Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 5 พอลิเมอร์

บทที่ 5 พอลิเมอร์

Published by ณัฐภัทร มีบุญ, 2021-03-05 04:45:59

Description: บทที่ 5 พอลิเมอร์

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 พอลเิ มอร์ Here is where your presentation begins

พอลเิ มอร์ธรรมชาตแิ ละพอลิเมอร์สงั เคราะห์ ● สารโมเลกลุ ใหญ่ทป่ี ระกอบดว้ ยหน่วยย่อยจานวนมากเช่อื มตอ่ กันดว้ ยพนั ธะเคมีเรยี กว่าพอ ลเิ มอรเ์ ช่นแป้งเซลลูโลสโปรตนี เป็นตน้ หนวดส้ันๆทอี่ งค์ประกอบของพอลเิ มอรเ์ รยี กว่า มอนอเมอรพ์ อลิเมอร์จาแนกตามแหล่งทมี่ าได้ 2 ชนิดไดแ้ ก่ ● 1 พอลเิ มอร์ธรรมชาตเิ กดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติจากพชื และสตั วเ์ ชน่ น้ายางจากต้นยางพารา ● 2 พอลิเมอรส์ งั เคราะห์เกิดข้ึนจากการสังเคราะห์ในหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารเพ่ือใหไ้ ด้คณุ สมบัติ ตามท่ีตอ้ งการใชง้ านไดแ้ ก่พลาสติกยางสังเคราะหแ์ ละเสน้ ใยสงั เคราะห์ถกู นาไปใช้ประโยชน์ เชน่ วัตถุก่อสร้างสีทาบา้ นเฟอรน์ ิเจอร์ การเกดิ พอลิเมอร์ พอลเิ มอรเ์ กิดจากการรวมตวั กันทางเคมขี องมอนอเมอร์ อาจประกอบด้วยมอนอเมอรช์ นิด เดยี วกัน เชน่ แป้ง เซลลโู ลส เกิดจากมอนอเมอรช์ ่อื กลูโคส ยางพารา เกิดจากมอนอเมอร์ช่อื ไอ โซพรีน พอลเิ อทิน เกดิ จากมอนอเมอร์ช่อื เอทลิ นี พอลเิ มอร์บางชนิดประกอบดว้ ยมอนอเมอร์ตา่ ง ชนิดกนั มาเช่อื มต่อกัน เชน่ โปรตนี ในธรรมชาตโิ ปรตนี เกิดจากกรดอะมโิ นทแ่ี ตกตา่ งกนั ไดม้ าก ถึง 20 ชนิด กระบวนการทีม่ อนอเมอร์

โครงสรา้ งพอลเิ มอร์ 3 โครงสร้างแบบร่างแห เป็นโครงสรา้ ง ท่ปี ระกอบด้วยสายโซ่หลักหรอื โซ่ โครงสรา้ งของพอลิเมอร์ ก่ิงเช่อื มโยงการมลี ักษณะคล้ายตา แบง่ ได้เป็น 3 แบบคือ ข่ายมสี มบตั ิยืดหยนุ่ ออ่ นตวั ถา้ มี จานวนพนั ธะมากจะแข็งไม่ยดื หยุน่ 1 โครงสร้างแบบเส้น เกดิ จากมอนอเมอร์เช่อื มตอ่ เปราะหกั งา่ ยเม่อื ข้นึ รูปแลว้ ไม่ กบั เป็นโซย่ าวมีความหนาแน่นจุดหลอมเหลว สามารถหลอมหรอื เปลย่ี นรปู แปลง สงู มีลักษณะแข็งและข้นเหนียวกว่าโครงสร้าง รปู รา่ งไดเ้ ม่อื รบั ความรอ้ นสงู จะ อ่นื ๆ แตกหกั 2 โครงสรา้ งแบบก่งิ เป็นโครงสร้างทม่ี ีโซ่ก่ิงแยก จากสายโซ่มคี วามหนาแน่นและจุดหลอมเหลว ต่ากว่าโครงสรา้ งแบบเสน้ ยดื หยนุ่ ไดค้ วาม เหนียวต่าโครงสร้างเปลย่ี นรปู ไดง้ ่ายเม่อื มี อุณหภมู ิเพ่ิมข้ึนกล่าวคือเม่อื รอ้ นจะออ่ นตัวและ เม่อื เยน็ ลงจะแข็งตวั

ผลิตภณั ฑ์จากพอลเิ มอร์ ● พอลเิ มอร์มีทงั้ ชนิดทเี่ กดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติและพอลเิ มอรท์ ่ี สงั เคราะหข์ ้ึนจากปฏิกริ ิยาเคมีมนษุ ยน์ าพอลิเมอรม์ าใช้ทาผลิตภณั ฑเ์ พ่อื ใช้งานต่างๆเชน่ รองเท้ายางรถยนตก์ ระเปา๋ เส้อื ผา้ ผลติ ภณั ฑจ์ ากพอลิ เมอร์ได้แกพ่ ลาสติกยางและเสน้ ใย สามารถจาแนกพลาสติกเป็น 2 ประเภทคอื ● พลาสติก พลาสติกเป็นวัสดทุ ม่ี ีบทบาทในชวี ติ ประจาวนั เป็นอย่าง มากสามารถนามาใช้เป็นผลติ ภัณฑต์ า่ งๆไดห้ ลายรปู แบบเน่ืองจากมี สมบัติพิเศษอยา่ งหลายอยา่ งเชน่ อ่อนตัวไดเ้ ม่อื ถูกความรอ้ น ไม่ผุกร่อน งา่ ความเหนียวยืดหยนุ่ ได้แข็งแรงน้าหนักเบาทนทานตอ่ การสึกกรอ่ นทน สารเคมี เป็นฉนวนไฟฟา้ กันน้าไดส้ ามารถนาไปข้นึ รูปได้

ผลกระทบจากการใช้พอลเิ มอร์ส่งิ มีชวี ิตและส่งิ แวดล้อม ผลกระทบจากเขาเช่ือมอลเิ มอร์ตอ่ ส่งิ มชี วี ิตและส่งิ แวดลอ้ ม ปัจจุบนั พอลเิ มอรเ์ ขา้ มามบี ทบาทในการดารงชีวิตของเรามากข้ึน ถงึ แมว้ ่าพอ ลิเมอร์จะมีประโยชนม์ าก แต่การใชพ้ อลิเมอร์โดยเฉพาะพอลเิ มอรส์ ังเคราะห์ เชน่ พลาสติก ยางสังเคราะห์ หรือเส้นใยสงั เคราะห์ กส็ ามารถกอ่ ให้เกดิ ปัญหาตามมาได้ เชน่ ปัญหาขยะพลาสตกิ ขยะอเิ ลก็ ทรอนิกส์ทีเ่ ป็นอนั ตรายหากใช้อย่างฟมุ่ เฟือย และไม่ระมดั ระวัง ไม่รู้วธิ ีการเกบ็ รักษาหรอื กาจดั อย่างถกู ตอ้ ง กส็ ามารถกอ่ ใหเ้ กดิ มลพิษ แกส่ ่ิงแวดลอ้ มได้ ปัญหาท่ีเกิดจากการใชพ้ ลาสติกเปน็ ปัญหาที่ใหญ่มากเน่ืองจากพลาสติก สลายตัวได้ยาก โดยท่วั ไปพลาสตกิ เกอื บทกุ ชนิดไมล่ ะลายในน้า ไมล่ ะลายในกรด ในเบส หรอื ในตวั ละลายอนิ ทรียบ์ างชนิด เม่อื เผาจะเกดิ ควนั ซ่งึ เป็นแกส๊ พิษ พลาสตกิ บางชนิดไม่ตดิ ไฟ และถา้ ใช้ความรอ้ นสงู และเผานานๆ จะติดไฟ ขยะ พลาสติกเม่ือท้งิ ลงสสู่ ่ิงแวดลอ้ มจะสลายตวั ได้ยาก ถ้ามีปริมาณพลาสตกิ อยู่ในดนิ มาก จะทาใหด้ ินขาดความอดุ มสมบูรณ์ พืชเจรญิ เติบโตได้ไมด่ ี เพราะน้าและแร่ ธาตซุ ึมผา่ นไม่ได้ การท้ิงพลาสตกิ ลงสู่แหลง่ น้าอาจกอ่ ใหเ้ กิดการกดี ขวางการจราจร ทางน้า หากท้ิงลงสู่ท่อระบายน้า ทาใหข้ ดั ขวางการไหลของน้าทาใหท้ อ่ น้าอดุ ตนั

ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีของ ผลิตภณั ฑพ์ อเมอรส์ งั เคราะห์ ความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีของผลติ ภณั ฑพ์ อลเิ มอรส์ งั เคราะห์ เทคโนโลยขี องการผลิตพอลิเมอร์มีความก้าวหนา้ และพฒั นาอยา่ งรวดเร็ว นับตง้ั แตก่ ารเตรยี มการเตรยี มพอลเิ มอรก์ ารปรับปรุงสมบัตขิ องพอลิเมอรร์ วมทงั้ การแปรรปู ของพอลเิ มอร์เพ่อื ใหไ้ ดช้ ้ินงานที่มรี ูปรา่ งตามตอ้ งการพลาสตกิ เปน็ พอ ลิเมอรส์ ังเคราะห์ที่ใชก้ ันอยา่ งแพรห่ ลายสามารถข้ึนรูปเป็นช้ินงานได้หลาย รูปแบบนอกจากน้ียังมกี ารเติมสารบางชนิดลงไปทาใหพ้ ลาสตกิ มสี มบตั ดิ ีข้ึนเชน่ เตมิ สีให้สวยงามเตมิ ใยแก้วเพ่อื เพ่มิ ความแข็งแรงและทนตอ่ แรงกระแทก นอกจากนี้ยังมีการนาพอลิเมอร์มาใช้ในงานกอ่ สรา้ งต่างๆ เช่น ใช้พอลสิ ไต รนี -บวิ ทาไดอ่นื สไตรีน(Styrene-Bladiene-Styrene = SBR) ผสมกบั ยางมะ ตอยเป็นวสั ดเุ ช่อื มตอ่ ของคอนกรตี เพ่ือทาหนา้ ทรี่ องรบั การขยายตวั ของคอนกรตี เม่อื ได้รบั ความรอ้ น ช่วยไม่ให้ยางมะตอยเหลวมากในฤดูรอ้ นและไมแ่ หง้ แตกจน หลุดรอ่ นต่อในฤดหู นาว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook