97 ประชาชนของทุกประเทศมีท้ังสิทธิและหน๎าที่แตํจะมีมากน๎อยเพียงใดขึ้นอยํูกับกฎหมายของประเทศ นั้น ๆ และแนํนอนวําประเทศท่ีปกครองด๎วยระบอบประชาธิปไตย ประชาชนยํอมมีสิทธิมากกวํา การปกครองในระบอบอ่ืน เพราะมสี ิทธทิ ส่ี าํ คญั ทส่ี ดุ คอื สิทธิในการปกครองตนเอง กกกกกกก3. สทิ ธแิ ละเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ได๎นํา เร่ืองการคุ๎มครองสิทธิ และเสรีภาพของประชาชนมาบัญญัติไว๎ เป็นครั้งแรกวํา “บุคคลยํอมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือ ศาสนาหรือลัทธิใด ๆ และมีเสรีภาพในการปฏิบัติพิธีกรรมตามความเช่ือถือของตน เม่ือไมํเป็น ปฏิปักษ์ตํอหน๎าที่ของพลเมือง และไมํเป็นการขัดตํอความสงบเรียบร๎อยหรือศีลธรรมของประชาชน” และ “ภายในบังคับแหํงกฎหมาย บุคคลยํอมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในรํางกาย เคหสถาน ทรัพย์สิน การพูด การเขียน การโฆษณา การศึกษาอบรม การประชุม โดยเปิดเผย การตั้งสมาคมการอาชีพ” แม๎วําจะวางหลักไว๎อยํางกว๎าง ๆ เพือ่ เป็นแนวทางปฏบิ ตั ิ แตใํ นเม่ือไมมํ กี ฎหมายมารองรับ ในบางเรื่อง จึงมีการละเมิดจนเกิดผลเสียตํอการปกครองบ๎านเมือง เชํน การตั้งสมาคมคณะราษฎร ที่มีกิจกรรม ในทางการเมืองประหน่ึง เป็นพรรคการเมืองท่ีมํุงเน๎นสํงผ๎ูสมัครรับเลือกต้ัง จนกระทั่งนําไปสํูความ ขัดแย๎งทางการเมืองระหวํางคณะราษฎรกับขุนนางชั้นสูง เป็นต๎น นับแตํนั้นมาในการจัดทํา รัฐธรรมนูญแตํละฉบับ ผ๎ูท่ีเก่ียวข๎อง จะคํานึงถึงการคุ๎มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็น ประการสําคัญเสมอ เพราะมองวําสิทธิและเสรีภาพเป็นเกียรติยศ และศักด์ิศรีของความเป็นมนุษย์ และประเทศทปี่ กครองในระบอบประชาธิปไตย หากละเลยหรือไมคํ ๎มุ ครองเรือ่ งเหลํานี้ ยํอมสํงผลตํอ เกียรติภูมิของประเทศชาติอีกด๎วย ดังจะเห็นได๎จากในการจัดทํารัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 สภารํางรัฐธรรมนูญได๎กําหนด กรอบการจัดทําไว๎วํา “...มีสาระสําคัญเป็นการ สํงเสริมคุ๎มครองสิทธิ และเสรีภาพของประชาชน ให๎ประชาชนมีสํวนรํวมในการปกครองและ ตรวจสอบการใช๎อํานาจรัฐเพ่ิมข้ึน...” และในการจัดทํารัฐธรรมนูญ แหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สภารํางรัฐธรรมนูญก็ได๎ ยึดกรอบดังกลําว และได๎ขยายขอบเขตการค๎ุมครองสิทธิ เสรีภาพ ให๎กว๎างขวางข้ึน พร๎อมท้ังได๎กําหนดออกมาเป็นสํวน ๆ เพื่อความเข๎าใจของประชาชน ผไ๎ู ด๎รับการค๎ุมครองโดยรฐั ธรรมนูญ กกกกกกก4. สทิ ธิของปวงชนชาวไทย 4.1 สทิ ธใิ นครอบครวั และความเป็นอยํสู ํวนตัว ชาวไทยทุกคนยํอมไดร๎ ับความค๎มุ ครอง เกยี รติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยูสํ ํวนตัว 4.2 สิทธอิ นุรักษฟ์ น้ื ฟูจารีตประเพณี บุคคลในท๎องถนิ่ และชุมชนต๎องชวํ ยกนั อนุรกั ษ์ ฟื้นฟจู ารีตประเพณี วัฒนธรรมอันดงี าม ภูมปิ ญั ญาทอ๎ งถิ่นเพอ่ื รักษาไว๎ให๎คงอยตูํ ลอดไป 4.3 สิทธใิ นทรพั ย์สิน บคุ คลจะได๎รบั การคุ๎มครองสิทธใิ นการครอบครองทรพั ยส์ นิ ของ ตนและการสบื ทอดมรดก 4.4 สทิ ธใิ นการรบั การศกึ ษาอบรม บุคคลยอํ มมีความเสมอภาคในการเข๎ารบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน 12 ปี อยาํ งมคี ณุ ภาพและท่วั ถงึ โดยไมํเสียคาํ ใช๎จําย 4.5 สทิ ธิในการรับบรกิ ารทางด๎านสาธารณสุขอยาํ งเสมอภาค และได๎มาตรฐาน สาํ หรบั ผู๎ยากไรจ๎ ะได๎รบั สิทธิในการรักษาพยาบาลจากสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั โดยไมเํ สีย คําใช๎จาํ ย
98 4.6 สิทธิที่จะได๎รับการคุ๎มครองโดยรัฐ เด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลในสังคมท่ีได๎รับ การปฏบิ ัตอิ ยาํ งรุนแรง และไมเํ ปน็ ธรรมจะได๎รบั การคม๎ุ ครองโดยรฐั 4.7 สทิ ธิที่จะได๎รบั การชํวยเหลอื จากรฐั เชนํ บุคคลท่ีมีอายุเกนิ หกสิบปี และรายได๎ไมํ พอตํอการยังชีพ รฐั จะให๎ความชวํ ยเหลอื เปน็ ตน๎ 4.8 สิทธิที่จะไดส๎ ่งิ อํานวยความสะดวกอนั เปน็ สาธารณะ โดยรฐั จะใหค๎ วามชวํ ยเหลอื และอํานวยความสะดวกอนั เปน็ สาธารณะแกํบคุ คลในสังคม 4.9 สทิ ธขิ องบุคคลที่จะมีสํวนรํวมกบั รัฐและชมุ ชน ในการบาํ รุงรักษาและการได๎ ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาติ 4.10 สทิ ธทิ ่ีจะได๎รับทราบข๎อมลู ขาํ วสารจากหนํวยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือราชกา สํวนท๎องถน่ิ อยํางเปิดเผย เวน๎ แตกํ ารเปดิ เผยข๎อมูลน้ันจะมีผลตอํ ความมัน่ คงของรัฐ หรือความ ปลอดภัยของประชาชนสวํ นรวม หรอื เปน็ สวํ นได๎สํวนเสยี ของบคุ คลซงึ่ มสี ิทธิได๎รับความค๎ุมครอง 4.11 สิทธิเสนอเรอ่ื งราวร๎องทุกข์โดยได๎รบั แจ๎งผลการพจิ ารณาภายในเวลาอนั ควร ตามบทบัญญัตขิ องกฎหมาย 4.12 สิทธิท่บี ุคคลสามารถฟูองร๎องหนวํ ยงานราชการ รฐั วิสาหกจิ ราชการ สํวนทอ๎ งถิ่น หรอื องคก์ รของรัฐทเ่ี ปน็ นติ ิบุคคลใหร๎ ับผดิ ชอบการกระทาํ หรือละเวน๎ การกระทํา ตามกฎหมายของเจ๎าหนา๎ ทีข่ องรฐั ภายในหนวํ ยงานน้นั กกกกกกก5. การปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมืองดี กกกกกกก5. บคุ คลจะเป็นพลเมอื งดีของสงั คมนน้ั ต๎องตระหนกั ถึงบทบาทหนา๎ ที่ ท่จี ะตอ๎ งปฏิบตั ิ และมงุํ ม่นั เพอ่ื ใหบ๎ รรลเุ ปูาหมาย ด๎วยความรับผิดชอบอยํางเต็มท่ี สอดคล๎องกับหลักธรรม วัฒนธรรม ประเพณี และรัฐธรรมนูญทก่ี าํ หนดไว๎ รวมทั้งบทบาททางสังคมที่ตนดํารงอยูํ เพ่ือให๎เกิดประสิทธิภาพ สูงสุด และได๎ประสิทธิผลท้ังในสํวนตนและสังคม เม่ือสามารถปฏิบัติหน๎าท่ีได๎อยํางถูกต๎องสมบูรณ์ ยํอมเกิดความภาคภูมใิ จ และเกดิ ผลดีทงั้ ตํอตนเอง และสงั คม ด๎วยการเปน็ พลเมืองดีที่เคารพกฎหมาย เคารพสทิ ธเิ สรภี าพของผอ๎ู ื่น มีความกระตอื รอื ร๎นที่จะเข๎ามามีสํวนรํวมในการแก๎ปัญหาของชุมชนและ สังคม มีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นหลักในการดําเนินชีวิตอยํางผาสุก พลเมืองดี มีหน๎าท่ีต๎องปฏิบัติ ดงั นี้ กกกกกกก5. 5.1 หนา๎ ที่ของพลเมืองดีตํอประเทศชาติ กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 จงรักภักดแี ละรกั ษาไวซ๎ ่งึ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ เป็นสถาบนั สูงสุดของชาติ เป็นที่เคารพสักการะบชู า ของประชาชน ชาวไทยทกุ คนนอกจากนสี้ ถาบนั ดงั กลาํ ว ยงั เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยดว๎ ย ดังน้นั ตราบใดท่ีสถาบนั ท้ังสามยงั คงอยํูคนไทยกจ็ ะดํารงอยไํู ด๎ กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 1) การรกั ษาชาติ บุคคลมีหน๎าท่รี กั ษาไวซ๎ ึ่งชาติ มีหน๎าท่รี ักษา ก็ต๎องดแู ล และปอู งกนั ชาติ มใิ หผ๎ ใ๎ู ดใช๎ขอ๎ อา๎ งใด ๆ เพ่อื แบํงแยกแผํนดินไทย ด๎วยเหตุผลทางการเมือง การปกครอง หรือศาสนา เพราะรัฐธรรมนูญกําหนดวํา “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหน่ึง อันเดียวจะแบํงแยกมิได๎” ดังนั้น ผ๎ูใดจะมาชักจูง โน๎มน๎าวเราด๎วยเหตุผลใด ๆ ถือวําเป็นผ๎ูทําลาย ประเทศชาติ คนไทยทุกคนมหี นา๎ ที่รกั ษาชาติใหม๎ เี สถยี รภาพ ม่นั คงถาวรและเปน็ เอกภาพตลอดไป
99 กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 2) การรกั ษาศาสนา เน่อื งจากประเทศไทยให๎เสรีภาพในการนบั ถือ ศาสนา และสามารถประกอบพิธีกรรมตามศาสนาได๎ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภ์ คือ ทรงอุปถมั ภท์ กุ ศาสนาในประเทศไทย รัฐธรรมนูญจึงกําหนดให๎เป็นหน๎าที่ท่ีเราทุกคนต๎องรักษาไว๎ ซึ่งศาสนา ซึ่งนําจะหมายถึง การบํารุงรักษาและเสริมสร๎างศรัทธา เพื่อให๎ศาสนาคงอยํูคํูบ๎านเมืองและ เป็นหลักยึดเหน่ียวในด๎านคุณธรรมสืบไป คนไทยทุกคนต๎องชํวยกันสอดสํองดูแล ทั้งฆราวาสและ บรรพชติ ให๎มวี ัตรจริยาอนั เหมาะสมตํอศาสนา หรอื ลัทธิของตนจะอาศัยพระวินัย หรือนักบวชแตํเพียง อยํางเดยี วไมไํ ด๎ กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 3) การรกั ษาพระมหากษัตริยแ์ ละการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ภารกจิ นีเ้ ป็นหน๎าที่ยง่ิ ใหญํของคนไทยทุกคน เพราะประเทศไทย ดํารงอยํูได๎ และคนไทยอยํูอยํางรํมเย็นเป็นสุขยืนยงมาทุกวันน้ี ด๎วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์ ทุกพระองค์ปกอยํูเหนือเกล๎าฯ ชาวไทยทุกคน เพราะแตํละพระองค์จะครองราชย์สมบัติ ดูแลบ๎านเมืองอยํูได๎นานกวําประมุขที่มาจากการเลือกต้ัง ท้ังมีความรู๎สึกผูกพัน ต้ังแตํโบราณกาลถึง ปัจจุบัน ยํอมจารึกอยํูในดวงใจของชาวไทยทั้งประเทศ ฉะน้ันจึงเป็นหน๎าท่ีที่คนไทยต๎องดูแลรักษา และเทิดทูนสถาบันและองค์พระมหากษัตริย์ไว๎ด๎วยชีวิต อีกท้ังต๎องปูองกันภัยพาลอันเกิดจากวาจา หรอื ความคดิ ทไ่ี มสํ ุจรติ ทัง้ ปวง การปกครองของไทยจึงเปน็ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข แนวํ แนมํ น่ั คงเพราะพระองค์ คือ สญั ลกั ษณแ์ หํงคณุ ธรรมและสนั ตสิ ขุ กกกกกกก5. 5.1 5.1.2 รกั ษาไว๎ซงึ่ การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยปกครองโดย ระบอบประชาธิปไตย ซ่ึงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของ ประเทศไทย ประชาชนทุกคนจึงมีหน๎าที่รักษาไว๎ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย และ รัฐธรรมนูญของชาติก็ได๎กําหนดไว๎วํา เป็นหน๎าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต๎องดํารงรักษาไว๎ซึ่งการ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 1) การปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย บคุ คลมีหน๎าท่ปี ฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ซ่งึ รฐั ธรรมนูญได๎ระบุไวก๎ วา๎ ง ๆ แตํมีความหมายครอบคลุมกฎหมายทุกประเภท ไมํวําจะเป็นกฎหมาย เอกชน มหาชน หรือกฎหมายระหวํางประเทศ รวมท้ังกฎหมายระดับตําง ๆ เชํน พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง เป็นต๎น เมื่อเราต๎องเกี่ยวข๎อง หรือสัมพันธ์กับกฎหมายใด ก็ต๎อง ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายน้ัน ๆ อยาํ งเครํงครดั เพราะกฎหมายแตํละฉบับนั้นได๎มีการรํางและประกาศใช๎ใน ราชกิจจานุเบกษาอยํางเปิดเผยตํอสาธารณชน จึงเป็นหน๎าท่ีของชาวไทยทุกคนที่จะต๎องศึกษา และทําความเขา๎ ใจเรื่องกฎหมาย เพ่ือไมํให๎เสยี เปรยี บ หรือได๎รบั โทษโดยร๎เู ทําไมถํ งึ การณ์ กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 2) การไปใช๎สทิ ธิเลอื กต้งั บุคคลมีหน๎าทีไ่ ปใชส๎ ทิ ธิเลือกตั้ง การใช๎สทิ ธิ เลือกต้ังมีทั้งในประเทศที่ปกครองด๎วยระบอบประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพ่ือประชาชน ท่ีถือเสียงข๎างมากเป็นสําคัญ แตํก็เคารพสิทธิเสรีภาพของเสียง ข๎างน๎อย ในระบอบประชาธปิ ไตยจงึ มกี ารเลอื กต้งั ผ๎แู ทนไปปฏิบัติหน๎าท่ีแทนประชาชน ซ่ึงอาจจะเป็น การเลือกผู๎แทนเข๎าไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ หรืออาจเป็นการเลือกผู๎แทนไปเป็นหัวหน๎าฝุาย บริหารโดยตรงก็ได๎ แล๎วแตํรูปแบบการปกครองของแตํละประเทศ ที่กําหนดไว๎ในรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งจึงถือเป็นกิจกรรมท่ีจําเป็นอยํางหนึ่งในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย การได๎มี
100 โอกาสใช๎สิทธิในการเลือกตงั้ จึงเป็นความภาคภูมิใจของประชาชนที่อยูํในประเทศประชาธิปไตย การมี สวํ นรํวมของประชาชนท่สี าํ คญั คือ การเลือกตงั้ ดังนน้ั ประชาชนควรภาคภูมิใจที่จะไปใช๎สิทธิเลือกต้ัง โดยเสรี ดังน้นั การเลอื กต้งั จึงเปน็ หนา๎ ท่ีท่สี าํ คัญของคนไทย บุคคลใดท่ีไมํไปเลือกต้ังโดยไมํแจ๎งเหตุอัน สมควรที่ทําให๎ไมอํ าจไปเลือกตัง้ ไดย๎ ํอมเสยี สิทธติ ามกฎหมาย กกกกกกก5. 5.1 5.1.3 ชํวยกนั ปูองกนั ประเทศ ประเทศชาติเป็นของประชาชนไทยทุกคน ดังน้ันในฐานะท่ีเราเป็นสํวนหนึ่งของประเทศ จึงต๎องมีหน๎าที่รักษาไว๎ซ่ึงความเป็นเอกราช และความ มน่ั คงของชาติ โดยการปูองกนั ประเทศชาติใหพ๎ น๎ จากภัยอันตรายตาํ ง ๆ ซง่ึ เกดิ จากศัตรูทั้งภายในและ ภายนอกประเทศ เมื่อมีเหตุร๎ายขึ้นในประเทศ ตํางก็ต๎องชํวยกันปราบปรามให๎ความรํวมมือกับ เจ๎าหน๎าที่ของบ๎านเมืองอยํางเต็มท่ี โดยเฉพาะอยํางย่ิงเป็นงานโดยตรงท่ีชายไทยทุกคนจะต๎องเข๎ารับ ราชการ 1) การปอู งกันประเทศ เป็นหนา๎ ที่ของคนไทยทุกคน กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 2) การรบั ราชการทหาร พระราชบญั ญตั ิการตรวจเลอื กรับราชการ พ.ศ.2497 กําหนดให๎เป็นหน๎าที่ของชายไทยทุกคนต๎องไปรับการตรวจเลือก หรือท่ีเรียกวํา เกณฑ์ทหาร เม่ืออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ แตํผ๎ูอยํูในวัยศึกษาเลําเรียนสามารถผํอนผันได๎ โดยผู๎ท่ี ขอผํอนผันต๎องไปรายงานตัวทุกปี เมื่อมีการเกณฑ์ทหาร จนกวําจะสําเร็จการศึกษา และเมื่อสําเร็จ การศึกษาแล๎วก็ต๎องไปเข๎ารับการคัดเลือกตามที่กฎหมายกําหนดไว๎ สําหรับผู๎ฝุาฝืนไมํไปเข๎ารับการ ตรวจเลอื ก หรือหนีทหาร จะได๎รบั โทษทางอาญาสถานเดยี ว คือ จําคกุ ตัง้ แตํ 1 เดอื น ถงึ 3 ปี กกกกกกก5. 5.1 5.1.4 ปฏิบัติตามกฎหมายบ๎านเมอื งอยาํ งเครํงครัด กฎหมายบา๎ นเมอื ง หมายถึง กติกาหรือระเบียบกฎเกณฑ์ท่ีวางไว๎ให๎ประชาชนทุกคนปฏิบัติ เพื่อความสงบเรียบร๎อยของ บ๎านเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ได๎กําหนดให๎ประชาชนทุกคนมีสํวนรํวมในการ พิจารณาเห็นชอบและกําหนดกฎหมายข้ึนใช๎ในประเทศ โดยการเลือกตั้งผู๎แทนตน เพื่อไปปฏิบัติ หน๎าที่ออกกฎหมายในสภานิติบัญญัติจึงเทํากับวําประชาชนทุกคนรํวมกันตรากฎหมายออกมาใช๎ รํวมกนั ประชาชนทุกคนจงึ ควรปฏิบัตอิ ยํางเครงํ ครัด เพื่อความสงบเรียบรอ๎ ยและความผาสุกรวํ มกัน กกกกกกก5. 5.1 5.1.5 ให๎ความรวํ มมอื ชํวยเหลือแกรํ าชการ เจ๎าหน๎าที่เป็นตัวแทนของรฐั บาลใน การทจ่ี ะให๎บริการแกปํ ระชาชน และปฏิบัติงานให๎เป็นไปตามกฎหมายของบ๎านเมืองชํวยเป็นหูเป็นตา แกํเจ๎าหน๎าที่บ๎านเมือง เพื่อชํวยปูองกันปราบปรามโจรผ๎ูร๎าย หรือผู๎เป็นภัยตํอความสงบสุขของ บ๎านเมือง เม่ือประชาชนทุกคนตํางให๎ความรํวมมือกัน รักษาความสงบเรียบร๎อยของบ๎านเมือง ประเทศชาตกิ จ็ ะอยอูํ ยํางสงบสขุ และปลอดภัยจากศตั รูท้ังภายในและภายนอก กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 เสียภาษอี ากรตามที่กฎหมายบัญญัตไิ ว๎ ประเทศชาติจะรุํงเรืองและ ประชาชนจะมคี วามสงบสุขอยํูได๎ ก็ต๎องอาศัยการบรหิ ารราชการแผํนดนิ ของรัฐบาล เป็นหน๎าทส่ี ําคัญ ท่ีประชาชนชาวไทยจะต๎องชํวยกันเสียภาษอี ากร เพื่อเราจะได๎มีกําลังทหารไว๎ปูองกนั เอกสารของชาติ มถี นนทางดี ๆ ไว๎ใช๎ มโี รงเรยี นใหล๎ ูกหลานไดศ๎ ึกษาเลําเรยี น มโี รงพยาบาลสาํ หรับรักษาเม่อื เราเจ็บไข๎ ไดป๎ ุวย โดยจะต๎องภาษี ตามทกี่ ฎหมายกําหนดไว๎ดงั น้ี กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 1) ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา เป็นภาษีท่ีรัฐเก็บจากประชาชนทุกคนท่ีมี รายได๎
101 กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 2) ภาษีเงนิ ไดน๎ ติ บิ คุ คล เปน็ ภาษที ่รี ัฐเกบ็ จากบรษิ ัท ห๎างรา๎ นที่เป็น นิติบุคคล องค์การของรฐั บาลตํางประเทศ กิจการรํวมค๎า มลู นธิ ิและสมาคม กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 3) ภาษีการค๎า เป็นภาษีที่รัฐเก็บจากผู๎ประกอบการค๎า หรือผู๎ที่ถือวํา ประกอบการค๎าตามอัตราที่กําหนดไว๎ ภาษีผู๎ประกอบการค๎าสามารถผลักภาระให๎ผ๎ูบริโภครับภาระ ภาษีนไ้ี ด๎ โดยรวมไว๎ในราคาสินค๎า เชํน ภาษีมลู คําเพม่ิ (VAT) กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 4) คําอากรแสตมป์ เป็นการเก็บภาษีชนิดหน่ึง ซึ่งกฎหมายกําหนดให๎มี การปิดอากรแสตมป์บนตราสินค๎าบางอยําง โดยเอามูลคําของตราสารเป็นตัวตั้งในการคํานวณ คาํ อากร กกกกกกก5. 5.2 หน๎าทข่ี องพลเมืองดีตอํ สังคม กกกกกกก5. 5.2 5.2.1 ด๎านกฎหมาย คือ เป็นกฎเกณฑ์ ข๎อบังคับที่ใช๎ควบคุมความประพฤติของ มนุษย์ในสังคม กฎหมาย มีลักษณะเป็นคําส่ัง ข๎อห๎าม ท่ีมาจากผ๎ูมีอํานาจสูงสุดในสังคมใช๎บังคับได๎ ทั่วไป ใครฝุาฝืนจะต๎องได๎รับโทษ หรือสภาพบังคับอยํางใดอยํางหน่ึง พลเมืองทุกคนต๎องปฏิบัติตาม กฎ ระเบียบ ข๎อบังคบั ของสังคม และบทบัญญัตขิ องกฎหมาย เชนํ ไมํลํวงละเมิดสิทธิของผู๎อ่ืน หรือไมํ กระทาํ ความผดิ ตามทก่ี ฎหมายกําหนด กจ็ ะทาํ ให๎รฐั ไมํต๎องเสียงบประมาณในการปูองกัน ปราบปราม และจับกุมผู๎ท่ีกระทําความผิดมาลงโทษ นอกจากน้ียังทําให๎สังคมมีความเป็นระเบียบสงบสุข ทุกคนอยูํรํวมกันอยํางสมานฉันท์ ไมํหวาดระแวงคิดร๎ายตํอกัน พลเมืองดีต๎องเคารพกฎหมายและ ทาํ ตามกฎหมายรฐั ธรรมนูญ กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 ดา๎ นวฒั นธรรม คอื แบบแผนการกระทํา หรือผลการกระทาํ ท่พี ัฒนาจาก สภาพเดิมตามธรรมชาติให๎ดีงามยั่งยืนจนเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม เชํน กิริยา มารยาท การพูด การแตํงกาย การรับประทานอาหาร เป็นต๎น วัฒนธรรมการไหว๎ เป็นวัฒนธรรมภายนอกที่มักได๎รับ การตอบสนองจากผ๎ูได๎รับด๎วยการไหว๎ตอบ นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรมไทยอ่ืน ๆ ท่ีงดงาม เชํน การกราบ การทาํ บุญตักบาตร การแตํงกายแบบไทย เป็นต๎น กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 1) พลเมืองดียํอมเป็นที่ต๎องการของสงั คมทุกสังคม สถาบัน และสถานะ ของตนเอง ดังนั้น พลเมืองดีจึงต๎องได๎รับการปลูกฝังวัฒนธรรมส่ิงท่ีดีงาม โดยเฉพาะสังคมแรก คือ ครอบครัว ต๎องอบรมให๎คนไทยมีสัมมาคารวะตํอผ๎ูอาวุโส มีความเสียสละ ซ่ือสัตย์สุจริต ตรงตํอ เวลา เปน็ ต๎น กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 2) สอนใหเ๎ ยาวชนร๎จู ักและปฏิบตั ิตนตามสถานภาพและบทบาทของ ตนเองโดยมีความรับผิดชอบ รับฟังความคิดเหน็ ของผู๎อ่นื เคารพกฎหมาย ปฏิบัตติ ามขนบธรรมเนยี ม ประเพณีและวัฒนธรรมการปลกู ฝงั ส่งิ ท่ดี ีงาม กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 3) พลเมอื งดที กุ คนต๎องปฏิบตั ิตามวัฒนธรรมของสังคมท่ีตนเองเป็น สมาชิก กกกกกกก5. 5.2 5.2.3 ดา๎ นประเพณไี ทย คือ กจิ กรรมทีส่ ืบทอดตํอกันมายาวนานและ สงั คมยอมรบั วําเปน็ สงิ่ ท่ีดงี าม สงิ่ ท่งี ดงามของแตํละสังคมอาจเหมือนกัน คล๎ายกัน หรือแตกตํางกันได๎ และสิ่งที่งดงามของสงั คมหนงึ่ เมอื่ เวลาผํานไปสงั คมอาจเป็นสิ่งทไี่ มํงดงามได๎ ดังน้ันประเพณีไทยอาจ
102 มีการปรับปรุงเปล่ียนแปลงไปกับสภาพสังคม พลเมืองดีจึงควรรักษาประเพณี แตํถ๎าพบวําประเพณี มีความล๎าหลัง ไมํทนั สมัยกส็ ามารถปรับปรุงให๎เหมาะสมกับสภาพสังคมท่ีเปล่ยี นไป กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 ดา๎ นสทิ ธหิ น๎าทตี่ าม ระบอบประชาธปิ ไตย การเป็นสมาชกิ ที่ดขี องสังคม ตามสิทธหิ นา๎ ท่ีตามระบอบประชาธปิ ไตย มี 4 ระดับ ดังน้ี กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) ระดบั ครอบครวั หน๎าทข่ี องครอบครวั ผลิตสมาชกิ ให๎แกํสังคม อบรม บํมเพาะคํานิยมที่ดีงาม ปลูกฝังขนบธรรมเนียม แบบแผนทางสังคม และกลํอมเกลาให๎สมาชิกใน ครอบครัว เพื่อเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคมตํอไป ให๎ความอบอํุนแกํสมาชิกในครอบครัว เพ่ือให๎สมาชิกผ๎ู น้ันเข๎าสูํสังคม และเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคม ให๎การศึกษาแกํสมาชิกของครอบครัว ซ่ึงหน๎าที่ของ สมาชกิ ในครอบครัว หลักสําคญั ตามระบอบประชาธปิ ไตยมี 7 ข๎อ คอื กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) ให๎ความเคารพเช่ือฟังผูน๎ ําในครอบครวั กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) ดแู ลครอบครัวใหส๎ ามารถอยูํไดท๎ ัง้ ด๎านเศรษฐกจิ และความเปน็ อยูํ อ่นื ๆ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) ไมสํ รา๎ งความแตกแยก แกํครอบครัว กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (4) ไมสํ รา๎ งความเดือดร๎อนแกคํ รอบครัว กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (5) เคารพกฎเกณฑ์ของครอบครัวและแบบแผนทางสังคม กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (6) สรา๎ งอาชีพและรายได๎ให๎เพยี งพอกับสมาชกิ ในครอบครวั กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (7) ทาํ นุบํารงุ ครอบครัว ดูแลสมาชิกที่ เจบ็ ปวุ ย และสมาชกิ ที่ ชวํ ยเหลือตวั เองไมํได๎ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 2) ระดับโรงเรยี น เปน็ สถานท่ีทใ่ี ห๎ความร๎ซู ึง่ เราตอ๎ งอยูรํ วํ มกับคน อื่น ๆ อีกมากมาย ดงั นั้นเราจึงจําเป็นตอ๎ งปฏิบัติตามกฎระเบียบของห๎องเรยี นและโรงเรยี น เพ่อื ท่ีจะ ได๎อยูํรวํ มกันอยํางมีความสขุ และเกิดความเป็นระเบยี บเรยี บร๎อย บทบาทหนา๎ ทต่ี ามระบอบ ประชาธิปไตยในโรงเรียนมีดังน้ี กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) เม่ือมาโรงเรียน เราตอ๎ งปฏิบัติตามกฎระเบยี บของโรงเรยี น เชนํ แตํงกายใหถ๎ ูกต๎องตามระเบียบ มาใหท๎ นั เข๎าแถวเคารพธงชาติในตอนเช๎า กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) เมอ่ื อยูใํ นโรงเรียน เราตอ๎ งชวํ ยกันรกั ษาความสะอาดในห๎องเรียน และในบรเิ วณตําง ๆ ของโรงเรยี น ทิ้งขยะลงในถังขยะท่ีโรงเรียนจัดให๎ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) ใหค๎ วามเคารพเช่ือฟังครูอาจารย์ ต้งั ใจเรยี นหนังสอื รวมทงั้ ทํางานตําง ๆ ท่ีครูมอบหมายดว๎ ยความตั้งใจและเอาใจใสํ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (4) ปฏบิ ัติในการเป็นผน๎ู ําและผ๎ูตามที่ดใี นหอ๎ งเรยี นและโรงเรียน ตอ๎ งรว๎ู าํ เม่ือเราเป็นผู๎นาํ ในการทาํ กจิ กรรมตาํ ง ๆ ควรปฏบิ ัติตนอยาํ งไร และเม่อื เปน็ ผ๎ตู ามควรปฏบิ ัติ ตนอยํางไร กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (5) รจู๎ กั แสดงความคิดเหน็ ตามสิทธิของตนเองในหอ๎ งเรียนและ โรงเรยี น รวมทงั้ รูจ๎ ักรบั ฟังความคิดเห็นของผ๎ูอน่ื และเคารพข๎อตกลงของคนสํวนใหญํ
103 กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (6) ถา๎ เกิดข๎อขัดแย๎งกนั ในหอ๎ งเรยี นและโรงเรยี น ใหแ๎ ก๎ปัญหาดว๎ ย หลักเหตุผล ไมใํ ช๎อารมณห์ รือพละกําลังในการแกป๎ ญั หา เพราะไมใํ ชํวธิ แี ก๎ปญั หาที่ถูกต๎อง แตํกลับจะ ทาํ ใหเ๎ กิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (7) ในการแขํงขันทํากจิ กรรมตาํ ง ๆ ของโรงเรยี น เชนํ การแขํงกีฬา การประกวดในดา๎ นตาํ ง ๆ ต๎องฝกึ ฝนตนเองให๎เป็นผ๎รู ูจ๎ ักแพ๎ ชนะ และให๎อภัย รวมทง้ั ยอมรับในคํา ตดั สินของคณะกรรมการ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 3) ระดบั ท๎องถิ่น การปฏบิ ตั ิตนในฐานะสมาชิกของชุมชน บุคคล สามารถปฏิบตั ิตนเองตามระบอบประชาธิปไตยไดห๎ ลายวิธี ดงั นี้ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) ปฏบิ ัตติ นตามกฎระเบียบของชุมชน เชํน ปฏิบตั ติ ามกฎจราจร โดยข๎ามถนนตรงทางมา๎ ลาย หรอื สะพานลอย ไมวํ ง่ิ ข๎ามถนนตัดหนา๎ รถ ไมทํ ิ้งขยะลงในทสี่ าธารณะ ไมทํ ําลายส่ิงของทีเ่ ป็นของสาธารณะ และทรัพย์สนิ สวํ นตัวของผ๎ูอืน่ ใหไ๎ ดร๎ บั ความเสียหายเพราะความ สนุกสนานของตนเอง กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) เข๎ารํวมกิจกรรมของชุมชน เพือ่ ชํวยรกั ษาและเผยแพรํวัฒนธรรม ประเพณีของชุมชนไว๎ ในแตํละชุมชนจะมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา เชนํ ประเพณีการทําบุญเมอื่ ถงึ วนั สําคญั ทางศาสนา ประเพณีวันสงกรานต์ ประเพณวี นั ลอยกระทง กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) บาํ เพ็ญประโยชนต์ ํอชุมชน เชํน ชวํ ยเกบ็ เศษขยะที่พบเห็นใน บรเิ วณตําง ๆ ชํวยดแู ลตน๎ ไม๎ ดอกไม๎ในสวนสาธารณะของชุมชน กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (4) รวํ มกนั อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ๎ มในชมุ ชน โดยให๎ทุกคนในชุมชนมีจิตสํานึกในการรักษาสิ่งแวดล๎อม เชํน ชุมชนที่มีปุาชายเลน ควรจะรํวมใจกัน อนุรักษ์ปุาชายเลน เพื่อให๎เป็นที่อยูํของสัตว์ตําง ๆ รวมทั้งยังเป็นแหลํงหลบภัยของลูกสัตว์นํ้า และชมุ ชนทอี่ ยํูติดชายทะเล ควรรํวมใจกนั รักษาความสะอาดของชายหาด เพ่ือให๎เป็นแหลํงทํองเที่ยว ท่ีย่ังยืนของชุมชน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมในชุมชนควรเป็นความรํวมมือกัน หลายฝุายระหวาํ งบ๎าน โรงเรยี น และชมุ ชน กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 4) ระดับประเทศ บุคคลปฏบิ ัตติ นในการเปน็ สมาชิกท่ีดีของประเทศตาม ระบอบประชาธิปไตย ด๎วยการมสี วํ นรํวมในกิจกรรมทางการเมืองการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย ประชาชนสามารถมีสํวนรํวมได๎ ดงั น้ี กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) การใชส๎ ิทธิในการเลอื กตัง้ ระดบั ตําง ๆ เม่ืออายุครบ 18 ปี บริบูรณ์ทุกคนต๎องไปใช๎สิทธิเลือกต้ังทั้งในระดับประเทศ เชํนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู๎แทนราษฎร การเลอื กตัง้ สมาชกิ วุฒิสภา และการเลือกต้ังระดับทอ๎ งถิน่ เชนํ การเลอื กตง้ั ผ๎ูวํากรงุ เทพมหานคร การเลือกตง้ั สมาชิกองค์กรสวํ นทอ๎ งถิน่ เป็นตน๎ เพื่อเลือกตัวแทนไปทําหน๎าทบี่ รหิ ารประเทศ หรือท๎องถิ่นท่ัวไป กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) การมสี วํ นรวํ มในการตรวจสอบการใช๎อาํ นาจรฐั ในการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยน้ัน ประชาชนทุกคนต๎องมีสํวนรํวมในการชํวยกันสอดสํองดูแลการบริหาร ราชการแผํนดินของรัฐบาล หรือตรวจสอบการทํางานของเจ๎าหน๎าท่ีในองค์กรตําง ๆ เพ่ือไมํให๎ใช๎ อาํ นาจไปในทางท่ีไมํถกู ต๎อง
104 กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) การเปน็ แกนนําปลุกจิตสํานึกใหแ๎ กผํ ๎ูอนื่ ในการรํวมกิจกรรม ทางการเมืองการปกครอง ได๎แกํ การใช๎สิทธิเลอื กต้งั และการมีสํวนรวํ มในการตรวจสอบอํานาจของรัฐ โดยการเป็นแกนนํานัน้ สามารถปฏิบัติไดห๎ ลายอยําง เชํน ประกาศโฆษณาประชาสมั พันธ์ การเข๎าไป ชแี้ จงเป็นรายบุคคล การจัดใหม๎ ีการประชุมเพ่ือแสดงความคิดเห็นตํอประเด็นที่มผี ลกระทบตํอสงั คม กกกกกกก6. คุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี มี 8 ขอ๎ ได๎แกํ กกกกกกก6. 6.1 ความจงรักภักดีตํอชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หมายถงึ การท่บี ุคคล มีความนึกถึงความสําคัญของความเป็นคนไทย มีจิตใจฝักใฝุศาสนา และตระหนักถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนในการผดุงรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษตั ริย์ให๎คงอยํูคํูสังคมไทย ตลอดไป กกกกกกก6. 6.2 การยดึ ม่ันในหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนเองนบั ถือ ทุกศาสนามหี ลักศีลธรรมทีช่ ํวย สร๎างจิตใจของคนให๎กระทําดี ไมํเบียดเบียนกัน มีใจเอื้อเฟ้ือเผ่ือแผํแกํกัน สมาชิกในสังคมสมควร ศรัทธาในศาสนาทต่ี นนบั ถือ แลว๎ ปฏิบตั ติ ามหลักศลี ธรรมของศาสนาทต่ี นนับถอื อยาํ งสมา่ํ เสมอ กกกกกกก6. 6.3 ความซอื่ สตั ย์ หมายถึง การกระทําทถี่ ูกต๎องตรงไปตรงมา ไมํยดึ เอาสงิ่ ของผู๎อ่นื มาเป็นของตน บุคคลควรซือ่ สัตย์ตอํ ตนเอง คือ กระทาํ ตนให๎เป็นคนดี และบคุ คลควรซ่ือสัตย์ตํอบุคคล อืน่ ๆ หมายถึงกระทําดี และถูกตอ๎ งตามหน๎าท่ีตอํ ผ๎ูอ่ืน กกกกกกก6. 6.4 ความเสยี สละ หมายถึง การคาํ นึงถงึ ประโยชน์ของสงั คมสํวนรวมมากกวํา ประโยชน์สวํ นตน และยอมเสียสละประโยชนส์ วํ นตนเพอื่ ประโยชนแ์ กํผอ๎ู ่ืนและสวํ นรวม กกกกกกก6. 6.5 ความรบั ผิดชอบ หมายถงึ การยอมรับการกระทาํ ของตนเอง หรือการทํางานตาม หน๎าทที่ ีไ่ ด๎รับมอบหมายใหส๎ าํ เรจ็ ลุลํวง กกกกกกก6. 6.6 การมีระเบียบวินยั หมายถึง การกระทําทถี่ ูกต๎องตามกฎเกณฑ์ท่ีสงั คมกาํ หนดไว๎ กกกกกกก6. 6.7 การตรงตอํ เวลา หมายถึง การทํางานหรอื ทาํ หนา๎ ท่ีท่ไี ดร๎ บั มอบหมายใหส๎ าํ เร็จ ลุลวํ ง ทนั ตรงตามเวลาที่กําหนดโดยใชเ๎ วลาอยาํ งคุ๎มคาํ กกกกกกก6. 6.8 ความกล๎าหาญทางจริยธรรม หมายถึง การกระทาํ ที่แสดงออกในทางท่ีถูกทคี่ วร โดยไมํเกรงกลวั อทิ ธิพลใด ๆ ความกล๎านีไ้ มใํ ชกํ ารอวดดี แตเํ ป็นการแสดงออกอยํางมเี หตุผล เพื่อความถูกต๎อง สรปุ กกกกกกกพลเมืองดี จึงเป็นผ๎ทู ี่ประพฤตปิ ฏบิ ัติตน ตามหลักกฎหมายท่เี ป็นกฎระเบียบหรือ ข๎อบังคับ ให๎พลเมืองของสังคมน้ันได๎ถือปฏิบัติรํวมกัน ตลอดจนรู๎จักบทบาทหน๎าที่ของตนเอง เคารพความคิดเห็นของผู๎อื่น และดํารงตนเป็นประโยชน์ตํอสังคม ซึ่งพลเมืองยํอมมีสิทธิและหน๎าท่ี ตามกฎหมายของประเทศนั้น บุคคลตํางสัญชาติ ที่เข๎าไปอยูํอาศัย ซ่ึงเรียกวํา คนตํางด๎าว ไมํมีสิทธิ เทําเทียมกับพลเมือง และมีหน๎าที่แตกตํางกันออกไป เชํน อาจมีหน๎าท่ีเสียภาษี หรือ คําธรรมเนียม เพิ่มข้ึน ตามที่กฎหมายแตํละประเทศบัญญัติไว๎ ซ่ึงประชาชน ในประเทศจะต๎องฝึกฝนและพัฒนา ตนเองเพ่ือความเป็นพลเมือง ซ่ึงมีความเข๎าใจและตระหนักถึงบทบาทหน๎าที่ของตนในสังคมด๎วย
105 ความรบั ผิดชอบอยํางเตม็ ที่ รวมทั้งมีความกระตอื รือรน๎ ในการรักษาสิทธิตําง ๆ ของตนและชุมชนของ ตนเองอยาํ งเขม๎ แข็ง ท่สี ําคัญคอื ประชาชนควรเข๎ามามีสํวนรํวมทางการเมือง ด๎วยความเต็มใจโดยการ แสดงออกซึ่งสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอยํางเสรี มีเหตุมีผล เพื่อสร๎างสรรค์และ จรรโลงสังคม โดยรวม ตลอดจนยึดหลักการพ้ืนฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็น แนวทางในการดําเนินชีวิตในสังคม มีการปฏิบัติตนตามกฎหมายอยํางเครํงครัด และยึดม่ันในหลัก ศีลธรรมและคุณธรรม ของศาสนาควบคูํกันไปด๎วยพร๎อม ๆ กับดํารงตนเป็นประโยชน์ ตํอสังคม สํวนรวม โดยมีการชํวยเหลือเกื้อกูลกันอยํางจริงใจ อันจะกํอให๎เกิดการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ตํอไป
106 ใบความรู้ เรอ่ื งท่ี 2 การเรียนรูต้ ามรอยพระยุคลบาท วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือใหน๎ ักศึกษามีความร๎คู วามเขา๎ ใจ เร่อื ง การเรียนรู๎ตามรอยพระยคุ ลบาท 2. เพื่อให๎นกั ศึกษามีทกั ษะการแสวงหาความรู๎ เร่อื ง การเรียนร๎ตู ามรอยพระยุคลบาท 3. เพื่อใหน๎ กั ศึกษามีความตระหนกั ถึงความสาํ คัญ เรื่อง การเรียนรต๎ู ามรอยพระยุคลบาท เนอื้ หา การเรียนรต๎ู ามรอยพระยุคลบาท หมายถึง การเรยี นรเ๎ู พื่อการปฏิบัติ การปฏิบตั ขิ องคนใน สังคมตามพระราชปฏิญญาพระบรมราโชวาท และหลักปฏิบัติพระราชภารกิจของพระบาทสมเด็จ พระเจา๎ อยํูหวั เพ่อื เป็นแนวทางปฏิบตั ติ น และปฏิบตั ภิ ารกิจหน๎าที่ การงานอันนําไปสูํทศพิธราชธรรม หรือการบริหารกิจการบ๎านเมืองที่ดี สํงผลให๎บังเกิดความเจริญรํุงเรือง ความสงบเรียบร๎อยของสังคม ความผาสุกของประชาชน และความม่นั คงของประเทศชาติ 1. ดา๎ นหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หมายถึง เป็นปรชั ญาชถี้ งึ แนวทางการดํารงอยูํ และปฏิบัตติ นของประชาชนในทกุ ระดบั ต้งั แตรํ ะดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการ พัฒนาและบริหารประเทศให๎ดําเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อก๎าวทัน ตํอโลกยุคโลกาภิวัตน์ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึง ความจําเป็นที่จะต๎องมีระบบภูมิค๎ุมกันในตัวท่ีดีพอสมควร ผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการ เปล่ียนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ท้ังน้ีจะต๎องอาศัย ความรอบร๎ู ความรอบคอบ และความ ระมัดระวัง อยํางยิ่ง ในการนําวิชาการตําง ๆ มาใช๎ในการวางแผน และการดําเนินการทุกข้ันตอน และขณะเดยี วกนั จะตอ๎ งเสริมสรา๎ งพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ๎าหน๎าท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนกั ธุรกิจในทุกระดับ ให๎มีสํานึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต และให๎มีความรอบร๎ู ท่ีเหมาะสม ดาํ เนนิ ชีวติ ดว๎ ยความอดทน ความเพยี ร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพ่ือให๎สมดุล และพร๎อมการ รองรับการเปล่ียนแปลงอยํางรวดเร็ว และกว๎างขวางท้ังด๎านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล๎อม และ วัฒนธรรม จากโลกภายนอกได๎เป็นอยํางดี และได๎ทรงเน๎นย้ําแนวทางการพัฒนา ที่ต้ังอยํูบนพื้นฐานของทาง สายกลาง และความไมํประมาท โดยคํานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร๎างภูมิค๎ุมกัน ในตัวที่ดี ตลอดจนใช๎คุณธรรม ความร๎ู และดําเนินชีวิตด๎วยความเพียร เพื่อปูองกันตนเองให๎รอดพ๎น จากวิกฤต และสามารถดํารงอยูํได๎อยํางม่ันคงและย่ังยืน ภายใต๎กระแสโลกาภิวัตน์และการ เปลีย่ นแปลงตําง ๆ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดาํ เนินชวี ติ และวถิ ปี ฏบิ ตั ินาํ สูคํ วามสมดุล ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีตํอความจําเป็น และเหมาะสมกับฐานะของตนเอง อนั สงํ ผลใหม๎ ีความสุขอยํางยั่งยืน โดยมอี งค์ประกอบสําคัญ ดงั น้ี สังคมสิ่งแวดล๎อมรวมท้งั วัฒนธรรม ในแตํละท๎องถิน่ ไมํมากเกินไป ไมํนอ๎ ยเกินไป และต๎องไมเํ บยี ดเบียนตนเองและผ๎อู ่ืน
107 ความมเี หตุผล หมายถงึ การตัดสนิ ใจดาํ เนินการอยํางมเี หตผุ ล ตามหลกั วชิ าการ หลักกฎหมาย หลักคุณธรรม และวัฒนธรรมท่ีดีงาม โดยคํานึงถึงปัจจัยท่ีเก่ียวข๎องอยํางถ๎วนถ่ี “รู๎จุดอํอน จุดแข็ง โอกาส อุปสรรค” และคาดการณ์ผลท่ีจะเกิดข้ึนอยํางรอบคอบ “ร๎ูเขา รู๎เรา รู๎จัก เลือกนําส่ิงที่ดี และเหมาะสมมาประยกุ ตใ์ ช๎” การมภี ูมคิ ุม๎ กันในตวั ท่ีดี หมายถึง การเตรียมตัวให๎พรอ๎ มรับผลกระทบและการ เปลี่ยนแปลงด๎านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล๎อม และวัฒนธรรมจากทั้งในและตํางประเทศ เพื่อให๎สามารถบริหารความเสี่ยง ปรับตัว และรับมือได๎อยํางทันทํวงที การปฏิบัติเพ่ือให๎เกิดความ พอเพียงน้นั จะตอ๎ งเสรมิ สรา๎ งใหค๎ นในชาตมิ พี ื้นฐานจิตใจในการปฏิบัตติ น มคี ุณธรรม ทั้งนีบ้ ุคคล ครอบครวั องค์กร และชุมชน ทจ่ี ะนําปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียงไปใช๎ ต๎องนําระบบคุณธรรม และความซื่อสัตย์สุจริตมาประพฤติปฏิบัติกํอน โดยเริ่มจาก การอบรมเลี้ยงดูในครอบครัว การศึกษาอบรมในโรงเรียน การสั่งสอนศีลธรรมจากศาสนา ตลอดจน การฝกึ จิตขํมใจของตนเอง ใช๎หลักวิชา-ความร๎ู โดยนาํ หลกั วิชาและความร๎เู ทคโนโลยที ่ีเหมาะสมมาใช๎ ท้ังในขนั้ การ วางแผนและปฏบิ ัติ ดว๎ ยความดําเนนิ ชวี ิตดว๎ ยความเพียร ความอดทน มีสตปิ ัญญา และความ รอบคอบ รอบรู๎ และระมัดระวังอยํางยิง่ พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 “การพฒั นาประเทศจําเป็นต๎องทําตามลําดบั ข้นั ตอน ต๎องสรา๎ งพืน้ ฐาน คอื ความพอมี พอ กิน พอใช๎ ของประชาชนสํวนใหญํเป็นเบือ้ งตน๎ กํอน เม่ือได๎พนื้ ฐานมน่ั คงพร๎อมพอควรและปฏบิ ัติได๎ แล๎ว จึงคํอยสร๎าง คํอยเสริมความเจรญิ และฐานะเศรษฐกิจช้ันที่สงู ข้นึ โดยลําดับตอํ ไป” 2. ด๎านความเจริญ หมายถงึ ความงอกงาม ความเพมิ่ พูนมากข้นึ และคาํ วาํ “รํงุ เรอื ง” ก็หมายความถึงความอุดมสมบูรณ์ เม่ือรวมคําวําเจริญ และรุํงเรืองเข๎าด๎วยกันเป็น “ความ เจริญรุํงเรือง” แล๎ว ณ ท่ีนี้ จึงหมายถึง ความงอกงามไพบูลย์ ความเพิ่มพูน ความอุดมสมบูรณ์ แหํงมนุษยสมบัติ เครื่องปล้ืมใจของมนุษย์ได๎แกํ รูปสมบัติ 1 นี้รวมทั้งบุคลิกภาพ กิริยามารยาทที่ดี งาม และยศถาบรรดาศักดิ์ด๎วย เป็นต๎น ทรัพย์สมบัติ 1 ได๎แกํ ทรัพย์สินเงินทอง เครื่องใช๎สอย เครื่องอาํ นวยความสะดวกที่ชอบใจ เป็นต๎น บริวารสมบัติ 1 ได๎แกํ พวกพ๎อง บริษัท บริวาร ญาติมิตร ท่ีดีอีกด๎วย และคุณสมบัติ 1 คือ ความรู๎ สติปัญญา ความสามารถ และคุณธรรม ให๎เจริญถึงสวรรค์ สมบัติ ท่ีละเอียดประณีตกวํามนุษยสมบัติและให๎ถึงมรรคผล นิพพาน ช่ือวํานิพพานสมบัติท่ีส้ินสุด แหํงทกุ ขท์ งั้ ปวง และทเ่ี ปน็ บรมสุข 2. พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชวี ศึกษา ณ อาคารใหมํ สวนอัมพร วนั ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 2. “ความเจริญของบ๎านเมืองน้ัน แท๎จริงเกิดจากความเจริญของบุคคลแตํละคนประกอบ กันขึ้น เพราะฉะนั้น ผู๎ที่มีความร๎ูความสามารถท้ังหลายควรจะได๎ถือเป็นภาระรับผิดชอบสําคัญ ท่ีจะต๎องต้ังใจพยายามทํางานของตนให๎ประสบผลสําเร็จและเจริญก๎าวหน๎า ความเจริญของแตํละคน จักได๎ประกอบเก้ือกูลกัน สํงให๎บ๎านเมืองมีความเจริญมั่นคงข้ึนด๎วย วันนี้จึงใครํแนะนําหลักการ ปฏิบัติงานแกํทุก ๆ คน เบ้ืองต๎นจะทํางานส่ิงใด ไมํวําใหญํหรือเล็ก ขอให๎พิจารณาจุดมํุงหมายและ
108 ประโยชน์ของงานน้ันเห็นได๎ชัด จนเกิดความม่ันใจ และพอใจท่ีจะกระทํา เม่ือม่ันใจแล๎วจึงกําหนด ข้นั ตอนทํางานให๎เหมาะแกกํ ารปฏบิ ัติ และลงมือปฏบิ ตั ใิ หไ๎ ดค๎ รบถว๎ นตามขั้นตอนนั้น ๆ โดยสม่ําเสมอ จนกวําจะสําเร็จ ขณะที่ปฏิบัติเอาใจใสํจดจํอไมํวางมือให๎ลําช๎าเสียหายทั้งพยายามให๎ความพินิจ พิจารณา ปรับปรุงการปฏิบัติให๎เหมาะสม และก๎าวหน๎าอยํูตลอดเวลา เพ่ือให๎บรรลุผลที่สมบูรณ์ ทํานทั้งหลายทําได๎อยํางน้ีก็จะได๎ช่ือวําเป็นนักปฏิบัติที่ดี ท่ีกระทําการงานทุกอยํางด๎วยหลักวิชาด๎วย ความสามารถ ด๎วยความพากเพียรเอาใจใสํ และด๎วยวิธีการอันแยบคายซ่ึงจะชํวยให๎ประสบ ความสําเร็จ ความเจริญทกุ ส่ิงได๎ตามประสงค์” 3. ความดี หมายถงึ การทําให๎เกิดผลดีอยํางมคี ุณคาํ ตํอผ๎อู ืน่ ตอํ สํวนรวม รวมถงึ ตอํ ตนเอง พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแกผํ ู๎สําเรจ็ การศกึ ษาจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ 20 ตลุ าคม พ.ศ. 2520 “ บัณฑิตทั้งหลายคงจะมีความหวังต้ังใจอยูํเต็มเปี่ยมท่ีจะออกไปทํางานด๎วยความร๎ู ความสามารถ ด๎วยความบริสุทธ์ิใจ และด๎วยความเพียรเข๎มแข็ง เพื่อให๎บังเกิดความเจริญก๎าวหน๎าแกํ ชาติบ๎านเมือง แตบํ างคนก็อาจกาํ ลังคิดอยํูดว๎ ยวํา ถ๎าเราทาํ ดีแล๎วคนอื่นเขาไมํทําด๎วยจะมิเสียแรงเปลํา หรอื ความร๎ู ความต้งั ใจ ความอุตสาหะพากเพยี รของเราท้ังหมดจะมีประโยชน์อันใด ข๎าพเจ๎าขอให๎ทุก คนทําความเข๎าใจเสียใหมํให๎ชัดแจ๎งตั้งแตํต๎นน้ีวํา การทําความดีนั้นสําคัญท่ีสุดอยูํที่ตัวเอง ผู๎อ่ืนไมํ สําคญั และไมมํ คี วามจาํ เปน็ อันใดที่จะตอ๎ งเปน็ หํวง หรือต๎องรอคอยเขาด๎วย เมื่อได๎ลงมือลงแรงกระทํา แล๎วถงึ แมจ๎ ะมใี ครรวํ มมือดว๎ ยหรอื ไมํกต็ าม ผลดีทีท่ าํ จะต๎องเกิดข้ึนแนํนอนและย่ิงทํามากเข๎า นานเข๎า ยั่งยืนเข๎า ผลดีก็ยิ่งเพ่ิมพูนมากขึ้น และแผํขยายกว๎างออกไปทุกที คนที่ไมํเคยทําดี เพราะเขาไมํเคย เห็นผลก็จะได๎เห็น และหันเข๎ามาอยํางเต็มหลักประกันสําคัญในการทําดีจึงอยํูท่ีวําแตํละคนต๎องทําใจ ให๎มั่นคง ไมํหว่ันไหวกับสิ่งแวดล๎อมท่ีเห็นอยูํ ทราบอยํูมากเกินไปจนเกิดความท๎อถอย เมื่อใจม่ันคง แล๎วก็ขอให๎ต้ังอกต้ังใจสร๎างนิมิต และคํานิยมใหมํข้ึนสําหรับตัวตามท่ีพิจารณาเห็นดี ด๎วยเหตุผลอัน ถูกต๎องเที่ยงตรงแล๎ว แล๎วมุํงหน๎าปฏิบัติดําเนินไปให๎เต็มกําลังจนบรรลุผลสําเร็จในที่สุด ความดีความ เจรญิ ทป่ี รารถนาก็จะเกิดทวขี น้ึ และจะเอาชนะความเสอ่ื มทรามตําง ๆ ได๎ไมนํ านเกินรอ” 4. ด๎านความร๎ู หมายถึง ส่ิงที่ส่ังสมมาจากการศึกษาเลําเรียน การค๎นคว๎าหรือจาก ประสบการณ์ รวมทั้งความสามารถเชิงปฏิบัติ และทักษะความเข๎าใจ หรือสารสนเทศท่ีได๎รับมาจาก ประสบการณอ์ งคว์ ิชาในแตํละสาขา พระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตรแกํบัณฑิตมหาวทิ ยาลัยศรีนครินรวิโรฒ ณ สวนอมั พร วันท่ี 22 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2524 “ความรู๎น้ันสําคัญย่ิงใหญํ เพราะเป็นปัจจัยให๎เกิดความฉลาดสามารถ และความ เจริญก๎าวหน๎า มนุษย์จึงใฝุศึกษากันอยํางไมํรู๎จบสิ้น เม่ือพิเคราะห์ดูแล๎ว การเรียนความร๎ูแม๎มากมาย เพยี งใดบางทกี ็ไมชํ วํ ยใหฉ๎ ลาด หรอื เจรญิ ได๎เทําใดนกั ถา๎ หากเรียนไมํถูกถ๎วน ไมํรู๎จริงแท๎ การศึกษาหา ความรู๎จงึ สาํ คัญตรงทวี่ าํ ต๎องศึกษา ความฉลาดรู๎ คอื รูแ๎ ลว๎ สามารถนํามาใช๎ประโยชน์ได๎จริง ๆ โดยไมํ เป็นพิษเป็นโทษ การศึกษาเพื่อความฉลาดรู๎ มีข๎อปฏิบัติที่นําจะยืดเป็นหลักอยํางน๎อยสองประการ ประการแรก เม่ือจะศึกษาสิ่งใดให๎รู๎จริงควรจะศึกษาให๎ตลอดครบถ๎วนทุกแงํทุกมุม ไมํใชํเรียนรู๎แตํ เพียงบางสํวนบางตอน หรือเพํงเล็งเฉพาะแตํบางสํวนบางมุม อีกประการหน่ึงซึ่งจะต๎องปฏิบัติ ประกอบพร๎อมกันไปด๎วยเสมอ คือ ต๎องพิจารณาศึกษาเรื่องน้ัน ๆ ด๎วยความคิดจิตใจที่ต้ังม่ัน
109 เป็นปรกติ และเท่ียงตรง เป็นกลาง ไมํยอมให๎รู๎เห็น และเข๎าใจตามอํานาจความเหนี่ยวนําของอคติ อคติฝาุ ยชอบหรือฝาุ ยชงั มฉิ ะนนั้ ความร๎ูสึกท่ีเกิดข้ึนจะไมํเป็นความร๎ูแท๎ หากเป็นแตํความรู๎ที่อําพราง ไว๎ หรือที่คลาดเคล่ือนวิปริตไปตําง ๆ จะนําไปใช๎ให๎เป็นประโยชน์จริง ๆ โดยปราศจากโทษไมํได๎ บัณฑิตทั้งหลายได๎ช่ือวําเป็นผู๎มีปัญญาเป็นนักศึกษาค๎นคว๎า ขอให๎มีหลักในการเรียนรู๎อยํางน๎อยก็ ตามที่ได๎กลําว คือ จะศึกษาสิ่งใดก็พิจารณาศึกษาให๎หมดจดทุกแงํทุกมุมด๎วยจิตใจท่ีเท่ียงตรงเป็น กลางจงึ จะได๎รบั ประโยชนจ์ ากการศึกษาคน๎ คว๎าสมบูรณบ์ รบิ รู ณ์ดงั ท่ีพงึ ประสงค์” 5. ด๎านความสามัคคี หมายถึง ความพร๎อมเพรียงกัน ความกลมเกลียวเป็นน้ําหน่ึงใจ เดียวกัน ไมํทะเลาะเบาะแว๎ง วิวาทบาดหมางซึ่งกันและกัน ความสามัคคี มีด๎วยกัน 2 ประการ 1) ความสามัคคีทางกาย ได๎แกํ การรํวมแรงรํวมใจกันในการทํางาน 2) ความสามัคคีทางใจ ได๎แกํ การรวํ มประชุมปรึกษาหารือกันในเมื่อเกิดปัญหาขนึ้ พระราชดํารัส ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีเฉลมิ พระชนมพรรษา พุทธศกั ราช 2535 วันที่ 5 ธนั วาคม พ.ศ. 2535 “คนไทย แม๎จะมีนิสัยรักความสะดวกสบาย และมักทําตามใจตัวกันเป็นปรกติ แตํในสํวน ลกึ กเ็ ป็นคนมีเหตุผล มีความจริงใจ และความสํานึกในชาติบ๎านเมืองอยูํด๎วยกันแทบทุกตัวตน เราจึง รวมกนั อยไูํ ดเ๎ หนียวแนนํ มีชาติ มปี ระเทศอนั ตงั้ มน่ั เป็นอิสรเสรมี าชา๎ นาน ท้ังสามารถสร๎างสรรค์ความ ดีความเจริญตําง ๆ ไว๎เป็นสมบัติของชาติมากมาย ปัจจุบันนี้รู๎สึกวําบ๎านเมืองมีปัญหาและความ ขัดข๎องเกิดขึ้นไมํสรํางซาเกือบทุกวงการ เป็นเครื่องบํงบอกชัดเจนวําถึงเวลาแล๎วที่ทุกคนทุกฝุาย จะต๎องลดความถอื ดี และการทําตามใจตวั เองแล๎วหันมาหาเหตุผล ความถูกต๎อง และความรับผิดชอบ ตํอสํวนรวมกันอยํางจริงจัง เพ่ือกําจัดอคติ และสร๎างเสริมความเมตตาสามัคคีในกันและกัน จักได๎ สามารถรํวมกนั เรงํ รัดปฏิบตั สิ รรพกจิ การงานใหป๎ ระสานสอดคลอ๎ ง และปรองดองเก้อื กูลกันให๎สัมฤทธ์ิ ประโยชนส์ งู สุดในการธํารงรกั ษาอสิ รภาพอธิปไตย และความเป็นไทยใหย๎ ืนยงมั่นคงอยตํู ลอดไป” สรปุ กกกกกกกการเรยี นรูต๎ ามรอยพระยุคลบาท คือ การเรียนรูเ๎ พ่ือการปฏิบตั ิ การปฏบิ ตั ิของคนในสังคม ตามพระราชปฏิญญาพระบรมราโชวาท และหลักปฏิบตั พิ ระราชภารกจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูํหัวเพ่ือเป็นแนวทางปฏิบัติตน และปฏิบัติภารกิจหน๎าที่การงานอันนําไปสํูทศพิธราชธรรม หรือการบริหารกิจการบ๎านเมืองท่ีดีสํงผลให๎บังเกิดความเจริญรํุงเรือง ความสงบเรียบร๎อยของสังคม ความผาสุกของประชาชน และความม่ันคงของประเทศชาติ การเรียนร๎ูตามรอยพระยุคคลบาท สามารถนําไปปฏบิ ตั ิได๎หลายวิธี เชํน ด๎านปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด๎านความเจริญ ด๎านความดี ดา๎ นความรู๎ และด๎านความสามัคคี เปน็ ต๎น
110 ใบความรู้ เร่ืองที่ 3 ทศพิธราชธรรม วัตถุประสงค์ กกกกกกก1. เพอ่ื ให๎นกั ศึกษามีความรคู๎ วามเข๎าใจเรื่อง ทศพิธราชธรรม กกกกกกก2. เพ่ือให๎นกั ศึกษามที ักษะการแสวงหาความรเู๎ ร่ือง ทศพิธราชธรรม กกกกกกก3. เพื่อใหน๎ กั ศึกษามีความตระหนักถึงความสําคัญเรื่อง ทศพิธราชธรรม เน้ือหา กกกกกกกความหมาย “ทศพิธราชธรรม” กกกกกกกทศพธิ ราชธรรม หรอื ราชธรรม 10 คือ จริยวตั ร 10 ประการท่ีพระเจ๎าแผํนดินทรงประพฤติ เป็นหลักธรรมประจําพระองค์ หรือเป็นคุณธรรมประจําตนของผ๎ูปกครองบ๎านเมือง ให๎มีความเป็นไป โดยธรรม และยังประโยชน์สุขให๎เกิดแกํประชาชน จนเกิดความช่ืนชมยินดี ซ่ึงความจริงแล๎วไมํได๎ จําเพาะเจาะจง สําหรับพระเจ๎าแผํนดิน หรือผู๎ปกครองแผํนดินเทําน้ัน บุคคลธรรมดาที่เป็นผู๎บริหาร ระดบั สงู ในทกุ องค์กรกพ็ ึงใชห๎ ลกั ธรรมเหลาํ น้ี กกกกกกกทศพิธราชธรรม มี 10 ประการ คือ กกกกกกก1. ทาน คอื การให๎ หมายถงึ การสละทรัพย์ สิ่งของ เพอ่ื ชวํ ยเหลือคนทดี่ ๎อยและ ออํ นแอกวาํ กกกกกกก2. ศีล คอื การตั้งอยใูํ นศลี หมายถงึ มคี วามประพฤติดงี าม เป็นตวั อยาํ งที่ดแี กคํ นทว่ั ไป กกกกกกก3. ปริจจาคะ คอื บริจาค หมายถงึ การเสียสละความสุขสําราญของตนเพ่ือประโยชนส์ ขุ ของหมํูคณะ กกกกกกก4. อาชชวะ คอื ความซอื่ ตรง หมายถึง มีความซื่อสัตย์สจุ รติ มคี วามจรงิ ใจ ไมกํ ลับกลอก กกกกกกก5. มทั ทวะ คอื ความอํอนโยน หมายถงึ มีกิรยิ าสภุ าพ มีสมั มาคารวะ วาจาอํอนหวาน มีความนุํมนวล ไมํเยํอหย่งิ ไมํหยาบคาย กกกกกกก6. ตบะ คอื ความเพยี ร หมายถึง การเพียรพยายามไมํให๎ความมัวเมาเขา๎ ครอบงําจิตใจ ไมํลมํุ หลงกบั อบายมุขและสงิ่ ชัว่ ร๎าย ไมํหมกมนํุ กับความสขุ สําราญ กกกกกกก7. อักโกธะ คอื ความไมโํ กรธ หมายถึง มจี ติ ใจมั่นคง มีความสุขมุ เยือกเยน็ อดกลน้ั ไมํแสดงความโกรธ หรือความไมํพอใจให๎ปรากฏ กกกกกกก8. อวหิ ิงสา คือ ความไมํเบียดเบียน หมายถึง ไมกํ ดข่ีขมํ เหง กลั่นแกลง๎ รังแกคนอ่นื ไมํหลงในอํานาจ ทําอันตรายตํอรํางกาย และทรัพย์สินผอ๎ู ื่นตามอําเภอใจ กกกกกกก9. ขันติ คือ ความอดทน หมายถึง การอดทนตํอสง่ิ ทัง้ ปวง สามารถอดทนตํองานหนัก ความยากลําบาก ท้งั อดทน อดกลั้นตํอคาํ ติฉินนนิ ทา กกกกกกก10. อวโิ รธนะ คือ ความเทยี่ งธรรม หมายถึง ไมํประพฤตผิ ดิ ประพฤติปฏบิ ัติตนอยูใํ น ความดงี าม ไมํหวั่นไหวในเร่ืองดีเรอ่ื งร๎าย
111 กกกกกกกทศพธิ ราชธรรม ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 กกกกกกกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงข้ึนครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 9 แหํง ราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 ตํอมาทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเม่ือวันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 และพระองค์ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการวํา “เราจะครองแผํนดิน โดยธรรม เพ่ือประโยชน์สุขแหํงมหาชนชาวสยาม” โดยคําวํา “ครองแผํนดินโดยธรรม” หมายถึง “ครองแผนํ ดินโดยทศพธิ ราชธรรม” ซง่ึ “ทศพธิ ราชธรรม” มี 10 ประการคอื กกกกกกก1. ทาน คือ การให๎ การเสียสละ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงเสียสละพระราชทรัพย์เพ่ือบําเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทั้งในด๎านบํารุงพระพุทธ ศาสนา และบรรเทาความยากไร๎ ให๎ประชาชนอยูํเป็นกิจวัตร ทั้งยังทรงเป็นผู๎นําในการบริจาค พระราชทรัพย์เพื่อชํวยเหลือผู๎ตกทุกข์ได๎ยาก จากภัยธรรมชาติหลายตํอหลายครั้ง นอกจาก ทรัพย์แล๎ว ทาน ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยังหมายถึง พระราชทานความร๎ู เพ่ือประชาชนจะได๎ใช๎เป็นเคร่ืองมือเล้ียงชีพได๎อยํางย่ังยืน กกกกกกก2. ศีล คือ ความประพฤติดีงาม เป็นความดีงามของกาย วาจา ใจ ท่ีประชาชนจะ เห็นได๎ในทุกพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทั้งกาย วาจา และพระราชหฤทัยของพระองค์ทํานเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งยัง หมายถึง ศีลในการปกครองอันได๎แกํ กฎหมายและนิติราชประเพณี และในทางศาสนาที่ พระองค์ทรงออกผนวชเพื่อศึกษาและปฏิบัติพระธรรมวินัย ทั้งอุทิศพระราชกุศลพระราชทาน แกํปวงชนชาวไทย กกกกกกก3. ปริจจาคะ คือ การเสียสละความสุขสํวนตน เพ่ือความสุขสํวนรวม เสียสละ ความสุขสํวนพระองค์ เพื่อประชาชนมีความสุข ในพระราชกรณียกิจที่เป็นไปเพื่อแก๎ปัญหา ความเดือดร๎อนของประชาชนนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ต๎องเสียสละความสุขสํวนพระองค์ ต๎องทนลําบากในการเดินทาง อดทนตํอความแปรปรวนของ อากาศ ความร๎อนหนาว ก็เพื่อสร๎างความสุขให๎ประชาชนทั้งสิ้น กกกกกกก4. อาชชวะ คือ ความซื่อตรงสุจริต ส่ิงน้ีสะท๎อนให๎เห็นผํานความแนํวแนํตํอพระราช ดํารัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่เคยตรัสไว๎ อันเป็น ปฐมบรมราชโองการเมื่อทรงครองราชย์ เราจะครองแผํนดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแหํง มหาชนชาวสยาม ซึ่งพระองค์ทรงกระทําตามพระราชดํารัสเสมอมา รวมถึงความสุจริตตํอมิตร ประเทศ พระราชวงศ์ ข๎าทูลละอองธุลีพระบาท กกกกกกก5. มัททวะ คือ ความสุภาพ อํอนโยนของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเป็น พระมหากษัตริย์ที่ไมํถือพระองค์ โดยเฉพาะกับประชาชน ทรงมีสัมมาคารวะตํอพระสงฆ์ ตํอผู๎เจริญโดยวัยและโดยคุณ ทรงรับฟังปัญหา คําชี้แนะ และแก๎ไขด๎วยเหตุผล ด๎วยความเมตตาและอํอนโยน
112 กกกกกกก6. ตบะ คือ ความเพียร ความอุตสาหะ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีความอุตสาหะวิริยะในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจด๎วยความ อดทน ปราศจากความเกียจคร๎าน เพื่อประโยชน์ของประชาชนและบ๎านเมือง ไมํยํอท๎อ แม๎บางขณะจะทรงพระประชวร แม๎ในบางพื้นที่บางเหตุการณ์จะเต็มไปด๎วยอันตราย ซึ่งสิ่งนี้ สะท๎อนให๎เห็นจากพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ที่พระราชทานให๎ปวงชนชาวไทย กกกกกกก7. อักโกธะ คือ ความไมํโกรธ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระนิสัยที่ไมํโกรธ ทั้งทรงสามารถระงับความโกรธด๎วยมีพระเมตตาเป็นที่ตั้ง ทําให๎ทรงทอดพระเนตรเห็นปัญหา และหนทางแก๎ไขปัญหานั้นได๎โดยสงบ ทั้งยังไมํทรงใช๎ พระราชอํานาจเพ่ือมํุงร๎ายผู๎อื่น แตํทรงใช๎เพื่อพระราชทานอภัยโทษตามควรแกํเหตุ กกกกกกก8. อวิหิงสา คือ ความไมํเบียดเบียน ด๎วยพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่เปี่ยมไปด๎วยพระเมตตา พระองค์จึงทรงตั้งอยํู ด๎วยการไมํเบียดเบียนทั้งราชวงศ์และข๎าพระบาท รวมถึงประชาชน ให๎ต๎องเดือดร๎อนด๎วยเหตุ อันไมํควร กกกกกกก9. ขันติ คือ ความอดทน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาล ที่ 9 ทรงมีความอดทน ตํอความทุกข์อันเกิดจากความยากลําบากในการเข๎าหาประชาชนในถิ่น ทุรกันดาร ทรงอดทนตํอความไมํสบายพระวรกาย ทรงอดทนตํอทุกข์อันเกิดจากโรคภัย ไมํให๎ เป็นอุปสรรคตํอการชํวยเหลือประชาชน กกกกกกก10. อวิโรธนะ คือ ความหนักแนํน เที่ยงธรรม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงรักษาความเที่ยงธรรม และความยุติธรรมไมํให๎เบี่ยงเบนไปจาก ความถูกต๎อง ทั้งในพระราชจริยวัตรและพระราชวินิจฉัย ไมํเอนเอียงหวั่นไหว ไมํยินดียินร๎าย ตํออคติทั้งปวง ไมํประพฤติผิดไปจากพระราชประเพณี กกกกกกกด๎วย ทศพิธราชธรรม เชํนนี้เองที่ทําให๎ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดช รัชกาลท่ี 9 มิใชํจะทรงครองแผํนดินเทําน้ัน แตํยังทรงครองหัวใจคนท้ังปวงเอาไว๎อีกด๎วย กกกกกกก“ทศพธิ ราชธรรม : ธรรมของพระราชา ข้อปฏิบตั ิที่คนธรรมดากท็ าได้” กกกกกกกเมอ่ื เอยํ ถึง ทศพธิ ราชธรรม อันมีความหมายถงึ ราชธรรม หรือธรรมของพระราชา ซงึ่ มีอยํู ดว๎ ยกนั 10 ขอ๎ หลายคนอาจจะรู๎สกึ วาํ ธรรมดังกลาํ วเป็นของสูง หรอื ไกลตัว และควรจะเป็นเร่ืองของ พระราชา หรอื ผู๎นําในระดบั สงู เทํานั้น แตํโดยแท๎จรงิ แล๎ว แมท๎ ศพิธราชธรรมจะได๎ช่ือวําเป็นหลักธรรม หรือคุณสมบัติท่ีผ๎ูเป็นใหญํในแผํนดิน ตั้งแตํพระมหากษัตริย์ ผู๎ปกครองรัฐ หรือผู๎นําประเทศจะพึง ปฏิบัติ แตํบคุ คลธรรมดากส็ ามารถนาํ ไปปฏิบัติได๎ในชีวิตประจําวัน เพราะนอกจากจะเป็นหนทางไปสํู ความเจรญิ กา๎ วหน๎าในชวี ิตแล๎ว ยังได๎ชอื่ วําไดด๎ ําเนนิ รอยตามเบอ้ื งยุคลบาท ดงั ที่ ดร.สเุ มธ ตันติเวชกุล เลขาธกิ ารมูลนธิ ชิ ัยพัฒนา ไดเ๎ ชิญชวนใหป๎ ระชาชนชาวไทยปฏิบัติ ตามพระราชจรยิ วัตรของพระบาท สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ซ่งึ แนวทางในการปฏิบตั ิตามทศพิธราชธรรมใน ระดบั ประชาชน มีดงั ตํอไปน้ี
113 กกกกกกก1. ทาน คอื การให๎ นอกเหนอื จากการบรจิ าคเปน็ ทรัพย์สนิ หรือสิง่ ของแกํผ๎ยู ากไร๎ ผู๎ด๎อยโอกาส และผ๎ูตกทุกข์ได๎ยากตามท่ีเราทําอยํูเสมอแล๎ว เราก็อาจจะให๎นํ้าใจแกํผู๎อื่นได๎ เชนํ ให๎กาํ ลงั ใจแกผํ ู๎ตกอยูใํ นหว๎ งทกุ ข์ ให๎ขอ๎ แนะนําที่เป็นความรูแ๎ กํผู๎รํวมงาน หรือผูใ๎ ต๎บังคับบัญชา ให๎ รอยย้มิ และ ปยิ วาจาแกญํ าตพิ นี่ ๎อง เพอื่ นฝูง รวมถึงบคุ คลท่ีมารับบริการจากเรา เปน็ ตน๎ กกกกกกก2. ศีล คือ ความประพฤตทิ ด่ี ีงาม ตามหลกั ศาสนาของตน อยาํ งน๎อยก็ขอใหเ๎ ราไดป๎ ฏิบตั ิ ตามศลี 5 คอื ไมํฆาํ สัตวต์ ดั ชีวิต ไมํลักขโมยของของผ๎ูอืน่ ไมํลํวงละเมดิ ลกู เมียเขา ไมํพูดโกหก หรือพูด สํอเสียดยุยงให๎คนเขาทะเลาะเบาะแว๎งกัน และควรทําตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหรี่ หรืออบายมุข ตําง ๆ เพราะสิ่งเหลําน้ี นอกจากจะทําให๎เราเสียเงินแล๎ว ยังเสียสุขภาพกายและใจทั้งของตัวเราเอง และคนใกล๎ชดิ เราด๎วย กกกกกกก3. ปรจิ จาคะ คือ ความเสยี สละ หมายถึง การเสียสละความสุขสํวนตนเพื่อความสขุ หรอื ประโยชน์ของสํวนรวม ซ่ึงอาจจะเป็นครอบครัว หนํวยงาน หรือเพื่อนรํวมงานของเราก็ได๎ เชํน ครอบครัว พํอบ๎านเสียสละความสุขสํวนตัวด๎วยการเลิกด่ืมเหล๎า ทําให๎ลูกเมียมีความสุข และ เพอื่ นบา๎ นกส็ ุขด๎วย เพราะไมํต๎องฟงั เสียงอาละวาด ดําทอทุบตีกัน หรือเราอาจจะเสียสละเวลาอยูํเย็น ชํวยเพือ่ นทาํ งาน หรอื ไปเขา๎ คํายพัฒนาชนบท อาสาไปดูแลเด็กในสถานเล้ียงเด็กกําพร๎าเป็นคร้ังคราว หรอื เสยี สละรํางกาย /อวัยวะหลังตายแล๎วเพื่อการศึกษา เป็นต๎น ซึ่งการเสียสละดังกลําวถือวําได๎บุญ มากเพราะมใิ ชจํ ะสละกันได๎งาํ ย ๆ โดยทั่วไป การเสยี สละไมวํ ําส่ิงใดก็ตาม ถือเป็นการลดความเห็นแกํ ตัว ซ่งึ ล๎วนมีสํวนชํวยให๎สงั คมดีขึน้ ทั้งส้นิ กกกกกกก4. อาชชวะ คือ ความซือ่ ตรง หมายถึง ดําเนนิ ชีวิตและปฏิบัตภิ ารกจิ /หน๎าท่กี ารงานตําง ๆ ด๎วยความซ่ือสัตย์สุจริต ไมํคิดคดโกง หรือหลอกลวงผู๎อ่ืน เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอาของไมํดีไป หลอกขายลูกค๎า เป็นข๎าราชการ พนักงานบริษัท ห๎างร๎าน ก็ไมํคอรัปช่ันท้ังเวลา ทรัพย์สินของ หนํวยงานตน เพราะถ๎าทุกคน เอาเปรียบหรือโกงกิน นอกจากจะทําให๎หนํวยงานเราไมํเป็นท่ี นําเชอื่ ถือของผ๎เู กี่ยวข๎องแลว๎ ในระยะยาว อาจทําให๎หนํวยงานเราล๎ม ผ๎ูท่ีเดือดร๎อนก็คือเรา แม๎เราจะ ได๎ทรัพย์สินไปมากมาย แตํเงินบาปท่ีได๎ก็จะเป็นสิ่งอัปมงคลที่ทําให๎เราไมํเจริญก๎าวหน๎า ถูกคนรุม สาปแชํง และแม๎คนอ่ืนจะไมํร๎ู แตํตัวเรายํอมรู๎อยํูแกํใจ และไมํมีวันจะมีความสุขกาย สบายใจ เพราะ กลัวคนอ่ืนจะมารู๎ความลับตลอดเวลา ผ๎ูที่ประพฤติตนด๎วยความซื่อตรง แม๎ไมํร่ํารวยเงินทอง แตํจะ มงั่ ค่ังดว๎ ยมิตรที่จรงิ ใจ ตายกต็ ายตาหลบั ลกู หลานก็ภาคภมู ิใจ เพราะไมํต๎องแบกรบั ความอบั อายท่ีมี บรรพบุรษุ ข้ีโกง กกกกกกก5. มทั ทวะ คือ ความสุภาพอํอนโยน มีอัธยาศัยไมตรี กลาํ วคือ การทําตัวสภุ าพ นุํมนวล ไมํเยํอหยิ่ง ถือตวั หรอื หยาบคายกับใคร ไมํวาํ จะเป็นผใู๎ หญํ ผ๎ูนอ๎ ย หรือเพื่อนในระดับเดียวกัน การทํา ตัวเป็นผู๎ท่ีมีความอํอนน๎อมถํอมตน จะทําให๎ไปท่ีไหนคนก็ต๎อนรับ เพราะอยํูใกล๎แล๎วสบายใจ ไมรํ ๎อนรมุํ หากเราหยาบคาย กา๎ วรา๎ ว คนก็ถอยหําง ดังนนั้ หลักธรรมข๎อนี้ จึงเป็นการสรา๎ งเสนํห์อยําง หน่ึงใหแ๎ กํตวั เราด๎วย กกกกกกก6. ตบะ คือ ความเพียร เปน็ หลกั ธรรมที่สอนให๎เราไมํยํอท๎อ แตใํ หป๎ ฏิบัติหน๎าทกี่ ารงาน ด๎วยความมุมานะ ฝุาฟันอุปสรรคตําง ๆ จนประสบความสําเร็จ ซึ่งความพากเพียรน้ีจะทําให๎เรา ภาคภูมิใจเม่ืองานสําเร็จ และจะทําให๎เรามีประสบการณ์เกํงกล๎าข้ึน นอกจากนี้ ยังสอนให๎เราสู๎ชีวิต ไมํยอมแพอ๎ ะไรงาํ ย ๆ
114 กกกกกกก7. อกั โกธะ คือ ความไมํโกรธ แม๎ในหลาย ๆ สถานการณจ์ ะทําได๎ยาก แตํหากเราสามารถ ฝึกฝน ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับย้ังความโกรธอยูํเสมอ จะเป็นประโยชน์ตํอเรา หลายอยําง เชนํ ทําให๎เราสุขภาพจิตดี หน๎าตาผํองใส ข๎อสําคัญ ทําให๎เรารักษามิตรไมตรีกับผ๎ูอ่ืนไว๎ได๎ อนั มผี ลใหค๎ นรกั และเกรงใจ กกกกกกก8. อวหิ งิ สา คือ การไมํเบยี ดเบยี น หรือบีบคั้นกดข่ผี ๎ูอื่น รวมไปถงึ การไมํใชอ๎ าํ นาจไปบงั คบั หรอื หาเหตุกล่ันแกล๎งคนอืน่ ดว๎ ย เชนํ ไมํไปขํมเหงรังแกผ๎ูด๎อยกวํา ไมํไปขํมขูํให๎เขากลัวเรา หรือไปบีบ บังคับเอาของรักของหวงมาจากเขา เป็นต๎น นอกจากไมํเบียดเบียนคนด๎วยกันแล๎ว เรายังไมํควร เบยี ดเบยี นธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ๎ ม และสตั ว์อกี ด๎วย เพราะมิฉะน้ัน ผลรา๎ ยจะยอ๎ นกลบั มาสูํเรา และ สงั คม อยาํ งที่เหน็ ในปจั จบุ ันจากภัยธรรมชาตติ าํ ง ๆ กกกกกกก9. ขนั ติ คอื ความอดทน หมายถงึ ให๎เราอดทนตอํ ความยากลําบาก ไมํทอ๎ ถอย และ ไมํหมดกําลังกาย กําลังใจท่ีจะดําเนินชีวิต และทําหน๎าท่ีการงานตํอไปจนสําเร็จ รวมทั้งไมํยํอท๎อตํอ การทําคณุ งามความดี ความอดทนจะทําใหเ๎ ราชนะอุปสรรคท้งั ปวงไมํวําเล็กหรือใหญํ และจะทําให๎เรา แกรงํ ขึ้น เข๎มแข็งขึน้ กกกกกกก10. อวโิ รธนะ คือ ความยุตธิ รรม หนักแนํน ถือความถกู ต๎อง เทยี่ งธรรมเปน็ หลัก ไมํเอนเอียงหวั่นไหวด๎วยคําพูด อารมณ์ หรือลาภสักการะใด ๆ ท้ังในทางนิติธรรม คือ ระเบียบแบบ แผนหลักปกครอง หรือในเรือ่ งขนบธรรมเนยี มประเพณีท่ีดงี าม ก็ไมํประพฤติ ให๎ผิดทาํ นองคลองธรรม กลาํ วคอื ให๎ทําอะไรด๎วยความถูกต๎อง มิใชํด๎วยความถูกใจ กกกกกกกจะเหน็ ได๎วํา หลักธรรมท้ัง 10 ข๎อ หรือทศพธิ ราชธรรม น้ี มใิ ชขํ ๎อปฏบิ ัตทิ ่ียาก จนเกนิ ความ สามารถของคนธรรมดาสามัญท่ีจะทําตามได๎ หลาย ๆ ข๎อก็เป็นส่ิงที่เราปฏิบัติอยูํแล๎ว จะโดยร๎ูตัวไมํ ก็ตาม แตํหากเรามีความต้ังใจจริง หลักธรรมดังกลําวก็จะเป็นทุนท่ีชํวยหนุนนําให๎เราได๎พัฒนาชีวิต ไปสคํู วามดีงาม ความมน่ั คง และความสําเร็จที่เราปรารถนาทุกประการ สรปุ กกกกกกกทศพิธราชธรรม เป็นหลกั ธรรมสําหรบั พระมหากษตั ริย์จะพงึ ถือปฏบิ ัติมาแตโํ บราณกาล ซึ่งคนธรรมดาสามัญท่ีจะทําตามได๎ หลักทศพธิ ราชธรรม มี 10 ประการ ดังน้ี กกกกกกก1. ทาน หมายถงึ การให๎ การเสยี สละ นอกจากเสียสละทรพั ย์ส่ิงของแลว ยังหมายถงึ การ ให๎นา้ํ ใจแกผํ ๎ูอ่ืนด๎วย กกกกกกก2. ศีล หมายถึง ความประพฤตทิ ่ดี ีงาม ทงั้ กาย วาจา และใจ ให๎ปราศจากโทษท้ังในการ ปกครอง อันไดแก กฎหมายและนิตริ าชประเพณี และในทางศาสนา กกกกกกก3. ปรจิ จาคะ (บริจาค) หมายถงึ การเสียสละความสขุ สํวนตน เพื่อความสขุ สํวนรวม กกกกกกก4. อาชชวะ หมายถึง ความซื่อตรงในฐานะทเี่ ป็นผ๎ูปกครอง ดํารงอยํูในสัตย์สุจริต กกกกกกก5. มทั ทวะ หมายถึง การมีอัธยาศยั ออนโยน เคารพในเหตผุ ลทีค่ วร มสี ัมมาคารวะตอ ผูอาวโุ ส และออนโยนตอบุคคลท่เี สมอกนั และต่าํ กวา กกกกกกก6. ตบะ หมายถึง มีความอุตสาหะในการปฏิบตั ิงาน โดยปราศจากความเกยี จคราน
115 กกกกกกก7. อกั โกธะ หมายถึง ความไมแสดงความโกรธให๎ปรากฎ ไมมุงรายผูอื่น แมจะลงโทษ ผูทําผิด ก็ทําตามเหตผุ ล กกกกกกก8. อวหิ งิ สา หมายถึง การไมเบยี ดเบียนหรือบบี คั้น ไมกอทุกขหรือเบียดเบยี นผอู๎ ื่น กกกกกกก9. ขันติ หมายถึง การมีความอดทนตอส่ิงท้ังปวง รักษาอาการกาย วาจา ใจ ใหเรยี บรอย กกกกกกก10. อวิโรธนะ หมายถึง ความหนกั แนน ถือความถูกตอง เที่ยงธรรมเปนหลัก ไมเอนเอียง หวั่นไหวดวยคาํ พดู อารมณหรอื ลาภสักการะใด ๆ
116 ใบความรู้ เรอื่ งที่ 4 ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเงื่อนไขความรู้คู่คณุ ธรรม วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให๎นักศกึ ษามีความรู๎ความเข๎าใจเรื่อง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเง่ือนไขความรู๎ คคูํ ณุ ธรรม 2. เพอื่ ให๎นกั ศึกษามีทกั ษะการแสวงหาความร๎ูเร่อื งปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเง่ือนไข ความรูค๎ คํู ุณธรรม 3. เพื่อใหน๎ กั ศึกษามีความตระหนักถึงความสําคญั เรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เง่อื นไขความร๎ูคูคํ ุณธรรม เน้ือหา กกกกกกกปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง คือ ปรชั ญาที่พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 พระราชทานพระราชดํารชิ แ้ี นะแนวทางการดาํ เนนิ ชีวิต แกํพสกนกิ ร ชาวไทยในทุกระดับ ต้ังแตํระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหาร ประเทศให๎ดําเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให๎ก๎าวทันตํอโลกยุค โลกาภวิ ฒั น์ กกกกกกกหลักการปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ ปรัชญาทยี่ ดึ หลักการเดนิ ทางสายกลาง ท่ีชี้แนะแนวทางการดํารงอยํู และปฏิบัติของประชาชนในทุกระดับ ประกอบด๎วย 3 หํวง 2 เงื่อนไข คอื ความพอประมาณ ความมเี หตุผล ความมภี มู ิคุม๎ กนั เง่อื นไขความร๎ู และ เงื่อนไขคุณธรรม กกกกกกกความพอประมาณ หมายถึง ความพอดที ่ีไมํน๎อยเกนิ ไป และไมมํ ากเกนิ ไป โดยไมํ เบยี ดเบียนตนเอง และไมํทําให๎ผู๎อนื่ เดือดร๎อน เชนํ การผลิต และการบรโิ ภคที่อยูํในระดับพอประมาณ กกกกกกกความมเี หตผุ ล หมายถงึ การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนนั้ จะต๎องเป็นไปอยาํ ง มเี หตุผล โดยพจิ ารณาจากปัจจัยท่เี กยี่ วขอ๎ ง ตลอดจนคํานงึ ถงึ ผลทค่ี าดวาํ จะเกดิ ข้ึน ในอนาคตท้ังใกล๎ และไกล กกกกกกกการมภี มู ิคุ๎มกนั ในตวั หมายถึง การเตรยี มตวั รับผลกระทบ และการเปลยี่ นแปลง ด๎านตาํ ง ๆ ท่จี ะเกดิ ข้นึ โดยคํานึงถึงความเป็นไปไดข๎ องสถานการณต์ ํางๆ ทค่ี าดวําจะเกิดขึ้นใน อนาคตทัง้ ใกล๎และไกล กกกกกกกเง่ือนไขความรู๎ หมายถึง ความร๎เู ก่ยี วกับวิชาการตําง ๆ ทีเ่ กีย่ วข๎องอยาํ งรอบดา๎ น ความรอบคอบทีจ่ ะนาํ ความร๎ูเหลําน้นั มาพิจารณาให๎เชือ่ มโยงกนั เพื่อประกอบการวางแผน และความ ระมดั ระวังในขนั้ ตอนการปฏิบตั ิ กกกกกกกเง่ือนไขคุณธรรม หมายถึง การยดึ ถือคุณธรรมตําง ๆ อาทิ ความซ่ือสัตย์สจุ ริต ความ อดทน ความเพยี ร การมํุงตอํ ประโยชนส์ ํวนรวมและการแบํงปัน
117 กกกกกกกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 มพี ระบรมราโชวาท เกี่ยวกบั “เงื่อนไขความร๎ู” ในปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยมีเน้ือความที่สําคญั ตอนหนึ่งวํา “ความรู๎ นั้นเป็น หลักของการงาน ผู๎ที่จะทํางานอยํางใดจําต๎องมีความรู๎ในเรื่องนั้นกํอนในเบื้องต๎น สํวนความคิดเป็นเครื่องชํวยความรู๎ คือ ชํวยให๎ใช๎ความร๎ูให๎ถูกต๎อง เชํน จะใช๎อยํางไร ท่ีไหน เม่ือใด เมอื่ มีความรู๎ สาํ หรับงานมีความคดิ สําหรับพิจารณาใช๎ความร๎ูให๎ถูกต๎องแล๎ว ยํอมทํางานได๎ผลสมบูรณ์ ดี ยากท่ีจะผิดพลาด ความร๎ูกบั ความคดิ จงึ ไมคํ วรแยกจากกนั ” กลาํ วไดว๎ าํ ความร๎ูที่จําเป็นสําหรับการ ดาํ เนินชวี ิตอาจแบงํ ออกไดเ๎ ปน็ 2 ประเภทหลัก ๆ คอื ความรู๎สําหรับการทํางาน และความร๎สู าํ หรับ การจดั การทรัพย์สินของตนเอง กกกกกกกความร๎ูสําหรบั การทํางาน นอกจากความรูจ๎ ากการศกึ ษาเลําเรยี นในโรงเรยี น หรอื มหาวทิ ยาลัย ที่เราจะนาํ มาใช๎ในการทํางาน หรืออาชีพของเราแล๎ว การศึกษาหาความรู๎เพ่ิมเติมก็เป็น ส่ิงสาํ คญั อยํางเชํน ใครท่ีทํางานประจํา หรือเป็นพนักงานบริษัท ประสบการณ์ความรู๎ใหมํ ๆ จะชํวย ให๎เราก๎าวหน๎าในตําแหนํงหน๎าที่การงานได๎ หรือใครท่ีทําธุรกิจสํวนตัว มีกิจการเป็นของตนเอง ก็ควร หาความร๎ูเพ่ิมเติม วําจะทําอยํางไรให๎กิจการของเราอยํูรอด หรือจะทําอยํางไรให๎กิจการเติบโตอยําง ย่ังยืน เป็นต๎น ซ่ึง การหาความร๎ูเพิ่มเติมสามารถทําได๎หลากหลายวิธีไมํวําจะเป็นการเข๎ารํวมงาน อบรมสัมมนาตําง ๆ การอํานหนังสอื รวมถงึ การพูดคุยแลกเปลยี่ นประสบการณก์ บั ผอู๎ น่ื ก็ชํวย เพม่ิ พนู ความรู๎ได๎ กกกกกกกความรสู๎ าํ หรบั การจดั การทรพั ย์สินของตนเอง จากบทความเร่ือง “เศรษฐกิจพอเพียงกบั ความพอประมาณ” ท่ีได๎แนะนําการจัดการเงินโดยการออมใช๎ มีการสํารองเงินเพ่ือใช๎จํายยามจําเป็น และรจู๎ ักบริหารเงินใหง๎ อกเงยขน้ึ ซง่ึ วธิ กี ารทที่ าํ ใหเ๎ งินงอกเงยข้นึ นัน่ คอื การลงทุน การศึกษาทํา ความเข๎าใจจะชวํ ยลดความเสี่ยงจากการลงทนุ ได๎ กกกกกกกสาํ หรับเงอื่ นไขคุณธรรม นั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาล ท่ี 9 มีพระบรมราโชวาทเก่ยี วกับคุณธรรมโดยมีใจความสาํ คัญวาํ “คณุ ธรรมที่ทกุ คนควรจะศกึ ษาและ น๎อมนํามาปฏิบัติมีอยูํ 4 ประการ ประการแรกคือ การที่ทุกคนคิด พูด ทํา ด๎วยความเมตตา มํุงดี มํุงเจริญตํอกัน ประการที่สอง คือ การท่ีแตํละคนชํวยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสาน ประโยชน์กัน ให๎งานท่ีสําเร็จผล ทั้งแกํตนเอง แกํผู๎อื่น และกับประเทศชาติ ประการท่ีสาม คือ การท่ี ทกุ คนประพฤตปิ ฏบิ ัตติ นอยูใํ นความซ่ือสัตย์สุจรติ ในกฎกตกิ า และในระเบยี บแบบแผน โดยเทําเทียม เสมอกัน ประการท่ีสี่ คอื การทต่ี าํ งคนตาํ งพยายาม ทาํ ความคดิ ความเห็นของตนให๎ถูกต๎อง เที่ยงตรง และมั่นคงอยํูในเหตุในผล หากความคิด จิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยกันในทางท่ีดี ” คุณธรรมท้ังส่ีประการนั้นเป็นส่ิงท่ีเราทุกคนควรน๎อมนํามาปฏิบัติในการดําเนินชีวิต เน่ืองจากการมี เจตนา การพดู การกระทําที่มํุงดี มีเมตตา และมุํงชํวยเหลือเกื้อกูลตํอผ๎ูที่เราติดตํอด๎วย ยํอมทําให๎ผ๎ูท่ี มีปฏสิ ัมพันธ์กับเราน้ันรับร๎ูได๎ถึงความจริงใจที่เราส่ือออกไป นอกจากน้ี การท่ีเราประกอบการงานอยูํ ในความสัตย์สุจริต และพยายามมีหลักการสําหรับความคิดเห็นของตนเองให๎ถูกต๎อง มีเหตุผล จะนํามาซ่ึงความไว๎วางใจจากเพ่ือนรํวมงาน หัวหน๎างาน สังคม และประเทศชาติ จะทําให๎งานแตํละ อยํางสําเร็จลุลํวงไปได๎ด๎วยดี ไมํเกิดความเสียหาย ทุกคนที่เก่ียวข๎องยํอมมีความสุขความเจริญกัน ถ๎วนหน๎า เป็นการใช๎ความรข๎ู องตนเองยกระดบั สังคมให๎นําอยูดํ ว๎ ยการมีคณุ ธรรมประจาํ ใจ
118 กกกกกกกการมคี วามรู๎แตํเพียงอยาํ งเดียว ยงั ไมํพอทจี่ ะทาํ ใหง๎ านสาํ เรจ็ ลลุ ํวงไปดว๎ ยดี ต๎องมี คุณธรรมประกอบด๎วย เปรียบดังที่วาํ เงือ่ นไขความร๎ูเหมือนกบั เปน็ แรงผลกั ดัน ให๎ประสบความสาํ เรจ็ แตํเงื่อนไขคณุ ธรรมน้ันจะเปน็ เหมือนเข็มทศิ นําทางใหม๎ งุํ ไปสูทํ างท่ีถูกท่คี วร สรปุ เศรษฐกจิ พอเพียง คือ หลักการดาํ เนินชวี ิตท่ีจริงแทท๎ ส่ี ุด กรอบแนวคิดของหลักปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพียงมํงุ เน๎นความมั่นคง และความย่งั ยนื ของการพฒั นา อนั มคี ุณลักษณะท่ีสําคญั คือ สามารถประยุกต์ใชใ๎ นทุกระดบั ตลอดจนให๎ความสาํ คัญกับคาํ วาํ พอเพยี ง ท่ีประกอบด๎วย ความ พอประมาณ ความมเี หตุ มผี ล มีภมู คิ ม๎ุ กนั ท่ีดใี นตวั ภายใตเ๎ งื่อนไขของการตัดสนิ ใจ และการดาํ เนนิ กิจกรรมท่ีตอ๎ งอาศยั เงื่อนไขความรู๎ และเงอ่ื นไขคุณธรรม
119 ใบความรู้ เร่ืองท่ี 5 หลักการทรงงานของรัชกาลท่ี 9 วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อใหน๎ ักศกึ ษามีความรคู๎ วามเข๎าใจเร่ืองหลักการทรงงานของรชั กาลที่ 9 2. เพอ่ื ให๎นักศึกษามีทกั ษะการแสวงหาความรเ๎ู รือ่ งหลักการทรงงานของรชั กาลที่ 9 3. เพ่ือใหน๎ ักศึกษามีความตระหนักถึงความสาํ คญั เรอ่ื งหลักการทรงงานของ รชั กาลที่ 9 เนอ้ื หา กกกกกกก1. หลักการทรงงาน 1.1 ความหมายของหลักการทรงงาน การปฏิบตั ิหนา๎ ที่ หรอื ภารกจิ หรอื กิจกรรมของพระมหากษตั ริยท์ รงยดึ การ ดําเนินงานในลักษณะทางสายกลางท่ีสอดคล๎องกับส่ิงท่ีอยํูรอบตัว และสามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ และทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนา เพ่ือมํุงสํูประโยชน์ตํอประชาชนสูงสุด ซ่ึงพระมหากษัตริย์ในท่ีน้ีคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ผม๎ู คี ุณูปการตํอประชาชนชาวไทย และประชาคมโลก 1.2 หลักการทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาล ท่ี 9 มี 23 ข๎อ คอื 1.2.1 ศกึ ษาขอ๎ มูลให๎เป็นระบบ 1.2.1 การท่จี ะพระราชทานโครงการใดโครงการหนง่ึ จะทรงศึกษาข๎อมลู รายละเอียดอยํางเป็นระบบ ท้ังจากข๎อมูลเบ้ืองต๎นจากเอกสาร แผนที่สอบถามจากเจ๎าหน๎าที่ นักวิชาการและราษฎรในพื้นที่ ให๎ได๎รายละเอียดที่ถูกต๎อง เพ่ือที่จะพระราชทานความชํวยเหลือได๎ อยาํ งถูกตอ๎ ง รวดเร็ว ตรงตามความต๎องการของประชาชน 1.2.1 การศึกษาข๎อมลู อยาํ งเป็นระบบ ด๎วยวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ ศลิ ปวัฒนธรรมของชุมชน ฐานขอ๎ มลู ดังกลําวชํวยใหพ๎ ระราชกรณยี กิจตาํ ง ๆ ดําเนนิ สจํู ุดประสงค์ “เพ่ือประโยชน์สุขแหํงมหาชนชาวสยาม” 1.2.2 ระเบิดจากภายใน 1.2.1 พระองค์ทรงมงํุ เนน๎ เร่อื งการพฒั นาคนให๎เกดิ ความรคู๎ วามเข๎าใจ และ มองเหน็ ผลประโยชนข์ องการพัฒนาวาํ มีตํอตนเองและสงั คมอยาํ งไร เมื่อคนเข๎าใจเกิดความต๎องการ อยํางเหมาะสม คนในชมุ ชนก็พร๎อมท่ีจะรวํ มดําเนนิ การพฒั นา
120 1.2.1 ดังนั้น ความพร๎อมในการเตรียมชุมชนจึงเป็นสง่ิ สําคญั ความพรอ๎ ม การยอมรบั ของชุมชนตอ๎ งเกดิ จากภายในชุมชน มใิ ชํภายนอกยัดเยยี ด หรือตอ๎ งระเบิดจากข๎างใน แตํการระเบดิ ขา๎ งใน กต็ ๎องแตกตํางกันตามหลักภูมิสังคม หรือแตกตํางตามสภาพภูมิศาสตร์และสังคม วัฒนธรรม ของแตํละพ้ืนที่ แตํละกลุํมคน ภูมิปัญญาเดิมมีความสําคัญในการพัฒนาจากข๎างในไมํใชํ เอาทฤษฎใี หมํมาทําลายทฤษฎีเกาํ 1.2.3 แก๎ปญั หาจากจดุ เลก็ 1.2.1 ควรมองปัญหาภาพรวมกํอนเสมอ แตเํ มื่อจะลงมือแก๎ปัญหาน้นั ควรมอง ในสงิ่ ทค่ี นมกั จะมองขา๎ ม แล๎วเร่ิมแกป๎ ัญหาจากจุดเล็ก ๆ เสยี กํอน เมือ่ สาํ เรจ็ แล๎วจึงคํอย ๆ ขยับขยาย แกไ๎ ปเร่ือย ๆ ทีละจุด เราสามารถเอามาประยุกต์ใช๎กับการทํางานได๎ โดยมองไปท่ีเปูาหมายใหญํของ งานแตลํ ะชิ้น แล๎วเริม่ ลงมอื ทาํ จากจดุ เล็ก ๆ กอํ น คอํ ย ๆ ทํา คํอย ๆ แก๎ไปทีละจุด งานแตํละชิ้นก็จะ ลลุ ํวงไปไดต๎ ามเปูาหมายที่วางไว๎ “ ถา๎ ปวดหวั คดิ อะไรไมํออก ก็ต๎องแก๎ไขการปวดหัวน้ีกํอน มันไมํได๎ แก๎อาการจรงิ แตํต๎องแกป๎ ัญหาที่ทําใหเ๎ ราปวดหวั ให๎ไดเ๎ สยี กํอน เพอื่ จะใหอ๎ ยูํในสภาพทีด่ ไี ด๎… ” 1.2.4 ทําตามลาํ ดบั ข้ัน 1.2.4 ในการทรงงาน พระองคจ์ ะทรงเริ่มต๎นจากสิ่งทีจ่ าํ เปน็ ของประชาชน ท่ีสุดกํอน ได๎แกํ สาธารณสุข เมื่อมีรํางกายสมบูรณ์แข็งแรงแล๎ว ก็จะสามารถทําประโยชน์ด๎านอื่น ๆ ตอํ ไปได๎ จากนั้นจะเป็นเรือ่ งสาธารณูปโภคขั้นพ้ืนฐาน และสิ่งจําเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหลํงน้ําเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค ที่เอ้ือประโยชน์ตํอประชาชน โดยไมํทําลาย ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให๎ความร๎ูทางวิชาการ และเทคโนโลยีที่เรียบงําย เน๎นการปรับใช๎ ภมู ิปญั ญาทอ๎ งถ่ินท่ีราษฎรสามารถนาํ ไปปฏิบัตไิ ด๎ และเกดิ ประโยชน์สูงสุด ดังพระบรมราโชวาทความ ตอนหนง่ึ วํา 1.2.4 “...การพัฒนาประเทศจําเป็นต๎องทําตามลําดับข้ัน ต๎องสร๎างพ้ืนฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช๎ของประชาชนสํวนใหญํเป็นเบ้ืองต๎นกํอน ใช๎วิธีการและอุปกรณ์ท่ีประหยัด แตถํ กู ต๎องตามหลักวิชาการ เมอื่ ไดพ๎ ้ืนฐานท่มี น่ั คงพร๎อมพอสมควรและปฏิบตั ไิ ด๎แล๎ว จึงคํอยสร๎างคํอย เสริมความเจริญ และฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงข้ึนโดยลําดับตํอไป หากมํุงแตํจะทุํมเทสร๎างความเจริญ ยกเศรษฐกิจให๎รวดเร็วแตํประการเดียว โดยไมํให๎แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศ และ ของประชาชน โดยสอดคล๎องด๎วย ก็จะเกิดความไมํสมดุลในเร่ืองตําง ๆ ขึ้น ซ่ึงอาจกลายเป็นความ ยํุงยากล๎มเหลวได๎ในท่ีสุด ดังเห็นได๎ที่อารยประเทศกําลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอยํางรุนแรงใน เวลาน้ี การชํวยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพ และต้ังตัวให๎มีความพอกิน พอใช๎ กอํ นอนื่ เปน็ พนื้ ฐานนั้น เป็นสิ่งสําคัญอยํางย่ิงยวด เพราะผู๎ท่ีมีอาชีพ และฐานะเพียงพอที่จะพึ่งตนเอง ยํอมสามารถสร๎างความเจริญก๎าวหน๎าระดับที่สูงได๎ตํอไปโดยแนํนอน สํวนการถือหลักท่ีจะสํงเสริม ความเจริญให๎คํอยเป็นไปตามลําดับ ด๎วยความรอบคอบระมัดระวังและประหยัดน้ัน ก็เพื่อปูองกัน ความผดิ พลาดล๎มเหลวและเพ่อื ใหบ๎ รรลุผลสาํ เรจ็ ไดแ๎ นนํ อนบริบูรณ์...” 1.2.5 ภมู สิ งั คม ภูมศิ าสตร์ สงั คมศาสตร์ 1.2.5 ภูมิ หมายความถงึ ลักษณะของภูมปิ ระเทศ ซึ่งก็คอื สภาพแวดล๎อมท่ีอยูํ รอบ ๆ ตวั เราน่นั เอง พดู แบบชาวบ๎านก็คอื ดิน น้าํ ลม ไฟ น่ันเอง เพราะสภาพภมู ปิ ระเทศในแตลํ ะ
121 ภมู ิภาคน้ัน แตกตํางกันไปมาก ตวั อยํางเชนํ อุณหภมู คิ วามหนาวรอ๎ น ความแห๎งแล๎ง และชุํมฉํา่ แตกตาํ งกันไป อยาํ งในประเทศไทย ภาคเหนือสวํ นใหญํเปน็ ภูเขา ทางใต๎เป็นพ้ืนท่ีพรุ ภาคกลางเปน็ ท่ี ราบลํุม สํวนภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือเป็นที่ราบสูงแหง๎ แลง๎ ในบางสวํ น เป็นต๎น 1.2.5 สังคม คือ สภาพแวดลอ๎ มทางวัฒนธรรม จารีตประเพณี วิถชี ีวติ แนวคดิ ทัศนคติ ท่ีแตกตํางกัน และอยูลํ ๎อมรอบผ๎ูคนทม่ี ีชีวิตอยํูในพน้ื ท่นี ้ัน นกั วางแผนพฒั นาจะต๎องไมํ ประเมนิ หรอื คาดการณ์วาํ ผูค๎ นในพื้นที่ใดพ้ืนที่หนึ่งจะมีวัฒนธรรม คํานยิ ม และการชอบ หรือไมํชอบ ส่ิงใดเหมือนกนั ไปหมดเปน็ บรรทดั ฐาน เราจะต๎องไมํไปตัดสินใจแทนเขาในเรื่องของความต๎องการและ ความพงึ พอใจตามแนวคดิ ที่ผูกพันอยูํกบั เรา 1.2.5 การพัฒนาใด ๆ ต๎องคํานึงถึงสภาพภมู ิประเทศของบริเวณน้ันวํา เป็นอยํางไร และสังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีแตํละ ท๎องถ่นิ ทมี่ ีความแตกตาํ งกนั 1.2.6 ทํางานแบบองค์รวม 1.2.5 ทรงมวี ิธคี ดิ อยาํ งองค์รวม (Holistic) หรือมองอยาํ งครบวงจร ในการท่ีจะ พระราชทานพระราชดําริเกี่ยวกับโครงการหน่ึงนั้น จะทรงมองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และแนวทาง แกไ๎ ขอยาํ งเช่อื มโยง ดังเชํน กรณีของ “ทฤษฎใี หม”ํ ท่ีพระราชทานให๎แกปํ วงชนชาวไทย เป็นแนวทาง ในการประกอบอาชีพแนวทางหน่ึงที่พระองค์ทรงมองอยํางองค์รวม ตั้งแตํการถือครองท่ีดินโดยเฉลี่ย ของประชาชนคนไทย ประมาณ 10 - 15 ไรํ การบริหารจัดการที่ดินและแหลํงน้ํา อันเป็น ปัจจยั พื้นฐานท่ีสําคัญในการประกอบอาชีพ เม่ือมนี ํา้ ในการทําเกษตรแล๎ว จะสํงผลให๎ผลผลิตดีข้ึนและ หากมีผลผลิตเพ่ิมมากขึ้น เกษตรกรจะต๎องร๎ูจักวิธีการจัดการและการตลาด รวมถึงการรวมกลุํมรวม พลังชุมชนให๎มีความเข๎มแข็ง เพ่ือพร๎อมท่ีจะออกสํูการเปล่ียนแปลงของสังคมภายนอกได๎อยํางครบ วงจรนน่ั คอื ทฤษฎีใหมํ ขัน้ ที่ 1, 2 และ 3 1.2.7 ไมํตดิ ตํารา 1.2.5 เมื่อเราจะทําการใดนั้น ควรทํางานอยํางยืดหยุํนกับสภาพและสถานการณ์ น้นั ๆ ไมใํ ชกํ ารยดึ ตดิ อยูํกบั แคใํ นตําราวชิ าการ เพราะบางที่ ความรท๎ู วํ มหัว เอาตัวไมํรอด บางคร้ังเรา ยึดติดทฤษฎีมากจนเกินไปจนทําอะไรไมํได๎เลย สิ่งที่เราทําบางคร้ังต๎องโอบอ๎อมตํอสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดลอ๎ ม สงั คม และจิตวิทยาดว๎ ย 1.2.8 ประหยดั เรยี บงําย ไดป๎ ระโยชน์สงู สดุ 1.2.5 ในเร่ืองของความประหยัดน้ี ประชาชนชาวไทยทราบกันดีวาํ เร่ืองสํวน พระองค์ก็ทรงประหยัดมากดังที่เราเคยเห็นวํา หลอดยาสีพระทนต์น้ัน ทรงใช๎อยํางคุ๎มคําอยํางไร หรือฉลองพระองค์แตํละองค์ทรงใช๎อยูํเป็นเวลานาน ดังที่นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัย พัฒนา เคยเลําวํา “...กองงานในพระองค์โดยทํานผู๎หญิงบุตรี วีระไวทยะ บอกวําปีหนึ่งพระองค์เบิก ดนิ สอ 12 แทงํ เดือนละแทงํ ใช๎จนกระทัง่ กดุ ใครอยําไปทิ้งของทํานนะ จะกริ้วเลย ประหยัดทุกอยําง เป็นต๎นแบบทุกอยําง ทุกอยํางน้ีมีคําสําหรับพระองค์หมด ทุกบาททุกสตางค์จะใช๎อยํางระมัดระวัง จะส่ังให๎เราปฏิบัติงานด๎วยความรอบคอบ...” ขณะเดียวกันการพัฒนาและชํวยเหลือราษฎร ทรงใช๎ หลักในการแก๎ไขปัญหาด๎วยความเรียบงํายและประหยัด ราษฎรสามารถทําได๎เองหาได๎ในท๎องถิ่น
122 และประยุกต์ใช๎ส่ิงที่มีอยูํในภูมิภาคนั้น ๆ มาแก๎ไขปัญหาโดยไมํต๎องลงทุนสูง หรือใช๎เทคโนโลยีที่ไมํ ยงํุ ยากนกั 1.2.9 ทาํ ให๎งําย 1.2.5 ดว๎ ยพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถในพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทําให๎การคิดค๎น ดัดแปลง ปรับปรุง และแก๎ไขงานการ พัฒนาประเทศตามแนวพระราชดําริดําเนินไปได๎โดยงําย ไมํยุํงยากซับซ๎อน และที่สําคัญอยํางย่ิง คอื สอดคล๎องกับสภาพความเปน็ อยํูและระบบนิเวศโดยสํวนรวม ตลอดจนสภาพทางสังคมของชุมชน น้ัน ๆ ทรงโปรดที่จะทําสิ่งท่ียากให๎กลายเป็นงําย ทําส่ิงที่สลับซับซ๎อนให๎เข๎าใจงําย อันเป็นการ แก๎ปัญหาด๎วยการใช๎กฎแหํงธรรมชาติเป็นแนวทางนั่นเอง แตํการทําสิ่งยาก ให๎กลายเป็นงํายน้ันเป็น ของยาก ฉะน้ันคําวํา “ทําให๎งําย” หรือ “Simplicity” จึงเป็นหลักคิดสําคัญที่สุดของการพัฒนา ประเทศในรปู แบบของโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดาํ ริ 1.2.10 การมสี ํวนรํวม มีสํวนรวํ มและคิดถงึ สํวนรวม 1.2.10 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงเป็น นักประชาธปิ ไตย จงึ ทรงนาํ “ประชาพจิ ารณ์” มาใช๎ในการบริหารเพอ่ื เปิดโอกาสให๎สาธารณชน ประชาชน หรือเจา๎ หนา๎ ทีท่ ุกระดับได๎มารํวมกันแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั เรือ่ งท่จี ะตอ๎ งคํานงึ ถึงความ คิดเหน็ ของประชาชน หรอื ความตอ๎ งการของสาธารณสุข ดังพระราชดํารัสตอนหน่งึ วํา 1.2.10 “...สาํ คัญท่ีสดุ จะต๎องหัดทําใจใหก๎ วา๎ งขวางหนกั แนํน รจ๎ู ักรับฟังความ คิดเหน็ แมก๎ ระท่ังความวพิ ากษว์ ิจารณจ์ ากผ๎ูอนื่ อยาํ งฉลาด เพราะการรูจ๎ กั รบั ฟงั อยาํ งฉลาดน้ันแทจ๎ รงิ คือ การระดมสติปัญญาและประสบการณ์อันหลากหลาย มาอํานวยการปฏบิ ตั บิ ริหารงานให๎ประสบ ความสาํ เรจ็ ทส่ี มบรู ณน์ นั่ เอง...” 1.2.11 ต๎องยึดประโยชน์สวํ นรวม 1.2.10 การปฏิบตั พิ ระราชกรณียกจิ และการพระราชทานพระราชดํารใิ นการ พัฒนาและชํวยเหลือพสกนิกร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงระลึกถึงประโยชน์ของสํวนรวมเป็นสําคัญ ดังพระราชดํารัสความตอนหน่ึงวํา “...ใครตํอใครบอก วําขอให๎เสียสละสํวนตัวเพื่อสํวนรวม อันน้ีฟังจนเบ่ือ อาจจะรําคาญด๎วยซ้ําวํา ใครตํอใครมาก็บอกวํา ขอให๎คดิ ถงึ ประโยชน์สวํ นรวม อาจมานึกในใจวํา ให๎ ๆ อยํูเร่ือยแล๎วสํวนตัวจะได๎อะไร ขอให๎คิดวําคน ที่ให๎เพ่ือสํวนรวมน้ัน มิได๎ให๎สํวนรวมแตํอยํางเดียว เป็นการให๎เพื่อตัวเองสามารถที่จะมีสํวนรวมท่ีจะ อาศยั ได.๎ ..” 1.2.12 บรกิ ารรวมที่จุดเดยี ว 1.2.12 การบรกิ ารรวมทจ่ี ดุ เดยี ว เปน็ รูปแบบการบริการแบบเบด็ เสร็จ หรือ One Stop Services ท่ีเกิดข้ึนเป็นคร้ังแรกในระบบบริหารราชการแผํนดินของประเทศไทย โดยทรงให๎ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดําริเป็นต๎นแบบในการบริการรวมท่ีจุดเดียว เพื่อประโยชน์ตํอประชาชนที่มาขอใช๎บริการ จะประหยัดเวลาและคําใช๎จําย โดยมีหนํวยงานราชการ ตําง ๆ มารํวมดําเนินการและให๎บริการประชาชน ณ ท่ีแหํงเดียว ดังพระราชดํารัสความตอนหน่ึงวํา 1.2.12 “...กรม กองตําง ๆ ที่เก่ียวข๎องกับชีวิตประชาชนทุกด๎านได๎สามารถ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปรองดองกัน ประสานกันตามธรรมดาแตํละฝุายต๎องมีศูนย์ของตน แตํวํา
123 อาจจะมีงานถือวําเป็นศูนย์ของตัวเอง คนอ่ืนไมํเกี่ยวข๎อง และศูนย์ศึกษาการพัฒนาเป็นศูนย์ที่ รวบรวมกาํ ลงั ท้ังหมดของเจา๎ หนา๎ ท่ีทุกกรม กอง ทั้งในด๎านเกษตร หรือในด๎านสังคม ทั้งในด๎านหางาน การสํงเสริมการศึกษามาอยูดํ ๎วยกัน ก็หมายความวําประชาชน ซึง่ จะตอ๎ งใช๎วิชาการทั้งหลายก็สามารถ ที่จะมาดู สํวนเจ๎าหน๎าที่จะให๎ความอนุเคราะห์แกํประชาชนก็มาอยํูพร๎อมกันในท่ีเดียวกัน เหมือนกัน ซึ่งเปน็ สองดา๎ น กห็ มายถงึ วาํ ทสี่ าํ คญั ปลายทางคือ ประชาชนจะไดร๎ ับประโยชน์และต๎นทางของผู๎เป็น เจ๎าหน๎าทจ่ี ะให๎ประโยชน.์ ..” 1.2.13 ใชธ๎ รรมชาติชํวยธรรมชาติ 1.2.13 การเข๎าใจถงึ ธรรมชาติ และต๎องการใหป๎ ระชาชนใกลช๎ ดิ กับธรรมชาติ ทรง มองอยํางละเอียดถึงปัญหาของธรรมชาติ หากเราต๎องการแก๎ไขธรรมชาติจะต๎องใช๎ธรรมชาติเข๎า ชํวยเหลือ เชํน การแก๎ไขปัญหาปุาเส่ือมโทรม โดยพระราชทานพระราชดําริ การปลูกปุาโดยไมํต๎อง ปลูก (ต๎นไม๎) ปลํอยให๎ธรรมชาติชํวยในการฟื้นฟูธรรมชาติ และต๎องการให๎ประชาชนใกล๎ชิดกับ ธรรมชาติ ทรงมองอยํางละเอียดถึงปัญหาธรรมชาติ หากเราต๎องการแก๎ไขธรรมชาติ จะต๎องใช๎ ธรรมชาติเข๎าชํวยเหลือ อาทิ การแก๎ไขปัญหาปุาเสื่อมโทรมได๎พระราชทานพระราชดําริ การปลูกปุา โดยไมํต๎องปลูก ปลํอยให๎ธรรมชาติชํวยในการฟ้ืนฟูธรรมชาติ หรือแม๎กระท่ัง การปลูกปุา 3 อยําง ประโยชน์ 4 อยาํ ง ได๎แกํ ปลูกไม๎เศรษฐกิจ ไม๎ผล และไม๎ฟืน นอกจากได๎ประโยชน์ตามช่ือของไม๎แล๎ว ยังชํวยรักษาความชุํมช้ืนใหแ๎ กํพ้ืนดินด๎วย จะเห็นได๎วําทรงเข๎าใจธรรมชาติ และมนุษย์อยํางเกื้อกูลกัน ทําให๎คนอยํูรํวมกับปุาได๎อยํางย่ังยืน เชํน การแก๎ไขปัญหาปุาเสื่อมโทรมได๎ พระราชทาน พระราชดาํ ริ การปลกู ปาุ 1.2.14 ใชอ๎ ธรรมปราบอธรรม 1.2.14 นอกเหนือจากการ “ทําให๎งําย” แล๎ว ยังทรงนําความจริงในเร่ืองความ เป็นไปแหงํ ธรรมชาติ และกฎเกณฑข์ องธรรมชาติมาเป็นหลักการ แนวปฏิบัติท่ีสําคัญในการแก๎ปัญหา และปรับปรุงเปล่ียนแปลงสภาวะท่ีไมํปรกติ ให๎เข๎าสํูระบบที่เป็นปรกติ เชํน การนํานํ้าดีขับไลํนํ้าเสีย หรือเจือจางนํ้าเสียให๎กลับเป็นนํ้าดี ตามจังหวะการขึ้นลงตามธรรมชาติของน้ํา การบําบัดนํ้าเนําเสีย โดยใช๎ผกั ตบชวา ซึ่งมีตามธรรมชาติให๎ดูดซับสิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้ําดังพระราชดํารัสวํา “ใช๎อธรรม ปราบอธรรม” แนวพระราชดําริที่พระราชทานในด๎านสิ่งแวดล๎อม ซ่ึงเรื่องใกล๎ชิดประชาชนมากท่ีสุด คือ การแก๎ไขปัญหาขยะ และนํ้าเสีย ที่นับวันจะกํอตัวและทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเขต ชุมชนเมือง ท่ีมีกิจกรรมการผลิตหลากหลาย เชํน อาคาร ห๎างร๎าน โรงงานอุตสาหกรรม บ๎านเรือน ภาคการเกษตร ล๎วนมีสํวนทําให๎เกิดนํ้าเสีย และขยะจนกลายเป็นปัญหาใหญํของหลายเมือง ทั้งใน ด๎านของสถานที่กําจัดขยะ ความรู๎และเทคโนโลยีการจัดการ รวมถึงงบประมาณท่ีใช๎ในปริมาณสูง 1.2.15 ปลกู ปุาในใจคน 1.2.15 ตอ๎ งปลกู ปาุ ทจ่ี ิตสํานกึ กํอน ต๎องใหเ๎ ห็นคณุ คาํ กํอนทีจ่ ะลงมอื ทาํ การดูแลปัญหายาเสพติด ถ๎าคนทําหน๎าที่นี้ยังทํา เพราะเป็นหน๎าที่งานสําเร็จได๎ยาก แตํถ๎าทําด๎วย ความดีใจท่ีได๎ชํวยลูกเขาให๎กลับคืนสํูอ๎อมอกพํอแมํได๎เพียงหน่ึงคน ซึ่งค๎ุมคํากวําได๎เงินทองเป็นล๎าน แสดงวําพลังตํอส๎ูกับยาเสพติดได๎เกิดข้ึนในใจของทํานแล๎ว จงปลุกสิงโตทองคําในหัวใจ ให๎ต่นื ขึน้ มาให๎ได๎กํอน เป็นการปลูกปุาลงบนแผํนดินด๎วย ความต๎องการอยูํรอดของมนุษย์ ทําให๎ต๎อง มีการบริโภคและใช๎ทรัพยากรธรรมชาติอยํางส้ินเปลือง เพื่อประโยชน์ของตนเอง และสร๎างความ
124 เสียหายให๎แกํสิ่งแวดล๎อม ปัญหา ความไมํสมดุลจึงบังเกิดข้ึน ดังน้ัน ในการที่จะฟ้ืนฟู ทรัพยากรธรรมชาติให๎กลับคืนมา จะต๎องปลูกจิตสํานึกในการรักผืนปุาให๎แกํคนเสียกํอน ดังพระราช ดาํ รัสความตอนหนง่ึ วํา “...เจ๎าหนา๎ ทปี่ ุาไมค๎ วรจะปลูกต๎นไม๎ ลงในใจคนเสียกํอน แล๎วคนเหลําน้ันก็จะ พากนั ปลูกตน๎ ไม๎ลงบนแผํนดินและรกั ษาตน๎ ไม๎ด๎วยตนเองกอํ น” 1.2.16 ขาดทนุ คอื กาํ ไร 1.2.15 “...ขาดทุน คอื กาํ ไร Our loss is our gain...การเสยี คือ การได๎ ประเทศชาตกิ จ็ ะกา๎ วหน๎า และการที่คนอยํูดีมีสุขน้ันเป็นการนับท่ีเป็นมูลคําเงินไมํได๎...” จากพระราช ดํารัสดังกลําว คือ หลักการในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่มีตํอ พสกนกิ รไทย “การให๎” และ “การเสียสละ” เป็นการกระทําอันมีผลเป็นกําไร คือความอยูํดีมีสุขของ ราษฎร ซ่ึงสามารถสะท๎อนให๎เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนได๎ ถ๎าอยากให๎ประชาชนอยูํดี กินดี ก็ต๎องลงทุน ต๎องสร๎างโครงสร๎าง ซึ่งต๎องใช๎เงิน เป็นร๎อย พัน หม่ืนล๎าน ถ๎าทําไปเป็นการจํายเงินของรัฐบาล แตํใน ไมํช๎าประชาชนจะได๎รับผล ราษฎรอยูํดี กินดี ราษฎรได๎กําไรไป ถ๎าราษฎรมีรายได๎ รัฐบาลก็เก็บภาษี ได๎สะดวก เพ่ือให๎รัฐบาลได๎ทําโครงการตํอไป เพ่ือความก๎าวหน๎าของประเทศชาติ ถ๎าร๎ูรัก สามัคคี ร๎ูเสียสละ คือ การได๎ประเทศชาติก็จะก๎าวหน๎า และการที่คนอยูํดีมีสุขนั้นเป็นการนับท่ีเป็นมูลคําเงิน ไมไํ ด๎ 1.2.17 การพึ่งตนเอง 1.2.15 การพัฒนาตามแนวพระราชดํารสั เพ่ือแก๎ไขปญั หาในเบื้องตน๎ ดว๎ ยการ แก๎ไขปัญหาเฉพาะหน๎า เพ่ือใหม๎ คี วามแข็งแรง พอทจ่ี ะดาํ รงชวี ิตไดต๎ อํ ไป แลว๎ ข้ันตํอไป ก็คือการ พฒั นาให๎ประชาชนสามารถอยํูในสงั คมไดต๎ ามสภาพแวดลอ๎ มและสามารถ “พึ่งตนเองได๎” ในทส่ี ุด หลกั การพ่ึงตนเองตอ๎ งมคี วามพอดี 5 ประการ 1.2.15 1. ความพอดดี ๎านจิตใจต๎องเข๎มแข็ง พึง่ ตนเองได๎ มจี ิตสาํ นึกทด่ี ี เออ้ื อาทรและนกึ ถึงประโยชน์สวํ นรวม 1.2.15 2. ความพอดีด๎านสังคมตอ๎ งชํวยเหลอื เก้ือกูลกนั สรา๎ งความเข๎มแข็งให๎ ชุมชนร๎ูจกั ผนกึ กาํ ลงั และมกี ระบวนการเรียนรทู๎ ่เี กดิ จากรากฐานที่มน่ั คงและแข็งแรง 1.2.15 3. ความพอดดี ๎านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล๎อม รู๎จกั ใชแ๎ ละ จัดการอยํางฉลาดรอบคอบ เพื่อใหเ๎ กดิ ความยงั่ ยนื สูงสดุ และใชท๎ รัพยากรในประเทศเพื่อพฒั นา ประเทศให๎มน่ั คงอยูเํ ปน็ ขน้ั เป็นตอนตอํ ไป 1.2.15 4. ความพอดีด๎านเทคโนโลยี ร๎ูจักใชเ๎ ทคโนโลยีทเี่ หมาะสมและ สอดคลอ๎ งกบั ความต๎องการ และควรพฒั นาเทคโนโลยจี ากภูมิปญั ญาชาวบ๎านของเราเอง เพอ่ื สอดคล๎องและเป็นประโยชน์ตํอสภาพแวดลอ๎ มของเราเอง 1.2.15 5. ความพอดดี ๎านเศรษฐกิจ เพ่ือรายได๎ ลดรายจําย ดาํ รงชีวติ อยาํ งพอควร 1.2.18 พออยูํพอกิน 1.2.18 เปน็ แนวทางในการดาํ เนนิ ชีวติ ประจาํ วนั ใหส๎ ามารถอยรูํ ํวมกับคนใน หนํวยงานได๎อยํางมคี วามสุข การพออยูํพอกินจะทําให๎เรามีความสุข และประหยัดเงินเอาไว๎ใช๎ในยาม จําเป็น การใช๎เงินอยํางสุรุํยสุรํายจะทําให๎เราไมํมีเงินเก็บ การท่ีจะต๎องการเงินมาใช๎ก็ไมํมีจะต๎องไป หยิบยืมจากผ๎ูอื่น ทําให๎ผู๎อ่ืนเดือดร๎อนไปด๎วย และถ๎ากู๎เงินก็จะโดนดอกเบี้ยทําให๎เราต๎องหาเงินเพิ่ม
125 มากกวําที่ตัวเองไปก๎ูเค๎ามา ทําให๎ตัวเองเป็นทุกข์ ยึดความประหยัด ตัดทอนคําใช๎จํายที่ไมํจําเป็น ความฟุมเฟอื ย ร๎จู ักคาํ วาํ “พอ” 1.2.18 พออยํู คือ การทเี่ ราปลูกปาุ ท่ีให๎ไม๎พืช ท่จี ําเปน็ ตํอการนํามาใชท๎ าํ ที่อยูํ อาศยั ตําง ๆ เชํน ไม๎ทาํ เสา ไม๎ทาํ พ้ืน ไมท๎ ําฝา ไมท๎ ําโครงสร๎างบ๎านตาํ ง ๆ เป็นต๎น คร้นั เมื่อเหลอื ใช๎ เรากแ็ บงํ จาํ ย แจก ขาย เปน็ รายไดเ๎ สรมิ ใหค๎ รอบครัวได๎ 1.2.18 พอกนิ คือ การที่เราปลูกปุาเพื่อให๎ได๎พืชทเ่ี ราจะนาํ มาใชก๎ นิ ได๎ อยํางพอเพียง เชํน ข๎าว ผกั ฯลฯ เมือ่ เหลอื กินแล๎ว เรากแ็ บํงออกขายหารายไดเ๎ สรมิ ไดเ๎ ราจะตอ๎ งใชใ๎ น ชีวิตประจําวัน เชํน ยา ขนม ผลไม๎ เครื่องปรุง เป็นต๎น ครั้นเมอื่ เราใช๎ได๎อยํางพอเพียงแลว๎ เรากแ็ บงํ ออกขายหารายไดใ๎ ห๎แกคํ รอบครวั ได๎ 1.2.18 พอใช๎ คือ การปลกู ปาุ ให๎มพี ืชทีเ่ ราจะต๎องใช๎ในชวี ติ ประจาํ วัน เชนํ ยา ขนม ผลไม๎ เคร่ืองปรุง เป็นต๎น ครั้นเม่ือเราใช๎ได๎อยํางพอเพียงแล๎ว เราก็แบํงออกขายหารายได๎ แกคํ รอบครัวได๎ 1.2.18 พอมีพอกนิ ก็แปลวํา เศรษฐกจิ พอเพียงน่ันเอง ถ๎าแตํละคนมีพอมีพอกิน กใ็ ช๎ได๎ ยิง่ ถ๎าทงั้ ประเทศพอมพี อกนิ กย็ ่งิ ดี 1.2.19 เศรษฐกิจพอเพยี ง ยึดแนวคดิ ประหยดั เรยี บงําย ประโยชน์สูงสดุ 1.2.19 เศรษฐกจิ พอเพยี ง คือ พระราชปรัชญาซง่ึ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงพระกรุณาพระราชทานแกํพสกนกิ รชาวไทย เพ่ือให๎สังคมไทยมี ชวี ติ ดํารงอยํไู ด๎อยํางม่ันคงและยงั่ ยืน ไมํวําเมอ่ื ต๎องเผชิญกับวกิ ฤตการณ์ หรอื การเปลีย่ นแปลงใด ๆ บนพืน้ ฐานวถิ ีชีวติ ดั้งเดิมของสังคมไทยนํามาประยกุ ต์ใช๎ 1.2.19 “ความพอเพียง” หมายถงึ ความพอประมาณอยํางมีเหตุผลโดยสรา๎ ง ภูมิคุ๎มกันในตัวที่ดีพอสมควร เพ่ือท่ีจะรองรับการเปล่ียนแปลงที่รวดเร็ว กว๎างขวาง ทั้งทางด๎านวัตถุ สงั คม สิง่ แวดล๎อม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได๎เปน็ อยาํ งดี โดยอาศยั ความรอบรู๎ รอบคอบ และ ความระมัดระวังในการนําวิชาการตําง ๆ มาใช๎วางแผน และดําเนินการทุกขั้นตอน ควบคูํไปกับการ สร๎างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติทุกระดับให๎สํานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ดําเนินชีวิตด๎วย ความอดทน ความเพียร ความมีสติปัญญา และความรอบคอบ มีเหตุผล โดยที่ความพอประมาณน้ัน หมายถึง ความพอดีที่ไมํน๎อยเกินไป และไมํมากเกินไป ไมํเบียดเบียนตนเองและผ๎ูอื่น การนําหลัก เศรษฐกจิ พอเพียงมาใช๎น้ันขั้นแรกต๎องยึดหลัก “พ่ึงตนเอง” คือพยายามพึ่งตนเองให๎ได๎กํอนในแตํละ ครอบครัวมีการบรหิ ารจัดการอยํางพอดี ประหยัด ไมํฟุมเฟือย สมาชิกในครอบครัวแตํละคนต๎องรู๎จัก ตนเอง เชํน ข๎อมูล รายรับ-รายจําย ในครอบครัวของตนเองสามารถรักษาระดับการใช๎จํายของตน ไมํใหเ๎ ปน็ หน้ี และรู๎จกั ดึงศกั ยภาพในตวั เองในเรอ่ื งของปัจจัยสใ่ี ห๎ได๎ในระดับหนึ่ง การพัฒนาตนเองให๎ สามารถ “อยูํได๎อยํางพอเพียง” คือ ดําเนินชีวิตโดยยึดหลักทางสายกลางให๎อยํูได๎อยํางสมดุล คือ มีความสขุ ทแ่ี ท๎ ไมํใหร๎ ู๎สกึ ขาดแคลน จนตอ๎ งเบยี ดเบยี นตนเอง หรอื ดําเนินชีวติ อยาํ งเกินพอดี 1.2.20 ความซื่อสตั ย์สจุ ริต จริงใจตอํ กนั 1.2.20 ซือ่ สัตย์สุจรติ มคี วามหมายวาํ ความประพฤติดี ความประพฤติ ชอบ ประพฤตติ รง และจริงใจ ไมคํ ิดคดทรยศ ไมํคดโกง และไมํหลอกลวง คนจะได๎ชื่อวาํ มคี วาม
126 ซื่อสัตย์ ตอ๎ งมีความจริง 5 ประการ คือ 1.2.20 1. จรงิ ตํอการงาน หมายถงึ ทาํ อะไรทําจริง มํุงให๎งานสําเร็จเกดิ ประโยชน์สวํ นตน หรือสวํ นรวมไดจ๎ ริง ๆ 1.2.20 2. จริงตํอหนา๎ ท่ี หมายถงึ ทําจรงิ ในงานท่ีไดร๎ บั มอบหมาย ซึง่ เรยี กวํา หนา๎ ที่ทาํ งานเพ่ืองาน ทาํ งานให๎ดที ่ีสดุ ไมเํ ลนิ เลอํ ไมหํ ละหลวม ไมํหลีกเล่ยี ง บิดพลิว้ คอื หลกี เลย่ี งไมํปฏบิ ัติตามหนา๎ ท่ีตอ๎ งเอาใจใสหํ น๎าทีใ่ หง๎ านสําเรจ็ เกิดผลดี 1.2.20 3. จรงิ ตอํ วาจา หมายถึง การพดู ความจริง ไมกํ ลับกลอก รกั ษาวาจา สัตย์อยาํ งเครงํ ครดั พูดจริงทําจริงตามที่พูด 1.2.20 4. จรงิ ตํอบุคคล หมายถงึ มคี วามจรงิ ใจตํอคนท่เี กย่ี วข๎อง ตอํ มิตร และผู๎รํวมงาน จริงใจตํอเจ๎านายของตน เรียกวํา มคี วามจงรกั ภกั ดี จรงิ ใจตํอผ๎ูมพี ระคุณ เรยี กวํา มคี วามกตัญญูกตเวที 1.2.20 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 พระราชทานพระราชดํารสั เรือ่ ง ความซ่ือสัตย์สุจรติ จรงิ ใจตํอกนั อยํางตํอเนื่องตลอดมา เพราะทรง เห็นวาํ หากคนไทยทุกคนไดร๎ วํ มมอื กนั ชวํ ยชาติ พัฒนาชาติด๎วยความซ่อื สัตย์สุจรติ จรงิ ใจตํอกันแล๎ว ประเทศไทยจะเจรญิ ก๎าวหนา๎ อยํางมาก 1.2.21 ทาํ งานอยํางมีความสขุ 1.2.21 ทาํ งานต๎องมีความสขุ ด๎วย ถา๎ เราทําอยํางไมํมีความสุข เราจะแพ๎ แตํถา๎ เรามีความสุข เราจะชนะ สนุกกับการทํางานเพียงเทําน้ัน ถือวําเราชนะแล๎ว หรือจะทํางานโดย คํานึงถึงความสุขท่ีเกิดจากการได๎ทําประโยชน์ให๎กับผ๎ูอื่นก็สามารถทําได๎ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงเกษมสําราญ และทรงมีความสุขทุกคราท่ีจะ ชวํ ยเหลือประชาชน 1.2.22 ความเพียร 1.2.21 ความเพยี ร หมายถงึ ความก๎าวไปข๎างหน๎า ความดําเนินไป ความบากบั่น ความพยายาม ความอุตสาหะ ความหมั่น ความออกแรง ความไมํถอยหลัง ความทรงไว๎ ความไมํยํอ หยํอน ความไมํทอดทิ้ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงริเร่ิม ดาํ เนินงานโครงการตําง ๆ ในระยะแรกที่ไมํได๎มีความพร๎อมในการดําเนินงานมากนัก และทรงใช๎พระ ราชทรัพย์สํวนพระองค์ทั้งส้ิน แตํพระองค์ก็มิได๎ท๎อพระราชหฤทัย ทรงอดทน และมุํงม่ันดําเนินงาน น้นั ๆ ใหส๎ ําเรจ็ ลลุ วํ ง จากตวั อยํางบทพระราชนพิ นธพ์ ระมหาชนก พระมหาชนกเพียรวํายนํ้าอยํู 7 วัน 7 คืน แม๎จะมองไมํเห็นฝั่งแตํยังคงวํายตํอไป ไมํจมลง จนกลายเป็นอาหารของปลา และได๎รับความ ชํวยเหลอื จน ถึงฝง่ั ได๎ในท่สี ดุ 1.2.23 ร๎ู รัก สามคั คี คิ ด เ พื่ อ ง า น 1.2.21 คดิ เพ่อื งาน รู๎ = ตอ๎ งร๎ูปจั จยั รป๎ู ัญหา รท๎ู างออกของปัญหา รัก = เมอื่ รแู๎ ล๎ว ตอ๎ งเกิดความอยากในทางท่ีดกี ํอน คอื ฉันทะเห็นวาํ เป็น ประโยชน์ตอํ ประเทศชาติ ภูมิใจ อยากทํา
127 1.2.21 สามคั คี = ลงมือปฏิบตั ิ ตอ๎ งรวํ มมอื เพ่ือเกิดพลัง แยกกนั ไร๎คาํ รวมกนั ไรเ๎ ทียมทาน คิดเพื่อตัวเราเอง รู๎ = รจ๎ู ักทุกคนทั้งหน๎าทีก่ ารงาน ชวี ติ ครอบครัวทําอยํางไร จงึ จะรจู๎ กั ให๎ดีได๎ รู๎จดุ อํอน จดุ แขง็ โดยเฉพาะผูบ๎ งั คับบัญชา รกั = เน๎นความดี ใสํใจกันและกันมองกนั ในแงํดี สามคั คี = จึงจะเกิด กกกกกกกจากหลกั การทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 จํานวน 23 ขอ๎ ขา๎ งตน๎ เม่ือวิเคราะห์ในสํวนทเ่ี กย่ี วข๎องกับคุณธรรมของพลเมืองดี มี 9 ข๎อ ซึ่งพลเมือง ดีควรนําไปปฏบิ ัติใหเ๎ ป็นรปู ธรรม คือ กกกกกกกขอ๎ ที่ 10 การมสี ํวนรวํ ม มสี วํ นรํวมและคิดถึงสํวนรวม กกกกกกกขอ๎ ท่ี 11 ต๎องยึดประโยชน์สวํ นรวม กกกกกกกข๎อที่ 12 บรกิ ารจุดเดยี ว กกกกกกกข๎อท่ี 16 ขาดทนุ คอื กําไร กกกกกกกขอ๎ ที่ 17 การพง่ึ ตนเอง กกกกกกกขอ๎ ที่ 20 ความซ่อื สัตยส์ ุจรติ จริงใจตอํ กัน กกกกกกกขอ๎ ท่ี 21 ทํางานอยํางมีความสขุ กกกกกกกข๎อท่ี 22 ความเพียร กกกกกกกขอ๎ ที่ 23 ร๎ู รกั สามคั คี กกกกกกก2. แนวทางการปฏบิ ตั ิหน้าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน 2.1 การมีสํวนรวํ ม มีสํวนรวํ มและคิดถงึ สํวนรวม หน๎าท่ีพลเมอื งที่ดีมีแนวปฏิบตั ิ คือ ภารกจิ สวํ นรวม ทกุ คนควรเข๎าไปมีสวํ นรวํ ม คิด รํวมทําเพื่อให๎ภารกจิ น้นั สําเร็จลลุ ํวง ถงึ แม๎วําบางครัง้ การคิดของแตลํ ะคนอาจจะไมตํ รงกนั ก็ตาม แตํเราต๎องปฏิบตั ิตามถ๎าเป็นมตคิ วามคดิ เหน็ ของสวํ นใหญํ 2.2 ตอ๎ งยดึ ประโยชนส์ ํวนรวม หนา๎ ท่พี ลเมืองทด่ี มี ีแนวปฏบิ ตั ิ คอื จะตอ๎ งมีความเสยี สละ ในเร่ืองท่จี ําเปน็ เพื่อผลประโยชน์ของสํวนรวมและรักษาไว๎ซึ่งสังคมประชาธิปไตย เป็นการสํงผลตํอความมั่นคงและ ความก๎าวหน๎าขององค์กร ซึ่งสุดท๎ายแล๎วผลประโยชน์ดังกลําวก็ย๎อนกลับมาสูํสมาชิกของสังคม เชนํ การไปใช๎สิทธิเลือกตั้ง ถึงแม๎วําเราจะมีอาชีพบางอยํางท่ีมีรายได๎ตลอดเวลา เชํนค๎าขาย แตํก็ยอม เสียเวลาค๎าขายเพื่อไปลงสิทธิเลือกตั้ง บางคร้ังเราต๎องมีนํ้าใจชํวยเหลือกิจกรรมสํวนรํวม เชนํ การสมคั รเป็นกรรมการเลอื กตงั้ หรือสมาคมบาํ เพญ็ ประโยชน์สวํ นรวม เปน็ ต๎น 2.3 บรกิ ารจุดเดียว หน๎าท่ีพลเมืองที่ดีมีแนวปฏิบัติ คือ พลเมืองหลากหลายอาชีพซึ่งมีความร๎ูและ ประสบการณ์ท่ีแตกตํางกัน การรํวมกันแก๎ไขปัญหาหรือการบริการรํวมกัน ณ จุดเดียวกัน เพ่ือให๎ สมาชกิ ในสงั คมไดร๎ ับบริการเบ็ดเสร็จ
128 2.4 ขาดทนุ คอื กาํ ไร หนา๎ ทพ่ี ลเมืองที่ดมี ีแนวปฏิบตั ิ คือ การเสียสละผลประโยชน์ที่ตนเองจะได๎รบั ให๎ กันสวํ นรวมแทน เพราะเมื่อสวํ นรวมได๎รบั ผลประโยชนน์ ่ี เราในฐานะเป็นสํวนหนงึ่ ของสมาชิกสังคมก็ ไดร๎ ับผลประโยชน์ด๎วย 2.5 การพึ่งตนเอง หน๎าทพ่ี ลเมอื งท่ีดีมีแนวปฏิบตั ิ คือ พยายามพ่งึ ตนเองให๎มากท่ีสดุ ลดการพงึ่ พา ภายนอก จะทําใหส๎ ามารถแก๎ไขปัญหาในเบอ้ื งต๎นได๎ 2.6 ความซื่อสตั ย์สุจรติ จริงใจตอํ กนั หน๎าที่พลเมืองที่ดีมีแนวปฏิบัติ คือ การปฏิบัติตน ทางกาย วาจา จิตใจ ท่ีตรงไปตรงมา ไมแํ สดงความคดโกงไมํหลอกลวง ไมเํ อาเปรียบผ๎ูอ่ืน ล่ันวาจาวําจะทํางานส่ิงใดก็ต๎องทําให๎สําเร็จเป็น อยาํ งดี ไมกํ ลบั กลอก มคี วามจริงใจตํอทกุ คน จนเปน็ ที่ไวว๎ างใจของคนทกุ คน 2.7 ทํางานอยาํ งมีความสุข หน๎าที่พลเมอื งที่ดมี ีแนวปฏิบัติ คือ ขณะทํางานต๎องมีความสขุ ดว๎ ย ถ๎าเราทําอยาํ ง ไมํมีความสุข เราจะแพ๎ แตํถ๎าเรามีความสขุ เราจะชนะ สนุกกับการทํางานเพยี งเทาํ นนั้ ถอื วาํ เราชนะ แลว๎ หรอื จะทํางานโดยคํานงึ ถึงความสุขทเ่ี กิดจากการไดท๎ ําประโยชน์ให๎กบั ผ๎อู นื่ กส็ ามารถทําได๎ 2.8 ความเพยี ร หน๎าทพ่ี ลเมืองทีด่ มี ีแนวปฏบิ ัติ คอื การเร่ิมต๎นทํางาน หรอื ทาํ ส่ิงใดนัน้ อาจไมมํ ี ความพร๎อมแตํต๎องอาศัยความอดทนและความมํงุ มน่ั เพียรพยายามให๎งานน้ันสาํ เร็จลุลวํ งไปได๎ 2.9 ร๎ู รัก สามัคคี หนา๎ ทพี่ ลเมอื งทีด่ ีมีแนวปฏิบตั ิ คอื ต๎องมีความรใู๎ นงานที่ตนเองทาํ เป็นอยํางดกี ํอน ตอํ จากน้ันให๎ทาํ งานดว๎ ยความรักและเมอ่ื ลงมอื ปฏิบัติ ถา๎ ทาํ คนเดียวไมสํ าํ เรจ็ กต็ ๎องใช๎บุคคลอื่นมาชวํ ย ทาํ รวํ มกนั อยํางมีความสามัคคี สรุป กกกกกกกหลักการทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 มีจํานวน 23 ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาข๎อมูลให๎เป็นระบบ (2) ระเบิดจากภายใน (3) แก๎ปัญหาจากจุดเล็ก (4) ทําตามลําดับข้ัน (5) ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ (6) ทํางานแบบองค์รวม (7) ไมํติดตํารา (8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน์สูงสุด (9) ทําให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม มีสํวนรํวมและคิดถึง สํวนรวม (11) ต๎องยึดประโยชน์สํวนรวม (12) บริการรวมจุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกําไร (17) การพึ่งตนเอง (18) พออยพูํ อกนิ (19) เศรษฐกิจพอเพียง ยึดแนวคิดประหยัด เรียบงําย ประโยชน์สูงสุด (20) ความ ซื่อสัตยส์ ุจรติ จรงิ ใจตอํ กนั (21) ทํางานอยํางมีความสุข (22) ความเพยี ร (23) ร๎ู รกั สามคั คี
129 ใบความรู้ เรอื่ งท่ี 6 พระราชจริยวตั รในครอบครัว วัตถุประสงค์ 1. เพือ่ ใหน๎ กั ศกึ ษามคี วามรูค๎ วามเขา๎ ใจเร่ือง พระราชจรยิ วัตรในครอบครัว 2. เพือ่ ให๎นักศกึ ษามีทกั ษะการแสวงหาความรเ๎ู รอ่ื ง พระราชจรยิ วัตรในครอบครัว 3. เพื่อให๎นกั ศึกษามีความตระหนกั ถงึ ความสาํ คัญเรื่อง พระราชจรยิ วัตรในครอบครวั เน้อื หา กกกกกกกพระราชจรยิ วตั รอันงดงามและพระราชอัธยาศยั อันนําประทบั ใจของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูํหัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นท่ีประจักษ์แกํสายตาชาวโลก พระองค์ทรงเป็นแบบอยํางของ คําวํา สุภาพบุรุษ และทรงเป็น เอกบุรุษ หนึ่งเดียวที่คนทั่วโลกตํางถวายพระราชสมัญญานามวํา “King of Kings” หรอื “Great King” ยอดพระมหากษตั ริยข์ องโลก กกกกกกก1. พอ่ ผเู้ ป็นแบบอย่างของลกู ท่ีมีความกตญั ญูต่อผเู้ ป็นแม่ ในหลวงทรงเรียกสมเดจ็ พระราชชนนีหรือสมเด็จยํา อยํางธรรมดาวํา “แมํ” เมื่อคร้ังที่สมเด็จยํายังมีพระชนม์ชีพอยํูนั้น ในหลวงจะเสด็จพระราชดําเนินจากวังสวนจิตรฯ ไปยังวังสระปทุมในตอนเย็น เพ่ือเสวยพระกระยา หารค่ํากับสมเด็จพระราชชนนีเป็นการสํวนพระองค์ อยํางสมํ่าเสมอ มีรับสั่งกับข๎าราชบริพารวํา “ไปกินข๎าวกับแมํ ไปคุยกับแมํ ไปทําให๎แมํชํุมช่ืนหัวใจ” และในระหวําง สมเด็จยําพระประชวร ในหลวงจะเสด็จไปประทับกับพระราชมารดาท่ีโรงพยาบาลศิริราชวันละหลายชั่วโมง เพ่ือทรงเป็น กาํ ลงั พระราชหฤทยั แสดงถึงความกตญั ญูของลกู ตํอผ๎เู ป็นแมํ อยาํ งหาท่สี ุดมิได๎ กกกกกกก2. พอ่ ผู้เป็นแบบอย่างของสภุ าพบรุ ษุ ท่ีกล่าวให้เกยี รตสิ ุภาพสตรีของพ่อเสมอ เมื่อปี พ.ศ.2503 ขณะที่พระองค์ทรงเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกา มีนักขําวตํางประเทศกราบบังคมทูลถามวํา “ทําไมพระองค์จึงทรงเครํงขรึมนัก ไมํทรงยิ้มเลย” พระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปทาง สมเด็จพระนาง เจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ และมีพระราชดํารัสวํา “She is my smile.” หรือแปลวํา “น่ันไง รอยย้ิม ของฉนั ” ถ๎ากลําวอยํางคาํ สามัญชน น่ันคอื ความโรแมนติก ทส่ี ขุ ใจทง้ั ผู๎ให๎ และช่นื ใจทงั้ ผูร๎ ับ กกกกกกก3. พ่อ ผู้เป็นแบบอย่างของผู้มีอารมณข์ นั อยู่เป็นนิจ พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยํหู วั เสด็จ ประพาสสหรัฐอเมริกาเป็นคร้ังแรก เป็นที่สนใจตํอสื่อมวลชนของอเมริกาเป็นอยํางมาก จึงได๎มี พระราชทานสัมภาษณ์ นักขําวหนํุมคนหนึ่งได๎ทูลถามวํา “ทําไมพระองค์จึงทรงเครํงขรึมนัก… ไมํทรง ย้ิมเลย?”ทรงหันพระพักตร์ไปทางสมเด็จพระนางเจ๎าฯ พลางรับสํงวํา“น่ันไง… ย้ิมของฉัน”แสดงให๎ เห็นถึงพระราชปฏิภาณ และพระราชอารมณ์ขันอันลํ้าลึกของพระองค์ทําน ทําให๎เป็นท่ีรักของ
130 ประชาชนอเมริกันโดยท่ัวไป ในวันที่เสด็จฯ สภาคองเกรส เพื่อทรงมีพระราชดํารัสตํอสภา จึงทรง ได๎รบั การถวายการปรบมอื อยํางกึกก๎องและยาวนานหลายครง้ั กกกกกกก4. พ่อ ผู้เปน็ แบบอยา่ งของ ผู้ท่ีมีรักเดยี ว ในวนั ท่ี 12 สิงหาคม พ.ศ.2492 ใน งานฉลองวันคล๎ายวันเกิดครบ 17 ปี ของหมํอมราชวงศ์สิริกิต์ิ ณ สถานทูตไทยในกรุงลอนดอน “ในหลวงภูมิพลทํานทรงได๎พระราชทานแหวน (ซ่ึงเป็นวงเดียวกับท่ีสมเด็จพระบรมราชชนก เคยประทานให๎แกํสมเด็จพระบรมราชชนนีในคร้ังอดีต) ให๎แกํหมํอมราชวงศ์สิริกิติ์” และได๎มีพระราช กระแสรับส่งั ในขณะทีท่ รงมอบวํา “ส่งิ นี้เปน็ ของสาํ คญั ยิ่งและเปน็ ทร่ี ะลึกด๎วย” นอกจากนี้เราชาวไทย มักจะเห็นภาพของสมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เคียงคํูเป็น “คูํทุกข์คํูยาก” พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยํูหัวอยํใู นพื้นท่ไี กลความเจริญเสมอ พระองค์เสด็จฯ ไปในท๎องถ่ินทุรกันดาร ยากตํอการเข๎าถึง โดยเคียงข๎างกันทุกเวลาถือเป็นแบบอยํางให๎กับการดําเนินชีวิตของคูํสามีภรรยาได๎ อยาํ งดี กกกกกกก5. พ่อ ผเู้ ปน็ แบบอยา่ งของนักเจรจาท่ถี ้อยทถี ้อยอาศยั เหตุการณร์ ักแรกพบ และ รักนิรันดร์นี้เกิดข้ึนใน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัว เสด็จฯ ไปยังประเทศฝรั่งเศส เพ่ือทอดพระเนตรรถยนต์พระท่ีนั่งแทนคันเดิมซ่ึงทรงใช๎มานาน โปรดเกล๎าฯ ให๎ ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร เอกอัครราชทูตไทยประจํากรุงปารีสพร๎อมครอบครัวเข๎าเฝูาทูลละอองธุลีพระบาท วันน้ีเอง ที่ทรงพบกับ ม.ร.ว.สิริกิต์ิ กิติยากร ธิดาของ ม.จ.นักขัตรมงคล และ ม.ล.บัว กิติยากร ที่มารับเสด็จ โดยวันน้ัน ม.ร.ว.สิริกิต์ิ แตํงตัว เรียบร๎อย สวมสูทสีเนื้อ ไว๎หางเปียยาวถึงหลัง พระบาทสมเด็จ
131 พระเจ๎าอยูํหัว เสด็จฯ มาถึงช๎ากวํากําหนด ทราบสาเหตุภายหลังวํา เน่ืองจากรถยนต์พระที่น่ังเกิด เสียและน้ํามันหมด ตรัสวําทรงจําได๎ดีถึงสีหน๎าของ ม.ร.ว.สิริกิติ์ ที่ทั้งหิวและรอนาน เมื่อตรัสถึง เรอ่ื งนี้ท้งั สองพระองคจ์ ะทรงพระสรวล โดยพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวทรงล๎อสมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ วํา \"เดินตุปัดตุเป๋ หน๎างอ คอยถอนสายบัว\" สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชนิ นี าถทรงกราบบังคมทลู ตอบวาํ \"ทหี่ นา๎ งอ เพราะให๎แตผํ ๎ใู หญรํ วํ มโต๏ะเสวย เด็กกลับไลํไป กนิ ทีอ่ น่ื ” กกกกกกก6. พ่อ ผเู้ ป็นแบบอยา่ งของคนสมถะและเรียบงา่ ย ในวโรกาสครบรอบวนั อภิเษกสมรส คร้ังหนึ่งหลายปีกํอน ในหลวงทรงมีพระกระแสรับส่ังให๎จัดเลี้ยงสํวนพระองค์ เป็นงานเล้ียง”เล็กๆ และเรียบงํายที่สุด“ แตํความพิเศษน่ันอยูํท่ี ทรงให๎เปิดพรีเซนเทช่ัน ที่รวบรวมภาพของพระองค์และ สมเด็จ มีทั้งภาพคูํ และภาพของสมเด็จตั้งแตํสมัยพระองค์ยังสาวแรกรุํน นอกจากน้ี พระองค์ทํานยัง เป็นเจ๎าฟูาเจ๎าแผํนดิน ที่ไมํติดหรู ไมํสนพระทัยแบรนด์เนม ใช๎ชีวิตเยี่ยงสามัญชน ดั่งที่ สมเด็จพระ นางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงให๎สัมภาษณ์ถึงความไมํสนพระทัยเรื่องการแตํงพระองค์ เพราะสน พระทยั แตชํ วี ติ ความเปน็ อยูํของประชาชนมากกวํา กกกกกกก7. พอ่ ผเู้ ป็นแบบอยา่ งความประหยัด พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหวั ทรงมีพระอปุ นิสยั ที่ข๎าราชบริวารและข๎าราชการที่ใกล๎ชิดทราบกันดีวํา ทรงประหยัด ซ่ึงเป็นพระอุปนิสัยที่ติดพระองค์ มาตั้งแตยํ ังทรงพระเยาว์ สมเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบรมราชนิ ีนาถ ทรงฝึกให๎พระราชโอรสและพระราช ธิดา รู๎จักวิธีการประหยัด อดออม ต้ังกระป๋องออมสินไว๎กลางที่ประทับ ทรงเรียกวํา กระป๋องคนจน เม่ือถึงส้ินเดือนจะทรงประชุมท้ัง 3 พระองค์วํา จะนําเงินก๎อนน้ีไปทําประโยชน์อยํางไร หรือทํา กิจกรรมเพ่ือคนยากจนอยํางไร นอกจากน้ีพระราชินีทรงตรัสวํา \"เวลาทํานทําอะไร ทํานก็ทําเอง หมดเลย อยํางจะเสด็จฯไปยังภาคใต๎น่ี ทํานก็แพ็กของเอง ในการแตํงพระองค์ก็ไมํสนพระทัยเลย ขําเม่ือตอนทํานหนํุมๆบอกวําทํานดัดผม (ทรงพระสรวล) ในหลวงดัดผม ที่แท๎แม๎แตํจะสํองกระจก นานๆก็ไมํสํอง ไมํสนพระทัย แล๎วก็อยํางกระดุม กระดุมของรัชกาลท่ี 5 ที่ทรงใสํ 5 เม็ดน่ีสวย เป็น ไพลินงามๆ ทั้งน้ัน ฉันเอามาให๎ทํานไว๎ใสํ ทํานก็ไมํชอบใช๎ นาฬิกา ซ้ือถวายเมื่อวันเฉลิมฯ ซื้อเป็น เรือนทอง ทํานก็ไมํชอบ เพราะทํานบอกวํา “ต๎องแกะเข๎าแกะออก ฉันไมํชอบ ชอบเวลาล๎างมืออะไร มันได๎ท้ังนั้น” ตกลงเสด็จฯออกสเตทวิสิท (การเสด็จพระราชดําเนินเยือนตํางประเทศอยํางเป็น ทางการ) ก็นาฬิกาเหล็กนั่น เสด็จลงเรือใบก็นาฬิกาเหล็กเรือนน้ัน ที่แปลก คือเร่ืองเสวยน่ี จะเย็นจะ ร๎อน ทํานไมํสนพระทัยเลย เอามาตั้งน่ี ไมํเคยขอเลย เติมนํ้าปลา ไมํเคยเลย น่ีมหาดเล็กท่ีอยูํนี่ทราบ เป็นพยานได๎เลย ทํานไมํเอา ไมํสนพระทัยเลย” อีกท้ังฉลองพระบาทคํูละ ๓๐๐ ฉลองพระองค์ใช๎ จนเป่ือยซีด
132 กกกกกกก8. พ่อ ผู้เป็นแบบอยา่ งของผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ๎าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงออกเย่ียมราษฎรและ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจตํางๆ ในพื้นท่ีตํางทั่วประเทศไทย ทั้งสองพระองค์จะทรงน่ังลงพูดคุยกับ ประชาชนอยํางใกล๎ชิดและเป็นกันเอง ด่ังที่สมเด็จพระราชินีฯ เคยเลําไว๎วํา “ในหลวงทรงรับส่ังกับ พระองค์วําไมํให๎ยืนคํ้าหัวราษฎร ถ๎ายิ่งเป็นเวลานาน ต๎องให๎น่ังลงพูดกับเขา พระเจ๎าอยํูหัวไมํยอมให๎ ไปยืนค้ําหัวพูดกับราษฏร ถ๎าย่ิงเป็นเวลานาน ทํานต๎องการให๎นั่งลงพูดกับเขา ข๎าพเจ๎าก็คลานรับ ประชาชนตลอดเลย เป็นกิโลเลย ทํานมาดหู ัวเขําข๎าพเจา๎ เดี๋ยวน้สี ิ ดาํ ปเ๋ี ลย” กกกกกกก9. พ่อ ผู้ให้ความรักต่อลูก หมํอมดุษฎี บรพิ ตั ร ณ อยุธยา ไดเ๎ ลาํ เมือ่ คร้ังทเ่ี ขา๎ เฝูาฯ พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยูหํ ัว รชั กาลที่ 9 ณ พระตําหนักภูพิงค์ จังหวัดเชียงใหมํ เม่ือหลายสิบปีกํอน วํา กํอนรํวมโต๏ะเสวยหมํอมได๎รับการกําชับจากทํานผู๎หญิงมณีรัตน์วํา \"ห๎ามพูดถึงสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ นะ\" เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวฯ ทรงมีพระราชหฤทัยระลึกถึงพระราช โอรสมาก และคงไมํโปรดให๎ใครพูดถึงเพื่อจะได๎ลืมและคลายความคิดถึง อยํางไรก็ดี เม่ือหมํอมดุษฎี เดนิ ไปนงั่ ทีโ่ ตะ๏ เสวย ก๎นยังไมํทนั จะแตะท่ีเก๎าอ้ี พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว รัชกาลที่ 9 ก็มีพระราช กระแสรับส่ังถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ โดยไมํมีชํองวํางให๎หมํอมดุษฎี กราบทูลอะไรเลย ซ่ึงทํา
133 ใหท๎ ราบวํา พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหํู ัว รัชกาลท่ี 9 ทรงคิดถึงพระราชโอรส จนอดที่จะตรัสถึงไมํได๎ แม๎จะไมํมีผูใ๎ ดกลําวถงึ กํอน กกกกกกกสรุป พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหวั ภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท9่ี มีพระราชจรยิ วัตรอันงดงามและ พระราชอัธยาศัยอันนําประทับใจ ทรงเป็นนําครอบครัวท่ีดี ประจักษ์แกํสายตาชาวโลก และพระองค์ ทรงเป็นแบบอยํางของคําวํา สุภาพบุรุษ และทรงเป็น เอกบุรุษ หนึ่งเดียวท่ีคนทั่วโลกตํางถวาย พระราชสมญั ญานามวํา “King of Kings” หรอื “Great King” ยอดพระมหากษตั รยิ ์ของโลก
134 ใบความรู้ เร่อื งที่ 7 ทศพธิ ราชธรรมและพระราชดารสั เกยี่ วกบั การศึกษา วตั ถปุ ระสงค์ กกกกกกก1. เพ่อื ให๎นักศึกษามีความรค๎ู วามเขา๎ ใจเร่ือง ทศพิธราชธรรมและพระราชดํารสั เก่ียวกบั การศกึ ษา กกกกกกก2. เพื่อใหน๎ ักศึกษามีทกั ษะการแสวงหาความร๎ูเรอ่ื ง ทศพธิ ราชธรรมและพระราชดํารสั เกี่ยวกับการศึกษา กกกกกกก3. เพอื่ ใหน๎ ักศึกษามีความตระหนกั ถงึ ความสําคัญเรอื่ ง ทศพิธราชธรรมและพระราชดาํ รสั เกยี่ วกบั การศกึ ษา เนอ้ื หา กกกกกกก1. การนอ้ มนาทศพธิ ราชธรรมเกย่ี วกับการศกึ ษา หลกั ทศพิธราชธรรม เปน็ หลักธรรม สาํ คญั ในการปกครอง กลําวคือ เป็นหลักธรรมที่พระราชาหรือสง่ิ ที่ควรประพฤติสามารถนาํ มาเปน็ แนวทางปฏิบตั หิ นา๎ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ไดท๎ งั้ 10 ประการ คือ กกกกกกก1. 1) ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 1 ทาน คือ การให๎ หมายถงึ การสละทรัพย์ ประชาชนควร น๎อมนําหลักทศพิธราชธรรมข๎อนี้มาใช๎กับการศึกษา โดยการให๎ความชํวยเหลือคนท่ีเรียนด๎อยและ อํอนแอกวํา ซ่ึงเป็นการให๎นอกเหนือจากการบริจาคเป็นทรัพย์สิน หรือส่ิงของแกํผ๎ูยากไร๎ ผู๎ด๎อยโอกาส และผ๎ูตกทุกข์ได๎ยากตามท่ีเราทําอยูํเสมอแล๎ว เราก็อาจจะให๎นํ้าใจแกํผ๎ูอื่นได๎ เชํน ให๎กําลังใจแกํผู๎ตกอยูํในห๎วงทุกข์ ให๎ข๎อแนะนําท่ีเป็นความรู๎แกํผ๎ูรํวมงาน หรือผ๎ูใต๎บังคับบัญชา ให๎รอยย้ิม และปิยวาจาแกํญาติพี่น๎อง เพื่อนฝูง รวมถึงบุคคลท่ีมารับบริการจากเรา เป็นต๎น กกกกกกก1. 2) ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 2 ศีล คอื การตง้ั อยํใู นศลี หมายถงึ มคี วามประพฤติดีงาม เป็นตัวอยํางท่ีดีแกํคนท่ัวไป แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการประพฤติที่ดีงาม ตามหลักศาสนา ของตน อยํางน๎อยก็ขอใหเ๎ ราไดป๎ ฏิบัตติ ามศีล 5 คือ ไมํฆาํ สัตวต์ ัดชวี ติ ไมลํ ักขโมยของของผ๎ูอ่ืน ไมํลํวง ละเมิดลูกเมียเขา ไมํพูดโกหก หรือพูดสํอเสียดยุยง และควรทําตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหรี่ หรือ อบายมุขตําง ๆ นอกจากนี้ให๎นําศีล 5 ที่ยึดถือปฏิบัติไปควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ให๎เคารพ กฎหมายของบ๎านเมืองอยํางเครํงครัด ก็จะชํวยให๎สังคมไทยอยูํรํวมกันได๎อยํางมีความสุข กกกกกกก1. 3) ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 3 ปริจจาคะ คอื บริจาค หมายถึง การเสียสละความสขุ สําราญของตนเพื่อประโยชน์สุขของหมูํคณะ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี นักศึกษาที่ดีควรมีการให๎ สิ่งของแกํผู๎อ่ืนโดยไมํหวังสิ่งตอบแทน มีการสงเคราะห์ญาติตามโอกาสอันสมควร มีความเสียสละ ความสุขสํวนตัวเพ่ือประโยชน์ของสํวนรวม และเป็นผ๎ูมีใจกว๎างยอมรับฟังความคิดเห็นของผ๎ูอื่น กกกกกกก1. 4) ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 4 อาชชวะ คือ ความซ่ือตรง หมายถึง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความจริงใจ ไมํกลับกลอก แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการดําเนินชีวิตและปฏิบัติภารกิจ/หน๎าที่
135 การงานตําง ๆ ด๎วยความซ่ือสัตย์สุจริต ไมํคิดคดโกงหรือหลอกลวงผ๎ูอื่น เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอา ของไมํดีไปหลอกขายลูกค๎า เป็นข๎าราชการ พนักงานบริษัท ห๎างร๎าน ก็ไมํคอรัปช่ันทั้งเวลา ทรัพย์สิน ของหนํวยงานตน เพราะถ๎าทุกคนเอาเปรียบ หรือโกงกิน ขาดความซื่อสัตย์สุจริต จะทําให๎หนํวยงาน เสียหาย เดือดร๎อน แม๎เราจะได๎ทรัพย์สินไปมากมาย แตํเราไมํเจริญก๎าวหน๎า ถูกคนรุมประณาม และแม๎คนอ่ืนจะไมํรู๎ แตํตัวเรายํอมรู๎อยํูแกํใจ จะไมํมีความสุขกาย สบายใจ เพราะกลัวคนอ่ืนจะมาร๎ู ความลบั ตลอดเวลา ผทู๎ ี่ประพฤตติ นด๎วยความซ่อื ตรง แมไ๎ มํราํ่ รวยเงนิ ทอง แตํกม็ คี วามสุขทงั้ กาย ใจได๎ กกกกกกก1. 5) ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 5 มทั ทวะ คอื ความออํ นโยน หมายถึง มีกิรยิ าสภุ าพ มสี มั มา คารวะ วาจาอํอนหวาน มีความนํุมนวล ไมํเยํอหย่ิง ไมํหยาบคาย แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการ ทําตัวสุภาพ นํุมนวล ไมํเยํอหย่ิง ถือตัว หรือแสดงกิริยาวาจา หยาบคายกับใคร ไมํวําจะเป็นผ๎ูใหญํ ผู๎น๎อยหรือเพ่ือนในระดับเดียวกัน การทําตัวเป็นผู๎ที่มีความอํอนน๎อมถํอมตน จะทําให๎ไปท่ีไหน คนก็ให๎การต๎อนรับ เพราะอยํูใกล๎แล๎วสบายใจ ไมํร๎อนรํุม หากบุคคลแสดงกิริยาหยาบคาย ก๎าวร๎าว คนก็ถอยหําง ดังน้ัน หลักธรรมข๎อน้ีจึงเป็นการสร๎างเสนํห์อยํางหนึ่งให๎แกํตัวเราด๎วย กกกกกกก1. 6) ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 6 ตปะ คอื ความเพียร ประชาชนควรน๎อมนาํ หลัก ทศพิธราชธรรมข๎อนี้มาใช๎กับการศึกษา ด๎วยความขยัน หม่ันประกอบส่ิงตําง ๆ และกระทําส่ิงน้ันด๎วย ความพยายาม เข๎มแข็ง ไมํท๎อถอย ไมํทอดท้ิง แตํมุํงมั่นก๎าวไปข๎างหน๎าจนกวําจะสําเร็จ นักเรียนท่ีมี ขยันหมั่นเพียร ก็จะหาเวลาทบทวนวิชาความรู๎ที่ได๎เลําเรียนมาให๎เข๎าใจถํองแท๎ มีความรับผิดชอบ ทาํ งานให๎สําเร็จ เรยี บรอ๎ ย สมบรู ณ์ กกกกกกก กกกกกกก1. 7) ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 7 อักโกธะ คอื ความไมโํ กรธ หมายถึง มีจิตใจม่ันคง มีความ สุขุม เยือกเย็น อดกลั้น ไมํแสดงความโกรธ หรือความไมํพอใจให๎ปรากฏ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการฝึกฝนควบคุมอารมณ์ของตนเอง ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับย้ังความโกรธ อยูเํ สมอแมใ๎ นหลาย ๆ สถานการณ์จะทาํ ไดย๎ าก แตหํ ากเราสามารถฝึกฝน ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และ พยายามระงับยับยง้ั ความโกรธอยเูํ สมอ จะเปน็ ประโยชน์ตํอเราหลายอยําง เชํน ทําให๎เราสุขภาพจิตดี หน๎าตาผอํ งใส ขอ๎ สาํ คญั ทําให๎เรารักษามติ รไมตรี หรอื สัมพนั ธภาพกับผ๎ูอืน่ ไวไ๎ ด๎ อันมีผลให๎บุคคลนั้น เปน็ ที่รกั และเกรงใจของคนที่ติดตํอดว๎ ย กกกกกกก1. 8) ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 8 อวิหิงสา คอื ความไมเํ บยี ดเบยี น หมายถึง ไมํกดขข่ี มํ เหง กลั่นแกล๎งรังแกคนอ่ืน ไมํหลงในอํานาจ ทําอันตรายตํอรํางกาย และทรัพย์สินผ๎ูอ่ืนตามอําเภอใจ แนวปฏิบัติของพลเมืองดี ด๎วยการไมํเบียดเบียนหรือบีบคั้นกดข่ีผ๎ูอ่ืน รวมไปถึง การไมํใช๎อํานาจไป บังคบั หรอื หาเหตุกล่นั แกล๎งคนอ่ืนดว๎ ย เชํน ไมไํ ปขํมเหงรังแกผ๎ูด๎อยกวํา ไมํไปขํมขูํให๎เขากลัวเราหรือ ไปบบี บังคบั เอาของรกั ของหวงมาจากเขา เป็นต๎น นอกจากไมํเบียดเบียนคนด๎วยกันแล๎ว เรายังไมํควร เบียดเบียนธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม และสัตว์อีกด๎วย เพราะมิฉะน้ัน ผลร๎ายจะย๎อนกลับมาสํูเรา และ สังคม อยํางที่เห็นในปจั จุบันจากภยั ธรรมชาติตําง ๆ กกกกกกก 9) ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 9 ขนั ติ คือ ความอดทนประชาชนควรน๎อมนาํ หลกั ทศพิธราชธรรมข๎อนี้มาใช๎กับการศึกษา โดยมีความอดทนตํอส่ิงท้ังปวง รักษาอาการ กาย วาจา ใจ ให๎เรียบร๎อย เชํน วัยนักศึกษา เป็นวัยที่มีความกระตือรือร๎น ต๎องการแสดงออกและอยากให๎ผ๎ูอื่น ยอมรับ บางทีก็ทําให๎ ทําอะไรเลยเถิดไปบ๎าง จึงควรรู๎จักอดทน อดกล้ัน ยับยั้งชั่งใจ เหนี่ยวร้ังตนเอง
136 ไมํให๎ออกนอกลํูนอกทาง ควรเอาพลังตําง ๆ ในตัวเองทุํมเข๎าไปในการศึกษาค๎นคว๎าหาความร๎ู ใหเ๎ พยี งพอไวก๎ ํอน เม่อื จบออกไปแลว๎ จะได๎ทาํ การตําง ๆ ตามที่คิดฝนั ไวไ๎ ดเ๎ ปน็ ผลสําเร็จ กกกกกกก1. 10) ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 10 อวโิ รธนะ คอื ความเทีย่ งธรรม หมายถงึ ไมํประพฤตผิ ดิ ประพฤติปฏบิ ัตติ นอยูํในความดงี าม ไมํหว่นั ไหวในเร่อื งดีเรอ่ื งรา๎ ย แนวปฏบิ ัตขิ องพลเมืองดี ด๎วยการ ควรกระทาํ การงานหรือดําเนินชวี ติ ทีถ่ กู ตอ๎ ง และให๎ความเป็นธรรมกบั บคุ คลทเี่ กยี่ วข๎อง ดว๎ ยความ ยุติธรรม และเทย่ี งธรรม กกกกกกก2. การน้อมนาพระราชดารัสเกยี่ วกับการศกึ ษา กกกกกกก2. การทจ่ี ะทําให๎คนเปน็ สาธชุ นน้นั ก็มตี ัวอยํางเชํน การเรียน คร้ังกํอนน้ี ด๎านการศกึ ษา เลําเรียนคนในไทยนี่ มีความร๎ูความเข๎าใจ การอํานคูํมือ เขียนคูํมือเป็น มีมาก เปรียบกับประเทศอ่ืน คํอนข๎างจะสูง คือ มีการอํานเขียนได๎เปอร์เซ็นต์สูง แตํมาปัจจุบันนี้น๎อยลง เน่ืองมาจากคนเพิ่ม โรงเรียน หรือผ๎ูท่ีมีหน๎าที่สอนน๎อยลง เปรียบกันกับปัจจุบันน้ีมีเทคโนโลยีสูง เป็นเหตุให๎สามารถที่จะ ทํากิจการสถานศึกษา กิจการสอนแพรํออกไปได๎มากกวํา แตํไมํมีอะไรสับเปลี่ยนการอบรม ไมํมีอะไร สับเปล่ียนการอบรมบํมนิสัย คือการสั่งสอนน่ีมีแบํงเป็นอบรม แล๎วก็พร่ําสอน แตํถ๎าวําไมํมีผ๎ูท่ีอบรม สั่งสอน ไมํมีผ๎ูท่ีพร่ําสอน หรือผ๎ูที่อบรม หรือผู๎ท่ีขัดเกลา เป็นคนท่ีคุณภาพตํ่า ผ๎ูท่ีได๎รับขัดเกลายํอม คุณภาพตํา่ อยาํ งเดยี วกัน อาจยิ่งร๎ายกวาํ ถึงแมว๎ ําจะมีเทคโนโลยขี นั้ สงู กกกกกกก2. เทคโนโลยีขัน้ สงู นี้ คนจํานวนมาก เดย๋ี วนก้ี ็เข๎าใจ วาํ มีโทรทัศน์ มีดาวเทียม มเี ครอ่ื ง คอม แตวํ ําเครอ่ื งเหลาํ นี้ หรอื ส่ิงเหลําน้ีเป็นสงิ่ ท่ีไมํมีลมหายใจ ดูรปู รํางกิรยิ าทาํ ทางเหมือนมีลมหายใจ แตคํ งจะไมํมีชีพ มสี กี ็มีสไี ด๎ แตวํ าํ ไมมํ สี นั คือสีสนั น่นั รวมแลว๎ มนั ครบถ๎วน พร๎อมด๎วยยงั ไมคํ รบ ยงั ไมมํ ี จิตใจ. อาจทําให๎คนท่มี จี ติ ใจอํอนเปลย่ี นเป็นคนละคนก็ได๎ แตวํ าํ ทจ่ี ะอบรมโดยใชส๎ ่ือท่เี จริญก๎าวหน๎าท่ี มีเทคโนโลยีสูงนีย่ ากลาํ บากท่ีสุด ทจ่ี ะขดั เกลาดว๎ ยเคร่อื งเหลําน้ี กกกกกกก2. ดังน้ันไมํมีอะไรแทนที่คนสอนสั่งคน พระราชดํารัสเกี่ยวกับการศึกษา พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 จึงได๎พระราชทานแนวพระราชดําริเกี่ยวกับการศึกษา ทีจ่ ะชํวยให๎บรรลุถึงจดุ หมายในอกี มติ ิหน่งึ วาํ “...ความรูท๎ ่ีจะศึกษามีอยสํู ามสวํ น คอื ความร๎วู ชิ าการ ความรป๎ู ฏิบัติการและความคดิ อํานตามเหตผุ ลความเปน็ จรงิ ซง่ึ แตํละคนควรเรียนร๎ูให๎ครบเพอ่ื สามารถนาํ ไปใช๎ประกอบ กจิ การงาน และแก๎ปญั หาทง้ั ปวงได๎อยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพ...” ความตอนหนงึ่ ในพระบรมราโชวาท ในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตรของ มหาวิทยาลยั มหิดล วันพฤหัสบดที ่ี 2 กรกฎาคม 2535
137 กกกกกกก2. จงึ ขอนอ๎ มนําพระราชดํารขิ องพระองคท์ าํ นมาเป็นแนวทาง ดังน้ี 1. ความรูว๎ ิชาการ 1. ความรว๎ู ิชาการ หรือการศึกษาทางทฤษฎี จะทําให๎เรามพี ื้นฐานในเร่ืองน้ัน ๆ รู๎กรอบ หรือแนวทางของการคิดและการปฏิบัติ สามารถที่จะนําไปใช๎เป็นเครื่องมือในการตํอยอดความรู๎และ ความเข๎าใจ การศกึ ษาพ้นื ฐานของแตํละเร่ืองมีความสําคัญอยํางย่ิงยวดตํอการศึกษาในระดับสูงข้ึนไป ถ๎าความร๎ูพื้นฐานดี ก็จะชํวยให๎สามารถศึกษาในระดับที่สูงขึ้นไปได๎มาก ในทางกลับกันถ๎าความรู๎ พ้ืนฐานไมดํ ีหรือไมแํ ขง็ แรง การศึกษาที่ระดับสงู ขนึ้ ไปก็จะทําไมไํ ดห๎ รือไดน๎ อ๎ ย ถ๎าจะเปรียบเสมือนการ สร๎างบ๎าน การวางรากฐานของบ๎าน เชํน เสาเข็ม คานพ้ืนบ๎าน เป็นต๎น จะทําหน๎าท่ีเป็นรากฐานให๎ สามารถกอํ ฝาผนงั บ๎านขึ้นไปจนถึงหลงั คาได๎ฉนั ใด ความร๎เู ดมิ ก็เปรียบเสมอื นฐานรากให๎แกํความรู๎ใหมํ ท่ีจะพัฒนาขึ้นไปฉันนั้น ดังพระราชดํารัสความตอนหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 “วชิ าความรอู๎ ันพงึ ประสงค์นั้น ได๎แกํ วิชาความร๎ูทถี่ กู ตอ๎ ง ชดั เจน แมนํ ยํา ชาํ นาญ นาํ ไปใชก๎ ารเป็นประโยชน์ไดพ๎ อเหมาะพอควร ทนั ตอํ เหตกุ ารณอ์ ยํางมีประสิทธภิ าพ” 26 มถิ นุ ายน 2523 1. กลําวโดยสรุป วิชาหรือความรู๎ตําง ๆ มีความสําคัญ สามารถท่ีจะนําไปใช๎เป็น เครอื่ งมือในการตํอยอดความรแ๎ู ละความเข๎าใจ ถ๎าเราตงั้ ใจศกึ ษาเราจะมีความร๎ูท่ีดี มีการพัฒนาพร๎อม ที่จะตํอยอดหรือรับความรู๎ใหมํ ๆ ได๎ แตํถ๎าเรามีพื้นฐานความรู๎ไมํดี เราจะไมํสามารถที่จะพัฒนา ตนเองให๎ทนั กบั ยุคสมัยท่เี ปลีย่ นไป 2. ความรปู๎ ฏบิ ัตกิ าร 2. การมีความร๎ูทางทฤษฎีอยํางเดียวยํอมไมํเพียงพอตํอการรับประกันถึงความสําเร็จ ผู๎ท่ีมีความรู๎เชิงทฤษฎีจะต๎องนําทฤษฎีไปทดลองปฏิบัติจนให๎เกิดความคลํองแคลํวชํานาญเสียกํอน การฝึกฝนปฏิบัติจนเช่ียวชาญน้ี ชํวยให๎เกิดความร๎ูอีกสํวนหน่ึงที่เสริมความร๎ูเชิงทฤษฎีให๎เกิดความ สมบูรณ์ขึ้น พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงให๎ความสําคัญอยํางยิ่ง แกกํ ารปฏบิ ัตงิ านดว๎ ยตนเอง ดังพระราชดํารัสความตอนหน่งึ วาํ “การมีความรูถ๎ นดั ทฤษฎปี ระการเดียว ไมํเพียงพอที่จะทําใหบ๎ ุคคลสามารถปฏิบตั ิงานได๎ เต็มที่ ผทู๎ ีฉ่ ลาดสามารถในหลักวิชาโดยปกติวสิ ัยจะได๎แตเํ พยี งชี้นว้ิ ให๎ผอู๎ ื่นทาํ ซ่ึงเป็นการ ไมํศักด์สิ ทิ ธิ์ ไมอํ าจทาํ ให๎ผใ๎ู ดเชือ่ ถอื หรือเชื่อฟังอยํางสนทิ ใจได๎ เหตุดว๎ ยไมแํ นํใจวําผ๎ูชี้นว้ิ เอง จะรจ๎ู ริง ทาํ ได๎จรงิ หรอื ความสาํ เร็จทง้ั สิ้นทําได๎เพราะลงมอื กระทํา” (18 ตุลาคม 2517)
138 2. กลําวโดยสรุป ผ๎ูศึกษาต๎องนําสิ่งท่ีได๎รับจากภาคทฤษฎีมาทดลองในภาคปฏิบัติ กลําวคือ หลังจากได๎รับการถํายทอดวิชาการมาแล๎ว เราต๎องหัดคิดและพิจารณา และลงมือกระทํา ด๎วยตนเอง 3. การจัดการศกึ ษาของสถาบนั การศึกษา 2. “….ความร๎ูนั้นสําคัญยิ่งใหญํ เพราะเป็นปัจจัยให๎เกิดความฉลาดสามารถและความ เจริญก๎าวหน๎า มนุษย์จึงใฝุศึกษากันอยํางไมํรู๎จบส้ิน แตํเมื่อพิเคราะห์ดูแล๎ว การเรียนความรู๎แม๎ มากมายเพียงใด บางทีก็ไมํชํวยให๎ฉลาดหรือเจริญได๎เทําไรนัก ถ๎าหากเรียนไมํถูกถ๎วน ไมํรู๎จริงแท๎ การศึกษาหาความร๎ูจึงสําคัญตรงที่วํา ต๎องศึกษาเพื่อให๎เกิด “ความฉลาดรู๎” คือ ร๎ูแล๎ว สามารถ นํามาใชป๎ ระโยชน์ได๎จริง ๆ โดยไมํเป็นพิษเป็นโทษ การศึกษาเพื่อความฉลาดรู๎ มีข๎อปฏิบัติท่ีนําจะยึด เป็นหลักอยํางน๎อย 2 ประการ ประการแรก เมื่อจะศึกษาสิ่งใดเรื่องใดให๎รู๎จริง ควรจะได๎ศึกษาให๎ ตลอดครบถ๎วนทุกแงํทุกมุม ไมํใชํเรียนรู๎แตํเพียงบางสํวนบางตอน หรือเพํงเล็งเฉพาะแตํเพียงบางแงํ บางมุม อีกประการหน่ึงซ่ึงจะต๎องปฏิบัติประกอบพร๎อมกันไปด๎วยเสมอ คือ ต๎องพิจารณาศึกษาเร่ือง น้ัน ๆ ด๎วยความคิดจิตใจที่ตั้งม่ันเป็นปรกติ และเท่ียงตรงเป็นกลาง ไมํยอมให๎ร๎ูเห็น และเข๎าใจตาม ความเหน่ียวนําของอคติ ไมํวําจะเป็นอคติฝุายชอบหรือฝุายชัง มิฉะน้ันความรู๎ท่ีเกิดขึ้นจะไมํเป็น ความร๎ูแท๎ หากแตํเป็นความรู๎ที่ถูกอําพรางไว๎ หรือที่คลาดเคล่ือนวิปริตไปตําง ๆ จะนําไปใช๎เป็น ประโยชน์จริง ๆ โดยปราศจากโทษไมํได๎…” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ 22 มิถนุ ายน 2524 2. ดังนน้ั ประชาชนควรน๎อมนําพระราชดาํ รสั มาใช๎กับการศึกษา โดยใช๎หลักการเรียนรู๎ แบบ “ฉลาดรู๎ ” ท่ียึดผู๎เรียนเป็นสําคัญ ทําให๎ผ๎ูเรียนเกิดความสมดุลทั้งทางกาย ปัญญา คุณธรรม และทักษะการใช๎ชีวิต มีองค์ประกอบสําคัญ 4 องค์ประกอบ คือ มุํงมั่นด๎วยศรัทธา ใฝุหาความร๎ูคํู คุณธรรม นําไปใชอ๎ ยาํ งฉลาด และไมํประมาท 4. การจดั การเรยี นการสอนของ นสิ ิต นักเรยี น นกั ศกึ ษา “...เราเป็นนกั เรียน เราไมํใชผํ ๎เู ชี่ยวชาญ...ถา๎ หากวําในดา๎ นไหนก็ตามเวลาไปปฏบิ ัตใิ ห๎ถอื วาํ เราเปน็ นักเรยี น ชาวบา๎ นเปน็ ครู หรอื ‘ธรรมชาตเิ ป็นครู’ การทีท่ าํ นทัง้ หลายจะออกไป ก็จะไปหลาย ๆ ดา๎ น... กจ็ ะตอ๎ งเข๎าใจวํา เราอาจจะเอาความร๎ูไปใหเ๎ ขาแตํกต็ ๎องนบั ถอื ความรู๎ของเขาดว๎ ย จงึ จะมคี วามสําเรจ็ ...”
139 “...ลกั ษณะของการศึกษาหรือการเรยี นรนู๎ ้นั มีอยูํสามลกั ษณะ ไดแ๎ กํ เรยี นรต๎ู ามความรู๎ ความคดิ ของผู๎อนื่ อยาํ งหนง่ึ เรียนร๎ดู ๎วยการขบคิดพิจารณาของตนเองใหเ๎ ห็นเหตผุ ลอยาํ งหนงึ่ กับเรียนร๎ูจากการปฏบิ ัตฝิ ึกฝนจนประจักษผ์ ล และเกิดความคลํองแคลวํ ชํานาญอีกอยาํ งหนงึ่ การเรียนรูท๎ ั้งสามลักษณะนี้ จําเปน็ จะตอ๎ งกระทาํ ไปดว๎ ยกนั ใหส๎ อดคล๎องแลอดุ หนนุ สํงเสริมกนั จงึ จะชํวยให๎เกิดความรูจ๎ ริง พร๎อมท้ังความสามารถท่ีจะนาํ มาใชท๎ ําการตํางๆ อยํางมี ประสทิ ธิภาพได๎กลาํ วคือ การเรยี นรูท๎ กุ อยาํ งนน้ั จะตอ๎ งเรียนตามความรู๎ของผอู๎ ื่นกํอนเป็น เบือ้ งตน๎ เมอื่ ร๎ูแลว๎ จงึ นํามาพิจารณาใหเ๎ ห็นแจมํ ชดั ละเอียดลงไปอีกชน้ั หนึ่ง ใหถ๎ ึงเน้ือหาสาระ อันจะอ๎างองิ อาศัยเป็นหลักฐานได๎ มใิ หเ๎ ปน็ การเรียนร๎ูอยาํ งเลือ่ นลอย แตํเมื่อถงึ ข้นั ที่สองน้แี ล๎ว ก็ยังถือวําจะนาํ มาใช๎การไดใ๎ หไ๎ ด๎ผลแนํนอนจรงิ ๆ ไมํได๎ ยงั จําเปน็ ต๎องนาํ ความร๎ูน้นั มาปฏิบตั ิ ฝึกฝนอกี ใหเ๎ กดิ ผลประจักษ์แจง๎ และเกิดความคลอํ งแคลวํ ชาํ นชิ าํ นาญขน้ึ พร๎อมกนั ไปดว๎ ย จึงจะนําไปใชป๎ ฏิบตั ิใหส๎ าํ เรจ็ ผลได๎ไมขํ ัดข๎อง...” 5. การจัดการศึกษาของบณั ฑติ ทจี่ บใหมไํ ปพฒั นา 5. ในปัจจุบันนี้ การศึกษาเจริญก๎าวหน๎าไปมาก มีผ๎ูสําเร็จการศึกษาระดับปริญญา บัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต แตํละปีจํานวนไมํน๎อย เคร่ืองมือเครื่องใช๎ และสิ่งอํานวยความ สะดวกในการทํางานก็มีอยูํเป็นจํานวนมาก แตํถึงกระน้ันก็ไมํสามารถพูดได๎เต็มปากวําการพัฒนา บ๎านเมืองจะได๎ผลเป็นท่ีนําพึงพอใจ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเห็นวํา “...ลําพงั ความร๎ูความฉลาดและเครอ่ื งมอื อนั มปี ระสิทธิภาพตาํ ง ๆ น้ัน ไมอํ าจทาํ ใหเ๎ ราสรา๎ งความม่ันคงใหแ๎ กํประเทศชาตไิ ด๎โดยสมบูรณ์ ในการนี้เราจําเป็น อยํางย่ิงท่จี ะต๎องอาศัยปจั จยั สาํ คัญอีกประการหนึง่ คือ ความปรองดองกนั หันหน๎า เข๎าหากัน รวํ มมอื รวํ มใจกนั จงึ จะสามารถนําเอาความร๎ู ความคดิ และอปุ กณท์ ี่มอี ยํู มาสร๎างความเจรญิ ท่แี ทจ๎ รงิ อันเปน็ ทค่ี วรปรารถนา ให๎บงั เกิดข้นึ ได๎...”
140 5. ดังน้ัน ความสามคั คีในหมํูเหลํา ยํอมจะเป็นสิ่งเก้ือหนุนความเจริญให๎เกิดข้ึน ในการ สร๎างสรรค์สงั คมนัน้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดําริ วํา จะต๎องอาศัยรากฐานและปัจจัยที่สําคัญคือการศึกษาทางด๎านวิชาการ แตํการท่ีจะนําเอาวิชาการ มาสร๎างสรรคส์ ังคมไดน๎ น้ั “...จาํ เป็นตอ๎ งอาศัยการศกึ ษาทีด่ ีดา๎ นอนื่ ๆ ประกอบดว๎ ย การศึกษาด๎านอ่ืน ๆ ทกี่ ลาํ วกค็ อื การศกึ ษาอบรมทกุ ๆ อยํางที่จะทําให๎บคุ คล มีความคดิ ความฉลาด มีความหนกั แนํนในเหตผุ ล มคี วามละเอียดรอบคอบ รูจ๎ ักตัดสินใจตามทางท่ี ถกู ต๎องและเปน็ ธรรม...” 5. การทส่ี ังคมจะดาํ รงอยํไู ด๎ด๎วยความรํมเย็นเปน็ สขุ จําเป็นต๎องอาศัยความสมัครสมาน สามัคคี ความเมตตากรุณาตํอกัน มีจิตใจเอ้ือเฟื้อเผ่ือแผํซึ่งกันและกัน ถ๎าทุกคนในสังคมประพฤติ ปฏบิ ตั เิ ชนํ นี้ได๎ สังคมไทยกจ็ ะนําอยูํ ประเทศชาติก็จะดาํ รงอยูํไดอ๎ ยาํ งมัน่ คง 5. ดังน้ันพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงเป็น ผเ๎ู ข๎าใจแกนํ ของการศึกษาอยํางถอํ งแท๎ ทรงให๎ความสาํ คัญแบบบูรณาการ ทั้งทฤษฎีท่ีเป็นพื้นฐานเพื่อ เป็นรากฐานรองรับพ้ืนฐานที่สูงข้ึนไป แตํหากเรียนแคํทฤษฎีไมํนําไปปฏิบัติก็ไร๎ประโยชน์ ได๎แตํรู๎ ทฤษฎไี มํสามารถใช๎ได๎จริง และทุกอยํางจะสําเร็จได๎ด๎วยการร๎ูจักคิดอํานตามเหตุผล รู๎จักคิดวิเคราะห์ สะสมความรู๎และเรียนร๎ูจากการลองผิดลองถูกจนประสบความสําเร็จ ถ๎าเราน๎อมนําพระราชดําริ แนวคดิ ของพระองค์มาปรับใช๎ไมํใชํแคํด๎านการศึกษา แตํรวมถึงด๎านหน๎าที่การงานด๎วย เราก็จะบรรลุ ถงึ เปูาหมายอยํางมคี ุณภาพและประสทิ ธิภาพ
141 ภาคผนวก ข. ใบงาน
142 ใบงาน หวั เรอ่ื งท่ี 1 ความรพู้ ืน้ ฐานเกยี่ วกบั หน้าท่พี ลเมือง คาชีแ้ จง กกกกกกก1. ใบงานนี้จดั ทําข้ึนเพื่อใหน๎ ักศึกษามีความร๎ูและประสบการณ์ท่ีศึกษา เรื่องท่ี 1 ความรู๎ พน้ื ฐานเกี่ยวกบั หนา๎ ทพ่ี ลเมือง กกกกกกก2. ให๎นักศกึ ษาปฏิบตั ิตามขัน้ ตอนตํอไปน้ี กกกกกกก2. 2.1 ใหน๎ กั ศึกษาค๎นควา๎ ประเด็น ความรพ๎ู น้ื ฐานเกี่ยวกับหน๎าท่พี ลเมอื ง เรื่องสทิ ธิ และหน๎าท่ีพลเมือง จากสื่อการเรียนรู๎ เอกสาร หนังสือ จํานวน 2 เลํม จากส่ืออินเทอร์เน็ต จํานวน 2 เว็บไซต์ หนังสือท่ีเกี่ยวข๎องจากห๎องสมุดประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จํานวน 1 เลํม และใบความรเ๎ู รือ่ งที่ 1 สทิ ธิและหนา๎ ท่ีพลเมอื ง กกกกกกก2. 2.2 ใหน๎ ักศกึ ษารวบรวมขอ๎ มลู ที่ศึกษาค๎นคว๎าไดจ๎ าก ขอ๎ 2.1 บนั ทึกลงในเอกสาร การเรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) สํงครูผ๎สู อน เมอ่ื มาพบกลํมุ ตามนัดหมายเสร็จส้นิ กกกกกกก2. 2.3 นาํ ขอ๎ ค๎นพบที่ไดจ๎ ากบันทกึ ในขอ๎ 2.2 มาอภิปรายแลกเปลยี่ นเรยี นรู๎ ขณะพบกลุํม คิด วเิ คราะหข์ ๎อมูล สรุปการเรียนรท๎ู ่ไี ด๎ลงในเอกสารการเรยี นร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.4 นาํ ผลสรุปการเรียนรู๎ที่ได๎ไปฝึกปฏิบัติจริงในชวี ติ ประจําวนั และตอบแบบฝึกหัดใน ใบงานนี้ จาํ นวน 4 ข๎อ แล๎วเขียนคําตอบลงในเอกสารการเรียนร๎ดู ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.5 สงํ เอกสารการเรยี นรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) ที่ไดจ๎ ากการทําใบงานนีเ้ สร็จส้ิน ขณะพบกลุมํ แกํครูผ๎สู อน แบบฝกึ หดั กกกกกกก1. พลเมืองดี หมายถงึ กกกกกกก1. คาํ ตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก2. หนา๎ ทพ่ี ลเมือง มีอะไรบ๎างจงยกตัวอยํางมา 5 ขอ๎ กกกกกกก1. คําตอบ ............................................................................................................................ .................................................................................................................. .............................................. กกกกกกก3. สิทธแิ ละหนา๎ ท่ีเป็นสงิ่ คํกู ัน เม่ือมีสทิ ธกิ ็ต๎องมีหน๎าท่ีเพราะอะไร จงอธิบายมาพอสังเขป กกกกกกก1. คําตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................
143 กกกกกกก4. ถา๎ คนในชมุ ชนของเราไมปํ ฏิบัติตามหน๎าที่ของตนเองอยํางถูกตอ๎ งเหมาะสมแลว๎ นักศกึ ษาคิดวําจะเกดิ ปัญหาในชุมชนอยํางไรบา๎ งจงเขียนเป็นแผนผังความคดิ (Mind Mapping) กกกกกกก1. คําตอบ ........................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .....................
144 ใบงาน เรอื่ งที่ 2 ความหมายและความสาคัญของหนา้ ทพี่ ลเมอื ง ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 คาชี้แจง กกกกกกก1. ใบงานนี้จัดทําข้ึนเพ่ือให๎นักศึกษามีความร๎แู ละประสบการณท์ ี่ศึกษาเร่อื ง ความหมาย และความสาํ คัญของหนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 กกกกกกก2. ให๎นักศึกษาปฏิบัตติ ามขัน้ ตอนตํอไปนี้ กกกกกกก2. 2.1 ใหน๎ กั ศกึ ษาคน๎ ควา๎ ประเด็นหน๎าที่พลเมืองดีตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 จาก สื่อการเรียนรู๎ เอกสาร 2 เลํม จากส่ืออินเตอร์เน็ต จํานวน 2 เว็บไซต์ จากส่ือห๎องสมุดประชาชน จังหวัดประจวบคีรีขนั ธ์ จาํ นวน 1 เลํม ส่อื เอกสารท่เี กยี่ วข๎องและใบความรู๎ เร่ืองที่ 2 ความหมายและ ความสาํ คญั ของหน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 กกกกกกก2. 2.2 ให๎นักศึกษารวบรวมข๎อมูลที่ศึกษาค๎นคว๎าได๎จาก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสารการ เรียนร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) สงํ ครผู ๎ูสอน เม่ือมาพบกลํุม กกกกกกก2. 2.3 นักศึกษานําข๎อคน๎ พบท่ไี ด๎จากบันทกึ ในข๎อ 2.2 มาอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนร๎ูต๎อง วิเคราะห์ ข๎อมลู และสรปุ การเรยี นร๎ูท่ไี ดล๎ งในเอกสารการเรยี นรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.4 นําผลสรุปการเรียนร๎ูที่ได๎ตอบแบบฝึกหัดในใบงานนี้ จํานวน 4 ข๎อ แล๎วเขียน คาํ ตอบลงในเอกสารการเรยี นรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.5 รวบรวมสํงเอกสารการเรียนร๎ูด๎วยตนเองท่ีได๎จากการทําใบงานนี้เสร็จสิ้นแกํ ครผู ูส๎ อน แบบฝกึ หดั กกกกกกก1. ใหน๎ ักศกึ ษาคน๎ ควา๎ ขอ๎ มูลหนา๎ ท่ีพลเมอื งดตี ามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 มีเรอ่ื ง อะไรบา๎ ง กกกกกกก1. คาํ ตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก2. ใหน๎ ักศึกษาอธิบายหนา๎ ทพ่ี ลเมืองดีตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 เรอ่ื งของการมีจิต สาธารณะ กกกกกกก1. คําตอบ........................................................................................................................ ..... .............................................................................................................................................................. ..
145 กกกกกกก3. นักศึกษาอธิบายหน๎าทพี่ ลเมืองในเร่ืองของจิตสาธารณะมาใชใ๎ นชีวิตประจําวันอยํางไร กกกกกกก1. คําตอบ…......................................................................................................................... .......................................................................................... ..................................................................... กกกกกกก4. นกั ศึกษาตอบความหมายของการเรยี นรตู๎ ามรอยพระยคุ ลบาท คอื อะไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ ............................................................................................................................ ................................................................................................................................................................
146 ใบงาน หัวเรอื่ งท่ี 3 หนา้ ท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม คาชแ้ี จง กกกกกกก1. ใบงานนจ้ี ัดทาํ ขึ้นเพ่ือใหน๎ กั ศึกษามีความรูแ๎ ละประสบการณ์ศึกษา เรื่อง หนา๎ ท่ีพลเมือง ตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ด๎วยทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก2. ให๎นักศึกษาปฏิบัตติ ามขนั้ ตอนตํอไปนี้ กกกกกกก1. 2.1 ใหน๎ กั ศกึ ษาคน๎ คว๎าประเดน็ เร่อื ง ทศพธิ ราชธรรม จากส่อื การเรียนร๎ู เอกสาร หนงั สือ จาํ นวน 2 เลํม จากสอ่ื อินเทอรเ์ นต็ จาํ นวน 2 เวบ็ ไซต์ หนังสอื ทเ่ี ก่ยี วขอ๎ งจากห๎องสมุด ประชาชนจังหวัดประจวบครี ีขนั ธ์ หรอื บา๎ นหนังสือชุมชน จํานวน 1 เลมํ และใบความร๎เู ร่ืองท่ี 3 กก กกกกกกก1. 2.2 ใหน๎ ักศกึ ษารวบรวมขอ๎ มูลท่ีศึกษาค๎นคว๎าได๎จาก ขอ๎ 2.1 บนั ทึกลงในเอกสาร การเรียนรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) สํงครผู สู๎ อน เม่ือมาพบกลํุมตามนัดหมายเสรจ็ สนิ้ กกกกกกก1. 2.3 นาํ ข๎อคน๎ พบที่ไดจ๎ ากบันทกึ ในข๎อ 2.2 มาอภปิ รายแลกเปลี่ยนเรียนร๎ขู ณะ พบกลมุํ คิดวเิ คราะห์ ขอ๎ มูล สรุปการเรียนรูท๎ ีไ่ ด๎ลงในเอกสารการเรยี นร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก1. 2.4 นาํ ผลสรุปการเรยี นรูท๎ ไี่ ด๎ตอบแบบฝึกหัดในใบงานนี้ จํานวน 4 ข๎อ แล๎วเขียน คําตอบลงในเอกสารการเรยี นรูด๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก1. 2.5 สํงเอกสารการเรียนร๎ดู ว๎ ยตนเอง (กรต.) ท่ไี ดจ๎ ากการทําใบงานน้ีเสรจ็ สน้ิ ขณะพบกลํมุ แกํครูผ๎สู อน แบบฝกึ หดั กกกกกกก1. นักศึกษาได๎นําทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 2 ศลี ไปใชใ๎ นชีวิตประจาํ วันตามบทบาทอยาํ งไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ............................................................................................................................. ............................................................................................................................................ .................... กกกกกกก2. นกั ศึกษาไดน๎ ําทศพิธราชธรรม ขอ๎ 5 มัททวะ ไปใชใ๎ นชวี ติ ประจาํ วันตามบทบาท อยาํ งไร กกกกกกก1. คําตอบ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก3. นกั ศึกษาได๎นําทศพิธราชธรรม ขอ๎ 7 อักโกธะ ไปใช๎ในชีวิตประจําวันตามบทบาท อยํางไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก4. นกั ศกึ ษาไดน๎ าํ ทศพิธราชธรรม ข๎อ 9 ขันติ ไปใช๎ในชวี ิตประจําวันตามบทบาทอยํางไร กกกกกกก1. คาํ ตอบ............................................................................................................................. ....................................................................................................................... .........................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195