ความหมายของบลอ็ กเชน (Blockchain) บลอ็ กเชน (Blockchain) คือ เทคโนโลยีการจดั เก็บข้อมลู แบบ Shared Database หรือที่รู้จกั กนั ในชื่อ “Distributed Ledger Technology (DLT)” โดยเป็ นรูปแบบการบนั ทึกข้อมลู ท่ีรับประกนั ความ ปลอดภยั ว่าข้อมลู ที่ถกู บนั ทกึ ไปก่อนหน้านนั ้ ไมส่ ามารถที่จะเปลย่ี นแปลงหรือแก้ไขได้ ซ่งึ ผ้ใู ช้งานทกุ คนจะได้เห็น ข้อมูลชุดเดียวกันทัง้ หมด โดยใช้หลักการ Cryptography และความสามารถของ Disrtibuted Computing เพื่อสร้างกลไกความน่าเชื่อถือ แนวคิด Blockchain เริ่มกลบั มาเป็ นกระแสที่ต้องจบั ตามมองอีกครัง้ พร้อมมีการพฒั นาใหม่ๆ ไปส่กู ารใช้ งานที่มากกว่าการทาธรุ กรรม Bitcoin ในอดีตที่ไมไ่ ด้รับการยอมรับมากนกั ผนวกรวมกบั กระแสการเพิ่มขนึ ้ ของ อปุ กรณ์ที่ใช้แนวคิด อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things) จาเป็ นต้องมีการจดั การ ดแู ลอย่างการ รักษาความปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ และความจาเป็ นที่จะต้องบันทึกฐานข้อมูลของการติดต่อต่างๆ เหลา่ นนั ้ ทาให้เทคโนโลยีอย่าง Blockchain ท่ีให้ความสาคญั กบั ความเป็ นส่วนบคุ คลจะกลายมาเป็ นตวั ช่วย สาคญั ของการใช้งานดงั กล่าว โดยลดขนั ้ ตอนระบบการทางานให้เรียบง่ายขึน้ มีการยืดหย่นุ ท่ีสงู ขนึ ้ รวมทงั ้ การ ตอบสนองความต้องการของลกู ค้าได้อย่างรวดเร็ว
จดุ เริ่มต้นของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เกิดขนึ ้ ครัง้ แรกในปี ค.ศ. 2008 Blockchain ก็เหมือนกบั เทคโนโลยีอื่นๆท่ีมีการพฒั นาอย่อู ยา่ งต่อเน่ือง กพฒั นาทกุ ครัง้ จะนามาซง่ึ คณุ ประโยชน์และประสิทธิภาพทีสงู ขนึ ้ โดย สาหรับ Blockchain ปัจจบุ นั สามารถแบง่ ออกได้เป็น 3 Generations ซง่ึ ได้แก่ • รุ่นท่ี 1: ใช้สาหรับการทาธุรกรรม (Bitcoin) ในปี 2008 Satoshi Nakamoto ท่ีเป็นนามแฝงของบคุ คลหรือองค์กรได้เปิดเผย White Paper ของ Bitcoin ท่ีใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการบนั ทึกธุรกรรม เกิดเป็นสกลุ เงินดจิ ทิ ลั แบบกระจายศนู ย์ตวั แรกของโลก โดย Blockchain รุ่นแรกนีถ้ กู ออกแบบมาเพ่ือใช้สาหรับการบนั ทึกธรุ กรรมโดยเฉพาะ และธรุ กรรมแรกของ Bitcoin คือ Satoshi Nakamoto • รุ่นท่ี 2: สามารถเขียน Smart Contract ได้ (Ethereum) Blockchain รุ่นที่ 2 ก็คือ Ethereum ที่ใช้ Smart Contract โดยคอนเซป็ ท์ของ Smart Contract คือ ข้อตกลงที่สามารถดาเนินการได้ด้วยตวั เองเม่ือเงื่อนไขครบตามที่ตกลงเอาไว้ได้อย่างอตั โนมตั ิ ทาให้สามารถตดั คนกลางทา หน้าท่ีตรวจสอบเอกสารออกไปได้ และยงั มีความปลอดภยั สงู เนื่องจากอยบู่ น Blockchain การมาของ Ethereum และ Smart Contract ทาให้เหลา่ ผ้พู ฒั นาสามารถสร้าง Application บน Blockchain ได้ จงึ เกิดเป็น Decentralized Application (dApp) ต่างๆท่ีมีตงั้ แต่ โซเชียลมีเดีย, กระดาน ซอื ้ ขาย, บริการก้ยู ืม, รวมไปถงึ เกม
รุ่นท่ี 3: แก้ไขปัญหา Scalability (Cardano, Nano, IOTA) จดุ อ่อนสาคญั ของทงั้ Bitcoin และ Ethereum คือปัญหาในด้าน Scalability หรือความสามารถในการรองรับจานวน ธรุ กรรมที่สงู ขนึ ้ ทาให้เกิดปัญหาอยา่ ง ความล่าช้าในการทาธรุ กรรม หรือปัญหาคอขวด (Bottlenecking) เพือท่ีจะแก้ไขปัญหานี ้ Blockchain รุ่นที่ 3 อย่าง Cardano, EOS, และ IOTA เป็ นต้น จึงมีการใช้เทคโนโลยีท่ี แตกต่างกนั ออกไป เช่น Sharding, Sidechain, Lightning Network รวมไปถึงการเปลี่ยนระบบจาก Proof Of Work ไปเป็น Proof Of Stake และเทคโนโลยีอ่ืนๆอีกมากมาย ซงึ่ ก็ได้ผลลพั ธ์ที่แตกต่างกนั ออกไป สาหรับ Blockchain รุ่นท่ี 4 แม้จะยงั ไม่ได้การยอมรับอย่างชดั เจน แต่เริ่มมีสญั ญาณแล้วว่าจะเป็ นการแก้ไขปัญหาด้าน การ Mass Adoption หรือไม่ก็เป็ นการประสานเทคโนโลยี AI เข้ากบั Blockchain โดยไม่ว่าจะพฒั นาไปทางไหนก็ เป็นเรื่องท่ีนา่ ต่ืนเต้นและนา่ ยินดีด้วยกนั ทงั้ สิน้
คือ ฐานข้อมลู จะถกู แชร์ให้กบั ทกุ NODE ทอี่ ยใู่ นเครือข่ายและการทางานของเทคโนโลยีบลอ็ กเชน (BLOCKCHAIN) จะไมม่ ีเครื่องใดเคร่ืองหนึ่งเป็นศนู ย์กลางหรือเคร่ืองแมข่ ่าย ซง่ึ การทางานแบบ กระจายศนู ย์นีจ้ ะไมถ่ กู ควบคมุ โดยคนเพียงคนเดยี ว แตท่ กุ NODEจาได้รับสาเนาฐานข้อมลู เก็บไว้ และ จะมกี ารอพั เดตฐานข้อมลู แบบอตั โนมตั ิเมือ่ ข้อมลู ใหมเ่ กิดขนึ ้ ทงั้ นีส้ าเนาฐานข้อมลู ของทกุ คนในเครือข่าย จะต้องถกู ต้องตรงกนั กบั ของสมาชิกคนอ่ืนในในเครือขา่ ย หลกั การทางานพืน้ ฐานทส่ี าคญั ของเทคโนโลยี บลอ็ กเชน (BLOCKCHAIN) อย่างน้อยจะต้องประกอบไปด้วย 4 ขนั้ ตอนหลกั ๆ คือ ขนั้ ตอนท่ี 1 CREATE คือการสร้าง BLOCK ทบ่ี รรรรจคุ าสงั่ ขอทาารายการธุรกรรม ขนั้ ตอนท่ี 2 BROADCAST คอื กระจาย BLOCK ใหมน่ ีใ้ ห้กบั ทกุ NODE ในระบบ และ บนั ทกึ รายการธรุ กรรมลง LEDGER ให้กบั ทกุ NODE เพ่ืออปั เดตว่ามี BLOCK ใหมเ่ กิดขนึ ้ มา ขนั้ ตอนท่ี 3 VALIDATION คอื NODE อ่ืนๆในระบบยืนยนั และตรวจสอบข้อมลู ของ BLOCK นนั้ วา่ ถกู ต้องตามเงื่อนไช VALIDATION โดยกระบวนการทา CONSENSUS ถือวา่ เป็นสว่ นหนงึ่ ของกระบวนการทา VALIDATION ขนั้ ตอนท่ี 4 ADD TO CHAIN คอื นา BLOCK ดงั กลา่ วมาเรียงตอ่ กนั จาก BLOCK ก่อน หน้านี ้
องค์ประกอบของเทคโนโลยี Blockchain ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบสาคญั คือ 1) Block การจดั เกบ็ ข้อมลู ของเทคโนโลยี Blockchain จะถกู จดั เก็บในรูปแบบของ Block โดยแตล่ ะ Block จะเชื่อมโยเข้าหา Block ก่อนหน้าด้วยค่า Hash Function ของ Block กอ่ นหน้านี ้ เสมอ และจะเรียงร้อยตอ่ กนั เป็น Chain ทาให้ยากต่อการปลอมแปลงแก้ไข และสามารถตรวจสอบ ความถกู ต้องของข้อมลู ได้ทกุ ๆ Block ตลอดทงั้ Chain ซง่ึ สามารถตรวจสอบย้อนกลบั ไปจนถงึ Block เริ่มต้น หรือ Genesis Block ได้ ดงั นนั้ Block คอื ชดุ บรรจขุ ้อมลู แบ่งออกเป็น 2 สว่ น คอื ส่วนของ Block Header เพื่อใช้บอกให้คนอื่นทราบวา่ ภายในบรรจขุ ้อมลู อะไรไว้ และสว่ นของ Block Data เพ่ือใช้ในการบรรจขุ ้อมลู ตา่ งๆยกตวั อยา่ งเช่น ข้อมลู จานวนเงิน ข้อมลู การโอนเงิน ข้อมลู ประวตั ิการรักษาพยาบาล หรือข้อมลู อื่นๆ
2) Chain Chain คือ หลกั การจดจาทกุ ๆธรุ กรรมของทกุ ๆคนในระบบและบนั ทกึ ข้อมลู พร้อมจดั ทาเป็นสาเนา บญั ชี Ledger แจกจา่ ยให้กบั ทกุ คนในระบบ สาเนาบญั ชี Ledger ที่วา่ นนั้ จะถกู กระจายสง่ ตอ่ ไปให้ ทกุ ๆ Node ในระบบเพ่ือให้ทกุ คนรับทราบวา่ มีธุรกรรมอะไรเกิดขนึ ้ มาบ้างตงั้ แตเ่ ปิ ดระบบ Blockchain นนั้ ขนึ ้ มา ถงึ แม้วา่ จะมี Node ใด Node หนงึ่ เสยี หายไปก็สามารถยืนยนั หรือกู้ ข้อมลู Ledger จาก Node อ่นื ๆกลบั มาอปั เดตให้ทงั้ ระบบได้เหมือนเดมิ 3) Consensus Consensus คือ กระบวนการตรวจสอบรายการธุรกรรมทอ่ี ย่ใู น เครือข่าย Blockchain เพ่ือ ยืนยนั ความถกู ต้อง และความน่าเชื่อถือให้กบั ระบบ Blockchain นนั้ ๆ ซง่ึ กระบวนการทา Consensus มีอย่หู ลายวธิ ี ด้วยกนั ยกตวั อย่าง เช่น 1.Proof-of-Work คอื กระบวนการทา Consensus โดยใช้การแก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ซงึ่ มี ความซบั ซ้อนและต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหานนั้ ๆ จาก Nodes ตา่ งๆ ทอ่ี ยใู่ นเครือข่ายหรือเรียกว่า “Miners” เพ่ือยืนยนั ความน่าเชื่อถือของข้อมลู ที่จะถกู บนั ทกึ เข้ามาในเครือข่าย โดย Miner จะ ได้รับคา่ ตอบแทนจากการทา Proof-of-Work และด้วยวิธีการดงั กล่าว ทาให้การแก้ไขข้อมลู ท่ถี กู บนั ทกึ ลงในระบบ Blockchain แล้วนนั้ ทาได้ ยากโดยทไี่ มแ่ ก้ไขข้อมลู ใน Block ถดั ๆ ไป ยกตวั อย่างเช่น Bitcoins ซ่ึ เป็น Public Blockchain ใช้วิธีการยืนยนั รายการแบบ Proof- of-Work
2.Proof-of-Stake คอื กระบวนการทา Consensus โดยใช้หลกั การวาง “สนิ ทรัพย์” ของ ผ้ตู รวจสอบ (Validator) ในการยืนยนั ธุรกรรม ผ้ตู รวจสอบ ทที่ าการวางสินทรัพย์จานวนมากจงึ มี โอกาสสงู ที่จะได้รับสิทธ์ิในการเขียนข้อมลู ธรุ กรรมบน Block ถดั ไป โดยผ้ทู ่ที าการเขียนข้อมลู บน Block ถดั ไปจะได้รับคา่ ธรรมเนียมการดาเนินงานเป็นรางวลั ตอบแทน ยกตวั อย่างเชน่ Ethereum ซงึ่ เป็น Public Blockchain ใช้วิธีการยืนยนั รายการแบบ Proof-of-Stake 3. Practical Byzantine Fault Tolerance (PBFT) คือ กระบวนการทา Consensus โดยใช้หลกั การเสียงข้างมาก ซงึ่ ต้องมจี านวนผ้ตู รวจสอบ (Validator) ทงั้ สนิ ้ จานวน 3f+1 node เพื่อรับประกนั ความถกู ต้อง ของระบบ โดย f คอื จานวนผ้ตู รวจสอบทีไ่ ม่ สามารถทางานได้ ในขณะนนั้ ยกตวั อยา่ งเชน่ HyperLedger ซงึ่ เป็น Private Blockchain ใช้วธิ ีการยืนยนั รายการแบบ PBFT 4. Proof-of-Authority คอื กระบวนการ Consensus โดยใช้การทาข้อตกลงร่วมกนั ในการ กาหนดสิทธิผ้ใู ช้งานหรือองค์กรทีเ่ ช่ือถือได้ สาหรับการทาธรุ กรรมด้วยวธิ ีการระบชุ ่ือผ้ใู ช้อยา่ งเป็น ทางการให้กบั ผ้มู ีส่วนได้สว่ นเสียแตล่ ะ Node บนเครือขา่ ย Blockchain ในการทาธุรกรรมจะ ได้รับการตรวจสอบสิทธิ์จากบญั ชีทไ่ี ด้รับอนมุ ตั ิหรือเรียกวา่ ผ้ตู รวจสอบ (Validator) ซงึ่ ทาหน้าทใ่ี น การรักษาความปลอดภยั โดยใช้รูปแบบการหมนุ เวยี นสิทธิเพ่ือกระจายความรับผิดชอบ และ เป็นการ สร้างความสมั พนั ธ์ระหวา่ งหน่วยงานอย่างเป็นธรรม
4.Validation Validation คอื การตรวจสอบความถกู ต้องแบบทบทวนทงั้ ระบบและทกุ Node ในระบบ Blockchain เพื่อให้แน่ใจวา่ จะไมม่ ีข้อผิดพลาดเกิดขนึ ้ ไม่วา่ จะมา จากสว่ นใดก็ตาม ซง่ึ กค็ ือสว่ นหนงึ่ ของ Consensus ทีเ่ รียกวา่ Proof-of-Work ซง่ึ ในหลกั การแล้วการทา Validation นนั้ มี จดุ ประสงค์อยู่ 3 ประการคอื 1. วิธีการในการยอมรับ/ปฏิเสธ รายการใน Block นนั้ ๆ 2.วิธีการตรวจสอบทีท่ กุ คนในระบบยอมรับร่วมกนั 3.วธิ ีตรวจสอบความถกู ต้องของแตล่ ะ Block ยกตวั อยา่ งเช่น • หมายเลข Block โดยตรวจสอบ Block ก่อนหน้าทีต่ ดิ กนั ก่อนว่าเป็น Block ที่ถกู ต้องหรือไมโ่ ดย เวลาท่ี Block ถกู สร้างขนึ ้ ต้องมากกวา่ เวลาของ Block กอ่ นหน้า • คา่ Nounce โดยการตรวจสอบค่า Nounce ซง่ึ ก็คือคา่ Hash ของ Block ทไ่ี ด้มาจากการทา Proof-of-Work นน่ั เอง • คา่ Previous Hash และคา่ Current Hash โดยการตรวจสอบสถานะ เร่ิมต้นใน Block ต้องมขี ้อมลู ตรงตามสถานะสดุ ท้ายของ Block กอ่ นหน้า
ประเภทของบล็อกเชน (Blockchain) ปัจจบุ นั มีการแบ่งเทคโนโลยี Blockchain ออกเป็น 3 ประเภท 1. Public Blockchain (Blockchain แบบเปิ ดสาธารณะ) ข้อดขี อง Public Blockchain ประเภทนีค้ อื ทางองค์กรไมจ่ าเป็นต้องลงทนุ ตอนเร่ิมต้นในราคา สงู เชน่ การนาเอา Ethereum มาใช้เป็นแพลตฟอร์มสาหรับการรับและสง่ ข้อมลู ทา่ นสามารถใช้เพื่อ เกบ็ ข้อมลู และเรียกขนึ ้ มาดไู ด้แบบออนไลน์ โดยทที่ ่านไมต่ ้องลงทนุ ซอื ้ เคร่ือง Server มาตดิ ตงั้ ระบบ เอง ท่านเพียงแคจ่ ่ายคา่ การรับสง่ และเก็บรักษาข้อมลู ตามการใช้งานจริงเท่านนั้ คล้ายๆ จา่ ยคา่ บริการ แบบคา่ มอื ถือชนิดเติมเงิน ใช้เทา่ ไรกจ็ ่ายเท่านนั้ สาหรับข้อดขี อง Public Blockchain ยงั มอี ีกมากมาย เช่น การสง่ ข้อมลู ไปให้หนว่ ยงานผ้รู ับ ปลายทางเราก็ไมต่ ้องมาสร้างชอ่ งทางสง่ ข้อมลู กนั หรือที่นิยมทา Web Service API เพื่อให้ App คยุ กนั องค์กรผ้สู ง่ ข้อมลู เพียงแคใ่ สข่ ้อมลู ลงไปใน Blockchain และจ่าหน้าซองถงึ องค์กรผ้รู ับเท่านนั้ ผ้รู ับก็ได้รับข้อมลู ไปโดยทนั ที
ข้อเสียของ Public Blockchain ก็มเี ชน่ กนั ข้อมลู ทเ่ี ราใสเ่ ข้าไปใน Public Blockchain นนั้ จะ กลายเป็นวา่ ข้อมลู เหลา่ นนั้ จะถกู เปิ ดเผยแก่ทกุ คนแบบสาธารณะ 2. Private Blockchain (Blockchain แบบปิ ด) Blockchain ประเภทนีเ้ป็ นการสร้างระบบ Blockchain เพื่อมาใช้กนั ภายในองค์กร หรือเป็ นระบบปิ ด บลอ็ ก เชนประเภทนีจ้ ะมีการจากดั การเข้าถงึ ข้อมลู ทาให้จะมเี พยี งคนบางกลมุ่ เทา่ นนั้ ซงึ่ เป็ นคนที่ได้ยนื ยนั ตวั ตนและ ตรวจสอบข้อมลู ในระบบบลอ็ กเชนแล้วเทา่ นนั้ จงึ จะสามารถใช้งานระบบได้ สาหรับองค์กรท่ีต้องการรักษาความ ปลอดภยั ข้อมลู ในระดบั สงู อาจจะเป็ นการเชื่อมโยงข้อมลู ระหวา่ งบริษัทในเครือด้วยกนั เอง หรือระหวา่ งสานกั งาน ใหญ่กบั สาขาเทา่ นนั้ ทีม่ ีสทิ ธ์ิเข้าถงึ ข้อมลู ในระบบ Blockchain ประเภทนีไ้ ด้ จงึ เป็ นอะไรท่ตี รงข้ามกบั Public Blockchain อยา่ งสิน้ เชิง Blockchain ประเภทนีถ้ กู ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการเปิ ดเผย ข้อมลู ทอ่ี งค์กรต้องประสบใน Public Blockchain ได้ แตก่ ็ต้องแลกมาด้วยการทอี่ งค์กรต้องลงทนุ ในการ สร้างระบบ Infrastructure เพอ่ื รองรับการใช้งานภายในองค์กรเอง ซงึ่ ก็มีความท้าทายในการดแู ลรักษา และจานวนเงินไมน่ ้อยท่อี งค์กรจะต้องลงทนุ ข้อดขี อง Private Blockchain คอื การท่ีเราสามารถกาหนดกฎเกณฑ์ตา่ งๆ ภายใน Blockchain Network ของเราให้ทางานได้ตามทเี่ ราต้องการนน่ั เอง เราไมจ่ าเป็ นต้องออกแบบระบบให้เป็ นไปตามกฎของ โลกเหมือน Public Blockchain เชน่ ถ้าออกแบบระบบโดยอ้างองิ อยบู่ น Public Blockchain – Bitcoin เวลามกี ารสง่ เงินนนั้ เราก็ต้องออกแบบระบบให้มีการรอ Confirm ธรุ กรรม 10-15 นาทตี ามกฎของ Bitcoin แตใ่ นทางกลบั กนั หากองค์กรใช้ระบบประเภท Private Blockchain เราจะสามารถออกแบบให้ การ Confirm ธุรกรรมแล้วเสร็จภายใน 1-2 วินาทีก็เป็ นไปได้ หรือสามารถสร้างเง่ือนไขของสญั ญาอจั ฉริยะ (Smart contract
เพื่อการกาหนดกฎการทาธรุ กรรมของกลมุ่ กนั เองและดาเนินการด้วยความเป็ นอสิ ระ ในรูปแบบธุรกรรม อตั โนมตั ิ ซง่ึ ถือเป็นการเปิ ดประตไู ปสกู่ ารเชื่อมโยงกบั ข้อมลู อืน่ ๆ อีกมากมาย ข้อเสียของ Private Blockchain ในเมื่อ Private จะไมม่ ีการกระจายอานาจในการตรวจส (Proof) ทาให้ผ้ยู ืนยนั ความถกู ต้องของ Transaction (miner) ถกู จากดั 3. Consortium Blockchain (Blockchain แบบ เฉพาะกลุ่ม) Blockchain ประเภทคือการรวมเอา 2 แนวคิดแรกเข้าด้วยกนั เป็นการผสมผสานระหวา่ งข้อดขี อง Public Blockchain และ Private Blockchain เข้าด้วยกนั ซง่ึ แนวคิด Consortium Blockchain นีก้ าลงั เป็นทน่ี ิยมอย่างสงู สาหรับการนามาประยกุ ต์ใช้กบั องค์กรด้านการเงินในปัจจบุ นั เนื่องจากองค์กรเหล่านีม้ ีการทาธุรกิจทเี่ หมือนกนั โดยปกติจะต้องเชื่อมโยงเพ่ือแลกเปลย่ี นข้อมลู ระหว่าง กนั อยแู่ ล้ว จงึ สร้างเป็นเครือขา่ ยความร่วมมือและพฒั นาระบบข้อมลู เพ่ือใช้งานร่วมกนั เช่น Consortium Blockchain สาหรับธนาคาร ใช้ในการแลกเปลย่ี นข้อมลู การโอนเงินระหวา่ งกนั ภายในสมาคมธนาคารด้วยกนั เอง และธนาคารท่จี ะเข้ามาร่วมในเครือขา่ ยได้จะต้องได้รับอนญุ าตจาก ตวั แทนของสมาคมเสยี ก่อนจงึ จะมสี ทิ ธิ์ใช้งานระบบร่วมกบั ธนาคารอื่นๆ ได้ ข้อดีของ Blockchain ประเภทนี ้ คือธนาคารไมต่ ้องกลวั วา่ ข้อมลู สาคญั ขององค์กรและลกู ค้าจะ ร่ัวไหลกลายเป็นข้อมลู Public และในเรื่องการลงทนุ ระบบ Infrastructure กล็ ดลงไมเ่ หมอื น การสร้าง Private Blockchain ขนึ ้ มาใช้เฉพาะภายในองค์กรของตนเอง ซง่ึ จะไมต่ า่ งอะไรกบั การ ลงทนุ ทาระบบใหญ่ๆ ท่ตี ้องใช้งบประมาณสงู และเสยี เวลามาก
แตก่ ็จาเป็นต้องแลกด้วยความไม่คลอ่ งตวั ในการปรับเปล่ียนแก้ไขเง่ือนไขการใช้งานตา่ งๆ เพราะอาจจะ ต้องรอให้ผา่ นมติความเห็นชอบจากสมาชิกสว่ นใหญ่ในสมาคมเสยี กอ่ น ข้อเสียของ Consortium Blockchain คอื ขาดความคลอ่ งตวั ในการปรับปรุงเปล่ียนแปลงเงื่อนไข การใช้งานต่างๆ เพราะทกุ การเปล่ียนแปลงจะต้องผ่านมติเหน็ ชอบจากองค์กรสมาชิกทใ่ี ช้งานร่วมกนั
รูปแบบของ Blockchain network นนั้ มีด้วยกนั 3 ประเภท 1. Non-permissioned public ledgers (หรือเรียกวา่ Permissionless Ledgers) เป็น Blockchain ที่ไมม่ ีใครเป็นเจ้าของ อนญุ าตให้ใครๆ สามารถอา่ นเดต้า สง่ Transaction เดต้าได้, เปิ ดให้ใครๆ ก็สามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการอนั ประกอบด้วยการระบวุ ่า block ไหนถกู เพิ่มเข้าไปใน chain ยกตวั อย่างเช่น กลมุ่ ของสกลุ เงินดิจิทลั (Crypto Currency) อยา่ ง Bitcoin และ Ethereum ทีม่ องภาพกว้างกวา่ Bitcoin โดยไมจ่ ากดั อยู่ แคส่ กลุ เงิน แตเ่ ป็ นระบบประมวลผลแบบไร้ศนู ย์กลาง 2. Permissioned public ledgers เป็น Distributed ledger ที่มีการถกู คดั เลอื กผ้ทู ่ีเข้ามาเก่ียวข้องไว้ก่อน เครือข่ายนนั้ อาจจะมีเจ้าของ ซง่ึ เหมาะกบั แอปฯ ที่ต้องการ ความรวดเร็ว และมีความโปร่งใส ตวั อยา่ งเชน่ Ripple ซงึ่ เป็นระบบแลกเปลย่ี นหน่วยเงิน และการโอนเงินข้ามประเทศ
3. Permissioned private ledgers เป็น Private Blockchain เตม็ ตวั ทงั้ การเข้าถงึ ข้อมลู และการ submit transaction ถกู จากดั ให้กบั กลมุ่ ท่ีถกู กาหนดไว้ก่อน ตวั อยา่ งเชน่ Bankchain ซง่ึ เป็นระบบ Clearing และ Settlement ทีท่ างานบน Blockchain
การจดั เก็บข้อมลู ในรูปแบบของ Block โดยเช่ือมต่อแตล่ ะ Block ด้วย Hash Function และกระจายให้ ทกุ ๆ Node เก็บ ทาให้เกิดคณุ สมบตั ทิ ส่ี าคญั ของ Blockchain 3 ประการ 1. ความถกู ต้องเท่ียงตรงของข้อมูล (Data Integrity) เนื่องจากการเชื่อมโยง Block ปัจจบุ นั และ Block ก่อนหน้าด้วย Hash Function และทาการกระจายให้ทกุ Node เก็บ ทาให้ข้อมลู ทถ่ี กู บนั ทกึ ลงใน Blockchain แล้วไมส่ ามารถแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมลู ได้ (Immutability) ดงั นนั ้ หากมีความ พยายามในการแก้ไขหรือเปลย่ี นแปลงข้อมลู ที่ถกู บนั ทกึ ลงใน Block แล้วจะทาให้ทราบได้ทนั ทีเนื่องจากข้อมลู ใน Node ดงั กลา่ วจะมขี ้อมลู ที่ต่างออกไปจาก Node อื่นๆ ในระบบ และไมส่ ามารถสร้าง Consensus กบั Node อื่นได้ ทาให้ถกู แยกออกจาก Chain หลกั ไปในที่สดุ 2. ความโปร่งใสในการเข้าถงึ ข้อมูล (Data Transparency) เน่ืองจากทกุ Node ในระบบ Blockchain จะเก็บข้อมลู เดยี วกนั ทงั้ หมด โดยไมม่ ี Node ใด Node หนง่ึ เป็นตวั กลางที่มี อานาจแตเ่ พียงผ้เู ดียวในการ เก็บข้อมลู ดงั นนั้ การเข้าถงึ ข้อมลู ใดๆ จงึ ทาได้จาก Node ตวั เองทนั ที โดยไมจ่ าเป็นต้องร้องขอข้อมลู จากตวั กลาง จงึ เรียกว่าเป็นระบบท่มี ีความ โปร่งใสในการเข้าถงึ ข้อมลู สงู มาก
3. ความสามารถในการทางานได้อย่างต่อเน่ืองของระบบ (Availability) เนื่องจากทกุ Node ใน ระบบ Blockchain จะเก็บข้อมลู เดยี วกนั ทงั้ หมด จงึ สามารถทางานทดแทนกนั ได้เมอื่ มี Node ท่ี ไมส่ ามารถให้บริการได้ในขณะนนั้ โดยระบบจะทาการคดั ลอกสาเนาข้อมลู ให้เป็นข้อมลู ชดุ เดียวกนั เมอ่ื Node กลบั ขนึ ้ มาให้บริการได้อกี ครัง้
บลอ็ กเชน(BLOCKCHAIN) เป็ นเทคโนโลยีทีม่ ีศกั ยภาพในเร่ืองของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทา ธรุ กรรมในชีวติ ประจาวนั โดยไมไ่ ด้จากดั เพียงแคธ่ รุ กรรมทางการเงินเท่านนั้ แตบ่ ลอ็ กเชน (BLOCKCHAIN) สามารถนามาประยกุ ต์ใช้ในอตุ สาหกรรมตา่ งๆ ได้อีกด้วย จากความร่วมมอื ของ ไอบีเอม็ (IBM) กบั ห้างค้าปลกี รายใหญ่สญั ชาติอเมริกนั อย่าง วอลมาร์ท (WALMART) และ มหาวิทยาลยั ชิงหวา (TSINGHUA) ซง่ึ เป็นสถาบนั การศกึ ษาชนั้ นาของจีน ได้ร่วมกนั พฒั นาระบบ ตรวจสอบย้อนกลบั (TRACEABILITY) ในสนิ ค้าประเภทอาหารที่วางจาหน่ายหน่ายในประเทศจีน โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (BLOCKCHAIN) ซงึ่ วอลมาร์ท (WALMART) เป็นผ้เู ชี่ยวชาญด้าน นความปลอดภยั อาหาร โลจิสติกและหว่ งโซอ่ ปุ ทาน Blockchain คอื เทคโนโลยีท่สี ามารถนาไปใช้ งานได้หลากหลายในอตุ สาหกรรมการเงินและการธนาคาร ไมว่ า่ จะเป็ นการใช้งานในการโอนและชาระ เงิน หรือการใช้งานในตลาดเงินและตลาดทนุ
กระบวนการห่วงโซอ่ ปุ ทานเป็นกระบวนการสาคญั ตงั้ แตก่ ารจดั หาวตั ถดุ ิบสาหรับนาไปผลิต จนกระทง่ั จดั สง่ สนิ ค้าไปยงั ผ้บู ริโภคโดยหนึ่งในปัญหาสาคญั ของกระบวนการหว่ งโซอ่ ปุ ทานทม่ี ีหลายทศวรรษ คือ ยงั ไมม่ เี ทคโนโลยท่ีดีพอทีจ่ ะคอยตดิ ตามสนิ ค้าและตรวจสอบท่ีมาที่ไปของสินค้าที่ได้รับความเสียหาย รวมถงึ ผ้ซู อื ้ และผ้ขู ายไม่มีกระบวนการอย่างชดั เจนและโปร่งใสในการตรวจสอบต้นทนุ และทม่ี าของราคา สินค้า ประยุกต์ใช้ “บล็อคเชน” กับการจัดการระบบขนส่ง บลอ็ คเชน ในอตุ สาหกรรมการขนสง่ มกี ารไหลเวียนของข้อมลู จานวนมหาศาลทีถ่ กู สร้างขนึ ้ จากทงั้ สองด้าน ของเครือขา่ ยทงั้ จากธุรกรรม “B2B และ B2C” ซง่ึ ในฐานะผ้บู ริโภคอยา่ งเราอนาคตของเทคโนโลยี บลอ็ คเชน สามารถบอกคณุ ได้ถงึ เส้นทางของอาหารหรือผลิตภณั ฑ์อืน่ ๆ ผ่านเซน็ เซอร์และ ไมโครโปรเซสเซอร์ทีว่ างไว้ในอปุ กรณ์อิเลค็ ทรอนิกส์แทก็ และอนื่ ๆ Blockchain หรือ เทคโนโลยีบลอ็ คเชนยงั คงเตบิ โตอย่างตอ่ เน่ือง ทกุ วนั นีธ้ รุ กิจตงั้ แตผ่ ้จู ดั จาหน่าย วตั ถดุ ิบรวมไปถงึ ศนู ย์กระจายสนิ ค้าได้ทาการทดลองเก่ียวกบั วิธีการนาบลอ็ คเชนมาประยกุ ต์เข้ากบั ธุรกิจของตวั เอง ทงั้ ผลติ ภณั ฑ์ของใช้และบริษัทการจดั หาวตั ถดุ บิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: