Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20201124-Fake News

20201124-Fake News

Published by pawnin.chaiyabat, 2020-11-24 17:30:40

Description: 20201124-Fake News

Search

Read the Text Version

40 ช่วงที่พบขา่ ว ข่าวทีเ่ กี่ยวข้องกับโควิด-19 จานวน รอ้ ยละ เมษายน อนุทนิ ' จ่อถกนายกฯ พร้อมกลับไป 'ลอ็ คดาวน์' หลังพบ ทหาร อียปิ ต์ ติดโควิด-19 เมษายน เข้มผ้ปู ระกอบการชายแดน หว่นั โควิดระบาดซ้า รับแรงงานเถ่ือน เจอข้อหาหนกั เมษายน เหตุเกิดท่รี ะยอง กรณี ทหารอยี ิปต์และลูกทูต เมษายน แบงกช์ าติ” เผย ไม่มี \"พักหน้ี\" หากไทยเจอโควิด-19 ระลอกสอง เมษายน ขา่ วดี สงิ คโปร์พบจุดอ่อนไวรสั โควดิ -19 ในรา่ งกายมนุษย์ เมษายน กทม.เตือน คนกลบั จากระยอง นอน รร. เดนิ ห้างเสยี่ ง ไม่ รายงานตัวปรับ 2 หมืน่ ! เมษายน มาเท่ียวกนั เถอะ #ระยองปลอดภยั เมษายน ด่วนมคี นติดเช้ือร่วมชุมนมุ !!!! มีรายงานว่าอาจจะมีคนตดิ เชื้อ covid-19 ร่วมชุมนุมที่อนสุ าวรียป์ ระชาธปิ ไตย เมษายน เมษายน เชื้อโควดิ -19 ติดอยบู่ นแวน่ ได้ เมษายน อภ.ร่วมองค์กรต่างชาติ ทดลองวคั ซนี โควดิ 19 ในหนู คาดทราบ ผล ต.ค.นี้ “หมออดุ ม” ช้ีระบาดโควดิ 19 เปน็ ศนู ย์รายตลอดไม่ได้ แตต่ ้อง ควบคุมลดอัตราเสียชีวติ เมษายน ปุวยใหม่ 8 ราย!! มาจากอียปิ ต์ USA ซูดาน ผปู้ ุวยรกั ษาอยู่ 106 เมษายน ราย วิจยั อสิ ราเอล เผยหากร่างกายมวี ิตามินดีในเลือดต่า อาจเพิ่ม โอกาสตดิ เช้ือโควดิ ไดม้ ากข้ึน เมษายน อ.เจษฎา ตัง้ คาถาม เคสใหมโ่ ควดิ 19 จากไต้หวัน ผดิ ปกติ หรอื ไม่ ท้ังท่ีไต้หวนั ไม่มคี นตดิ เชื้อ เมษายน คนไทยเจง๋ สโู้ ควิดจนได้เป็นอันดบั 1 ฟนื้ ตัวดสี ดุ ในโลก เมษายน ผลตรวจออกแล้ว!นักเรยี นกลุ่มเสีย่ ง พักโรงแรมเดียวกับทหาร เมษายน อยี ิปตต์ ิดโควิด แนวทางปฏิบัตสิ าหรบั ผู้ปุวยโรคระบบทางเดนิ หายใจในยุคโควิด- 19 วจิ ยั “ฟาู ทะลายโจร” ในผู้ปวุ ยโควิด-19 ได้ผลดี ลดไอ-เจ็บ คอ-เสมหะ-ปวดหวั เมษายน ด่วน! ศบค.เผยคนใกล้ชิด 1 ใน 3 รายตดิ ‘โควิด-19’ ออกนอก พื้นท่กี ักกันฯ ส่ังสอบสวนโรค จ.ระยอง ใหม่ทง้ั หมด เมษายน ศบค.เผยพบผู้ปุวยตดิ โควิดรายใหม่ 7 ราย ยืนยนั ยอดสะสม ล่าสุด 3,246 ราย ผู้ปวุ ยกาลังรกั ษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 92 ราย ไม่มีผูเ้ สยี ชวี ิตเพ่ิมขน้ึ เมษายน อพั เดท! กรณีทหารอยี ิปต์ติดเชื้อโควดิ เขา้ ไทย เมษายน โควิด-19ในผ้อู ายมุ ากกว่า 70 ปี

41 ช่วงท่พี บข่าว ข่าวท่ีเกยี่ วข้องกับโควดิ -19 จานวน ร้อยละ เมษายน สิน้ ปีจะมีคนตาย 1.3 ล้านคนจากโควิด19 เท่ากับพลเมอื ง เอสโตเนยี ทั้งประเทศ และมผี ู้ตดิ เชื้อ 30 ลา้ นคน เทา่ กบั พลเมือง ออสเตรเลยี ทั้งประเทศ เมษายน รับมอื กับความเครียดในยคุ โควิด-19 เมษายน จรงิ หรือไม่ ? ผปู้ วุ ยโรคทางเดนิ หายใจ มีโอกาสติดโควิด-19 รนุ แรงมากกวา่ คนทวั่ ไป เมษายน จดั การความเครียดในยคุ โควิด-19 กรกฎาคม วจิ ัย “ฟาู ทะลายโจร” ในผปู้ วุ ยโควดิ -19 ได้ผลดี ลดไอ-เจบ็ คอ- เสมหะ-ปวดหัว กรกฎาคม ดว่ น! ศบค.เผยคนใกล้ชดิ 1 ใน 3 รายตดิ ‘โควดิ -19’ ออกนอก พืน้ ท่กี ักกนั ฯ ส่ังสอบสวนโรค จ.ระยอง ใหม่ทัง้ หมด กรกฎาคม คุมเข้มผู้ประกอบการชายแดน หวน่ั โควดิ ระบาดซ้า รบั แรงงาน เถือ่ นเจอข้อหาหนัก กรกฎาคม Second COVID-19 wave forces new travel curbs around the globe กรกฎาคม ศบค. ผอ่ นปรน ‘เฟส 6’ รับตา่ งด้าว-ชาวต่างชาติ 4 กลุม่ เข้าไทย ทีไ่ หนพร้อมเริ่มไดเ้ ลย สิงหาคม นักระบาดวทิ ยาสวีเดนเผยยังไม่แนะประชาชนใสแ่ มสก์ ชย้ี งั ไม่มี สิงหาคม งานวิจัยรับรองเพียงพอ ทหารมะกนั มาถึงอู่ตะเภาแลว้ 71 นาย ใชม้ าตการคัดกรองเขม้ - สง่ กักตัวก่อนรว่ มฝึกกบั ไทย สงิ หาคม พิษโควดิ -19 ปางชา้ งต้องปิดกิจการ-เลิกจ้าง สงิ หาคม ธุรกิจทอ่ งเทีย่ วปางชา้ ง สูญ 4 พนั ล้าน รฐั ประชมุ ช่วยเหลือดว่ น สิงหาคม สิงหาคม งดจดั โมโตจพี ี บุรรี มั ย์สูญ 2 พนั ล้าน โรงแรม-ร้านค้าสอ่ ปิดเพมิ่ “ทอ่ งเทย่ี วไทย” ทาใจ ! ทอท.คาดอกี 2 ปี ผูโ้ ดยสารพลกิ ฟ้ืน สิงหาคม ศนู ยค์ วบคมุ และปูองกนั โรคของสหรัฐอเมริกา (US CDC) สงิ หาคม ประเมนิ ไทยอยู่ในกล่มุ ประเทศความเสี่ยงต่าในการแพรร่ ะบาดโค วดิ -19 จาก 241 ประเทศทวั่ โลก ปตู นิ ประกาศ รสั เซียผลติ วคั ซีนโควดิ ไดแ้ ลว้ ปูตินประกาศ วัคซีนรัสเซยี ผลิตเสรจ็ แล้ว ใหล้ กู สาวทดลอง สิงหาคม สอื่ แฉ! วคั ซีนโควดิ -19 รสั เซยี ทดสอบกับคนแค่38 สิงหาคม ไทยจอ่ ลด \"วนั กกั ตัว\" ต่างชาตมิ ภี ูมกิ ัน COVID-19 | TNN ขา่ ว สิงหาคม ดกึ | 26 ส.ค. 63 โชวม์ ติครม.! ยา้ ชดั รัฐ ‘ถังแตก’-เปดิ วงเงนิ กู้เต็มเพดาน แตอ่ าจไม่พอ ‘ปดิ หบี ’ งบปี 63

42 ชว่ งท่ีพบขา่ ว ข่าวทีเ่ ก่ียวข้องกับโควดิ -19 จานวน รอ้ ยละ สิงหาคม จดหมายจากคุณลงุ ชาวเยอรมัน ถงึ รัฐบาลไทยขอบคุณประเทศ ไทยมาก .... ขออยู่ตอ่ ได้ไหม สิงหาคม เตือนคนไทยตั้งรับ! โควิดอาจกลายพันธุ์ - ไวรัสตัวใหม่จาก ตุลาคม ค้างคาว 14 สิงหาคม 2563 12:56 พบว่า มีเช้ือไวรัสโคโรนาท่ี ไม่ใช่ไวรัสโคโรนา 2019 ที่ก่อโรคติดเชื้อโควิด-19 ไม่ใช่ตัวที่ก่อ โรคซาร์ส และไม่ใช่ตัวที่ก่อโรคเมอร์ส รวม 57 แห่ง แบ่งเป็น ภัตตาคารท่ีนาหนูมาประกอบอาหาร 24 แห่ง ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ปุาฟนั แทะ 17 แหง่ โรงแรมหรู ออกหนังสือโต้ ศบค.ไม่ใช่ท่ีกกั ตวั ทหารสหรฐั ฯ จ้แี กข้ ้อมูล ตุลาคม วคั ซนี โควดิ -19 เดนิ หน้าทดลองขัน้ สดุ ท้าย ที่มา: จากการรวบรวมข่าวผ่านชอ่ งทางตา่ งๆ ในช่วงเดอื น กุมภาพนั ธ์ ถงึ ตุลาคม ปี พ.ศ.2563 จากตารางท่ี 4.1 การรวบรวมข่าวท่ีพบเห็นในช่วงเวลาต้ังแต่ กุมภาพันธ์ ถึง ตุลาคม ปีพ.ศ. 2563 ในการรวบรวมข่าวคร้ังน้ีพบข่าวท้ังหมด 109 ข่าว สามารถสรุปได้เป็นข่าวปลอม 51 ข่าว คิดเป็นร้อยละ 46.8 ของข่าวท้ังหมด เป็นข่าวจริง 58 ข่าว คิดเป็นร้อยละ 53.2 และสามารถจาแนก ประเภทของข่าวปลอมได้ดังน้ี  Satire or Parody เสยี ดสีหรอื ตลก 0 ข่าว  False connection โยงมวั่ 9 ข่าว คิดเป็นรอ้ ยละ 17.6  Misleading ทาให้เข้าใจผดิ 26 ขา่ ว คิดเป็นร้อยละ 51.0  False Context ผิดทผ่ี ิดทาง 0 ขา่ ว  Impostor มโนทม่ี า 2 ขา่ ว คดิ เปน็ รอ้ ยละ 3.9  Manipulated ปลอม ตดั ต่อ 8 ขา่ ว คิดเปน็ ร้อยละ 15.7  Fabricated มโนทุกอย่าง 6 ขา่ ว คิดเป็นรอ้ ยละ 11.8 ผลของการรวบรวมข่าวสารทาให้สรุปไดว้ ่า ประเภทของข่าวทพ่ี บมากท่ีสุดคือ Misleading ทาให้ เข้าใจผิด ซ่ึงข่าวปลอมประเภทนี้จะมีการใช้คาหรือประโยคชวนเช่ือท่ีทาให้ผู้อ่านรู้สึกคล้อยตามไปกับ เน้ือหาของข่าว และทาให้หลงเช่ือข่าวนั้น แม้ว่าข่าวจะไม่มีมูลความจริงอยู่ โดยคาหรือประโยคที่พบ บ่อยเปน็ 5 อันดับแรกในข่าวสามารถนามาจดั อันดบั ไดด้ งั นี้

43 ตารางท่ี 4.2 คาหรอื ประโยคทพ่ี บบ่อยในข่าว 5 อันดับแรก คา จานวนทพี่ บ จานวนที่พบ จานวนท่ีพบ ในขา่ วทัง้ หมด ในข่าวจรงิ ในข่าวปลอม (N=95) (N=49) (N=46) 1. โควทิ -19 43 (45.3) 29 (59.2) 14 (30.4) 2. Covid-19 21 (22.1) 18 (36.7) 3 (6.5) 3. ระยอง 14 (14.7) 12 (24.2) 2 (4.3) 4. ตดิ เชอ้ื 11 (11.6) 6 (12.2) 5 (10.9) 5. ปอู งกัน 8 (8.4) 1 (2.0) 7 (15.2) ท่ีมา: จากการรวบรวมข่าวผา่ นชอ่ งทางตา่ งๆ ในชว่ งเดือน กุมภาพันธ์ ถงึ ตุลาคม ปี พ.ศ.2563 จากตารางที่ 4.2 เป็นคาหรือประโยคท่ีพบบ่อยในข่าว 5 อันดับแรก จานวน 95 ข่าว เป็นข่าว จริง 49 ข่าว คิดเป็นร้อยละ 59.2 และข่าวปลอม 46 ข่าว คิดเป็นร้อยละ 30.4 คาหรือประโยคที่พบ บ่อยในข่าว ในช่วงแรกของการระบาดของโรคจะใช้คาว่า “โควิท-19” จานวน 43 ข่าว คิดเป็นร้อยละ 45.3 พบเปน็ ขา่ วจรงิ ร้อยละ 59.2 และข่าวปลอม ร้อยละ 30.4 “Covid-19” จานวน 21 ข่าว คิดเป็น ร้อยละ 22.1 พบเป็นข่าวจริง ร้อยละ 36.7และข่าวปลอม ร้อยละ 6.5 “ระยอง” จานวน 14 ข่าว คิด เป็นร้อยละ 14.7 พบเป็นข่าวจริง ร้อยละ 24.2 และข่าวปลอม ร้อยละ 4.3 “ติดเชื้อ” จานวน 11 ข่าว คิดเปน็ รอ้ ยละ 11.6 พบเป็นขา่ วจรงิ ร้อยละ 12.2 และข่าวปลอม ร้อยละ 10.9 และ“ปูองกัน” จานวน 8 ข่าว คิดเปน็ ร้อยละ 8.4 พบเป็นข่าวจรงิ ร้อยละ 2.0 และข่าวปลอม ร้อยละ 15.2 ตามลาดบั 4.2 ผลการวเิ คราะห์เบื้องต้น ขอ้ มลู ดิบทเ่ี กบ็ รวบรวมจากแบบสอบถาม จานวน 103 ชดุ ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ถึง ตุลาคม ปี พ.ศ.2563 ทาการวิเคราะหส์ ถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลท่ัวไป โดยมีการแสดงผลการวิเคราะห์ในรูปตาราง ประกอบคาอธิบาย ค่าสถิติท่ีใช้ ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) ความถ่ี (Frequency) และค่าเฉล่ียเลขคณิตถ่วงน้าหนัก (Weighted Average) หรือ ค่าเฉลี่ยถ่วงน้าหนัก เป็นค่าเฉล่ียที่มีการให้น้าหนักของแต่ละข้อมูล โดยน้าหนัก (Weight) ของแต่ละ ข้อมูลจะสะทอ้ นถงึ ความสาคญั ของขอ้ มลู แตล่ ะตวั ทนี่ ามาคานวณ ซ่ึง Weighted Average คือ ค่าเฉล่ีย ทีจ่ ะใชใ้ นกรณีทข่ี อ้ มูลแตล่ ะตัวมคี วามสาคัญไม่เทา่ กนั ในการวิเคราะห์ผลการศกึ ษาจะวิเคราะห์ข้อมูลตามลาดับ ดงั น้ี ส่วนท่ี 1 การวิเคราะหข์ ้อมูลลักษณะส่วนบุคคล ส่วนที่ 2 การวิเคราะห์ความรพู้ ้นื ฐานเก่ยี วกบั โรค COVID-19 ส่วนที่ 3 การวิเคราะห์พฤติกรรมท่วั ไป เมอ่ื รบั รู้ขา่ วในช่วงวิกฤติไวรัส COVID-19 สว่ นที่ 4 การวเิ คราะห์พฤติกรรมการรับขา่ วทเี่ ก่ยี วกับ COVID-19

44 สว่ นที่ 1 การวเิ คราะหข์ ้อมูลลักษณะส่วนบคุ คล ตารางที่ 4.3 จานวนและร้อยละของขอ้ มลู ลกั ษณะส่วนบุคคล จาแนกตามเพศ เพศ จานวน (คน) รอ้ ยละ ชาย 29 28.2 หญิง 74 71.8 รวม 103 100.0 ที่มา: จากการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ในช่วงเดือน กนั ยายน ปี พ.ศ.2563 จากตารางท่ี 4.3 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชาย จานวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 28.2 และเปน็ เพศหญิง จานวน 74 คน คิดเปน็ ร้อยละ 71.8 ตารางท่ี 4.4 จานวนและร้อยละของขอ้ มลู ลักษณะสว่ นบคุ คล จาแนกตามอายุ อายุ จานวน (คน) ร้อยละ 26 – 45 ปี 10 9.7 45 – 60 ปี 28 27.2 60 ปขี ้นึ ไป 45 43.7 ไมร่ ะบุ 5 4.9 รวม 103 100.0 ท่ีมา: จากการรวบรวมข้อมลู จากแบบสอบถาม ในชว่ งเดือน กันยายน ปี พ.ศ.2563 จากตารางที่ 4.4 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีอายุ ระหว่าง 45 – 60 ปี มากท่ีสุด จานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 65.0 รองลงมาคือ 60 ปีขึ้นไป จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 25.0 และอายุระหว่าง 26 – 45 ปี จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 10.0 และผู้ท่ีไม่ระบุ จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ4.9 ตามลาดบั ตารางท่ี 4.5 จานวนและร้อยละของขอ้ มูลลกั ษณะส่วนบุคคล จาแนกตามสถานภาพ สถานภาพ จานวน (คน) รอ้ ยละ โสด 38 36.9 สมรส 50 48.5 หม้าย/หย่า/แยกกันอยู่ 13 12.6 ไม่ระบุ 2 1.9 รวม 103 100.0 ทม่ี า: จากการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ในช่วงเดือน กันยายน ปี พ.ศ.2563 จากตารางท่ี 4.5 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถาม มสี ถานภาพสมรสมากท่ีสุด จานวน 8 คน คิดเป็น ร้อยละ 40.0 รองลงมาคือ สถานภาพหม้าย/หย่า/แยกกันอยู่ จานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 35.0 และ สถานภาพโสด จานวน 5 คน คดิ เป็นร้อยละ 25.0 ตามลาดับ

45 ตารางที่ 4.6 จานวนและรอ้ ยละของขอ้ มูลลกั ษณะส่วนบคุ คล จาแนกตามระดับการศกึ ษา ระดับการศึกษา จานวนคน (คน) ร้อยละ ประถมศึกษา 11 10.7 มัธยมศกึ ษาตอนตน้ 14 13.6 มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย/ปวช 25 24.3 ปวส/อนปุ ริญญา 13 12.6 ปรญิ ญาตรี 35 34.0 สูงกวา่ ปริญญาตรี 5 4.9 รวม 103 100.0 ทีม่ า: จากการรวบรวมข้อมลู จากแบบสอบถาม ในช่วงเดือน กนั ยายน ปี พ.ศ.2563 จากตารางที่ 4.6 พบว่า ผ้ตู อบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี จานวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 34.0 รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช จานวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 24.3 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 13.6 ระดับ ปวส./อนุปรญิ ญา จานวน 13 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 12.6 ระดบั ประถมศึกษา จานวน 11 คน คิดเป็นร้อย ละ 10.7 และระดบั สงู กวา่ ปรญิ ญาตรี คอื จานวน 1 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 5.0 ตามลาดับ ตารางท่ี 4.7 จานวนและร้อยละของข้อมลู ลักษณะสว่ นบุคคล จาแนกตามอาชีพหลัก อาชีพหลกั จานวนคน (คน) รอ้ ยละ 10.7 ข้าราชการ/พนักงานหน่วยงานเอกชน 11 27.2 38.8 ธุรกจิ ส่วนตัว/ค้าขาย 28 1.9 รับจา้ ง 40 1.0 นกั การเมืองทอ้ งถ่ิน 2 2.9 เกษตรกร 1 4.9 7.8 เกษียณอายุ/ไมไ่ ด้ทางาน 3 นกั เรยี น/นกั ศึกษา 5 1.0 1.9 วา่ งงาน 8 1.0 1.0 อน่ื ๆ 100.0 พนักงานรฐั บาล 1 แมบ่ ้าน 2 เย็บผ้า 1 ไม่ระบุ 1 รวม 103 ที่มา: จากการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ในชว่ งเดือน กนั ยายน ปี พ.ศ.2563

46 จากตารางท่ี 4.7 พบว่า ผ้ตู อบแบบสอบถาม สว่ นใหญ่จะประกอบอาชีพรับจ้าง จานวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 38.8 รองลงมาคือ อาชีพธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย จานวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 27.2 อาชีพขา้ ราชการ/พนักงานหนว่ ยงานเอกชน จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 10.7 ผู้ที่ว่างงาน จานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 7.8 นักเรียน/นักศึกษา จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 4.9 เกษียณอายุ/ไม่ได้ทางาน จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.9 อาชีพนักการเมืองท้องถิ่นมีจานวนผู้ตอบแบบสอบถามเท่ากับอาชีพ แม่บา้ น จานวน 2 คน คดิ เป็นร้อยละ 1.9 อาชีพพนักงานรัฐบาล เกษตรกร และไม่ระบุอาชีพมีจานวน ผู้ตอบแบบสอบถามเท่ากนั จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1.0 ตามลาดับ ตารางที่ 4.8 จานวนและรอ้ ยละของข้อมลู ลักษณะสว่ นบุคคล จาแนกตามรายได้ รายได้ (บาท/เดือน) จานวน (คน) รอ้ ยละ กรณีไม่มีรายได้ 12 11.7 นกั เรยี น/นักศึกษา 5 4.9 แม่บา้ น 1 1.0 วา่ งงาน 6 5.8 รายได้ (บาท/เดือน) จานวน (คน) ร้อยละ กรณมี ีรายได้ 91 88.3 1 - 5,000 บาท/เดอื น 18 17.5 10,001 - 15,000 บาท/เดอื น 19 18.4 15,001 - 20,000 บาท/เดอื น 2 1.9 20,001 - 25,000 บาท/เดอื น 5 4.9 25,001 - 30,000 บาท/เดอื น 1 1.0 30,001 - 35,000 บาท/เดือน 1 1.0 35,001 - 40,000 บาท/เดอื น 2 1.9 40,001 - 45,000 บาท/เดือน 1 1.0 5,001 - 10,000 บาท/เดือน 38 36.9 มากกว่า 50,000 บาท/เดอื น 4 3.9 รวม 103 100.0 ท่มี า: จากการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ในชว่ งเดือน กนั ยายน ปี พ.ศ.2563 จากตารางท่ี 4.8 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม กรณีไม่มีรายได้ จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 11.7 ได้แก่ นกั เรียน/นกั ศกึ ษา จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 4.9 แม่บ้าน จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1.0 และผู้ท่ีว่างงาน จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 5.8 ตามลาดับ กรณีมีรายได้ จานวน 91 คน คิดเป็นร้อยละ 88.3 ส่วนใหญ่จะมีรายได้ ต้ังแต่ 5,001 - 10,000 บาท/เดือน จานวน 38 คน คิดเป็นร้อยละ 36.9 รองลงมาคือ รายได้ ต้ังแต่ 10,001 - 15,000 บาท/เดือน จานวน 19 คน คิดเป็น ร้อยละ 18.4 รายได้ รายได้ ต้ังแต่ 1- 5,000 บาท/เดือน จานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 17.5 และรายได้ ต้ังแต่ 20,001 - 25,000 บาท/เดือน จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 4.9 รายได้มากกว่า

47 50,000 บาท/เดือน จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 3.9 รายได้ ต้ังแต่ 15,001 - 20,000 บาท/เดือนมี จานวนคนเท่ากับรายได้ ตั้งแต่ 35,001 - 40,000 บาท/เดือน คือ จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.9 และรายได้ ตั้งแต่ 25,001 - 30,000 บาท/เดือน รายได้ ตั้งแต่ 30,001 - 35,000 บาท/เดือน และ รายได้ ต้ังแต่ 40,001 - 45,000 บาท/เดือนซึ่งมจี านวนคนเท่ากนั คือ จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1.0 ตามลาดับ สว่ นท่ี 2 การวเิ คราะห์ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกบั โรค COVID-19 คาถาม 1. อาการหลกั ของผู้ปวุ ย COVID-19 คอื มีไข้ ไอแหง้ และอ่อนเพลีย 2. ขอ้ แตกตา่ งระหวา่ งผปู้ ุวย COVID-19 กับผปู้ วุ ยไขห้ วดั ใหญ่ คือ มไี ข้ 3. อณุ หภูมิรา่ งกายของผู้ปุวย COVID-19 สูงกวา่ 37.5 องศาเซลเซยี ส 4. ระยะฟกั ตัวของเชื้อ COVID-19 มากกว่า 14 วนั 5. เช้ือ COVID-19 สามารถแพร่กระจายไดใ้ นระยะไมเ่ กิน 3 เมตร 6. การใส่หน้ากากอนามัยเพียงอยา่ งเดยี วสามารถปูองกัน COVID-19 ได้ 7. แอลกฮอล์ 65% สามาถฆ่าเชือ้ COVID-19 ได้ ตารางที่ 4.9 จานวนและร้อยละของความรู้พื้นฐานเกีย่ วกับโรค COVID-19 ตอบถูกจานวน(ขอ้ ) จานวน(คน) รอ้ ยละ 0 1 1.0 1 0 0.0 2 4 3.9 3 18 17.5 4 30 29.1 5 30 29.1 6 18 17.5 7 2 1.9 รวม 103 100.0 ทม่ี า: จากการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ในชว่ งเดือน กันยายน ปี พ.ศ.2563 จากตารางท่ี 4.9 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามตอบคาถามถูกต้องโดยเรียงลาดับจากจานวนข้อท่ี ตอบถูกมากไปน้อย คือ ตอบถูก จานวน 7 ข้อ จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.9 ของผู้ตอบทั้งหมด รองลงมา คือ ตอบถูก จานวน 6 ข้อ จานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 17.5 ของผู้ตอบทั้งหมด ตอบถูก จานวน 5 ข้อ จานวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 17.5 ของผู้ตอบทั้งหมด ตอบถูก 4 ข้อ ตอบถูก จานวน 30 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 29.1 ของผูต้ อบทัง้ หมด ตอบถกู จานวน 3 ขอ้ จานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 17.5 ของผ้ตู อบทงั้ หมด และตอบถกู จานวน 0 ขอ้ จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1.0 ของผู้ตอบ ท้ังหมด ตามลาดับ

48 สว่ นท่ี 3 การวิเคราะห์พฤตกิ รรมท่ัวไป เมือ่ รบั รู้ข่าวในช่วงวกิ ฤตไิ วรสั COVID-19 ตารางที่ 4.10 คา่ เฉลย่ี ถ่วงน้าหนกั เม่อื ไดร้ บั ขา่ วเก่ียวกบั COVID-19 มาจากชอ่ งทางไหนบ้าง ชอ่ งทาง คา่ เฉล่ียถว่ งน้าหนัก Facebook 5.4 ไลน์ 5.3 โทรทัศน์ 5.7 วทิ ยุ 3.0 ทวิตเตอร์ 2.4 บอกเลา่ แบบปากต่อปาก 3.3 เสียงตามสายในชุมชน 3.0 ท่ีมา: จากการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ในช่วงเดือน กนั ยายน ปี พ.ศ.2563 จากตารางท่ี 4.10 พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไดร้ ับข่าวเกยี่ วกบั COVID-19 จาก ชอ่ งทางโทรทัศน์ ซึ่งมีค่าเฉล่ียถว่ งนา้ หนกั สงู สดุ รองลงมาคือ Facebook Line บอกเลา่ แบบปากต่อ ปาก เสียงตามสายในชุมชน วิทยุ และ Twitter ตามลาดับ ตารางท่ี 4.11 จานวนและร้อยละพฤตกิ รรมท่วั ไป เมื่อรบั รู้ข่าวในชว่ งวิกฤตไิ วรัส COVID-19 ลาดบั คาถาม จานวน (คน) ร้อยละ 3.2 เมอ่ื ท่านได้รบั ขา่ วเก่ียวกับ COVID-19 ทา่ นมพี ฤตกิ รรมอย่างไร ไมพ่ ิจารณา 13 12.6 พิจารณา จาก 90 87.4 68 38.0 เนอื้ หาสาระในข่าว 19 10.6 คนส่งขา่ ว 18 10.1 ช่องทาง แหลง่ ท่ีมาของข่าว 74 41.3 3.3 เมอื่ ท่านได้รับขา่ วเกี่ยวกบั COVID-19 โดยทว่ั ไป ทา่ นเชือ่ หรอื ไมเ่ ชอื่ เช่อื 57 55.3 ไมเ่ ชื่อ 44 42.7 ไมร่ ะบุ 2 1.9 3.4 เม่อื ท่านไดร้ ับข่าวเก่ยี วกบั COVID-19 ทา่ นส่งต่อหรือไม่ สง่ ต่อ 52 50.5 ไมส่ ่งต่อ 50 48.5

49 ไม่ระบุ 1 1.0 3.5 เมอ่ื ทา่ นไดร้ ับขา่ วเก่ียวกบั COVID-19 ท่านสง่ ตอ่ ใหใ้ ครบ่อยท่ีสุด ครอบครัว/ญาติพี่นอ้ ง 83 80.6 เพอ่ื นสนทิ 3 2.9 เพอ่ื นร่วมงาน 5 4.9 ผทู้ ไ่ี ดร้ ับผลกระทบจากเนือ้ หาข่าวน้ี 6 5.8 แชรบ์ นหนา้ Facebookของตวั เอง 5 4.9 ไมร่ ะบุ 1 1.0 3.6 ท่านได้รบั ข่าวปลอมเกยี่ วกบั COVID-19 บอ่ ยหรอื ไม่ ไมเ่ คยไดร้ ับ 18 17.5 ไดร้ ับทกุ วัน 31 30.1 ไดร้ บั อาทติ ยล์ ะครั้ง 35 34.0 ได้รับเดือนละคร้งั 16 15.5 ไม่ระบุ 2 1.9 3.7 ทา่ นมีคา่ ใช้จา่ ยเพิม่ ขึ้นหรอื ไม่ ไมม่ ี 47 45.6 55 53.4 มี 34 27.4 กักตุนอาหาร กักตุนหนา้ กากอนามยั 35 28.2 กักตนุ เจลแอลกอฮอล์ 31 25.0 ค่าตรวจ COVID-19 3 2.4 ค่าทาประกนั ภยั COVID-19 14 11.3 อนื่ ๆ 7 5.6 ไม่ระบุ 34 27.4 ทีม่ า: จากการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ในช่วงเดือน กันยายน ปี พ.ศ.2563 จากตารางท่ี 4.11 พบว่า พฤติกรรมท่ัวไป เม่ือรับรู้ข่าวในช่วงวิกฤติไวรัส COVID-19 ของ ผู้ตอบแบบสอบถามสว่ นใหญม่ กี ารพิจารณา จานวน 90 คน คิดเป็นร้อยละ 87.4 จากการคานวณมีการ พิจารณาจากเน้ือหาสาระในข่าวมากที่สุด คือ จานวน 68 คน คิดเป็นร้อยละ 38.0 ของคนท่ีพิจารณา ทง้ั หมด ผู้ตอบแบบสอบถามท่ีไม่มีการพิจารณา จานวน 13 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 12.6

50 ผ้ตู อบแบบสอบถามสว่ นใหญ่ เม่ือได้รับข่าวเก่ียวกับ COVID-19 โดยท่ัวไปมีผู้ที่ไม่เช่ือ จานวน 44 คน คิดเป็น ร้อยละ 42.7 เพราะปัจจุบันมีข่าวปลอมมากมาย บางข่าวเขียนข่าวเกินจริง และผู้ตอบ แบบสอบถามยังไม่แน่ใจ ต้องรอตรวจสอบให้แน่ชัด ส่วนผู้ที่เช่ือ มีจานวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 55.3 เพราะเพราะสถานการณ์ตอนน้ีกาลังมีโรคระบาด COVID-19 ท่ัวโลก ทุกคนกลัวการติดโรคจึงต้อง ปูองกันไว้กอ่ นไม่ควรประมาท ติดตามขา่ วจากแหลง่ ขา่ วท่เี ชอ่ื ถือได้หรอื ขา่ วทีม่ าจากสาธารณสขุ จริงๆ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เม่ือได้รับข่าวเก่ียวกับ COVID-19 ส่วนใหญ่จะไม่ส่งต่อ จานวน 50 คน คิดเป็นร้อยละ 48.5 เพราะไม่อยากให้ทุกคนแตกต่ืน ยังไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม ต้องรู้ในแน่ชัดก่อนว่าเปลี่ยนข่าวปลอมถึงจะส่งไปเตือนผู้อ่ืน ผู้ท่ีส่งต่อ จานวน 52 คน คิดเป็นร้อยละ 50.5 ส่งต่อ เพราะอยากให้ทุกคนระมัดระวัง ปูองกันตนเองและครอบครัว และปูองกันการแพร่ระบาด ของโรค กลุ่มคนที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่จะส่งต่อข่าวเกี่ยวกับ COVID-19 ให้บ่อยที่สุด เม่อื ได้รับขา่ ว คอื ครอบครัว/ญาติพ่นี ้อง จานวน 83 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 80.6 ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่จะได้รับข่าวปลอมเก่ียวกับ COVID-19 อาทิตย์ละครั้ง จานวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 34.0 รองลงมาคือ ได้รับทุกวัน จานวน 31 คน คิดเป็นร้อยละ 30.1 ไม่เคยได้รับ จานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 17.5 ได้รับเดือนละครั้ง จานวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 15.5 และ ไมร่ ะบุ จานวน 2 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 1.9 ตามลาดบั ในช่วงวิกฤติไวรัส COVID-19 ผู้ตอบแบบสอบถามมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จานวน 55 คน คิดเป็น ร้อยละ 53.4 ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มข้ึนท่ีผู้ตอบตอบเป็นจานวนมาก คือ กักตุนหน้ากากอนามัย จานวน 35 คิดเป็นร้อยละ 28.2 รองลงมา คือ กักตุนอาหาร จานวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 27.4 กักตุนเจล แอลกอฮอล์ จานวน 31 คนคิดเป็นร้อยละ 25.0 ค่าทาประกันภัย COVID-19 จานวน 14 คน คิดเป็น ร้อยละ 11.3 ค่าตรวจ COVID-19 จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.4 อ่ืนๆ จานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 5.6 (ผลิตภัณฑท์ าความสะอาด จานวน 1 คน คดิ เป็นร้อยละ 1.0 พาหนะ จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.9 หนา้ กากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ส่วนตัว จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 1.0 และไม่ระบุ จานวน 3 คน คดิ เป็นร้อยละ 2.9) และผู้ท่ีไมร่ ะบุ จานวน 34 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 27.4 ตามลาดับ สว่ นที่ 4 การวเิ คราะห์พฤตกิ รรมการรับขา่ วที่เกี่ยวกับCOVID-19 ตารางท่ี 4.12 จานวนและร้อยละของพฤตกิ รรมการรับข่าวทีเ่ กยี่ วกับ COVID-19 ลาดบั คาถาม จานวน (คน) รอ้ ยละ 1 ก. ทา่ นมพี ฤตกิ รรมอยา่ งไร 81.6 11.7 พจิ ารณา จาก 84 69.9 18.4 เชอื่ เพ่ือนทสี่ ่ง 12 24.3 เนื้อหาขา่ ว 72 75.7 ไมพ่ จิ ารณา 19 ข. ทา่ นเชื่อวา่ เป็นข่าวจริงหรอื ไม่ เชอื่ 25 ไมเ่ ชอ่ื 78

51 ค. ทา่ นทาอยา่ งไร กลบั ไปสอบถาม 43 41.7 ส่งต่อใหค้ รอบครัว/ญาตพิ ่ีนอ้ ง 15 14.6 สง่ ต่อใหเ้ พอ่ื นสนทิ /เพอ่ื นร่วมงาน/ทกุ คนท่เี รารูจ้ กั 6 5.8 ไมส่ นใจ 37 35.9 ไมร่ ะบุ 2 2.0 2 ก. ท่านมพี ฤตกิ รรมอย่างไร พจิ ารณา จาก 91 88.3 คนส่งข่าว 2 1.9 ทม่ี าของแหลง่ ขา่ ว 64 62.1 เน้อื หาขา่ ว 22.3 22.3 ไมร่ ะบุ 2 1.9 ไม่พิจารณา 12 11.7 ข. ทา่ นเชอ่ื วา่ เป็นขา่ วจริงหรือไม่ เชอ่ื 50 48.5 ไมเ่ ช่อื 53 51.5 ค. ทา่ นทาอย่างไร กลับไปสอบถาม 54 52.4 สง่ ต่อให้ครอบครัว/ญาติพน่ี อ้ ง 13 12.7 ส่งตอ่ ใหเ้ พ่ือนสนทิ /เพ่อื นรว่ มงาน/ทกุ คนท่ีเรารจู้ กั 5 4.9 ไมส่ นใจ 29 28.2 ไม่ระบุ 2 3 ก. ทา่ นมีพฤติกรรมอย่างไร พิจารณา จาก 82 79.6 เพจทีแ่ ชร์ขา่ ว 9 8.7 ทมี่ าของแหล่งขา่ ว 43 41.7 เนือ้ หาข่าว 28 27.2 ไม่พจิ ารณา 21 20.4 ไม่ระบุ 2 2.0 ข. ท่านเช่อื วา่ เปน็ ขา่ วจรงิ หรอื ไม่ เช่อื 22 21.4 ไม่เช่ือ 81 78.6

52 ค. ท่านทาอย่างไร กลบั ไปสอบถาม 48 46.6 6.8 ส่งต่อให้ครอบครัว/ญาติพ่ีนอ้ ง 7 5.8 39.8 ส่งตอ่ ใหเ้ พ่ือนสนทิ /เพ่อื นร่วมงาน/ทกุ คนทเี่ รารูจ้ กั 6 1.0 ไมส่ นใจ 41 79.6 43.7 ไมร่ ะบุ 1 24.3 8.7 4 ก. ท่านมพี ฤตกิ รรมอยา่ งไร 20.4 2.9 พิจารณา จาก 82 17.5 ท่มี าของแหลง่ ข่าว 45 82.5 เนื้อหาขา่ ว 25 37.9 6.8 คนสง่ ข่าว 9 4.9 48.5 ไม่พจิ ารณา 21 ไม่ระบุ 3 ข. ท่านเชอ่ื วา่ เป็นข่าวจรงิ หรอื ไม่ เชอ่ื 18 ไม่เชอ่ื 85 ค. ท่านทาอยา่ งไร กลับไปสอบถาม 39 สง่ ตอ่ ใหค้ รอบครัว/ญาตพิ น่ี ้อง 7 สง่ ตอ่ ใหเ้ พอ่ื นสนิท/เพื่อนรว่ มงาน/ทุกคนทเี่ รารู้จัก 5 ไม่สนใจ 50 ทีม่ า: จากการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ในช่วงเดือน กนั ยายน ปี พ.ศ.2563 จากตารางท่ี 4.12 พบวา่ พฤติกรรมการรับข่าวท่เี ก่ียวกับ COVID-19 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ท้ัง 4 ข้อ มีการพิจารณามากกว่า ร้อยละ 50 จากการคานวณมีการ พจิ ารณาจากท่มี าของแหลง่ ข่าวและเนอ้ื หาขา่ ว จากข่าวลาดับที่ 1 เป็นข่าวปลอมที่ผู้วิจัยนามาทดสอบพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถาม มผี ู้ตอบทเ่ี ชื่อวา่ เป็นข่าวจริง จานวน 25 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 24.3 และผู้ที่ไม่เชื่อ จานวน 78 คน คิดเป็น ร้อยละ 75.7 พฤติกรรมหลังจากการตัดสินใจเชื่อหรือไม่เช่ือของผู้ตอบที่มีจานวนคนมากที่สุด คือ กลับไปสอบถาม จานวน 43 คน คิดเป็นร้อยละ 41.7 รองลงมาคอื ไม่สนใจ จานวน 37 ค น คิ ด เ ป็ น ร้อยละ 35.9 ส่งต่อให้ครอบครัว/ญาติพ่ีน้อง จานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 14.6 ส่งต่อให้เพื่อนสนิท/ เพ่อื นรว่ มงาน/ทกุ คนทเ่ี รารู้จัก 6 คน คิดเปน็ ร้อยละ 5.8 และไมร่ ะบุ จานวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2.0 ตามลาดบั จากข่าวลาดับท่ี 2 เป็นข่าวจริงท่ีผู้วิจัยนามาทดสอบพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถาม มผี ตู้ อบที่เช่อื ว่าเป็นข่าวจรงิ จานวน 50 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 48.5 และผู้ที่ไม่เช่ือ จานวน 53 คน คิดเป็น

53 ร้อยละ 51.5 พฤติกรรมหลังจากการตัดสินใจเชื่อหรือไม่เช่ือของผู้ตอบท่ีมีจานวนคนมากที่สุด คือ กลับไปสอบถาม จานวน 54 คน คิดเป็นร้อยละ 52.4 รองลงมาคือ ไม่สนใจ จานวน 29 คน คิดเป็น ร้อยละ 28.2 ส่งต่อให้ครอบครัว/ญาติพ่ีน้อง จานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 12.7 และส่งต่อให้เพื่อน สนิท/เพื่อนร่วมงาน/ทุกคนทเ่ี รารจู้ ัก จานวน 5 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 4.9 ตามลาดับ จากข่าวลาดับท่ี 3 เป็นข่าวปลอมท่ีผู้วิจัยนามาทดสอบพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถาม มีผตู้ อบท่เี ชื่อว่าเปน็ ข่าวจรงิ จานวน 22 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 21.4 และผู้ที่ไม่เชื่อ จานวน 81 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 78.6 พฤตกิ รรมหลังจากการตัดสนิ ใจเช่อื หรือไมเ่ ชอ่ื ของผตู้ อบที่มีจานวนคนมากทีส่ ุด คือ กลบั ไปสอบถาม จานวน 48 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 46.6 รองลงมาคอื ไมส่ นใจ จานวน 41 คน คิดเป็นร้อย ละ 39.8 สง่ ต่อให้ครอบครวั /ญาตพิ ี่น้อง จานวน 7 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 6.8 ส่งต่อให้เพื่อนสนิท/เพื่อน ร่วมงาน/ทกุ คนที่เรา จานวน 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 5.8 ตามลาดับ จากข่าวลาดับท่ี 4 เป็นข่าวปลอมที่ผู้วิจัยนามาทดสอบพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถาม มีผตู้ อบท่ีเช่อื วา่ เปน็ ข่าวจรงิ จานวน 18 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 17.5 และผู้ท่ีไม่เชื่อ จานวน 85 คน คิดเป็น ร้อยละ 82.5 พฤติกรรมหลังจากการตัดสินใจเช่ือหรือไม่เชื่อของผู้ตอบท่ีมีจานวนคนมากที่สุด คือ ไมส่ นใจ จานวน 50 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 48.5 รองลงมาคอื กลบั ไปสอบถาม จานวน 39 คน คิดเป็นร้อย ละ 37.9 ส่งตอ่ ให้ครอบครัว/ญาตพิ ี่นอ้ ง จานวน 7 คน คดิ เป็นร้อยละ 6.8 และส่งต่อให้เพ่ือนสนิท/ เพอ่ื นร่วมงาน/ทกุ คนทเี่ รารจู้ กั จานวน 5 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 4.9 ตามลาดบั

54 บทที่ 5 สรุปผลการการดาเนนิ งาน การวิจัยเรื่อง คนไทย 3.0 สู้เฟคนิวส์และรับมือภาวะฟูุงกระจายของข่าวสารในช่วงวิกฤติไวรัส COVID-19 ระยะที่ 1 มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พื่อศึกษาพฤติกรรม ปัจจัย และองค์ประกอบของการตัดสินใจเช่ือ ข่าวสารของคนไทย 3.0 และเพ่ือวิเคราะห์ สังเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมการตัดสินใจเชื่อ ส่งต่อการใช้ ประโยชน์ของเฟคนิวส์ ซง่ึ ได้ทาการรวบรวมข่าวสารทเ่ี กยี่ วกบั ไวรสั COVID-19 ทั้งข่าวจริงและข่าวลวง แล้วทาการแยกตาม 7 ประเภท ได้แก่ เสียดสีหรือตลก โยงมั่ว ทาให้เข้าใจผิด ผิดท่ีผิดทางมโนท่ีมา ปลอมหรือตัดต่อ และมโนทุกอย่าง เพ่ือให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยจึงได้ออกแบบ แบบสอบถามเพอ่ื เก็บรวบรวมขอ้ มูล และนามาวิเคราะหเ์ บ้ืองต้น ผวู้ จิ ยั ใช้แบบสอบถามเปน็ เคร่ืองมอื เกบ็ รวบรวมข้อมูล ได้ข้อมูลดิบ จานวน 103 ชุด และนามา วิเคราะห์เบ้ืองตน้ โดยแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดงั น้ี สว่ นที่ 1 การวเิ คราะหข์ ้อมลู ลักษณะส่วนบคุ คล สว่ นที่ 2 การวเิ คราะหค์ วามรพู้ ื้นฐานดา้ น COVID-19 สว่ นที่ 3 การวิเคราะห์พฤตกิ รรมทั่วไป เม่ือรบั รู้ขา่ วในชว่ งวิกฤติไวรสั COVID-19 สว่ นท่ี 4 การวิเคราะหพ์ ฤติกรรมการรบั ขา่ วทเ่ี กย่ี วกับ COVID-19 ในการวิเคราะห์เบื้องต้นจะใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) เป็นการวิเคราะห์ ข้อมูลท่ัวไป โดยมีการแสดงผลการวิเคราะห์ในรูปตารางประกอบคาอธิบาย ค่าสถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) ความถี่ (Frequency) และ ค่าเฉล่ียเลขคณิตถ่วงน้าหนัก (Weighted Average) หรือ ค่าเฉล่ียถ่วงน้าหนัก เป็นค่าเฉลี่ยท่ีมีการให้น้าหนักของแต่ละข้อมูล โดยน้าหนัก (Weight) ของแต่ละ ข้อมูลจะสะทอ้ นถงึ ความสาคัญของข้อมลู แตล่ ะตวั ที่นามาคานวณ ซึ่ง Weighted Average คือ ค่าเฉล่ีย ท่ีจะใชใ้ นกรณีทขี่ ้อมูลแต่ละตวั มคี วามสาคญั ไม่เทา่ กนั 5.1 สรปุ ผลการศึกษา ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นของพฤติกรรมผู้ตอบแบบสอบถาม เม่ือรับรู้ข่าวในช่วงวิกฤติ ไวรสั COVID-19 บุคคลทั่วไป จานวน 103 คน พบว่า ส่วนท่ี 1 การวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะส่วนบุคคล ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 71.8 มีอายุ ระหว่าง 45 – 60 ปี คิดเป็นร้อยละ 65.0 มีสถานภาพสมรสมาก คิดเป็น ร้อยละ 40.0 มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 34.0 ประกอบอาชีพรับจ้าง คิดเปน็ รอ้ ยละ 38.8 มรี ายได้เฉลี่ยต่อเดอื นไม่เกนิ 10,000 บาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 88.3 ส่วนท่ี 2 การวิเคราะห์ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกับโรค COVID-19 มีผู้ตอบถูกต้อง คะแนนเกินคร่ึง คดิ เป็นร้อยละ 77.7 ของผตู้ อบทั้งหมด

55 ส่วนท่ี 3 การวิเคราะห์พฤติกรรมท่ัวไป เม่ือรับรู้ข่าวในช่วงวิกฤติไวรัส COVID-19 ผู้ตอบ แบบสอบถาม ส่วนใหญ่ได้รับข่าวเกี่ยวกับ COVID-19 จากช่องทางโทรทัศน์ ซ่ึงมีค่าเฉลี่ยถ่วงน้าหนัก สูงสุด รองลงมาคือ Facebook Line บอกเล่าแบบปากต่อปาก เสียงตามสายในชุมชน วิทยุ และTwitter ตามลาดับ มีการพิจารณา คิดเป็นร้อยละ 87.4 ซึ่งพิจารณาจากเนื้อหาสาระในข่าวมากท่ีสุด มีผู้ท่ีไม่เชื่อ คิดเป็นร้อยละ 42.7 เพราะปัจจุบันมีข่าวปลอมมากมาย บางข่าวเขียนข่าวเกินจริง และผู้ตอบ แบบสอบถามยังไม่แน่ใจ ต้องรอตรวจสอบให้แน่ชัด ส่วนผู้ที่เช่ือ คิดเป็นร้อยละ 55.3 เพราะเพราะ สถานการณ์ตอนนี้กาลังมีโรคระบาด COVID-19 ท่ัวโลก ทุกคนกลัวการติดโรคจึงต้องปูองกันไว้ก่อนไม่ ควรประมาท ตดิ ตามข่าวจากแหลง่ ขา่ วท่ีเชื่อถือได้หรอื ขา่ วทม่ี าจากสาธารณสุขจริงๆ ส่วนใหญ่จะไม่ส่งต่อ คิดเป็นร้อยละ 48.5 เพราะไม่อยากสร้างความแตกตื่น รวมทั้งยังไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม ตอ้ งรู้ในแน่ชัดก่อนว่าเปล่ียนข่าวปลอมถึงจะส่งไปเตือนผู้อ่ืน ผู้ที่ส่งต่อ คิดเป็นร้อยละ 50.5 ส่งต่อ เพราะ อยากใหท้ กุ คนระมัดระวงั ปอู งกันตนเองและครอบครัว และปูองกันการแพร่ระบาดของโรค จะส่งต่อข่าว เก่ียวกับ COVID-19 ให้ครอบครัว/ญาติพี่น้องบ่อยท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 80.6 ได้รับข่าวปลอมเก่ียวกับ COVID-19 อาทิตย์ละครั้ง คิดเป็นร้อยละ 34.0 ผู้ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มข้ึน คิดเป็นร้อยละ 53.4 ค่าใช้จ่ายที่ เพ่ิมขนึ้ ส่วนมากมาจากการกกั ตนุ หนา้ กากอนามยั ส่วนท่ี 4 การวิเคราะห์พฤติกรรมการรับข่าวที่เกี่ยวกับ COVID-19 พฤติกรรมการรับข่าวที่ เกยี่ วกบั COVID-19 ของผู้ตอบแบบสอบถาม สว่ นใหญ่ทั้ง 4 ข้อ มีการพิจารณามากกว่า ร้อยละ 50 ซ่ึง พิจารณาจากท่ีมาของแหล่งข่าวและเน้ือหาข่าว ข่าวลาดับท่ี 1 เป็นข่าวปลอมที่ผู้วิจัยนามาทดสอบ พฤตกิ รรมของผตู้ อบแบบสอบถาม มีผู้ตอบท่ีเช่ือว่าเป็นข่าวจริง คิดเป็นร้อยละ 24.3 และผู้ที่ไม่เชื่อ คิด เปน็ ร้อยละ 75.7 หลงั จากเช่ือหรอื ไม่เชอ่ื มผี ูท้ กี่ ลับไปสอบถาม คดิ เป็นรอ้ ยละ 41.7 ข่าวลาดับท่ี 2 เป็น ขา่ วจริง มผี ูต้ อบทีเ่ ชือ่ ว่าเปน็ ข่าวจริง คิดเป็นร้อยละ 48.5 และผู้ที่ไม่เชื่อ คิดเป็นร้อยละ 51.5 หลังจาก ทเ่ี ชือ่ หรือไมเ่ ชอ่ื มผี ูท้ ี่กลับไปสอบถาม คดิ เป็นร้อยละ 52.4 ข่าวลาดับที่ 3 เป็นข่าวปลอม มีผู้ตอบท่ีเช่ือ ว่าเป็นข่าวจริง คิดเป็นร้อยละ 21.4 และผู้ที่ไม่เช่ือ คิดเป็นร้อยละ 78.6 มีผู้ท่ีกลับไปสอบถาม คิดเป็น รอ้ ยละ 46.6 ขา่ วลาดับที่ 4 เปน็ ขา่ วปลอม มีผตู้ อบที่เชอื่ ว่าเป็นข่าวจริง คิดเป็นร้อยละ 17.5 และผู้ท่ีไม่ เชอื่ คดิ เป็นร้อยละ 82.5 หลงั จากท่เี ชือ่ หรือไม่เช่อื มีผทู้ ่ไี ม่สนใจ คิดเปน็ ร้อยละ 48.5 5.2 ข้อเสนอแนะ 1. ภาครัฐบาลและหน่วยงานทเี่ กยี่ วข้องควรจดั อบรมถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการรับมือกับข่าว ปลอมหรือ เฟคนิวส์ ท่ีเก่ียวกับไวรัส COVID-19 ให้แก่ อสม. หรือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการจัด อบรม 2. ภาครัฐจะต้องเปิดกว้าง โดยจัดให้มีช่องทางท่ีประชาชนสามารถส่งคาถามเข้ามาถามและ ตอบขอ้ สงสยั กรณที ่ีเกดิ ข่าวปลอมที่เกีย่ วกับไวรสั COVID-19 ท่ีสรา้ งความแตกต่นื และสร้างความเข้าใจ ผิด 3. หากรัฐบาลต้องการที่จะจัดการปัญหาเฟคนิวส์ที่เกี่ยวกับไวรัส COVID-19 อย่างมี ประสิทธิภาพ รัฐบาลต้องเร่งรัดให้หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐอื่นๆ นาข้อมูล ข่าวสารทั้งหมดใส่ไว้ในระบบฐานข้อมูลของหน่วยงานและเปิดให้ประชาชนและส่ือมวลชนสามารถ เข้าถึงข้อมูลน้ันได้ผ่านระบบออนไลน์ รวมทั้งกาชับหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ให้รีบตอบสนองกรณีที่มีข้อ

56 สงสัยต่อข้อมูลข่าวสารใดที่เก่ียวข้องกับหน่วยงานน้ันๆ สื่อมวลชนก็จะมีหน้าท่ีนาข้อมูลข่าวสารน้ันไป เผยแพร่ตอ่ สาธารณชนอีกตอ่ หน่งึ

57 บรรณานุกรม คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์. สืบคน้ 7 มนี าคม 2563, จาก http://www.ttmed.psu.ac.th/blog.php?p=11 จส.100. สบื คน้ 15 มีนาคม 2563, จาก https://www.js100.com/en/site/post_share/view/84217 เฉลิมชัย ก๊กเกียรติกุล และ ธัญญนนทณัฐ ดา่ นไพบูลย.์ (2561). ขา่ วลวง : ปัญหาและความท้าทาย. สบื ค้น 4 ตุลาคม 2563, จาก https://so04.tci- thaijo.org/index.php/NBTC_Journal/article/download/146058/115541/ ชยพล ธานวี ฒั น์. (2562). การบังคับใชก้ ฎหมายเพื่อรับมือกบั ข่าวปลอม (Fake News). สืบคน้ 20 พฤษภาคม 2563, จากhttps://cdc.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/elaw_parcy/ewt _dl_link.php?nid=2439 ชาวซีพีรับมอื ขา่ วปลอมขา่ วลวง,สืบคน้ 19 ตลุ าคม 2563 จาก https://www.wearecp.com/n62- 1408-5-0001/ ณัฐนนั ท์ อิทธยิ าภรณ์. (2562). ผลกระทบของข่าวปลอม แนวทางการรับมือของผ้บู ริโภคสอ่ื , เวทีทัศน์, สานกั ขา่ วอิศรา, ออนไลน์ สืบค้น 20 เมษายน 2563, จาก https://www.isranews.org/isranews-article/78298-fake-78298.html ณัฐนนั ท์ อทิ ธิยาภรณ์. (2562). ผลกระทบของข่าวปลอม แนวทางการรับมือของผ้บู ริโภคสื่อ,สบื ค้น 19 ตุลาคม 2563 จาก https://www.isranews.org/isranews-article/78298-fake-78298.html เทพ สงวนกิตติพนั ธ์.ุ (2563). ความเชอื่ . สบื คน้ 3 พฤษภาคม 2563, จาก https://www.stou.ac.th/Offices/rdec/udon/upload/socities9_10.html#top ไทยรฐั ออนไลน.์ สืบค้น 13 เมษายน 2563, จาก https://www.thairath.co.th/news/society/1819353 นันทิกา หนสู ม. (2560). ลักษณะของข่าวปลอมในประเทศไทยและระดบั ความรูเท่าทันข่าวปลอมบน เฟซบกุ๊ ของผูรบั สารในเขตกรุงเทพมหานคร. สืบค้น 2 ตุลาคม 2563, จาก http://dspace.bu.ac.th/handle/123456789/3177 ประวีณา พลเขตต์ และ เจษฎา ศาลาทอง. (2561). การรับรู้และการร้เู ท่าทนั สอ่ื ของผชู้ มรายการชัวร์ก่อน แชร.์ สืบค้น 4 ตลุ าคม 2563, จาก http://gscm.nida.ac.th/uploads/files/1538712267.pdf ประวีณา พลเขตต์ และเจษฎา ศาลาทอง. (2561). การรบั รู้และการรู้เท่าทนั สอ่ื ของผชู้ มรายการชัวรก์ ่อน แชร.์ วารสารการสือ่ สารและการจัดการ นดิ ้า ปีท่ี 4 ฉบบั ท่ี 3 (กนั ยายน – ธันวาคม 2561). ปรณิ ดา แก้วทอง และ พนม คลี่ฉายา. (2558). การรับรู้ความมปี ระโยชน์ และการยอมรับข้อมูลจากบท วจิ ารณ์ แบบมผี ู้สนับสนุนของธรุ กจิ โรงแรมในหอ้ งบลแู พลนเนต็ พันทิปดอทคอม. วารสารการ ประชาสมั พันธแ์ ละการโฆษณา ปที ่ี 8 ฉบับท่ี 2 2558, 113-127 พรรษาสิริ กุหลาบ. (2563). แนวทางการจดั การกบั การแพร่กระจายข่าวลวง ข้อมลู ผิดพลาด และข้อมลู บดิ เบอื นทางสอ่ื ออนไลน์: องค์ความร้แู ละบทเรียนจากตา่ งประเทศ. สบื คน้ 4 ตุลาคม 2563, จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/download/244753/165935 พิจติ รา สึคาโมโต้ (2559). Post-truth โลกทีค่ นไมส่ นความจรงิ . ประชาไท. สบื คน้ 3 พฤษภาคม 2563, จาก https://prachatai.com/journal/2017/03/70710

58 แพรวพรรณ อัคคะประสา. (2557). รูเ้ ท่าทันสื่อ Media Literacy. กรงุ เทพ: สานกั งานคุ้มครองผู้บรโิ ภค ในกจิ การกระจายเสียงและโทรทัศน.์ มาลี บญุ ศิรพิ นั ธ.์ (2537). หลกั การหนงั สือพิมพ์เบื้องตน้ . กรงุ เทพฯ: ประกายพรกึ . หนา้ 26. วิลาสิณี ฉายรัตน์ตระกูล. (2563). รอ้ ยเรื่อง...เมอื งไทย, ศูนยต์ อ่ ต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center), สถานีวิทยกุ ระจายเสยี งรัฐสภา และสานกั วิชาการ. สืบค้น 20 พฤษภาคม 2563, จาก https://library2.parliament.go.th/giventake/content_royrueng/2563/rr2563- apr2.pdf เวบ็ ไซด์ราชกจิ จานเุ บกษา. (2563). ประกาศราชกจิ จานุเบกษาเผยแพร่กฎกระทรวงกาหนดพิกัดอัตรา ภาษสี รรพสามติ (ฉบับท่ี 11) พ.ศ. 2563. สบื ค้น 11 มนี าคม 2563, จาก http://www.mratchakitcha.soc.go.th/index.php ศูนยช์ วั ร์กอ่ นแชร์ สานักข่าวไทย อสมท. (2560). สงั คมไทย #ชัวรก์ ่อนแชร.์ กรงุ เทพมหานคร. ศูนย์ตอ่ ตา้ นข่าวปลอม ประเทศไทย, สืบค้น 9 เมษายน 2563, จาก https://www.antifakenewscenter.com/ สรชยั พศิ าลบตุ ร. (2550). การสรา้ งและประมวลผลขอ้ มลู จากแบบสอบถาม. กรงุ เทพฯ: วทิ ยพัฒน.์ สานักเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี. (2561). การรบั รองเอกสารรา่ งกรอบความรว่ มมือและปฏิญญาวา่ ดว้ ย กรอบความร่วมมือเพ่ือลดผลกระทบจากข่าวลวง. สบื ค้น 20 พฤษภาคม 2563, จาก https://cabinet.soc.go.th/soc/Program2-3.jsp?top_serl=99328443 สิงห์ สิงหข์ จร. (2562). กระบวนการจัดการขา่ วสารท่เี ป็นเทจ็ (FAKE NEWS). สบื คน้ 1 ตุลาคม 2563, จาก https://research.dru.ac.th/m-journal/file/2019_12_26_214220.pdf สทิ ธโิ ชค วรานสุ นั ติกลู . (2546). จิตวิทยาสังคม : ทฤษฎีและการประยุกต กรุงเทพมหานคร : ซีเอด็ ยูเคช่ัน. สุภาพร ศรีหาวงศ.์ (2560). การตรวจสอบขา่ วลวงของสื่อมวลชนไทยในยุคดิจิทัล. สบื คน้ 2 ตุลาคม 2563, จาก http://libdoc.dpu.ac.th/thesis/Supaporn.Sri.pdf สุรสทิ ธ์ิ วิทยารฐั . (2561). Fake News : วกิ ฤตความเชือ่ มั่นของข่าวยคุ ส่ือดิจิทลั . สบื ค้น 1 ตุลาคม 2563, จาก http://www.elfms.ssru.ac.th/surasit_vi/file.php/1/_._Fake_news_26_05_ 2018.pdf สุวรี ศวิ ะแพทย.์ (2549). จติ วทิ ยาทัว่ ไป. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์. อาสาสมคั รสาธารณสุขประจา หมบู่ ้าน,สบื คน้ 20 ตุลาคม 2563, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมูบ่ ้าน อทุ มุ พร (ทองอไุ ร) จามรมาน. (2530). แบบสอบถาม การสร้างและการใช้งาน. กรงุ เทพฯ: คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . The Mind Tools Content Team. (2020). How to Spot Real and Fake News: Critically Appraising Information. Retrieved October 10, 2020, from https://www.mindtools.com/pages/article/fake-news.htm AIS Design Center Blog. (2563). Fake News ยุคท่ขี ่าวปลอมแพร่หนกั มาก ควรรบั มืออยา่ งไร?. สบื คน้ 20 พฤษภาคม 2563, จาก https://aisdc.ais.co.th/blog/trend/fakenews.html De Mott, J. (1973). The Process and Effects of Mass Communication. Wilbur Schramm and Donald F. Roberts (eds.), Urbana, III.: University of Illinois Press, I97I, 997 pp.

59 NASSP Bulletin, 57(369), 97–98. สบื ค้น 20 พฤษภาคม 2563, จาก https://doi.org/10.1177/019263657305736916 Google trend. (2562). See what was trending in 2019. Retrieved 11 March 2020, from https://trends.google.com/trends/yis/2019/TH/ Jessada Denduangboripant. (2020). เฟซบุ๊คโพสท์ ขา่ วปลอม \"ใหร้ ะวงั คนมาเดนิ แจกหน้ากาก อนามยั ตามบ้าน แล้วจะโดนปูายยาใหส้ ลบ\". สืบคน 20 เมษายน 2563, จาก https://www.facebook.com/jessada.denduangboripant/posts/1784506071680019 Jessada Denduangboripant. (2020). เฟซบุ๊คโพสท์ ข่าวลือปลอมๆ เกีย่ วกบั เช้ือโคโรนาไวรสั สายพันธ์ุ ใหม.่ สืบคน 20 เมษายน 2563, จาก https://www.facebook.com/photo.php?fbid =1779799178817375&set=a.348119915318649&type=3&theater Krishna. (2020). Data Mining Tutorial: Process, Techniques, Tools, EXAMPLES. Retrieved 4 April 2020, from https://www.guru99.com/data-mining-tutorial.html Mario G.C.A. Cimino, Beatrice Lazzerini, Francesco Marcelloni and Alessandro Ciaramella,. (2012). “An adaptive rule-based approach for managing situation-awareness”, Expert Systems with Applications 39. pp.10796-10811. McCombs, M. E., & Becker, L. B. (1979). Using Mass Communication Theory, Englewood cliffs: N.J. Prentice Hall. Narayan, D. and Pritchett, L. (1999). Cents and Sociability: Household Income and Social Capital in Rural Tanzania. Economic Development and Cultural Change. 47(4): 871-97. Qayyum, Adnan., Junaid, Qadir., Muhammad, Umar, Janjua and Falak, Sher. (2019). Using Blockchain to Rein in The New Post-Truth World and Check the Spread of Fake News. ArXiv:1903.11899 [Cs], Retrieved 11 March 2020, from http://arxiv.org/abs/1903.11899. Rain Maker. (2563). สบื ค้น 10 เมษายน 2563, จาก https://www.rainmaker.in.th/7-type-of- fake-news/ Ramzan T, Muhammad K H, Shaeela A, and Fakeeha F.2016. Text Mining: Techniques, Applications and Issues. (IJACSA) International Journal of Advanced Computer Science and Applications. Volume 7: 414-418 Wilbur, Schramm. (1973). Channels and Audience: Handbook of Communication. Chicago: Ran Mcnally College. World Health Organization. (2020). Coronavirus disease (COVID-19) Pandemic, online, Retrieved 20 April 2020, from https://www.who.int/csr/don/archive/year/2020/en/

ภาคผนวก

ผเู้ ก็บแบบสอบถาม………............................... พื้นทป่ี ฏบิ ตั งิ าน อสม. ตาบล…………….อาเภอ…………..... จงั หวดั ………………………............... แบบสอบถามพฤติกรรม ปัจจัย และองคป์ ระกอบ ของการตัดสนิ ใจเชอื่ ข่าว ภายใตโ้ ครงการคนไทย 3.0 สเู้ ฟคนิวส์และรบั มือภาวะฟุ้งกระจายของข่าวสารในชว่ งวกิ ฤตไิ วรสั COVID-19 (ระยะท่ี 1) สว่ นท่ี 1 ลักษณะส่วนบุคคล คาช้แี จง โปรดทาเครอ่ื งหมาย  ลงใน  หรอื เตมิ ขอ้ ความลงในช่องว่างตรงตามความเป็นจริง 1. เพศ  ชาย  หญิง 2. อายุ………ปี 3. สถานภาพ  โสด  สมรส  หม้าย / หย่า / แยกกันอยู่ 4. ระดับการศกึ ษาสงู สุด  มัธยมศึกษาตอนตน้  มัธยมศกึ ษาตอนปลาย/ปวช  ประถมศึกษา  ปริญญาตรี  สูงกว่าปรญิ ญาตรี  ปวส/อนุปรญิ ญา 5. ท่านเป็นอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) หรอื ไม่  ไม่เปน็  เปน็ ระยะเวลา…………ปี 6. ท่านประกอบอาชพี หลักด้านใด  ข้าราชการ/พนักงานหนว่ ยงานเอกชน (สาขาอ่นื ๆ) (ระบุ)………………………………………………….  ธุรกจิ สว่ นตวั /คา้ ขาย  รบั จา้ ง  นักเรยี น/นักศกึ ษา  เกษตรกร  เกษียณอายุ/ไม่ได้ทางาน  นักการเมืองท้องถน่ิ  ว่างงาน  อ่นื ๆ (ระบุ)…………………………………………………………… 7. ทา่ นปฏิบตั งิ านเก่ียวข้องกบั การแพทย์ หรอื สาธารณสขุ หรือไม?่  ใช่  ไม่ใช่ 8. รายไดข้ องทา่ นตอ่ เดือน  ไมม่ รี ายได้  กรณี เปน็ แม่บ้านได้รบั เงินจากคสู่ มรส……………………บาท/เดอื น  กรณี เปน็ นกั เรยี น/นกั ศกึ ษาได้รบั เงินจากผู้ปกครอง………………………บาท/เดอื น  กรณีอืน่ ๆ ระบุ…………………...............................ไดร้ ับเงิน………………...........บาท/เดือน  มีรายได้  1 > 5,000 บาท/เดือน  5,001 - 10,000 บาท/เดอื น  10,001 - 15,000 บาท/เดอื น  15,001 - 20,000 บาท/เดือน  20,001 - 25,000 บาท/เดือน  25,001 - 30,000 บาท/เดือน  30,001 - 35,000 บาท/เดือน  35,001 - 40,000 บาท/เดือน  40,001 - 45,000 บาท/เดือน  45,001 - 50,000 บาท/เดอื น  มากกว่า 50,000 บาท/เดือน 9. ในความเห็นของท่าน ท่านมสี ถานะทางเศรษฐกิจเป็นอยา่ งไร  ยากจน  พอกินพอใช้  รา่ รวย

10.ปัจจุบันท่านอาศยั อยู่กับใคร  อย่คู นเดยี ว  อย่กู ับเพื่อน  อยกู่ ับครอบครัวเด่ียว (คสู่ มรส/ลูก)  อยกู่ บั ครอบครัวขยาย (คู่สมรส/บิดามารดา/ลกู /ญาตพิ ี่ น้อง)  อืน่ ๆ โปรดระบุ………………………………………………………………........ สว่ นท่ี 2 ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกับโรค COVID-19 ใช่ ไมใ่ ช่ ไม่แนใ่ จ คาช้แี จง โปรดทาเครอื่ งหมาย  ลงในชอ่ งว่างตามความเข้าใจของท่าน ขอ้ คาถาม 2.1 อาการหลักของผปู้ วุ ย COVID-19 คอื มีไข้ ไอแห้ง และออ่ นเพลยี 2.2 ข้อแตกต่างระหวา่ งผู้ปวุ ย COVID-19 กบั ผู้ปุวยไข้หวดั ใหญ่ คอื มีไข้ 2.3 อณุ หภมู ิรา่ งกายของผู้ปวุ ย COVID-19 สงู กวา่ 37.5 องศาเซลเซียส 2.4 ระยะฟกั ตวั ของเชื้อ COVID-19 มากกว่า 14 วนั 2.5 เชื้อ COVID-19 สามารถแพร่กระจายไดใ้ นระยะ ไมเ่ กิน 3 เมตร 2.6 การใส่หน้ากากอนามัยเพียงอย่างเดยี วสามารถปูองกนั COVID-19 ได้ 2.7 แอลกอฮอล์ 65% สามารถฆ่าเชือ้ COVID-19 ได้ ส่วนที่ 3 พฤตกิ รรมทว่ั ไปของท่าน เมอ่ื รับรขู้ ้อมลู ขา่ วสารในชว่ งวกิ ฤติไวรัส COVID-19 คาชแ้ี จง โปรดทาเครอื่ งหมาย  ลงใน  หรอื เติมข้อความลงในช่องวา่ งตรงตามความเป็นจริง 3.1 เม่อื ทา่ นไดร้ บั ข่าวเกี่ยวกับ COVID-19 มาจากช่องทางไหนบา้ ง (เรียงลาดับ 1-7 จากมากไปนอ้ ย) …… Facebook …… ไลน์ …… โทรทัศน์ …… วทิ ยุ …… ทวติ เตอร์ …… บอกเลา่ แบบปากต่อปาก …… เสียงตามสายในชมุ ชน 3.2เมอื่ ทา่ นไดร้ บั ข่าวสารเก่ยี วกับ COVID-19 ท่านมพี ฤติกรรมอยา่ งไร  พิจารณา (ถ้าพิจารณาให้ตอบขอ้ 3.3)  ไมพ่ ิจารณาเพราะ…………………………………… (ถ้าไม่พิจารณาให้ตอบข้อ 3.4) 3.3จากข้อ 3.2 ทา่ นพิจารณาจากอะไร (ตอบไดม้ ากกวา่ 1 ขอ้ )  เนื้อหาสาระในข่าว  คนสง่ ข่าว  ชอ่ งทาง(Facebook)  แหล่งที่มาของขา่ ว (ข่าวสารจากศนู ย์บรหิ ารสถานการณ์ COVID-19 /สานกั ข่าว) 3.4 เมอ่ื ทา่ นได้รบั ขา่ วสารเกีย่ วกับ COVID-19 โดยทัว่ ไป ทา่ นเชอ่ื หรอื ไมเ่ ชอื่  เชอื่ เพราะ……………………………………………………………………………………………………………………  ไมเ่ ชือ่ เพราะ…………………………………………………………………………………………………………………… 3.5เม่อื ทา่ นไดร้ ับข่าวเกยี่ วกบั COVID-19 ท่านส่งต่อหรอื ไม่  สง่ ตอ่ เพราะ..……………………………………………………………………………………………………………….  ไม่สง่ ตอ่ เพราะ.………………………………………………………………………………………………………………..

3.6 เม่อื ทา่ นได้รบั ข่าวเกี่ยวกบั COVID-19 ท่านส่งตอ่ ใหใ้ ครบ่อยทสี่ ดุ  ครอบครัว/ญาติพน่ี ้อง  เพือ่ นสนิท  แชรบ์ นหนา้ Facebook ของตวั เอง  เพือ่ นรว่ มงาน  ผ้ทู ีไ่ ดร้ บั ผลกระทบจากเนือ้ หาข่าวน้ี 3.7 ทา่ นได้รับข่าวปลอมเก่ยี วกับ COVID-19 บอ่ ยหรือไม่  ไมเ่ คยได้รบั  ไดร้ ับทกุ วัน  ได้รบั อาทิตยล์ ะครง้ั  ได้รบั เดือนละครงั้ 3.8 จากข้อ 3.7 ท่านทราบได้อย่างไรวา่ เป็นขา่ วปลอม  สอบถามเพอ่ื น/ผรู้ ู้  ตรวจสอบผา่ นเวบ็ ไซต์ ศูนย์ต่อตา้ นข่าวปลอม ประเทศไทย  ตรวจค้นจากแหลง่ ขา่ วอื่น  ประกาศจากหน่วยงานรฐั  อ่นื ๆ โปรดระบุ……………… 3.9 เมื่อทา่ นได้รับข่าวปลอมเก่ียวกบั COVID-19 โดยปกตทิ า่ นทาอยา่ งไร  สืบค้นขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ เปน็ อย่างไร  ส่งไปเตอื นเพือ่ น/คนรู้จกั /ญาตพิ ่นี ้อง  ไม่สนใจ 3.10 ช่วงเดือนมนี าคม ถงึ พฤษภาคม 2563 มีข่าวท่เี กี่ยวความต่ืนตระหนกในสถานการณ์การระบาดของ เชอื้ COVID-19 เช่น การ lock down ประเทศไทย หนา้ กากอนามยั /เจลแอลกอฮอล์ขาดแคลน ความ กงั วลเกย่ี วกบั การติดเช้อื เป็นต้น ในขณะนนั้ ท่านเชอ่ื ข่าวในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ดงั กล่าว หรือไม่  ไมเ่ ชอ่ื  เช่ือ 3.11 จากข้อ 3.10 ท่านมคี ่าใช้จา่ ยเพิม่ ขนึ้ หรือไม่  ไมม่ ี  มี ใชส้ าหรบั  กกั ตุนอาหาร ประมาณ………………………………………..บาท/เดอื น  กกั ตนุ หนา้ กากอนามยั ประมาณ…………………………...บาท/เดอื น  กกั ตนุ เจลแอลกอฮอล์ ประมาณ…………………………..บาท/เดือน  ค่าตรวจ COVID-19 ประมาณ…………………….............บาท/เดือน  ค่าทาประกันภัย COVID-19 ประมาณ……………………บาท/เดอื น  อ่ืนๆ โปรดระบุ………………………………. ประมาณ……………………….บาท/เดือน

สว่ นท่ี 4 ขา่ วท่ีเกยี่ วกบั COVID-19 คาช้แี จง โปรดทาเครื่องหมาย  ลงใน  หรอื เตมิ ขอ้ ความลงในช่องว่างตรงตามความเปน็ จริง 4.1 เพ่อื นรว่ มงานท่ีสนิทของเราคนหนงึ่ ส่งขอ้ ความมาทางไลน์กลุ่มทท่ี างาน ดงั นี้ คาถาม ก. จากข้อความข้างต้น ทา่ นมีพฤติกรรมอย่างไร  พิจารณา เนื่องจาก  เชอื่ เพื่อนท่ีส่ง  เนื้อหาข่าว  ไม่พิจารณา ข. จากข้อความข้างตน้ ท่านเชอ่ื ว่าเป็นขา่ วจรงิ หรอื ไม่  เชอ่ื  ไมเ่ ช่ือ ค. จากข้อความข้างต้น ทา่ นคิดว่าเปน็ ข่าวปลอมหรือไม่  ใช่  ไมใ่ ช่ เพราะ……………………………………………………………………………………………………………………………………....... ง. จากข้อความข้างต้น ท่านทาอย่างไรตอ่ ไป  กลบั ไปสอบถาม  ส่งต่อให้ครอบครวั /ญาตพิ ่ีนอ้ ง  ส่งต่อให้เพอื่ นสนิท/เพอ่ื นร่วมงาน/ทุกคนที่เรารู้จกั  ไม่สนใจ

4.2 สาม/ี ภรรยา/คนในครอบครวั แชร์ข่าวมา ดงั นี้ คาถาม ก. จากข้อความข้างตน้ ทา่ นมีพฤตกิ รรมอย่างไร  พจิ ารณา เน่ืองจาก  คนส่งขา่ ว  ทมี่ าของแหลง่ ข่าว  เนือ้ หาขา่ ว  ไม่พจิ ารณา ข. จากข้อความข้างต้น ท่านเชอ่ื วา่ เป็นขา่ วจริงหรอื ไม่  เช่ือ  ไมเ่ ช่อื ค. จากข้อความข้างต้น ท่านคิดว่าเป็นขา่ วปลอมหรอื ไม่  ใช่  ไมใ่ ช่ เพราะ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ง. จากข้อความข้างตน้ ท่านทาอย่างไรตอ่ ไป  กลบั ไปสอบถาม  ส่งต่อให้ครอบครัว/ญาติพ่ีนอ้ ง  สง่ ตอ่ ใหเ้ พ่อื นสนิท/เพื่อนร่วมงาน/ทุกคนท่ีเรารู้จัก  ไม่สนใจ

4.3 เพจช่อื ดังเพจหน่ึงใน Facebook แชร์ขา่ วมา ดังน้ี คาถาม คาถาม ก. จากข้อความข้างต้น ท่านมีพฤติกรรมอย่างไร  พิจารณา เนอ่ื งจาก  เพจท่แี ชรข์ ่าว  ทม่ี าของแหลง่ ข่าว  เน้ือหาขา่ ว  ไม่พจิ ารณา ข. จากข้อความข้างตน้ ทา่ นเช่ือว่าเปน็ ข่าวจริงหรอื ไม่  ไมเ่ ช่ือ  เชอ่ื ค. จากข้อความข้างตน้ ท่านคิดวา่ เป็นขา่ วปลอมหรอื ไม่  ใช่  ไมใ่ ช่ เพราะ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ง. จากข้อความข้างตน้ ท่านทาอยา่ งไรต่อไป  กลบั ไปสอบถาม  สง่ ต่อให้ครอบครัว/ญาตพิ ีน่ ้อง  ส่งตอ่ ให้เพือ่ นสนิท/เพ่อื นรว่ มงาน/ทกุ คนทีเ่ รารู้จัก  ไม่สนใจ

4.4 เพ่ือนใน Facebook แชร์ขา่ วมาหนา้ ฟดี ดังน้ี ทมี่ า : https://www.youtube.com/watch?v=1LmIz1R4Nok&feature=youtu.be คาถาม ก. จากข้อความข้างต้น ท่านมีพฤตกิ รรมอยา่ งไร  พิจารณา เนอื่ งจาก  คนสง่ ขา่ ว  ทีม่ าของแหลง่ ข่าว  เน้อื หาข่าว  ไม่พจิ ารณา ข. จากข้อความข้างต้น ท่านเชือ่ วา่ เป็นข่าวจรงิ หรอื ไม่  ไมเ่ ชอื่  เช่ือ ค. จากข้อความข้างต้น ท่านคดิ วา่ เปน็ ขา่ วลวงหรือไม่  ไมใ่ ช่  ใช่ เพราะ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ง. จากข้อความข้างต้น ท่านทาอยา่ งไรตอ่ ไป  สง่ ต่อให้ครอบครัว/ญาติพีน่ ้อง  กลบั ไปสอบถาม  สง่ ตอ่ ให้เพือ่ นสนิท/เพ่ือนรว่ มงาน/ทุกคนท่ีเรารู้จัก  ไมส่ นใจ 4.5 ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… **************ขอขอบคุณท่รี ว่ มตอบแบบสอบถาม**************

กิจกรรม Focus Group กลุ่มตัวอย่าง อสม. วันที่ 19 กรกฎาคม 2563 ณ โรงพยาบาลส่งเสริม สขุ ภาพตาบลบา้ นตลาด อาเภอสันกาแพง จังหวัดเชียงใหม่

กิจกรรมการประชุมศึกษาพฤติกรรม ปัจจัย และองค์ประกอบของการตัดสินใจเชื่อข่าวของคนไทย 3.0 ร่วมกับภาคีเครือข่าย วันท่ี 9 กันยายน2563 ณ ห้องประชุม Convention 2 โรงแรมวินทรี ซิต้ี รสี อรท์ เชียงใหม่

คณะผจู้ ดั ทา 1. หวั หนา้ โครงการ ช่อื ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. จิราวทิ ย์ ญาณจนิ ดา หน่วยงาน สานักวชิ าการ วิทยาลัยศลิ ปะ สอ่ื และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ สถานทีต่ ดิ ต่อ วิทยาลยั ศลิ ปะ สอ่ื และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ 239 ถนน ห้วยแก้ว ต.สเุ ทพ อ.เมือง จ.เชยี งใหม่ 50200 โทรศพั ท์ มอื ถือ 081-626-0323 E-mail [email protected] [email protected] 2. ผู้รว่ มงานวิจัย 2.1 ช่ือ ดร. กรวรรณ สังขกร หนว่ ยงาน ศูนย์วจิ ยั และพัฒนาการท่องเทย่ี ว สถาบนั วจิ ยั สังคม มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ สถานที่ติดต่อ สถาบันวิจยั สังคม มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ โทรศพั ท์ 089-6350350, 053-942571 โทรสาร 053-942571 E-mail [email protected] 2.2 ชอ่ื ดร. เผชญิ วาส ศรีชยั หนว่ ยงาน ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาการท่องเทย่ี ว สถาบนั วจิ ัยสังคม มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ สถานท่ตี ิดต่อ สถาบันวิจัยสงั คม มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ โทรศัพท์ 081-9510307 E-mail [email protected] 2.3 ชือ่ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ชาตชิ าย เขยี วงามดี หน่วยงาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถานที่ตดิ ต่อ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทรศัพท์ 089-2255546 E-mail [email protected]

3. ทีป่ รึกษางานวิจยั 3.1 ชื่อ ดร.อคั รพงค์ อ้นั ทอง หนว่ ยงาน คณะพัฒนาการท่องเท่ียว มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้ โทรศพั ท์ 081-9923998 3.2 ช่ือ อาจารย์ ดร.วรรณภา พิพัฒน์ธนวงศ์ หน่วยงาน วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชยี งใหม่ สังกัด สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสขุ โทรศัพท์ 088-2684677


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook