แผนผังเทคนิค/วธิ กี ารสอนแบบ 4 Step Make for Art
๑. แนวคิดการจัดการเรยี นรู้ (การจดั การเรยี นรูโ้ ดยใช้สมองเปน็ ฐาน BBL: Brain Base Learning) การจดั การเรยี นรู้โดยใชส้ มองเปน็ ฐาน Brain Base Learning (BBL) หมายถึง แนวการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้น ผู้เรียนเปน็ สาคัญตามหลักการของสมองกับการเรยี นรู้ การเรยี นร้ตู ้องใช้ทุกสว่ นทง้ั การคิด ความรู้สึก และการลงมือ ปฏิบัตไิ ปพร้อม ๆ กัน ซึง่ เปน็ การสรุปความรเู้ กีย่ วกบั การเรยี นรู้ ทั้งน้ตี ้องจดั ใหค้ รบองค์ประกอบทง้ั 3 สว่ น ไดแ้ ก่ ๑) การรับรู้ ๒) การ บรู ณาการ ความรู้ ๓. การประยุกต์ใช้ โดยการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เป็นการเชื่อมโยงความรู้สู่การปฏิบัติจริงในวิถีชีวิตเด็กจะได้ฝึก ปฏิบัติจริง มีประสบการณ์ตรง เรยี นรผู้ ่านการสังเกตและฝึกกิจกรรมอยา่ งหลากหลาย เพื่อพฒั นาจดุ เช่ือมต่อของใย ประสาท ภายใตส้ ภาพแวดล้อมทผี่ ่อนคลาย มอี ิสระทางความคิด ตามหลกั การจดั การเรียนรู้ที่ว่าสมองมีหน้าที่สร้าง กระบวนการเรยี นรู้ ซง่ึ สมองของคนเราแบง่ ออกเป็น 2 ซีก คอื ซกี ซ้ายกับซีกขวา สมองทง้ั สองด้านมีความสัมพันธ์ กัน สมองมีหน้าที่ ควบคุมการรับรู้ การคิด การเรียนรู้และการจา ควบคุมการทางานของอวัยวะต่าง ๆ ของ ร่างกาย และควบคุมความรูส้ ึกและพฤติกรรม ผา่ นการเรียนรูเ้ กิดจากการมีปฏสิ มั พนั ธ์กับผ้อู ่ืน ภาษาแรกของมนุษย์ เราถูกเรียนรู้จากประสบการณ์ที่มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างหลากหลาย ด้วยคาศัพท์และไวยกรณ์ ถูกเรียนรู้โดย กระบวนการเรยี นรู้ภายในของบุคคลท่เี กิดจากการมปี ฏิสัมพนั ธ์กับสังคมและสิ่งแวดล้อมภายนอก การเรยี นรู้คอื การ ส่งเสริมให้ผู้เรียนเผชิญกับสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นการเรียนรู้เซลล์สมองจะเกิดมีการเชื่อมต่ออย่างสูงสุด เมื่อถูกกระตุ้นให้เผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้ โดยผ่านกระบวนการเล่นอย่างสนุกสนาน และมีความสุข ปราศจากความเครียด เพราะความเครียดเป็นสิ่งทบ่ี ่ันทอนการเรียนรู้ของผู้เรียนได้สมองของบุคคล มีความเท่าเทียมกันมนุษย์ทุกคนมีระบบสมองที่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีศักยภาพแตกต่างกันในด้านความรู้ ความถนัดที่มอี ยู่เดิม ตามสภาพแวดล้อมของแต่ละคน แต่เราสามารถเรียนรู้ได้เต็มตามศกั ยภาพได้อย่างเท่าเทียม กนั
ดังนั้นการจัดกิจกรรมศิลปะนอกจากจะได้พัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเล็กและการประสานสัมพันธ์ ระหวา่ งมอื กับสายตาแลย้ งั สอดคล้องกับแบบแผนการเรียนรู้ของสมอง หรือทเ่ี รียกว่า Brain Base Learning (BBL) อีกด้วย เด็กจะได้ฝึกปฏิบัติจริง มีประสบการณ์ตรง เรียนรู้ผ่านการสังเกตและฝึกกิจกรรมอย่างหลากหลาย เพื่อ พฒั นาจุดเชือ่ มต่อของใยประสาท ภายใต้สภาพแวดลอ้ มทผี่ ่อนคลาย มีอิสระทางความคิด กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมท่ีสามารถพฒั นากลา้ มเนื้อเล็กได้เปน็ อย่างดี และยงั เช่ือมโยงพฒั นาการของอวัยวะหลายสว่ น ทาให้เกิด จุดเชื่อมต่อของใยประสาทที่สามารถพัฒนาไปสู่แบบแผนการเรียนรู้ของสมอง ในการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ครูควรส่งเสริมจดั กจิ กรรมให้เดก็ มีประสบการณ์ตรงและฝกึ ปฏิบัติอยา่ งหลากหลาย ๒. วิธีสอนการสอนแบบปฏบิ ตั ิการโดยใชค้ าถามกระตุ้น หลักการวิธีการสอนที่นามาประยุกต์ใช้ในเทคนิคการสอน ๔ STEP Make for Art คือ วิธีการสอนแบบ ปฏิบตั กิ าร และวธิ กี า่ รสอนโดยใช้คาถาม ดงั นี้ ๒.๑ วธิ ีการสอนแบบปฏิบตั ิการ (Laboratory) การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการปฏิบัติจริงเป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะกลุ่มปฏิบัติการที่เรียนรู้ด้วย ประสบการณ์ตรงจากการเผชิญสถานการณ์จริงและการแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดการเรียนรู้จากการกระทา ผู้เรียนได้ ปฏิบัติจริง ฝึกคิด ฝึกลงมือทา ฝึกทักษะกระบวนการต่าง ๆ ฝึกการแก้ปัญหาด้วยตนเอง นอกจากน้ีการสอนแบบ วิธีการปฏิบัติการเป็นการสอนที่ให้ผู้เรียนได้เรียนจากการปฏิบัติจริง เป็นการเรียนจากประสบการณ์ตรง ผู้เรียนได้ ทดลองทาปฏิบัติ เสาะหาข้อมูล จัดระเบียบข้อมูล พิจารณาหาข้อสรุป ค้นคว้าหาวิธีการ กระบวนการด้วยตนเอง หรอื รว่ มกันเป็นกลมุ่ ความสาคัญของวิธีการสอนแบบปฏบิ ัติการ ๑. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิดรวบยอดในเรื่องนั้น ๆ เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการหากระบวนการ และวธิ ีการตา่ ง ๆ ๒. การเรียนจากการปฏิบัติจริง ผู้เรียนจะเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ทาให้เกิดความสามารถในการถ่ายโยงการ เรยี นรู้ ๓. บรรยากาศในชั้นเรียนจะเป็นแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนจะต้องแสดงความคิดเห็นและรับผิดชอบต่องาน ของตน และของกลมุ่ ๔. การเรียนแบบปฏิบัติการทาให้ผู้เรียนอยู่ในบรรยากาศที่ไม่เคร่งเครียด ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ๕.เปิดโอกาสในการนาปัญหาต่าง ๆ มาให้ผู้เรียนคิดโดยอาศัยสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายเป็นเครื่องช่วยให้เกิดการ วิเคราะห์ สังเคราะห์ หาเหตุผล และสรา้ งสรรคก์ ารแก้ปัญหาน้ัน ๖.ช่วยเร้าให้ผูเ้ รียนเกิดความกระตือรอื ร้นในการแก้ปัญหาดว้ ยตนเองและกระบวนการกลุ่ม
จุดมงุ่ หมายของวิธกี ารสอนแบบปฏิบัติการ โจน เลียวนารด์ ไดก้ ลา่ วถึงบทบาทของการสอนแบบน้ีไว้ดงั นี้ ๑. เพื่อเรียนรู้ด้วยวิธีการ (Learning a Technique) ดังนั้นในการสอนผู้สอนอาจจะสาธิตวิธีการเฉพาะอย่างให้ ผเู้ รยี นสงั เกตแต่ตอ้ งใหผ้ ้เู รยี นมโี อกาสทดลองแสดงวิธีการนนั้ ด้วยตนเองดว้ ย เช่น การทาดอกตะแบก ๒. เพอื่ ฝกึ ทกั ษะ (Practicing a Skill) การปฏิบตั กิ ารชนดิ นี้ จะตอ้ งจัดเวลาและสถานท่สี าหรับให้ผ้เู รยี นฝึกทักษะให้ คล่องแคลว่ เพ่ือนาไปใช้ เชน่ การเพ่มิ อัตราเรว็ ในการอ่าน ๓. เพื่ออธิบายหลักการ (Illustrating & Principle) การปฏิบัติในแนวนี้เป็นการขยายความสิ่งที่ได้ยินดว้ ยการบอก ผูเ้ รยี นได้นาสิง่ ทเ่ี รยี นมาใช้กับปญั หาจรงิ เช่น การวางแผนและเตรยี มการลงมอื ทากจิ กรรมในแตล่ ะขนั้ ตอน ๔. เพ่อื รวมข้อมูลและแปลความ (Gathering Data and Gaining Experience in Its Interpretation) ให้ผู้เรียนมี โอกาสรวบรวมข้อมูล จัดหมวดหมู่แล้วสรุปผล หรือนาไปใช้ในการแก้ปัญหา เช่น การรวบรวมตัวเลขและคานวณ ภาษีเงินได้ ๕. เพ่อื ฝึกใช้เคร่ืองมือ (Learning to Use Equipment) ประสบการณใ์ นห้องปฏิบตั ิการหรือโรงฝึกงานจานวนมาก เปน็ การสอนใหผ้ เู้ รียนหัดใชเ้ ครอ่ื งมอื ท่จี ะเก่ียวข้องกับการทางานต่อไป ๖.เพือ่ ปฏิบัตกิ ารสรา้ งสรรค์ (Performing Creative Work) เป็นโอกาสใหผ้ เู้ รียนทดลองเทคนิคตา่ ง ๆ จากการเรียน และแสดงความคิดในวิชาดนตรีจิตรกรรม ประติมากรรม และกวีนิพนธ์ เช่น การปั้นดินเหนียว ส่วนใหญ่แล้ว ประสบการณ์แบบปฏิบัติการที่ใช้จะมีจุดมุ่งหมายมากกว่าหนึ่งอย่างขึ้นไป การสอนแบบนี้ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกหัด เทคนิควธิ ีการบางอยา่ งและพัฒนาทักษะของตนอย่างจรงิ จงั อกี วิธีหน่งึ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ประกอบด้วยข้นั ตอน คือ ๑. ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรยี น : เปน็ ข้นั ตอนแรกท่ีผสู้ อนจะต้องกระตุน้ ชักจงู และโน้มนา้ วให้ผูเ้ รยี นเกดิ ความกระตือรือร้น และสนใจอยากค้นหาความรู้ ผู้สอนอาจใช้วิธีการสนทนาซักถามและทบทวนประสบการณ์เดิมของผู้เรียนเพ่ื อ เชอ่ื มโยงกบั ประสบการณ์ใหม่ท่ีจะต้องเรียนรู้ ใช้สงิ่ เรา้ ช่วยดึงความสนใจของผเู้ รียน อาจใช้คาถามยัว่ ยตุ ่าง ๆ และที่ สาคัญจะต้องสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนตอบสนอง เช่น การกระตุ้นให้ผูเ้ รียนตอบคาถามหรือแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ เพื่อโยงเข้าหาประสบการณ์ใหม่ ผู้สอนแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และร่วมกันกาหนดขอบข่าย/ประเด็นความรู้ ใหม่ ๒. ขั้นศึกษาวิเคราะห์ : เป็นขั้นตอนการแสวงหาความรู้ แสดงความคิดเห็นร่วมกันวิเคราะห์และหาข้อสรุปใน ประเดน็ ท่ไี ดต้ ั้งไว้ในการทากิจกรรมตามขน้ั ตอน ๓. ขัน้ ปฏิบตั /ิ ฝึกหัด/ทดลอง : เปน็ ข้ันการอภปิ ราย แลกเปลี่ยนเรียนรู้และวเิ คราะหเ์ พื่อให้ได้กระบวนการการปฏิบัติ ที่ชัดเจน รอบคอบ รัดกุม ทาให้เกิดผลงาน ผู้เรียนได้ทดลองฝึกปฏิบัติตามขั้นตอน ฝึกคิด วิเคราะห์ จินตนาก าร สร้างสรรค์ โดยผู้สอนเป็นที่ปรึกษา ดูแล ช่วยเหลือ และประเมินการปฏิบัติเพื่อแก้ไขหากมีข้อบกพร่อง ผู้สอนและ
ผู้เรยี นรว่ มกันวางแผน เพือ่ ทาใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดการเรียนรูไ้ ดด้ ีตามจดุ ประสงค์การเรียนรทู้ ี่กาหนดไว้ ๔. ขอ้ สรปุ และเสนอผลการเรียนรู้ : เป็นขั้นท่ผี เู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ จะได้ประมวลข้อมูลความรู้จากประสบการณ์ทั้งหมด มาวเิ คราะห์ สังเคราะหเ์ ปน็ ความรู้ใหม่ วธิ กี ารใหม่ สรุปและนาเสนอสง่ิ ท่ีค้นพบต่อกลุ่มใหญ่ในรปู แบบท่ีหลากหลาย เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันและกัน เกิดการขยายเครือข่ายความรู้อย่างกว้างขวาง ทาให้การเรียนรู้มีความหมาย ยิ่งขน้ึ ๕. ขั้นปรับปรุงการเรียนรู้และนาไปใช้ : ขั้นที่ให้ผู้เรียนปรับปรุงผลงานของตนเองที่ได้แนวคิดจากการนาเสนอของ ตนเองในการปรบั ปรงุ ผลงานน้ันอาจนาความรทู้ ่ีได้รับจากกลุ่มอื่นมาพัฒนาใหด้ ีข้ึน หรือเกิดความคิดใหม่ สรา้ งสรรค์ งานที่ต่างจากเดิม หรืออาจได้รับแนวคิดจากข้อเสนอแนะของผู้สอนมาประยุกต์สร้างผลงานใหม่ ๆ ที่สามารถ นาไปใช้ในสภาพการณ์จรงิ ได้ ๖. ขั้นการประเมินผล วัดผลประเมินตามสภาพจริง : เน้นการวัดจากการปฏิบัติจากแฟ้มสะสมงานชิ้นงาน/ผลงาน ผเู้ รียนประเมินตนเอง สมาชิกของแตล่ ะกลุ่ม ผ้ปู กครองและผสู้ อนมบี ทบาทรว่ มวัดผลประเมินผลดว้ ย ประโยชน์ของวิธกี ารสอนแบบปฏบิ ัตกิ าร ๑. ผเู้ รยี นมคี วามสุขกับการเรียนไดเ้ รยี นรู้อย่างสนุกสนานโดยผ่านกิจกรรมทห่ี ลากหลาย และส่อื ท่ีเรา้ ความสนใจ ๒. ผเู้ รียนได้เรยี นรตู้ ามความสนใจ ตามความถนดั และศักยภาพดว้ ยการศึกษา คน้ ควา้ ฝกึ ปฏบิ ัติฝึกทักษะจนถึงการ เรียนร้ดู ้วยตนเองทาให้เกดิ ความเช่อื มน่ั เป็นแรงจงู ใจใหเ้ กดิ การใฝ่รู้ใฝเ่ รียน ๓. ผเู้ รยี นเกดิ กระบวนการคดิ จากการร่วมกจิ กรรมและการคน้ หาคาตอบจากประเด็นคาถาม ๔. ทุกขั้นตอนการจัดกิจกรรม จะสอดแทรกคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้ผู้เรียนได้ซึมซบั ส่ิงท่ีดงี ามไว้ในตนเองอยู่ ตลอดเวลา ๕. คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลในการเรียนรู้และการปฏิบัติงาน โดยให้แต่ละคนเรียนรู้เต็มตามศักยภาพ ๗. ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน คือ ผู้เรียนเรียนอย่างมีความสุข เกิดการพัฒนารอบด้าน มีอิสระที่จะเลือกวิธกี ารเรียนรูท้ ี่ เหมาะสมกับตนเอง และนาความรู้ทไ่ี ด้รบั ไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั ได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น การสอนแบบปฏิบัติการ คือ การสอนที่ให้ผู้เรียนกระทากิจกรรมการเรียนภายใต้การแนะนา ช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด โดยทาการทดลองปฏิบัติฝึกการใช้ทฤษฎีโดยผ่านการสังเกตการทดลอง ภายใต้สภาพท่ี ควบคมุ ๒.๒ วธิ ีการสอนโดยการใชค้ าถาม (Questioning Method) วิธีการสอนโดยการใช้คาถามในเด็กปฐมวัยเพื่อพัฒนากระบวนการคดิ การใช้คาถามจึงเป็นวิธีการสอนเพ่ือ ยั่วยุให้ผู้เรียน ใช้ความคิดทัง้ ในด้านเหตุผล ความคิดสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ปญั หา ตลอดจนเข้าร่วมกิจกรรม การ ใช้คาถามจึงควรใช้อยู่เสมอและคาถามที่ใช้ควรเป็นคาถามที่มีประสิทธิภาพ ใช้สนองความต้องการเพื่อให้นักเรียน เกิดทักษะกระบวนการในการสร้างสรรค์ หรือทางาน เกิดความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาวิชา และเกิดเจตคติที่ดีต่อการ
เรียนรู้ ความสาคญั ของการใชค้ าถามในการจดั การเรยี นรู้ ๑) ใช้เป็นสื่อสาหรับสารวจและทบทวนพื้นความรู้เดิมและประสบการณ์เดิมของนักเรียน คาตอบของ นักเรียนจะเป็นส่ือนาไปสกู่ ารเรียนการสอนบทเรยี นใหมแ่ ละประสบการณ์ใหม่ ๒) ใชก้ ระตุ้นความสนใจของนักเรียน ครูอาจใชค้ าถามเพื่อเรา้ ความสนใจของนักเรียนได้ทุกขั้นตอนในการ เรียนการสอน เช่น การใช้คาถามเพื่อเริ่มต้นบทเรียน ถามให้นักเรียนสังเกต ให้ยกตัวอย่าง ใช้เป็นสิ่งเชื่อมโยงหรือ เร่ิมต้นการสนทนาระหว่างครูกับนักเรยี น เพราะนกั เรียนจะตอบคาถามของครูไดห้ ากสนใจเรียนตลอดเวลา ๓) ใช้เสริมสร้างความสามารถทางความคิดใหแ้ ก่นักเรียน ช่วยให้นักเรียนฝึกคิดหาคาตอบ หาเหตุผล และ หาความรไู้ ด้ดว้ ยตนเอง ๔) คาถามทีด่ จี ะช่วยใหม้ กี ารอภิปรายตอ่ เนื่อง เปน็ การขยายความคดิ และแนวทางในการเรียนรู้และข้อสรุป หลักเกณฑ์ใหม่ ๆ ๕) การใช้คาถาม ช่วยให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน เช่น ทาให้นักเรียนมีโอกาสตอบคาถาม เสนอความคดิ เหน็ และต้ังคาถาม รวมท้ังได้ร่วมกิจกรรมอน่ื ๆ ดว้ ย ๖) ชว่ ยใหน้ ักเรียนพยายามคน้ ควา้ หาความร้ใู หมเ่ พมิ่ เตมิ เพ่ือทจ่ี ะนามาตอบคาถามของครู ๗) ใชช้ ว่ ยทบทวนหรือสรุปบทเรียนให้เป็นท่เี ข้าใจตรงกนั ๘) ใชช้ ว่ ยประเมินผลการเรียนของนกั เรยี นและการสอนของครู การคิดเป็นกิจกรรมด้านสติปัญญาซึ่งช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในการแก้ปัญหา ตัดสินใจ และเข้าใจ ความหมายของสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เด็กเรียนรู้ที่จะคิดจากสิ่งแวดล้อมรอบ คาถามจึงเป็นองค์ประกอบท่ี สาคัญในการส่งเสริมกระบวนการคิดและการพัฒนาความคิด ขั้นสูง หลักการในการใช้คาถามเพื่อส่งเสริม กระบวนการคิด มดี ังนี้ ๑) ในการถามคาถามเดก็ ครูควรใหเ้ วลาแกเ่ ด็กในการคดิ และแสดงออกซ่ึงความคิดของตน ๒) คาถามที่ครูใช้ควรเป็นคาถามปลายเปิดซึ่งส่งเสริมการคิดแก้ปัญหา การเปรียบเทียบและ ทางเลือก คาถามทีส่ ่งเสริมให้เด็กคิดแก้ปญั หาน้ันจะต้องมีคาตอบที่ถกู อยา่ งหลากหลาย ไม่ใชม่ เี พียงคาตอบเดียว ทั้งนีเ้ พ่ือใหเ้ ด็กมคี วามคดิ ทเี่ ปดิ กว้าง สามารถคิดไดห้ ลายทาง ๓) คาถามที่ครูถามควรเปน็ คาถามทช่ี ่วยใหเ้ ดก็ เชื่อมโยงประสบการณ์เดมิ ของตนกับการเรยี นรูใ้ นปัจจุบัน ๔) ครูควรกระตุ้นและส่งเสริมให้เด็กเป็นผู้ตั้งคาถามด้วยตนเอง ซึ่งครูอาจช่วยกระตุ้นเด็กให้ถามคาถาม โดยวิธีการต่าง ๆ เนื่องจากทุกครั้งที่เด็กหาคาตอบได้ด้วยตนเอง เด็กจะพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง รวมตลอดถึงทัศนคติในทางบวกต่อตนเอง ซึ่งจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ที่จะถามคาถามต่าง ๆ ด้วยตนเอง ต่อไป ๕) ครคู วรใชค้ าถามของเดก็ ในการกระตนุ้ ใหเ้ ด็กเรยี นรู้ และค้นหาคาตอบด้วยตนเอง
วิธีการสอนโดยใช้คาถาม จึงเป็นการสอนโดยใช้คาถามเป็นการสอนทีผ่ ู้สอนป้อนคาถามใหผ้ ู้เรียนตอบ อาจ ตอบเป็นรายบุคคลหรือตอบเป็นกลุ่มย่อย หรือตอบทั้งชั้น การตอบใช้วิธีพูดตอบผู้สอนจะพิจารณาคาตอบแล้วให้ ข้อมลู สะทอ้ นกลบั หรอื ถามคนอื่นหรือกลุ่มอื่นจนกวา่ จะได้คาตอบทถี่ กู ตอ้ งเหมาะสม การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนร้แู บบใช้คาถามมขี ัน้ ตอนสาคัญดงั ต่อไปนี้ ๑. ขั้นวางแผนการใช้คาถาม ผู้สอนควรจะมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะใช้คาถามเพื่อวัตถุประสงค์ใด รูปแบบหรอื ประการใดที่จะสอดคล้องกับเน้ือหาสาระและวัตถปุ ระสงค์ของบทเรียน ๒. ขั้นเตรียมคาถาม ผู้สอนควรจะเตรียมคาถามที่จะใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยการสร้างคาถาม อยา่ งมีหลักเกณฑ์ ๓. ขั้นการใช้คาถาม ผู้สอนสามารถจะใช้คาถามในทุกขั้นตอนของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และอาจจะ สร้างคาถามใหมท่ น่ี อกเหนือจากคาถามทเ่ี ตรียมไวก้ ็ได้ ทั้งน้ีตอ้ งเหมาะสมกบั เนอื้ หาสาระและสถานการณ์น้นั ๆ ๔. ขน้ั สรปุ และประเมินผล ๔.๑ การสรุปบทเรยี นผสู้ อนอาจจะใชค้ าถามเพอื่ การสรปุ บทเรยี น ๔.๒ การประเมินผล ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันประเมินผลการเรียนรู้ โดยใช้วิธีการประเมินผลตามสภาพจร ประโยชนก์ ารจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบการใช้คาถาม ๑. ผู้เรยี นกับผ้สู อนสอ่ื ความหมายกันไดด้ ี ๒. ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเข้ารว่ มกิจกรรมได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๓. สร้างแรงจงู ใจและกระตนุ้ ความสนใจของผเู้ รียน ๔. ช่วยเน้นและทบทวนประเด็นสาคญั ของสาระการเรยี นรทู้ ่ีเรียน ๕. ช่วยในการประเมินผลการเรียนการสอน ให้เข้าใจความสนใจท่ีแท้จริงของผู้เรียน และวินิจฉัยจุดแข็ง จดุ ออ่ นของผเู้ รยี นได้ ๖. ชว่ ยสรา้ งลกั ษณะนิสัยการชอบคิดใหก้ ับผู้เรียน ตลอดจนนิสัยใฝ่รู้ใฝเ่ รยี นตลอดชวี ติ ดังนั้นเทคนิคการสอน ๔ STEP Make for Art จึงได้บูรณาการวิธีการสอนแบบปฏิบัติการ และวิธีก่ารสอน โดยการใช้คาถามมาผสมผสานกัน เนื่องจากกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมที่เด็กจะต้องลงมือปฏิบัติเป็น กระบวนการมีลาดับขั้นตอน ซึ่งในแต่ละขั้นตอนเด็กจะเป็นผู้เรียนรู้และลงมือวางแผนกระบวนการทางานในแต่ละ ขั้นตอนของผลงานตนเอง ผ่านการใช้คาถามกระตุ้นการคิด วางแผน และการตัดสินใจ รวมถึงการดึงประสบการณ์ เดิมและประสบการณใ์ หม่มาเชอ่ื มโยงในการลงมือสร้างสรรคง์ านแต่ละชิน้
นางสาวอรทยั ดว้ งคง ตาแหนง่ ครผู ้ชู ่วย รบั เงินเดอื นอนั ดบั ครูผชู้ ว่ ย วชิ า การจัดประสบการณ์การเรียนร้แู บบบูรณาการ ระดับปฐมวยั กจิ กรรม ศิลปะสรา้ งสรรค์ สาระการเรียนรู้ท่ี ๔ ส่งิ ตา่ งๆรอบตวั หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒๓ เทคโนโลยีเพ่ือการสือ่ สาร ฝกึ ปฏบิ ัติการวิเคราะห์ความสามารถสุดท้ายท่ีผู้เรยี นตอ้ งไดร้ บั จากการเรยี นรู้ประจาหน่วย ตารางการวิเคราะหค์ วามสามารถสุดท้ายท่ีผู้เรยี นตอ้ งได้รบั จากการเรยี นรู้ ประจาสปั ดาห์ที่ ๒๓ หน่วย เทคโนโลยีเพือ่ การส่ือสาร กิจกรรม ศิลปะสรา้ งสรรค์ ระดบั ชนั้ อนบุ าลปที ี่ ๒ สาระสาคัญ ลาดับพฒั นาการ/ ช้นิ งาน/ ของหน่วยการเรยี นรู้ ความสามารถที่ผูเ้ รียนต้องได้รบั นวัตกรรม ลาดบั ความยากงา่ ย เดก็ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ 1. กระตอื รือร้นในการรว่ มกิจกรรม 1 รว่ มกบั เด็กที่แตกตา่ งไปจาก ต้ังแต่ต้นจนจบ ตนเองหรอื ทางานร่วมมอื กบั ๒.สนใจ มีความสุข และแสดงออกผ่าน งานศิลปะ เพอื่ นอย่างมเี ป้าหมาย โดย ๒ สรา้ งสรรคผ์ ลงานบอกเล่า เร่ืองราวของเทคโนโลยีเพอื่ การ ๓.แสดงความพอใจในผลงานและ ๓ สือ่ สาร ทเี่ ปน็ การตดิ ตอ่ ถ่ายทอด ความคดิ เรือ่ งราว หรอื เหตุการณ์ ความสามารถของตนเอง การประดิษฐ์ อุปกรณ์เทคโนโลยี ตา่ งๆไปยงั อีกฝา่ ยดว้ ยวิธีการ ๔. เลน่ และทากจิ กรรมรว่ มกับเด็กท่ี ๔ เพื่อใช้ในการ แตกต่างไปจากตนเองหรอื ทางาน ตา่ งๆ โดยสร้างสรรคผ์ ลงานตอ่ ยอดจากเทคโนโลยกี ารส่อื สารใน รว่ มมือกบั เพื่อนอย่างมเี ปา้ หมาย ชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ย่าง สือ่ สาร หลากหลาย เดก็ เกดิ ความสนใจ ๕. สร้างผลงานศลิ ปะเพื่อสื่อสาร ๕ ความคดิ ความรูส้ ึกของตนเองโดยมี มคี วามสขุ และเกดิ ความพอใจใน ผลงานและความสามารถของ การดัดแปลงแปลกใหม่จากเดิม และมี ตนเอง จนเด็กเกิดผลงานที่ ส่ือสารความคิด ความรสู้ กึ ของ รายละเอยี ดเพิ่มข้นึ ตนเองโดยมีการดดั แปลงแปลก ใหม่จากเดิม และมรี ายละเอียด ๖. การเล่าเรอื่ งราวต่อเนื่องได้ ๖ เพ่มิ ขนึ้
การวเิ คราะห์ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ ประเภท ลาดับความยากงา่ ย ๑ มฐ.๑๒ ตบช.๑๒.๑.๒ ๑. เด็กกระตือรือรน้ ในการรว่ มทากิจกรรม เจตคติ (A) ๒ ศิลปะสรา้ งสรรค์ต้งั แตต่ น้ จนจบ ๓ กระตือรือร้นในการรว่ ม ๔ กิจกรรมต้ังแต่ต้นจนจบ ๕ มฐ.๔ ตบช.๔.๑.๑ ๒. เด็กสนใจ มีความสุข และแสดงออก เจตคติ (A) ผ่านงานศลิ ปะ ๖ สนใจ มคี วามสขุ และ แสดงออกผ่านงานศลิ ปะ มฐ.๓ ตบช.๓.๒.๒ ๓. เด็กแสดงความพอใจในความสามารถ เจตคติ (A) แสดงความพอใจในผลงานและ ของตนเองในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ความสามารถของตนเอง มฐ.๘ ตบช.๘.๑.๑ ๔. เด็กเลน่ และทากจิ กรรมร่วมกบั เด็กท่ี ทักษะ (P) เลน่ และทากิจกรรมร่วมกับเด็ก แตกต่างไปจากตนเองหรอื ทางานร่วมมือ กบั เพื่อนอย่างมเี ปา้ หมาย ที่แตกต่างไปจากตนเอง มฐ.๘ ตบช.๘.๒.๑ เลน่ หรือทางานรว่ มมือกับเพ่ือน อย่างมีเป้าหมาย มฐ.๑๑ ตบช.๑๑.๑.๑ ๕.เด็กสรา้ งผลงานศลิ ปะเพอื่ ส่ือสาร ความรู้ (K) ความคิด ความรู้สึกของตนเองโดยมกี าร สร้างผลงานศิลปะเพ่ือสื่อสาร ดัดแปลงแปลกใหม่จากเดมิ และมี ความคดิ ความรสู้ ึกของตนเอง รายละเอียดเพมิ่ ข้ึน โดยมีการดัดแปลงแปลกใหม่ จากเดมิ และมรี ายละเอียด เพิม่ ขนึ้ มฐ.9 ตบช.๙.๑.๒ ๖.เด็กเลา่ เรื่องราวจากการสร้างสรรค์ ความรู้ (K) ผลงานไดอ้ ย่างตอ่ เน่ือง เล่าเรอื่ งเป็นประโยคอย่าง ตอ่ เน่ือง
การกาหนดภาระงาน/ช้นิ งาน/นวัตกรรม วนั ท่ี ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรู้ ภาระงาน/กจิ กรรม/นวัตกรรม ๑ มฐ.๑๐ ตบช.๑๐.๓.๑ (ความหมายของการสื่อสาร และความ ประดิษฐก์ าร์ด ส.ค.ส อวยพร ตัดสนิ ใจในเรอื่ งทีง่ ่ายๆ และ เปน็ มาเทคโนโลยเี พ่ือการส่ือสาร) เน่อื งในวนั ปีใหม่ ยอมรบั ผลทเี่ กิดขนึ้ ๑. เดก็ ตดั สินใจในเร่อื งง่ายๆ และยอมรบั ผล มฐ.๑๑ ตบช.๑๑.๑.๑ ทเ่ี กิดข้ึนเกย่ี วกับการวางแผนออกแบบการ์ด สรา้ งผลงานศลิ ปะเพ่อื ส่ือสาร ส.ค.ส อวยพรเนือ่ งในวนั ข้นึ ปีใหมต่ าม ความคดิ ความรู้สึกของตนเอง จินตนาการได้ โดยมกี ารดัดแปลงแปลกใหม่ ๒. เด็กสร้างผลงานศิลปะเพ่ือสอื่ สาร จากเดิม และมีรายละเอยี ด ความคิดความรสู้ ึกของตนเองโดยมกี าร เพม่ิ ข้นึ ดดั แปลงแปลกใหม่จากเดิมและมี มฐ.๓ ตบช.๓.๒.๒ รายละเอยี ดเพม่ิ ขึ้นจากการประดษิ ฐ์การ์ด แสดงความพอใจในผลงาน ส.ค.ส อวยพรเน่อื งในวนั ข้นึ ปีใหม่ ตาม จนิ ตนาการได้ และความสามารถของตนเอง ๓. เดก็ แสดงความพอใจในผลงานและ ความ สามารถของตนเองและผ้อู ่ืนจากการ ประดษิ ฐก์ าร์ดส.ค.ส อวยพรเน่ืองในวันปี ใหมต่ ามจนิ ตนาการ ๒ มฐ.๑๑ ตบช.๑๑.๑.๑ (ประเภทของการเทคโนโลยีเพื่อการ ปั้นดินน้ามันอุปกรณ์เทคโนโลยี สรา้ งผลงานศลิ ปะเพอ่ื ส่ือสาร สอ่ื สาร) เพ่ือการสอ่ื สาร ความคดิ ความรสู้ ึกของตนเอง ๑.เด็กสร้างผลงานการป้นั ดนิ นา้ มนั อปุ กรณ์ โดยมกี ารดัดแปลงแปลกใหม่ เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร ตามความคดิ โดย จากเดิม และมีรายละเอียด มีการดดั แปลงแปลกใหม่จากเดิม และมี เพิ่มขนึ้ รายละเอยี ดเพ่มิ ข้นึ มฐ.๓ ตบช.๓.๒.๒ ๒. เด็กแสดงความพอใจในผลงานปัน้ ดนิ นา้ มันอปุ กรณ์เทคโนโลยเี พ่อื การสื่อสารตาม แสดงความพอใจในผลงาน ความสามารถของตนเอง และความสามารถของตนเอง ๓. เด็กสนใจ มคี วามสุข และแสดงออกผา่ น มฐ.๔ ตบช.๔.๑.๑ งานศลิ ปะการปั้นดินน้ามันอุปกรณ์ เทคโนโลยีเพื่อการสอ่ื สาร สนใจ มีความสุข และ แสดงออกผ่านงานศิลปะ
วนั ท่ี ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้ ภาระงาน/กิจกรรม/นวตั กรรม ๓ มฐ.๑๑ ตบช.๑๑.๑.๑ (วิธใี นการใช้เทคโนโลยีเพอื่ การส่อื สาร) ประดิษฐ์โทรทศั น์เพื่อการ สรา้ งผลงานศิลปะเพ่ือส่ือสาร 1. เดก็ ประดิษฐ์โทรทศั น์เพ่ือการส่ือสารจาก ส่อื สารจากกล่องกระดาษA4 ความคิด ความรสู้ ึกของตนเอง วัสดุเหลือใช้ตามความคิด ความรสู้ ึกของ โดยมกี ารดดั แปลงแปลกใหม่ ตนเองโดยมีการดดั แปลงแปลกใหมจ่ ากเดิม จากเดิม และมีรายละเอยี ด และมรี ายละเอียดเพม่ิ ข้ึน เพมิ่ ข้นึ มฐ.๓ ตบช.๓.๒.๒ ๒. เด็กแสดงความพอใจในผลงานการ แสดงความพอใจในผลงาน ประดษิ ฐ์โทรทัศน์เพ่ือการส่ือสารจากกลอ่ ง และความสามารถของตนเอง กระดาษA๔ตามความสามารถของตนเอง มฐ.๑๒ ตบช.๑๒.๑.๒ ๓. เด็กกระตือรอื รน้ ในการร่วมทากจิ กรรม การประดิษฐ์โทรทศั น์เพือ่ การสื่อสารจาก กระตือรอื ร้นในการร่วม กลอ่ งกระดาษA๔ตง้ั แต่ต้นจนจบ กิจกรรมตง้ั แต่ต้นจนจบ ๔ มฐ.9 ตบช.๙.๑.๒ (มารยาทในการส่ือสาร) ใบงานท่ี ๒๓.๒ : วาดภาพ มารยาทในการสื่อสารผ่าน เล่าเรอื่ งเปน็ ประโยคอย่าง 1. เดก็ เลา่ เรอ่ื งจากผลงานมารยาทสอ่ื สาร อุปกรณส์ ่ือสารต่างๆ ต่อเนอ่ื ง ผ่านอปุ กรณ์สื่อสารต่างๆเปน็ ประโยคอยา่ ง ต่อเนอื่ ง มฐ.๔ ตบช.๔.๑.๑ ๒. เด็กสนใจ มีความสุข และแสดงออกผ่าน สนใจ มีความสุข และ การวาดสือ่ สารมารยาทสอ่ื สารผา่ นอุปกรณ์ แสดงออกผ่านงานศลิ ปะ ส่อื สารตา่ งๆ มฐ.๑๒ ตบช.๑๒.๑.๒ ๓. เด็กกระตือรอื รน้ ในการรว่ มทากจิ กรรม วาดภาพมารยาทสื่อสารผ่านอุปกรณ์ส่ือสาร กระตือรือรน้ ในการร่วม ต่างๆตั้งแต่ตน้ จนจบ กจิ กรรมต้งั แต่ตน้ จนจบ ๕ มฐ.๑๑ ตบช.๑๑.๑.๑ (ประโยชน์ของอุปกรณ์เทคโนโลยเี พอ่ื การ ประดษิ ฐ์อปุ กรณ์เทคโนโลยี สรา้ งผลงานศิลปะเพอื่ ส่ือสาร สอ่ื สาร) เพอื่ ใช่ในการสื่อสาร ความคิด ความรสู้ ึกของตนเอง 1.เด็กสร้างผลงานประดษิ ฐ์อุปกรณเ์ พอื่ โดยมีการดัดแปลงแปลกใหม่ สอ่ื สารความคิด ความรูส้ ึกของตนเองโดยมี จากเดมิ และมรี ายละเอียด การดัดแปลงแปลกใหมจ่ ากเดิม และมี เพ่ิมข้นึ รายละเอียดเพิม่ ขน้ึ มฐ.9 ตบช.๙.๑.๒ ๒. เดก็ เลา่ เร่อื งราวจากผลงานการประดิษฐ์ อปุ กรณ์เทคโนโลยเี พ่ือใช่ในการส่อื สารได้ เลา่ เรอื่ งเปน็ ประโยคอย่าง ตอ่ เนอื่ ง เป็นประโยคต่อเนื่อง ๓.เด็กประดษิ ฐ์อุปกรณส์ ือ่ สารร่วมกับเดก็ ท่ี แตกตา่ งไปจากตนเองหรือทางานร่วมมือกบั
วนั ท่ี ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรู้ ภาระงาน/กจิ กรรม/นวตั กรรม มฐ.๘ ตบช.๘.๑.๑ เพื่อนอยา่ งมเี ปา้ หมาย เล่นและทากจิ กรรมรว่ มกบั ๔. เด็กกระตือรือรน้ ในการรว่ มทากจิ กรรม เดก็ ท่ีแตกตา่ งไปจากตนเอง การประดิษฐ์อปุ กรณ์สอ่ื สารตั้งแตต่ น้ จนจบ มฐ.๘ ตบช.๘.๒.๑ เล่นหรอื ทางานรว่ มมือกบั เพ่อื นอย่างมเี ป้าหมาย มฐ.๑๒ ตบช.๑๒.๑.๒ กระตือรอื รน้ ในการร่วม กิจกรรมตั้งแตต่ น้ จนจบ
แผนการจัดประสบการณ์เรยี นรกู้ จิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ ระดบั ชนั้ อนุบาลศึกษาปีที่ ๒ วิธีการสอนแบบ ๔ STEP Make for Art สู่นวัตกรรมการเรยี นรู้ของผู้เรยี น สาระท่ี ๔ ส่ิงต่างๆรอบตัว หน่วยท่ี ๒๓ เทคโนโลยีเพือ่ การสื่อสาร จัดทาโดย นางสาวอรทยั ด้วงคง ตาแหน่ง ครูผ้ชู ่วย รับเงินเดอื นอันดับครูผ้ชู ่วย โรงเรียนวัดพระพเิ รนทร์ สานักงานเขตปอ้ มปราบศัตรูพ่าย กรงุ เทพมหานคร
ภาคผนวก
การจดั ประสบการณ์รปู แบบวธิ กี ารสอน “4 STEP MAKE FOR ART” สาหรบั การจัดกจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ในระดับอนบุ าลศกึ ษาปที ่ี ๒ วนั ที่ กจิ กรรมประดษิ ฐก์ ารด์ ส.ค.ส อวยพรเนือ่ งในวนั ปีใหม่ 1
การจดั ประสบการณ์รปู แบบวิธีการสอน “4 STEP MAKE FOR ART” สาหรับการจดั กจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ในระดับอนบุ าลศึกษาปีที่ ๒ 2วนั ที่ กจิ กรรมปนั้ ดนิ นา้ มนั อปุ กรณ์เทคโนโลยเี พอ่ื การสื่อสาร
การจัดประสบการณร์ ปู แบบวธิ ีการสอน “4 STEP MAKE FOR ART” สาหรับการจดั กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ในระดับอนุบาลศึกษาปีท่ี ๒ 3วนั ที่ กจิ กรรมประดษิ ฐ์โทรทัศนเ์ พื่อการสื่อสารจากกล่อง กระดาษ
การจดั ประสบการณ์รปู แบบวธิ ีการสอน “4 STEP MAKE FOR ART” สาหรับการจดั กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ในระดบั อนบุ าลศกึ ษาปีท่ี ๒ 4วนั ที กิจกรรมวาดภาพมารยาทในการส่ือสารผ่านอุปกรณส์ ่ือสารตา่ งๆ
การจดั ประสบการณ์รปู แบบวธิ ีการสอน “4 STEP MAKE FOR ART” สาหรบั การจัดกจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ในระดบั อนบุ าลศึกษาปที ่ี ๒ วันท่ี กจิ กรรมประดิษฐอ์ ปุ กรณเ์ ทคโนโลยเี พอ่ื ใชใ่ นการสือ่ สาร 5 ,mu
ประมวลภาพการจัดการเรยี นรู้โดยใชว้ ธิ กี ารสอน “4 STEP MAKE FOR ART” สาหรบั การจัดกิจกรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ในระดับอนบุ าลศึกษาปที ่ี ๒
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: