามแม่เหล็กเคลื่อนท่ผี า่ นขดลวดตวั นาซ่ึงทาใหเ้ กิดการเหน่ียวนาของกระแสไฟฟ้าเกิดข้นึ ในขดลวดตวั นาซง่ึ กค็ ือเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับซึ่งมีใช้อย่ใู นปจั จุบนัหรอื ทีเ่ รยี กว่า อัลเตอรเ์ นเตอร์ (Alternater) ระบบประจุไฟแบบธรรมดาประกอบดว้ ยส่วนประกอบท่ีสาคัญได้แก่ อัลเตอร์เนเตอร์ เรก็ กูเลเตอร์แบตเตอรี่ และสวิตช์จดุ ระเบิด อัลเตอร์เนเตอร์มีหน้าท่ี ผลิตกระแสไฟฟา้ เพื่อประจเุ ข้าแบตเตอรี่และจา่ ยประจุไปยังอุปกรณไ์ ฟฟา้ตา่ งๆในรถยนต์โดยใช้เร็กกูเลเตอร์เปน็ ตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้า อัลเตอร์เนเตอร์ประกอบด้วยส่วนประกอบท่สี าคญั ได้แก่ ขดลวดสเตเตอร์ ขดลวดโรเตอร์ ชดุ แปลงกระแสไฟฟา้ กระแสสลบั เปน็ ไฟฟ้ากระแสตรง แปรงถ่าน พัดลมระบายความร้อน ฝาครอบหัวท้าย ฯลฯ การทางานของอลั เตอร์เนเตอร์เกดิ จาก ขดลวดโรเตอรห์ มุนตัดขดลวดสเตเตอร์จะทาให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านชุดแปรงกระแสไฟฟา้ ชุดบวก ชดุ ลบ และประจุเข้าแบตเตอรี่ การแก้ไขขอ้ ขดั ข้องของระบบประจุไฟแบบธรรมดา ต้องดาเนินการคน้ หาสาเหตปุ ัญหาก่อนท่จี ะทาการแก้ไขปัญหาทเ่ี กิดขึน้ เพื่อให้การแก้ไขกระทาไดเ้ ร็ว และลดเวลาการซ่อม

359ใบเน้อื หาหนว่ ยท่ี 8.2

360รหสั วิชา 2101-2005 ชื่อวชิ า งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเนอื้ หา I.S. 8-16ช่อื หน่วย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนครงั้ ท่ี 8-9 จานวน 4 ช่ัวโมง5. หนา้ ท่ีและส่วนประกอบของเรก็ กูเลเตอร์แบบรเี ลย์ เร็กกูเลเตอร์ (Regulator) เป็นอปุ กรณ์ท่ใี ช้สาหรบั ควบคุมการประจุไฟ (Charge) และควบคมุ คา่ แรงเคล่อื นไฟฟ้าทป่ี ระจุเขา้ แบตเตอรี่โดยควบคุมค่าแรงเคลอ่ื นไฟฟ้าไว้ที่ประมาณ 13-15 โวลต์ ซ่ึงมากกวา่ แรงเคลือ่ นไฟฟา้ ของแบตเตอรีเ่ ล็กน้อยเพอื่ ทจ่ี ะไมใ่ ห้แบตเตอร่ี อลั เตอรเ์ นเตอร์ หรืออปุ กรณ์ไฟฟา้ ตา่ งๆเสยี หายเน่ืองจากความเร็วของเคร่ืองยนต์เปลีย่ นแปลงตลอดเวลา เรก็ กูเลเตอร์แบบรเี ลย์มี 2 ชนดิ คอื เร็กกูเลเตอร์ชนดิ คอนแทคเด่ียวหรือชนดิ 1 หน่วยและ เรก็ กูเลเตอร์ชนดิ คอนแทคคหู่ รอื ชนดิ 2 หนว่ ย ในทนี่ จ้ี ะขอกลา่ วเฉพาะเร็กกเู ลเตอร์ชนดิ คอนแทคคู่ รูปที่ 8.25 แสดงเรก็ กูเลเตอร์แบบรเี ลยช์ นิดคอนแทคคู่ (ทม่ี า : Toyota Basic Electrical Course # 622 : 5) ส่วนประกอบของเร็กกูเลเตอร์แบบรเี ลยช์ นดิ คอนแทคคู่หรือชนดิ 2 หน่วย ประกอบดว้ ยหน่วยควบคมุ แรงเคล่อื นไฟฟา้ หรอื โวลเตจเร็กกเู ลเตอร์ และหน่วยควบคมุ ควบคุมหลอดไฟเตือนไฟชาร์จหรอื โวลเตจรเี ลยโ์ ดยตอ่ รว่ มกับอัลเตอร์เนเตอร์ด้วยวงจรตามรปู ท่ี 8.26 จากรปู ที่ 8.26 เป็นเร็กกูเลเตอร์แบบรีเลยช์ นดิ คอนแทคคู่ นิยมใช้กันในสมยั กอ่ นซ่ึงเป็นชนิด 2 หนว่ ย(ยูนติ ) คือหนว่ ยควบคุมแรงเคล่อื นไฟฟา้ กบั หน่วยควบคมุ หลอดไฟเตือนไฟชารจ์ เครอื่ งกาเนดิ ไฟฟา้ กระแส-สลับ (Alternater) ในรถยนต์สมยั ก่อนจะใช้เรก็ กเู ลเตอร์แบบรเี ลยห์ รอื Terrill การทางานตอ้ งอาศัยการตดัตอ่ ของรีเลยต์ ลอดเวลาโดยเฉพาะรอบสงู ๆจะตอ้ งตดั ต่อด้วยความถี่สูงทาให้การควบคมุ ไมเ่ ท่ียงตรงเนื่องจากการตัดต่อของหน้าสมั ผสั ขนึ้ อยูก่ บั ความแขง็ ของสปริงและชิ้นส่วนที่เป็นกลไก ทาใหเ้ กิดความล่าชา้ ในการทางาน อีกท้ังยงั สง่ ผลให้อายุการใชง้ านของรีเลยส์ ้นั ลง

361รหัสวิชา 2101-2005 ชื่อวิชา งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเน้อื หา I.S. 8-17ช่อื หน่วย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนคร้ังท่ี 8-9 จานวน 4 ชั่วโมง รปู ท่ี 8.26 แสดงวงจรเรก็ กูเลเตอร์แบบรีเลย์ชนดิ คอนแทคคู่ ที่มา : บุญลอื ย่งิ คานงึ , 25576. การทางานของเรก็ กูเลเตอรแ์ บบใชห้ น้าทองขาวหรือแบบรเี ลย์ 6.1 เม่ือบดิ สวิตช์จุดระเบิดไปทีต่ าแหนง่ ON และเครอื่ งยนต์ยังไม่ทางาน จากรูปท่ี 8.27 กระแสไฟจากแบตเตอร่ีไหลผา่ นสวติ ช์จุดระเบดิ ออกจากสวิตช์จดุ ระเบดิ ขั้ว IGออกเป็น 2 ทางคอื - ผา่ นฟวิ สไ์ ฟชารจ์ เขา้ ขัว้ IG ของเร็กกูเลเตอร์ ผา่ นคอนแทค C1 และ C2 ซึง่ ต่อกนั ผา่ นไปทีข่ ้วัF ของเรก็ กเู ลเตอร์ เข้าขว้ั F ของอัลเตอรเ์ นเตอรผ์ ่านขดลวดโรเตอรล์ งกราวดค์ รบวงจรที่ข้วั E ทาให้โรเตอร์เกิดอานาจแม่เหล็ก - ผ่านฟิวส์หลอดไฟเตือนไฟชาร์จ ผา่ นหลอดเตือนไฟชาร์จเขา้ ข้วั L ของเรกกูเลเตอร์ ผ่านคอนแทค C5 และ C4 ท่ตี ่อกัน ลงกราวดค์ รบวงจรท่ขี ว้ั E ทาให้หลอดเตือนไฟชาร์จติด

362รหัสวชิ า 2101-2005 ชอ่ื วชิ า งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเน้ือหา I.S. 8-18ชือ่ หนว่ ย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา สอนครั้งท่ี 8-9 จานวน 4 ชัว่ โมง รูปท่ี 8.27 แสดงการทางานเม่อื บดิ สวิตช์จุดระเบิดไปท่ีตาแหน่ง ON เครอ่ื งยนต์ยงั ไม่ทางาน ทมี่ า : บญุ ลอื ยิง่ คานงึ , 2557 6.2 เม่ือเครอื่ งยนต์ทางานที่ความเร็วรอบเดินเบาถึงรอบปานกลาง จากรปู ที่ 8.28 เมื่อเคร่ืองยนตท์ างานความเร็วรอบเดินเบาและทางานทค่ี วามเรว็ รอบตา่ ขดลวดโรเตอรซ์ ง่ึ เกดิ สนามแม่เหล็กโดยหมุนดว้ ยความเร็วรอบตา่ หมุนตดั กบั ขดลวดสเตเตอร์ ทาให้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้ากระแสสลับและผ่านการเรียงกระแสไฟฟา้ เป็นกระแสตรงจากชดุ ไดโอด ออกทางทีข่ ัว้ B และข้ัว N ของอัลเตอร์เนเตอร์ (ซ่ึงจะได้แรงเคลื่อนไฟฟ้าท่ขี ัว้ N เป็นครงึ่ หน่ึงของขวั้ B) - กระแสไฟฟ้าทส่ี ่งออกมาท่ีข้ัว N ของอลั เตอร์เนเตอรจ์ ะผา่ นไปยังขวั้ N ของเรกกเู ลเตอร์ ผา่ นเขา้ ขดลวดของชุดรีเลย์เตือนไฟชารจ์ ลงกราวด์ครบวงจร ทาให้แกนเหล็กอ่อนของชุดรเี ลยเ์ ตอื นไฟชาร์จเกดิอานาจแมเ่ หล็กสูงพอทจี่ ะเอาชนะสปรงิ ดูดให้คอนแทค C5 แยกออกจาก C4 ลงมาต่อกบั คอนแทค C6 ทาใหก้ ระแสไฟฟา้ ที่ผ่านหลอดเตือนไฟชาร์จไม่สามารถผ่านคอนแทค C4 ไปลงกราวด์ได้ ทาให้หลอดเตือนไฟชาร์จดับ - กระแสไฟฟา้ ทส่ี ่งออกท่ีข้วั B ของอัลเตอรเ์ นเตอร์ สง่ ผ่านไปประจุให้แก่แบตเตอรี่ และไปเลย้ี งอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆในรถยนต์ กระแสไฟฟ้าอีกสว่ นหนึง่ จะเข้าท่ขี ้วั B (A) ของเรกกเู ลเตอร์ ผา่ นคอนแทค C6

363รหัสวิชา 2101-2005 ชือ่ วิชา งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเนอ้ื หา I.S. 8-19ช่อื หนว่ ย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนคร้ังท่ี 8-9 จานวน 4 ชว่ั โมง รปู ท่ี 8.28 แสดงการทางานเม่อื เครื่องยนต์ทางานทคี่ วามเรว็ รอบเดนิ เบาถึงรอบปานกลาง ทม่ี า : บุญลือ ยิง่ คานงึ , 2557ซึ่งขณะนี้ต่อกบั C5 เข้าขดลวดของชดุ ควบคุมแรงเคลอื่ นไฟฟา้ ลงกราวด์ครบวงจร ทาให้แกนเหล็กอ่อนของชดุ ควบคุมแรงเคล่อื นไฟฟ้ามีอานาจแม่เหล็ก เมอื่ ความเร็วรอบของเคร่อื งยนตเ์ พิ่มข้ึนจนถงึ จดุ หนง่ึ จะทาให้แรงเคลื่อนไฟฟ้าทอี่ ลั เตอรเ์ นเตอรผ์ ลติ ได้สงู ขึ้น และเมื่อถึงจุดหน่ึงในพิกดั ทต่ี ้ังไว้ (ในระบบ 12โวลต์ จะตั้งไว้ประมาณ 14.5โวลต์) แกนเหล็กอ่อนของชุดควบคุมแรงเคล่อื นไฟฟา้ จะมอี านาจแม่เหลก็ สงู พอท่ีชนะแรงสปรงิ ดูดใหค้ อนแทค C2 แยกออกจาก C1 แตย่ งั ไมต่ ่อกบั คอนแทค C3 ซึ่งในชว่ งนี้จะทาใหก้ ระแสไฟฟ้าที่ไปเล้ียงขดลวดโรเตอร์ไม่สามารถผ่านคอนแทค C1 ได้ กระแสไฟฟา้ ทไ่ี ปเลีย้ งขดลวดโรเตอรต์ อ้ งผ่านความต้านทาน R ทาใหม้ ีกระแสไฟฟา้ ไปเลีย้ งขดลวดโรเตอร์นอ้ ยลง ซงึ่ จะทาให้ความเข้มของสนามแม่เหลก็ ท่ีขดลวดโรเตอร์นอ้ ยลงเปน็ ผลใหอ้ ลั เตอร์เนเตอร์ผลิตกระแสไฟฟา้ ที่มีแรงเคลือ่ นไฟฟ้าตา่ ลง กระแสไฟฟ้าท่ีไปเล้ยี งขดลวดชดุ ควบคุมแรงเคลือ่ นไฟฟา้ น้อยลง ทาให้แกนเหลก็ ออ่ นของชดุ ควบคมุ แรงเคล่ือนไฟฟา้ มีอานาจแม่เหลก็ นอ้ ยลง สปรงิ ดึงใหค้ อนแทค C2 กลับไปต่อกับ C1 อีก กระแสไฟฟ้าท่ีไปเลย้ี งขดลวดโรเตอรไ์ ม่ต้องผ่านความต้านทาน R ส่งผลให้กระแสไฟฟา้ ไปเลี้ยงขดลวดโรเตอรไ์ ดเ้ ต็มทที่ าใหค้ วามเข้มของสนามแมเ่ หล็กของโรเตอรเ์ พิ่มขึน้ อลั เตอร์เนเตอร์ผลิตกระแสไฟฟ้าท่ีมแี รงเคล่ือนไฟฟ้าไดส้ ูงข้นึ อกี ครั้งหนึ่ง และจะทาให้

364รหสั วชิ า 2101-2005 ชอ่ื วิชา งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเนื้อหา I.S. 8-20ชือ่ หน่วย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนครั้งท่ี 8-9 จานวน 4 ช่ัวโมงเกดิ การตัดต่อของคอนแทค C2 กบั C1 อยา่ งต่อเน่ือง จะเกดิ ข้นึ ในลักษณะของการสน่ั เพือ่ เป็นการควบคุมแรงเคล่ือนไฟฟา้ ที่อลั เตอรเ์ นเตอร์ผลิตได้ไมใ่ ห้เกินพิกดั ในช่วงความเรว็ ปานกลาง6.3 เมื่อเคร่อื งยนต์ทางานท่ีความเร็วรอบปานกลางถึงรอบสูง รปู ที่ 8.29 แสดงการทางานเมอ่ื เคร่ืองยนต์ทางานที่ความเรว็ รอบปานกลางถึงรอบสูง ทม่ี า : บญุ ลอื ยง่ิ คานึง, 2557 เม่ือความเร็วรอบของเครอื่ งยนตส์ งู ขนึ้ อัลเตอร์เนเตอร์จะผลิตกระแสไฟฟ้าทีม่ ีแรงเคลื่อนไฟฟา้สูงขึ้นอยา่ งรวดเร็ว ทาใหค้ วามเข้มของสนามแมเ่ หล็กของชดุ ควบคมุ แรงเคลอ่ื นไฟฟา้ มมี ากพอท่ีจะสามารถดูดให้คอนแทค C2 มาต่อกับ C3 ทาให้กระแสไฟฟ้าที่ไปเลยี้ งขดลวดโรเตอร์ ผา่ นความต้านทาน R ผา่ นหนา้คอนแทค C2 และ C3 ลงกราวดค์ รบวงจร ทาให้ไม่มกี ระแสไฟฟา้ ไปเล้ยี งขดลวดโรเตอร์ อานาจแม่เหลก็ของขดลวดโรเตอร์จะลดลงอยา่ งรวดเรว็ กระแสไฟฟ้าท่ีอัลเตอร์เนเตอร์ผลติ ได้ก็ลดลงอยา่ งรวดเร็วเช่นกันทาใหม้ กี ระแสไฟฟา้ ไปเล้ยี งขดลวดชดุ ควบคมุ แรงเคลื่อนไฟฟา้ ไดน้ ้อยมาก อานาจแมเ่ หล็กที่แกนเหล็กอ่อนของชดุ ควบคมุ แรงเคล่อื นไฟฟ้าลดนอ้ ยลง สปรงิ ดึงใหค้ อนแทค C2 แยกออกจาก C3 แต่ยงั ไมต่ ่อกับ C1 ในชว่ งนี้จะมีกระแสไฟฟา้ ไปเล้ยี งขดลวดโรเตอร์อีกครั้งหนึง่ อัลเตอรเ์ นเตอรจ์ ะผลติ กระแสไฟฟา้ ทมี่ ีจานวนแรงเคล่อื นไฟฟ้าสูงขึน้ อย่างรวดเร็ว คอนแทค C2 จะถูกดดู มาต่อกับ C3 อีกและจะตดั ต่อเชน่ น้ีไปเรอื่ ยๆลักษณะ

365 รหสั วชิ า 2101-2005 ชือ่ วิชา งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเน้อื หา I.S. 8-21 ชอื่ หน่วย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา สอนครัง้ ท่ี 8-9 จานวน 4 ช่วั โมงของการสนั่ เพ่ือเปน็ การควบคุมแรงเคล่ือนไฟฟ้าทอ่ี ลั เตอรเ์ นเตอร์ผลติ ได้ไม่ใหเ้ กินพิกัดท่ีความเร็วสูง ดงั รูปที่8.29 6.4 ตัวอย่างวงจรภายในเรก็ กูเลเตอร์แบบรเี ลย์ 6.4.1 ย้หี อ้ นปิ ปอนเดนโซ่และนวิ อีรา Resister IG E F B(A) L(W) N ชุดควบคุมแรงเคลอ่ื น ชดุ ควบคมุ หลอดไฟเตอื นไฟชาร์จรูปท่ี 8.30 แสดงตาแหนง่ ขวั้ ต่าง ๆ ในเร็กกูเลเตอรแ์ บบรีเลย์ยีห้ อ้ NIPPON DENSO และ NEW ERA ท่มี า : บุญลอื ยงิ่ คานึง, 2557 6.4.2 ยห้ี ้อ มิตซบู ิชิ R3 R1 R2 IG F E B(A) L(W) N ชดุ ควบคุมแรงเคลอ่ื น ชดุ ควบคุมหลอดไฟเตือนไฟชาร์จ รปู ท่ี 8.31 แสดงตาแหนง่ ขัว้ ต่าง ๆ ในเรก็ กูเลเตอรแ์ บบรเี ลย์ยี้ห้อ MITSUBISHI ทม่ี า : บุญลอื ยง่ิ คานงึ , 2557

366รหสั วิชา 2101-2005 ชอ่ื วชิ า งานไฟฟ้ารถยนต์ ใบเน้ือหา I.S. 8-22ชื่อหนว่ ย ระบบประจุไฟแบบธรรมดา6.4.3 ย้ีห้อ ฮิตาชิ สอนครง้ั ท่ี 8-9 จานวน 4 ชว่ั โมง R3 R1 R2 IG F E B(A) L(W N ชดุ ควบคุมแรงเคลือ่ น ชดุ ค)วบคุมหลอดไฟเตอื นไฟ รปู ที่ 8.32 แสดงตาแหน่งขัว้ ต่าง ๆ ในเร็กกูเลเตอรชแ์ าบรบ์จรีเลย์ยหี้ ้อ HITACHI ที่มา : บุญลือ ย่งิ คานึง, 25577. การแกไ้ ขข้อขดั ขอ้ งของเร็กกูเลเตอรแ์ บบใชห้ นา้ ทองขาวหรือแบบรเี ลย์ตารางท่ี 8.1 สาเหตุขอ้ ขัดข้องและการแก้ไขของระบบประจุไฟฟ้าอาการ สาเหตุ การแกไ้ ข 1. แก้ไข ขนั ใหแ้ นน่ เปล่ยี นใหม่1. ไฟไม่ชาร์จ 1. สายไฟขาด หลุด หลวม 2. ตรวจสอบ แก้ไข เปลย่ี นใหม่ 3. ตรวจสอบ แกไ้ ข เปลีย่ นใหม่ 2. อัลเตอรเ์ นเตอรช์ ารุด 1. ทาให้แนน่ เปลีย่ นใหม่ 2. เปลย่ี นใหม่ 3. เร็กกูเลเตอร์ทางานไมถ่ ูกต้อง 3. เปล่ยี นใหม่ 4. เปลย่ี นใหม่2. หลอดไฟเตือนไฟชาร์จไม่ติด 1. ฟิวส์ หลวม ขาด 1. แก้ไข ขันใหแ้ น่น เปล่ยี นใหม่ 2. ปรับตงั้ หรือเปล่ยี นใหม่เม่อื สวติ ช์อยู่ทต่ี าแหน่ง ON 2. ข้ัวเร็กกูเลเตอร์ หลวม 3. ตรวจสอบ แก้ไข เปล่ยี นใหม่ 4. ตรวจสอบ แกไ้ ข เปลี่ยนใหม่ 3. อัลเตอร์เนเตอร์ชารุด 4. หลอดไฟเตือนขาด3. หลอดไฟเตือนไฟชาร์จไม่ดับ 1. สายไฟขาด หลดุ หลวมขณะเคร่ืองยนต์ทางาน 2. สายพานหย่อน 3. อัลเตอรเ์ นเตอรช์ ารุด 4. เร็กกูเลเตอร์ทางานไม่ถูกต้อง

367รหัสวิชา 2101-2005 ช่ือวิชา งานไฟฟา้ รถยนต์ ใบเนอื้ หา I.S. 8-23ชอื่ หนว่ ย ระบบประจไุ ฟแบบธรรมดา สอนครัง้ ท่ี 8-9 จานวน 4 ช่วั โมงตารางที่ 8.1 (ตอ่ ) สาเหตุข้อขดั ข้องและการแกไ้ ขของระบบประจุไฟฟา้ อาการ สาเหตุ การแกไ้ ข4. หลอดไฟเตือนไฟชารจ์ ติดบาง 1. สายไฟขาด หลดุ หลวม 1. แกไ้ ข ขันให้แนน่ เปลีย่ นใหม่ 2. สายพานหย่อน 2. ปรบั ตงั้ หรือเปล่ยี นใหม่ คร้งั ขณะเคร่ืองยนต์ทางาน 3. อลั เตอร์เนเตอรช์ ารดุ 3. ตรวจสอบ แก้ไข เปลี่ยนใหม่ 4. เรก็ กเู ลเตอร์ทางานไมถ่ ูกต้อง 4. ตรวจสอบ แกไ้ ข เปลย่ี นใหม่5. แบตเตอรี่ไม่มีไฟ 1. แบตเตอรี่ลัดวงจรภายใน 1. ประจหุ รือเปล่ียนใหม่ 2. อัลเตอรเ์ นเตอร์หรอื เร็กกูเล 2. ตรวจสอบ แกไ้ ข เปล่ยี นใหม่ เตอร์ชารดุ6. ประจไุ ฟเข้าแบตเตอรี่สงู 1. เรก็ กเู ลเตอรช์ ารุด 1. ตรวจสอบ แกไ้ ข เปลย่ี นใหม่ เกนิ ไป7. มเี สียงดังผดิ ปกติที่อัลเตอร์ 1. สายพานหย่อน 1. ปรับตัง้ หรือเปลีย่ นใหม่ เนเตอร์ 2. ลกู ปืนชารุด 2. ตรวจสอบ แก้ไข เปลี่ยนใหม่ 3. เกิดการลดั วงจรภายใน 3. ตรวจสอบ แก้ไข เปลีย่ นใหม่สรุป เรก็ กูเลเตอร์ มีหนา้ ที่ควบคมุ การประจุไฟเขา้ แบตเตอรดี่ ้วยคา่ แรงเคลื่อนไฟฟา้ ประมาณ 13-15 โวลต์เร็กกเู ลเตอร์ทีต่ ดิ ต้ังในรถยนต์ท่ีใช้อลั เตอร์เนเตอร์แบบธรรมดาจะใช้แบบรีเลยช์ นิด 2 หน่วย สว่ นประกอบของเร็กกเู ลเตอร์แบบรเี ลย์ ประกอบด้วยหนว่ ยควบคมุ แรงเคล่ือนไฟฟ้าหรือโวลเตจเร็กกเู ลเตอรแ์ ละหนว่ ยควบคุมควบคุมหลอดไฟเตือนไฟชาร์จหรือโวลเตจรีเลย์ การทางานของเรก็ กเู ลเตอรแ์ บบรีเลย์ ใช้หลักการของคอนแทก สนามแมเ่ หล็ก และความแข็งของสปรงิ เป็นตวั ควบคุมการทางาน การแก้ไขข้อขัดข้องของระบบประจุไฟแบบธรรมดา ให้ทาการตรวจสอบหาสาเหตทุ ่ีเกิดข้ึนวา่ เกิดจากอะไร ก่อนทจี่ ะทาการถอดแยกชน้ิ ส่วนอลั เตอร์เนเตอร์และเร็กกูเลเตอร์ออกจากรถยนต์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook